คลังเรื่องเด่น
-
แบรด พิตต์ เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ตามแบบศาสนพุทธ ขอพรให้หนังที่เขาแสดงนำ ประสบความสำเร็จ
แบรด พิตต์ นักแสดงชาวอเมริกัน เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ตามแบบศาสนพุทธ เพื่อขอพรให้ภาพยนต์เรื่อง "ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า" หรือ Bullet Train ที่เขาแสดงนำ ประสบความสำเร็จ ที่วัดโกยาซัง โตเกียว เบ็ตสุอิน ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันจันทร์
นักแสดงชื่อดังผู้นี้ระบุว่า เขารู้สึก "ตื้นตันมาก" หลังเข้าร่วมพิธีดังกล่าว
ภาพยนตร์เรื่อง "ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า" นี้ สร้างขึ้นจากนิยานเรื่อง "Maria Beetle" ของโคตะโระ อิสะกะ นักเขียนชาวญี่ปุ่น โดยพิตต์รับบทเป็น "เลดี้บัก" นักฆ่ารับจ้างที่รับงานสังหารในขบวนรถไฟความเร็วสูงขณะเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น
พิตต์ระบุว่า เขารู้สึกอยากจัดพิธีเพื่ออวยพรตัวละครในภาพยนตร์ โดยมีพระสงฆ์เข้าร่วมพิธีดังกล่าวเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
นักแสดงฮอลลีวูดกล่าวว่า ทั้งพิธี วัด และพระที่ประกอบพิธี ต่างงดงามจนเขาเกือบหลั่งน้ำตา และเขารู้สึกขอบคุณประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมในครั้งนี้
=AZU4ajexvhZfzyrPrDSzQgQaiGs_6ZW7_pC4uC-TmCPYpZmbZcTLNfGmUNXKeuRNQbi_E6dk9XwAqJqryknYDsPGm_4Rl_QotAlB8LUkbfE2_qzaqGyjiOH0P2bptYXFEJ8&__tn__=-UC*F']VOA Thai -
"เคารพนับถือแท้" (หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี)
.
"เคารพนับถือแท้"
" .. ธรรมดาผู้ที่เคารพนับถือสิ่งใดก็ดี "เมื่อเคารพนับถืออย่างเต็มที่แล้ว จะยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถใดๆ จะต้องระลึกคิดถึงอยู่เป็นนิจ" นั่นเรียกว่า "เคารพนับถือแท้ เป็นบุญเป็นกุศลนำความสุขมาให้โดยถ่ายเดียว"
ส่วนการระลึกถึงของที่เป็นพิษนั้นก็ระลึกถึงเหมือนกัน แต่ระลึกถึงไม่เป็นระเบียบ "คือไม่ทราบว่าระลึกถึงกี่ครั้งกี่หน และด้วยความเศร้าหมอง จิตใจไม่ผ่องใส อารมณ์ร้อน"
เป็นต้นว่า "ระลึกถึงความโกรธ ความไม่พอใจ ความอิจฉาริษยา อาฆาตพยาบาทจองเวร" จองกรรมกัน เหล่านี้เป็นต้น "ระลึกถึงของเหล่านี้จิตใจเศร้าหมอง เป็นของไม่ดี จงงดเว้นเสีย" .. "
"เทสรังสีอนุสรณ์ เล่ม ๒"
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
(หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี) -
ถอดจิตไปดูอาการผมร่วง
ถ้าใครตามอ่านเรื่องของผมสมัยหนุ่มๆ ตอนที่ฝึกเจริญสติมาก่อนนะครับ
ผมจะเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่หัดเจริญสตินั้น บางครั้งผมจะมีอาการเหมือนมีตัวเองอีกคนหนึ่งลอยอยู่ทางด้านหลังของตัวเองอยู่
อาการประมาณว่า เวลาเดินอยู่ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดออกมานอกร่างเนื้อ มาอยู่ทางด้านหลังของตัวเองในมุมสูง
เห็นตัวเองกำลังเดินอยู่ที่พื้น ตัวที่เดินก็เดินอยู่ ตัวที่ลอยอยู่ก็มองตัวเองเดินไปเรื่อยๆ
เวลาล้างจาน คือภรรยาไม่ล้างจานนะครับ มาบอกเราว่าตัวเค้าทำกับข้าวแล้ว หน้าที่ล้างจานต้องเป็นของเรานะ
เราก็จำใจนะครับ ล้างจานไป ทำใจไป เจริญสติไปด้วย อยู่ดีๆก็จะเหมือนตัวเองหลุดออกมานอกร่างเนื้อ ออกมาลอยอยู่ด้านหลัง
มองลงมาเห็นตัวเองกำลังล้างจานอยู่ ตัวที่ล้างก็ล้างไป ตัวที่ดูอยู่ก็ดูไป เราที่เจริญสติอยู่ก็รับรู้ไป
ไม่รู้ใครมีอาการแบบนี้บ้างนะครับ ผมก็ไม่รู้มันคืออะไร อาการคล้ายมโนครึ่งกำลัง คือรู้สึกตัวทั้งสองที่ ทั้งตัวที่หลุดออกไปมอง
ทั้งตัวที่ถูกมองอยู่
ทีนี้มาวันนึง กำลังเล่นเกมแก้เบื่ออยู่ ไม่ได้เจริญสตินะครับ อยู่ดีๆก็มีอาการแบบข้างต้นขึ้นมา คือเหมือนมีกายหนึ่งกาย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
"การหัดตาย มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"การหัดตาย มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจ"
