Subliminal Messages การซ่อนข้อความหรือความหมายในที่ต่างๆ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 21 พฤศจิกายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถึงทุกๆท่านๆครับ จากอาจารย์ปริญญา ตันสกุล
    Attn.:นักเรียนห้องเรียน FB:ป.วิสุทธิปัญญาทุกคน
    CONTENT:"คำทำนายกับข่าวสารมันต่างกันสิ้นเชิง"

    1.จากนี้ไป ตามสื่อสารมวลชนและสังคมออนไลน์ทั้งหลาย จะมีผู้คนทั้งคุ้นหน้าคุ้นตาและหน้าตาแปลกๆออกมากล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ ภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวกั...นมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติทั่วโลกรวมทั้งไทยด้วย มันก็จะเกิดขึ้นถี่ๆและใกล้ตัวพวกเธอมากขึ้นจริงๆด้วย

    2.แต่การเกิดขึ้นจริงของภัยพิบัติทั้งหลายนั้น มิใช่บรรดานักโหนกระแสภัยพิบัติพวกนี้มีความแม่นยำ ศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นผู้วิเศษที่สามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้หรอก

    3.นักเรียนจักต้องรู้ว่า แผนปฏิบัติการชำระโลกของช่างเท็คนิกหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้น พวกเขามิได้กำหนดแผนการอย่างชัดเจนเอาไว้ล่วงหน้าหรอกว่า ณ วันเวลาใดตรงพิกัดตำแหน่งใด พวกเขาจะปฏิบัติการอย่างไร จะสร้างความหายนะให้ได้แค่ไหน? แต่พวกเขาจะลงมือปฏิบัติการกันแบบกะทันหันเสมอ

    4.ด้วยเหตุนี้เอง พวกโหนกระแสคนแล้วคนเล่า ที่ออกมากล่าวคำทำนายหรือพยากรณ์ในเรื่องเหล่านี้โดยระบุวันที่เดือนปีเวลา และสถานที่ พร้อมรูปแบบภัยพิบัติที่จะเกิดกันล่วงหน้านั้น พอถึงเวลาก็ปรากฏว่าไอ้สิ่งที่พยากรณ์กันไว้นั้นมันมิได้เกิดขึ้นดังที่ กล่าวไว้แต่อย่างใด เจ้าตัวคนที่โผล่หน้าออกมากล่าวก็ผลุบหน้าหายตัวไปทุกที คนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังมิรู้หลาบจำ

    5.นักเรียนจะต้องจดจำเอาไว้ว่า ตามปกติแล้ว ต่อให้มนุษย์มีเท็คโนโลยีสูงล้ำขนาดไหนก็จะมิอาจบอกได้ว่า จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นที่ไหนบ้าง จะเกิดเมื่อไหร่ จะเกิดพายุหมุนรุนแรงพัดถล่มที่ไหน วันไหน จะเกิดคลื่นสึนามิที่ประเทศไหน เมื่อไหร่ หรือจะเกิ...ดภูเขาไฟระเบิดรุนแรงเอาชีวิตมนุษย์หมู่มากขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ เป็นต้น เธอจะต้องจำไว้ว่านักวิทยาศาสตร์โลกก็มิอาจบอกความจริงล่วงหน้าได้ นอกจากนั้น ต่อให้เป็นรูปธรรมทางพลังงานชั้นสูง หรือมนุษย์ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ยังมิอาจสามารถล่วงรู้เกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่จะเกิดภัยพิบัติล่วงหน้า ได้

    6.เหตุที่ไม่มีผู้ใดบอกกล่าวล่วงหน้าได้ ก็เพราะมัน คือ "ความลับ" ที่ไม่มีใครล่วงรู้ไงล่ะ ไม่รู้แม้กระทั่งบรรดาช่างเท็คนิกด้วยกันเองด้วยซ้ำไป

    สาเหตุที่ไม่รู้ :

    6.1)ไม่รู้เพราะเป็นปฏิบัติการแบบกะทันหัน ไม่มีแผนการล่วงหน้า

    6.2)ไม่รู้เพราะมันเป็นคว...ามลับ แพร่งพรายให้มนุษย์รู้ก่อนไม่ได้เลย ถ้ารู้แผนการนี้จะเป็นโมฆะไปทันที เช่น มนุษย์ในกลุ่มเป้าหมายของการเกิดมหันตภัย ก็จะพากันหลบหนีออกไปจากเป้าหมายบริเวณนั้นๆเสีย ซึ่งมันจะทำให้แผนการนั้นต้องล้มเหลว

    6.3)รูปธรรมชั้นสูงบางกลุ่มที่พอรับรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ก็ไม่อาจออกมาบอกกล่าวฟันธงให้มนุษย์ล่วงรู้ได้ เพราะมิใช่หน้าที่ของท่าน ซึ่งรูปธรรมชั้นสูงเหล่านี้เขาจะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดสัจจะโดยเด็ดขาด มิหนำซ้ำยังจะต้องเข้ามาเกี่ยวเวรเกี่ยวกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรและมนุษย์บาป หนา อันจะเป็นอุปสรรคบนเส้นทางนิพพานอีกต่างหากด้วย

    7.นักเรียนจึงรับรู้เอาไว้ตรงนี้ว่า อย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวร้ายจากใครๆอีก เพราะมันเป็นเรื่องของการเดา การทาย การพยากรณ์ หรือจากการวิเคราะห์เชิงวิชาการที่อาจผิดมากกว่าถูก เช่น หลังแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกาะฮอนชูแล้ว ยังมีแผ่นดินไหวรุนแรงตามมาอีกเ...รื่อยๆ จนวันนี้ก็ยังมีไหวอยู่เป็นระยะๆพวกเขาวิเคราะห์ว่าเป็น "อาฟเตอร์ช็อก" เป็นต้น แล้วในที่อื่นๆที่มันไหวอย่างต่อเนื่องทุกวันๆเช่น แผ่นดินซีกตะวันตกของอเมริกา มาจนกระทั่งที่มันไหวอยู่ในพม่าทุกวันๆล่ะจะเรียกว่าอาฟเตอร์ช็อกอีกมั้ย?

    8.ขอบอกนักเรียนว่า ต่อนี้ไปภัยพิบัติมันจะเกิดไปทั่วโลก และรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันจะเกิดจริง แต่ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า มันจะเกิดตรงไหน เหมือนพายุทอร์นาโดนั่นแหละ ในอเมริกาตั้งแต่ต้นปีมาไม่รู้กี่ร้อยลูกแล้ว และไม่รู้ว่ามันจะไปเกิดที่ไหนบ้า...ง วันสองวันนี้ไปโผล่ที่กลางเมืองไต้หวัน โชว์ศักยภาพจิ้บๆดูดเอารถตู้ขึ้นไปในอากาศหนึ่งคัน ก่อนจะปล่อยให้มันหล่นลงมากระแทกรถอีกคัน ทั้งๆที่พายุหมุนแบบนี้ไม่เคยมีที่ไต้หวันมาก่อนเลยล่ะพี่น้อง!!!

    9.สาเหตุของการเกิดมหันตภัยเหล่า นี้ พระบิดาคือองค์จิตจักรวาล ได้ทรงเมตตาพวกเธอกล่าวถึง เหตุแห่งการเกิด วิธีการเกิด เป้าหมายของการเกิด พิกดัตำแหน่งแห่งที่ๆเป็นสีแดงที่มันจะเกิด รวมทั้งระยะเวลาแห่งการเกิด เอาไว้ให้พวกเธอผู้เจริญทางวิญญาณและปัญญาได้ล่วงรู้ล่วงกันมานานแล้วใช่ มั้ยล่ะ? หน้าที่ของพวกเธอมีอย่างเดียว คือ "เตรียมตนเองและจิตวิญญาณให้พร้อม เพื่อการผจญภัย" เท่านั้นแหละ จงอย่ารีบ "ตายก่อนตาย" เลยนะ

    10.เพราะเรารู้เบื้องลึกเบื้องหลังเหล่านี้ไงล่ะ เราจึงไม่อาจฟันธงบอกพวกเธอได้ว่า วันไหนเวลาใดจะเกิดอะไรขึ้นที่ไหนบ้าง เพราะมันเป็นเรื่องของช่างเท็คนิกเขา และมันเป็นเรื่องราวของมนุษย์ด้วยกันเอง เรารู้เท่าที่บอกไปและเรารู้ว่ามันจะเกิดตรงไหนบนแผนที่โลกบ้างเท่านั้น (โปรดดูแผนที่ของจิตจักรวาล) ส่วนที่เราแอบกระซิบๆข่าวให้รู้ล่วงหน้าบ้างนั้น เป็นเพราะพระบิดาทรงเมตตาให้ช่างเท็คนิกบอกเรา เพื่อบอกพวกเธอต่อเพื่อขอทดสอบจิตสำนึกของพวกเธอบางคนก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี ข่าวสาร(เรื่องจริงที่จะเกิดขึ้น) กับคำทำนาย(เดาล่วงหน้า)มันจึงต่างกัน ขอให้นักเรียนของเราโปรดใช้ปัญญาพิจารณาก่อนเสพข่าวลือข่าวลวงเหล่านั้นด้วย


    นับจากปัจจุบันนี้ไป จะมีคนที่แสดงตนแบบนี้มากขึ้นๆเรื่อยๆ สาเหตุที่มีคนพวกนี้โผล่ออกมามากขึ้นมีหลายประการ เท่าที่เราพอจะบอกเธอได้มีดังนี้

    1.เพราะความสนุกคะนอง :
    คนพวกนี้ คือ พวกที่เห็นการสร้างเรื่องน่าตื่นกลัวหรือน่าตื่นตกใจให้กั...บคนอื่นๆนั้น เป็นเรื่องสนุกสนาน สะใจ พอดีเห็นกระแสภัยพิบัติโลกกำลังมาแรง ก็เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น กล่าวเล่น ทั้งๆที่ตัวเองมิได้มีหน้าที่กล่าวเรื่องนี้ และตัวเองก็ไม่รู้จริงในเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป

    2.เพราะอยากดัง :
    คนพวกนี้ คือ พวกที่อยากดัง เพราะมีอาชีพบางอย่างที่จะต้องซื้อขายศรัทธา และซื้อขายความงมงายจากคนหมู่มากให้ได้ เพื่อลาภผลเงินทองและผลประโยชน์ที่จะไหลมาเทมา จึงทำตัวเป็นนักพนันด้วยการหยิบเอาเรื่องภัยพิบัติโลกมาเป็น เครื่องมือ เพราะเห็นโอกาสน่าเสียง คือ เกิด 50% และ ไม่เกิด 50% จึงคิดว่าได้เสียกันไปเลย ถ้าเสียก็ยอมรับกรรม แต่ถ้าได้คือเดาถูกก็ดังเปรี้ยงแถมรวยเละ!!! คนพวกนี้จะมีมากกว่าพวกแรก

    3.เพราะอวดรู้ :
    คนพวกนี้ส่วนมากจะทำตัวเป็นผู้รู้ แต่รู้ด้วยสมองซีกซ้าย รู้ด้วยวิชาวิเคราะห์และวิชาสถิติ โดยใช้ความน่าจะเป็นมาเป็นเครื่องมือ แล้วออกข่าวเรื่องภัยพิบัติด้วยวิธีพยากรณ์ล่วงหน้า เวลาพูดจะอ้อมแอ้มไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เผื่อวิเคราะห์ผิดทายผิดจะได้ไม่น่าแตกมากนัก อาศัยความเป็นนักวิชาการที่คนมักจะเคยชินกับการให้อภัยเป็นเกราะคุ้มกันตัว เอง เพราะคนส่วนใหญ่จะมองบวก จึงคิดว่าคนพวกนี้หวังดีเลยออกมาพยากรณ์อะไรต่อมิอะไรให้รู้ล่วงหน้า แท้แล้วจิตยังมีอุตริอยู่มาก นอกจากนั้นคนส่วนใหญ่มักลืมง่ายเสียด้วย

    4.เพราะเป็นกลลวงของเจ้ากรรมนายเวร :
    ดังได้ทราบกันมาแล้วว่า ปฏิบัติการชำระโลกในขณะนี้ เป็นการกระทำของบรรดาช่างเท็คนิก มิใช่ภัยธรรมชาติแท้ๆอย่างที่หลายคนคิดเข้าใจ ซึ่งมีเพียงพระบิดาเท่านั้นที่ จะทรงทราบว่า พวกเขาจะทำอะไร ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร เป้าหมายคืออะไร-เท่าใด??? เป็นต้น ไม่มีหมอดู หรือนักพยากรณ์คนใดที่จะรู้จริงได้หรอก ไม่มีรูปธรรมศักดิ์สิทธิ์ใดจะล่วงรู้ความลับของพวกเขาได้เลย เพราะพระบิดาอนุญาตให้พวกเขาปกปิดความลับไว้ด้วยวิธีพิเศษ ดังนั้น ที่ออกมากล่าวปาวๆ ทำตัวอวดอุตริสู่รู้ว่าจะเกิดภัยตรงนั้นตรงนี้ เธอจะเห็นได้ว่า มันไม่เคยมีใครเดาถูกสักที เห็นมั้ยพอเรื่องจริงเกิดขึ้นที่เกาะฮอนชู มีจอมยุทธหน้าไหนรู้ล่วงหน้ามั่ง??? ไม่มีเลยใช่มั้ย???


    ไอ้ทีเกิดจริงไม่รู้ ดังนั้น ไอ้ที่สู่รู้น่ะมันไม่จริงหรอกเธอ เพราะพวกเขาไม่มีหน้าที่บอกกล่าว และพวกเขาก็ไม่รู้ความจริงแต่อย่างใด ที่ว่าเป็นกลลวงของเจ้ากรรมนายเวรก็เพราะ พวกเขาต้องการลวงให้คนซื่อ คนเซ่อ และคนด้อยปัญญา หลงเชื่อก่อนแล้วไม่ปฏิบ...ัติการจริงตามที่กล่าวนั้น เพื่อทำให้คนส่วนใหญ่ผิดหวังและเสื่อมศรัทธาเสีย พอต่อมาเมื่อถึงเวลาที่พระบิดาอนุญาตให้เราเปิดเผยความจริงที่มันจะเกิดขึ้น จริงและเป็นข่าวจริงให้คนทั่วไปรู้ ก็จะไม่มีใครเชื่อฟังเราอีกต่อไป เพราะเข้าใจว่ามันคงเป็นเรื่องลวงโลก เป็นเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ เหมือนที่ผ่านๆมานั่นแหละ คนก็จะประมาทไม่ระวังตัวเพราะไม่เชื่อข่าวสารจริงๆของพระบิดา คนก็จะเสียชีวิตเป็นหมู่มากและจะเสียหายหนักตามที่พวกเขาต้องการไงครับ หายข้องใจรึยังล่ะ???
    (ป.วิสุทธิปัญญา)
    <!-- google_ad_section_end -->

    มาอ่านคำถาม คำตอบที่นักเรียนมีต่ออาจารย์ ที่
    http://www.facebook.com/Visudhipunya

    IS THERE ANY OTHER hidden messages mai ka ? what could it be in a very near future ka arjarn! once i have got a lot of ants in my kuti 5 hours before a heavy rain as well ka.


    Visudhi Punya
    Attn.:pakakul
    Q.:IS THERE ANY OTHER hidden messages mai ka ?
    Answer:
    1.ไทยเราคงต้องเผชิญกับกรณีน้ำท่วม ภูเขาถล่ม พายุฤดูร้อน พายุลูกเห็บ และแผ่นดินไหวตามเพื่อนบ้านนะครับ
    2.ภาคใต้ทั้งสองฝั่งทะล จะมีคลื่นสูง (Storm Surge) มังครับ
    3.ต่างประเทศจะมีแผ่นดินไหวรุนแรงอีก อาจมีสึนามิด้วยครับ
    (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ขอความเมตตาอธิบายขยายความคำต่อไปนี้ด้วยครับ เนื่องจากกรณีดาวเทียมไทยคม 5 เกิดปัญหาขัดข้องและทำให้จอทีวีที่ถ่ายทอดสัญยาผ่านดาวเทียมดังกล่าวเป็นจอ ดำ โชคดีที่ยังสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง หากเสียหายไม่สามารถใช้การได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้และมวลมนุษย์ ..
    Attn.:Foscil
    Q.1:สิ่งที่จะมีผลต่อดาวเทียม ที่จะทำให้เสียหายหรือใช้การไม่ได้มีอะไรบ้าง?
    Answer:
    1.ความเสียหายถึงขนาดใช้การไม่ได้เลย จะเกิดจากดาวเทียมชำรุดเพราะหมดอายุการใช้งาน หรือมีการขัดข้องทางเท็คนิกจากระบบของมันเอง
    2.ความเสียหายถึงขนาดใช้การไม่ได้เลย จะเกิดจากการถูกทำลายโดยน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง เช่น ดาวเทียมจารกรรมจะถูกทำลายโดยศัตรูของเจ้าของดาวเทียมนั้น
    3.ความเสียหายถึงขนาดใช้การไม่ได้เลย จะเกิดจากดาวเทียมดวงนั้นถูกกระทำให้หลุดจากวงโคจรเดิมที่กำหนดไว้
    4.จะเกิดความเสียหายใช้การไม่ได้เลย ถ้ามันถูกทำให้สูญเสียพิกัดตำแหน่งไปจากเดิม แม้ว่าดาวเทียมนั้นจะยังคงอยู่ในวงโคจรตามเดิมก็ตาม
    5.มันจะใช้การไม่ได้เลย ถ้าโคจรฝ่าเข้าไปในพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์
    6.มันจะใช้การไม่ได้เลย ถ้าถูกโจมตีด้วยพายุแม่เหล็กด้านลบที่รุนแรง
    7.มันจะใช้การไม่ได้เลย ถ้าถูกโจมตีด้วยลำแสงเลเซอร์พิสัยไกล
    8.มันจะใช้การไม่ได้เลย ถ้าชนกันเองหรือชนกับขยะอวกาศ จำพวกหินอุกกาบาต

    Visudhi Punya
    Q2.:สิ่งที่มีผลกระทบต่อดาวเคราะห์โลก จาก 6 ประการนั้น?
    Answer:
    1.พายุแม่เหล็ก:
    >>จะก่อให้เกิด ความวิปริตแปรปรวนของภูมิอากาศ เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง และพายุหมุนทอร์นาโด
    2.พายุสุริยะ:
    >>จะเป็นอุปสรรคในการสื่อสารโทรคมนาคมในระบบคลื่นวิทยุทุกชนิด มันจะตัดขาดการสื่อสารทั้งหมด
    >>ถ้ารุนแรงจะมีส่วนในการกระตุ้นให้ภูเขาไฟระเบิด และเกิดแผ่นดินไหวบนโลก
    >>จะมีผลด้านลบต่อกระบวนการทางชีวภาพในระดับเซลของอวัยวะร่างกายมนุษย์
    >>จะมีผลต่อการผลิดอกออกผลของพืชพรรณไม้หลายชนิด
    >>จะมีผลด้านลบต่ออารมณ์ของมนุษย์
    3.ประจุไฟฟ้าบวก:
    >>มีผลด้านบวกต่อดาวเคราะห์โลกทั้งระบบ
    4.อื่นๆ:
    >>อีกสามชนิดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
    (ป.วิสุทธิปัญญา)
    <!-- google_ad_section_end -->

    เครดิต คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->supako<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4748020", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/19-มิถุนายน-2554-เจอกันนะครับจากจักรวาล.293450/
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หลักสูตรก๋วยเจ๋ง(1) ผลของพันธุกรรมและการถูกทรมาณ/ต่อพงษ์

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>6 มิถุนายน 2554 15:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    การหยิบ “มังกรหยก” มาอ่านในช่วงเวลาที่อายุขึ้นเลขสี่ข้างหน้านี้ มันสร้างแง่คิดอะไรใหม่ขึ้นหลายต่อหลายอย่างทีเดียว และสิ่งที่ดูเหมือนจะทำให้เราคิดได้มากที่สุดก็คือ กรณีการศึกษาของพระเอกในเรื่องนั่นคือ “ ก๋วยเจ๋ง”

    อย่างที่เคยเกริ่นนะครับว่า ก๋วยเจ๋งอาจจะเป็นการให้กำเนิดตัวละครที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งของยุทธจักรนิยาย เพราะ สิ่งที่เขามีอยู่ในตัวตั้งแต่เกิดนั้น ช่างห่างไกลจากจุดกำเหนิดของคำว่า “พระเอกวีรบุรุษ”เหลือเกิน

    ใครจะมาคิดว่า คนที่มีไอคิวที่น่าจะต่ำระดับเกือบจะใกล้ปัญญาอ่อน สุดท้ายกลับกลายเป็นสุดยอดฮีโร่ที่ใครๆต้องเรียกว่าแม่ทัพก๊วยในที่สุด

    เรื่องราวของก๊วยเจ๋งนั้นเอาเข้าจริงไม่ได้ปลอบประโลมคนที่มีสติปัญญาต่ำต้อยเท่านั้น แต่กิมย้งซึ่งเป็นผู้รจนาตัวละครตัวนี้ขึ้นยังแสดงให้เห็นการเลี้ยงเด็กและการให้การศึกษาของเด็กที่เกิดมาในสภาพแบบนี้ได้อย่างน่าสนใจมากที่สุด แล้วมันยังนำไปสู่แบบแผนที่ดีของการเลี้ยงลูกที่มีสภาพดังกล่าวอีกด้วย

    ใครที่กำลังกังวลว่าลูกตัวเองจะมีไอคิวต่ำ หรือเป็นออทิสติกอ่อนๆ ขออย่าเพิ่งหมดกำลังใจเสียก่อน...เพราะถ้าขนาดก๊วยเจ๋งยังเอาดีได้ ลูกเราก็ต้องเอาดีได้เช่นกัน

    ความจริงตามหลักการศึกษาของแพทย์ในยุคนี้ “ไอคิว” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Intelligence Quotient นั้นเกิดจาก
    1. การถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมส่วนหนึ่ง ซึ่งจะถือว่าเป็นต้นทุนของแต่ละคน
    2.แต่อีกส่วนหนึ่งคือนั้นไอคิวของมนุษย์จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เหมาะกับระดับความสามารถของสมอง

    คือถ้าพันธุกรรมของสมองดี แต่การถูกกระตุ้นน้อย สมองก็จะไม่พัฒนาเต็มตามความสามารถ เด็กก็จะมีไอคิวต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่การกระตุ้นส่วนหลังนี้ ไม่มีผลมากไปกว่าส่วนแรก

    สำหรับคนอ่านมังกรหยกนั้น หลายคนสงสัยกันว่า แท้ที่จริงแล้ว ระดับความโง่ของเด็กชายก๋วยเจ๋งนั้นมันควรจะมาจากไหน เอาเข้าจริงก๊วยเจ๋งนั้นต้องถือว่าไอคิวต่ำจริงๆนะครับ จากการบรรยายของนางลี้สีซึ่งเป็นแม่ของก๊วยเจ๋งเองที่บอกว่าก๊วยเจ๋งนั้นอายุ 4 ขวบอยู่แล้วถึงค่อยพูดได้ ทั้งๆที่ตามปกติแล้วเด็กซัก 2 ขวบก็น่าจะพูดได้ปร๋อแล้ว

    ถ้าดูจากเรื่องของพันธุกรรมก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะ นางลี้เพี้ย หรือ นางลี้สีนั้นเกิดเป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด แต่เดิมนั้นอยู่ทางเหนือ ก่อนจะได้รับภัยสงครามจนกระทั่งต้องหนีมาแดนใต้แถบเจียงหนัน เธอนั้นมันสมองไม่ดีนัก ตัวก็เล็ก แต่ในเรื่องของกำลังและความอดทนรวมถึงการรักครอบครัวนั้นนางลี้สีมีอยู่เต็มเปี่ยม ในเรื่องของหน้าตาของนางนั้นก็ไม่ได้อยู่ในระดับของนางงามประจำหมู่บ้านแต่อย่างไร กิมย้งไม่ได้บอกนะครับว่า ก๊วยเซาเทียนไปพบนางลี้สีตอนไหนและไปประทับใจอะไรในตัวเธอ แต่ที่แน่ๆทั้งคู่รักกัน...

