คลังเรื่องเด่น
-
"ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต"
" .. ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดจากจิตนี้โดยตรง "ธรรมที่เป็นอกุศลก็ดี ที่เป็นกุศลก็ดี ย่อมมีจิตนี้เป็นผู้สร้างขึ้น" เพราะฉะนั้น ให้พึงพากันเข้าใจ "ไม่ใช่มันมาเอง บาปบุญถ้าใจไม่คิด ไม่ดำริขึ้นแล้ว ไม่มี" แต่ว่าจิตนี้ก็ต้องได้อาศัยร่างกายนี้แหละ จึงคิดไปทางบุญทางบาปได้ "ถ้ามีแต่ลำพังจิต ไปทำบุญทำบาปอะไรไม่ได้เลย" ต้องพิจารณาดู
ดังนั้นการปฏิบัติในพุทธศาสนา "พระศาสดาจึงทรงสอนให้ สำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ" ไปพร้อม ๆ กันเลย เพราะมันเนื่องกัน "แล้วยังสอนให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เข้าไปอีก" เพราะว่าตาเป็นต้นนี้ เหล่านี้ ถ้าเมื่อไม่สำรวม ไม่พิจารณา จิตมันก็หลงไปตามตาเหมือนกัน .. "
"อุบายฝึกจิตไม่ให้ข้องในโลกนี้"
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) ๔ กรกฏาคม ๒๕๓๓ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
แยกจิตแยกรู้ออกจากกัน เพื่อละสังโยชน์และเข้าสู่ผลนิโรธสมาบัติ:ท่านจิตโต
แยกจิตแยกรู้ออกจากกัน เพื่อละสังโยชน์และเข้าสู่ผลนิโรธสมาบัติ
..คนที่เขาดับระหว่างจิตกับรู้ได้ เขาต้องแยกว่านี่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่อย่างนี้
จิตมันเป็นสภาพเป็นเราก็จริง แต่ว่า ตราบใดที่จิตยังอยู่ในร่างกาย จิตก็มีสภาพที่ต้องรับรู้กับสิ่งที่เป็นขันธ์๕ของกาย ทำให้จิตมันก็เหมือนกับเป็นขันธ์๕เหมือนกัน งั้นพอเวลาเมื่อจิตเป็นขันธ์๕เหมือนกัน เขาเลยแยกระหว่างรู้กับจิตออกจากกันอีกทีนึง อีกชั้นนึง
พอมันแยกออกจากกันอีกชั้นนึงปั๊บ ความเป็นจิตมันก็ไม่มีความสนใจ ที่เราจะต้องไปสนใจในสภาพที่จิตเป็นอะไร ก็ปล่อยเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับของจิตไป รู้ก็ตั้งมั่นเป็นผู้ที่ทรงอยู่ในสมาธิฌาณ๔
“ตรงนี้ การแยกจิตแยกรู้ออกจากกัน แล้วไม่ลังเลสงสัย เขาเรียกว่ามันละสังโยชน์”
พอละสังโยชน์ปั๊ปได้ เขาก็ได้ตั้งแต่พระอนาคามีทรงปฏิสัมภิทาญาณ หรือว่าความเป็นถึงพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเขาอยู่ในอารมณ์ที่แยกออกจากกันกับสิ่งนี้ปุ๊ป แล้วทรงฌาน๔ตั้งมั่น เขาจึงเข้าผลนิโรธสมาบัติ..
คัดลอกเฉพาะบางส่วนจากไฟล์เสียงต้นฉบับนี้
วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ปกิณกะธรรมวิชามโนมยิทธิและวิชากสิณจิต -
"ประโยชน์ในโลกนี้และโลกหน้า" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ประโยชน์ในโลกนี้และโลกหน้า"
" .. "เวลาเราตายไปแล้วเอาไปไม่ได้สักอย่างเดียว" คนมีคนจนเหมือนกันทั้งนั้น สิ่งที่จะนำติดตัวเราไปได้ "คือการรักษาความสงบ" อบรมใจให้ปราศจากความกังวลเกี่ยวข้อง ได้เท่านี้เอง "นี่เป็นหลักสำคัญ เราพึงแสวงหาประโยชน์ในโลกนี้และในโลกหน้า"
โลกนี้คือประกอบอาชีพในทางสุจริต "พร้อมทั้งฝึกหัดจิตของตนไปด้วย" นี้เป็นประโยชน์ปัจจุบัน "โลกหน้าได้แก่เราชำระใจของเราให้บริสุทธิ์สะอาด" เท่าที่จะสะอาดได้ "อันนั้นเป็นสิ่งที่จะติดตามไปในโลกหน้า" .."
