คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕ -
เป็นพระก็ต้องรู้จักทำบุญ
อาตมาเวลาญาติโยมมาทำบุญ อาตมาจะแบ่งไปทำบุญต่อ ยังที่ต่างๆ โรงเรียน โรงพยาบาล แจกผ้าห่ม ของใช้ในถิ่นกันดาร ฯลฯ
อาตมาทำแบบนี้มาตลอดนะ อาตมาจะบอกพระว่า... เป็นพระก็ต้องรู้จักทำบุญ และ บอกญาติโยมว่า ทำบุญที่ไหนก็ได้บุญ ทำกับ โรงเรียน โรงพยาบาล คนยากจนเดือดร้อน ได้บุญเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องทำกับผ้าเหลืองอย่างเดียว...ไม่งั้นเอาผ้าเหลืองห่มตอไม้ ก็พากันไปทำกับตอไม้สิ !!!
โอวาทธรรม หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook กลุ่มเด็กวัดป่า ฯ มดงาน -
"เห็นอันนี้เรียกว่าเห็นธรรม" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"เห็นอันนี้เรียกว่าเห็นธรรม"
" .. "ถ้ามีสติกำหนดเข้ามา จะรู้ทุกเวลาว่าจิตของเรามีราคะไหม หรือหายแล้วไม่มี ก็จะรู้จำเพาะตนนี้" ดูโทสะ มีอยู่หรือหายโทสะแล้ว ดูโมหะ ความโง่เขลาความหลง ยังมีอยู่ก็จะรู้ หรือจิตของเรามันหายโทสะหายโมหะแล้วก็จะรู้ "พระพุทธองค์จึงให้พิจารณาเข้ามาให้เห็น เห็นอันนี้เรียกว่าเห็นธรรม"
จิตของตนเป็นอย่างไร "จิตของตนเป็นกุศล มีเมตตา มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ หรือมันยังมีราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำอยู่ก็จะรู้" แล้วจะได้แก้ไขตัวมัน รีบปลดเปลื้องออกไป รีบเร่งทำความเพียร ขับไล่สิ่งที่เศร้าหมอง คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกไป ให้มันเบาบางไป ออกจากขันธสันดาน "ดวงจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้คนบริสุทธิ์" ทำให้คนมีสิริ มีโภคทรัพย์ "ก็เพราะคนเป็นผู้ทำความดี มีศีล" ศีลที่บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ .. "
"อนาลโยวาทะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
โดย นพ.อวย – ส่งศรี เกตุสิงห์ จัดพิมพ์
เพื่อความสุขปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๘ -
ธรรมเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔
ธรรมเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔
(สัมมาวายามะ สัมมาสติ) ปฏิสัมภิทาสูตรที่ ๑
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ ข้อ ๓๕
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ ก่อนจะฟัง พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง เมื่อได้สมาธิดีแล้ว ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕ -
"นี่เรียกว่าธรรมแท้" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"นี่เรียกว่าธรรมแท้"
" .. ใจที่บริสุทธิ์นั้นเมื่อละขันธ์ลงไปแล้ว ไม่เรียกว่าใจที่บริสุทธิ์ "เรียกได้ว่านิพพานหรือธรรมธาตุ ธรรมธาตุหรือนิพพานนี้แลเรียกว่าธรรมแท้" ธรรมแท้นี้แลที่ครอบโลกธาตุอยู่เวลานี้ ที่เราทั้งหลายเอ่ยถึงธรรมเท่านั้นก็เป็นที่ตายใจ ๆ ด้วยกัน เพราะเป็นธรรมชาติที่เป็นเครื่องยืนยันโลก ค้ำจุนโลกนี้มานานแสนนาน ด้วยธรรมธาตุที่สัตว์ทั้งหลายกล่าวถึงอยู่เวลานี้ "นี่เรียกว่าธรรมแท้"
เรากล่าวถึงธรรมแท้นี้แล้ว "เราก็แยกธรรมแท้นั้นมาเป็นข้อปฏิบัติ" มาเป็นเครื่องยึดถือของเรา เช่น "เราระลึกถึงพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ บทใดก็ตาม นั้นแลคือธรรมที่ออกจากธรรมแท้" เป็นเครื่องยึดแห่งจิตใจของเรา .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1360&CatID=2 -
อานิสงส์ทาน...