    ข้างพ่อของก๊วยเจ๋งหรือที่ผู้อ่านรู้จักกันดีในนามก๊วยเซาเทียน ก็ไม่ได้เป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่นอะไร เขาสืบเชื้อสายมาจากก๊วยเต๋งซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กล้าเขาเหลียงซาน มีวิทยายุทธคือหอกสั้นคู่นั้นก็อยู่ในขั้นสูงกว่าธรรมดานิดหน่อย และไม่ได้เป็นคนปราดเปรื่องแต่อย่างไร แต่ความบ้าพลังและความรักชาตินั้นมีอยู่เต็มร้อย แถมยังชอบบิลด์อารมณ์ตอนเย็นๆ โดยการไปนั่งดื่มสุรากับ “น้องเอี้ยทิซิม” ที่ร้านเหล้าของเข็กซำในหมู่บ้าน “งู้แกจึง” บ่อยๆยัง...การดื่มบ่อยครั้งและทุกครั้งต้องลุกขึ้นมาขโมงโฉงเฉงในเรื่องรักชาตินั้นอาจจะมีผลในเรื่องอสุจิอ่อนแอก็เป็นได้

    จะเห็นได้ว่าต้นทุนทางสมองของของก๊วยเซาเทียนและนางลี้สีนั้นเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ให้อะไรแก่ลูกชายคือ ก๊วยเจ๋ง มากซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเรื่องของสมองของเด็กนั้นจะต้องเสริมกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ให้เน้นฉพาะโปรตีน และ ไอโอดีน หมอยุคนี้บอกไว้ว่า ใครอยากให้ลูกฉลาดก็ต้องแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ขาดไอโอดีน และเด็กที่เกิดมาในช่วงปีแรก ก็ต้องได้ไอโอดีนเพียงพอ ถ้าไม่พอก็จะเป็นโรคที่เรียกว่า “เอ๋อ” ไป ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่านางลี้สีนั้นขาดอะไรบ้าง โดยเฉพาะในปีแรกของก๋วยเจ๋งที่นางต้องไปอยู่ในทะเลทราย...ไม่แน่ใจว่าในอาหารที่ทานจะมีไอโอดีนมากน้อยแค่ไหน

    แต่เรื่องที่โชคร้ายของเด็กชายเจ๋งไม่ใช่แค่นั้น เพราะ ระหว่างที่นางลี้สีตั้งครรภ์ระยะแรก ก่อนที่นักพรตคูชู่กีจะมาเจอครอบครัวนี้ จนทำให้ชีวิตของนางลี้สีได้พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะ นางโดนทรมานไล่ขึ้นเหนือไปเรื่อยจากเมืองหลินอันซึ่งเป็นเมืองต้นกำเหนิดของเรื่องเข้าไปในเขตทะเลทราย โดยฝีมือของ “ต้วนเทียนเต็ก” ขุนนางโฉดซึ่งเป็นคนคุมตัวทั้งเตะทั้งกระทืบเอา เนื่องจากนางลี้สีนั้นออกอาการพยศอยู่บ่อยครั้ง ชนิดที่ต้องบอกว่า เดชะบุญแค่ไหนแล้วที่เด็กชายก๋วยเจ๋งไม่ละลายตามเลือดออกมา กิมย้งบรรยายไว้อย่างนี้ครับ

    “ นางลี้สีที่มือหยาบเท้าใหญ่ เค้าหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังมีครรภ์แก่จนท้องโตใหญ่ตลอดทั้งวันมีแต่ก่นด่าร่ำไห้ ต้วนเทียนเต็กแม้ชั่วช้าสามานย์ แต่ยังคงไม่มีอารมณ์ล่วงเกินต่อนางได้ ทั้งสองที่ประจัญหน้าต่อกันตลอดวันมีแต่ก่นด่าทุบตี ไม่เคยสงบแม้ซักครู่ยาม “

    “ อีกหลายวันให้หลังเมื่อบรรดาเจ็ดตัวประหลาดกังน้ำตามมา ต้วนเทียนเต็กหวังซ่อนตัวอยู่ในห้องพักให้เภทภัยผ่านไปก่อน มิคาดนางลี้สีฉุกคิดได้ว่ามีคนมาช่วยเหลือแล้ว นางตะเบ็งเสียงกึกก้องทันที ต้วนเทียนเต็กรีบคว้าผ้านวมยัดปากไว้ ตามด้วยทุบตีอย่างดุดันพักหนึ่ง นางลี้สี้เสี่ยงชีวิตแผดร้อง แต่ก็ไม่ได้ผล...ต้วนเทียนเต็กเห็นนางลี้สีเป็นภัยข้างตัว จึงคิดปลิดชีวิตนางเสีย นางลี้สีเองเมื่อเห็นแววตาของมันอำมหิตเช่นนั้นจึงอถิษฐานขอวิญญานของสามีผู้ล่วงลับให้สามารถสังหารโหดต่อฆาตรกรร้ายให้ได้...( หน้า 120 )”

    ปรากฏว่าการล้างแค้นไม่สำเร็จครับ เพราะ นางลี้สีนั้นแม้นจะซ่อนกระบี่คมไว้เตรียมจ้วงแทงให้มิดด้าม แต่กำลังไม่พอ นางทำให้แค่ต้วนเทียนเต็กมีบาดแผลยาวเท่านั้น และเหตุหนึ่งที่ทำให้นางเรี่ยวแรงที่มือหมด ร่างกายอ่อนระทวย เพราะ ทารกในครรภ์นั้นเตะดิ้นอยู่ในท้องไม่หยุด จนไม่อาจจะตามไปเสี่ยงชีวิตต้องนั่งหอบหายใจกับพื้น ได้แต่กำกระบี่สั้นไว้ในมือแทน...พูดง่ายๆว่า ช่วงระยะเวลาที่เพาะตัวอ่อนอยู่ในครรภ์นั้น จิตใจของผู้เป็นแม่นั้นมีแต่อารมณ์แค้นอยู่สถานเดียว

    ที่โหดร้ายสำหรับทารกน้อยอย่างก๊วยเจ๋งอีกอย่างก็คือ ช่วงครรภ์ที่กำลังแก่ที่สุดนั้น นางต้องตกเป็น ”ไพร่แบกของ” ให้แก่กองฑูตของชาติกิมที่จะยกไปอวยยศให้แก่บรรดาเผ่าทั้งหลายในทะเลทราย ไอ้แบกก็ต้องว่าลำบากแล้ว ยังต้องวิ่งหนีพวกปล้นชิงม้าจากกองคาราวานที่ว่าอีกด้วย วิ่งไปวิ่งมา เด็กน้อยก๋วยเจ๋งก็โผล่พรวดออกมาจากหว่างขาแม่เสียอย่างงั้น

    “ นางวิ่งไปพักใหญ่ รู้สึกปวดท้องขึ้นเป็นระยะๆจนไม่อาจจะกัดฟันทนได้ จึงวิ่งไปฟุบอยู่บนเนินทรายลูกหนึ่ง เหน็ดเหนื่อยจนสลบไสล ในระหว่างเคลิบเคลิ้มคล้ายดั่งได้ยินเสียงทารกร้อง นางเลอะๆเลือนๆ ไม่ทราบว่าอยู่ในปรภพหรือโลกมนุษย์ แต่เสียงของทารกยิ่งนานยิ่งดัง นางจึงขยับกายเล็กน้อยรู้สึกที่หว่างขาอบอุ่นคล้ายมีของใดค้างอยู่ ตอนนั้นเป็นเวลาค่อนคืนแล้ว หิมะเพิ่งจะซาหาย ดวงจันทร์ลอยพ้นจากเมฆปุยใหญ่ นางจึงสะดุ้งสุดตัวเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บช้ำ เพราะ แท้ที่จริงทารกได้คลอดออกมาในยามที่ระหกระเหินด้วยความลำบากยากแค้นนี่เอง”

    ครับ..กำเนิดก๋วยเจ๊งก็มาในสภาพแบบนี้เอง!!
    Entertainment - Manager Online -
     
  3. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พี่ขวัญขออนุญาติ นำความฝันมาลงนะครับ ถ้าไม่เหมาะสม ก็พิจารณาลบออกได้ครับ
    1. รถไฟชนกัน 3 ขบวนสถานีพังยับเยิน
    2. ฝนยักษ์ เม็ดใหญ่มาก น้ำท่วม
    3. แผ่นดินทรุด ยุบตัวเป็นหลุ่ม ใหญ่ๆ
    สุดท้ายผมรอด แต่ฟื้นมาอยู่ที่ไหนไม่ทราบ พูดคนละภาษากับผมอ่ะ งงเลย
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตาม ฉะบาย คุณจิต

    แต่ว่า ฝันดีนะนั่น สุดท้ายยังได้รอดในความฝัน

    [​IMG]
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิมิตเรื่องแอนตี้ไครสต์ชื่อ มาย์เทรยา(Maitreya)


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pHoU5MEE77o&feature=player_embedded#at=69"]YouTube - ‪My VISION of Maitreya Thai Subtitle 1/2‬‏[/ame] ​


    เขียนโดย purifysoul วันอาทิตย์ที่ 06 มีนาคม 2011 เวลา 17:29

    สวัสดีทุกๆคนค่ะ, ดิฉันชื่อแอน! และนี่คือการบันทึกวีดีโอใหม่ของเดือนกรกฎาคม 2009 ของดิฉัน ข้อพระคำภีร์ มัทธิว 24 ยืนยันอยู่เบื้องหลังนิมิตนี้! ก่อนหน้านี้วีดีโอนิมิตเกี่ยวข้องกับ มาย์เทรยาของดิฉัน.. ดิฉันรู้สึกว่า..ได้ส่งเสียงอุทาน..มากเกินไป..

    เพราะสิ่งที่ดิฉันได้พูดว่า อู้ ..โอ้ย..มนุษยทุกคน เอ๋ย! ดังนั้นนี่คือวีดีโอที่บันทึกขึ้นใหม่ รายละเอียดในสิ่งต่างๆ เหมือนกับในนิมิตของดิฉันอย่างแน่นอน..และดิฉันกำลังจะบอกท่านอีกครั้งเกี่ยวกับข้อความที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ดิฉัน, ที่จะแบ่งปันให้กับบุตรทั้งหลายของพระองค์! เอาล่ะ! การอวยพรมีแด่เขา และบรรดาผู้ที่ได้ยินคำพยากรณ์นี้ ... และถือรักษาสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในนั้น, สำหรับเวลาใกล้เข้ามาแล้ว! (สิ่งที่อยู่ในวิวรณ์ 1:3)

    บัดนี้เริ่มต้น..นิมิตของดิฉัน, ในเดือนกรกฎาคม 2009 นี่คือสิ่งที่พระเจ้าสำแดงแก่ดิฉัน..ในการ เห็นนิมิตของดิฉัน ดิฉันรู้สึกเหมือนดิฉันได้กำลังบินหรือการลอยอยู่ ดิฉันสามารถเห็นคนทั้งโลกด้วยการชำเลืองตาแวบหนึ่ง! พระเยซูคริสต์ ..องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่ที่นั่น..และตรัสกับดิฉัน..พระองค์สำแดงดิฉัน ในสิ่งต่างๆ..ที่จะมาถึง! ดิฉันได้เห็นภัยพิบัติทางธรรมชาติบางอย่าง..เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปีที่ผ่านมา เช่นแผ่นดินไหว, พายุเฮอริเคน, สึนามิ, การปะทุของภูเขาไฟ, ในนิมิตนี้ราวกับว่าทั่วทั้งโลกเกิด..เหตุการณ์ผิดปกติ

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้จัก, เช่นมนุษยชาติ...ภัยพิบัติทางธรรมชาติ, พายุเทอร์นาโดทุกประเภท..ทวีความรุนแรง..เพิ่มขึ้นเป็นล้านล้านเท่า, ถ้าท่านสามารถจินตนาการ..ทั่วทั้งโลก, แผ่นดินโลกทั้งหมดได้..พังพินาศ! ในนิมิตนี้, หลังจากที่ดิฉันเห็นชายคนหนึ่งยืนขึ้น และสำแดงเสมือนเป็น พระเจ้า, เป็นเหมือนพระเจ้าแท้จริง! รูปร่างเขาสูงและผอม..เขามีผมยาวสีดำและดวงตาสีดำ เขามีผมยาวสีดำและดวงตาสีดำ .. ดิฉันคิดว่า..เขาดูเหมือนชาวยิวหรือมุสลิม .. เพราะว่าวิธีการที่เขาแต่งตัว..สวมเสื้อผ้า .. วิธีที่เขาไว้ทรงผม, และไว้หนวดเคราของเขายาว, และมีหนวด ..

    เป็นเพราะวิธีการที่เขา..แต่งตัวของเขาเอง .. ทำให้ดิฉันนึกถึง..บางคนซึ่งอาจจะเป็นชาวยิวหรือ คนมุสลิม, แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า..เขาเป็นชนชาตินั้นจริงๆถึงแม้ว่า...ให้จดจำไว้ว่า! ดิฉันไม่สามารถบอกได้, ดิฉันได้ยินสิ่งที่เขาพูด และเขาได้โน้มน้าวทำให้ทุกคนเชื่อมั่นจริงๆ, แม้แต่คนที่ถูกเลือกสรรเป็นพิเศษที่สุดซึ่งเป็นคริสเตียน, นั้นคิดว่าเขาคือพระเจ้า, นั้นเขาเป็นพระผู้เป็นเจ้า!

    เขามีคนสนับสนุนอยู่ทั่วโลก, ที่นมัสการกราบไหว้เขา! ราวกับว่าเขาเป็น..พระเจ้า..เพียงผู้เดียว!ประชากรโลกที่กราบไหว้นมัสการเขา, ผู้ต่อต้านพระคริสต์, มาย์เทรยา! พวกเขามีปีศาจขี่อยู่บนหลังของพวกเขา, นั่งอยู่บนไหล่ของพวกเขา, และบินรอบหัวของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนี้ ! ดิฉันพยายามที่จะเตือนพวกเขา..เพื่อบอกพวกเขาว่า..พวกเขาอยู่ในอันตราย ... แต่ไม่มีใครสามารถได้ยินดิฉัน! พวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงดิฉัน, และดูเหมือนจะไม่สนใจ..ใส่ใจ..อย่างใดอย่างหนึ่ง! ในนิมิตนี้พวกเขาดูเหมือนเป็น..ซอมบี้! ฝูงปีศาจได้ควบคุมพวกเขาทั้งหมด, แม้กระทั่งบรรดาผู้ที่เคยเป็นคริสเตียนและเป็นผู้ที่เคยติดตามพระเจ้า

    ดิฉันเห็นผู้นำคริสเตียน, ศิษยาภิบาล, ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ, (นักเทศนาและฟื้นฟู) นักการเมือง คริสเตียน, นักเขียนคริสเตียน, ผู้พยากรณ์ทั้งหลาย..ผู้ชายในแต่ละสาขาอาชีพ..ที่ท่านสามารถจะคิดได้, ที่ท่านคิดว่าเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้า..และบางส่วนเป็นผู้หญิงด้วย ..ซึ่งเป็นผู้นำอยู่ภายใต้สามีที่มีอำนาจ อิทธิพลของพวกเขา !

    ผู้คนที่ปรากฏอยู่ในทีวีและกำลังรายงาน..กำลังทำสิ่งต่างๆ, บรรดาผู้คนที่เขียนหนังสือ..บรรดาคนที่ท่านรู้จัก..ที่เป็นคริสเตียน, ถูกหลอกลวง..โดยผู้ต่อต้านพระคริสต์! พวกเขากราบไหว้..นมัสการผู้ต่อต้านพระคริสต์..พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่า..เขาคือผู้ต่อต้านพระคริสต์ ! มีเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น..ที่ก่อตั้งขึ้นมา.. และทุกคนต้องกราบไหว้..นมัสการพระเจ้าเทียมเท็จ(จอมปลอม)นี้ ! เขาจะปรากฏ และหายวับไปต่อหน้าผู้คน(เหมือนนักมายากล),และกระทำหมายสำคัญ การอัศจรรย์ต่างๆและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ!

    สิ่งต่างๆที่เรารู้ว่าพระเจ้าทรงกระทำได้..สิ่งต่างๆที่เรารู้ว่าพระเยซูคริสต์สามารถกระทำได้, และยังคงกระทำอยู่!สิ่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้น..ที่นี่ในอเมริกา และได้กลายเป็นการออกกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ชั้นสูง..กลายเป็นกฎหมายบังคับใช้! ท่านต้องนมัสการผู้ต่อต้านพระคริสต์..หรือท่านจะถูกจับตัวไปขังคุก! ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกฏหมายใช้ทั่วทั้งโลก! ผู้ชายคนนี้, ผู้ซึ่งดิฉันได้พูดถึง เป็นสรรพนามเรียกสิ่งนี้หรือสิ่งของ !จะปรากฏดูคล้ายกับมี แสงสว่างจ้าอยู่รอบๆตัวเขาตลอดเวลา, และสิ่งนี้ทำให้เขาดูเหมือนบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์, มีความดีงาม, มีความชอบธรรม,เที่ยงตรง..!

    เขาเป็นที่รู้จักในฐานะครูสอนระดับโลก, ผู้นำระดับโลก! ครูสอนความสันติภาพ! เขามาจากบาบิโลนยิ่งใหญ่, ซึ่งดิฉันยังคงเชื่อว่า..เป็นอเมริกา!ดิฉันเป็นคนอเมริกัน, และใช่..ดิฉันรักประเทศของดิฉัน, แต่จากสิ่งที่ดิฉันเห็นในนิมิตของดิฉัน, บาบิโลนคืออเมริกา..ให้ท่านรับรู้เท่านั้น! เขาได้ถูกแนะนำต่อบาบิโลน, โดยสัตว์ร้ายตัวแรก! ซึ่งเป็นบุคคลที่..ดิฉันยังคงเชื่อว่าเป็นผู้นำทางการเมืองในอเมริกา ..เช่น จะเป็นประธานาธิบดี ซึ่งเป็นบุคคลถัดไปจากเขา ...(โอบามา),

    พวกเราได้รับการบอกเล่าว่า เขาจะนำพวกเราผ่านการทำลายล้าง ภัยอันตราย, ความเจ็บป่วย .. และความเจ็บปวด ซึ่งเราทุกคนได้ประสบอยู่ในขณะนี้! แล้วเขาเริ่มที่จะอ้างตัวเองเป็นพระเยซูคริสต์, หรือองค์พระผู้เป็นเจ้า, และจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปสู่การกล่าวว่า เขาคือพระเจ้าอย่างที่เป็นอยู่จริง, พระเจ้าของทุกศาสนา! ของทุกๆศาสนา...พระเจ้าของพุทธศาสนา, มุสลิม, คริสเตียน, ของทุกๆศาสนา...

    จากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสต์, สำแดงให้ดิฉันเห็นโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่...และความอดอยาก ขาดแคลนอาหาร ทั่วไปทั้งโลก ทุกคนล้มลง ร่วงหล่นเหมือนแมลงวัน และดิฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับผู้คนเหล่านี้..ไม่มีหนทางใดๆ..สำหรับผู้คนที่กำลังพยายาม..จะได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันสิ่งนี้ .ไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตท่านได้ ! ท่านไม่สามารถจะไปทำการฉีดวัคซีน..ถ้าพระเจ้าต้องการให้ท่านตายจากโรคระบาดนี้ .. ท่านก็จะตาย! ถ้าเป็นเวลาของท่านที่จะจากไป,ถ้าเป็นช่วงเวลาของท่านที่จะตายจากโลกนี้ ไม่มีผู้ใดเลย...ในบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน, ไม่มีเหตุผลที่จะวิ่งไปวิ่งมา ตื่นตระหนก ตกใจกลัว, และพยายามที่จะรอคิวเพื่อทำการรับ..การฉีดวัคซีน...

    จากสิ่งที่ดิฉันเห็น .. ในนิมิตของดิฉัน, บัดนี้..อาจจะไม่ใช่ไวรัสไข้หวัดหมู..แต่สิ่งดิฉันกำลังพูดถึง นั้นเกี่ยวกับ ..สิ่งนี้ไปไกลเกินกว่านั้น.. ในความเป็นจริงนั้น เป็นโรคระบาดที่รุนแรงมากกว่า..ไวรัสไข้หวัดหมู !สิ่งที่ดิฉันเห็น เป็นโรคระบาดที่เลวร้ายมากที่สุด มากกว่าโรคระบาดที่พวกเรามีประสบการณ์ผ่านมานานแสนนาน ! โอเค..!เพียงเพื่อให้ท่านรับรู้ไว้ไม่มีวัคซีนใดๆที่สามารถป้องกันได้, ไม่มียา..ใดๆรักษาได้, ไม่มีอะไรที่จะช่วยชีวิตของท่านหากท่านได้ติดเชื้อจากโรคระบาดนี้..ท่านจะต้องตาย ! ในช่วงสั้นๆ,จบเรื่องนี้! พวกเขาพยายามที่จะรับการฉีดวัคซีน..สำหรับความเจ็บป่วย..แต่ไม่มีใครรักษาได้! พระเยซูตรัสว่าไม่ต้องกังวล..ว่าพระองค์จะปกป้องคนที่พระองค์ทรงเลือก! ผู้ที่ติดตามพระองค์นั้นจะปลอดภัย !

    พระเยซูคริสต์..ตรัสว่าอย่าออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน, และไม่ควรจะรับวัคซีนใด ๆ ! คลิกอ่านเพิ่มเติม..ไม่ต้องกลัว..เพราะพระเจ้าจะป้องกันพวกเรา! มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก, ดูเหมือนจะล้มป่วยลง ร่วงหล่นเหมือนแมลงวัน! คนที่เสียชีวิตมากกว่า คนทั้งหมดที่ตายในสงครามโลกทั้งหมดรวมกัน! มีผู้ชาย, ผู้หญิง, เด็กๆร่วง ล้มป่วยร่วงหล่น..เหมือนแมลงวัน..ตายอย่างมากมาย! ผู้คนก็ยังคงกราบไหว้นมัสการผู้ต่อต้านพระคริสต์คนนี้! เขาอ้างว่า..เขาสามารถจะรักษา..ให้หายโรคภัย..ทั้งหมด..และเขาก็ทำการรักษาให้หายโรค..อย่างมากมาย! ท่านกำลังฟังดิฉันอยู่ไหม...ผู้ต่อต้านพระคริสต์ มาย์เทรยา, ซาตานสามารถรักษาโรคให้หายโรค..แก่ผู้คนมากมาย..คนจำนวนมากหายโรคทำให้พวกเขาเชื่อว่า เขาคือพระเยซูคริสต์, พระผู้เป็นเจ้า..พระบุตรของพระเจ้า!

    พวกเขาเชื่อว่า..เขาเป็นพระเจ้า!อย่างจริงจัง เนื่องจากหมายสำคัญและการอัศจรรย์ทั้งหมด และสิ่งมหัศจรรย์และสิ่งต่างๆที่เขาได้กระทำ..เขาได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้น..คิดว่าเขาเป็นพระเจ้าจริงๆ ! ท่านได้ยินใช่ไหม? ทำอย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทำการรักษาโรค..มากมายในระหว่างช่วงเวลาที่พระองค์ทรงอยู่บนโลก...ผู้ต่อต้านพระคริสต์จะกระทำ..เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ได้ทำในอดีต!จากนั้นดิฉันเห็น..ในนิมิตของดิฉัน, เป็นสงครามโลกครั้งสุดท้าย ...ทุกประเทศได้ทำสงครามกัน !ดิฉันได้เห็นเกาหลีเหนือทำลายอเมริกาด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และทำให้ดิฉันกังวลใจอย่างมาก (ดิฉันเคยเห็นในนิมิต 5 ปีที่ผ่านแล้ว, นั้นเป็นอิรักหรืออิหร่าน .. หรือทั้งสองประเทศจะโจมตีอเมริกา, และส่งทหารของพวกเขาเพื่อจับกุมชาวอเมริกัน, อยู่ในประเทศเหล่านี้..ไม่ได้มาจากประเทศอื่นๆ)

    เพราะดิฉันไม่เคยคิดว่า ...แท้จริงแล้ว..ด้วยความสัตย์จริง,เป็นความจริง ดิฉันเขียนสิ่งนี้ลงไป หลังจากที่ดิฉันมีนิมิตนี้,ดิฉันเขียนบันทึกลงไป..เพื่อที่ดิฉันจะไม่ลืมสิ่งใดก็ตามสักเล็กน้อย ! ความจริงก็คือ ดิฉันจริงๆไม่เคยคิดว่า เกาหลีเหนือสามารถทำแบบนั้นกับพวกเรา, ดิฉันจริงๆคิดว่าที่อเมริกานี้ปลอดภัยเสมอ! แต่เมื่อดิฉันเห็นนิมิตนี้..ที่พระเยซูคริสต์, พระยาชาวาย์, พระเจ้าพระบุตร, ผู้ช่วยให้รอดของเราสำแดงแก่ดิฉัน ...ดิฉันตระหนักได้ว่าความคิดของดิฉันนั้นผิดพลาด!ดิฉันเห็นเมืองต่างๆ.. เมืองใหญ่ๆในอเมริกาถูกระเบิด ... และถูกกวาดล้างไปแบบไม่มีอะไรเหลือ! โอเค..เมืองต่างๆที่ได้สร้างเป็นเมืองใหญ่ๆ นั้นดูเหมือนไม่เหลือซากให้เห็น

    อืมม ... ดิฉันเห็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ปรากฏตัวขึ้น, เพื่อนำเสนอสันติภาพที่ยิ่งใหญ่! เขาโน้มน้าวแกนนำในโลกทั้งหมด, และไม่เพียงแต่อเมริกา และเกาหลีเหนือ .. แต่ทุกประเทศอยู่ร่วมในการทำสงครามนี้! ซึ่งเป็นสงครามโลกทั่วไปทั้งหมด! ทุกประเทศได้ทำการต่อสู้ซึ่งกันและกัน! ตั้งแต่ดิฉันอยู่ในอเมริกา, นิมิตที่ดิฉันเห็นเกาหลีเหนือโจมตีอเมริกา ..แต่นั้นไม่ใช่เพียงประเทศเดียว ที่กำลังที่จะโจมตี พวกเรา(อเมริกา) .. นั้นเป็นประเทศหนึ่งที่ดิฉันได้เห็น เท่านั้น! อย่างเฉพาะเจาะจง, แต่จริงๆทำให้ดิฉันตกใจ..ตะลึง..กับตัวเอง..โอเค! แต่เมื่อผู้ต่อต้านพระคริสต์ปรากฏตัวขึ้น..และนำเสนอ..สันติภาพยิ่งใหญ่นี้

    เมื่อผู้ต่อต้านพระคริสต์ได้ปรากฏตัวขึ้น และได้นำเสนอสันติภาพอย่างยิ่งใหญ่ เขาได้โน้มน้าวผู้นำต่างๆของโลกเข้าไปติดกับดัก..ว่าเขาเป็นผู้นำโลกที่ยิ่งใหญ่ เป็นเสมือนพระเจ้าต่อทุกคนบนโลก! เป็นเสมือนพระเจ้าต่อทุกคน ท่านทั้งหลายฟังเข้าใจไหม? ต่อคนทั้งหมด แต่มีเพียงน้อย ผู้ที่เลือกติดตามพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ พระเจ้ายาเวย์ Yahweh และ องค์พระเยซูคริสต์ Yahshua พระยาชาวาย์ ! แน่นอน! ประชากรบางส่วนของพวกเราจะถูกจับขังคุก และถูกฆ่าตาย เพราะพวกเราจะไม่ก้มกราบและเคารพบูชา ผู้ต่อต้านพระคริสต์ (แอนตี้ไครสต์ ) มาย์เทรยา !

    มาย์เทรยา เป็น ผู้ต่อต้านพระคริสต์ (แอนตี้ไครสต์ ) นี้เป็นชื่อของเขา นี้เป็นชื่อจากบรรดาผู้ติดตาม กราบไหว้นมัสการได้เรียกเขา ผู้ต่อต้านพระคริสต์ (แอนตี้ไครสต์ ) นั้นเป็นวิญญาณจากซาตาน / ลูซิเฟอร์ ! เขา (ผู้ต่อต้านพระคริสต์) จะชักจูง โน้มน้าว ผู้นำต่างๆ ของโลกทุกคน ว่าเขาเป็นผู้นำระดับโลก ซึ่งเขาสามารถนำความสงบสุข..มาสู่โลก เขาเป็นคนนั้น ที่สามารถทำให้คนทั้งโลกหยุดทำสงครามกัน และจะมีสันติภาพ ดิฉันได้เห็นขณะที่ประชากรกำลังกราบไหว้ พวกเขาได้ก้มกราบพระเจ้าเทียมเท็จทั้งกลางวันและกลางคืน

    พวกเขาได้ก้มกราบ แอนตี้ไครสต์ ทั้งกลางวันและกลางคืน ดิฉันได้ออกไปข้างนอกและยืนอยู่ในมหาสมุทร ดิฉันได้เห็นทูตสวรรค์ สูงใหญ่มาก ทูตสวรรค์ ดูมีขนาดใหญ่กว่าภูเขาทั้งหมด และสิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์ทุกคนได้ทำขึ้นมา.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ที่ได้สร้างขึ้นมา .. ไม่ได้ใกล้เคียงกับความสูงใหญ่มหึมาของทูตสวรรค์ นั้นคือสิ่งที่ดิฉันกำลังกล่าวถึง และทูตสวรรค์นี้ลักษณะคล้ายกับมนุษย์ ดูคล้ายมนุษย์ผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิง เขารูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงมากกว่าจะเป็นผู้หญิง ทูตสวรรค์ได้ยืนอยู่ในมหาสมุทร ... ดิฉันได้ยินเสียงแตร..ถูกเป่าดังขึ้น! และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือน ! เสียงนั้นได้เขย่าสั่นสะเทือนโลกนี้ !

    และเป็นเสียงที่ดังก้องกังวาลมาก คนแก้วหูของท่านปวด! เกือบจะตลึงด้วยความสั่นกลัว อยู่ในหัวใจของท่าน เมื่อท่านได้ยินเสียงสัญญาณแตรเหล่านี้ ... ซึ่งเป็นเหมือนเสียงสัญญาณแตรของสงครามถูกเป่าขึ้น ! แต่เสียงแตรนั้นดังยิ่งกว่า สิ่งใดๆที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา เสียงแตรเป่านี้ดังมากกว่า ผู้ใดจะสามารถทำแบบนี้ได้ ! ดังนั้นดิฉันถึงรับรู้ว่า ดิฉันได้ยินทูตสวรรค์ของพระเจ้า ได้เป่าเสียงสัญญาณแตร .. ไม่ใช่มนุษย์ ! เหมือนที่ดิฉันได้กล่าวว่า ทูตสวรรค์ท่านนี้ มีขนาดใหญ่มหึมานั่นเอง! ดิฉันหมายถึง..มันยากที่จะอธิบายว่า ร่างกายของทูตสวรรค์นั้นใหญ่ มหึมาขนาดไหน และเขากำลังยืนอยู่ในมหาสมุทร!