" .. "การหัดตาย" ด้วยเริ่มตั้งแต่ความกลัวตายอย่างทารุณโหดร้ายเช่นนี้ มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจ "จะสามารถอบรมบ่มนิสัยที่แม้เหี้ยมโหดอำมหิต ปราศจากเมตตากรุณาต่อชีวิตร่างกายผู้อื่น สัตว์อื่นให้เปลี่ยนแปลงได้" ความคิดที่จะประหัตประหารเขา เพื่อผลได้ของตนก็จะเกิดได้ยาก หรือจะเกิดไม่ได้เลย
"การพยายามหัดตายให้รู้สึกหวาดกลัวการถูกประหัตประหารผลาญชีวิตตนนั้น เมื่อทำไว้เสมอ" ก็จะเกิดผลเป็นความเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่จะต้องหวั่นกลัว เช่นเดียวกัน "ความเมตตาปรานีชีวิตผู้อื่น สัตว์อื่น ก็จะเกิดได้แม้จะไม่เคยเกิดมาก่อน" ซึ่งก็เป็นการเมตตาปรานีชีวิตตนเองพร้อมกันไปด้วยอย่างแน่นอน .. "
"การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
.
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11321 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
มัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ถาม : มัชฌิมาปฏิปทา ?
ตอบ : มัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นไปตามปัญญา ตามกำลังบารมีของแต่ละคนที่สั่งสมมา ในเมื่อมัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เราจึงต้องพยายามปรับให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด
ถาม : มัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนจะรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ : ต้องหามุมของตัวเอง ไม่มีใครสามารถบอกได้ เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน แรก ๆ ทำให้เข้มข้นไว้ก่อน พอถึงเวลาเคยชินแล้วเราผ่อนจะพอดี ไม่ใช่ว่าแรก ๆ ทำตามสบาย แล้วพอผ่อนเมื่อไรก็ยาน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว
ถ้าเราเข้มแข็งกว่า ก็จะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า เหมือนคนที่แข็งแรงเดินทาง ย่อมได้ระยะทางที่มากกว่าและไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เจโตปริยญาณนั้นไม่ได้มีเอาไว้ดูใจคนอื่น หากแต่มีเอาไว้เพื่อดูใจของเราเอง
เจโตปริยญาณนั้นไม่ได้มีเอาไว้ดูใจคนอื่น หากแต่มีเอาไว้เพื่อดูใจของเราเองว่า ในขณะนี้ใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้าหากว่ายังไม่มีก็ให้รีบสร้างความดีต่าง ๆ ขึ้นมา ถ้าหากว่าพอมีอยู่บ้างแล้วก็เร่งพัฒนาให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป หรือดูว่ากำลังใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีอยู่ ก็ให้เร่งขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้ไม่ให้ความชั่วทั้งหลายเหล่านั้นกลับเข้ามา
ตรงจุดนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพ ซึ่งสมัยก่อนร้อนวิชาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อโดนพระองค์ที่ ๑๐ ท่าน "ทุบ" เข้า จึงได้สติ แล้วท้ายที่สุดก็มาโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอกซ้ำเข้าไปอีกว่า บุคคลที่ได้วิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ยังห่างจากขุมนรกแค่ช่วงนิ้วมือเดียว นอกจากบุคคลที่สามารถเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถปิดอบายภูมิได้อย่างสิ้นเชิง
จึงทำให้กระผม/อาตมภาพได้สติ ละเว้นในเรื่องของกีฬาสมาธิที่เล่นสนุกสนานอยู่หลายปี มาเร่งรัดในเรื่องของมรรคของผล จนกระทั่งเกิดอารมณ์ใจเคารพต่อพระรัตนตรัยขึ้นมา อย่างชนิดที่เกิดความคิดขึ้นในใจว่า ต่อให้เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในกายสังขารนี้ไปจนอายุ ๑๒๐ ปี... -
"ปัญญามาก่อนศีลสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ปัญญามาก่อนศีลสมาธิ"
" .. "การรักษาศีลปัญญาต้องมาก่อน" แต่เราพูดว่ารักษาศีลก่อนตั้งศีลก่อนศีลจะสมบูรณ์ อย่างไรนั้นจะต้องมีปัญญา "ต้องค้นคิดกายของเรา วาจาของเราพิจารณาหาเหตุผล นี่ตัวปัญญาทั้งนั้น" ก่อนที่จะตั้งศีลขึ้นได้ต้องอาศัยปัญญา .. "
"กุญแจภาวนา" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
http://anuchah.com/key-to-mind-power/ -
เวลานั่งสมาธิต้องคิดอะไร ? โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เวลานั่งสมาธิต้องคิดอะไร ?
