WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

อันดามันรับทราบครับ

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5578673" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ถาวโร(ถา-วะ-โร)</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman
พรุ่งนี้ มะรืนนี้ อยากให้ชาววอร์รูมทางฝั่งอันดามันเตรียมตัวกันไว้หน่อย
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อันดามันรับทราบครับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
หวัดดี ยามเช้า ครับ
ฝากท่านจ่า ถาวโร(ถา-วะ-โร) ด้วยครับ ผม ขึ้นพักผ่อน ภาวนา เรือนบนเขา ..เรือน นาคา.../... อ.คุระบุรี จ.พังงา ๑๕- ๑๗ มค ๒๕๕๕

stand by ;
144.800 อันดามันตะกั่วป่า ,
144.100 VR คุระบุรี ,
145.625 รีพีทเตอร์ ระนอง , ข่าย แร่นอง เครื่องแดง จ.ระนอง

 

เรือสำราญอิตาลีล่มดับ3สูญหาย70

เกิดอุบัติเหตุเรือสำราญในอิตาลีชนหินโสโครกนอกชายฝั่ง ผู้โดยสารเผยเหตุการณ์คล้ายไททานิก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยอิตาลีเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และสูญหายอีกราว 69 คน จากเหตุเรือสำราญกอสตา กอนกอร์เดีย ของอิตาลี ชนหินโสโครก จนเกยตื้นนอกชายฝั่งอิตาลี ใกล้เกาะจีกลีโอ เมื่อคืนวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำงานทั้งคืนเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารกว่า 4,000 คน ออกจากเรือ โดยเรือนั้นบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด3,200 คน และลูกเรือ 1,000 คน
ผู้โดยสารคนหนึ่งเล่าว่า กำลังนั่งดูโชว์มายากลกับสามีก่อนได้ยินเสียงดัง และเรือเริ่มเอียง หลังจากนั้นไฟดับ และข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ ก็เริ่มตกลงสู่พื้น โดยบางคนนั้นกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคล้ายกับการล่มของเรือไททานิกเลยทีเดียว

การอพยพย้ายผู้โดยสารของลูกเรือนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก และไร้ซึ่งระเบียบแบบแผน โดยนับว่าโชคดีที่เรือเกยตื้นใกล้ชายฝั่ง ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งจึงสามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย เบื้องต้น เจ้าหน้ายังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว
ภาพ/เอเอฟพี



<IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/515owJy7ooQ" frameBorder=0 width=420 allowfullscreen></IFRAME>

เกาะทุกประเด็นร้อนกับ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม คลิก!

 

ฝนตกหนัก น้ำท่วมนครศรีธรรมราชอีกรอบ

​

15-01-2555 | 08:06
สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ส่งผลให้มีน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลมะม่วงสองต้น, ตำบลไชยมนตรี อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่บางส่วนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ ที่ราบลุ่มต่ำในตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด หลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน รวมทั้งถนนระหว่างหมู่บ้านหลายสายถูกน้ำท่วม ระดับน้ำสูงประมาณ 30 - 70 เซนติเมตร

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยที่อาศัยอยู่ที่ราบเชิงเขา บริเวณเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงระยะนี้

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512><TBODY><TR><TD vAlign=top width=512 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพข่าวทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ชาวโสมแดงร้องห่มร้องไห้อาลัยผู้นำคิม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - เกาหลีเหนือออกมาตอบโต้ด้วยความไม่พอใจ ในวันนี้ (14) หลังมีรายงานข่าวว่า ทางการเปียงยางสั่งจับกุมพลเรือน ที่ไม่ยอมไปร่วมไว้อาลัยอดีตผู้นำคิมจองอิล และลงโทษด้วยการใช้แรงงานหนัก

สื่อหลายสำนักในเกาหลีใต้อ้างว่า ชาวโสมแดงที่ไม่เข้าร่วมในพิธีไว้อาลัยผู้นำคิม ไม่ยอมร้องไห้ หรือไม่ได้แสดงความจริงใจ จะถูกลงโทษด้วยการทำงานในค่ายแรงงานเป็นเวลา 6 เดือน