    เอาล่ะ, ย้อนกลับไปในสิ่งที่ดิฉันได้จดบันทึกไว้ .. อืม ... นี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วมากไปกว่านั้น.. ดิฉันได้เห็นดวงอาทิตย์เหมือนกำลังจะมืดลง มืดลง..! จะเป็น..ดวงอาทิตย์นั้นหยุดเผาไหม้..ดับไป..ไม่ส่องแสง หรือเคลื่อนลงจากฟากฟ้า! เป็นการยากที่จะตัดสิน เพราะเหมือนดวงอาทิตย์ทั้งหมดได้ดับ..มืดลงอย่างทันที จากช่วงกลางวัน และอีกประการหนึ่ง คนเหล่านั้นที่ได้กราบไหว้ บูชา ผู้ต่อต้านพระคริสต์ มาย์เทรยา ... พวกเขาได้ก้มกราบขึ้นลง สิ่งนี้ดูคล้ายการเล่นโยคะ ทำนองนั้นเหมือนการเล่นโยคะลงบนเสื่อหรือแผ่นรอง!

    และพวกเขาได้คุกเข่าลง .... และพวกเขาได้ก้มกราบจากศีรษะลงสู่พื้น ตราบเท่าที่พวกเขาปฏิบัติตามนั้น .. และพวกเขายังคงก้มกราบ ขึ้นและลงเช่นนี้ และพวกเขาสวดมนต์พึมพัม .. และพวกเขากำลังเภาวนาและโดยทั่วไปพวกเขาได้กราบไหว้ เคารพบูชา เขา (แอนตี้ไครสต์ )ทั้งกลางวันและกลางคืน และเขามีรูปเคารพปั้นใหญ่มาก ซึ่งพวกเขาได้สร้างขึ้นสำหรับแอนตี้ไครสต์ เป็นรูปเคารพทองคำสูงใหญ่ ซึ่งพวกเขาได้สร้างให้กับ มาย์เทรยา นี่คือข้อเท็จจริงที่ท่านจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องผู้ต่อต้านพระคริสต์ ..?

    อืม ตอนนี้ดิฉันได้พูดถึงตรงไหนแล้ว หลังจากได้เห็นดวงอาทิตย์ดับลงจากท้องฟ้า ราวกับว่าไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย ดิฉันหมายถึงในเวลากลางวัน ในนิมิตที่ดิฉันได้เห็นจากนั้น เสียงดังตูมตาม จากนั้นความมืดได้มืดดำสนิท..มากกว่าตอนกลางคืน จากนั้นดิฉัน เห็นดวงจันทร์กลายเป็นสีเลือด! ดูเหมือนเป็นสีเลือดแดงสด ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีเลือดสด! ทำให้สภาพบนโลกมืดสนิท..แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เข้าสู่ความมืด กลางวันได้กลายเป็นความมืด ..มืดทึบกว่าตอนกลางคืน จากนั้นดิฉันได้เห็นภูเขาต่างๆ สิ่งเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะพังพินาศ ถล่มลงมา.. เหมือนภูเขาเหล่านั้นได้พังทลายลงมา

    ดิฉันหมายถึงเหมือนกับว่า พระเจ้าได้สั่นสะเทือนรากฐานของโลก!และทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นที่จะพังทลายลงมา พระองค์ (พระเจ้า / พระยาเวย์) ได้แสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแท้จริง ไม่ใช่ผู้ต่อต้านพระคริสต์ ที่ทุกคนได้กราบไหว้บูชา ..เข้าใจนะคะ พระองค์ (พระเจ้า / พระเยซูคริสต์ ,พระยาเวย์ /พระยาชาวาย์) ได้ทรงพระพิโรธ(โกรธ)! ประชากรในโลกนั้นได้แตกตื่น กระจัดกระจาย ราวกับถูกระเบิดจากใต้ดิน ทุกคนตระหนกตกใจ ..ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ทุกคนได้วิ่งไปมาและพยายาม..หาที่หลบซ่อน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ ในมัทธิว 24 (พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับ คิงเจมเวอร์ชั่น KJV) ได้กล่าวถึงว่า พวกเขาพยายามที่จะซ่อนตัวเองอย่างไร ...พวกเขาพยายามที่จะหลบซ่อน ตามตัวอักษรพยายามที่จะวิ่งหนี ออกไปให้ไกลจากพระเจ้าผู้สร้างพวกเขา ผู้ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดกำลังวิ่งหนี!

    อืม.. แต่ดิฉันได้ยืนอยู่ที่นั่น .. ดิฉันไม่ได้ตกใจกลัว แต่ดิฉันได้รู้สึกถึง..ความกลัวของคนอื่น ๆ คนเหล่านั้นได้รู้สึก ... ดิฉันรู้สึกถึงความกลัวของพวกเขา!ดิฉันได้เห็นทุกคนที่กราบไหว้บูชา แอนตี้ไครสต์ ได้วิ่งและซ่อนตัว บุคคลที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงใน พระเจ้า (ยาเวย์, พระเยซูคริสต์, พระยาชาวาย์) และไม่ได้ล้มลงในการทดลอง! คือผู้ที่ไม่ได้ยอมรับแอนตี้ไครสต์ เป็นผู้ซึ่งไม่ได้กราบไหว้บูชา แอนตี้ไครสต์ เป็นผู้ซึ่งไม่ฝังชิฟ 666 เครื่องหมายของสัตว์ร้าย!บุคคลเหล่านั้นคือผู้ที่ได้มีตราประทับของพระเจ้า ที่หน้าผากของพวกเขาทั้งหลาย พวกเขาไม่ต้อง วิ่งหนีกระจัดกระจาย และพระเจ้าจะปกป้องไม่ให้สิ่งใดๆมาทำร้ายพวกเขา จนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันได้กล่าวไปได้เกิดขึ้น

    นั้นเป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ พระยาชาวาย์ ได้เขียนบันทึกอยู่ใน มัทธิว บทที่ 24.. สิ่งนี้ มาจากพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา พระองค์เองทรงเปิดเผย! ดังนั้นท่านสามารถที่จะเชื่อวางใจในการเปิดเผยเรื่องนี้ ดิฉันได้มีข้อพระคำภีร์ สนับสนุน ยืนยันนิมิตนี้ ประชากรเอ๋ย ข้อพระคำภีร์ !! เปิดดูในมัทธิว 24 ท่านจะเห็นตลอดทั่วทั้ง มัทธิว 24 ว่า สิ่งเหล่านี้ พระเยซูคริสต์ได้กล่าวไว้ว่า จะเกิดขึ้น ก่อนเรบเจอร์ ก่อนเรบเจอร์ พระเยซูคริสต์ พระองค์เองบอกว่า แม้แต่พระองค์ไม่รู้ว่า เมื่อไรพระองค์จะเสด็จกลับมา มีเพียงพระเจ้ายาเวย์ พระบิดา พระเจ้าผู้ทรงสร้างนั้นได้ทรงรู้..ในเรื่องเวลาอย่างแน่นอน เมื่อไรที่พระเจ้านั้นจะส่งพระองค์เยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ไถ่บาปของพวกเรา

    ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์เอง, พระเจ้าพระบุตร, พระยาชาวาย์ เสด็จกลับมายังโลก เพื่อที่จะมา รับเจ้าสาวของพระองค์ โบสถ์ของพระองค์ และผู้ติดตามพระองค์กลับบ้านบนสวรรค์ ดิฉันเป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น .. ดิฉันหวังว่าท่านคงจะหนึ่งในนั้นด้วย ผู้ต่อต้านพระคริสต์ซาตานจะผลักเข้ามาสู่โลกนี้ มาย์เทรยา จะถูกปล่อยตัว..เข้ามาในโลกนี้ในที่สุด จนกระทั่งถึงเวลานั้น ซาตาน, มาย์เทรยา ผู้ต่อต้านพระคริสต์จะปรากฏอยู่ในภาพลักษณ์เป็นผู้ที่มีความประพฤติน่ายกย่องที่สุด เพราะนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เขา(ซาตาน)ทำสิ่งที่เขาต้องการในทั้งหมด

    พระองค์ไม่ได้ทรงอนุญาตเขา(ซาตาน) พระองค์ยังคงผูกมัดคำพูด.. พระองค์ยังคงผูกมัดบางส่วนอยู่ พระองค์ยังคงไม่ได้ปล่อยซาตานออกมาทั้งหมด พระเจ้ารักท่านทั้งหลายมากๆ นั้นคือเหตุผลว่า ทำไมไม่ปล่อยซาตานให้กระทำทุกสิ่ง ต่อพวกเราทุกคน ! ถ้าพระองค์ไม่ทรงรักพวกเรา พระองค์จะปล่อยให้ มาย์เทรยา ผู้ต่อต้านพระคริสต์ ลูซิเฟอร์ Lucifier ทำอะไรตามใจชอบพระองค์จะปล่อยสัตว์ร้ายออกมา! พระองค์จะปล่อยให้มังกรแดงออกมา !

    ถ้าท่านทั้งหลายได้สังเกต..ทั่วไปทั้งวิรณ์ เขา มาย์เทรยา ซาตาน ลูซิเฟอร์ แอนตี้ไครสต์ ซึ่งเป็นมังกรสัตว์ร้ายที่เราได้พูดถึงในวิวรณ์อยู่ โปรดรับทราบประชากรโลกเอ๋ย พระเจ้าจะปล่อยซาตานออกมา ถ้าพระองค์ไม่สนใจหรือรักพวกเรา! ถ้าพระองค์เจ้า ยาเวย์ / พระเจ้า / พระเยซูคริสต์ / พระยาโชวาย์ ไม่ใช่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วย..ความรักอย่างมหัศจรรย์ ผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง นั้นเป็นพระลักษณะของพระเจ้า..ยาเวย์ ถ้าพระองค์ไม่ใช่

    เป็นพระเจ้ายาเวย์ผู้ทรงเป็นความรัก อย่างมหัศจรรย์ จากนั้นพระองค์จะทรงปล่อยสิ่งต่างๆเหล่านี้ มาทำลายพวกเราหมดทุกคน!ท่านไม่รับรู้หรือว่า หลังจากที่ Yahshua พระยาชาวาย์ เสด็จกลับมารับพวกเรากลับบ้าน (ซาตานนั้นจะปกครองโลกนี้และทรมานดวงวิญญาณของมนุษย์ ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก และ ดิฉันได้เห็นการเรบเจอร์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ !เป็นสิ่งที่มีความชื่นชมยินดีมากที่สุด เท่าที่ดิฉันเคยเห็นมา และดิฉันได้มีความสุขมากๆ! ดิฉันคิดว่าดิฉันได้กำลังจะกลับบ้านบนสวรรค์ จะบอกความจริงแก่ท่าน!

    (ดิฉันเห็นพระเยซูคริสต์ และกองทัพทหาร ที่ทรงพลานุภาพ ..ลงมาจากฟ้าสวรรค์ .. พระเยซูคริสต์มีทรงผมยาวขาวดุจประกายไหม และพระองค์ทรงเป็นความสว่างจ้าและทรงงดงาม พระองค์ทรงมีพระพิโรธต่อคนทั้งหมด ที่ไม่ได้ติดตามพระองค์ และพระองค์ทรงรักดิฉัน และพวกเขาเหล่านั้นที่ได้ติดตามพระองค์!) แต่ดิฉันต้องการถูกรับขึ้นไป ..ดิฉันรู้สึกเหมือนว่า ไปด้วยกัน..ดิฉันพร้อมแล้ว ดิฉันไม่ต้องการที่อยู่บนโลกและบอกข้อความนี้ แก่ท่าน.. !

    ดิฉันพร้อมที่จะถูกรับขึ้นไป ดิฉันได้มีความหวังอย่างแท้จริง ว่าการเรบเจอร์ในครั้งนั้น เกิดขึ้นเป็นความจริง ซึ่งดิฉันได้เห็น ชีวิตของการเรบเจอร์เป็นความจริง และพระเยซูคริสต์ได้เสด็จกลับมารับดิฉันกลับบ้านแล้ว ! พระองค์พยายามที่บอกดิฉันว่า พระองค์จะทรงเสด็จกลับมาเพื่อดิฉัน แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ นั้นเป็นในนิมิต!ในนิมิตนั้นเหมือนเกิดขั้นจริงๆ (สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เหมือน..เป็นเกิดขึ้นจริงๆ ต่อหน้าสายตาของท่านและท่านอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น..มองเห็นทุกสิ่ง) นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

    เมื่อใครบางคนได้รับ..นิมิตในการพยากรณ์ ท่านจำเป็นต้องฟังพวกเขา สิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้มีข้อพระคำภีร์..สนับสนุนคำพยากรณ์เหล่านั้น ดิฉันได้มีข้อพระคำภีร์สนับสนุนข้อมูลนี้ ประชากรโลกเอ๋ย ข้อพระคำภีร์ยืนยัน นี้ไม่ใช่เป็นภาพฝันของดิฉัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ในวีดีโอนี้เป็น นิมิตและคำพยากรณ์ซึ่งได้มอบแก่ดิฉัน และเปิดเผยแก่ดิฉันโดยพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์นั้นเป็นผู้ที่สำแดงการเปิดเผยเหล่านี้ทั้งหมดแก่ดิฉัน ดิฉันได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา พระองค์ได้สำแดงสิ่งนี้แก่ดิฉันทั้งหมด

    และหลังจากที่ดิฉันได้เห็นนิมิตนี้ หนึ่งหรือสองเดือนต่อมา เมื่อดิฉันกำลังอ่านพระคำภีร์ไบเบิ้ล ดิฉันได้อธิษฐานและทูลถามพระเจ้า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันต้องนำไปแบ่งปันกับทุกคนไหม เพราะดิฉันไม่เคยแบ่งปัน นิมิต/ความฝันคำพยากรณ์ของดิฉันกับใครก็ตาม ยกเว้นคนในครอบครัว ไม่มีใครนอกจากคนรอบๆตัวของดิฉัน จากนั้นดิฉันไม่รู้ว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องดิฉันจำต้องบอกคนอื่นๆหรือเปล่า แต่ดิฉันรู้สึกเหมือนพระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการที่จะให้ดิฉันนำไปเปิดเผยผ่านอินเตอร์เน็ต ในยูทูป เพื่อที่บุคคลอื่นๆสามารถจะเห็น.. เพื่อรับรู้ข่าวสาร

    และเมื่อดิฉันกำลังอธิษฐานอยู่ ดิฉันได้บอกกับพระองค์เจ้าว่า ได้โปรดยืนยันข้อความนี้แก่ดิฉันด้วย พระเจ้ายาเวย์ได้เสด็จมาที่ห้องของดิฉัน และบอกกับดิฉันว่า นี้คือน้ำพระทัยของพระองค์ที่ให้ดิฉันได้เปิดเผยสิ่งนี้ (มีการยืนยันกับดิฉัน..หลายอย่างในสิ่งอื่นๆ พระองค์ได้แบ่งปันกับดิฉัน ในระดับลึกของฝ่ายวิญญาณ..เป็นการส่วนตัว) พระเจ้าต้องการให้ดิฉันรับรู้ว่า สิ่งที่ดิฉันได้ยินจากพระองค์และสิ่งที่เห็นในนิมิตนั้น เป็นสิ่งที่พระองค์ต้องการให้ดิฉันแบ่งปัน เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงจัดเตรียมแผนการณ์ สำหรับดิฉันและคนอื่นๆ และจากนั้น ดิฉันได้รับการบอกอย่างเฉพาะเจาะจงว่า ให้ย้อนกลับไปดูข้อพระคำภีร์ ในไบเบิ้ล

    พระองค์บอกกับดิฉันให้เปิดและอ่านในมัทธิว บทที่ 24 ดิฉันได้เปิดอ่าน มัทธิว 24 และอ่านลงมาเรื่อยๆ เหมือนกันกับที่นิมิต ซึ่งเหตุการณ์ได้ปรากฏอย่างที่ดิฉันได้เห็น เป็นสิ่งที่ยืนยันตรงกันทุกประการ กับสิ่งที่พระเยซูคริสต์บอกพวกเราไว้ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล!นั้นเป็นสิ่งที่ตรงกันกับ สิ่งที่ดิฉันได้เห็นในนิมิต จากนั้นดิฉันได้รับรู้ว่า เป็นการยืนยันในช่วงเวลาของเหตุการณ์ต่างๆ นั้นเป็นบางสิ่งที่พระเจ้า พระผู้สร้างของท่านมีความประสงค์ให้..ท่านทั้งหลายได้ยินอย่างแท้จริง ต้องการให้ดิฉันแบ่งปันข้อมูลข่าวสารนี้ต่อท่านทั้งหลาย จบนิมิต

    ที่มา http://purifysoul.com/index.php?option=com_content&view=article&id=478%3Amy-vision-of-anti-christnamemaitreya-&catid=35%3Arapture-&Itemid=50&lang=th

    "มาย์เทรยา"ที่จริงก็คือตัวหัวหน้ากลุ่มอิลูมินาติ ?


    [​IMG]


    จากที่เมย์ศึกษาเรื่องกลุ่ม อิลูมินาติ (Illuminati) และมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว พอจะสรุปสั้นๆได้ดังนี้ (ย่อๆนะค่ะ ของจริงเป็นร้อยๆหน้าค่ะ)


    ชาวโลกทุกคน ถูกปิดหูปิดตา มาตลอด พวกเราโดนกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) ล้างสมอง เพื่อหวังครอบครองโลกใบนี้แต่เพียงผู้เดียว กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) จะใช้วิธีล้างสมองโดยเข้าไปซื้อกิจการทั่วโลก เช่น สื่อ TV, บันเทิง, อินเตอร์เน็ต, ข้อมูล, ข่าวสาร, Hollywood, ธุรกิจอาหาร, ยา, การธนาคาร, ทหาร, การเมืองแทบทุกประเทศ และ ธุรกิจทุกประเภท ฯลฯ ทั้งหมดนี้โดนกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) ครอบงำหมดแล้ว


    เพื่อให้ชาวโลกตกเป็นทาสพวกมัน เมื่อตกเป็นทาสแล้ว เราก็จะโดนชักจูงได้ง่าย เขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด (เออออไปกับเค้า คิดเองไม่เป็น) ส่วนมากพวกกลุ่ม อิลูมินาติ (Illuminati) จะชักจูงชาวโลก โดยผ่านภาพยนต์จาก Hollywood เพื่อมนุษย์เกิดความหวาดกลัว, ความโกรธ, ความแค้น, ชิงชัง, และกิเลสต่างๆ มีทัศนะคติในด้านลบ ก็จะส่งผลสนามแม่เหล็กโลก ก่อให้เกิดภัยพิบัติทั่วโลก เพื่อลดจำนวนประชากรลง 90 - 95 % นั่นเอง และภัยพิบัติก็เกิดขึ้นทั่วโลกจริงๆด้วย (จะกล่าวตอนท้าย)


    เพื่อเป็นไปตามที่ กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) วางแผนลดประชากรโลกในปี 2012 (เพราะประชากรโลกมากเกินไป นั้นยากที่จะจัดระเบียบโลกใหม่ จึงต้องลดประชากรลง 90 - 95 %)


    กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) สร้างระบบเงินกระดาษขึ้นมาเพื่อมอมเมาชาวโลก ให้หลงให้ในโลกที่เขาจำลองขึ้น มนุษย์ก็จะมีชีวิตอยู่ในโลกที่ถูกกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) จำลองขึ้น (โลกแห่งความฝัน) โดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่า กำลังโดนใครบางคนอยู่เบื้องหลัง พวกเรามัวหลงเพลิดเพลินอยู่กับ กิเลส, ตัณหา, เงินตรา, ที่ถูกกลุ่ม อิลูมินาติ (Illuminati) นั้นสร้างขึ้นมามอมเมา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงพวกเขากำลังหลอกมอมเมาเรา เรากำลังตกเป็นทาสของเขาอยู่ โดยไม่รู้ตัวเลย และกลุ่มอิลูมินาติ(Illuminati) มองพวกเราไม่ต่างกับพวกทาสหน้าโง่ตัวนึง


    การลดประชากรโลกลง 90 - 95 % ในปี 2012 เพื่อง่ายในการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order )(ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา สังเกตุให้ดีๆ ทำไมภัยธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย ไม่ใช่ภัยธรรมชาติหรอกค่ะ แต่เป็นฝีมือของกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati))


    1. ใช้วิธีสร้างความหวาดกลัวของมนุษย์โดยผ่านสื่อ Hallywood เมื่อมนุษย์จำนวนมาก มีทัศนะคติในด้านลบ จะส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก ก่อให้เกิดภัยพิบัติ เช่น พายุ สึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ


    2. ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ HAARP (เครื่องควบคุมธรรมชาติ โดยใช่สนามแม่เหล็กแรงสูง) สามารถสร้างภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ เช่น พายุ สึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ


    3. NASA จะใช้นิวเคลียร์ ระเบิดภูเขาใต้น้ำแข้งที่ขึ้วโลกเหนือ เพื่อให้แกนโลกเอียง เพื่อให้ขั้วโลกเหนืออุ่นขึ้นน้ำจะท่วมโลกอย่างรวดเร็ว เป็นวิธีที่ใช้ฆ่าคนได้จำนวนมาก ในเวลาอันรวดเร็ว และต้องการขั้วโลกเหนือ เพื่อเป็นอาณานิคมของมนุษย์ต่างดาวในอนาคต(NASA ก็ถูกครอบงำโดยกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati))


    4. ฆ่าประชากรโลกโดยวิธี บังคับให้ฉีดวัคซีนไข้หวัด 2009 (โดยในวัคซีนมีเชื่อที่มีชีวิตปนอยู่ด้วย)


    เมื่อประชากรถูกลดลง 90 - 95 % ก็ไปสร้างเมืองหลวงแแห่งใหม่ที่ คาซัคสถาน โดยมีชื่อเมืองว่า Astanna เมื่อสำเร็จกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) ก็จะครองโลกใบนี้แบบเบ็ดเสร็จ


    กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) มีความสำพันธ์กับมนุษย์ต่างดาว(ฝ่ายชั่ว) 2 เผ่าพันธุ์


    กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) มีความสำพันธ์กับมนุษย์ต่างดาว โดยเฉพาะมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธ์ Gray, Reptilians กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับมนุษย์ต่างดาว 2 กลุ่มนี้ มาเป็นเวลานานมากแล้ว และแน่นอนว่า HAARP (เครื่องควบคุมธรรมชาติ โดยใช่สนามแม่เหล็กแรงสูง) สามารถสร้างภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบนั้น เป็นเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว 2 เผ่าพันธ์นี้นั่นเอง


    วันที่กลุ่ม อิลูมินาติ (Illuminati) และมนุษย์ต่างดาว จะลดประชากรโลกลง 90 - 95 % คือวันที่ 21-12-2012 (2+1+1+2+2+1+2) = 11


    11 คือ สัญลักษณ์ของ การจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ซึ่งก็คือเป้าหมายของกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) นั่นเอง แบบเดียวกับที่พวกมันทำในวันที่ 11 ก.ย. ที่เครื่องบินชนตึก World trade Center ฝีมือกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) ทั้งนั้น เพื่อจะได้เป็นเหตุผลให้เข้าไปบุก อีรัก เพื่อจะได้แย่งชิงน้ำมันจำนวนมหาศาล (อเมริกาถูกครอบงำโดยกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati)) นานแล้ว และประธานาธิบดีของอเมริกาทุกคน เป็นเพียงหุ่นเชิดของกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) ทั้งสิ้น (อ่านรายละเอียดตอนท้ายๆค่ะ)


    กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) จะ End Game (ลดประชากรโลกลง 90 -95 %) ในวันที่ 21-12-2012 เวลา 11:11 น.โดยใช้ สารพัดรูปแบบ เช่น


    - HAARP (เครื่องควบคุมธรรมชาติ โดยใช่สนามแม่เหล็กแรงสูง) สามารถสร้างภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ เช่น พายุ สึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ
    - บังคับให้ฉีดวัคซีนไข้หวัด2009 (โดยในวัคซีนมีเชื่อที่มีชีวิตปนอยู่ด้วย)
    - NASA จะใช้นิวเคลียร์ ระเบิดภูเขาใต้น้ำแข้งที่ขึ้วโลกเหนือ เพื่อให้แกนโลกเอียง (NASA ก็ถูกครอบงำโดยกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati))


    และเมื่อแผนการสำเร็จ กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) และมนุษย์ต่างดาว ก็จะครองโลกได้สมบูรณ์แบบ โดยมีเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของโลกแห่งใหม่ที่ คาซัคสถาน โดยมีชื่อเมืองว่า Astanna และเมือง Astanna ปัจจุบันก็สร้างเสร็จแล้วด้วย ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นเรื่องจริง


    บทความโดยน้องเมย์




    สงครามระหว่างมนุษย์ต่างดาว...


