คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
ไม่มีทางลงข้างล่างหรอก
ไม่มีทางลงข้างล่างหรอก
=AZVvzZ6pwvSv5nmM-ClUigO1S-o-q_KO9c5qD3P_ULD3L6W6cKXXWvaOfVtbUrA5KILMQ0kCGKZIgl--a-lfIFt788mk6mSY3DZvHS5DyrLGtrTKikbUaZPOMRoSZz1BQ0jvXpjz07ZsE1-qN2tcZPNB0Ct7Amnf7CWVX1ldNWMdMI3X4Tvg-pWUdEpRhs_OEcE&__tn__=*NK-R']#ไม่ลงนรก
หลวงตาท่านว่า : หลวงปู่ดู่ท่านว่า ....ถ้าเอ็งอยู่ในศาสตร์ของข้า( หลวงปู่ดู่ )เนี่ย ไม่มีทางลงข้างล่างหรอก เอ็งก็จะเวียนบน เอ็งก็จะกำหนดทิศการเกิดๆตายๆได้ฮะ เอ็งจะเกิดหรือไม่เกิดในชาตินี้ก็ยังได้เลย มันอยู่ที่ “กำลังใจ” ที่เอ็งทำอยู่ทุกวันเนี้ย เพราะฉะนั้นในยุคปัจจุบันเนี้ยค่อนข้างยาก ว่าโลกเนี่ยมันแน่นอนอะไร…ท่านว่า ขนาดเราเห็นๆเนี่ยนะ ความเปลี่ยนแปลงของโลก มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลานะฮะ
เพราะฉะนั้นเราเน้นเรื่อง “การสวดมนต์” เป็นหลัก อย่างอื่นเราไม่เน้น จะไปไหนก็สนใจเรื่องอย่างนี้ ก็คือ การพิจารณา การสวดมนต์ การแผ่เมตตา การโมทนาบุญ บันทึกบุญ ถ้าท่านทำได้ก็จะเป็นประโยชน์กับตนเอง กรรมหนักก็เบา กรรมเบาก็หาย…
ถ้าเข้าโรงบาลก็จะหายเร็วกว่าคนธรรมดา
เพราะกระแสจิต กับ กระแสพุทธมนต์ มันเป็นกระแสเดียวกัน เปอร์เซ็นต์ก็จะมากขึ้น(กระแสดี มากกว่า... -
บรรยายถวายความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมเจ้าอาวาสใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔
บรรยายถวายความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมเจ้าอาวาสใหม่
ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔
วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๖.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) เป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้แก่เจ้าอาวาสใหม่ ในโครงการอบรมพระสังฆาธิการผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ รุ่นที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๕ ณ ศาลาเอนกประสงค์ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หมู่ที่ ๒ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม -
"ต้นก็คือปลาย" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ต้นก็คือปลาย"
" .. เมื่อเราเกิดมาแล้วโยม ก็คือเราตายแล้วนั่นเอง "ความแก่กับความตายมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ" เหมือนกับต้นไม้ อันหนึ่งต้น อันหนึ่งปลาย "เมื่อมีโคนมันก็มีปลาย" เมื่อมีปลายมันก็มีโคน ไม่มีโคน ปลายก็ไม่มี มีปลายก็ต้องมีโคน มีแต่ปลาย โคนไม่มีก็ไม่ได้ มันเป็นอย่างนั่น
เพราะฉะนั้น ก็นึกขำเหมือนกันนะ "มนุษย์เราทั้งหลายเมื่อจะตายแล้วก็โศกเศร้า" วุ่นวาย นั่งร้องไห้ เสียใจ สารพัดอย่าง หลงไปสิ โยมมันหลงนะ พอคนตายก็ร้องไห้ พิไรรำพัน
แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยได้พิจารณาให้ชัดแจ้งนะ ความเป็นจริงแล้ว อาตมาขอโทษด้วยนะ อาตมาเห็นว่า "ถ้าจะร้องไห้กับคนตายน่ะ ร้องไห้กับคนที่เกิดมาดีกว่า" แต่มันกลับกันเสีย ถ้าคนเกิดมาแล้วโยมทั้งหลายก็หัวเราะดีอกดีใจกันชื่นบาน "ความเป็นจริงเกิดนั่นล่ะคือตาย" ตายนั่นล่ะก็คือเกิด "ต้นก็คือปลาย" ปลายก็คือต้น .. "
"เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"พุทโธ เป็นที่พึ่งทีระลึก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"พุทโธ เป็นที่พึ่งทีระลึก"
" .."พุทโธนั้นอยู่ที่ไหนเล่า" ธัมโมอยู่ที่ไหนเล่า สังโฆอยู่ที่ไหนเล่า "นี่แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเรา" ที่กราบที่ไหว้ที่สักการบูชาของเรา "ถ้าเราไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วก็ไม่มีที่พึ่งอาศัย" เรามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ "นี้แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่กราบที่ไหว้"
ให้น้อมดู "พุทโธอยู่ที่ไหนเล่า อยู่ที่ดวงใจของเราไม่ใช่หรือ" ให้พากันพิจารณาพุทโธ เวลานี้รู้อยู่อย่างไรเล่า "รู้สุขหรือรู้ทุกข์ รู้ดีหรือรู้ชั่ว หรือรู้อยู่เฉย ๆ ดูที่พุทโธ" ใจของเราอยู่สถานใดอยู่ในลมฟ้าอากาศหรือไปอยู่ที่ไหน อยู่ตามลูกตามหลาน ตามบ้านตามช่อง หรือไปอยู่ตามข้าวตามของตามเงินตามทอง "ให้น้อมเข้ามาหาตัวของเราชิ" ผู้รู้ศาสนาต้องน้อมเข้ามาต้องรู้ต้นศาสนา .. "
"การฟังและการปฏิบัติ" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
๓ กันยายน ๒๕๑๑ วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
ม.ร.ว. ส่งศรี เกตุสิงห์ ถอดจากแถบบันทึกเสียง -
คนที่โกรธง่ายแก่เร็ว (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
บรรดาท่านพุทธบริษัท บางทีเราจะเห็นพระอริยเจ้าอายุตั้ง 60 ปีเศษ เราก็ไปนั่งนึกว่าท่านอายุประมาณสักสี่ห้าสิบปี แต่ก็ยังดีบางองค์อายุเกือบจะ 80 ปี เราคิดว่าท่านอายุ 30 ปีเท่านั้น นั่นเราก็จะพิจารณาได้ว่า พระคุณท่านเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูงตั้งแต่เมื่อไร ร่างกายของพระคุณท่านไซร้ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงนัก เพราะใจมันสบาย คือร่างกายของเราจะแก่มากแก่น้อย ทรุดโทรมมากทรุดโทรมน้อย มันขึ้นอยู่ที่ใจเหมือนกัน
ถ้าอารมณ์ใจของเราสบายแล้ว ร่างกายคือความเผาผลาญทางใจมันน้อย ร่างกายมันก็ทรุดโทรมน้อย ถ้าเราคาดร่างกายของบุคคลผิด ก็เพราะว่าเราคาดจิตใจของเขาผิด เราไปมองดูร่างกายของคนที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ไปอยู่ที่ไหนทำลายที่นั่น เผาผลาญที่นั่น ความโกรธ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าเป็น โทสัคคิ ไฟคือ โทสะ
ความโกรธถ้ามันเกิดขึ้นเราจะระงับด้วยวิธีไหน อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงแนะนำว่า ให้ใช้พรหมวิหาร 4 ประจำใจเป็นปกติ หรือว่าถ้าพรหมวิหาร 4 ยังไม่เป็นที่พอใจ ไม่ถูกกับอารมณ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงแนะนำให้ใช้กรรมฐาน 4 อย่าง คือ วรรณกสิณ ได้แก่ กสิณที่มีสี คือ กสิณสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"เรื่องจิตเป็นสำคัญ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"เรื่องจิตเป็นสำคัญ"