การทำบุญทำทานทุกอย่าง ส่วนลึกแล้วคือการทำบุญให้จิตใจ ทำให้จิตใจของเราได้รับความสงบ ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์ทาน เกิดภพใดชาติใดก็ไม่อดอยาก
อานิสงส์ทานนี้มองไม่เห็นแต่เป็นพลัง ถ้าหากว่าเราทำบุญทำทานไว้แล้ว บางทีเราไม่สบายใจ ตกทุกข์ได้ยากบางครั้งบางคราว เราก็ตั้งจิตอธิษฐาน สาธุ ข้าพเจ้าได้ทำบุญทำทาน ด้วยอานิสงส์ศีลทานของข้าพเจ้า ด้วยอานิสงส์คุณงามความดีของข้าพเจ้า ขอให้มาเกื้อกูลหนุนข้าพเจ้าด้วยเทอญ ข้าพเจ้าเข้าคับขันทุกข์ระกำลำบากแล้วคราวนี้ หลวงพ่อก็เคยตั้งจิตอธิษฐานอย่างนั้นนะ บางทีสิ่งที่ไม่คาดไม่คิดก็พยายามเข้ามาเกื้อกูลหนุนเรา เราก็ผ่านพ้นจุดนั้นไปได้นี่ อานิสงส์ทาน มันเป็นพลังลึกๆ ในจิตใจของเรา ก็ขอให้พุทธศาสนิกชนทุกท่าน อย่าตั้งอยู่ในความประมาท ให้สั่งสมคุณงามความดี สั่งสมบุญกุศล
โอวาทธรรมหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “บุญกุศลหนุนส่ง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๕
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๕ -
"การปฏิบัติ ยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์"(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"การปฏิบัติ ยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์"
" .. สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า "ธรรมของพระตถาคตเมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอม" แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริงและเป็นของไม่ลบเลือนด้วย
เพราะฉะนั้น "เมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อเมื่อมาฝึกหัดปฏิบัติจิตใจ กำจัดเหล่ากะปอมก่า คืออุปกิเลส แล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์" ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิมด้วย .. "
"มุตโตทัย" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6323&sid=ec270d7a92a6c2763570d4cc05a0856e -
หลวงตาม้าท่านกล่าวถึง..ผู้ที่เป็นวิตกจริตและเหนื่อยหน่ายอยากออกจากกองทุกข์ จะทำอย่างไร?
หลวงตาม้าท่านกล่าวถึง..ผู้ที่เป็นวิตกจริตและเหนื่อยหน่ายอยากออกจากกองทุกข์ จะทำอย่างไร?
หลวงตา: ค่อนข้างยากที่ปรับเปลี่ยนเพราะมีอัตตาสูงเกินคนปกติสามัญโดยทั่วไป เพราะคิดว่าตัวเองเก่ง มีความคิดพิสดารกว่าคนอื่น จึงรู้สึกว่าไม่ต้องการจะเปลี่ยนหรือปรับปรุงอะไร และไม่ได้เสียใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำไปในอดีตนัก มักไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัวเพราะตัวเองอยู่ในความคิดเกือบตลอดเวลาแตกต่างจากพวกโทสะจริตที่จะมีช่วงเวลาเสียใจในสิ่งที่ได้ทำไปแล้วและเห็นปัญหาของตัวเอง พยายามขบคิดแก้ไขปัญหาเมื่อมีโอกาส อย่างไรก็ตามผู้เป็นวิตกจริตสามารถพัฒนาและปรับปรุงจิตใจตัวเองโดยผู้ปฏิบัติทั้งหลายจะตั้งใจทำ วิธีดังต่อไปนี้
1.ต้องเลือกความคิด อย่าให้ความคิดลากพาเราไป ต้องเลือกคิดว่า ควรคิดอะไร สิ่งที่ผุดขึ้นมาในจิตควรคิดไหม ควรทำไหม ถามตัวเราเองว่าคิดฟุ้งซ่านไปแล้วมีประโยชน์อะไร เป็นความคิดสร้างสรรค์หรือในทางทำลาย ต้องรีบวางแผนชีวิตว่า ในชีวิตเราต้องการบรรลุอะไร
2.ต้องฝึกนั่งสมาธิให้มากๆ เพราะจิตคิดมากเหนื่อยมากไม่มีพลัง จิตยิ่งสงบ สติปัญญาก็จะยิ่งแหลมคมมากยิ่งขึ้น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๕ -
เทวดาประจำตัว มีทุกคนไหม?
"เทวดาประจำตัว มีทุกคนไหม?