********
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/duenjitpage/ Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/duenjitfound... Youtube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/duenjit Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/duen_jit/ Soundcloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/duenjit LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://line.me/ti/g2/AZLrk-4nSh-aKn9... LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ Website เดินจิต : https://www.duenjit.com/ #นั่งสมาธิ #คิดอะไร #วิธีนั่งสมาธิ #พระมหาวรพรตกิตติวโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
"เกิดเป็นมนุษย์ได้อีก" (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
.
"เกิดเป็นมนุษย์ได้อีก"
" .. บุคคลที่จะเกิดเป็นมนุษย์อีกติดกันในชาติต่อไป "เป็นผู้ถึงไตรสรณคมน์เท่านั้นก็พอแล้ว" เพราะโหรเอกพระบรมศาสดาองค์ท่านทายว่า "บุคคลผู้ถึงพุทธ ธรรม สงฆ์ เป็นสรณะแล้วมีคติเป็นสอง ไม่มนุษย์ก็เทวดา" มันเป็นของไม่ยากของผู้ศรัทธา
แต่ก็ตรงกันข้ามเป็นของยากผู้ที่ไม่ศรัทธา "ความดีคนดีทำได้ง่าย" ความชั่วคนดีทำได้ยาก "ความชั่วคนชั่วทำได้ง่าย" ความดีคนชั่วทำได้ยาก สิ่งเหล่านี้เป็นของจริงมาแต่ดึกดำบรรพ์ .."
"ตอบปัญหาธรรมและการปฏิบัติธรรม"
(หลวงปู่หล้า เขมปัตโต) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสากล เป็นอกาลิโก
ถาม : แต่ก่อนผมสงสัยครับว่าพระสารีบุตร ท่านฟังธรรมจากพระอัสชิเถระแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบัน โดยที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเลยได้อย่างไร ?
ธรรมที่พระอัสชิเถระ ท่านสอนว่า "ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้" หลังจากฟังจบแล้ว พระสารีบุตรเป็นบรรลุเป็นพระโสดาบันทันที แล้วท่านก็เอาไปบอกพระโมคคัลลานะ ท่านก็บรรลุเป็นพระโสดาบันทันที
ผมสงสัยมาหลายเดือนมาก ผมเลยพิจารณาเลยสรุปได้ว่า ทุกอย่างในโลกนี้ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน และทุกอย่างในโลกนี้ ก็มีสภาพเปลี่ยนแปลงเสื่อมสลาย และในที่สุดก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เลยไปตรงกับคำสั่งสอนของพระที่ว่า "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เลยอยากทราบว่า ท่านพิจารณาประมาณนี้เปล่าครับเลยได้เป็นพระโสดาบัน ?