สำนักข่าวทางการเปียงยางตอบโต้ว่า ข้อมูลผิดๆ เช่นนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง โดยประณามผู้ที่แพร่ข่าวลือดังกล่าวว่าเป็น "ขยะสังคมที่น่าสมเพช"

"กลุ่มคนทรยศที่ไม่ยอมลดละการรณรงค์ต่อต้านดีพีอาร์เค (เกาหลีเหนือ) ไม่อาจเข้าใจความสำคัญ และความจริงใจของน้ำตาที่หลั่งมาจากเจ้าหน้าที่ และประชาชนของดีพีอาร์เคได้" สำนักข่าวเคซีเอ็นเอระบุ

รายงานข่าวดังกล่าวเริ่มมาจากเดลิ เอ็นเค เว็บไซต์ข่าวที่ดำเนินการโดยฝ่ายต่อต้านโสมแดง ซึ่งเผยว่าได้รับข้อมูลนั้นมาจากแหล่งข่าวในจังหวัดฮัมกยอง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือกล่าวหารัฐบาลเกาหลีใต้ว่าขาดความเคารพต่อผู้นำคิม ซึ่งถึงแกอสัญกรรมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ในระหว่างช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย

ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็ตึงเครียดมาตั้งแต่ที่โซลกล่าวโทษเปียงยางว่าเป็นผู้ก่อเหตุนองเลือดระหว่างประเทศ 2 ครั้งในปี 2010

ในวันพฤหัสบดี (12) ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการรวมชาติเกาหลีอย่างสันติของทางการโสมแดงโจมตีว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีลีมยองบักทำให้เกิดสถานการณ์เผชิญหน้ากันมากขึ้น และใช้นโยบายใส่ร้ายป้ายสี

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รัสเซียยันดาวเทียมตกในมหาสมุทรอินเดีย

14 ม.ค. 2555, 08:02 น.
"สุรพงษ์"เผยรัสเซียยืนยันดาวเทียมตกมหาสมุทรอินเดีย ไทยอาจจะเห็นเป็นเพียงลำแสงพุ่งผ่านแต่ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า ดาวเทียมของรัสเซียหลุดวงโคจรและมีแนวโน้มจะตกลงสู่พื้นโลก โดยคาดว่าจะเป็นประเทศอินเดีย บังกลาเทศ พม่าและไทยนั้น

ล่าสุดรัสเซียแจ้งยืนยันมาว่า ดาวเทียมดังกล่าว จะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียทำให้ภาคพื้นดินไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และในวันพรุ่งนี้ ( 15 ม.ค.)ประเทศไทยอาจจะเห็นเป็นเพียงลำแสงพุ่งผ่านแต่ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น และไม่มีการยิ่งจรวดจากประเทศใดๆ ทั้งสิ้นขอให้ประชาชนอย่าตกใจกับลำแสงดังกล่าว.

 

เครื่องบินรบฝรั่งเศส-ซาอุฯชนกลางเวหา

15 ม.ค. 2555, 10:06 น.
ฝรั่งเศส-ซาอุฯร่วมซ้อมรบ เครื่องบินเฉี่ยวชนชนกลางเวหา โชคดีไม่มีตาย เร่งสอบสวนหาสาเหตุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินรบมิราจของฝรั่งเศส เฉี่ยวชนกับเครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ของซาอุดิอาระเบีย ระหว่างการซ้อมรบร่วมกันทางตอนเหนือของซาอุดิอาระเบีย เมื่อวานนี้ แต่โชคดีที่นักบินสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการเฉี่ยวชนยังอยู่ระหว่างการสอบสวน.