ถ้าสวดมนต์นะ มีเยอะด้วย
บางคนมีเป็นโกฏิ เพราะอารมณ์ดี
แค่เริ่มสวด พลังงานก็มาที่เรา
มันก็ไปที่ภูมิเขาด้วย
ยิ่งอธิษฐานทุกวันว่า
บุญที่ข้าพเจ้าสร้างตลอดชีวิต
ให้มารับได้เลย และทรงอารมณ์ดี
สวดมนต์-แผ่เมตตา
บันทึกแต่ความดี"
คำสอนของหลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร) วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พลังบุญพลังธรรม -
"ความตายนี้ ให้นึกถึงบ่อย ๆ" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"ความตายนี้ ให้นึกถึงบ่อย ๆ"
" .. ความตายนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์สอนไว้ว่า "ให้นึกบ่อย ๆ นึกจนมันเห็น แล้วก็นึก จนมันเข้าใจลึกซึ้ง" จนเกิดความสลดสังเวช ในมรณะความตายของเราและของสัตว์ทั้งหลาย ของคนทั้งหลาย
"ถ้าผู้ใดภาวนามรณกรรมฐานจนเกิดขึ้น" จิตใจสงบระงับตั้งมั่น "เป็นสมาธิภาวนาก็ดี" หรือมีความสลดสังเวชในมรณภัย คือความตายนี้ "จิตใจจะเปลี่ยนแปลงไป ความโกรธ ก็จะเบาบาง เลิกได้ละได้ ความโลภความอยากได้ในใจ ก็จะได้เลิกได้ละได้ ความหลง ในจิต ในใจ ตัวเราก็จะเลิกได้ละได้"
เพราะว่า "มรณภัย คือความตายนั้น เมื่อมาถึงบุคคลผู้ใด ผู้นั้นจำเป็นต้องตาย" จะมาอ้างว่า ข้าพเจ้ายังเด็กอยู่ อย่าเพิ่งให้ข้าพเจ้าตายเลย ให้อยู่ไปดูโลกต่อไปก่อน "ธรรมดาพระยามัจจุราช คือความตายมันไม่ได้ยกเว้น เมื่อได้วาระของผู้ใด ผู้นั้นก็จำเป็นจำไปต้องตาย" .. "
"มรณกรรมฐาน"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๕ -
หมดลงแล้ว เรียกว่าตาย...
"หมดลงแล้ว เรียกว่าตาย...
มีเงิน มีทอง มีแก้วก็ตาย ละเสียจากเงินทองเหล่านั้น
มีลูกสาวก็ตายจากลูกสาว มีลูกชายก็ตายจากลูกชาย
มีผัวมีเมีย ก็ตายจากผัวจากเมีย มีพ่อมีแม่ ก็ตายจากพ่อจากแม่
จะมีเงินหมื่นเงินแสน เงินล้านก็เป็นแค่ของกลางเท่านั้น
ที่มีอยู่ในโลก เราตายเสียแล้วก็ทิ้งหมด
ถ้าเมื่อเรายังไม่ตายจงมาพากันสร้างบุญสร้างกุศลให้พอ
เมื่อเราตายไปแล้ว บุญนั้นก็จะได้เป็นที่พึ่งของเรา
สำคัญต้องรู้จักก่อนว่า บุญ นั้นคืออะไร?