"ธรรมเทศนา" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
เวลเวอร์เดีย ออสเตรเลีย ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
สวดมนต์แล้วป่วยเพราะอะไร ( หลวงตาม้า )
สวดมนต์แล้วป่วยเพราะอะไร
---------- -
มงคลชีวิต
มงคลชีวิต
ถาม : พอดีไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องมงคลชีวิต ๓๘ ประการ ทีนี้เขาแบ่งออกเป็น ๑๐ หมวด แล้วในช่วงต้น ๆ จะเป็นส่วนที่ปฏิบัติได้พื้น ๆ แต่พอช่วงหมวดที่ ๙ หมวดที่ ๑๐ นี่จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติในระดับสูง ก็เลยไม่แน่ใจว่าคนธรรมดานี่จะปฏิบัติได้ครบไหม ?
ตอบ : ถ้าทำได้ครบก็เป็นพระอรหันต์
อย่าลืมว่า "อริยะสัจจานะ ทัสสะนัง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง" การทำอริยสัจให้แจ้งเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง คนแจ้งในพระอริยสัจ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น
แล้วหลังจากนั้นก็ "ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะนะกัมปะติ" จิตที่กระทบโลกธรรมแล้วไม่หวั่นไหว
"อโสกัง" เป็นผู้ไม่เศร้าโศก
"วิระชัง" ปราศจากซึ่งธุลี
"เขมัง" เป็นผู้เกษมอยู่ตลอดเวลา
สี่ข้อนี้ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ทำไม่ได้หรอก ดังนั้น..คนที่ทำมงคล ๓๘ ได้ครบทุกข้อ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น
ถาม : แล้วเราจะแบ่งระดับชั้นอย่างไร ว่าเราควรจะปฏิบัติถึงหมวดไหน ?
ตอบ : ได้ทั้งหมดยิ่งดี สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตามนั้น
อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าเทศน์อะไรก็ตาม พระองค์ท่านหวังมรรคผล สิ่งที่พระองค์ท่านสอนทุกอย่าง ถ้าเราปฏิบัติตามนั้น หวังผลได้ถึงจุดสุดท้าย... -
ฝึกทิพยอำนาจแบบฉบับหลวงตา(หลวงตาม้า วิริยธโร)
ฝึกทิพยอำนาจแบบฉบับหลวงตา(หลวงตาม้า วิริยธโร) -
"เห็นจิตเห็นธรรม" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"เห็นจิตเห็นธรรม"
" .. ถ้ามีสติกำหนดเข้ามา จะรู้ทุกเวลาว่า "จิตของเรามีราคะไหม หรือหายแล้วไม่มี" ก็จะรู้จำเพาะตนนี้ ดูโทสะ มีอยู่หรือหายโทสะแล้ว ดูโมหะ ความโง่เขลาความหลง ยังมีอยู่ก็จะรู้ หรือจิตของเรามันหายโทสะหายโมหะแล้วก็จะรู้
พระพุทธองค์จึงให้พิจารณาเข้ามาให้เห็น "เห็นอันนี้เรียกว่าเห็นธรรม" จิตของตนเป็นอย่างไร "จิตของตนเป็นกุศล" มีเมตตา มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ "หรือมันยังมีราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำอยู่" ก็จะรู้แล้วจะได้แก้ไขตัวมัน รีบปลดเปลื้องออกไป
"รีบเร่งทำความเพียร" ขับไล่สิ่งที่เศร้าหมอง คือราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกไป ให้มันเบาบางไป ออกจากขันธสันดาน "ดวงจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้คนบริสุทธิ์" ทำให้คนมีสิริ มีโภคทรัพย์ ก็เพราะคนเป็นผู้ทำความดี มีศีล ศีลที่บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ .."
"อนาลโยวาทะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
จัดพิมพ์เป็นธรรมทาน โดย นพ. อวย – มรว. ส่งศรี เกตุสิงห์ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"จิตมีความสงบ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"จิตมีความสงบ"
" .. คำว่าจิตเป็นความสงบ "ได้แก่จิตไม่ส่ายแส่ไปในอารมณ์ต่าง ๆ" ตามนิสัยของตนที่เคยเป็นมาก่อนที่ไม่ได้ภาวนา "พอเราภาวนาจิตของเรามีความสงบ" เข้ามาสู่ความเป็นอารมณ์อันเดียว "คือรู้อยู่จำเพาะตัวนี้เท่านั้น นี่เรียกว่าจิตสงบ"
ความสงบในตำรานั้น "เข้ามากลายเป็นความสงบในหัวใจของเรา" นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ เริ่มปรากฏแล้วว่าปฏิเวธ "คือรู้ชัดภายในตัวว่าจิตสงบอย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างนี้" ความจำได้ในตำราเป็นอย่างนั้น "ความเป็นในจิตของตนเพราะภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้" นี่ก็แยกได้ชัดเจน เพราะฉะนั้นความจำกับความจริงจึงต่างกัน .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1096&CatID=3 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"เรื่องที่มากระทบเป็นเครื่องสอน" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
.
"เรื่องที่มากระทบเป็นเครื่องสอน"
" .. ความจริงแล้ว "เรื่องกระทบต่าง ๆ นั้น มันเป็นเครื่องสอน" เป็นเครื่องบอก บอกว่าอย่างไร ถ้าเรายังมีความโกรธ ความขัดเคืองให้แก่คน ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ให้แก่วัตถุทั้งหลายในโลก "ก็แสดงว่ากิเลสความโกรธ กิเลสความอิจฉา พยาบาทในจิตในใจของเรา"
ที่เรียกว่า "ความโกรธมานะทิฏฐิในนั้นมันมี" ถ้ามันไม่มี มันไม่ออกมาต่อต้าน เพราะว่าเจ้าโทสะนี้ ถ้าจะจัดอีกอย่างหนึ่งก็เรียกว่า "เป็นยักษ์ใหญ่ ใครมาแตะต้องไม่ได้" ว่าไม่ดีให้ไม่ได้ "ธรรมดายักษ์นี้เรียกว่าโกรธมาก" หรือว่าสัตว์ก็เสือโคร่งแหละ ใครไปใกล้มันได้ เดี่ยวมันจะกัดคอเอาแหละ .. "
"ถ้าตั้งใจจริงย่อมมีเวลาภาวนา"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
๕ พฤษภาคม ๒๕๑๙ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ถ้าหากว่าใจของเราหยุดอยู่กับปัจจุบัน กิเลสอะไรก็เกิดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ถ้าหากว่าใจของเราหยุดอยู่กับปัจจุบัน กิเลสอะไรก็เกิดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว แล้วอยู่กับปัจจุบันอย่างไร ? ก็อยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า หายใจเข้า...ตามรู้เข้าไปจนสุด หายใจออก...ตามรู้ออกมาจนสุด อยู่แค่นี้
รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกับฟืน เหมือนกับถ่าน พร้อมที่จะติดไฟอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่เอาไฟไปแหย่ ฟืนกับถ่านจะติดไฟเองได้ไหม ? ก็ติดไม่ได้ เพราะฉะนั้น...วิธีที่ดีที่สุดก็คือหยุดกำลังใจของเราอยู่กับปัจจุบัน ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก เมื่อกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็ตั้งสติประคับประคองเอาไว้ อย่าให้หลุดไปไหน
อย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า การปฏิบัติธรรมเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เราต้องสู้กับกระแสของ รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่พยายามจ้วงเอาไว้ ก็แปลว่าต้องไหลตามน้ำไป
บางคนตอนกลางวันสติสมาธิพร้อมสมบูรณ์ กิเลสกินไม่ได้เลย เผลอหลับเมื่อไรก็ฝันว่าไปปล้ำลูกสาวชาวบ้านเขาแล้ว..! นั่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ากิเลสย่อมดิ้นรนชักจูงเราไปตามทางของตน ไม่อย่างนั้นก็ตายแน่..!