    (พระคริสต์ กับ ซาตาน)




    [​IMG]


    สงคราม นรก สวรรค์ (ARMAGEDDON)


    จากการที่ผมได้รวบรวมข้อมูลเรื่องของ Nibiru/2010.2/page-12NWO/อิลลูมินาติ ฯลฯ เมื่อนำมาประมวลกับคำทำนายในคัมภีร์ไบเบิ้ล เรื่องสงครามวันสิ้นโลก(ARMAGEDDON) ก็พอจะสรุปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันชนิดแยกกันไม่ออกเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือมันเป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี(พระคริสต์) กับมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว(ซาตาน,อิลลูมินาติ,ฟรีเมสัน ฯลฯ) ที่จะมาทำสงครามกันในโลกมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้นั่นเอง โดยมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี จะมีชัยชนะเหนือมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่วได้ในที่สุด มีรายละเอียดดังนี้ครับ



    [​IMG]



    จากวันที่กำเนิดมนุษย์ จนถึงวันสิ้นสุดศตวรรษที่ 20


    เป็นเวลา 6,795 ปี


    SATAN ครอบงำหลอกล่อมนุษย์ ให้ทำชั่วทุกวิถีทาง


    มีคำถามที่เป็นที่น่าสงสัยว่า


    ทำไม พระเจ้า ทรงสร้างหรือยังปล่อยให้ SATAN ดำรงอยู่


    ทั้งที่ท่านมีอำนาจในการทำลาย


    คำตอบง่ายๆก็คือ พระเจ้า ทรงมองเห็นว่าทุกสิ่งที่ท่านสร้าง


    เป็นสิ่งที่สวยงาม และดีที่สุด หรือ พูดให้ง่ายคือ


    พระเจ้าทรงมีพระเมตตา และ รักในทุกสิ่ง


    SATAN แท้จริงก็เป็น เทวดาองค์หนึ่ง


    ที่หลงผิดคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้อง ปล่อยให้ความริษยา เข้าครอบงำตนเอง


    ความโกรธแค้นมีทิฐิ ไม่ยอมรับและอภัยผู้อื่นนั้นเอง


    แต่พระเจ้าก็ยังทรงเมตตาเสมอ


    ทั้งๆที่ SATAN ไม่เคยที่จะคิดได้ ยังคงทำความเลวต่อไป


    ในระยะเวลาช่วง 7 ปี ก่อนถึง


    สงครามครั้งสุดท้ายระหว่าง สวรรค์-นรก



    [​IMG]


    SATAN จะมีอำนาจมากขึ้น และทำให้โลกเกิดความพินาศอย่างน่ากลัว



    [​IMG]


    จากบันทึกมีการกล่าวถึงสัตว์ร้าย 2 ตัว



    ที่มีหมายเลขประทับที่หน้าผากด้วยเลข 666
    • สัตว์ตัวแรกมี 7 หัว 10 เขา และมี อำนาจเหนือมนุษย์ทุกผู้
    • ส่วนตัวที่ 2 ได้รับอำนาจเสริมจากตัวแรก มีอำนาจให้คนทั้งโลกสยบสยบแทบเท้ามัน
    SATAN จะมีอำนาจในโลกอย่างอหังการ์นาน 7 ปี


    และจะถูกจองจำโดยพระเจ้า ไปนาน 1,000 ปี


    ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงยุคของชาววิไล ยุคแผ่นดินโลกใหม่


    แต่หลังจากนั้น มันก็จะถูกปล่อยออกมาก่อกรรมอีก


    และคราวนี้พระเจ้าจะจับมารซาตาน โยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน


    รวมทั้งสัตว์ร้ายทั้งหลายที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ


    จะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิจนิรันดร์ และนั่นคือวาระสุดท้ายของ SATAN


    สงครามขั้นแตกหัก ARMAGEDDON หรือ APOCALYPSE หรือ JIHAD


    น่าจะเป็นการเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3



    การทำลายล้างจะทำให้เกิดการสูญเสียของชีวิตมนุษย์


    ไปถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 ล้านคน


    ตามบันทึกมีการพูดถึง ดวงตราทั้ง 7 หรือ THE SEVEN SEALS


    เมื่อมีการเปิดผนึกดวงตราทั้ง 7 จะมีการปรากฎตัวของบุรุษลึกลับ 4 คน ขี่ม้า 4 ตัว


    ที่มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด


    มีเสียงร้องอันดังดุจสายฟ้าร้อง


    หรือที่เรียกกันว่า THE FOUR HORSEMEN OF THE APOCALYPSE


    หรือ 4 อัศวินแห่งวันโลกาวินาศ


    เหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 3 สิ่งใหญ่ๆ


    คือ ดวงตราทั้ง 7 การเป่าแตรทั้ง 7 และการเทขันแห่งพระพิโรธทั้ง 7



    [​IMG]




    • เมื่อตราดวงแรก ถูกเปิดออก จะมีคนลึกลับขี่ม้าขาวออกมา ในมือถือคันธนู ทำให้โลกเกิดความทุกข์ยากไป 3 ปีครึ่ง และ SATAN ที่มีเครื่องหมาย 666 ก็จะเข้าครอบงำโลกมนุษย์อีก 3 ปีครึ่ง หลังจากนั้นจะเกิดสงครามมหาประลัย พระมาซีอา พระมะห์ดีร์ หรือพระศรีอาริยเมตไตรยก็จะเสด็จมา ทรงทำให้โลกเข้าสู่ยุคแผ่นดินโลกใหม่ ยุคของชาววิไล
    • เมื่อดวงตราที่ 2 ถูกเปิดผนึก จะมีคนลึกลับขี่ม้าสีแดงออกมา ในมือถือดาบเล่มใหญ่ คนๆนี้จะทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันน่าสะพรึงกลัว มีคนล้มตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก
    • เมื่อดวงตราที่ 3 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่มาสีดำออกมา ในมือถือตราชู ทั่วโลกจะเกิดความกันดาร อดอยาก และกลียุค เขาจะมาในคราบของนักบุญที่นำสันติสุขมาสู่โลก แต่กลับนำพาผู้คนเข้าสู่สงครามมหาประลัย
    • เมื่อดวงตราที่ 4 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่ม้าสีเขียวอมดำ ออกมา คนๆนี้ถือเป็นมัจจุราช มาคร่าชีวิตผู้คนด้วยโรคระบาด ความอดอยาก ทำให้ผู้คนล้มตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่เหลือ
    • เมื่อดวงตราที่ 5 ถูกเปิดผนึก วิญญาณของผู้ที่ล้มตายมากมาย จะได้รับเสื้อสีขาวที่พระเจ้าทรงประทานให้ และรับสั่งให้พวกเขาทนรอเพื่อให้ดวงวิญญาณที่ต้องล้มตายครบตามจำนวน
    • เมื่อดวงตราที่ 6 ถูกเปิดผนึก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง กลางวันกลับมืดมิด กลางคืนดวงจันทร์ทอแสงเป็นสีเลือด ทุกคนจะรู้ดีว่าวันที่พระเจ้าทรงพิโรธ ได้มาถึงแล้ว วิญญาณที่ได้รับเสื้อขาว จะถูกนำตัวไปยังน้ำพุแห่งชีวิต พวกเขาจะไม่หิวกระหายอีกต่อไป ไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป
    • เมื่อดวงตราที่ 7 ถูกเปิดผนึก ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่งโมง
    เทวทูตทั้ง 7 องค์ ได้รับแตร 7 อัน



    มีอยู่หนึ่งองค์ที่ถือกระถางไฟทองคำมาด้วย


    และเตรียมที่จะโยนมันลงมายังโลก เพื่อเผาผลาญคนชั่วให้สิ้นซาก


    จากนั้นเทวทูตทั้ง 7 ก็ทำการเป่าแตร




    องค์ที่ 1 เป่าแตร ยังผลให้โลกไหม้ไป 1 ใน 3 ส่วน

    องค์ที่ 2 เป่าแตร ยังผลให้เกิดอุกาบาตตกลงในทะเลทำให้ทะเลกลายเป็นสีเลือดไป 1 ใน 3
    องค์ที่ 3 เป่าแตร ยังผลให้อุกาบาตตกลงในแน่น้ำทั้งหลาย ทำให้น้ำมีรสขม ทำให้ผู้คนล้มตายเพราะน้ำนี้
    องค์ที่ 4 เป่าแตร เป็นการเตือนว่าความพินาศจะเกิดแก่คนทั้งหลายบนโลก
    องค์ที่ 5 เป่าแตร อุกาบาตตกลงยังพื้นดินผู้คนที่บาดเจ็บจะได้รับความทรมานแต่ไม่ตายอยู่เป็นเวลา 5 เดือน แม้อยากตายก็ตายไม่ได้
    องค์ที่ 6 เป่าแตรทูตสวรรค์ที่เคยถูกส่งมายังโลกและถูกมารจับตัวไว้จะได้รับการปลดปล่อย และเตรียมตัวทำลายล้างมนุษย์ที่ชั่วช้าที่ถูกSATAN ครอบงำ
    องค์ที่ 7 เป่าแตร แผ่นดินใหม่บังเกิด พระเจ้าชนะสงคราม แต่มารหรือซาตานก็ยังล่อลวงมนุษย์ต่อไปทำให้เกิดการเทขันแห่งพระพิโรธขึ้น




    [​IMG]
    • ขันที่ 1 ผู้ที่บูชา SATAN จะเกิดแผลร้ายเป็นหนองไปทั้งตัว
    • ขันที่ 2 เทลงในทะเล สัตว์ที่อยู่ในทะเลก็ตายจนสิ้น เกิดโลกระบาดไปทั่ว
    • ขันที่ 3 ล้างพวกที่มีจิตใจใฝ่อธรรมจนหมดสิ้น
    • ขันที่ 4 เทลงไปที่ดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์แผดแสงมากยิ่งขึ้น เกิดความแห้งแล้ง ทุรกันดาร อดอยาก
    • ขันที่ 5 เทใส่ บัลลังก์ ของ SATAN ทำให้อาณาจักรของมันมืดมน
    • ขันที่ 6 เทลงในแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง ผีโสโครก 3 ตน ปรากฎกายออกมา ปลอมตัวเป็นผู้เผยวจนะของพระเจ้า ล่อลวงให้มนูษย์ทำสงครามกันเอง
    • ขันที่ 7 เทไปในอากาศ METRATON แผดเสียงแทนพระเจ้าดังกังวารว่า "สำเร็จแล้ว" ทำให้เกิดแผ่นดินไหว มหานครต่างๆบนโลก แยกออกเป็น 3 ส่วนบรรดาเกาะใหญ่น้อยทั้งหลายจมลงสู่ใต่บาดาลเชกเช่นตอนที่อาณาจักร ATLANTIS ถูกพระเจ้าทำลายล้าง
    เมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายจบลง



    SATAN และสัตว์ร้ายทั้งหลาย ถูกจับตัวและถูกโยนลงไปในบึงไฟ


    และถูกฆ่าตายด้วยแสงที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า


    นกทั้งปวงรุมแทะกินเนื้อพวกมันจนแหลกเหลว


    แต่วิญญาณชั่วร้ายของมันยังคงอยู่




    [​IMG]


    แต่ถูกจับมัดและกักขังในบาดาล 1,000 ปี


    แผ่นดินสงบสุขไป 1,000 ปี ก่อนที่วิญญาณชั่วร้ายจะถูกปลดปล่อยอีกครั้ง....






    เรียบเรียงข้อมูลการวีวของผมทุกบทความ มีทั้งปริศนา Nibiru/2010-2012/NWO/Fallens..etc.


    โดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->echonight<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3680685", true); </SCRIPT> สมาชิกเว็บพลังจิต



    ต่อไปนี้คือข้อมูลของการวีวของผมจากบทความที่ผ่านมาของผม ตอนนี้จะนำมาเรียบเรียงให้เป็นกระทู้เดียวเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ ​


    บทความนี้เป็นช่วงที่ผมเริ่มวีวครั้งแรกๆนะครับ

    ฟังนะครับ อีกไม่เกิน 2 เดือนจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในอเมริกา น่าจะบริเวณแคลิฟอร์เนีย ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ผมเห็นเสากระแสไฟฟ้าแรงสูง หลายต้นในอลาสก้า ปล่อยสนามพลังงานทีี่ยิ่งใหญ่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้ ประมาณเดือน สิงหาหรือกันยายน จะเกิดสึนามิขนาดใหญ่ทางฝั่งตะวันตก ของอเมริกา พัดกระจายเข้าประเทศต่างๆ ในแถบนั้นย่อยยับไปด้วย เช่น ฮาวาย ฟิจิ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ หลังจากนี้ไม่นาน จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ภูเขาไฟหนึ่งในลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างภูเขาไฟที่เยลโลวสโตนส์ จะระเบิดครั้งใหญ่ โลกจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งขนาดย่อม แกนแม่เหล็กโลกจะลดเหลือไม่กี่เกาท์ ทะเลและแหล่งน้ำจะเดือดเป็นบางจุด!!

    หลังจากนั้นน่าจะสองสามปี แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเหลืออยู่บนผิวโลก พวกผู้คนและสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ใต้อุโมงค์ขนาดใหญ่ ทุกที่ทั่วโลกจะออกมาจัดตั้งประเทศอีกครั้ง แต่มีแค่ประเทศเดียวและรัฐเดียวปกครองทั้งโลก และหลังจากนั้นผมเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากเหนือสิ่งที่เคยพบเห็นมาก่อน มันคืออภิมหาสงครามขนาดใหญ่ ที่กระจายอยู่ทุกหย่อมหญ้าบนโลก ดิน น้ำ บนอากาศ เต็มไปด้วยแสงเลเซอร์และเปลวเพลิง มันน่าขนลุกมากที่ได้เห็นว่ามนุษย์เปลี่ยนไปได้ยังไง?? พวกเขาบางคนมีคนตัวใหญ่มาก มีเขา มีปีกอีกด้วย!! มียานอวกาศลอยเต็มฟ้าไปหมด ให้ตายเถอะ!! และเมื่อสงครามจบลง .... ผมเห็นโลกใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง แต่มันแปลกมาก ดูเหมือนรีโมท วีวอิ้งของผมจะมาได้ไกลสุดแค่นี้

    เมื่อคืน ผมวีวเลยไปดูอีก 6 ปีนับจากนี้ คือปี 2016 ตอนนั้นมีเมืองที่ใหญ่มากได้ยินเรียกขานกันว่า อัสตาน่า มีคนตัวใหญ่มีเขา มีปีกยืนอยู่บนแท่นคล้ายๆกับเป็นการปราศัย เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษในช่วงแรก ได้ยินประมาณว่า นิวเวิร์ล ออเดอร์ คำเนี้ยได้ยินบ่อย (น่าจะแปลว่ารายการหรือระเบียบโลกใหม่) และคำว่า ฟอลเล็น แองเจิ้ล ที่ได้ยินบ่อยพอหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาษาอะไรไม่รู้ เขาพูดท่ามกลางฝูงชน ที่มีแถวของมนุษย์อย่างเราและแถวของคนที่ตัวใหญ่มาก บ้างก็มีปีก มีเขา ผมเห็นมีธงที่เหมือนธงของอิสราเอล แต่ตรงกลางธงเป็นรูปสามเหลี่ยม มีดวงตาอยู่ข้างในและรูปดาวหกแฉกอยู่ในวงกลมอยู่ข้างๆกัน ธงนี้ตั้งตระหง่านอยู่หน้าตึกรูปหกเหลี่ยม

    น่าแปลกที่ผมไม่เคยเห็นเครื่องบินที่มีปีกเหมือนอย่างในปัจจุบันแม้แต่ลำเดียว ผมเห็นแต่เครื่องบินทรงกลมแบนลำใหญ่และมันบินเร็วกันมากๆ! ทำให้ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าหลังจากเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆผ่านไป 4-5 ปีสิ่งที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้าคือ โลกที่เปลี่ยนไปอย่างมาก โลกที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากชนิกตรงกันข้ามกับปัจจุบันโดยสิ้นเชิง แต่ผมเห็นค่ายทหารขนาดใหญ่จำนวนมาก มากกว่าที่จะเห็นเมืองที่เต็มไปด้วยฝูงชนแออัดยัดเยียดเหมือนในปัจจุบัน มีเครื่องบินรูปทรงกลมและอาวุธขนาดใหญ่อยู่เต็มค่ายหทารไปหมด! ดวงจันทร์และดาวอังคารก็มีโดมอยู่มากมาย และในปี 2020 สงครามก็ได้เกิดขึ้น

    เมื่อผมเห็นยานอวกาศขนาดใหญ่ ประมาณดวงจันทร์ได้ หรืออาจใหญ่กว่าซะอีกจำนวน 11 ลำลอยอยู่ไกล้โลก ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกันแน่ ตรงตัวยานปรากฎสัญลักษณ์รูปจานกลมๆมี ปีกและมีตัวอักษรภาษาอะไรไม่รู้อยู่ ด้านล่างตรานั้น มีจานบินได้บินว่อนออกมาไล่ยิงกันเต็มท้องฟ้าไปหมด ผมเห็นลำแสงขนาดใหญ่ถูกยิงจากโลกขึ้นไปเป็นระยะๆ และแล้วยานลำใหญ่ 4 ลำก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ปรากฎเป็นภาพลูกไฟขนาดใหญ่อยู่ในอวกาศ ยานที่เหลืออีก 7 ลำจึงถอยร่นออกไปอยู่บริเวณดาวอังคาร แต่ยังมียานขนาดเล็กบินออกมาอยู่เป็นระยะๆเต็มห้วงอวกาศไปหมด ทำให้สงครามขยายวงกว้างออกไปไกลขึ้น

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังถูกกองทัพมนุษย์ต่างดาวรุกราน และเหมือนว่าเรากำลังสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกมนุษย์ต่างดาวอีกกลุ่มด้วย พวกเรากำลังสู้กับพวกที่มีปีกและมีเขา รูปร่างเหมือนกับพวกที่ร่วมสู้กับเรา อย่างไรอย่างนั้น และมีพวกที่หัวโต ดาโตสีดำใหญ่ตัวเล็กๆด้วย ทำให้ผมนึกถึงเอเลี่ยนเกรย์ขึ้นมาทันที! ใช่เลย เกรย์แน่ๆ! ..สงครามครั้งนี้ยืดเยื้ออยู่อีกประมาณ 2 วันจนกระทั่งได้ยุติลง ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันยุติลงอย่างไร แต่มันช่างสะเทือนใจผมมากจริงๆ ผมบอกได้เพียงว่า อีกไม่นาน โลกใบนี้กำลังจะเปลี่ยนไป...ตลอดกาล

    ----------------------------------------------------------------------------

    บทความนี้ผมได้ไปวีวย้อนดูหลายครั้ง และได้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจนกระจ่างแล้ว หลังจากวิวย้อนไปดูอดีตจึงทราบมาว่า ในอดีต ยานยักษ์พวกนี้ถูกใช้ขนาบโลกเพื่อ ใช้แรงดึงดูดดึงน้ำให้ไหลท่วมไปตามทวีปต่างๆ ทั่วโลก และนั่นคือยุคของโนอาห์นั่นเอง ยุคน้ำท่วมโลกในสมัยพระคำภีร์ไบเบิ้ล

    ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าหลังจากดูอนาคต แล้วมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ไหมนะ รู้แต่ว่าถ้ามันไม่เปลี่ยน พวกเราจบเห่แน่ ๆ ตอนนี้มีมนุษย์หลายกลุ่มพยายามจะต่อต้านและต่อสู้กับฝ่ายมืด (ขอเรียกแบบนี้ละกัน) และมีอยู่กลุ่มนึงที่เรียกว่า กลุ่ม Indigo ซึ่งเคลื่อนไหวใต้ดินอย่างลับๆ พวกนี้เป็นพวกที่ปลุก DNA แล้วและมีความสามารถพิเศษต่างๆ ซึ่งผมไม่สามารถมองได้ไปไกลมาก เลยไม่รู้ว่าในอนาคตพวกนี้จะรอดเงื้อมมือ ฝ่ายมืดไปได้หรือไม่ พวกนี้อาจจะเป็นความหวังหนึ่งเดียวของพวกเรา ที่จะรักษามนุษย์เจนเนอเรชั่น นี้ให้ดำรงอยู่และสร้างอารยธรรมของ พวกเราต่อไปตราบนานเท่านาน...

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->echonight<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3680685", true); </SCRIPT> 19-08-2010, 09:02 PM




    star wars



    [​IMG]



    [​IMG]




    SATAN และสัตว์ร้ายทั้งหลาย ถูกจับตัวและถูกโยนลงไปในบึงไฟ และถูกฆ่าตายด้วยแสงที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า นกทั้งปวงรุมแทะกินเนื้อพวกมันจนแหลกเหลว แต่วิญญาณชั่วร้ายของมันยังคงอยู่...


    **KK **
    ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในอ่านนะ พี่น้อง



    <!-- google_ad_section_end -->




    <!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขออนุญาติ ประชาสัมพันธ์ งาน "ถนนเทคโนโลยี'54" ชมสุดยอดนวัตกรรมหุ่นยนต์จากรั้ว ม.ดัง

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 มิถุนายน 2554 06:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เตรียมเปิดงาน “ถนนเทคโนโลยี” ประจำปี 2554 ภายใต้แนวคิด “จุดพลังสร้างสรรค์เทคโนโลยี” นำเสนอสุดยอดนวัตกรรมหุ่นยนต์ทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแสดงให้ชมอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดประกวด “นวัตกรรมเพื่อการเกษตร” และแข่งขันหุ่นยนต์ “ABU Robot Contest” ชิงแชมป์ประเทศไทย 2554 หาตัวแทนเยาวชนไทยชิงแชมป์เอเชีย-แปซิฟิก ระหว่าง 11-12 มิถุนายน2554 ณ ฮอลล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี

    นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ถนนเทคโนโลยี” ประจำปี 2554 ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในด้านเทคโนโลยีของเยาวชนไทยโดยกิจกรรมนี้จะเป็นเวทีสำหรับเยาวชนไทยในการนำความรู้ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และวิศวกรรมอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งกระตุ้นกระแสความสนใจความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหมู่เยาวชน ให้เพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนเสริมสร้างทักษะในการเรียนรู้และการวางแผนการทำงานอย่างมีระบบและเป็นทีม

    “งานถนนเทคโนโลยี ได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 แล้ว โดยในปีนี้อสมท.ได้จัดงานและเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี พร้อมเชิญชวนร่วมเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนไทย ในการประกวด “นวัตกรรมเพื่อการเกษตร” และการแข่งขัน “ABU Robot Contest” ชิงแชมป์ประเทศไทย 2554 รวมทั้งเชิญชมนิทรรศการเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา โดยมีการลงนามถวายพระพรด้วยระบบ touch screen"

    ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะกรรมการวิชาการการแข่งขันหุ่นยนต์ ABUกล่าวเสริมถึงการแข่งขัน หุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554 "ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon (ABU Asia-Pacific Robot Contest)ใน ในวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่กำลังจะมาถึง ด้วยธีม “ลอยกระทง จุดประกายความสุขด้วยมิตรภาพ” เป็นการแข่งขันหุ่นยนต์ประกอบ “กระทง” จากแนวคิดประเพณีลอยกระทง อันเป็นวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว อีกทางหนึ่งของประเทศไทย"

    ด้าน นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท INDEX Creative Village PLC.กล่าวว่า ไฮไลท์ของการจัดงานครั้งนี้ คือ การนำหุ่นยนต์ และนวัตกรรมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศมาให้ชมอย่างหลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์เสมือนจริงจากประเทศญี่ปุ่น “หุ่นยนต์ไดโนเสาร์” ที่สามารถเคลื่อนไหวได้และมีกล้ามเนื้อเหมือนจริง “กอลิลาทอล์คโชว์ 2 เพื่อนซี้หุ่นยนต์กอลิลา และ Mini Bot หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์ ประชันกับ “อินทรชิต” หุ่นยนต์สัญชาติไทย ทูตวัฒนธรรมไทย-จีน ที่เพิ่งไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในงาน The World Exposition Shanghai China 2010 ซึ่งจะนำมาโชว์ให้ได้ชมกันภายในงานครั้งแรก

    “ผู้เข้าชมงานยังจะได้พบกับเกมความสนุก รูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้รักเทคโนโลยี อย่าง Drone นวัตกรรมอากาศยานไร้นักบินขนาดเล็กที่สามารถควบคุมน้ำหนักด้วยเครื่องมือสื่อสารระยะไกล เช่น โทรศัพท์มือถือ ในรูปแบบ “กระทงลอยฟ้า” Robot Dance นวัตกรรมหุ่นยนต์ที่สามารถเต้นได้เสมือนกับมนุษย์ที่จะสร้างความบันเทิงในแบบเพลงไทยที่เข้ากับ Theme งานด้วยเพลงลอยกระทง พร้อมเพลงยอดฮิตในปัจจุบัน ที่นำมาให้ชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด"

    นอกจากนี้ยังมีการประกวดนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเกษตรที่สามารถต่อยอดและสร้างแรงบันดาลใจคนไทยให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรม อาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประธานคณะกรรมการตัดสิน การประกวดเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร กล่าวว่า “ร่วมชมความสามารถและไอเดียสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยกับการประกวดสิ่งประดิษฐ์ “เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร” ที่สามารถต่อยอดในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรไทยจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่จะทำให้ทุกท่านรู้ว่าศักยภาพด้านเทคโนโลยีของคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก”

    ** สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรีอย่างใกล้ชิด โดยจะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 11-12 มิถุนายน 2554 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ฮออล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี ติดตามรายละเอียดได้ที่ MCOT.NET | Technology Street 2011
    http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070704
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เล่ม : ปฐมกาล บทที่ :10
    พระคำ
    1 ต่อไปนี้ เป็นพงศ์พันธุ์บุตรทั้งหลายของโนอาห์ คือ เชม ฮาม และยาเฟท ซึ่งมีบุตรสืบมาหลังน้ำท่วม
    2 บุตรของยาเฟท ชื่อ โกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส
    3 บุตรของโกเมอร์ ชื่อ อัชเคนัส รีฟาท และโทการมาห์
    4 บุตรของยาวาน ชื่อ เอลีชาห์ ทารชิช คิทธิม และโดดานิม
    5 จากพงศ์พันธุ์เหล่านี้ประชาชนตามฝั่งทะเล แผ่ไพศาลออกไปในแผ่นดินของเขา ตามภาษาตามตระกูลตามชาติของเขา
    6 บุตรของฮาม ชื่อ คูช อียิปต์ พูต และคานาอัน
    7 บุตรของคูช ชื่อ เส-บา ฮาวิลาห์ สับทาห์ ราอามาห์ และสับเทคา ส่วนบุตรของราอามาห์ ชื่อ เชบา และเดดาน
    8 คูชมีบุตร ชื่อ นิมโรด นิมโรดเริ่มเป็นคนแกล้วกล้าบนแผ่นดิน
    9 นิมโรดเป็นพรานใหญ่ยิ่งต่อพระพักตร์พระเจ้า เพราะฉะนั้นจึงมีคำสุภาษิตว่า "เหมือนกับนิมโรดพรานใหญ่ยิ่งต่อพระพักตร์พระเจ้า"
    10 อาณาจักรแรกๆ ของนิมโรดนั้น คือ เมืองบาบิโลน เมืองเอเรก และเมืองอัคคัด เมืองทั้งสามนี้อยู่ในแผ่นดินชินาร์
    11 นิมโรดไปจากประเทศนั้นยังแผ่นดินอัสซีเรีย สร้างเมืองนีนะเวห์ เมืองเรโหโบทอีร์ เมืองคาลาห์
    12 และเมืองเรเสน ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองนีนะเวห์กับเมืองคาลาห์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่
    13 อียิปต์มีบุตร ชื่อ ลูดิม อานามิม เลหะบิม นัฟทูฮิม
    14 ปัทรุสิม คัสลูฮิม (ผู้เป็นต้นตระกูลคนฟีลิสเตีย) และคนคัฟโทริม
    15 คานาอันมีบุตรหัวปี ชื่อไซดอน กับน้องชาย ชื่อ เฮท
    16 กับคนเยบุส คนอาโมไรต์ คนเกอร์กาชี
    17 คนฮีไวต์ คนอารคี คนสินี
    18 ตระกูลอารวัด ชาวเศเมอร์ และตระกูลฮามัธ ภายหลังตระกูลของคนคานาอัน ก็แยกย้ายกันไป
    19 เขตของคนคานาอันยื่นจากเมืองไซดอน ไปทางเมืองเก-ราร์ จนถึงเมืองกาซา และไปทางเมืองโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิมจนถึงเมืองลาชา
    20 คนเหล่านี้เป็นพงศ์พันธุ์ของฮาม ตามตระกูล ตามภาษา ตามเมือง และตามชาติของเขา
    21 ฝ่ายเชมพี่ชายใหญ่ของยาเฟท เป็นบิดาของชนเอเบอร์ เขามีบุตรหลายคนด้วย
    22 บุตรของเชมนั้น ชื่อ เอลาม อัสชูร อารปัคชาด ลูด และอารัม
    23 บุตรอารัม ชื่อ อูส ฮูล เกเธอร์ และมัช
    24 อารปัคชาดมีบุตร ชื่อ เชลาห์ ส่วนเชลาห์มีบุตร ชื่อ เอเบอร์
    25 เอเบอร์มีบุตรสองคน คนหนึ่งชื่อเพเลก ด้วยว่าในคราวอายุของเพเลกนั้น เขาแบ่งแผ่นดินกัน และน้องชายของเพเลก ชื่อ โยกทาน
    26 โยกทานมีบุตร ชื่อ อัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท เยราห์
    27 ฮาโดรัม อุซาล ดิคลาห์
    28 โอบาล อาบีมาเอล เชบา
    29 โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของโยกทาน
    30 ดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่เริ่มจากเมืองเมชา ไปทางเสฟาร์ถึงถิ่นเทือกเขาทางทิศตะวันออก
    31 คนเหล่านี้ เป็นพงศ์พันธุ์ของเชม ตามตระกูล ตามภาษา ตามเมือง และตามชาติของเขา
    32 นี่แหละ เป็นพงศ์พันธุ์ที่สืบมาจากบุตรของโนอาห์ ตามลำดับสกุลวงศ์ ตามชาติของเขา และจากคนเหล่านี้ประชาชาติทั้งหลายในโลก ก็แผ่ไพศาลออกไปภายหลังน้ำท่วม