 

ใต้ช้ำน้ำป่าถล่มรอบ2หลายจังหวัดอ่วม

15 ม.ค. 2555, 10:41 น.
น้ำป่าถล่มใต้รอบ2หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน นครศรีฯอ.สิชลถนนขาด พัทลุงอ่วม ปัตตานีเตรียมอพยพ

ที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดสถานการณ์ฝนตกลงมาอย่างหนักลงมาอีกรอบ หลังจากที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่มาแล้ว น้ำป่าได้ไหลลงมาจากภูเขาด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ถนนที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างถนนพัฒนาการคูขวาง มายังถนนราชดำเนินบางเส้นทางมีน้ำท่วมผิวจราจร ถนนที่จะเดินทางจากนครศรีธรรมราช ไปยังอำเภอร่อนพิบูลย์ บริเวณบ้านมะม่วงงาม ถึงบ้านสามร้อยกล้า มีน้ำท่วมผิวจราจร ที่อ.ลานสกา ชาวต.ขุนทะเลต้องอพยพหนีน้ำป่าที่ไหลเข่าท่วมบ้านเรือน ที่อ.สิชล มีรายงานว่า ถนนได้ขาดลงส่งให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้

ที่จ.พัทลุงเมื่อกลางดึก น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่ อำเภอศรีบรรพต อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอป่าพะยอม ได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ถนนเส้นทางระหว่างหมู่บ้านและอำเภอ มีน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วม และเพิ่มระดับขึ้นตลอดเวลา ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือนต้องเร่งขนของหนีน้ำขึ้นที่สูง ถนน 4163 เส้นทางเข้าที่ว่าการอำเภอป่าพะยอมมีน้ำท่วมสูง 40-50 เซนติเมตร ระยะทางยาวกว่า 3 กม. ที่อำเภอศรีบรรพต ที่ไหลลงฝายท่าแนะได้ล้นฝาย และเจ้าหน้าที่ชลประทานต้องเร่งเปิดประตูระบายน้ำ หวั่นฝายจะพังลงมา ทำให้น้ำท้ายฝายได้ไหลทะทักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.ชะมวง ต.ควนขนุน สูงกว่า 1 เมตรชาวบ้านกว่า 700 ครัวเรือนต้องเร่งขนของย้ายสิ่งของหนีน้ำเช่นกัน

ที่จ.ปัตตานีฝนตกหนักส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีสูงขึ้น คลองเล็กที่แยกมาจากแม่น้ำได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ประมาณ 80 ครอบครัวในหมู่ที่ 2 บ้านจางา ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี เดือดร้อนกว่า 500 คน ขณะที่ถนนเล็กระดับน้ำสูง 20 - 50 เซนติเมตร ชาวบ้านเริ่มนำสิ่งของไว้บนที่สูง และกางเต็นท์เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ฅนใต้ดอมคอม.

 

ไหวของเมื่อวานจ้า 14-01-55

 

พัทลุงฝนตกหนัก น้ำจากเทือกเขาบรรทัดทะลักท่วมหลายพื้นที่



ฝนตกหนักในพื้นที่ จ.พัทลุง ติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำจากเทือกเขาบรรทัดทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ พระวัดป่าพะยอม ไม่สามารถเดินออกบิณฑบาตได้ ชาวบ้านต้องลุยน้ำนำปิ่นโตไปถวายเพล ขณะที่สตูล เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังน้ำระบายลงทะเลเร็ว...

วันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พัทลุง หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่ที่ฝนตกหนักอยู่ในพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ในพื้นที่ อ.ควนขนุน และพื้นที่ อ.ป่าพะยอม โดยพื้นที่ป่าพะยอมวัดปริมาณน้ำฝนได้ 210 มม. ส่วน อ.ควนขนุน วัดได้ที่ 215 มม. ซึ่งในเช้าวันนี้ น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดได้ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ 4 ตำบล 39 หมู่บ้าน ของอำเภอป่าพะยอม และในพื้นที่ 12 ตำบล 129 หมู่บ้าน ของอำเภอควนขนุน ระดับน้ำเฉลี่ยสูงสุดที่ 1 – 1.50 เมตร ในขณะที่ชาวบ้าน หมู่ที่ 2 ต.ป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม ต้องเดินลุยน้ำ นำปิ่นโตไปถวายพระที่วัดป่าพะยอม เนื่องจากพระในวัดไม่สามารถออกมาเดินได้ ขณะนี้ชาวบ้านทั้ง 2 อำเภอ ได้รับผลกระทบกว่า 10,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร สวนยางพารา นาข้าว สวนไม้ผล ถูกน้ำหลากท่วมกว่า 50,000 ไร่ นอกจากนี้ สถานที่ราชการหลายแห่งมีสภาพน้ำท่วมขังด้วย



อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านผู้ประสบภัยรายหนึ่งระบุว่า พื้นที่ของอำเภอป่าพะยอม โดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 7 ตำบลป่าพะยอม ถูกน้ำท่วมตั้งแต่ปลายปี 54-55 จำนวน 4 ครั้งแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อยากให้ทางจังหวัดเร่งหาแนวทางป้องกันอย่างเร่งด่วน ในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ทะเลน้อย ต.พะนางตุง อ.ควนขนุน ซึ่งเป็นพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบ้านพักนายบุญส่ง วิเชียรบุตร อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 232 ม.9 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน เกิดอาการทรุดตัวเนื่องจากถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันหลายวัน ซึ่งนายวิญญู ทองสกุล ผวจ.พัทลุง ได้เดินทางไปตรวจสภาพความเสียหายของบ้านหลังดังกล่าวด้วยตนเองแล้ว

ทั้งนี้ ผวจ.พัทลุง พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ อ.ป่าพะยอม และ อ.ควนขนุน ในตอนสายวันนี้ เพื่อตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัย เพื่อเตรียมถุงยังชีพในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ขณะที่กลุ่มแม่บ้านสตรีอาสา หมู่ที่ 2 ต.ป่าพะยอม จัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อเปิดโรงครัว ประกอบอาหารช่วยเหลือเพื่อนผู้ประสบภัยด้วย

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สตูล หลังจากที่เกิดฝนตกหนักและน้ำได้ท่วมบ้านเรือน ไร่ นา สวน ถนนหนทางทางเข้าหมู่บ้าน ของชาวบ้านบริเวณที่ลุ่มริม 2 ฝั่งคลองดูสน ในเขต ต.ควนโดน ต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน และ ต.ฉลุง ต.บ้านควน อ.เมืองสตูล เมื่อ 2 วันก่อน วันนี้หลังจากที่ฝนได้หยุดตกมาเป็นเวลา 2 วัน ทำให้น้ำในลำคลองดังกล่าว ระบายลงทะเลหมด สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าเสียหายไม่มาก เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลาสั้นๆ และพื้นที่ท่วมขังอยู่ในวงแคบ อีกทั้งระบายลงทะเลค่อนข้างเร็ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เร่งหาทางช่วยเหลือต่อไป.

 

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง บริเวณภาคใต้ "
ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 15 มกราคม 2555

     คลื่นกระแสลมตะวันออกยังคงเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้ตั้งแต่บริเวณจังหวัดชุมพรลงไปมีฝนเกือบทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน
จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มริมน้ำบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้
ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงประกอบกับมี
ลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามา ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะ
1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นกระแสลมตะวันตกที่เคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นโดยอุณหภูมิลดลง 2-3 องศา ​

 

ก.ต่างประเทศเตือน อย่าตกใจ ลำแสงวิ่งผ่านน่านฟ้า



นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการได้รับคำเตือนจากประเทศรัสเซีย กรณีที่ดาวเทียมของประเทศรัสเซียจะหลุดวงโคจรและคาดว่าจะตกที่ประเทศอินเดีย บังกลาเทศ พม่า และประเทศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ของประเทศรัสเซียได้แจ้งมาว่า ดาวเทียมดวงดังกล่าวจะตกที่มหาสมุทรอินเดีย โดยที่ประเทศไทยจะเห็นลำแสงวิ่งผ่านน่านฟ้าในวันนี้ (15 ม.ค.) แต่ยังไม่ได้รับการรายงานว่าจะเป็นเวลาใด จึงขอประชาชนอย่าตกใจ ไม่ใช่ยิงจรวดโจมตีประเทศไทยแต่อย่างใด  ซึ่งการตกของดาวเทียมดวงดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
Mthai News