คราวนี้ของเรา ถ้าหากว่าสติ สมาธิเพียงพอก็ยังสู้กิเลสไม่ได้ ได้แต่ระงับอยู่ชั่วคราว... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"บันทึกธรรม" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
• บันทึกธรรม•
" .. ในสมุดบันทึกเล่มเก่า ขาดวิ่นไปบางส่วน องค์พ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่ลี กุสลธโร ได้ลิขิตธรรมเอาไว้ว่า .. "บุญและบาปย่อมแบ่งสัตว์ทั้งหลายให้ต่ำช้าหรือประณีต" สมกับโบราณเป็นผู้บัณฑิต ท่านแสดงอานิสงส์ไว้ ดังนี้ ..
• "ผู้ใดมีใจงดเว้นจากปาณาติบาต" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อายุยืน
• "ผู้ใดเบียดเบียนผู้อื่นให้เจ็บกายได้ทุกข์เพราะทุบตี" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคมาก
• "ผู้ใดงดเว้นจากเบียดเบียน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคน้อย
• "ผู้ใดมักโกรธแรงกล้า" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายทุรพลเศร้าหมองไม่ผ่องใสงดงาม
• "ผู้ใดสกัดกลั้นโกรธหนักเสียให้เบาบาง" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายวิเศษผ่องใสงดงาม
• "ผู้ใดมีความริษยาในลาภสักการะของผู้อื่นแรงกล้าแน่นหนาอยู่ในสันดาน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพน้อย
• "ผู้ใดไม่ริษยามีสันดานชุ่มด้วยมุทิตาในลาภสักการะของผู้อื่น" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพมาก
• "ผู้ใดไม่บริจาคจำแนกแจกทาน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีโภคทรัพย์น้อยยากจนไม่ไพบูลย์
• "ผู้ใดมักจำแนกแจกทาน"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
เมื่อกายป่วย กำลังใจตก ประสบเคราะห์กรรม อย่าโทษว่าพระไม่คุ้มครอง นั่นเป็นกรรมของเราเอง
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ คนรอบข้างช่วงนี้ ไม่ว่าจะใกล้หรือว่าไกล ก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หลายราย อย่างเช่นว่าลูกอ้อย (ศัลยา จันทร์อุ่ย) ลูกเจนนี่ (เมธาวี เหลืองถาวรกุล) เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่รู้จักคุ้นเคยอีกหลายราย ก็แจ้งมาว่าติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้ว ทั้ง ๆ ที่ ๕ ระลอกแรกนั้น ไม่ปรากฏว่าติดเชื้อเลย แต่มาระลอกนี้กลับติดเชื้อเข้าไปได้
ตรงจุดนี้อยากจะให้ทุกท่านระมัดระวังกำลังใจของเราเอาไว้ด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น เมื่อร่างกายไม่ดี ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งจริง ๆ ก็มักจะฟุ้งซ่าน แล้วก็อาจจะทำให้เรากลายเป็นมิจฉาทิฎฐิไปได้..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไปคิดว่า ทำไมพระถึงไม่คุ้มครองป้องกันเรา ? โดยที่ลืมไปว่า แต่ละท่านแต่ละคนนั้น มีวาระกรรมของตนเองที่ทำเอาไว้แต่ปางก่อน เมื่อถึงเวลาวาระกรรมนั้นมาสนอง ก็ทำให้เราจะต้องประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นการตกต่ำ การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าการที่สูญเสียทรัพย์สินสิ่งของ เป็นต้น