    เล่ม : โยนาห์ บทที่ : 1

    1 พระวจนะของพระเจ้ามาถึงโยนาห์ บุตรอามิททัยว่า
    2 "จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เหตุความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาถึงเราแล้ว"
    3 แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชจากพระพักตร์พระเจ้า ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และขึ้นเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า
    4 แต่พระเจ้าทรงขับกระแสลมใหญ่ขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้น จนน่ากลัวกำปั่นจะอับปาง
    5 แล้วบรรดาลูกเรือก็กลัว ต่างก็ร้องขอต่อพระของตน และเขาโยนสินค้าในกำปั่นลงในทะเล เพื่อให้กำปั่นเบาขึ้น แต่โยนาห์เข้าไปข้างในเรือ นอนลงและหลับสนิท
    6 นายเรือจึงมาหาท่าน และกล่าวแก่ท่านว่า "เจ้าคนขี้เซาเอ๋ยอย่างไรกันนี่ ลุกขึ้นซิ จงร้องขอต่อพระเจ้าของเจ้า ชะรอยพระเจ้านั้นจะทรงระลึกถึงพวกเราบ้าง เราจะได้ไม่พินาศ"
    7 เขาทั้งหลายก็ชักชวนกันว่า "มาเถอะ ให้เราจับฉลากกัน เพื่อเราจะทราบว่า ใครเป็นต้นเหตุแห่งภัยซึ่งเกิดขึ้นแก่เรานี้" ดังนั้นเขาก็จับฉลาก ฉลากนั้นก็ตกแก่โยนาห์
    8 เขาจึงพูดกับโยนาห์ว่า "จงบอกเรามาเถิดว่า ภัยซึ่งเกิดขึ้นแก่เรานี้ ใครเป็นต้นเหตุ เจ้าหากินทางไหน และเจ้ามาจากไหน ประเทศของเจ้าชื่ออะไร เจ้าเป็นคนชาติไหน"
    9 และท่านจึงตอบเขาว่า "ข้าพเจ้าเป็นคนฮีบรู และข้าพเจ้ายำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงสร้างทะเล และแผ่นดินแห้ง"
    10 คนทั้งปวงก็กลัวยิ่งนัก จึงถามเขาว่า "ท่านกระทำอะไรเช่นนี้หนอ" เพราะคนเหล่านั้นทราบแล้วว่า ท่านหลบหนีจากพระพักตร์พระเจ้า เพราะท่านบอกแก่เขาเช่นนั้น
    11 เขาทั้งหลายจึงกล่าวแก่ท่านว่า "เราควรจะทำอย่างไรแก่ท่าน เพื่อทะเลจะได้สงบลงเพื่อเรา" เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นทุกที
    12 ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า "จงจับตัวข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเลก็แล้วกัน ทะเลก็จะสงบลงเพื่อท่าน เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าที่พายุใหญ่เกิดขึ้นแก่ท่านเช่นนี้ ก็เนื่องจากตัวข้าพเจ้าเอง"
    13 ถึงกระนั้นก็ดี พวกลูกเรือก็ช่วยกันตีกรรเชียงอย่างแข็งแรง เพื่อจะนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ไม่ได้ เพราะว่าทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นต้านเขาไว้
    14 เพราะฉะนั้น เขาจึงร้องทูลต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวิงวอนต่อพระองค์ ขออย่าให้พวกข้าพระองค์พินาศ เพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้โทษของการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตกมาเหนือข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัย"
    15 เขาจึงจับโยนาห์ทิ้งลงไปในทะเล ความปั่นป่วนในทะเลก็สงบลง
    16 คนเหล่านั้นก็ยำเกรงพระเจ้ายิ่งนัก เขาทั้งหลายก็ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า และสาบานตัวไว้
    17 และพระเจ้าทรงกำหนดให้ปลามหึมาตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน

    เล่ม : โยนาห์ บทที่ :2

    1 แล้วโยนาห์ก็อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านจากภายในท้องปลานั้น ว่า
    2 "ในคราวที่ข้าพระองค์ตกทุกข์ได้ยาก ข้าพระองค์ร้องทุกข์ต่อพระเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลจากท้องของแดนคนตาย และพระองค์ทรงฟังเสียงข้าพระองค์
    3 เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ลงไปในที่ลึก ในท้องทะเล และน้ำก็ท่วมล้อมรอบข้าพระองค์ไว้ บรรดาคลื่น และระลอกของพระองค์ ท่วมข้าพระองค์แล้ว
    4 ข้าพระองค์จึงทูลว่า "ข้าพระองค์ถูกเหวี่ยง ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะเงยหน้ามอง*พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ได้อีก*
    ศัพท์ในข้อพระคำ:
    * = หรือ ข้าพระองค์จะเงยหน้าดู
    * = พระวิหารของข้าพระองค์อย่างไรได้อีก


    5 น้ำก็ท่วมมิดตัวข้าพระองค์ ที่ลึกก็อยู่รอบตัวข้าพระองค์ สาหร่ายทะเลก็พันศีรษะข้าพระองค์อยู่
    6 ที่รากแห่งภูเขาทั้งหลาย ข้าพระองค์ลงไปยังแผ่นดิน ซึ่งดาลประตูปิดกั้นข้าพระองค์ไว้เป็นนิตย์ แต่กระนั้นก็ดี ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ยังทรงนำชีวิตของข้าพระองค์ ขึ้นมาจากปากแดนคนตาย
    7 เมื่อจิตใจอ่อนเพลียไปในตัวของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ระลึกถึงพระเจ้า และคำอธิษฐานของข้าพระองค์มาถึงข้าพระองค์ เข้าสู่พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์
    8 บรรดาผู้ที่แสดงความนับถือต่อพระเทียมเท็จ ย่อมสละทิ้งพระองค์ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงเสีย
    9 แต่ข้าพระองค์จะถวายสัตวบูชาแด่พระองค์ พร้อมด้วยเสียงโมทนาพระคุณ ข้าพระองค์บนไว้อย่างไร ข้าพระองค์จะแก้บนอย่างนั้น การที่ช่วยกู้นั้นเป็นของพระเจ้า"
    10 และพระเจ้าตรัสสั่งปลานั้น มันก็สำรอกโยนาห์ออกไว้บนแผ่นดินแห้ง

    เล่ม : โยนาห์ บทที่ :3

    1 แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงโยนาห์เป็นคำรบสองว่า
    2 "จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศข่าวแก่เมืองนั้น ตามที่เราบอกเจ้า"
    3 ดังนั้น โยนาห์จึงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ ตามพระวจนะของพระเจ้า ฝ่ายนีนะเวห์เป็นนครใหญ่โตมากทีเดียว ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน
    4 โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง และท่านก็ร้องประกาศว่า "อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกคว่ำ"
    5 ฝ่ายประชาชนนครนีนะเวห์ได้เชื่อฟังพระเจ้า เขาประกาศให้อดอาหาร และสวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดถึงผู้น้อยที่สุด
    6 กิตติศัพท์นี้ลือไปถึงกษัตริย์นครนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออกเสีย ทรงสวมผ้ากระสอบแทน และประทับบนกองขี้เถ้า
    7 พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกา ประกาศไปทั่วนครนีนะเวห์ว่า "โดยอำนาจกษัตริย์ และบรรดาขุนนางทั้งหลาย คนหรือสัตว์ ไม่ว่าฝูงสัตว์ใหญ่หรือฝูงสัตว์เล็ก ห้ามลิ้มรสสิ่งใดๆ อย่าให้กินอาหาร อย่าให้ดื่มน้ำ
    8 ให้ทั้งคน และสัตว์นุ่งห่มผ้ากระสอบ ให้ตั้งจิตตั้งใจร้องทูลต่อพระเจ้า เออ ให้ทุกคนหันกลับเสียจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือเขากระทำ
    9 ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจจะทรงกลับ และเปลี่ยนพระทัย คลายจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อว่าเราจะมิได้พินาศ"
    10 เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของเขาแล้วว่า เขากลับไม่ประพฤติชั่วต่อไป พระเจ้าก็ทรงกลับพระทัย ไม่ลงโทษ ตามที่พระองค์ตรัสไว้ และพระองค์ก็มิได้ทรงลงโทษเขา

    เล่ม : โยนาห์ บทที่ :4

    1 เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่างยิ่ง และท่านโกรธ
    2 ท่านจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ในประเทศของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดแล้วว่า จะเป็นไปเช่นนี้มิใช่หรือ นี่แหละเป็นเหตุให้ข้าพระองค์ได้รีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระคุณ และทรงพระกรุณา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และทรงกลับพระทัยไม่ลงโทษ
    3 ข้าแต่พระเจ้า เพราะฉะนั้น บัดนี้ ขอพระองค์ทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะว่าข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่"
    4 และพระเจ้าตรัสว่า "การที่เจ้าโกรธเช่นนี้ดีอยู่หรือ"
    5 แล้วโยนาห์ก็ออกไปนอกนคร นั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองนั้น และท่านทำเพิงไว้เป็นที่ท่านอาศัย ท่านนั่งอยู่ใต้ร่มเพิงคอยดูเหตุการณ์อันจะเกิดขึ้นกับนครนั้น
    6 และพระเจ้าทรงกำหนดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่ง งอกขึ้นมาเหนือโยนาห์ ให้เป็นที่กำบังศีรษะของท่าน เพื่อให้บรรเทาความร้อนรุ่มกลุ้มใจในเรื่องนี้ เพราะเหตุต้นละหุ่งต้นนี้โยนาห์จึงมีความยินดียิ่งนัก
    7 แต่ในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงกำหนดให้หนอนตัวหนึ่งมากัดกินต้นละหุ่งต้นนั้น จนมันเหี่ยวไป
    8 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พระเจ้าทรงกำหนดให้ลมตะวันออกที่ร้อนผากพัดมา และแสงแดดก็แผดลงบนศีรษะของโยนาห์จนท่านอ่อนเพลียไป และท่านก็ทูลขอว่า ให้ท่านตายเสียเถิด ท่านว่า "ข้าตายเสียก็ดีกว่าอยู่"
    9 แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า "ที่เจ้าโกรธ เพราะต้นละหุ่งนั้นดีอยู่แล้วหรือ" ท่านทูลว่า "ที่ข้าพระองค์โกรธถึงอยากตายนี้ดีแล้ว พระเจ้าข้า"
    10 และพระเจ้าตรัสว่า "เจ้าหวงต้นไม้ ซึ่งเจ้ามิได้ลงแรงปลูก หรือมิได้กระทำให้มันเจริญ มันงอกเจริญขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียวดุจกัน
    11 ไม่สมควรหรือที่เราจะหวงเมืองนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพลเมืองมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคน ผู้ไม่ทราบว่า ข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงเป็นอันมากด้วย"
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บทที่ 3: นีนะเวห์กลับใจ และ โยนาห์ไม่พอใจ (โยนาห์ 3 & 4)
    Study By: Bob Deffinbaugh

    เราพัก อยู่เลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งชื่อ "ฮี้ฮอ" ตรงทุ่งข้างบ้าน ตอนนั้นฮี้ฮอท้องแก่มาก อารมณ์ ไม่ค่อยสู้จะดี มีอยู่วันหนึ่งเราเดินไปดูว่าฮี้ฮอเป็นอย่างไรบ้าง แมวก็ตามไปด้วย ที่แย่ไปกว่านั้น เจ้าแมวดันไปเดินย่องๆตามหลังลา พอลาหันมาเห็น มันก็มองอย่าง จะเอาเรื่อง ผมกับภรรยาก็ไม่กล้าเดินไปลากแมวออกมา ได้แต่คิดว่าแมวน่าจะฉลาด พอ แล้วสิ่งที่คาดเอาไว้ก็เกิดขึ้น แมวล้ำเส้นลามากไป ก็เลยถูกเตะเปรี้ยงเดียว กระเด็นลอยไปไกลพอดู พอแมวยืนติดลุกขึ้นมาสบัดหัวไล่ความงง มันคงพอรู้แล้วว่า ลาคงจะไม่ชอบขี้หน้ามัน

    พอผมอ่านพระธรรมโยนาห์มาถึงบททีีสามและสี่ ผมมีความรู้สึกเดียวกับตอนที่เห็น แมวของเราเดินย่องตามหลังฮี้ฮอ โยนาห์ก็เหมือนกับแมวตัวนั้น บุกโจมตีพระเจ้า อย่างดื้อดึงในบทที่ 4 ในขณะที่เราอ่านบทนี้ เรารู้ว่าท่านกำลังเดินล้ำเ้ส้น จึงสมควร "ถูกสักป้าป" จากพระเจ้า และถ้ามันเกิดขึ้นเราคงไม่มีความเห็นใจใดๆเหลือให้กับ โยนาห์

    นับว่าแปลกที่โยนาห์ไม่โดน "สักป้าป" จากพระเจ้าทั้งๆที่สมควรเป็นอย่างยิ่ง หนังสือ จบลงกลางอากาศตรงที่โยนาห์ถูกพระเจ้าดุว่าสั่งสอน ทำให้ผู้อ่านรู้สึกแปลกๆห้วนๆ เพราะไม่มีตอนจบแบบ "แฮปปี้เอ็นดิ้ง" ที่ลุ้นกันอยู่ อย่าลืมว่าเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นต้นว่า "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว …" หรือจบลงด้วย "มีสุขชั่วกาลนาน" นะครับ

    การที่หนังสือจบลงแบบนี้เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง พระเจ้าไม่ต้องการให้เรารู้สึก ลำพองใจจนเกินไป เพราะถ้าเรารู้สึกสุขสบายคงยากที่จะกลับใจและยอมรับการเปลี่ยน แปลง คำถามก็คือ "แล้วเราไม่ควรรู้สึกลำพองใจในเรืองใดดี ?" บทที่สามและสี่แสดง ให้เห็นถึงความบาปอันร้ายแรงของโยนาห์ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาพอๆกับในปัจจุบัน ผม อยากให้เราตั้งใจฟังให้ดีในเรื่องที่โยนาห์ประท้วงพระเจ้า และที่พระเจ้าทรงตอบใน บทสรุปของพระธรรมโยนาห์

    โครงร่างและการแบ่งเนื้อหา
    โครงร่างของเนื้อหาสรุปได้ดังนี้ :

    3:1-10
    โยนาห์ไปประกาศ และชาวนีนะเวห์กลับใจ

    3:10-4:11
    "พระกรุณา" ของพระเจ้า และความโกรธของโยนาห์

    3:10-4:4
    คำอธิษฐานประท้วงของโยนาห์ และคำตอบของพระเจ้า

    4:5-9
    จากความปลื้มปิติไปเป็นความเจ็บปวด: ต้นไม้ ตัวหนอน และผู้เผยพระวจนะ

    4:10-11
    คำตรัสสุดท้าย



    ขั้นตอนเหตุการณ์ในสองบทสุดท้ายของพระธรรมโยนาห์ ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้วใน สองบทแรก ในบทที่ 1 พระเจ้าสั่งให้โยนาห์ไปนีนะเวห์ เพื่อไปป่าวร้องถึงความบาป ของคนในเมืองใหญ่นี้ แทนที่จะเดินทางไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โยนาห์ไปที่ท่าเรือ เมืองยัฟฟา ขึ้นเรือมุ่งลงไปยังทารชิชซึ่งอยู่บนชายฝั่งของประเทศสเปน โยนาห์มุ่งไป ในทิศทางตรงข้าม !

    การขัดคำสั่งของโยนาห์มีผลทำให้เกิดพายุใหญ่ ทำให้เรือแทบอัปปางลง และทำ ให้ชาวเรือตกใจจนร้องเรียกหาพระของเขาให้มาช่วย ในขณะที่พวกเขาเร่งโยนสินค้า ทิ้งลงทะเล ก็ไปพบว่าโยนาห์นอนหลับสนิทอยู่ใต้ท้องเรือ กัปตันจึงสั่งให้โยนาห์ช่วย อธิษฐานด้วย (ซึ่งเราเห็นว่าท่านคงไม่คิดจะทำ) ชาวเรือพยายามแก้ใขทุกวิถีทาง มีการจับฉลากดูว่าใครเป็นต้นเหตุุที่ทำให้เรืออัปปาง หลังจากการสอบสวนอย่างหนัก โยนาห์ยอมรับว่าเป็นความผิดของตน และแนะวิธีการแก้ใขสถาณการณ์ -- คือโยน ท่านลงทะเลไป ความพยายามของพวกเขาที่จะส่งโยนาห์ขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยก็ถูก พระเจ้าขัดขวาง จนในที่สุดพวกเขาก็ยอมทำตามที่โยนาห์บอก ก่อนทำ พวกเขาได้ อธิษฐานเพราะต้องทำให้ชายผู้บริสุทธิ์นี้ตายลง แต่พอโยนโยนาห์ลงทะเลไปแล้ว พายุก็สงบ ชาวเรือจึงหันมานมัสการพระเจ้าของอิสราเอล ด้วยเครื่องถวายบูชา และสาบานตนแทน ในบทแรกนำเสนอเรื่อง ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างโยนาห์ กับชาวเรือนอกรีต ท่านไม่เชื่อฟังคำสั่งพระเจ้า แตชาวเรือกลับเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้า ตรัสผ่านทางท่าน พวกเขาอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้งด้วยใจร้อนรน แต่ โยนาห์ไม่เป็น เช่นนั้น พวกเขาสงสารเห็นใจโยนาห์ แต่ท่านกลับไม่แยแสพวกเขาเลย

    บทที่ 2 เป็นเรื่อง "คำอธิษฐาน" ของโยนาห์ วิธีการใช้คำและร้อยกรองในคำอธิษฐาน ของ โยนาห์นั้นคล้ายคลึงกับคำอธิษฐานของพระธรรมสดุดีในพระคัมภีร์เดิม ทั้งในทาง ทฤษฎี และในเนื้อหา แต่คำอธิษฐานของโยนาห์ไม่ได้ดีีตามมาตรฐานอันเลิศของ พระคัมภีร์เลย "คำอธิษฐาน" ของโยนาห์มีแต่เรื่องของตนเอง หมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ ภัยอันตรายที่ตนเองเผชิญอยู่ เรียกร้องการช่วยกู้ มากกว่ามุ่งไปที่พระเจ้าผู้ทรงช่วยท่าน ได้ ที่น่าวิตกคือ ไม่มีคำสารภาพบาปเลยแม้แต่น้อย ในคำอธิษฐานนี้มีแต่เรื่องดูถูกคน ต่างชาติ และพยามยามบอกให้พระเจ้ารู้ถึงความชอบธรรมของตนเอง แต่เมื่อโยนาห์ สรรญเสริญพระเจ้าที่ช่วยให้ท่านรอดตาย พระเจ้าจึงสั่งให้ปลามหึมานั้นสำรอกท่าน ลงบนฝั่ง

    พอถึงบทที่ 3 และ 4 ท่าทีความกตัญญูก็หายวับไปจากผู้เผยพระวจนะหัวแข็งท่านนี้ เลยทำให้ผมต้องตั้งชื่อตอนนี้ว่า "พอกันที ความเป็นผู้ดี" ในบทที่ 1 & 2 นั้น เราพอ มองเห็นความบาปของโยนาห์ แต่ว่ายังดูคลุมเคลือ ไม่เด่นชัดมาก แต่พอเข้าบทที่ 3 และ 4 ที่ท่านออกไปป่าวร้องและชาวนีนะเวห์เกิดกลับใจ ที่นี้แหละ ท่านออกอาการ "ยัวะสุดขีด" และความบาปที่น่าชังของท่านจึงเผยโฉมออกมาอย่างแจ่มแจ้ง ในบทที่ หนึ่งท่านเพียงแต่หนีจากการรับใช้ แต่บทที่ 4 ท่านโจมตีพระเจ้า และบอกกับพระองค์ ด้วยว่าท่านมีสิทธิอย่างยิ่งที่จะโกรธ ในบทที่ 2 ท่านอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยชีวิต แต่ในบทที่ 4 ท่านกลับอธิษฐานขอให้พระเจ้าเอาชีวิตไปเสีย ดูเหมือนในตอนนี้ ทุก อย่างกำลังดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว

    เรื่องของเราจึงเริ่มขึ้นในวิกฤตกาลตอนนี้ สิ่งแรกที่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์คือคำสั่งเดิม ที่ให้ไว้ก่อนเกิดพายุและถูกขังอยู่ในท้องปลา เรารู้เรื่องการป่าวร้องของโยนาห์ และ เรื่องมหัศจรรย์ที่คนทั้งเมืองกลับใจ รวมทั้งที่พระเจ้ายับยั้งการลงโทษตามที่พระองค์ ได้ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะท่านนี้

    ในบทที่ 4 โยนาห์โพล่งออกมาถึงสาเหตุที่ท่านฝ่าฝืนคำสั่งในการให้ไปประกาศที่นคร นีนะเวห์ เหตุการณ์ที่อยู่ในบทนี้แสดงให้เห็นถึงความบาปทั้งสิ้นของโยนาห์ ในขณะที่ ผู้อ่านเห็นความบาปของโยนาห์อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนไม่มีผลกระทบใดๆเกิดขึ้นกับ ท่าน เรื่องจบลงเฉยๆอย่างขาดห้วน โดยมีคำตักเตือนของพระเจ้าค้างอยู่กลางอากาศ และโยนาห์ก็ยังโกรธพระองค์อยู่

    การประกาศของโยนาห์ และ การกลับใจของนีนะเวห์
    (3:1-9)
    1 แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงโยนาห์เป็นคำรบสองว่า 2 "จงลุกขึ้น ไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า" 3 ดังนั้น โยนาห์จึงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ ตามพระวจนะของพระเจ้า ฝ่าย นีนะเวห์เป็นนครใหญ่โตมากทีเดียว ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสาม วัน 4 โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง และท่าน ก็ร้องประกาศว่า "อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกคว่ำ"

    5 ฝ่ายประชาชนนครนีนะเวห์ได้เชื่อฟังพระเจ้า เขาประกาศให้อด อาหารและสวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดถึงผู้น้อยที่สุด 6 กิตติ ศัพท์นี้ลือไปถึงกษัตริย์นครนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออกเสีย ทรงสวมผ้ากระสอบแทน และประ ทับบนกองขี้เถ้า 7 พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกา ประกาศไปทั่ว นครนีนะเวห์ว่า "โดยอำนาจกษัตริย์และบรรดาขุนนางทั้งหลาย คนหรือ สัตว์ ไม่ว่าฝูงสัตว์ใหญ่หรือฝูงสัตว์เล็ก ห้ามลิ้มรสสิ่งใดๆ อย่าให้กิน อาหาร อย่าให้ดื่มน้ำ 8 ให้ทั้งคนและสัตว์นุ่งห่มผ้ากระสอบ ให้ตั้งจิต ตั้งใจร้องทูลต่อพระเจ้า เออ ให้ทุกคนหันกลับเสียจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือเขากระทก 9 ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจจะทรง กลับและเปลี่ยนพระทัย คลายจากพระพิโรธอันรุนแรงเพื่อว่าเราจะมิได้ พินาศ ?"

    เป็นคำรบสองที่ "พระวจนะของพระเจ้า" มาถึงโยนาห์ "จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ นครใหญ่ และประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า" (ข้อ 2) อันนี้ไม่ใช่เป็นคำสั่ง ใหม่ของโยนาห์ แต่เป็นคำสั่งที่สั่งซ้ำเหมือนในบทที่ 1 ครั้งนี้โยนาห์ทำตาม แต่ด้วย ความชื่นชมยินดีหรือทัศนคติแบบใด เราจะมาดูกัน แต่อย่างน้อยที่สุด โยนาห์ก็ไปจน ถึงนีนะเวห์

    ประชากรของนครนีนะเวห์ ถ้าจะรวมถึงปริมณฑลด้วยนั้น คงมากที่เดียว ( 1:2; 3:2; 4:11) เรารู้ขนาดของเมืองด้วยว่า ถ้าเดินข้ามเมืองก็กินเวลา "สามวัน" (3:3) มีข้อมูล มากมายที่นักประวัติศาสตร์รวบรวมไว้เกี่ยวกับเมืองหลวงของอัสซีเรียเมืองนีนะเวห์นี้

    คำพูดของโยนาห์นั้นธรรมดา ตรงประเด็น และน่าตกใจ ""อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกคว่ำ" (3:4).18

    เช่นเดียวกับชาวเรือในบทที่ 1 ชาวนีนะเวห์รับฟังเรื่องการพิพากษาที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างเอาจริงเอาจัง หนังสือบอกว่า "พวกเขาได้เชื่อฟังพระเจ้า" (3:5) ซึ่งเล็งไปถึง การที่ชาวต่างชาติมีความเชื่อในพระเจ้าของอิสราเอล ไม่ใช่เพียงเพราะกลัวการ พิพากษา เลยทำให้ผมเห็นการฟื้นฟูแท้จริงที่เกิดขึ้นเพราะการประกาศของโยนาห์ ดูเหมือนการฟื้นฟูจะ "เริ่มจากเบื้องล่าง" ก่อน แทนที่จะเป็นคำสั่ง "จากเบื้องบน" ลงมา หนังสือบันทึกว่า ชาวนีนะเวห์ได้เชื่อฟังพระเจ้า มีการประกาศให้อดอาหารและห่มผ้า กระสอบ (3:5) ผลตอบรับนั้นเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน จากสามัญชนธรรมดา ขึ้นไป จนถึงเจ้าขุนมูลนาย

    แทบทั้งเมืองกลับใจไปแล้วก่อนที่เรื่องนี้จะรู้ไปถึงกษัตริย์ และเป็นเพราะกษัตริย์เชื่อคำ เตือนของโยนาห์ พระองค์จึงออกคำสั่งเป็นทางการให้ทั้งเมืองกลับใจโดยเริ่มต้นที่ตัว พระองค์ก่อน (3:6) มีการออกพระราชกฤษฎีกาให้ชาวนีนะเวห์ทั้งปวงอดอาหารและ งดดื่มน้ำ (3:7) ทั้งคนและสัตว์ต้องนุ่งห่มผ้ากระสอบ ให้ประชากรร้องทูลต่อพระเจ้า และหันกลับเสียจากการประพฤติชั่ว (3:8).