เราทำแต่เพียงทานเท่านั้นหรือ
เราทำแต่เพียงศีลพอแล้วหรือ
หรือว่าเราทำทั้ง ทาน ศีล และภาวนา"
โอวาทธรรม หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook =AZXsuMGVTKP0J5J880RYEsCTkzM040OZaaBOTmkGkaLYv7_1pHpZdjIbRcuyTplmbDVjTWv-TNOl19Lp8sFb1ZC_0-v4KhEsKZNt0QH2LNYpNVzGS6GGxdF7N4xuB95GTEjm_lCWaoNu_Ma-ho4lGjxgPbkPPfDPA9eJaVHAXk2mJF_V-sTQ5Zsqvq9iCfzY3iw&__tn__=%2CO%2CP-R']อมตะธรรม ประเทศไทย -
นึกถึงพระคือเราอยู่กับพระ พระท่านอยู่บนพระนิพพานนะ
พระอาจารย์กล่าวสอนโยมว่า "สำหรับทิดโอต้องมั่นใจนะ คำว่ามั่นใจก็คือพระไม่ได้อยู่ไกลหรอก แค่หัวเรานี่เอง ถ้าคิดว่าพระอยู่ไกล บางทีสมาธิน้อยก็ส่งไม่ถึง เพราะขาดความมั่นใจ ฉะนั้น..พอถึงเวลานึกถึงภาพพระทีไร พระก็อยู่แค่บนหัวเรานี่เอง แล้วพระอยู่เฉพาะพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..พระนิพพานก็อยู่แค่บนหัวเรา
ถ้าสรุปเป็นก็ง่าย ถ้าสรุปไม่เป็นก็ยาก สำคัญตรงที่ต้องมั่นใจ การกำหนดภาพพระไม่ใช่ตาเห็น เป็นการเห็นในห้วงนึก ซึ่งสมัยนี้ฮิตกันมากที่ว่า “มโน” ถ้าถามว่าเห็นในห้วงนึกเห็นอย่างไร ก็เหมือนเรานึกถึงบ้าน นึกถึงคนที่เรารู้จัก เราสามารถนึกได้ชัดเจน แต่ไม่ใช่การเห็นด้วยสายตา ดังนั้น..การเห็นอย่าไปเน้นเอารายละเอียด ให้มั่นใจว่ามีภาพพระอยู่ก่อน หลังจากนั้นก็จับลมหายใจภาวนา พร้อมกับนึกถึงภาพพระ
สำคัญตรงที่ว่าต้องมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจทำอย่างไรก็ไปไม่รอด ต่อให้เขาบอกว่าเห็นเราอยู่ที่นั่น แต่ถ้าขาดความมั่นใจก็เท่านั้น มัวแต่ไปอาศัยคนอื่นให้เขาบอกแล้วค่อยมั่นใจ แล้วชาตินี้จะไปเองได้อย่างไร ?"
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
"ผู้ปฏิบัติ เป็นผู้มีบุญสูงสุด" (สมด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ผู้ปฏิบัติ เป็นผู้มีบุญสูงสุด"
" .. ผู้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง "แต่ผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา" คือปฏิบัติให้จริงตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน "เป็นผู้มีบุญสูงสุด"
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เปรียบได้ "เพราะพระพุทธศาสนาเท่านั้น ที่จะพาไปให้รู้จักพลังพิเศษ คือความคิดที่สามารถทำลายความทุกข์ได้" ตั้งแต่ทุกข์น้อย จนถึงทุกข์ทั้งปวง จนถึงเป็นผู้ไกลทุกข์สิ้นเชิง ไม่มีเวลากลับมาให้เป็นทุกข์อีกเลย ตลอดไป .. "
"แสงส่องใจ" ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗
สมด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๕ -
“บุญสร้างพระ”
การสร้างพระประธาน หรือร่วมหล่อพระพุทธรูปต่างๆ เท่าที่สังเกตมา คนที่ได้ทำบุญเหล่านี้เป็นประจำ จะไม่ตกต่ำ จะมีคนคอยสนับสนุนด้านต่างๆ ชีวิตจะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งดีๆที่เป็นมงคลจะทยอยวิ่งเข้าหา อาจช้าบ้างเร็วบ้างก็แล้วแต่บุคคล... บุญนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่การสละออกเท่านั้น แต่ที่สุดแล้ว นั่นคือ การที่จิตมีความสุขและสามารถจดจำภาพพระพุทธรูปองค์นั้นๆไว้ในใจได้ตลอดเวลาต่างหาก ซึ่งถ้าทำได้ เราย่อมมีที่ไปที่ชัดเจนอย่างแน่นอน