" .. ใจดวงเดียวนี่นะ "เวลามันเป็นปทปรมะมันไม่เอาไหนเลย" บาปบุญไม่สนใจขอให้ทำตามอำนาจของกิเลสตัวหนา ๆ นี่เป็นที่พอใจ "นี่เวลามันมืดเป็นปทปรมะในบุคคลขั้นนี้" ทีนี้ถูกฟิตถูกตีเข้าไปดัดเข้าไปหลายหนเข้าไปก็ค่อยเป็นเนยยะ
"ปทปรมะกับเนยยะก็ขัดก็แย้งกัน" ขึ้นได้บ้าง ลงมากกว่าขึ้น ครั้นต่อไปขึ้นมากกว่าลง "ต่อไปก็พุ่งถึงวิปจิตัญญู" เร่งขึ้นแล้ว ขั้นนี้ขั้นวิปจิตัญญูขั้นจะไม่ถอยแล้ว "จากนั้นก็อุคฆติตัญญู" พุ่งเลย "เป็นขั้น ๆ ในบุคคลคนเดียว" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=549&CatID=2 -
พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงเตือนสติคนไทยในเรื่องการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูล
“ผู้มีหน้าที่สื่อข่าวก็ดี หรือมีหน้าที่ประสานความเข้าใจระหว่างคนหลายชาติหลายชั้นก็ดี ควรสำนึกอยู่เสมอว่างานของเขาเป็นงานสำคัญและมีเกียรติสูง เพราะหมายถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในการร่วมกันสร้างสันติสุขให้แก่โลก การแพร่ข่าวโดยขาดความระมัดระวังหรือแม้แต่คำพูดง่ายๆเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำลายงานที่ผู้มีความปรารถนาดีทั้งหลายพยายามสร้างไว้ด้วยความยากลำบากเป็นเวลาแรมปี หากจะแก้ตัวว่าการพูดพล่อยๆเพียงสองสามคำนี้ เป็นเรื่องเล็กไม่น่าจะเก็บมาถือเป็นเรื่องใหญ่เลยก็ไม่ถูก เหมือนฟองอากาศนิดเดียวถ้าเข้าไปอยู่ในเส้นเลือด ก็จะสามารถปลิดชีวิตคนได้ทั้งคน และน้ำตาลหวานๆก้อนเล็กนิดเดียว ถ้าใส่ลงไปในถังน้ำมันรถ ก็จะทำให้เครื่องจักรดีๆของรถเสียได้โดยสิ้นเชิง”
พระราชดำรัสในการถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่พิพิธภัณฑ์เมโทรโปลิแตน
ระหว่างเสด็จฯ เยือนสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๐
Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก HiclassSociety.com http://www.hiclasssociety.com/?p=62610 -
อัลไซเมอร์ กับ การปฏิบัติธรรม ( วิสัชนาโดย พระมหาวรพรต )
อัลไซเมอร์ กับ การปฏิบัติธรรม
------------------------
เดินจิต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"แยบคายต่างจากอุบาย" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"แยบคายต่างจากอุบาย"
" .. "แยบคายนั้นแตกต่างจากอุบาย" อุบายแนะนำสอนกันได้ เช่นบอกว่า "จงรักษาคุณงามความดีด้วยการรักษาศีล" ดังนี้เป็นต้น ส่วนแยบคายนั้น ไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไงกัน "มันต้องเกิดความรู้ ความเห็นขึ้นมาด้วยตนเอง" และความรู้ความเห็นอันนั้น "ก็เป็นของแจ้งชัดเสียด้วย" จนอุทานขึ้นมาในใจว่า "อ๋อ อย่างนี้ดอกหรือ" แต่ความรู้อันนั้น จะเอาไปเผยแพร่แก่คนอื่นก็ไม่เหมือนกับที่ความรู้ด้วยใจของตนเอง "จะบอกคนอื่นได้ก็เพียงแต่อุปมาอุปมัยเท่านั้น"