    ข้อสังเกตุที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือไม่มีการกล่าวว่าประชาชนทำบาปใดบ้าง แน่นอน โยนาห์อาจจะเพิ่มรายละเอียดลงไปบ้างก็ได้ แต่ดูเหมือนไม่มีความความจำเป็นต้อง ทำเช่นนั้น ดังนั้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความบาป แต่เพราะไม่อยากเลิก ทำบาปต่างหาก ปัญหาไม่ใช่ว่าไม่มี ข้อมูล แต่ไม่มี แรงจูงใจ ผมมีความรู้สึกมั่นใจ ว่าถ้าคนในประเทศของเราได้รับพระวจนะคำ ว่าการพิพากษากำลังจะมาถึง ผู้คนคง ไม่มีปัญหาที่จะแยกแยะว่าสิ่งใดบ้างที่ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย หรือพูดใ้ห้ชัดๆคือ "บาป"

    ถ้าชาวนีนะเวห์มีเวลาเหลืออีก 40 วัน ทำไมถึงต้องเลิกทำบาป ? น่าจะทำต่อไปโดยยึด อุดมคติที่ว่า "กิน ดื่ม และแสวงหาความสุขเสีย เพราะอีกไม่กี่วัน (40วัน) เราก็จะตาย แล้ว" แรงจูงใจที่ทำให้ชาวนีนะเวห์หันเสียจากความประพฤติชั่วอยู่ในข้อ 9 "ใครจะรู้ ได้ พระเจ้าอาจจะทรงกลับและเปลี่ยนพระทัย คลายจากพระพิโรธอันรุนแรงเพื่อว่าเรา จะมิได้พินาศ ?" (3:9)

    บางคนมีปัญหาเมื่อพระเจ้า "ผ่อนปรน" หรือเปลี่ยนพระทัยไม่ทำลายนครนีนะเวห์ ผม อยากชี้ให้เห็นว่าโยนาห์เองก็เป็นด้วย (4:2) แต่ชาวนีนะเวห์กลับมีความหวังว่าพระ เจ้าอาจเปลี่ยนพระทัย (3:9) ถ้าพระเจ้ามีความตั้งใจที่จะทำลายนีนะเวห์ เหตุใดพระ องค์ต้องใช้ให้คนไปบอกให้รู้ตัวด้วย ? การประกาศที่พระเจ้าใช้ให้โยนาห์ไปทำนั้น ไม่ใช่เป็นคำสัญญาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เป็นคำเตือน ชาวนีนะเวห์เข้าใจถึงคำประกาศ ของโยนาห์เป็นอย่างดี เพราะมีการกลับใจ นี่เป็นสิ่งเดียวกับที่พระเจ้าตรัสไว้ในพระ ธรรมเยเรมีห์ :

    แล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า "ประชาอิสราเอลเอ๋ย เรา จะกระทำแก่เจ้าอย่างที่ช่างหม้อนี้กระทำไม่ได้หรือ ?" พระเจ้าตรัส ดังนี้แหละ "ดูเถิด ประชาอิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเรา อย่างดิน เหนียวอยู่ในมือของช่างหม้อ ถ้าเวลาใดก็ตามเราประกาศเกี่ยวกับประ ชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะถอนและพังและทำลายมัน เสีย และถ้าประชาชาตินั้น ซึ่งเราได้ลั่นวาจาไว้เกี่ยวข้องด้วยหัน เสียจากความชั่วของตน เราก็จักกลับใจจากโทษซึ่งเราได้ตั้งใจ จะ กระทำแก่ชาตินั้นเสีย และถ้าเวลาใดก็ตาม เราได้ประกาศเกี่ยว กับประชาชาติหนึ่ง หรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะสร้่างขึ้นและปลูก ฝังไว้ และชาตินั้นได้กระทำชั่วในสายตาของเรา ไม่ฟังเสียงของเรา เรา ก็จะกลับใจจากความดีซึ่งเราตั้งใจจะกระทำกับชาตินั้นเสีย เพราะฉะนั้น คราวนี้จึงกล่าวกับคนยูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ ว่า ดูเถิดเรากำลังก่อสิ่งร้ายไว้สู้เจ้าและคิดแผนงานอย่างหนึ่งไว้สู้เจ้า ทุกๆคนจงกลับเสียจากทางชั่วของตน และจงซ่อมทางและการกระทำ ของเจ้าทั้งหลายเสีย" (เยเรมีห์ 18:5-11).

    พระพรตามพระสัญญาของพระเจ้านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังของ มนุษย์ และอาจทรงละจากการพิพากษาได้ถ้ามีการกลับใจ ชาวนีนะเวห์มีความหวังใจ ว่าพระเจ้าจะ "ยับยั้ง" โดยยึดตามหลักการที่กล่าวไว้ด้านบน

    นีนะเวห์กลับใจ พระกรุณาของพระเจ้า และความไม่พอใจของโยนาห์
    (3:10–4:11)
    10 เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของเขาแล้วว่า เขากลับไม่ ประพฤติชั่วต่อไป พระเจ้าทรงกลับพระทัย ไม่ลงโทษ ตามที่พระองค์ ตรัสไว้ และพระองค์ก็มิได้ทรงลงโทษเขา

    1เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่างยิ่ง และท่านโกรธ 2ท่านจึง อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ในประเทศ ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดแล้วว่าจะเป็นไปเช่นนี้มิใช่หรือ? นีแหละ เป็นเหตุให้ข้าพระองค์ได้รีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพระองค์ ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระคุณ และทรงพระ กรุณา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และทรงกลับพระทัย ไม่ลงโทษ 3ข้าแต่พระเจ้า เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอพระองค์ทรงเอาชีวิต ของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะว่าข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่ " 4 และ พระเจ้าตรัสว่า "การที่เจ้าโกรธเช่นนี้ดีอยู่หรือ ?"

    5 แล้วโยนาห์ก็ออกไปนอกนคร นั่งอยู่ทางทิศตะวันของเมืองนั้น และ ท่านทำเพิงไว้เป็นที่ท่านอาศัย ท่านนั่งอยู่ใต้ร่มเพิงคอยดูเหตุการณ์อัน จะเกิดขึ้นกับนครนั้น 6และพระเจ้าทรงกำหนดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่งงอก ขึ้นมาเหนือโยนาห์ ให้เป็นที่กำบังศีรษะของท่าน เพื่อให้บรรเทาความ ร้อนรุ่มกลุ้มใจในเรื่องนี้ เพราะเหตุต้นละหุ่งต้นนี้โยนาห์จึงมีความยินดี ยิ่งนัก 7แต่ในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงกำหนดให้หนอนตัวหนึ่งมา กัดกินต้นละหุ่งต้นนั้น จนมันเหี่ยวไป 8เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พระเจ้า ทรงกำหนดให้ลมตะวันออกที่ร้อนผากพัดมา และแสงแดดก็แผดลงบน ศีรษะของโยนาห์จนท่านอ่อนเพลียไป และท่านก็ทูลขอว่าให้ท่านตาย เสียเถิด ท่านว่า "ข้าตายเสียดีกว่าอยู่"

    9 แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า "ที่เจ้าโกรธเพราะต้นละหุ่งนั้นดีอยู่แล้ว หรือ ?" ท่านทูลว่า "ที่ข้าพระองค์โกรธถึงอยากตายนี้ดีแล้วพระเจ้าข้า" 10และพระเจ้าตรัสว่า "เจ้าหวงต้นไม่ซึ่งเจ้ามิได้ลงแรงปลูกหรือมิได้ กระทำให้มันเจริญ มันงอกเจริญขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว ดุจกัน 11ไม่สมควรหรือที่เราจะหวงเมืองนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพล เมืองมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคน ผู้ไม่ทราบว่าข้างไหนมือขวาข้าง ไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงเป็นอันมากด้วย ?"

    พระเจ้าเห็นถึงการกลับใจของนีนะเวห์ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่คำพูดอย่างเดียว ในข้อ 10 ไม่ได้บอกว่าพระเจ้าใส่ใจในคำพูดของชาวนีนะเวห์ หรือแม้แต่การนุ่งห่มผ้ากระสอบ หรือโรยขี้เถ้า แต่พระองค์ทรงเห็นถึงการกระทำของพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขา "หันกลับเสียจากการประพฤติชั่ว" นี่คือการกลับใจที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำพูด ซ้ำซากเช่น "ผมเสียใจ" แต่การกระทำเป็นตัวที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในจิตใจที่แท้ จริง อย่างที่โยนาห์คาดไว้ ชาวนครนีนะเวห์ได้กลับใจจริงจากความบาปที่เคยกระทำ ดังนั้นพระเจ้าจึงยับยั้งไม่ลงโทษตามที่พระองค์ได้เคยตรัสไว้

    เป็นเรื่องน่าสนใจที่ไม่มีคำอธิบายใดๆเรื่องการกลับใจของชาวนีนะเวห์ที่เกิดขึ้น อย่างฉับพลัน พร้อมเพรียงกันและอย่างจริงใจ อาจจะเหมือนพวกชาวเรือที่ต้อง ปฏิบัติตามคำของโยนาห์ก่อนที่การอัศจรรย์จะเกิดขึ้น หรืออาจเป็นเพราะวิธีการปรากฎ ตัวของโยนาห์เอง ซึ่งเป็นหมายสำคัญยิ่งต่อชาวนีนะเวห์ อาจมีเหตุกาณ์อื่นๆอีกที่เตรียม ชาวนีนะเวห์มหานครของอัสซีเรียไว้ให้พร้อมที่จะกลับใจ แต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ 19

    เมื่อพระเจ้าพูดถึงการกลับใจของชาวนีนะเวห์นั้น ชัดเจนและย้ำถึงสิ่งเดียว กับที่เรากำลังติดตามอยู่ :

    คราวนั้นมีบางคนในพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสีมาทูลพระองค์ว่า "อาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าอยากจะเห็นหมายสำคัญจากท่าน" พระ องค์จึงตรัสตอบเขาว่า "คนชาติชั่วและคิดทรยศต่อพระเจ้าแสวงหา หมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมาย สำคัญของโยนาห์ผู้เผยพระวจนะ ด้วยว่า โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลา มหึมาสามวัน สามคืน ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสาม วันสามคืนฉันนั้น ชนชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคน ยุคนี้ และจะเป็นตัวอย่างให้คนยุคนี้ได้รับโทษ ด้วยว่าชาวนีนะเวห์ได้ กลับใจเสียใหม่ เพราะคำประกาศของโยนาห์ และซึ่งใหญ่กว่าโยนาห์มี อยู่ที่นี่" (มัทธิว 12:38-41).

    การที่พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ถามหาหมายสำคัญจากพระเจ้า ทำให้พระเยซูต้องเอ่ย ถึงพระธรรมโยนาห์ที่มีบทเรียนซ่อนอยู่สองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรก พระเยซูพูดถึงหมาย สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์เช่นเดียวกันกับโยนาห์ เมื่อโยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวัน สามคืน พระเยซูจะทรงอยู่ในท้องแผ่นดินในเวลาที่เท่าเทียมกัน การคืนพระชนม์ของ พระเยซูจะเป็น "หมายสำคัญ" ให้แก่อิสราเอล เช่นเดียวกับที่โยนาห์ "ออกมาจากท้อง ปลา" เป็นหมายสำคัญ (น่่าจะสำหรับชาวอิสราเอล) และเป็นหมายสำคัญอันสุดท้าย คือ "หมายสำคัญที่มาจากผู้เผยพระวจนะโยนาห์" การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู การฝังพระศพ และการฟื้นคืนพระชนม์ เป็นข้อพิสูจน์ที่เราไม่สามารถโต้แย้งได้ถึง การที่พระองค์คือ พระเมสซิยาห์ของชาวอิสราเอล

    ยังมีบทเรียนอื่นอีกที่พระธรรมโยนาห์มีไว้สอนคนอิสราเอลในสมัยของพระเยซู ชาว นีนะเวห์กลับใจทันทีที่ได้ยินการประกาศของโยนาห์ ถึงแม้จะมีข้อพิสูจน์เพียงน้อย นิดเมื่อเทียบกับในสมัยของพระเยซูที่ชาวอิสราเอลได้เห็น และถ้านำมาเทียบกับองค์ พระเยซูเอง โยนาห์แทบไม่มีความสำคัญใดๆเลย ผมคิดว่าโดยเฉพาะเรื่องฤทธิ์เดชและ สิทธิอำนาจในคำเทศนาสั่งสอนของพระองค์ ถ้าชาวนีนะเวห์กลับใจได้เพราะข้อพิสูจน์ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นนั้น ปัญหาน่าจะอยู่ที่บรรดาผู้นำชาวยิว พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่เรื่องขาดหลักฐานและข้อพิสูจน์อะไรทั้งสิ้น ที่จริง ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เพราะปัญหาเช่นนี้แก้ได้ด้วยการทำหมายสำคัญต่างๆ ปัญหาของพวกธรรมาจารย์และฟาริสีนั้นเป็น ปัญหาแบบเดียวกับโยนาห์ ต่อให้มีหมาย สำคัญยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดจิตใจที่จงใจเป็นกบฎของคน พวกนี้ได้

    ทำให้ผมเองคิดว่า พื้นฐานในคำเทศนาของโยนาห์และขององค์พระเยซูนั้น ผมเห็น "หมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะโยนาห์" นั้นทวีคูณ คือ "หมายสำคัญ" ที่โยนาห์ ถูกฝังอยู่ในท้องปลามหึมาและถูกช่วยให้รอดออกมา และยังเป็น "หมายสำคัญ" ใน ความดื้อรั้นในจิตใจของโยนาห์ จนทำให้ท่านมองไม่เห็นสิ่งที่พระเจ้ากำลังพยายาม จะสอน ไม่ว่าคำสอนนั้นจะชัดเจนและมีพลังเพียงใด ในขณะที่คำสอนเดียวกันนี้กับ ได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วและท่วมท้นจากพวกนอกศาสนาที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง เรื่องแบบนี้มาก่อน

    พระเยซูนำเรื่องการกลับใจของชาวนีนะเวห์์ในมัทธิวบทที่ 12 มาสอนเพื่อยืนยันและ ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายๆเมื่อได้ยิน พระองค์ตอกย้ำความจริงถึงการที่ชาวนีนะเวห์กลับใจ มาหาพระเจ้า ถึงแม้จะมีข้อพิสูจน์เพียงนิดเดียว แต่ถ้าจิตใจนั้นเปิดออกเพื่อฟังพระวจนะ และเรียนรู้ถึงน้ำพระทัยพระองค์แล้ว จิตใจนั้นจะเกิดความเชื่อและตอบสนองในทันที แต่ถ้าจิตใจที่แข็งกระด้าง — เช่นเดียวกับจิตใจแบบโยนาห์ — ก็จะไม่มีวันเปิดรับพระ วจนะคำ ต่อให้ชัดเจนเพียงใดก็ตาม

    โยนาห์โกรธเคืองพระเจ้า
    ถ้าโยนาห์เป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนอื่นๆในประวัติศาสตร์อิสราเอล ท่านคงปลาบ ปลื้มยินดีที่การประกาศเกิดผล คนทั้งหมดในเมืองใหญ่อย่างนีนะเวห์กลับใจ ผู้เผย พระวจนะทั้งประวัติศาสตร์ของอิสราเอลล้มเหลวในการนำคนกลับมาหาพระเจ้า ถูก ปฏิเสธและถูกฆ่าตาย เช่นที่สเทเฟนกล่าวไว้ว่า "มีใครบ้างในพวกผู้เผยพระวจนะ ซึ่งบรรพบุรุษของท่านมิได้ถูกข่มเหง?" (กิจการ 7:52ก).

    แทนที่จะชื่นชมยินดีที่มีคนมหาศาลกลับใจและได้รับความรอด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วม อาชีพคนอื่นๆ โยนาห์กลับโกรธเคืองพระเจ้า : "เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่าง ยิ่ง และท่านโกรธ" (4:1) ทำไมโยนาห์ต้องโกรธพระเจ้าด้วย ? โยนาห์ไม่รั้งรอที่จะบอก เหตุผล เมื่อท่านอธิษฐานประท้วงพระเจ้าว่า :

    "ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ในประเทศ ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดแล้วว่าจะเป็นไปเช่นนี้มิใช่หรือ? นีแหละ เป็นเหตุให้ ข้าพระองค์ได้รีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพระองค์ ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระคุณ และทรงพระ กรุณา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และทรงกลับพระทัย ไม่ลงโทษ 3ข้าแต่พระเจ้า เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอพระองค์ทรงเอาชีวิต ของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะว่าข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่" (โยนาห์ 4:2-3).

    ความโกรธของโยนาห์นั้นเหลือเชื่อจริงๆ ให้เรามาดูว่าท่านโกรธเรื่องใดบ้าง

    (1) โยนาห์โกรธพระเจ้า ในบทวิเคราะห์ท้ายสุดนี้ โยนาห์ไม่ได้โกรธตัวเอง หรือ โกรธมนุษย์คนใด แต่โกรธพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ความโกรธของโยนาห์รุนแรง ชนิดขอตายดีกว่าอยู่ ในบทที่สองโยนาห์อธิษฐานขอการช่วยชีวิต แต่ตอนนี้โยนาห์ อธิษฐานขอให้ตาย (4:3).

    (2) โยนาห์โกรธพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงกอปรด้วยพระลักษณะทีทรงพระคุณ และพระองค์จะทรงกระทำในสิ่งที่โยนาห์รู้ว่ายังไงๆ พระองค์ต้องทำแน่

    (3) โยนาห์กลับโกรธพระเจ้าในพระลักษณะอันดีเลิศของพระองค์ที่ผู้เขียน พระธรรมสดุดีกล่าวสรรญเสริญไว้ ผู้เขียนพระธรรมสดุดีสรรญเสริญพระองค์ในความรักอันมั่นคง พระคุณ และพระ เมตตาของพระองค์ (สดุดี. 86:5, 15) แต่สำหรับโยนาห์นี่เป็นเหตุทำให้ท่าน ประท้วงด้วยความโกรธ ไม่ใช่การสรรญเสริญ

    (4) โยนาห์โกรธพระเจ้าเพราะพระองค์สำแดงพระคุณต่อชาวนีนะเวห์ คำถาม ที่พระเจ้าถามโยนาห์ น่าจะเตือนสติและสอนใจผู้เผยพระวจนะหัวแข็งผู้นี้ได้ตั้งแต่แรก น่าจะทำให้ท่านตระหนักถึงความบาปที่ท่านโกรธเคืองพระองค์ ใครล่ะ จะสามารถ โกรธกริ้วต่อพระเจ้าผู้เปี่ยมไปด้วยพระทัยกรุณาได้ ? อีกอย่างการตักเตือนโยนาห์อย่าง นุ่มนวลนั้นน่าจะทำให้ท่านเห็นไม่แต่เพียงพระคุณที่มีต่อชาวนีนะเวห์เท่านั้น แต่มีต่อ โยนาห์เองด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่ชาวนีนะเวห์กลับใจ โยนาห์ไม่ยอม และยังดื้อ ดึงกบฎต่อไป

    ต้นละหุ่งกับผู้เผยพระวจนะ
    ในขณะที่โยนาห์ยังดื้อดึงโกรธเคืองพระเจ้าอยู่ พระเจ้าเพิ่มเติมประสพการณ์บาง อย่างที่ทำให้เห็นถึงปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในท่านผู้เผยพระวจนะท่านนี้ ด้วยการ มอบต้นไม้ให้แก่โยนาห์ แล้วก็เอากลับคืนไป ซึ่งทำให้โยนาห์ตอนแรกเกิดความดีใจ

    ดูเหมือนสี่สิบวันผ่านไปโดยไม่มีการพิพากษาลงมาที่นครนีนะเวห์ เป็นเรื่องไม่น่า ประหลาดใจสำหรับพวกเรานัก แต่นับเป็นความผิดหวังอันใหญ่หลวงของโยนาห์ ท่านออกไปนอกเมือง ไปทำเพิงปักหลักเพื่อรอดูความพินาศของนีนะเวห์ ซึ่งน่า จะมีลูกไฟ และถ่านแดงๆตกลงมาจากท้องฟ้า เหมือนกับที่ทำลายล้างเมืองโสดม โกโมราห์มาแล้ว และโยนาห์กำลังรอดูอยู่ด้วยใจจดใจจ่อ เหมือนกับที่พวกโรมันรอดู พวกคริสเตียนที่ถูกโยนให้สิงห์โตกินอยู่ในโคลีเซียม

    และพระเจ้าทรงกำหนดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่ง งอกขึ้นมาเหนือโยนาห์ ให้เป็นที่กำบังศีรษะ ของท่าน เพื่อให้บรรเทาความร้อนรุ่มกลุ้มใจในเรื่องนี้ เพราะเหตุต้นละหุ่งต้นนี้ โยนาห์ จึงมีความยินดียิ่งนัก (4:6) เป็นครั้งแรกที่มีการพูดว่า โยนาห์มีความยินดี ยินดียิ่งนัก เสียด้วยสำหรับต้นละหุ่งต้นนี้ แต่ดีใจอยู่ได้ไม่นาน วันรุ่งขึ้นพระเจ้ากำหนดให้มี หนอนมากัดกิน ไม่ให้เหลือซาก ถ้าลองหยุดคิดดูให้ดี โยนาห์นี่มีอะไรเหมือนๆ กับหนอนนะ แทนที่จะเหมือนกับต้นไม้ หนอนดีใจที่ได้ทำลายสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ลง มากกว่าส่วนดีที่ต้นไม้ซึ่งนำความร่มเย็นมาให้

    พร้อมๆกับหนอนที่ทำลายต้นไม้ พระเจ้าทรงให้มีลมร้อนผากพัดมา ทำให้โยนาห์ร้อน รุ่มยิ่งนัก ขณะที่โยนาห์ต้องการให้นครนีนะเวห์ถูก "เผา" ท่านกับถูกลมร้อน "แผดเผา" เสียเอง (4:8). โยนาห์ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่น และไม่ต้องทนทุกข์กับความ ร้อน แต่ท่านกลับปักหลักคอยอยู่ และท่านก็ร้องขอความตายอีกครั้ง

    อีกครั้งที่โยนาห์โกรธพระเจ้า เมื่อนึกถึงเรื่องต้นไม้และตัวหนอน เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่พระเจ้าท้าทายโยนาห์ให้คิดดูให้ดีๆ : "ที่เจ้าโกรธเพราะต้นละหุ่งนั้นดีอยู่แล้วหรือ ?" (4:9) อย่างไม่รั้งรอ โยนาห์กลับย้ำว่าท่านมีสิทธิที่จะโกรธพระองค์ "ที่ข้าพระองค์โกรธ ถึงอยากตายนี้ดีแล้ว พระเจ้าข้า" (4:9).

    สิ่งที่พระเจ้าตรัสเป็นสิ่งสุดท้ายในพระธรรมโยนาห์ ย้ำถึงหัวใจของเรื่องทั้งหมดนี้ :

    "เจ้าหวงต้นไม่ซึ่งเจ้ามิได้ลงแรงปลูกหรือมิได้กระทำให้มันเจริญ มัน งอกเจริญขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียวดุจกัน ไม่สมควรหรือ ที่เราจะหวงเมืองนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพลเมืองมากกว่าหนึ่งแสน สองหมื่นคน ผู่ไม่ทราบว่าข้างไหนมือขวา ข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงเป็นอันมากด้วย?" (4:10-11).

    การส่งต้นไม้ไปให้เป็นเหตุการณ์สุดท้ายระหว่างโยนาห์กับพระเจ้า โยนาห์รู้สึกสงสาร ต้นละหุ่งต้นนี้ พระเจ้าก็มีพระทัยเมตตาสงสารประชาชนเช่นกัน "ความสงสาร" ของ โยนาห์ ก็แย่พอๆกับ "คำอธิษฐาน" ของเขา พระเจ้ากำลังย้ำให้โยนาห์เห็นถึงประเด็น ว่าท่านเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับตนเองอย่างเดียว โดยเฉพาะเมื่อเปรียบกับพระทัย เมตตาสงสารที่พระองค์มีต่อประชาชนชาวนีนะเวห์ ให้เรามาพิจารณาดูข้อแตกต่าง ระหว่าง "ความสงสาร" ของโยนาห์ที่มีต่อต้นละหุ่ง กับความสงสารที่พระเจ้ามี ให้กับบรรดาประชาชน

    (1) โยนาห์สงสารต้นไม้ ; พระเจ้าสงสารผู้คน โยนาห์ยอมที่จะให้นครใหญ่ทั้ง เมืองพินาศไป ถึงแม้อาจมีเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ทั้งผู้คนอีก 120,000 และสัตว์อีกมากมาย ต้องประสพเคราะห์กรรม แน่นอนต้องมีคนโศกเศร้า แต่เราไม่แน่ใจว่าต้นไม้รู้สึกอย่างไร โยนาห์สงสารต้นไม้ แต่กับไม่เวทนาสงสารผู้คนและสัตว์ต่างๆเลย

    (2) โยนาห์ยินดีกับต้นไม้ที่ตัวเองไม่ได้ลงแรงปลูกเอง พระเจ้ามีพระทัยสงสาร ในประชาชน ผู้เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ และเป็นผู้ที่พระองค์จัดเตรียมพระ สัญญาสำหรับพระพรมากมายให้ โยนาห์ไม่ไ้ด้มีสัมพันธภาพแบบใดทั้งสิ้นกับ ต้นไม้ ท่านไม่ได้ปลูกเอง ไม่ได้ช่วยทำให้มันเจริญเติบโต พระเจ้าสร้างมนุษย์ และ สรรพสิ่งทุกอย่างในโลก พระองค์ทรงห่วงใยในสิ่งที่พระองค์สร้าง ห่วงมากจนสัญญา จะอวยพระพรต่อบรรดาเชื้อสายของอับราฮัม มากถึงขนาดส่งพระบุตรองค์เดียวมาตาย เพื่อมนุษย์ โยนาห์กลับไปห่วงสงสารในสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับท่าน

    (3) โยนาห์สงสารต้นไม้ที่ต้องตายลง ; พระเจ้าทรงสงสารประชากรที่กำลังเดิน ไปสู่ความพินาศชั่วนิรันดร์ โยนาห์สงสารต้นไม้ที่มีชีวิตอยู่แค่เพียงวันเดียว ถ้าพระ เจ้าอณุญาติ อาจอยู่ได้ถึงปีหรือนานกว่านั้น แต่การพิพากษาที่มนุษย์จะได้รับนั้น เป็น นิรันดร์ การ "จากไป" ของต้นละหุ่งนั้นไม่มีความหมายในเรื่องใดทั้งสิ้น ; แต่ภัยพิบัติ ที่จะเกิดกับชาวนีนะเวห์นั้นเป็นการพิพากษาที่มาจากพระเจ้า ความพินาศชั่วนิรันดร์ที่ กำลังเกิดขึ้นกับผู้คนนั้นสำคัญเกินกว่าจะวัดค่าได้

    (4) พระเจ้าสงสารบรรดาคนบริสุทธิ์ ; โยนาห์ไม่สนใจ ท่านกลับรู้สึกสะใจใน การเฝ้าดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับทั้งคนบริสุทธิ์และคนที่ชั่วร้าย (จำได้หรือไม่ว่า ลูก หลานของชาวนีนะเวห์เหล่านี้ จะเป็นผู้ที่วันหนึ่งมานำิอิสราเอลไปเป็นเชลย) การที่ อยากเห็นคนชั่วถูกลงโทษนั้น เป็นคนละเรื่องกับการที่เห็นคนบริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อน ไปพร้อมๆกันด้วย

    (5) โยนาห์สงสารตัวเอง ; พระเจ้าทรงสารผู้อื่น "ความสงสาร" ของโยนาห์นั้น อันที่จริงไม่ใช่สงสารต้นไม้เท่ากับการที่ต้นไม้นำความร่มเย็นมาให้ท่าน ต้นไม้ทำให้ ท่านรู้สึกยินดี ถ้าต้นไม้ไม่ได้ทำให้ท่านรู้สึกยินดีแล้วท่านก็คงไม่ได้สงสารมันแน่ๆ ความ สงสารของโยนาห์นั้นเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเองเท่านั้น ท่านเป็นห่วงตนเอง แต่ไม่ได้เป็น ห่วงคนอื่น ในทางกลับกัน พระเจ้ายังทรงห่วงใยประชาชนที่ถึงแม้จะทำบาปใหญ่หลวง และทำให้พระองค์เสื่อมพระสิริไป

    ประเด็นของต้นไม้
    ผมหลงคิดอยู่ตั้งนานว่า รากปัญหาทั้งสิ้นของโยนาห์นั้นคือความเห็นแก่ตัว ท่านอยาก เก็บพระคุณพระเจ้าไว้กับตนเองและพี่น้องชาวอิสราเอล โดยไม่เหลือเผื่อใคร โดย เฉพาะอย่างยิ่งชาวนีนะเวห์ นับว่าเป็นการตัดสินที่ผิดพลาด ความเห็นแก่ตัวของ โยนาห์เป็นเพียงการออกอาการเท่านั้น ปมปัญหาใหญ่ที่โยนาห์มีต่อพระเจ้านั้นก็คือ พระคุณของพระองค์ ธรรมชาติของพระคุณทำให้โยนาห์ไม่พอใจ ให้เราลองหยุด เพื่อคำนึงถึงคุณลักษณะของพระคุณ ที่เป็นเหตุให้โยนาห์หัวแข็งผู้นี้กบฎต่อพระองค์

    (1) ธรรมชาติและการเริ่มต้นของพระคุณ ธรรมชาติหรือหัวใจของพระคุณนั้นไม่ใช่ ได้มาเพราะการทำดี —เป็นพระพรที่ไม่สมควรได้รับ ที่เริ่มต้นหรือแหล่งของพระคุณที่ โยนาห์ไม่พอใจนี้คือพระเจ้า โยนาห์ไม่ชอบใจในพระคุณเพราะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อ หรือหามาได้ด้วยกำลังของผู้ใด ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครก็ตามคิดว่าตนเองสมควรได้รับ หรือ สามารถเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวได้ แต่เป็นสิ่งที่มอบให้เพราะอยากจะมอบ พูดง่ายๆ ก็คือ โยนาห์ไม่ชอบเรื่องพระคุณเพราะเป็นเหมือนของบริจาค

    (2) ผู้ที่รับพระคุณ ผู้ที่รับพระคุณ หรือผู้ที่ได้รับการเทพระพรลงมาให้นั้นไม่มีผู้ใด เหมาะ และสมควรจะได้รับทั้งสิ้น แต่โยนาห์ไม่อยากเห็นว่าตนเองเป็นหนึ่งในบรรดา ผู้ไม่สมควร ที่สำคัญคือ โยนาห์ถูกยาสั่งอย่างแรงเรื่องความหยิ่งยโสในชาติพันธ์ของ ตนเอง ท่านรู้สึกว่าในฐานะเป็นคนอิสราเอล พระเจ้า "ต้อง" อวยพระพรแก่ท่านและแก่ ประชากรที่พระองค์ได้เลือกสรรไว้ ส่วนพวกชาวนีนะเวห์นั้น โยนาห์ยอมรับอย่างไม่ต้อง สงสัยว่า "ไร้ค่าและไม่มีความหมาย" จึงทำให้ท่านประท้วงขึ้นมาเมื่อพระเจ้าสำแดง พระคุณแก่พวกเขา

    (3) การเทพระคุณลงมา พระคุณนั้นไม่ใช่ได้มาเพราะความดี และผู้ได้รับต่างก็เป็น ผู้ไม่สมควรทั้งสิ้น ดังนั้นไม่มีผู้ใดสามารถแอบอ้างได้ว่าตนเองสมควร หรือไม่มีกฎ กติกาใดๆที่ใครจะนำมาอ้างว่าตนเองทำมากกว่า และควรจะได้รับพิจารณาผลรางวัล ดังนั้น การให้พระคุณไม่ใช่เป็นเพราะการกระทำคุณงามความดีใดๆ แต่เป็นการให้ จากอำนาจอธิปไตยล้วนๆขององค์พระผู้เป็นเจ้า "ตามที่พระองค์พอพระทัย" อย่างที่ พระองค์ตรัสว่า "เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะ เมตตาแก่ผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น" (อพยพ 33:19).