คำสอนของพระอาจารย์มหานันทวัฒน์ เขมธัมโม (พระอาจารย์เอ บ้านสุมโน)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook =AZX1Zqy7KRdv7JzmHpoAX5qEQa3tTDalSeQ1_KBNKddLyfjs1lnJGk_0oNDf7eaBQgZm0_bBkFoZJDs88hnypAQNx1KAC1ZYsqLikLrdOVmTRCm2vLaREY4hmNpX3BpKyhID5ZxzLwX4-LdwifhN7MwHJpDEhPlEqJTE-UBDdd5ubTt-0TrseKtHqt9JkiXIyeQ&__tn__=%2CO%2CP-R']บ้านสุมโน -
มองให้เห็นว่า อะไรก็เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรให้ยึดถือได้เลย
เราต้องเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในแต่ละวัน ให้ปรากฏสภาพของความไม่เที่ยง ของความเป็นทุกข์ ของความไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมาย ให้เป็นปกติธรรมดา เห็นได้ทุกครั้ง รู้สึกได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิดก็ตาม ต้องรู้เท่าทันว่ามันไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็สลายตัวไป มันเป็นทุกข์ ถ้าเราไปยึดถือมั่นหมาย เราจะทุกข์แน่นอน มันเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรดำรงทรงอยู่ได้ ท้ายสุดก็เสื่อมสลายไปทั้งหมด ถ้าสามารถเห็นได้ดังนี้ตลอดเวลา จึงจะได้ชื่อว่าเราเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริง
แต่ก็เป็นได้เพียงนักปฏิบัติเท่านั้น จนกว่าจิตใจเราจะยอมรับว่าสภาพทั้งหลายเหล่านั้น เป็นปกติ ธรรมดาของการเกิดมา ของการมีร่างกาย ของการปรากฏสรรพสิ่งในโลกนี้ จะต้องมีสภาพไม่เที่ยงเป็นปกติ เป็นทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ แล้วจิตใจก็ถอนความปรารถนาในร่างกายตนเอง ถอนความปรารถนาในร่างกายคนอื่น ถอนความปรารถนาในการเกิดขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้นจึงจะได้ชื่อว่าเราเป็นนักปฏิบัติ เป็นผู้ที่กระทำเพื่อมรรค เพื่อผลจริง ๆ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์... -
"คนดีอยู่ที่ไหน" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"คนดีอยู่ที่ไหน"
" .. คนดีอยู่ที่ไหน "คนดีอยู่ที่ตัวเรา" ถ้าเราดี ไปไหนมันก็ดี เขาจะนินทา สรรเสริญ จะว่าอะไร ทำอะไร เราก็ยังดีอยู่ แต่ถ้าเรายังไม่ดี เขานินทา เราก็จะโกรธ ถ้าเขาสรรเสริญเราก็ยินดี ก็หวั่นไหวอยู่อย่างนั้น
เมื่อรู้ว่าคนดีอยู่ที่ไหนแล้ว "เราจะมีหลักในการปล่อยวางความคิด" เราจะไปอยู่ที่ไหน คนเขาจะรังเกียจ หรือเขาจะว่าอะไร ก็ถือว่าไม่ใช่เขาดีหรือเขาชั่ว "เพราะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวเรา" เราย่อมรู้จักตัวเราเองยิ่งกว่าใคร .. "
"ใต้ร่มโพธิญาณ"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๕ -
“หยุด นั่นแหละ เป็นตัวสำเร็จ”
ถาม : คำว่า “หยุด” ที่หลวงพ่อสด ท่านกล่าวไว้ว่า จะไปทางนี้ต้อง “หยุด” ถ้าไม่หยุดก็ไปไม่ได้ และหยุดอย่างเดียวเท่านั้น สำเร็จ หรือเป็นตัวสำเร็จ อยากกราบถามหลวงพ่อค่ะว่า ในการ “หยุด” นี้ เอาอะไรเป็นเกณฑ์วัด เป็นเรื่องของกายหรือเรื่องของใจคะ?
ตอบ : คำว่า “หยุด” ณ ที่นี้หลวงพ่อ (หลวงพ่อวัดปากน้ำหรือหลวงปู่สด) ท่านหมายถึง หยุดทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ หยุดกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ด้วยการปฏิบัติไตรสิกขา คือ อธิศีลสิกขา (ศีลยิ่ง) อธิจิตสิกขา (จิตยิ่ง) อธิปัญญาสิกขา (ปัญญายิ่ง)