 

สภาพอากาศล่าสุด

นครศรีธรรมราช สุราษฎ กระบี่ ตกแรงเลยอ่ะ

 

น่านเผชิญแล้งหนักจ่อประกาศภัยพิบัติ

15 ม.ค. 2555, 01:39 น. 
น่านจ่อประกาศภัยพิบัติ หลังแล้งแล้ว 5 อำเภอ พ่อเมืองน่านสั่ง 15 อำเภอ เตรียมรับมือ คาดสัปดาห์หน้าสถานการณ์แล้งหนักเพิ่มขึ้นอีก

นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ผลการติดตามปัญหาภัยแล้งมีรายงานจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน พบว่ามี 5 อำเภอ ที่ประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว ได้แก่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ทุ่งช้าง อ.สันติสุข อ.เวียงสา และ อ.นาน้อย ซึ่งพบว่าปริมาณแหล่งน้ำธรรมชาติเริ่มแห้งขอด บางช่วงของลำน้ำ ลำห้วยสาขา มีปริมาณน้ำน้อยจนสามารถเดินข้ามได้ ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านก็เริ่มตื้นเขินจนเห็นเป็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน จะได้รับผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรด้วย

ขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2555 ขึ้น ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน พร้อมสั่งการให้แต่ละอำเภอเร่งสำรวจเส้นทางน้ำที่ตื้นเขิน ต้องมีการขุดลอกเส้นทางน้ำและให้ดูแลเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร ส่วนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ได้เตรียมรวมศูนย์รถยนต์บรรทุกน้ำเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งในระดับอำเภอและท้องถิ่น ที่มียานพาหนะบรรทุกน้ำอยู่แล้ว ก็สามารถขอรับการสนับสนุนเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงกับทางจังหวัดได้

ล่าสุดมีรายงานพื้นที่แล้งแล้ว 5 อำเภอ คาดว่าสัปดาห์หน้า สถานการณ์ภัยแล้งอาจรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก และอาจมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อไป

 

น้ำป่าทะลักเมืองนครศรีฯถนนถูกตัดขาด

15 ม.ค. 2555, 03:23 น. 
น้ำป่าจากอ.ลานสกาเริ่มไหลเข้าท่วมเมืองนครศรีฯ ขณะที่ถนนาสายหลักเชื่อมจังหวัดน้ำท่วมสูสัญจรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ระดมเครื่องสูบน้ำรับมือ

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ระดับน้ำยังคงเพิ่มระดับขึ้นในหลายพื้นที่โดยเฉพาะที่บริเวณถนนสายนคร-ทุ่งสง ม.1 ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม น้ำได้เพิ่มระดับขึ้นและได้กัดเซาะถนนจนขาด สำหรับน้ำในบริเวณดังกล่าวได้ท่วมถนนจนถึงเกาะกลางทั้งฝั่งเข้าและออกระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม.เป็นระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ด้านนายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นครศรีธรรมราช ระบุว่าได้มีการเฝ้าระวังที่ ถนนบริเวณถนนนคร-ทุ่งสงม.1ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม ที่เป็นจุดน้ำท่วมระยะยาวโดยได้ประสานรถขุดจากแขวงการทางนครฯเพื่อที่จะได้ขุดเกาะกลางเพื่อทำการระบายน้ำ และปิดการเดินทางรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ทั้งนี้จากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้และจากสถานการณ์ดังกล่าวนี้คาดว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราชในช่วงเย็นวันนี้ โดยในเขตอำเภอเมืองจะเป็นจุดรับน้ำที่ทะลักจากจุดดังกล่าวซึ่งก็ต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะๆต่อไป