    (4) เป้าหมายของพระคุณ เป้าหมายของพระคุณ หรือวัตถุประสงค์ในการให้คือ ต้องการให้เราเป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นคนสุขสบาย ต้นไม้ที่พระเจ้าให้โยนาห์นั้น ทำ ให้ท่าน "ยินดียิ่งนัก" ตามที่เล่าไว้ (4:6) แต่ไม่ได้ช่วยให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์ ดังนั้นพระ เจ้าจึงนำมันคืนไปเสีย พระคุณที่มอบให้ไม่ใช่สำหรับทำให้เรามีสุข ทำให้เรารู้สึกดี หรือ ทำให้เราสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ทำให้เราสามารถมีสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ผู้ประทานให้ได้

    (5) ความหมายของพระคุณ ถ้าเป้าหมายของพระคุณคือ เพื่อทำให้เราเป็นคน บริสุทธิ์ ดังนั้นความหมายของพระคุณจึงรวมหมดถึงสิ่งที่นำมาซึ่งความสุข ความสะดวก สบาย และประสพการณ์ในการเผชิญความทุกข์ยากด้วย เพื่อทำให้เราสามารถละทิ้ง หนทางบาปและเข้ามาวางใจในพระองค์ ถ้าเราสัตย์ซื่อกับตัวเองและกับพระเจ้า ถ้าเรา ใคร่ครวญพระวจนะคำย่างดี เราจะสังเกตุเห็นว่าที่เราเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณได้นั้นมา จากการเผชิญความทุกข์ยาก มากกว่าการมีชีวิตที่แสนสะดวกสบาย

    ให้มาคิดถึงโยนาห์ ในตัวอย่างเช่น พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของโยนาห์โดยช่วยให้ท่าน รอดตาย ไม่ได้ใช้่วิธีที่เลิศหรูประทับใจใด พระองค์ช่วยโดยใช้ปลามหึมาแทน และ โยนาห์ก็ต้องเปียกแฉะถึงสามวันสามคืนในท้องปลา การถูกปลาสำรอกไว้บนฝั่งก็ไม่ใช่ สิ่งที่โยนาห์พึงประสงค์เช่นกัน แต่ก็เป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับสถาณะการณ์ตอนนั้น เมื่อร่ม เงาของต้นไม้ไม่สามารถทำให้โยนาห์เดินกับพระเจ้าได้ ดังนั้นจึงสมควรที่จะทำลายต้น ไม้และให้แดดแผดเผาท่านแทน พระเจ้าไม่ได้ผูกมัดเราไว้ด้วยความสุขสบาย แต่ด้วย ความสำนึกในพระคุณ พระองค์ทรงใช้วิธีการที่เจ็บปวดเพื่อหลอมเราให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ประสพการณ์ทั้งในการเผชิญความทุกข์และความสุข ล้วนเป็นของประทานแห่งพระคุณ ทั้งสิ้น พระคุณจะสำแดงชัดแจ้งที่สุดเมื่อเราอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยากแสนสาหัส

    มีคำอธิบายมากมายในทุกสิ่งที่พระเจ้าทำ แต่ทำไมโยนาห์ถึงไม่ชอบ พระเจ้าสามารถ เทพระคุณแห่งความรอดให้กับบรรดาผู้ไม่สมควรได้เช่นชาวนีนะเวห์ ไม่ใช่เป็นเพราะ การกระทำของพวกเขา เช่นกัน การเทพระคุณเป็นเรื่องความพอพระทัยของพระเจ้า ผู้ครอบครอง พระเจ้าสามารถให้ต้นไม้งอกขึ้นให้แก่โยนาห์ แล้วพระองค์ก็นำกลับคืน ไปได้

    เป็นเพราะพระคุณมีคุณลักษณะเฉพาะตัวเช่นนี้ โยนาห์จึงไม่อยากมีส่วนร่วม หรืออยาก ให้มามีส่วนในชีวิตของท่าน "สำหรับโยนาห์ พระคุณเป็นสิ่งที่น่าขัดเคือง และไม่น่า ปรารถนา" ง่ายที่จะมองออกว่าทำไมโยนาห์เคืองพระเจ้าเมื่อพระองค์สำแดงพระคุณ ให้แก่ชาวนีนะเวห์ แต่เราจะพูดได้อย่างไรว่าโยนาห์ดูถูกพระคุณพระเจ้า ถึงแม้จะ สำแดงโดยตรงให้แก่ท่านก็ตาม ? "เพราะผู้ที่ไม่สมควรทั้งหลายกระหายในพระคุณ พระเจ้า แต่โยนาห์ไม่ยอมรับว่าท่านเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่สมควรกับพระคุณ"

    ผู้เผยพระวจนะประท้วงเรื่องพระคุณในการอภัยโทษให้กับชาวนีนะเวห์ได้อย่างไร ? ด้วย ความเชื่อที่ว่าพระคุณจะได้มาก็ต่อเมื่อมีการกระทำดี ผู้เผยพระวจนะประท้วงเมื่อพระ เจ้านำของประทานเช่นต้นไม้กลับคืนไปได้อย่างไร ? โดยเชื่อว่าท่านสมควรได้รับต้น ไม้นั้น และโดยคิดว่าพระเจ้าเป็นหนี้ท่านในเรื่องความสะดวกสบาย

    ตรงนี้นับเป็นกุญแจสำคัญของพระธรรมโยนาห์ทั้งเล่ม และสำหรับความบาปของชนชาติ อิสราเอล ผู้ซึ่งเหมาเอาเองว่าพระเจ้าเป็นหนี้พระคุณต่อพวกเขา และสำหรับบรรดาศัตรู ทั้งหลาย ต้องถูกพิพากษา โยนาห์ปฏิเสธหลักเกณฑ์ของพระคุณโดยสิ้นเชิง ท่านนำ ไปแลกกับหลักความเชื่อของการทำดีได้ดี "ปมปัญหาของผู้เผยพระวจนะหัวแข็งผู้นี้คือ ท่านคิดว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรม" บุคคลที่ดูถูกพระคุณ คือคนที่คิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น สำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองชอบธรรมและดีกว่าผู้อื่นนั้น พระคุณคือของบริจาค ซึ่งทำให้ผู้รับ เสียศักดิ์ศรี

    สิ่งที่โยนาห์ลืมไปคือ การที่พระเจ้าเลือกอวยพระพรชนชาติอิสราเอลนั้นเป็นพระคุณ ของพระองค์ล้วนๆ ไม่ใช่เป็นเพราะอิสราเอลเป็นชนชาติที่ชอบธรรม

    6 "เพราะว่าพวกท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของท่าน พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกท่านออกจากชนชาติ ทั้งหลายที่อยู่บนพื้นโลก ให้มาเป็นชนชาติในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ 7 ที่พระเจ้าทรงรักและทรงเลือกท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านทั้ง หลายมีจำนวนมากกว่าประชาชนชาติอื่น ด้วยว่าในบรรดาชนชาติทั้ง หลาย ท่านเป็นจำนวนน้อยที่สุด 8 แต่เพราะพระเจ้าทรงรักท่านทั้ง หลาย และพระองค์ทรงรักษาคำปฏิญานซึ่งพระองค์ทรงปฏิญานไว้กับ บรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย พระเจ้าจึงทรงพาท่านทั้งหลายออกมา ด้วยพระหัตถ์ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ 9 เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า พระ เยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรง รักษาพันธสัญญา และความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และ รักษาพระบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน 10 และทรงตอบแทน ผู้ที่เกลียดชังพระองค์ต่อตัวเขาเอง ด้วยทรงทำลายเขาเสีย พระองค์ จะไม่ทรงลดหย่อนโทษผู้ที่เกลียดชังพระองค์ พระองค์จะทรงตอบ แทนต่อตัวเขาเอง" (เฉลยธรรมบัญญัติ 7:6-10).

    ให้ดูคำว่า "ความรักมั่นคง" ในข้อ 9 ให้ดี เพราะนี่เป็นพื้นฐานของพระทัยเมตตาที่มีต่อ คนอิสราเอล เช่นเดียวกับที่มีต่อชาวนีนะเวห์ (โยนาห์ 4:2).

    พระเจ้าทรงเตือนคนอิสราเอลว่า เมื่อพวกเขาได้เข้าไปอยู่ในดินแดนคานาอัน และเริ่ม รับพระพรแห่งความมั่งคั่งโดยพระคุณของพระองค์แล้ว พวกเขาจะหลงผิดไปคิดว่า ความมั่งคั่งทั้งสิ้นเป็นผลจากน้ำมือตนเองทั้งสิ้น :

    11 "ท่านทั้งหลายจงระวังตัวอย่าลืมพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ด้วยไมารักษาพระบัญญัติและกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ 12 เกรงว่า เมื่อท่านได้รับประทาน อิ่มหนำ ได้สร้างบ้านเรือนดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น 13 และเมื่อฝูง วัวและฝูงแพะแกะของท่านทวีขึ้น มีเงินทองมากขึ้น และบรรดาซึ่ง ท่านมีอยู่ก็ทวีขึ้น 14 จิตใจของท่านทั้งหลายจะผยองขึ้นและท่านทั้ง หลายก็ลืมพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายผู้ทรงนำท่านทั้ง หลายออกจากแผ่นดินอียิปต์ ออกจากแดนทาส . … 17 จงระวังให้ดี เกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า ‘กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่า นี้มาให้ ’ 18 ท่านทั้งหลายจงจำพระเยโอวาห์พระเจ้าของท่าน ทั้งหลาย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ให้กำลังแก่ท่านที่จะได้ ทรัพย์สมบัตินี้ เพื่อว่าพระองค์จะทรงดำรงพันธสัญญาซึ่งพระ องค์ทรงกระทำโดยปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่าน ดังวันนี้ " (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:11-14, 17-18,).

    ถ้าคำเตือนนี้ยังไม่มากพอ พระเจ้าทรงเตือนอิสราเอลอีกถึงของประทานโดยพระคุณ ของความมั่งคั่งรุงเรืองนั้น พวกเขาอาจคิดว่าสร้างขึ้นมาด้วยกำลังของตนเอง

    "เมื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายอย่านึกในใจว่า เพราะความชอบธรรมของข้า พระเจ้าจึงทรงนำข้ามาให้ยึดครองแผ่นดินนี้ แต่เพราะความชั่วของประ ชาติเหล่านี้ พระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่านทั้ง 5 ซึ่งท่าน ทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองแผ่นดินนี้นั้น มิใช่เพราะความชอบ ธรรมของท่านหรือความสัตย์ธรรมในใจของท่าน ‘แต่เป็นเพราะ ความชั่วช้าของประชาชาตินี้ ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านต้่อง ขับไล่เขาออกเสียต่อหน้าท่านทั้งหลาย และเพื่อว่าพระองค์จะทรงให้ เป็นจริงตามพระวจนะซึ่งพระเจ้าทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่าน คือต่อ อับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบ 6 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย พึงทราบเถิดว่า ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประทานแผ่นดิน นี้ให้ท่านยึดครองนั้นมิใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน เพราะว่าท่าน ทั้งหลาย เป็นชนชาติที่ดื้อดึง" (เฉลยธรรมบัญญัติ 9:4-6).

    โยนาห์และชนชาติอิสราเอลของท่าน หลงลืมไปว่าพระพรที่ได้รับนั้นเป็นเพราะพระคุณ ไม่ใช่เป็นเพราะความชอบธรรมของพวกเขา หรือความคิดที่ว่าเป็นชนที่เหนือกว่าชาติ อื่นๆ พวกเขายังลืมไปด้วยว่าพระเจ้าทรงสัญญาจะอวยพระพรไปสู่ประชาชาติโดยผ่านทาง อิสราเอล : "บรรดาเผ่าพันธ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า" (ปฐมกาล 12:3ข).

    คำทำนายของโยนาห์เกี่ยวกับชนชาติอิสราเอล ตามที่บันทึกใน 2 พงษ์กษัตริย์นั้นเป็น พระสัญญาว่าจะอำนวยพระพรให้มั่งคั่งถึงแม้ประชาชนยังตกอยู่ในความบาป พระเจ้า ทรงสัญญาจะอวยพระพรชนชาตินี้ ไม่ใช่เป็นเพราะทำตามพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด แต่เป็นเพราะความบาป ให้เรามาดูคำทำนายนี้ด้วยกัน

    ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลอามาซิยาห์ โอรสของโยอาชพระราชาแห่งยู ดาห์ เยโรโบอัมโอรสของเยโฮอาชแห่งอิสราเอลได้เริ่มครอบครองใน สะมาเรีย และทรงครอบครองอยู่สี่สิบเอ็ดปี และพระองค์ทรงกระทำ สิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า พระองค์มิได้ทรงพรากจากบาป ทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ซึ่งพระองค์ทรงกระทำให้อิสราเอล กระทำด้วย พระองค์ทรงตีเอาดินแดนอิสราเอลคืนมาตั้งแต่ทาง เข้าเมืองฮามัท ไกลไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ตามพระวจนะ ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ซึ่งพระองค์ตรัสโดยผู้ รับใช้ของพระองค์ คือโยนาห์ ผู้เป็นบุตรอามิททัยผู้เผยพระวจนะ ผู้มาจากกัธเฮเฟอร์ เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นว่า ความทุกข์ ใีจของอิสราเอลนั้นขมขื่นนัก เพราะไม่มีผู้ใดเหลือไม่ว่าทาสหรือไท และไม่มีผู้ใดช่วยอิสราเอล พระเจ้ามิได้ตรัสว่า จะทรงลบนามอิสราเอล จากใต้ฟ้าสวรรค์ แต่พระองค์ทรงช่วยเขาโดยพระหัตถ์ของเยโรโบอัม โอรสของเยโฮอาช (2 พกษ. 14:23-27).

    กษัตริย์อิสราเอลนั้นชั่วร้ายเช่นเดียวกันกับพลเมือง ความมั่งคั่งที่โยนาห์ทำนายไว้ว่าจะ ได้รับไม่ใช่เป็นเพราะผลจากจิตวิญญาณ แต่ได้รับทั้งๆที่มีบาป ดังนั้นพระพรที่โยนาห์ พูดถึง จึงนับเป็นพระคุณล้วนๆขององค์พระเจ้า

    โยนาห์ก็เป็นผู้หนึ่งที่รับพระพรนี้ด้วย แต่แทนที่จะโมทนาขอบพระคุณ โยนาห์กับ ประท้วงพระองค์ แรงจนถึงจุดที่ยอมตายเสียดีกว่า การช่วยกู้โยนาห์โดยทางปลามหึมา และการหลุดรอดออกมาจากท้องปลานั้นเป็นการจัดเตรียมโดยพระคุณจริงๆ การให้ต้น ละหุ่งงอกขึ้นมา เพื่อให้ร่มเงาและบรรเทาความร้อนรุ่มก็เช่นกัน อย่างไรก็ดี พระคุณที่ มาถึงโยนาห์ที่เห็นชัดเจนที่สุด น่าจะเป็นวิธีที่พระองค์ทรงตอบคำประท้วงและการกบฎ ของท่าน จะเป็นอย่างไร ถ้าตอนจบของเรื่องโยนาห์ถูกเผาให้เป็นจุลย์ไปในพริบตา ด้วยสายฟ้าฟาดเปรี้ยงเดียว !

    โยนาห์เป็นดังตัวแทนของชนชาติอิสราเอล คือมองไม่เห็นว่าพระพรของพระเจ้าเป็น การสำแดงพระคุณของพระองค์ให้กับผู้ที่ไม่สมควรได้รับ แต่กลับมองเห็นว่าพระเจ้า มีหน้าที่ต้องอำนวยพระพรให้กับผู้ชอบธรรม ไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดโยนาห์ดูถูกพระ คุณพระเจ้า เพราะเขาคิดว่าพระคุณนั้นมีไว้สำหรับคนที่ไม่สมควรจะได้รับ และเขาเป็น พวกที่ไม่มีความจำเป็นต้องรับสิ่งที่ถูกหยิบยื่นให้ ความหยิ่งยโสเห็นว่าตนเองดีกว่า ผู้อื่นของโยนาห์และชาวอิสราเอลนั้นเด่นชัดขึ้นมาทีเดียว และเป็นเหตุผลที่ทำไมชาว อัสซีเรียถึงต้องขับไล่ชาวอิสราเอลออกไป

    พระธรรมโยนาห์ไม่ได้จบลงอย่างถูกต้องสวยงามแบบ "และแล้วทุกคนก็มีความสุข" แต่กลับตรงข้าม ประโยคสุดท้ายจบลงที่พระเจ้ากล่าวตักเตือนโยนาห์ ไม่มีการพูดถึง ว่าโยนาห์กลับใจ ผมเชื่อว่าคำตอบสำหรับเรื่องนี้ธรรมดามาก คือยังไม่มีบทสรุปสุด ท้ายต่อความบาปของความหยิ่งยโสที่ชนชาติอิสราเอลมีต่อพันธสัญญาใหม่ และการ เมินเฉยต่อการเสด็จมาของพระเมสซิยาห์ พระเยซูคริสต์ อันที่จริงตอนจบของพระธรรม โยนาห์นั้นตรงกับความเป็นจริงที่สุด เพราะแสดงให้เห็นถึงการรุกที่จนมุมระหว่างชาว อิสราเอลกับพระเจ้า ซึ่งดึงดันกันมาจนถึงสมัยพระเยซู และถึงในปัจจุบันด้วย หนัง สือเล่มสุดท้ายในพระคัมภีร์เดิม พระธรรมมาลาคี บันทึกเรื่องราวของชนชาติแห่งความ บาป อิสราเอล ผู้เปรียบเหมือนคู่ปรปักษ์ของพระเจ้า :

    พระวจนะของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลโดยมาลาคี พระเจ้าตรัสว่า "เรา ได้รักเจ้าทั้งหลาย" แต่ท่านทั้งหลายพูดว่า "พระองค์ได้ทรงรักข้า พระองค์สถานใด ?" พระเจ้าตรัสว่า "เอซาวเป็นพี่ชายของยาโคบ มิใช่หรือ ? เราก็ยังรักยาโคบ" (มาลาคี 1:1-2)

    เมื่อมาถึงตอนจบของการวิเคราะห์ ความแข็งกระด้างในจิตใจของคนอิสราเอลคงจะมี ต่อไปจนกระทั่งภัยพิบัติเกิดขึ้น เมื่อพระเมสซิยาห์เสด็จกลับมาอีกครั้ง เพื่อทะลุทะลวง ความดื้อด้านหยิ่งยโสของบรรดาประชากรที่พระองค์เลือกสรรประทานความรอดให้ ไม่ใช่เป็นเพราะความชอบธรรมของพวกเขา แต่เป็นพระคุณเพียงทั้งสิ้น

    ความยโสของโยนาห์และชาวอิสราเอลในสมัยของพระเยซู
    โยนาห์ไม่เป็นแต่เพียงภาพสะท้อนของจิตวิญญาณชาวอิสราเอลในสมัยนั้น ท่านยังเป็น ต้นตระกูลความหยิ่งยโสของชาวอิสราเอลโดยรวมด้วย โดยเฉพาะบรรดาผู้นำศาสนา เมื่อครั้งองค์พระเยซูคริสต์เสด็จมาบังเกิด พระองค์ไม่ได้บังเกิดให้เป็นที่ประจักษ์ต่อบรร ดาผู้นำระดับสูงของศาสนา แต่ต่อบรรดาผู้ใจถ่อมและอ่อนแอ (ลูกา 2) ดังที่นางมารีย์ สรรเสริญไว้ในบทเพลงของนาง (ลูกา 1:46-55) การเสด็จมาของพระคริสต์นั้นก็เพื่อ คนต่างชาติ (ลูกา 2:31-32) และพวกยิวด้วย ดังนั้นพวกโหราจารย์เมื่อทราบเรื่องการ เสด็จมา จึงพากันมาเฝ้านมัสการพระองค์ (มัทธิว 2:1) เมื่อพระองค์ทรงเริ่มต้นพระ ราชกิจของพระองค์ ตามที่บันทึกอยู่ในพระกิตติคุณลูกาบทที่ 4 (โดยเฉพาะข้อ 16-21) แสดงให้เห็นอีกด้วยว่าพระองค์เสด็จมาเพื่อคนขัดสนและคนที่ถูกเบียดเบียน คำเทศนา บนภูเขาของพระองค์ยังเป็นสิ่งยืนยันในเรื่องเดียวกันต่อบรรดาผู้ได้รับพระคุณทั้งหลาย

    เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เริ่มปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ เวลาและความเหนื่อยยากแทบ ทั้งสิ้นพระองค์ทรงสละให้ก็เพื่อ "บรรดาคนบาป" ซึ่งก่อให้เกิดความโกรธเคืองและ ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงจากบรรดาผู้นำศาสนาระดับสูง บรรดาฟาริสีและธรรมาจารย์ ทั้งหลายในทันที :

    ฝ่ายธรรมาจารย์ที่เป็นพวกฟาริสี เมื่อเห็นพระองค์ทรงเสวยพระกายา หาร กับพวกคนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า "เหตุ ไฉนอาจารย์ของท่านจึงรับประทานด้วยกันกับคนเก็บภาษีและคนนอก รีตเล่า ?" (มาระโก 2:16).

    เหตุใดพวกธรรมาจารย์และฟาริสีจึงเดือดร้อนใจเมื่อพระเยซููใช้เวลากับ "พวกคนบาป" มากกว่ากับพวกเขา ? มันก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับที่โยนาห์โกรธเคืองพระเจ้า พวกผู้ นำศาสนาเหล่านี้คิดว่าพวกเขาสมควรจะได้รับความสนใจและเป็นคนสำคัญที่พระเยซู ควรใช้เวลาด้วยให้มาก และ "พวกคนบาป" ไม่สมควรได้รับสิ่งใดเลย นอกจากการถูก พระเจ้าลงโทษ (ยอห์น 8:2-11) พวกเขาเกลียดชังคนต่างชาติ แม้กระทั่งชาว อิสราเอลในบรรดาพวกเขากันเอง (ยอห์น 7:49).

    เหตุใดพวกธรรมาจารย์และฟาริสีจึงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงยิ่งต่อคำเทศนาสั่งสอนของพระ เยซู ? เพราะพระองค์แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความบาปของตนเอง ที่พวกเขาไม่มีวัน ยอมรับได้ พวกเขาหยิ่งยโสเกินกว่าจะยอมรับพระเมสซิยาห์ของพระเจ้า และพวกเขา เข่นฆ่าพระองค์จนถึงตายบนไม้กางเขนของคนโรมัน

    แม้แต่พวกสาวกของพระเยซูเองบางคนยังเป็นเหมือนโยนาห์ คือกระหายจะให้พวก "นอกรีต" ถูกพระเจ้าจัดการ :

    52 … เขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อจะเตรียม ไว้ให้พระองค์ 53 ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์เพราะพระองค์กำลัง เสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 54เมื่อสาวกของพระองค์ คือยากอบและ ยอห์นได้เห็นดังนั้น เขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์พอ พระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเขาเสียหรือ?" (ลูกา 9:52ข-54).