รวมความแล้ว "แยบคายเป็นความรู้พิเศษ ที่เกิดขื้นปัจจัตตังเฉพาะตน" ผู้เกิดแยบคายขึ้นเฉพาะตน เช่นนั้นแล้ว "เอาแยบคายอันนั้นไปสอนผู้อื่น ด้วยอุบายการอุปมาอุปมัยต่าง ๆ" ผู้ฟ้งได้รับฟังคำอุปมาอุปมัยนั้นแล้ว เมื่อยังไม่เกิดแยบคายขึ้นมา ก็เอาอุบายนั้นไปสอนคนอื่นต่อ ๆ ไป
"แยบคายนี้เมื่อเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลใดแล้ว ย่อมทำบุคคลนั้น ให้สิ้นสงสัยในวิชาที่ตนได้เรียนมาก็ดี หรือตนได้ปฏิบัติมาก็ดี" เป็นอันว่าจบเพียงแค่นี้ แต่มิได้หมาย ความว่าจบวิชาทุก ๆ ประเภท "เป็นแต่จบหรือสิ้นภูมิความรู้และความสามารถของตนในภูมินั้น ๆ เท่านั้น" เหมือนกับบุคคลที่นำภาระไป... -
โทรศัพท์มือถือ เครื่องสังหารพระ
โทรศัพท์มือถือ เครื่องสังหารพระ
"..ประการสำคัญที่สุดก็คือว่า สิ่งที่เป็นข้าศึกต่อศาสนาต่อจิตใจของพระ ต่อธรรมของพระ มีมากขึ้นๆ ข้าศึกของศาสนาคือกิเลส เป็นข้าศึกของศาสนา คือมันเห็นประจักษ์ทุกวันนี้ก็คืออะไร? เทวทัตโทรทัศน์ วีดีโอ วิทยุ แล้วก็โทรศัพท์มือถือนี้ เป็นเครื่องสังหารพระ อย่างขาดสะบั้นไปเลย ดีไม่ดีเรียกว่าวัดร้างเหลือแต่หัวโล้นโกนคิ้วเท่านั้น คุณธรรมกิเลสเหล่านี้กลืนกินหมดไม่มีไรเหลือนี่แหละเรียกว่าศาสนาเสื่อม ศาสนาฉิบหายเพราะข้าศึกศัตรู แล้วกรรมฐานจะด้อยลงๆ ก็เพราะอันนี้กลืน ต่อไปกรรมฐานจะโดนจริงๆ เวลานี้ไม่มี(พ.ศ.๒๕๔๑) ต่อไปมันจะมี หนาแน่นขึ้นไปทุกวัน ๆ สุดท้ายกรรมฐานก็พังได้..." โอวาทธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน -
กตัญญูไม่ต้องรอเวลา... (ว.วชิรเมธี)
มารดาบิดาท่านว่า “เป็นพรหม” (พระพุทธเจ้า)
ดูแลกันและกันให้ดี เพราะ “ไม่มีวันนี้สองครั้ง” (ว.วชิรเมธี)
ทำบุญกับพ่อแม่ทุกวัน ดีกว่าไปทำ ๑๐๐ วัน ครั้งเดียว (ว.วชิรเมธี)
"กตัญญูไม่ต้องรอเวลา เพราะมารดาบิดาไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป" "โปรดอย่าคิดว่าเป็นของตาย" (ว.วชิรเมธี)
"อย่าเห็นพ่อแม่ว่าเป็นของตาย จึงมัวแต่ไปสนใจดูแลคนอื่น ทางที่ถูกนั้นควรดูแลพ่อแม่ให้ดี แล้วนอกเหนือจากนี้ จึงค่อยดูแลคนอื่น" (ว.วชิรเมธี)
"Never take your parents for granted and busy yourself taking care of others. The right way is to take good care of your parents first, and then we can take care of others." (v.vajiramedhi)
"..โปรดเตือนตัวเองเอาไว้เสมอว่า ไม่มีวันนี้สองครั้ง ดังนั้น หากอยากทำอะไรดีดี ก็อย่ารีรอ คิดแล้วก็ขอให้ ททท. (ทำทันที) อย่ารออีกต่อไป เพราะหากมัวแต่รอ บางทีวันที่รออาจมาไม่ถึง หรือต่อให้วันนั้นมาถึง คนที่เราอยากทำดีด้วย ก็อาจรอไม่ไหว มาด่วนจากไปเสียก่อน..." (ว.วชิรเมธี)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พระเมธีวชิโรดม - ว.วชิรเมธี และ กตัญญูไม่ต้องรอเวลา โดย ท่าน ว.วชิรเมธี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
ที่เรารู้สึกว่าสิ่งใดไม่ดี เพราะเราเคยผ่านบทเรียนนั้นมาก่อนแล้ว
ถาม : คนอื่นมาทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหน่าย ?