ในการ “หยุด” ทางใจ นั้นเริ่มด้วยการอบรมใจให้สงบ ให้หยุด ให้นิ่ง เป็นสมาธิแนบแน่นมั่งคง ณ ศูนย์กลางกายเหนือระดับสะดือ ๒ นิ้วมือ อันเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม ด้วยอุบายวิธี ๓ อย่างประกอบกัน คือ
1. อาโลกกสิณ โดยการเพ่งดวงแก้วกลมใส (นึกให้เห็นด้วยใจ เพื่อรวมใจคือความเห็นด้วยใจ ความจำ ความคิด ความรู้ ให้อยู่กับดวงแก้ว และให้รวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน)
2. พุทธานุสสติ ด้วยการให้กำหนดบริกรรมภาวนาว่า “สัมมาอะระหังๆๆ” เพื่อประคองใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ตรงกลางและให้น้อมพระพุทธคุณ... -
การทำบุญ ทำให้ง่าย ให้สะดวกเข้าไว้ เวลาผลบุญมาสนอง จะได้ง่ายและสะดวกไปด้วย
การทำบุญ ทำให้ง่ายทำให้สะดวกเข้าไว้ ผลบุญก็ได้ง่ายได้สะดวก
ถาม : หลวงพ่อคะ เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กเวลาทำสังฆทานเขาก็จะมีพิธีครบหมดเลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็บางครั้งแค่ยกไปวาง เอาเงินใส่ถัง จะมีผลเหมือนกันไหมคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา
คำถามนี้เคยมีคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง เขาไปที่วัดท่าซุง แล้วเขาข้องใจมากเลย เขาหาคนตอบคำถามไม่ได้ บังเอิญไปเจอกับอาตมา เขาก็ถาม แต่พ่อเจ้าประคุณพูดไทยฟังยากเป็นบ้า ต้องแปลเป็นไทยอีกรอบหนึ่ง คือเขาพูดไทยสำเนียงญี่ปุ่นเร็วปรื๋อเลย
เขาถามว่า "ที่ประเทศญี่ปุ่นของเขา เวลาคนจะทำบุญจะมีกล่องบริจาคอยู่ ให้เราไปยืนอธิษฐานจนกว่าเราจะพอใจ เสร็จแล้วก็โยนเงินใส่กล่อง แต่ที่วัดท่าซุงนี่คุณมีโอกาสยืนอยู่หน้าหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ถึง ๓ วินาที เหมือนกับวิ่งทำบุญกันเลย ทำไมต่างกันขนาดนี้ ?"
ก็บอกกับเขาบอกว่า "คุณเคยเห็นเด็กเล็ก ๆ ไหม ?"
เขาบอกว่า "เคยครับ เคยเลี้ยงน้อง"
บอกเขาต่อว่า "ตอนที่เขาหัดเดินใหม่ ๆ เราต้องจูงเขาใช่ไหม ?"
เขาตอบว่า "ใช่"
ก็เลยบอกเขาบอกว่า "ประเทศญี่ปุ่นของคุณ ทำบุญแบบจูงเด็กเดิน แต่ที่นี่เขาเป็นผู้ใหญ่ เขาวิ่งทำบุญกันแล้ว"... -
ครูบาอาจารย์ท่านให้ความรู้ไว้ เราต้องกล้าใช้ กล้าทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน" ในเมื่อวิชาความรู้ครูบาอาจารย์ท่านก็ถ่ายทอดให้หมดแล้ว ก็เหลืออยู่แต่เราเท่านั้น ว่าจะศึกษาและนำเอาไปใช้ได้เท่าไร ต้องกล้าได้กล้าเสีย กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าสู้ครู แล้วจะวิวัฒนาการได้เร็วกว่าคนอื่นเขา
ในชีวิตนี้ตั้งแต่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงมา มีครั้งเดียวที่รู้สึกว่าเสียใจ ก็คือท่านบอกว่า "เล็ก..ตั้งแต่นี้ไปเทศน์แทนพ่อทีนะ" กราบเรียนตอบไปแบบไม่ต้องคิดว่า "ขออนุญาตผ่านครับ ผมกลัวโดนถีบตกธรรมาสน์..!"
หลวงพ่อท่านยังเมตตาทักท้วงว่า "ตำแหน่งใบฎีกาเท่ากับเป็นตัวแทนของหลวงพ่อ ถ้าแกไม่เอาแล้วใครจะทำ ?" อาตมาก็ได้แต่เงียบ เพราะว่าตอนนั้นยังรักตัวเองมากจนเกินไป"
"ภายหลังมานึกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านนั้น นอกจากงานท่วมหัวแล้วยังป่วยหนักเป็นปกติ การที่ต้องลงเทศน์ทุกวันพระจัดเป็นภาระหนักมาก อุตส่าห์ขอให้ช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว อาตมากลับไปกลัวคนอื่นเขาจะว่า จึงไม่สมกับที่ปฏิญาณตนว่ามอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัย..!