    หลังจากที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ ถูกฝัง กลับเป็นขึ้นมาและเสด็จสู่สวรรค์ ชาวยิว นี่แหละเป็นผู้ต่อต้านการประกาศข่าวประเสริฐอย่างรุนแรง (กิจการ 22:19-23). แม้กระทั่งชาวยิวคริสเตียนเองยังต้องหันไปประกาศกับชาวต่างชาติแทน (กิจการ 10-11, และ 11:19). เป็นเพราะยิวคริสเตียนบางคนรู้สึกว่าตนเองนั้นเหนือกว่าผู้เชื่อชาว ต่างชาติ พวกเขาแยกชนชั้นและพยายามที่จะให้คนต่างชาติเปลี่ยนแปลงมาทำตาม ธรรมเนียมของชาวยิว (เช่น กิจการ 15:1; กาลาเทีย 2:11) แท้จริงโยนาห์ก็คือภาพ ความหยิ่งยโสของชาวอิสราเอลซึ่งยังมีมาตลอดหลายศตวรรษตราบจนถึงทุกวันนี้

    บทสรุป
    พระธรรมโยนาห์มีเรื่องมากมายเหมาะสำหรับคริสเตียนในศตวรรษนี้ และสำหรับชาวยิว ทุกยุคทุกสมัย ผมอยากสรุปเรื่องนี้โดยชี้ให้เห็นจุดต่างๆที่เราสามารถนำมาใช้ให้เป็น ประโยชน์ต่อชีวิตของเราในทุกวัันนี้

    (1) สิ่งที่พระเจ้ากระทำกับมนุษย์นั้นอยู่บนรากฐานแห่งพระคุณ ไม่ใช่เป็นเพราะ การกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น พวกที่ไม่สมควรทั้งหลาย (ซึ่งรวมตัวผมด้วย) ต้องระมัด ระวังเป็นอย่างยิ่งที่คิดแต่เพียงว่า ที่พระเจ้าปฏิบัติต่อคนในยุคของเรานั้นโดยทาง พระคุณ แต่ปฏิบัติกับคนในยุคพระคัมภีร์เดิมโดยทางอื่น ข้อแตกต่างระหว่าง "ยุคนี้" หรือ "ยุคแห่งพระคุณ" ทำให้เรารู้สึกว่าพระเจ้าคงจะปฏิบัติต่อผู้คนในยุคพระคัมภีร์เดิม ตามหลักการดำเนินชีวิตในสมัยนั้น โยนาห์ทำผิดเพราะท่านหลงลืมหลักแห่งพระคุณ พระเจ้านั้นปฏิบัติต่อมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยโดยใช้หลักการแห่งพระคุณทั้งสิ้น เพียงแต่ พระคัมภีร์ใหม่ และโดยพันธสัญญาใหม่ทำให้พระองค์สามารถเทพระคุณให้เราได้อย่าง ล้นเหลือ อย่าให้เราเป็นคนที่คิดว่าพระเจ้าปฏิบัติต่อมนุษย์โดยขาดพระคุณในทุกกรณี การปฏิเสธและไม่ยอมรับพระคุณของพระเจ้านั้นเป็นบาปหนักพอๆกับในสมัย ของโยนาห์ ทุกวันนี้มีคริสเตียนหลายคนโกรธพระเจ้าด้วยสาเหตุที่ผิดๆเหมือนกับ โยนาห์ เพียงแต่เราไม่ยอมรับอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบโยนาห์เท่านั้น

    คริสเตียนโกรธพระเจ้าตอนไหน ?

    · เมื่อเราคิดว่าเราสมควรได้รับบางสิ่งจากพระองค์ และเรารู้สึกว่าพระองค์ผิดที่ ไม่ให้ตามที่เราต้องการ.

    · เมื่อเราคิดว่าบางคนไม่สมควรได้รับ เราก็โกรธที่พระเจ้าประทานพระพรแก่เขา ทั้งๆที่คนๆนั้นไม่สมควรจะได้

    · เมื่อพระเจ้านำพระพรบางอย่างคืนไปจากเรา ซึ่งเราคิดว่าพระองค์ไม่มีสิทธิที่จะ ทำเช่นนั้น

    · เมื่อเราเริ่มคิดว่าเรามีดีกว่าคนอื่น

    ผมเชื่อว่าความรู้สึกยโสนี้ได้เข้ามาฝังรากลึกลงในชุมชนคริสเตียนในอเมริกา คน อเมริกันชอบคิดว่าตนเองมีส่วนและสมควรกับความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ เราคิดว่า เราได้รับ "พระพร" เพราะความฉลาดของเรา เราช่างคิดช่างค้น เราทำงานหนัก และเรา ทุ่มเทมากมายให้กับพระเจ้า ในทางตรงข้าม เรามีข้ออ้างที่จะปฏิเสธในการแบ่งปัน ความมั่งมีอย่างล้นเหลือให้กับผู้อื่น เพราะเราคอยย้ำเตือนในใจตลอดเวลาว่า ชาติอื่นๆ ที่ยากไร้นั้นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีดีเท่าเรา ดังนั้นในขณะที่ประเทศอินเดียกำลังส่ำสม ไปด้วยความยากจนและอดอยาก เรากลับไพล่ไปคิดว่าสาเหตุที่พวกเขาอดอยากนั้น น่าจะมาจาก มัวแต่ไปนับถือกราบไหว้ "วัว" กันอยู่ !! ฟังดูคุ้นๆไหมครับ ? แต่บทสรุป การวิเคราะห์ของเราก็ลงเอยที่ "ความหยิ่งยโส"

    คริสเตียนบางคนในทุกวันนี้มองเรื่องการรักษาโรคว่าเป็นสิทธิพิเศษ มากกว่าเป็นของ ประทานโดยพระคุณ ผมไม่อยากจะถกเถียงเรื่องของประทานในการรักษาโรคในทุก วันนี้กับใคร แต่ผมมองว่าพระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้รักษา และที่ผมอยากจะปฏิเสธอย่าง ชนิดหัวชนฝาเลยคือเรื่อง พระเจ้า "ต้อง" รักษา ถ้าเราอ้างความเชื่อ การรักษาเป็นของ ประทานโดยพระคุณพระเจ้าหรือเปล่า ? ถ้าใช่ ก็ไม่สมควรที่จะได้รับ หรือหามาได้โดย การ "ใช้ความเชื่อ" การรักษาเป็นของประทานด้วยพระคุณหรือไม่ ? ถ้าเช่นนั้นพระเจ้า ทรงมีสิทธิทุกประการที่จะให้กับผู้ใดก็ได้ที่พระองค์เลือก ไม่ว่าจะเป็นผู้เชื่อแล้วหรือไม่ ก็ตาม และพระองค์ก็มีสิทธิที่จะไม่ให้ตามที่ขอที่อ้างความเชื่อ เราไม่สมควรเรียก ร้องเอาแต่พระคุณ และยิ่งไม่สมควรโวยเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่คิดว่า ได้แล้วจะมีความสุข (จำเรื่องต้นละหุ่งของโยนาห์ได้หรือไม่ ?).

    อยากให้เราจำไว้ว่า พระคุณของพระเจ้าที่มอบให้นั้นไม่ได้มาแบบที่เราต้องการ หรือ แบบเลือกเองได้ พระเจ้าทรงมีพระกรุณาอย่างล้นเหลือต่อโยนาห์ ช่วยท่านโดยใช้ปลา มหึมา ถ้าโยนาห์เลือกที่จะรับพระคุณในแบบที่ท่านต้องการ ท่านคงไม่เลือกที่จะเข้า ไปอยู่ในท้องปลาแน่ๆ พระคุณที่พระเจ้ามีต่อบรรดาบุตรของพระองค์นั้นอาจมาจากการ ตีสอน การให้เผชิญกับความเจ็บปวดทุกข์ยากลำบากต่างๆ เช่นเดียวกับที่ชาวยิวเผชิญ มาตลอดประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล การเผชิญความทุกข์ยากเป็นพระคุณพอๆ กับความมั่งคั่ง จำคำเทศนาบนภูเขาเรื่อง "ผู้เป็นสุข" ในพระกิตติคุณได้หรือไม่ !

    โยบเข้าใจดีว่าพระเจ้าเปี่ยมไปด้วยพระกรุณาและพระคุณ ไม่ว่าพระองค์จะประทาน ความมั่งคั่งให้ หรือเอาคืนกลับไป ไม่ว่าจะเป็นความสุชหรือความทุกข์ยาก ดังนั้น เมื่อท่านรับรู้เรื่องความสูญเสียในครอบครัว ท่านสามารถกล่าวได้ว่า "พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า" (โยบ 1:21).

    ความล้มเหลว การทนทุกข์ โดยมากเนื่องมาจากพระคุณ เมื่อเกิดขึ้นในชีวิตของ คริสเตียน ก็เพื่อพระประสงค์ที่จะสำแดงพระคุณของพระองค์ให้เราเอง ให้ผู้อื่น รวมทั้งในฟ้าสวรรค์ได้เห็น

    หลักเกณฑ์ของพระคุณ ที่เราทั้งหลายได้รับความรอด เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับที่ พระเจ้าใช้ในการดูแลชีวิตของพวกเรา ไม่ว่าพระองค์จะเทพระพรแห่งความมั่งคั่ง และสุขภาพ หรือสำแดงพระคุณท่ามกลางการทดลองนานา ทุกสิ่งนั้นเพื่อประคับ ประคองและนำเราให้เข้าใกล้ชิดพระองค์ยิ่งๆขึ้น

    หลักเกณฑ์ของพระคุณช่วยเราในการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรง ดีต่อเรา เราต้องดีต่อผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่สมควรได้รับ ผู้ที่ชั่วร้าย หรือ บรรดาศัตรูที่ทำการข่มเหงหรือเกลียดชังเรา เมื่อแสดงความดีต่อผู้อื่น เราก็กำลัง สะท้อนให้เห็นถึงพระคุณที่เราได้รับจากพระเจ้าออกมา

    (3) หนังสือพระธรรมโยนาห์สอนเรามากมายเรื่องการประกาศ และการฟื้นฟู ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชาวอเมริกันกำลังต้องการเป็นที่สุด ผมเชื่อว่าพระธรรมโยนาห์ บอกเราถึงบางเรื่องที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟู และเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งทีเดียว :

    การฟื้นฟูต้องการคนที่จะไปเพื่อตักเตือนคนบาปที่หลงหายและกำลังจะถูกพิพากษา ผลร้ายของความบาป และแรงจูงใจที่อยากจะได้ความรอดนั้น เกิดจากการประกาศ ความจริงที่ว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และปลายทางคือความพินาศ

    การฟื้นฟูต้องมีการกลับใจอย่างแท้จริง มีการฟื้นฟูเกิดขึ้นในนีนะเวห์เพราะประชาชน หันหนีจากการประพฤติชั่ว พวกเขาไม่เพียงแต่สารภาพบาปเท่านั้น แต่ละทิ้งหนทาง บาปอย่างสิ้นเชิง จะมีการฟื้นฟูได้ก็ต้องมีการกลับใจ และการกลับใจต้องนามาซึ่ง การเปลี่ยนแปลง

    นอกจากนั้นพระธรรมโยนาห์ยังแสดงให้เห็นซึ่งๆหน้าว่า ที่จริงศัตรูตัวฉกาจในการประ กาศและการฟื้นฟูคือ — ความยโสของเราที่รังเกียจพระคุณพระเจ้า มัวแต่มุ่งหวังจะ รับแต่พระพรให้ตนเอง ไม่ต้องการเหลือเผื่อใคร เป็นเพราะความเห็นแก่ตัว หยิ่งยโส จองหองของชาวอิสราเอลที่ทำให้ไม่ยอมเอื้อเฟื้อแบ่งปันพระพรไปให้คนต่างชาติ เช่นกัน ผมก็เชื่อว่าเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว หยิ่งยโสจองหองที่กีดกั้นเรา ในการนำ ข่าวประเสริฐเรื่องความรอดที่พระเจ้ามอบให้ไปสู่ผู้อื่น เพื่อเขาจะได้กลับใจและยอมรับ เอาพระบุตรเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

    ลองคิดดูเล่นๆว่า สมมุติพระเจ้าเรียกให้คุณทุ่มเทชีวิตของคุณเพื่อการคิดค้นตัวยา สำหรับมารักษาโรคเอดส์ หรือให้คุณไปทำงานพันธกิจกับผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ คุณอาจ ประท้วงว่า "อันที่จริง คนพวกนี้สมควรตาย " ความจริงก็คือ มีหลายคนที่ติดเชื้อเอดส์ ไม่ได้เป็นเพราะความส่ำส่อน — แต่อาจติดมาจากสามี จากการถ่ายเลือด หรือทารก ที่ติดมาจากบิดามารดาที่มีเชื้อ

    เราหลายคนก็เป็นเหมือนโยนาห์ เราสมน้ำหน้าพวกติดเชื้อเอดส์ ถึงแม้พวกเขา เป็นเหยื่อบริสุทธิ์ผู้เคราะห์ร้ายก็ตาม โยนาห์เอง ก็อยากเห็นเมืองนีนะเวห์พินาศไปทั้ง เมือง ถึงแม้ว่าในท่ามกลางจำนวน 120,000 จะมีเด็กที่บริสุทธิ์หรือพวกสัตว์ต่างๆก็ตาม โยนาห์ไม่ได้มองดูเฉพาะการพิพากษาผู้ทำชั่ว แต่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายที่นั่นได้ ถูกลงโทษไปพร้อมๆกัน (สำหรับโยนาห์ การเป็นคนต่างชาติก็เป็นบาปที่สาสมแล้ว และ โดยมาตรฐานของท่าน ชาวนีนะเวห์ทั้งหมด ควรจะพินาศไปในความบาป) แต่ ความจริงก็คือ คนชั่วทั้งหลายกลับใจจากความบาปเมื่อผู้เผยพระวจนะท่านนี้ไปประกาศ พระเจ้าไม่เพียงปรารถนาจะช่วยผู้บริสุทธิ์เท่านั้น บรรดาผู้ประพฤติชั่วด้วย แต่โยนาห์ไม่ คิดเช่นนั้น

    คนบาปทุกคนสมควรตาย (ค่าจ้างของความบาปคือความตาย) ซึ่งรวมถึงเราทุกคนด้วย มันน่าทึ่งไหมครับที่ความบาปทางเพศ (มักถูก) บรรดาคริสเตียนตัดสินพิพากษาก่อน เพื่อน แต่บาปความหยิ่งผยองมักถูกมองข้าม และบางครั้งยังได้รับการยกย่องว่า ดูเป็น ผู้ดีไปเสียอีก อย่าลืมว่าพระเจ้ามาตามหาเพือช่วยผู้หลงหาย — คือผู้ที่บรรดาผู้นำ ทางศาสนา หรือผู้ชอบธรรมทั้งหลายรังเกียจไม่อยากจะแตะต้อง ถ้าไม่โดยพระคุณแล้ว เราทั้งหลายก็คือคนบาปที่สมควรได้รับการลงโทษ และเหวี่ยงไปให้ไกลจากพระพักตร์ ของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ที่แน่ๆคือเราทั้งหลายที่ได้รับพระคุณนั้น สมควรจะเป็นพวก แรกที่ออกไปแสวงหาผู้หลงหายและแบ่งปันพระพรแห่งความรอดให้แก่ผู้อื่น

    (4) พระคุณพระเจ้ามาสู่มนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์ พระคุณพระเจ้าสำแดง ต่อมนุษย์โดยผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสัญญาว่าทุกคนที่เชื่อและวางใจจะมี ชีวิตนิรันดร์ สิ่งที่คุณต้องทำคือ "ยอมรับ" ว่าคุณต้องการ ว่าุคุณเป็นคนบาปที่ไม่สมควร ได้รับพระพร และรับพระคุณโดยทางพระเยซูคริสต์ โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ บาปของเราก็จะได้รับการอภัย และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตร พระเจ้า โดยความเชื่อในพระคริสต์เราจะได้รับพระคุณของชีวิตนิรันดร์

    ไม่มีคำใดที่เหมาะสมกับความเมตตาที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์นอกจากคำว่า "พระคุณ" พระเยซูเป็นพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบของพระบุคคลที่ส่งลงมาเพื่อมนุษย์ (ยอห์น 1:14, 17; 2 ทิโทธี 1:9; 2:1; ติตัส 2:11). ความรอดคือของประทานจากพระคุณ ที่พระเจ้าให้แ่ก่มนุษย์ที่ทำบาป การให้อภัยต่อบาปและจัดเตรียมชีวิตนิรันดร์ให้ (กิจการ 14:13; 20:24, 32; โรม 1:5; 3:24; เอเฟซัส 2:8; โคโลสี 1:6; ติตัส 3:7; 1 เปโตร 5:12). เราเติบโตอยู่ในพระคุณ (2 เปโตร 3:18; ฮีบรู 13:9). เราทั้งหลายรอดปลอด ภัยอยู่ในพระคุณพระเจ้า (โรม 5:12) เมื่อเราอธิษฐาน เรากำลังเข้าเฝ้าอยู่หน้า "พระบัลลังแห่งพระคุณ" (ฮีบรู 4:16). เมื่อเรารับใช้เรารับใช้ด้วยพระคุณ (เอเฟซัส 4:7; 1 เปโตร 4:10), และเราดำเนินชีวิตทั้งสิ้นอยู่บนมาตรฐานแห่งพระคุณ (เอเฟซัส 4:29; โคโลสี 4:6).

    ขอให้พระคุณพระเจ้านั้นมีค่ายิ่งสำหรับคุณ เป็นพื้นฐานของการนมัสการพระเจ้า ไม่ใช่ ไปประท้วงทวงบุญคุณเหมือนดั่งโยนาห์


    --------------------------------------------------------------------------------

    18 คำว่า "ถูกคว่ำ" รุนแรงมากสำหรับโยนาห์ คำนี้ใช้เกี่ยวข้องกับเมื่อมีการทำลาย ล้างเมืองโสดม โกโมราห์ (ปฐก. 19:21, 25, 29). และยังถูกใช้ ในบทเพลงของ โมเสสเมื่อพระเจ้าทรงคว่ำปฏิปักษ์คืออียิปต์ลงในอพยพ (อพยพ 15:7). และใช้ใน เฉลยธรรมบัญญัติ 29:23 เกี่ยวคำเตือนของพระเจ้าเรื่องการพิพากษาชาวอิสราเอล ประชากรของพระองค์ที่เพิกเฉยต่อพระบัญญัติ ซึ่งปรากฎอยู่ทั้งใน 2 ซามูเอล 10:3; 1พงศาวดาร 19:3.

    19 "ก่อนที่โยนาห์จะมายังเมืองที่ดูเหมือนป้อมปราการอันแข็งแกร่งนี้ เคยมีเหตุภัย พิบัติจู่โจมมาแล้วถึงสองครั้ง (ในปี 765 และ 759 กคศ.) และมีสุริยุปราคาเต็มดวง เกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ปี 763 ซึ่งเป็นหมายเตือนถึงพระพิโรธของพระเจ้า และ อาจเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมชาวนีนะเวห์ถึงกลับใจในทันทีที่ได้ยินจากโยนาห์ตอน ประมาณปี 759." John Hannah, The Bible Knowledge Commentary (Wheaton: Victor Books, 1985), Vol. 1พระคัมภีร์เดิมหน้า 1462.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2011
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Greeting: Opinionated2: User ID: 1190661

    Hi ST In BG,

    Thank you for your last reply...it was very much appreciated.

    **You Are Most Welcome !!

    I have to apologize to you regarding my poor wording of the questions about religion.

    **Hmmm !!

    This is what you had stated regarding the introduction of God and it is quite concise and clear.

    **They DID NOT ... Introduce "God" ... They Introduced ... The Worship/Veneration Of ... The Creator Beings !!

    Quoting: ST in BG

    The only question it really raises for me is that this, "Introduction of the worship of The Creator Beings",
    was actually the catalyst for humankind then manipulating it for the power/control problems that we have seen throughout
    history.

    **Both ... Played Their Parts ... In Terra/Earth History !!

    The resultant religions when humankind transferred this initial concept into Gods/Goddesses and then a single God have hardly done humankind any favors, if it is wrong, although it may have allowed some humans to be better
    than they might have been without it.

    ** "Better" Is Simply A View ... An Opinion !! ... There Is No Such Thing !! ... Only A Perceived ... Value/Judgment !!
    ... Granted ... Such Creations/Events ... Caused Various Changes ... Which May Not Have Happened Right Away ... If At All !!

    I appreciate this comment and apologize that I put you in a situation that you needed to make it.

    **Please Go Back & Re-Read The Section !! ... These Later "Add On's" ... Of Blaming The ET's ... For Every Slight & Wound ... Instead Of Taking Personal Responsibility ... Gets To Be Rather Old & Worn !!

    Quoting: ST in BG

    ------------------------------------------------------------


    I also apologize for criticizing the confusion in the past lives/concurrent lives area.

    Maybe in future it would help if we all just used the term "Concurrent lives with the now' or something
    similar so that confusion is minimized.

    **There Is No Future ... However Of Another Moment ... This May Occur !!

    ------------------------------------------------------------


    I have always had a real problem with the teachings that enable people like Christians who are told not to
    judge labeling anything/body as demons. So if humankind has called you these things incorrectly I apologize on its
    behalf.

    **To Apologize In This Regard ... Would Be Similar To The Fraudulent Representation/Position ... "The Pope" ...
    Apologizing For Various Incidents That Happened In Terra/Earth History ... Of Which They Personally Had No
    Responsibility Over !! ... They Were Not There !! ... It Is For Those Who Weld Such Remarks ... At That "Time" ... To
    Make Such Corrections ... Not For Others In Proxy Or Otherwise ... To Do This For Them !!

    This is not to say that we shouldn't question things earnestly, as afterall, we do have an intelligent brain
    designed to question.

    **It Was Designed ... And Altered/Changed ... On Many Occasions ... For Various Purposes !!

    But the accusatory labeling of all beings should stop for the benefit of all. The fact that we humans judge & label one another too quickly is one of the biggest problems facing humankind.

    **It Is One Of Many Problems ... Of That Outphased/Discontinued Model ... That Is Called "Human" ... Of Which The Upgraded/Changed Models ... Will Address This ... And Many Other Issues !!

    -----------------------------------------------------------

    This comment makes a lot of sense as we all have to do such things at times, and why would you guys be any different

    **The Reasons For Doing What They Did ... Was Clear & Concise !! ... A "Vote" Was Taken ... To Either Proceed ... Or Not Proceed ... With The Plan !! ... No Other Considerations Were Set Forth/Added On !! ... It Was Enough
    To Attend To ... The Immediate Problem !! ... All Other Concerns Were Put To The Side !!

    Quoting: ST in BG

    **We Were/Are The Originals ... Who Were/Are There Before !! ... Your Genetic Lines Reflect Various Qualities Of Ourselves !! ... Our Finer Points ... & Yes ... Our Weaker Points ... So There Are Of This Respect ... Various
    Similarities ... In How Actions/Inactions ... Would Take Place !! ... Of This ... Immediate Actions Was
    Needed/Addressed ... In An Emergency Session ... To Which Telepathic Voting ... Took Place !!

    -----------------------------------------------------------

    When I quoted this I may have confused you with my poorly worded question by using the word "experiment". to which you replied

    **Which Experiment ???

    Quoting: ST in BG

    My rephrasing of this follows

    "**The "Tall Giants" Were Aryan ... Looking Similar In Clothing Style To Ancient Rome !! ... They Were From
    Lyra !! ... They Consisted Of Many "Looks" !! ... Red Hair, Green Eyes ... Blonde Hair , Blue Eyes ...Brown/Black Hair, Brown/Hazel Eyes !! ... Each "Look" Described Their Personalities ... Their Temperament !!

    Quoting: ST in BG

    So reworded -

    Are the beings from Lyra Pleiadians ultimately responsible, along with we humans, for the problems faced by humankind in the past and in the now?

    **This Is Only A Description ... One Of Many Such Races/Species !! ... Not Of That Which Is To Place Blame ... Make Judgments !!

    -----------------------------------------------------------

    Now when am I receiving my new updated, super dooper, deluxe, gorgeously impressive vessel/body that I
    ordered?

    **You Will Receive Your New Body/Form/Model ... When You Receive It !!

    I don't want to be a difficult customer but this last vessel/body is falling apart, with more faults showing
    up every day... Ha!

    **It Is That ... Throughout Terra/Earth ... Of The Transition/Phasing/Adjustments ... That Are Going On !!

    I'm sure it came with a warranty... I just can't find the paperwork to place my claim... Ha!

    **There Was & Is No Warranty !! ... As Those Bodies Were Designed/Created ... For Limited Purpose ... To Essentially
    Terminate/Break Down ... When Exposed To Higher Level Energies ... Which Is Happening ... Of Your "NOW" !!

    Thank you for the time you spend answering our many queries. It is very much appreciated.

    With Thanks and best regards

    You Are Very Welcome !!

    Opinionated2

    Farewell For Now !!

    ST In BG

    ++I AM A EXTRA TERRESTRIAL++ ASK ME A QUESTION AND I WILL RESPOND++ - Page 1179
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    9 ผู้ใดที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง และยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด
    10 ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในความสว่างนั้นไม่มีอะไรที่จะทำให้สะดุด
    11 แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็อยู่ในความมืด และเดินในความมืดและไม่รู้ว่าตนกำลังไปไหน เพราะว่าความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว

    1ยอห์น 2
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UdCVCNJr8T4&feature=related]YouTube - ‪PART 1 COMET ELENIN WILL IT STRIKE THE EARTH.ALERT PLEASE WATCH ALERT‬&rlm;[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5C0s69fzoAQ&NR=1]YouTube - ‪PART 2 COMET ELENIN , Lucifer the world against GOD EXTINCTION LEVEL EVENT‬&rlm;[/ame]
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=JEeqYHZ1GzI&feature=related]YouTube - ‪Elenin.. ILLUMINATI. 2012 ..JFK speech confirms they lie to us‬&rlm;[/ame]
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=A_iiqQyG3qw&feature=related]YouTube - ‪21º - ANSWERS OF AN ALIEN FROM ANDROMEDA - NIBIRU and EVENTS‬&rlm;[/ame]
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=MEVQALSnGEM&feature=related]YouTube - ‪Europe - Open your heart‬&rlm;[/ame]
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=FwcfioxnkVg]YouTube - ‪Tomorrow - Europe lyrics‬&rlm;[/ame]
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wSOQAq23rGw&feature=related]YouTube - ‪The Time (Dirty Bit) Lyrics-Black Eyed Peas‬&rlm;[/ame]
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=tMmX9G8JP38]YouTube - ‪Guns N' Roses - Patience lyrics(and some pictures)‬&rlm;[/ame]

    My mom used to tell me to listen to this song when she came to my mind.. when i was 5 or 6 my mom was in and out of jail.. i now listen to this song everyday , and i'm 13 . i love you mom , happy mothers day . <3
    XXboooobxx1 เดือนที่ผ่านมา 59 [​IMG]
     
  18. khaikung

    khaikung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณคุณเมมากนะครับกับเรื่อง ILLUMINATI

    เป็นกระทู้เดียวในบอร์ดเลยมั้งที่ยังคงมีเรื่อง ILLUMINATI อยู่

    ขอบคุณมากจริงๆนะ ครับ

    เป็นกำลังใจให้ครับ
     
  19. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    คุณk.kwanขยันโพสที่สุดในเว็บนี้แล้วมั้ง ของแท้มาทีต้องยาวเปงหางว่าวแบบนี้ (กับภาษาอังกฤษอีกเพียบ) 55555+ แซวเล่นเด้ออออ รักหรอกถึงหยอกเล่น อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ถ้าชอบเรื่องพวกนี้ก็ดัน ขุด กันขึ้นมาได้ค่ะ กระทู้เก่าๆมีเพียบ เผื่อมีใครยังไม่ได้รู้ได้อ่าน แต่พวกที่อยู่มานานแล้วก็อ่านกันจนเอียนแล้วล่ะค่ะ อิอิ เว็บนี้เป็นเว็บเดียวมั้งที่มีเรื่องพวกเนี๊ยเยอะมากกกกก เผลอๆเราได้รู้เยอะกว่าพวกไอ้กันอีกน๊าาา ขอบคุณเว็บพลังจิตไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่าาา:cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...