ขณะที่ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้เร่งตั้งเต๊นท์จำนวน 15 เพื่อใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวแก่ชาวบ้านในเขตชุมชนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชโดยได้มีการเร่งขนย้ายสิ่งของและชาวบ้านมายังที่พักชั่วคราวดังกล่าว หลังจากได้มีการแจ้งเตือนมายังเทศบาลนครนครศรีฯว่าในช่วงเย็นของวันนี้ มวลน้ำก้อนใหญ่ที่ทะลักท่วมอ.ลานสกา จะไหลทะลักเข้ามายังเทศบาลนครนครฯโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ4-5ชม. และล่าสุดนั้นระดับน้ำในเขตเทศบาลหลายชุมชนระดับน้ำก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเกือบทุกพื้นที่

ขณะที่การป้องกันทางชลประทานจังหวัดได้นำเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักน้ำติดตั้งตามคลองในเขตเทศบาลอาทิคลองท่าโพธิ์,หน้าเมือง,คูพาย,ป่าเหล้า เพื่อทำการผลักน้ำออกจากเขตตัวเมืองเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น

ส่วนที่อ.ลานสกา ซึ่งได้เกิดน้ำป่าไหลหลากตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมาและได้ทะลักเข้าท่วมใน3ตำบลคือ ต.เขาแก้ว,ต.ขุนทะเลและต.ท่าดี ทำให้ชาวบ้านกว่าหนึ่งพันครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ล่าสุดระดับน้ำได้ลดระดับลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีพื้นที่ม.6รอยต่อกับม.10ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา ที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูงไม่สามารถเข้าออกได้โดยต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้านแต่ก็ค่อนข้างลำบากเนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก

สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชยังคงมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติใน15อำเภอซึ่งทั้ง15อำเภอถือว่ายังเป็นพื้นที่ประสบภัยและครั้งนี้ก็ถือเป็นการประสบภัยต่อเนื่อง ในขณะเดียวที่นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประสานกองทัพภาคที่ 4เพื่อจัดเตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ในการออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 4จะนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจสถานการณ์ในสายของวันเดียวกันนี้

 

ระทึก! ยานสำรวจ “โฟบอส-กรันต์” เตรียมโหม่งโลกวันนี้ รัสเซียมึนไม่รู้จุดตกอยู่ไหน

วันที่ 2012-01-15 14:39:51 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - 119.74243927002
ภาพถ่ายยานโฟบอส-กรันต์ ด้วยระบบเรดาร์ เอเอฟพี/astvผู้จัดการออนไลน์ - องค์การอวกาศรัสเซียยอมรับในวันนี้ (15) ว่าไม่อาจคาดเดาถึงจุดตกของ “โฟบอส-กรันต์” ยานสำรวจดาวอังคารที่ไปไม่ถึงเป้าหมาย ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ยานสำรวจอวกาศไร้นักบินน้ำหนัก 13.5 ตันลำนี้ จะตกลงสู่พื้นโลก

“รอสคอสมอส” องค์การอวกาศของรัสเซีย รายงานบนเว็บไซต์ว่า ชิ้นส่วนของยานสำรวจโฟบอส-กรันต์ จะตกลงสู่พื้นโลกในวันอาทิตย์ เวลาระหว่าง 1436 - 2224 จีเอ็มที (ตรงกับ 21.36 น. - 5.24 น. วันจันทร์ (16) ตามเวลาประเทศไทย)

 

"พลังงาน" สั่งปั๊มอัดสำรอง "น้ำมัน-ก๊าซ" เต็มพิกัด รองรับ ปชช. แห่เติม

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="middle" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="middle" align="left">15 มกราคม 2555 17:01 น.</td> <td valign="middle" align="left">