แต่ถ้าใครเคยอยู่วัดท่าซุงมาจะรู้ว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย... -
"ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นของดี" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นของดี"
" .. พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า "ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นของประเสริฐ" ด้วยเหตุนี้ คำว่าประเสริฐแปลว่าของดี "ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นของดี" หมายความว่าถ้าหากเห็นความเสื่อมของตนอยู่ตลอดการเวลา "เราจะต้องเร่งรีบทำภาระกิจของตน สิ่งที่ควรทำสำเร็จให้รีบร้อนทำให้สำเร็จเสีย" เพราะความเสื่อมสูญสิ้นไม่หยุดยั้งแต่ละนาทีวินาที
เหตุนั้น "จึงรีบเร่งทำเสียในกิจของตนที่จะพึงทำ จึงเป็นของประเสริฐ" คนบางคนที่เข้าใจว่า "พิจารณาถึงความเสื่อมแล้วเป็นเหตุให้เศร้าใจ" เป็นเหตุให้ไม่อยากทำภาระกิจใด ๆ ทั้งหมดนั้น "เรียกว่าเป็นผู้ประมาทโดยแท้" ไม่ได้ชื่อว่าชีวิตเป็นของประเสริฐ "ไม่ได้ชื่อว่าชีวิตประกอบด้วยปัญญา" ชีวิตอันนั้นเป็นของประเสริฐ .. "
"สนทนาธรรม" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
สิงคโปร์ วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๙ -
จงเห็นทุกข์ แต่อย่าเป็นทุกข์
จงเห็นทุกข์ แต่อย่าเป็นทุกข์
ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า เธอจงคิดไว้เสมอว่า ชีวิตเลือดเนื้อและร่างกายถ้ายังมีอยู่เพียงใด คำว่าหมดทุกข์ไม่มี เราจะต้องประสบกับความทุกข์อย่างนี้ตลอดเวลา
ถ้าเราจะสิ้นทุกข์ได้ ก็เพราะอาศัยเห็นว่า ร่างกายที่เราเกิดมานี่มันเป็นทุกข์ แล้วก็สมบัติที่เราถือว่าเป็นเราเป็นของเรา นี่มันได้มาด้วยความทุกข์ คืออาศัยความเหน็ดเหนื่อยเป็นของสำคัญ ถ้าเราไม่เหน็ดเหนื่อยแล้วเราก็ไม่ได้มา เมื่อได้มาแล้ว หามาได้แล้ว แทนที่จะใช้สอยให้มันเป็นการพอดี ให้มันทรงอยู่กับเรา มันก็เปล่า มันก็สิ้นไปเสื่อมไป ทำไมจึงจะมานั่งสนใจด้วยอาหาร ด้วยเรื่องร่างกาย
แต่ที่กล่าวอย่างนี้ ไม่ใช่ให้ทำลายร่างกาย ไม่ใช่อดอาหาร เพราะว่ามันเกิดมาแล้ว ร่างกายที่เกิดมาเราก็ต้องเลี้ยงมัน มันเป็นของธรรมดา แต่ถ้าหากว่าเราจะถึงปรารถนาในมันนั้น เห็นไม่สมควร
จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า หน้าที่ในการบริหารร่างกาย เราจะพึงทำเมื่อร่างกายต้องการอะไรบ้าง แต่ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินไป ตั้งใจบริหารมันเข้าไว้ เพื่อว่าเป็นการระงับความทุกข์ส่วนหนึ่ง แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นการหายทุกข์... -
หลวงพ่อสนทนาธรรมกับในหลวง พอเข้าที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๙)
หลวงพ่อสนทนาธรรมกับในหลวง
พอเข้าที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๙)
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จเจ้าฟ้าสิรินธรฯ
ท่านก็เข้าไป ท่านถามอะไรหลายอย่าง ความจริง
ที่มีพระราชดำรัสถามนี่ คิดว่ามีบางอย่างที่ไม่
ควรนำมาออกอากาศ หรือนำมาพูดกันเพราะเป็นเรื่อง
ส่วนพระองค์ แต่ทว่า ที่ทรงถามนั้น ไม่มีอะไร ไม่ใช่
เรื่องบ้าน ไม่ใช่เรื่องเมือง ไม่ใช่เรื่องบุคคล
ทรงถามเรื่องธรรมะ
ถ้าจะเกณฑ์ให้จำก็จำได้ไม่หมดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอะไรบ้าง
จะว่าปัญญาอ่อนหรือความจำเสื่อม ก็ยอมรับ เพราะว่า