ตอบ : ให้ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเขายังไม่รู้ว่าสิ่งที่ดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร แล้วเราเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน สิ่งที่เขาทำก็คือสิ่งที่เราเคยทำมาแล้ว เขามาย้ำรอยเดิมคือรับมรดกธรรมที่เราทิ้งไว้ให้
ในเมื่อเขาเป็นผู้รับมรดก เขาก็คือทายาทของเรา ในเมื่อเป็นทายาท เป็นลูกหลานกันเองแท้ ๆ ทำไมต้องไปท้อแท้ เบื่อหน่าย หรือรังเกียจเขา ? ทำไมเราจะสงเคราะห์เขาเหมือนญาติของเราไม่ได้ ?
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"จิตกับใบไม้" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
'
"จิตกับใบไม้"
" .. ขณะนี้เรานั่งอยู่ในป่าที่สงบ "ที่นี่ไม่มีลม ใบไม้จึงนิ่ง" เมื่อใด "ที่มีลมพัด ใบไม้จึงไหวปลิว" จิตก็ทำนองเดียวกับใบไม้ "เมื่อสัมผัสกับอารมณ์ มันก็สะเทือนไปตามธรรมชาติของจิต" เรายิ่งรู้ธรรมะน้อยเพียงไร ใจก็จะรับความสะเทือนได้มากเพียงนั่น "รู้สึกเป็นสุข ก็ตายด้วยความสุข รู้สึกเป็นทุกข์ ก็ตายด้วยความทุกข์อีก" มันจะไหลไปเรื่อย ๆ .. "
"เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
หลวงตาเล่าเรื่อง "พระพุทธเจ้าเปิดโลก"
หลวงตาเล่าเรื่อง "พระพุทธเจ้าเปิดโลก"
----------------------------------------
รวมคำสอนหลวงตาม้า
#รวมคำสอนหลวงตาม้า #หลวงตาม้า #ฝึกสมาธิ #คาถามหาจักรพรรดิ #สมถกรรมฐาน #กรรม #วิปัสสนากรรมฐาน #ครอบวิมาน #อภิญญา -
สติสำคัญอย่างมาก (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก)
การภาวนานี้สติเป็นสิ่งที่จำเป็นสำคัญอย่างมาก มาอันดับหนึ่งคือสติ ถ้าหากว่าสติขาดไปแล้ว แปลว่าการภาวนานี้หมดความหมาย เพราะสติเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญ มีประโยชน์มากสำหรับนักปฏิบัติ พวกเราควรจะฝึกให้มีสติ สติสัมปชัญญะ
สัมปชัญญะคือความรู้ตัว รู้ตัวว่าขณะนี้เราทำอะไรอยู่ เรานั่งอย่างไร เราเคลื่อนไหวอย่างไร อันนี้ว่ารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา อันนี้ว่าสัมปชัญญะ สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว เพราะฉะนั้นทั้งสองอย่างนี้ ทุกๆท่านควรจะมี ควรจะฝึกเอาไว้นะ
จากนั้นเมื่อมีสติสมบูรณ์แล้ว เราจะกำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก หรือเราจะภาวนาอันไหน ยุบหนอ พองหนอ หรือว่าเราจะกำหนดสติจับอยู่ในจิต การเคลื่อนไหวของจิต การเคลื่อนไหวของใจ ขณะนี้เรานึกคิดเรื่องอะไรอยู่ ถ้ามีสติแล้วเราจะกำหนดดูได้ เห็นได้ รู้ได้ แต่ถ้ามันขาดสติแล้ว มันทำไม่ได้สักอย่าง ขนาดจับกำหนดลมหายใจยังหลงๆ ลืมๆแล้วจะไปจับจิตเป็นไปไม่ได้ ลืมทั้งหมด เพราะฉะนั้นสติเป็นสิ่งที่จำเป็นสำคัญ ควรจะฝึกนะ ฝึกบ้าง ได้บ้าง เสียบ้าง