แล้วกิเลสก็มักจะชักนำให้เราคิดไปในแต่ด้านที่แย่ ๆ ทำให้กำลังใจของเราห่างไกลความดีออกไปมาก... -
"สุขเพราะรักษาใจ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"สุขเพราะรักษาใจ"
" .. ขึ้นชื่อว่าจิตใจนี้ "ถ้าปล่อยให้เป็นทุกข์เดือดร้อนมาก ๆ เข้าแล้ว คิดไปทางอกุศล" ไม่เป็นหนทางแห่งความสุขเลย "อันบุคคลจะมีความสุขได้ ก็เพราะมารักษาใจดวงนี้แหละ" ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลอยู่ในธรรม ตั้งมั่นอยู่ในศีล ทางกาย ทางวาจา ก็ไม่ล่วงพุทธบัญญัติ "อันนี้ก็เป็นความสุขขั้นหนึ่ง"
บุคคลผู้ไม่มีบาปอยู่ในกาย อยู่ในวาจา อยู่ในใจแล้วก็มีความสุขขั้นหนึ่งอย่แล้ว แต่สุขขั้นนี้ก็ยังไม่พอ "ต้องเจริญสมาธิสมถภาวนา" เข้าไปเพ่งใจ ให้เข้าถึงความสงบ "ให้นิวรณธรรมทั้งห้าระงับดับไป" ใจรวมลงเป็นหนึ่ง อันนี้ยิ่งมีความสุขมากกว่านั้นอีก "มีความสุขมากกว่ารักษาศีลนั้นอีก" .. "
''ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ท่านจิตโต สอนวิธีฝึกมโนมยิทธิ
"ความสำคัญคือแยกกายกับจิตออกจากกันให้ได้ โดยที่เธอไม่สงสัย"
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ปกิณกะธรรมการปฏิบัติมโนมยิทธิต้องไม่ลังเลสงสัย -
สัญญาณเตือนบอกวันหมดอายุขัย
ในระหว่างพระพี่พระน้อง ก็ต้องบอกว่า พูดคุยแบบเปิดอกมาตลอด ไม่มีอะไรจะกั๊ก อย่างวันก่อนที่อยู่วัดโพธิ์ลังกา ศาลาพระอินทมุนี นั่งคุยกันอยู่ มีท่านอาจารย์บ๊ะ คือท่านพระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโมอยู่ด้วย
หลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่าท่านลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ว่าโดยปกติแล้ว "เจ้าสายฟ้า" หมาที่รักท่านมากที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ วันนั้น อยู่ ๆ แตกตื่นวิ่งหนีไปหาที่ซุกหลบภัยอย่างชนิดหัวซุกหัวซุน กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายเจ้าคุณหลวงตาไปว่า "มันเห็น ๔ ท่านที่จะมารับครับ..!"
ปรากฏว่าพออีกสักพักหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะมาถึง เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยท่านก็ปรารภอีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า "มันเห็นคนมารับครับหลวงตา แล้วคนมารับไม่ได้แต่งตัวประเภทนุ่งหยักรั้ง ผ้าโพกหัวมาเหมือนสมัยก่อนนะ ไอ้คนมารับมันใส่ชุดสูทสากลมาอย่างเท่เลย" พวกเราก็หัวเราะกันเฮฮา หลวงตาจึงประกาศบอกลูกศิษย์ว่า "เฮ้ย..สองคนยืนยันตรงกันนะ หลวงตาไม่รู้จะอยู่รอดปีนี้หรือเปล่า ?!"