พระราชดำรัสถามนั้น เป็นคำที่ลึกซึ้งคัมภีรภาพมาก
ละเอียดลออมาก จะเห็นได้จากพระราชวินิจฉัยของพระองค์
ข้อหนึ่ง จะพูดให้ฟัง ท่านตรัสว่า
หลวงพ่อขอรับ ผมว่าธาตุแท้นี่ไม่สกปรกนะขอรับ ธาตุแท้
มันสะอาด นี่ฟังกันจริงๆแล้วก็ต้องคิดให้มาก ว่าที่
พระองค์ตรัสว่าธาตุแท้นี้ไม่สกปรก ธาตุแท้สะอาดนี้น่ะ
เพราะว่าพระองค์ทรงเคยโต้กันมาแล้ว เรื่องกายสกปรก
ท่านตรัสถามมาสามรอบ อาตมาจำได้ ท่านทรงยืนยันว่า
ร่างกายไม่สกปรก แต่ความจริงท่านเห็น แต่ว่าท่านใช้
ปัญญาพิจารณาญาณของท่าน พูดกันง่ายๆว่า สอบ กันดีกว่า
ท่านทรงมีความเข้าใจดี... -
สังฆทาน เป็นทานที่มีอานิสงส์มาก กว่าทานส่วนบุคคลหลายแสนเท่า
สังฆทาน เป็นทานที่มีอานิสงส์มาก
กว่าทานส่วนบุคคลหลายแสนเท่า
โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ที่นี้การถวายทานกับพระ ให้มุ่งหมายสังฆทาน
เป็นสำคัญ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าผู้รับกับผู้ให้
หรือวัตถุทาน ถ้าผู้รับบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์
วัตถุทานบริสุทธิ์ ถ้าให้เป็นส่วนบุคคล
จะมีอานิสงส์มาก แต่ว่าน้อยกว่าสังฆทาน
หลายแสนเท่า
ถ้าผู้ให้บริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์โดยที่เรา
ไม่ได้ลัก ไม่ได้ขโมยใครเขามา ผู้รับไม่บริสุทธิ์
อานิสงส์ก็ต่ำลงไป นี่สำหรับทานส่วนบุคคลนะ
ถ้าสังฆทาน ผู้รับจะบริสุทธิ์หรือไม่ก็ตาม
อานิสงส์สังฆทานครบถ้วนบริบูรณ์
ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าผู้รับไม่มีสิทธิ์
เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว คำว่าสังฆทาน
นี่หมายถึงพระสงฆ์ทั้งหมด มีสิทธิ์ในทานนั้น
ฉะนั้นผู้รับทานอย่างอาตมารับแต่ผู้เดียว
ถือว่าเป็นผู้แทนสงฆ์ ถ้าถืออำนาจว่า
ของที่ฉันรับแต่ผู้เดียว ฉันใช้คนเดียว
อย่างนั้นคนให้ทานไปสวรรค์ คนรับทานไปนรก
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๔
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง www.BuddhaSattha.com -
เป็นแค่ธาตุที่มารวมกันแค่นั้น (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
"คนคนหนึ่ง เมื่อแยกออกแล้ว มีสี่อย่างนี้เท่านั้น คือ มี ดิน น้ำ ไฟ ลม สัตว์ไม่มี มนุษย์ไม่มี ไทยไม่มี ฝรั่งไม่มี เขมรไม่มี ญวนไม่มี ไม่มีใคร มีดิน มีน้ำ มีไฟ มีลม เท่านั้นที่เป็นอยู่ แล้วสมมติว่าเป็นบุคคลเป็นสัตว์ขึ้นมา
ความเป็นจริงไม่มีอะไร ดินก็ดี น้ำก็ดี ลมก็ดี ไฟก็ดี ที่ประกอบกันเรียกว่ามนุษย์นี้เป็นไปด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ เป็นของไม่แน่นอน เป็นของไม่ยั่งยืน เป็นของหมุนเวียน เปลี่ยนไป แปรไป อยู่อย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอยู่กับที่ แม้แต่ร่างกายของเราก็ไม่แน่ไม่นอน เคลื่อนไหวไปมาอยู่เสมอเปลี่ยนไป ผมก็เปลี่ยนไป ขนก็เปลี่ยนไป หนังก็เปลี่ยนไป สารพัดอย่าง มันเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปหมด
จิตใจของเรานี้ก็เหมือนกัน มันก็ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ที่คิดไปสารพัดอย่าง มันไม่แน่นอน บางทีคิดฆ่าตัวตายเลยก็ได้ บางทีคิดสุขก็ได้ บางทีคิดทุกข์ก็ได้ ถ้าเราไม่มีปัญญา เราก็ไปเชื่อจิตอันนี้ มันก็โกหกเราเรื่อยไป เป็นทุกข์บ้าง เป็นสุขบ้าง สลับซับซ้อนกันไป
จิตนี้มันก็เป็นของไม่แน่นอน กายนี้ก็เป็นของไม่แน่นอน รวมแล้วเป็นอนิจจัง รวมแล้วเป็นทุกขัง รวมแล้วเป็นอนัตตา...
หน้า 74 ของ 402