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “อานิสงส์ลดหลั่น ทาน ศีล ภาวนา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๖
Credit:... -
ตายจากพระสงฆ์ไปเกิดเป็นเปรต : หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ อาตมาเดินทางไปภาคเหนือ ได้ไปพักที่วัดเม็งราย จังหวัดเชียงราย คราวก่อนเคยมาพักที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว คราวนั้นอากาศหนาวเมื่อนอนลงไป ก็เห็นพระสงฆ์องค์หนึ่งมีความสวยสดงดงาม กำลังหนุ่มมาโบกพัดให้ อาตมาจึงถามท่านว่า
"อากาศมันหนาว โบกให้ผมทำไม"
"ไม่เป็นไร ผมโบกให้แล้วมันอุ่น"
และก็อุ่นจริงๆ แต่มาคราวนี้ไม่พบพระองค์นั้น เมื่อนอนลงไปก็เห็นแต่ผีมาเป็นพันๆ นอนเฉยๆ ไม่ได้เข้าฌาน เห็นผีมากมายมารับส่วนบุญกัน นอนพักทั้งสองคืนพบแต่ผีทุกคืนทั้งตอนเช้ามืด และหัวค่ำ เมื่อผีมาหาในฐานะที่เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็อุทิศส่วนกุศลให้ แต่ทว่าคืนสุดท้ายมีเรื่องพิเศษคือ คืนนั้นเห็นผีมากันมากแล้วก็ผ่านไป ก็เห็นพระสงฆ์เดินมาใหม่
ประมาณสัก ๒๐๐ องค์เศษ ห่มผ้าสีกรัก แต่ว่าผิวเนื้อไม่สวยเหมือนกับพระองค์นั้นที่เคยเห็น ไม่มีอาการผ่องใส ท่าทางการเดินสงบเสงี่ยมมาก เห็นแล้วน่าเลื่อมใส น่าไหว้น่าบูชา เดินตรงเข้ามาไม่ทันจะถึงตัวก็หายไปหมด ก็สงสัยจึงถามลูกศิษย์ของท่านท้าวมหาราชซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า
"พระพวกนั้นท่านจะมาเยี่ยม แล้วท่านหายไปไหน"
ลูกศิษย์ท่านท้าวมหาราชตอบว่า... -
เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย
เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย
ผู้ถาม : ลูกได้ดูโทรทัศน์ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย ทรงเล่าเรื่องว่า เคยป่วยอาการหนัก หมอบอกว่าโรคอย่างนี้ไม่สามารถรักษาได้ มีทรงกับทรุด หรือตายอย่างเดียว พระองค์ก็ทรงพิจารณาว่า ร่างกายนี้ไม่ดีหนอ ไม่ขอเกิดอีกแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอสร้างแต่ความดี โดยเริ่มดำเนินการโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า คนที่ไม่อยากเกิดต่อไปอย่างนี้ จะเรียกว่า ตัดสักกายทิฏฐิ ใช่หรือเปล่าขอรับ?
หลวงพ่อ : ตัดแน่ ตรง! ใช้ได้เลย ตรงเป้าหมายดี
แต่ค่อยๆ ตัดนะ อย่าตัดแรง ตัดแรงมันเจ็บ อ้าว! จริงๆ ค่อยๆ ตัด คิดไว้ทีแรกว่า อย่าเกิดต่อไปนะ จะต้องค่อยๆ คิดคลายไปทีละน้อยๆ ว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ มีดิน น้ำ ลม ไฟ มารวมกันที่เป็นร่างที่อาศัยชั่วคราว มันพังก็พัง แต่เราไม่ยอมพังด้วย เราต้องการไปนิพพานจุดเดียว ค่อยๆคลำ แบบนี้มีหวังแน่นอน
ผู้ถาม : ของหลวงพ่อบอกว่า ตัดสักกายทิฏฐิตัวเดียวก็ไปนิพพานได้เลย?