กระผม/อาตมภาพเมื่อปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จ ถึงได้เรียนถวายหลวงตาบอกว่า "๘๓ ครับหลวงตา แค่นั้นก็มากมายเกินครูบาอาจารย์ไปแล้ว"... -
"ภาวนาเพื่อแก้ไขตนเอง" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ภาวนาเพื่อแก้ไขตนเอง"
" .. การภาวนา "ก็คือการพิจารณาแก้ไขในตัวมันเองให้ดูตัวเองให้มันมาก ๆ ให้ดูเจ้าของให้มาก ๆ ให้ดูตามจิตของเรา" ความรู้สึกของเรา ความปรุงแต่งของเรา ความเป็นจริงไอ้สิ่งนึกคิดทั้งหลาย มันคือเครื่องปรุงแต่งทั้งนั้นแหละ
พูดง่าย ๆ อย่าไปวิ่งกับมัน อย่าไปตามมัน "มันเป็นเครื่องปรุงแต่งจิตสังขาร สังขารมันปรุงแต่ง" เดี๋ยวเอาอย่างนี้ เดี๋ยวเอาอย่างนั้น ให้พยายามทำ กำหนดตามอาการที่มันเกิดขึ้นมา "มันเป็นของอะไรที่ไม่แน่นอนสักอย่างหนึ่ง มันเห็นมันชัด ก็หมดความสงสัย"
ไอ้ความคิดอะไรที่เกิดขึ้นมา ก็รู้ว่ามันไม่แน่ "อย่าไปหมายมั่นมัน มันก็หมดเท่านั้น" มันไม่หมดทำให้มันหมด มันก็หมดเท่านั้น มันเป็นเรื่องปรุงแต่งสังขาร ถ้าเราไม่รู้จัก ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของปัญญา
ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย มันเป็นเรื่องปรุงแต่งทั้งนั้น "ไม่ใช่ความรู้อันแท้จริง" แต่เราเข้าใจว่ามันเป็นความรู้ ความรู้ไม่วาง "ถ้ารู้ความจริงมันจะวาง" .. "
"ความผิดในความถูก"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
หลวงปู่ดู่ กล่าวถึงพระราชพรหมยาน( หลวงพ่อฤาษีฯ)
ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอนคนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ) มาอบรมตนเอง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
เที่ยว กรรมฐานในกายนคร:หลวงตาพระมหาบัว
เที่ยว กรรมฐานในกายนคร
------------------------
ประจักษ์ภายในจิตสลายลงไปจนกระทั่งกลายเป็น สภาพเดิมของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ สลายลงไปสู่ธาตุเดิมของเขา
จิตหดตัวเข้ามา "เหลือแต่ ความรู้ล้วน ๆ"
ที่ว่า “เวทนา” ก็หายหมดในระยะนั้น สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย
เพียงแต่ “รู้” อย่างเดียวเท่านั้น
------------------------
------------------------
“การฟังธรรม มีอานิสงส์ ๕ ประการ ซึ่งข้อที่ ๕ เป็นข้อสำคัญ คือ จิตผู้ฟังย่อมสงบผ่องใส
นี่สำคัญมาก แต่ก็ต้องเป็นแนวทางสืบต่อกันไปแต่เบื้องต้นที่ว่า “ผู้ฟังธรรมย่อมจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง” ซึ่งเป็นบาทฐานไปตั้งแต่นี้ คือไม่เคยได้ฟังทางภาคปฏิบัติ หรือทางใดก็ตาม เมื่อได้ฟังขณะที่ท่านเทศน์นั้น
ก็เกิดความเข้าใจขึ้นมา
ในสิ่งที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาเลยเราก็ได้ฟัง
ไม่เคยเข้าใจอย่างนั้นเราก็ได้เข้าใจขึ้นมา
สิ่งที่ได้เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งก็เข้าใจแจ่มแจ้งเข้าไปโดยลำดับ และทำความรู้ความเห็นให้ถูกต้องไปตามแนวทางได้
สุดท้ายก็ไปถึงขั้นที่ว่า “จิตผู้ฟังย่อมผ่องใส และสงบเย็น”... -
"วางภาระความยึดถือ" (หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป)
.
"วางภาระความยึดถือ"
" .. การปฏิบัตินั้นต้องผ่านอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง จนนับไม่ถ้วน "สิ่งที่จะมาขัดข้องในดวงจิตของเรานั้นมากมายก่ายกอง" ถ้าเรามาใช้ปัญญาพิจารณาให้ละเอียดแล้วก็คือ "การวาง วางจากความยึดถือ
ที่นี้ "เมื่อเราวางภาระคือ ของหนักนั้นออก ความสุขกายสุขใจก็เกิดขึ้น" ที่นี้ภาระที่หนักนั้น เมื่อย่อเข้าแล้วให้เห็นชัด ๆ ก็คือ "ความยึดถือว่า ร่างกายเป็นของเรานี่เอง" .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
หน้า 60 ของ 402