Share59

</td><td>
</td></tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td height="12" valign="bottom" align="left"></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#CCCCCC"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#FFFFFF" valign="top" align="center"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="160" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="center">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="1" valign="middle" width="165" align="center"></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4"></td> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> "พลังงาน" เป่านกหวีด 24.00 น. คืนนี้ ปรับโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ "เอ็นจีวี" ปรับขึ้น 50 สตางค์ "แอลพีจี" ปรับขึ้น 45 สตางค์ "เบนซิน-แก๊สโซฮอล์" ปรับขึ้น 1.07 บาท และดีเซล ปรับขึ้น 64 สตางค์ สั่งปั๊มอัดสำรองเต็มพิกัด รองรับ ปชช. แห่เติม "อนุสรณ์" แนะจับตา "ดีเซล" มีโอกาสแตะ 38 บาท หากรัฐเดินหน้าเก็บภาษี ขณะที่ ปชช. ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข่าว

มีรายงานข่าวว่า หลังเวลา 24.00 คืนนี้ (วันที่ 15 มกราคม 2555) กระทรวงพลังงานจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ จะมีผลทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ปรับขึ้นราคาเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ประเทศไทยส่งเสริมการใช้ในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา

โดยราคาเอ็นจีวีจะปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือขึ้นราคาเป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีสำหรับยานยนต์ปรับขึ้น 41 สตางค์ต่อลิตร หรือ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม

และราคาเบนซิน-แก๊ซโซฮอล์ปรับขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร

ดีเซลราคาเพิ่มขึ้น 64 สตางค์ต่อลิตร

โดยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเป็นไปตามนโยบายการสะท้อนต้นทุนราคาพลังงาน และสร้างความเป็นธรรม ลดการอุดหนุนราคาของผู้ใช้น้ำมันที่เข้ามาอุดหนุนราคาก๊าซ

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวระหว่างการพาสื่อมวลชนตรวจสอบต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติและราคาแอลพีจี ที่โรงแยกก๊าซบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า การปรับโครงสร้างราคาดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการที่เครือข่ายผู้บริโภคมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเมื่อวันศุกร์ที่ ผ่านมาเพื่อขอให้คุ้มครองฉุกเฉินไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาพลังงานนั้น ทางศาลปกครองมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องไปชี้แจงข้อมูลในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ส่วนศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ทางหน่วยราชการพร้อมปฏิบัติตาม

นายสุเทพกล่าวว่า ในส่วนการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน รัฐบาลชุดนี้มีการยกเว้นการจัดเก็บตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 26 สิงหาคม 2554 โดยยกเว้นเก็บภาษีสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล ทำให้การจัดเก็บเท่ากับ 0 จากที่ช่วงนั้นจัดเก็บภาษีสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 ในอัตรา 7.50 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เก็บในอัตรา 6.70 บาทต่อลิตร และดีเซลเก็บในอัตรา 2.80 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศว่าจะทยอยเก็บเพื่อนำเงินมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน จึงจะเริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันพรุ่งนี้

ขณะที่ราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีที่ปรับเพิ่ม ก็เป็นที่ทราบดีว่า ต้นทุนราคาจำหน่ายถูกกว่าต้นทุนที่แท้จริง โดยแอลพีจีราคาควบคุมอยู่ที่ 333 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 10.43 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อรวมภาษีสรรพสามิต ภาษีอื่นๆ เงินกองทุนน้ำมัน ค่าการตลาด ราคาขายปลีกจึงอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาต้นทุนหน้าโรงแยกก๊าซอยู่ที่ 450 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 14.10 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อบวกภาษีต่างๆแล้ว ราคาขายปลีกควรอยู่ที่ 21.80 บาทต่อกิโลกรัม