หลวงพ่อ : ไม่ใช่ของหลวงพ่อ ของพระพุทธเจ้า ของพระสารีบุตรท่าน... -
ชีวิตหมอ กับประสบการณ์วิญญาณ : ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ชีวิตหมอ กับประสบการณ์วิญญาณ
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะมาบอกเล่า เก้าสิบเกี่ยวกับประสบการณ์วิญญาณหรือไม่ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องที่ต้องมาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์กันต่างๆนานา แต่คงไม่แปลก ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะครับ มาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องแรกที่จะเล่า (ความจริงมีมากมายหลายเรื่อง) น่าจะเป็นประสบการณ์ของหลายๆคน จนถึงกลายเป็นประสบการณ์หมู่ นั่นก็คือเรื่องเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในวันที่ 28 ธันวาคม 2547
ในช่วงแรกถ้าเรายังจำกันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใด ภาคใด ทั้งหมอและเจ้าหน้าที่กู้ภัย และสาธารณสุขต่างช่วยกันอย่างพร้อมเพรียงในการค้นหาผู้ที่รอดชีวิตและในการบริบาลรักษา ช่วยชีวิตผู้ที่ประสบเคราะห์กรรม และในเวลา เดียวกันก็มีการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยให้ไปอยู่ในทำเลใหม่ที่ปลอดภัยกว่าและมีการสร้างที่พักพิงให้หลายตำแหน่ง
ปัญหาความยุ่งยากที่ตามมาก็คือ ผู้ประสบภัยไม่แต่เพียงมีผลกระทบทางจิตใจ ความเครียด วิตกกังวล หดหู่ถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ยังถูกรุมเร้าด้วย โรคประจำตัวที่มีอยู่แล้วและเคยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางสมอง โรคทางอายุรกรรม... -
"กรรมที่ทำแล้วเหมือนดื่มยาพิษ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"กรรมที่ทำแล้วเหมือนดื่มยาพิษ"
" .. กรรมนั้นเมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกาย "ผู้เบียดเบียนเขา แม้จะได้สิ่งที่มุ่งไว้" แต่ผลที่แท้จริงอันจักเกิดจากกรรมคือ "การเบียดเบียนที่ได้ประกอบกระทำลงไปนั้น เป็นทุกข์เป็นโทษ" แก่ผู้กระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้ายแรง" กรรมนั้นเมื่อทำแล้วก็เหมือนดื่ม ยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว จักไม่เกิดผลร้ายแก่ชีวิตและร่างกายย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้ "ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว"
เราเป็นพุทธศาสนิกนับถือพุทธศาสนา "พึงมีปัญญาเชื่อให้จริงจัง ถูกต้องในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมเถิด" จักเป็นสิริมงคล เป็นความสวัสดีแก่ตนเอง .. "
"อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=9926 -
พุทธวิธีเลือกเฟ้นธรรมเพื่อการหลุดพ้น | พระนางมหาปชาบดีโคตมีบรรลุพระอรหัต | สังขิตตสูตร
พุทธวิธีเลือกเฟ้นธรรมเพื่อการหลุดพ้น | พระนางมหาปชาบดีโคตมีบรรลุพระอรหัต | สังขิตตสูตร
***************************
แสงธรรมแห่งพระไตรปิฎก มูลนิธิอุทยานธรรม -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
ความเจ็บไข้ได้ป่วยสำหรับนักปฏิบัติแล้วถือเป็นกำไรใหญ่
ความเจ็บไข้ได้ป่วยสำหรับนักปฏิบัติแล้วถือเป็นกำไรใหญ่
อันดับแรก...ได้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ๆ