ด้านต้นทุนหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 744 ดอลลาร์ต่อต้น หรือประมาณ 23.33 บาทต่อกิโลกรัม รัฐต้องชดเชยประมาณ 411 ดอลลาร์ต่อตัน หรือประมาณ 12.88 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนต้นทุนนำเข้าอยู่ที่ 934 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 29.28 บาทต่อกิโลกรัม กองทุนน้ำมันชดเชยประมาณ 601 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 19.22 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นแม้จะมีการปรับขึ้น ราคาก็ยังต่ำกว่าราคาต้นทุน เช่นเดียวกับก๊าซเอ็นจีวี ที่ทางสถาบันปิโตรเลียมคำนวณเบื้องต้นว่า ราคาต้นทุนอยู่ที่ 15-16 บาทต่อกิโลกรัม จึงมีความจำเป็นต้องขยับราคาขึ้นดังกล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก และในช่วงหน้าหนาวราคาน้ำมันดีเซลก็จะแพงอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลจะเข้ามาเก็บภาษีดีเซล ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ที่จะถึงนี้ จากที่ปัจจุบันยกเว้นการเก็บ โดยควรเลื่อนไปไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงขาลงของดีเซล

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะเก็บก็น่าจะทยอยจัดเก็บ เพราะหากเก็บ 5 บาทต่อลิตร ประชาชนจะเดือดร้อนอย่างหนัก แต่รัฐบาลคงต้องคำนึงถึงรายได้ที่จะหายไป 9,000 ล้านบาทต่อเดือน จากการสูญเสียภาษี ซึ่งคาดว่าดีเซลปีนี้ระดับราคาจะเห็นที่ 32 บาทต่อลิตร หากรัฐบาลยังไม่มีการกลับไปเก็บภาษี แต่หากเก็บภาษีเต็มที่แล้ว ราคามีโอกาสจะเห็น 38 บาทต่อลิตร

ด้านนายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันในการบริหารจัดการการจำหน่ายน้ำมันให้เพียงพอ เพราะคาดว่า จะมีประชาชนไปเติมน้ำมันจำนวนมากในวันนี้ ก่อนจะมีการปรับราคาก่อนเที่ยงคืนวันนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลน เพราะเป็นการทยอยปรับขึ้นราคา และถือว่าเป็นการปรับขึ้นน้อยมาก

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ประชาชนผู้มาเติมปั๊มน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ไม่ทราบข่าวการที่ราคาเอ็นจีวี แอลพีจี น้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ และส่วนใหญ่ระบุว่ามาเติมน้ำมันปกติ มีเพียงส่วนน้อยที่ระบุว่าพอทราบข่าวมาบ้างก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามยอมรับได้ในการปรับราคาขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้อุดหนุนราคาพลังงานมานานแล้ว พร้อมสนับสนุนหากรัฐบาลจะมีมาตรการสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์

และจากการสำรวจปั๊มก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีรถตู้ รถเก๋งมาใช้บริการเติมแก๊ส พบว่า ส่วนใหญ่มาเติมแก๊สเมื่อแก๊สใกล้หมด และทราบข่าวการปรับราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไม่ได้แตกตื่นกับการปรับราคาดังกล่าว ทั้งนี้ยอมรับกับการปรับขึ้นราคา เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น หรือทางเลี่ยงอื่นๆ ในการใช้เชื้อเพลิง</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

พลังงานต่างประเทศ ลดลง แต่ประเทศไทยปรับขึ้นก็แปลกนะ เมื่อไร บริษัทน้ำมันที่โอนจากรัฐวิสาหกิจ จะเลิกเอาเปรียบประชาชน ทั้งที่น้ำมันคุณภาพก็งั้นๆ(ต่ำเลยละ) และขอบอกรัฐบาลว่าถ้าอยากให้เศรษฐกิจในประเทศชลอตัวก็ให้รีบปรับขึ้นราคาน้ำมัน (ถ้าขึ้นราคาน้ำมันคนก็จะไม่ค่อยใช้รถจะอยู่กับบ้านเมื่ออยู่กับบ้านก็ไม่ได้ไปใช้เงิน ผลสุดท้ายเศรษฐกิจก็จะชลอตัวและห่วยลงเรื่อย ท้านสุดก็เจ้ง)