อันดับที่สอง...การประคับประคองร่างกายตัวเองต้องใช้กำลังของสติ สมาธิมากกว่าปกติ ในลักษณะอย่างนั้นกิเลสจะกินใจของเราไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นความตายมาอยู่ตรงหน้า อาการเจ็บไข้ได้ป่วยหนักอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะรอดหรือเปล่า ? ถ้าท่านที่ทำได้ก็จะส่งใจไปเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ก่อน เป็นการประกันความเสี่ยง แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม บางทีก็โอดครวญอยู่กับความเจ็บป่วยนั้น
ถ้าเป็นนักปฏิบัติที่ปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่ง บางทีไม่รู้ว่าตัวเองทำไปแล้ว ผลในการปฏิบัติมีมากน้อยเท่าไร ตอนเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ จะรู้ว่าต้นทุนของเรามีเพียงพอหรือไม่ เพราะกำลังที่เราปฏิบัติได้ทั้งหมดจะมารวมตัวกัน แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตอนนั้นเรามีกำลังเท่าไร ถ้าใครเป็นแล้วกำลังใจไม่เกาะร่างกาย ปล่อยวางได้เป็นปกติ รักษาไปตามหน้าที่...หายก็หาย ถ้าไม่หาย...จะตายก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่มีความหวั่นไหว ปล่อยวางได้ขนาดนั้น โอกาสที่จะไปพระนิพพานก็มีสูง จึงสามารถวัดผลการปฏิบัติของตนเองได้ด้วย... -
หากว่ากำลังใจของเรามีความมั่นคงแล้ว ก็จะยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี
พวกเราเมื่อปฏิบัติธรรมไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือ รู้จักแยกแยะ แยกแยะในที่นี้คืออะไร ? แยกแยะในธรรมารมณ์ อารมณ์ใจที่แทรกเข้ามา ทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที แยกให้ออกว่าสิ่งนี้กิเลสชวน สิ่งนี้เป็นความจำเป็นในชีวิต
อย่างกิเลสชวนก็คือว่า จะไปซื้อนาฬิกา Patek Philippe รุ่น Limited Edition ราคา ๑๔๐,๐๐๐ ยูโรต่อหนึ่งเรือน คิดเป็นเงินไทยกี่ล้านบาท ?
นาฬิกามีไว้ทำอะไร ? มีไว้บอกเวลา ถ้ามีมือถืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หรือไม่ก็ไปซื้อนาฬิกามิกกี้ เม้าส์ เรือนละ ๒๕๐ บาทก็ใช้งานได้เหมือนกัน จำเป็นอะไรที่จะต้องไปใช้ของราคาตั้งหลายล้าน แล้วยิ่งถ้าเจออย่างกระผม/อาตมภาพด้วยก็เฮงเลย เพราะว่าดูของไม่เป็น ใส่ของดีแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ
บางคนหุ่นก็ไม่ให้ ต่อให้ใจรัก ใส่ไปก็ไร้ประโยชน์ กลายเป็น "มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี" อย่างที่บางคนเขาเรียกประชดว่า "ไฮซ้อ" นั่นแหละ ไม่ใช่ "ไฮโซ"
ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ เราไปลืมคุณค่าที่แท้จริงของวัตถุว่ามีไว้เพื่อใช้งานอะไร แต่ไปเอาวัตถุนั้นมาเป็นเครื่องเสริมบารมีของตนเอง แปลว่าเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้า ต้องอาศัยของอื่น... -
"ปัญญาปราบความหลง" (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
.
"ปัญญาปราบความหลง"
" .. "สิ่งไหนทีถูกรักมาก" เวลาถูกศอกกลับหลังของธรรมดาสิ่งนั้นก็จะถูกรังเกียจมากเพราะเหตุใด "เพราะเหตุว่ากิเลสรักนั่นเอง มันจะพาให้โกรธแค้นในเมื่อเวลาไม่สมหวัง" อะไรบ้างที่สมหวังในโลก "หลวงปู่ตอบว่าไม่มีอะไรเลย" เพราะมันฝืนความรักไปทุก ๆ อย่าง "เพราะมันอยู่ใต้อำนาจอนิจจัง"
ที่เรารักไม่มีสถานีจบ "ก็เพราะเราอยู่ใต้อำนาจแห่งราคะมาก เราไม่ยอมสู้มันด้วยปัญญา" และไม่แยกลงเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ เราจะรักและกำหนัด "ให้มันชนะกำหนัด มันย่อมเป็นไปไม่ได้" อันนี้เป็นด้านปัญญาอันคมกล้า "เราจะเอาสมาธิล้วน ๆ ปราบมันไม่ได้หรอก เราต้องเอาปัญญาปราบความหลงของตน" .. "
"ธรรมของหลวงปู่"
(หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
หน้า 68 ของ 402