ตอบ : ไม่ได้ถามท่านเสียด้วย ต้องบอกว่าคนถามฟุ้งซ่านได้ดีมาก ความจริงต้องแยกเป็นสองประเด็น ประเด็นแรกก็คือไม่ได้พบพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุมรรคผลได้อย่างไร ? ไม่มีกติกาข้อไหนที่ต้องพบพระพุทธเจ้าแล้วถึงบรรลุมรรคผล เพราะว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสากล เป็นอกาลิโก ผู้ใดที่เข้าใจ มั่นใจว่าตนเองทำได้... -
"เรียนนอก เรียนใน" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"เรียนนอก เรียนใน"
" .. พระพุทธองค์ท่านจึง "ให้กำหนดความตายนี้ให้ได้ทุกลมหายใจ" คือว่ามันใกล้เข้าไป หมดไปสิ้นไป ถ้าว่าถึงคนทั้งโลกแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีคนตาย ตายนับไม่ได้ก็มี ตายคนเดียวก็มี ตาย ๒ คน ๓ คนในขณะเดียวกัน หญิงก็ตายได้ ชายก็ตายได้
"ไม่ใช่ตายแต่คนเฒ่าคนแก่" เด็ก ๆ ยังไม่รู้อะไร ก็ตายได้ "นี่แหละมรณกรรมฐาน ผู้ภาวนานั้นไม่ต้องไปรู้อื่น" ไม่ต้องไปเรียนนอก ให้เรียนใน "เรียนใน คือเรียนในกายวาจาจิตของตัวเอง" ดูพิจารณาอะไรมันตาย อะไรมันยัง อะไรจะตายก่อน อะไรมันตายนานแล้ว
"กำหนดให้รู้ดูให้มันเห็นจิตใจ" กิเลสมันจึงจะอยู่ยั้ง ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็พาให้ดิ้นรน วุ่นวาย กระสับกระส่าย ภาวนาไม่ลง ภาวนาไม่สงบ .. "
"มรณกรรมฐาน"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
สติ (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
"สตินี่ ทำให้มันมีกำลังดีแล้ว จิตมันจึงจะล่วงเพราะสติคุ้มครองจิต ตัวสติ ก็คือ จิตนั่นแหละแต่ว่าลุ่มลึกกว่า สตินั่นอบรมจิตครั้นอบรมจนขึ้น จิตรู้เท่าตามความเป็นจริงแล้ว มันจึงหายความหลงพบความสว่าง ความหลงนั้นก็คือไม่มีสติ ครั้นมีสติคุ้มครอง หัดไปจนแน่วแน่แล้ว ให้มันแม่นยำ ให้มันสำเหนียกแล้ว มันจะรู้แจ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
สติแก่กล้า จิตย่อมทนไม่ได้ เมื่อทนไม่ได้ก็สงบลง ครั้นสงบลงแล้วมันก็รู้ เดี๋ยวนี้มันไม่มีปัญญา มันก็ส่ายไปมาเพราะมันไปหลายทาง จิตไปหลายทางเพราะเป็นอาการของมัน เมื่อผู้วางภาระ คือ ว่าง ไม่ยึดถือว่าขันธ์ห้านี้เป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ยึดถือแล้วปลง เป็นผู้วางภาระ ก็มีความสุข จะยืน เดิน นั่ง ก็มีความสุข
ไม่ยึดถือเพราะรู้ตามความเป็นจริงของมันแล้ว ไม่ถือเอา ไม่ยึดเอา ได้ชื่อว่าเป็นผู้ขุดตัณหาขึ้นมาได้ทั้งราก เป็นผู้เที่ยงแล้ว เที่ยงว่าจะเข้าสู่ความสุขตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เที่ยงแล้ว เมื่อจิตมันรวม มันก็รู้ตามความเป็นจริง มันจะวางขันธ์นี้
เมื่อมันรวมนั้นแหละ ถ้าจิตรวมแล้วมันก็วาง วางแล้วก็มีแต่ความว่าง ว่างแล้วค้นหาตัวก็ไม่มี เมื่อค้นหาตัวไม่มีแล้วก็อันนั้นแหละ... -
"ผู้ไม่เคยทำบุญไว้แต่ชาติก่อน" (หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
.
"ผู้ไม่เคยทำบุญไว้แต่ชาติก่อน"
" .. "ผู้ที่ไม่เคยทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี" ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ "ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน" หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้
"คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอก็ขัดข้อง รักษาไม่ได้" ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก "เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน" ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา .. "
"ธรรมคติ"
หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
กสิณเรียนแล้ว เป็นแล้ว จะรู้หมดเห็นหมด / หลวงพ่อจง
"กสิณเรียนแล้ว เป็นแล้ว จะรู้หมดเห็นหมด
เห็นผี เห็นเทวดา เห็นนรก เห็นสวรรค์ ไปเที่ยวได้ พูดได้ คุยกับเขาได้ ไปดูใครตกนรก ใครขึ้นสวรรค์ก็ได้ รู้อนาคตล่วงหน้าได้
คนเป็นกสิณ ถ้าปฏิบัติวิปัสสนาญานไปด้วยจะตัดตรงถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วมาก
=AZUntJWVP6MxZxb1bLNbp0YcYmmCgcN3-ZbWpnwFAr1RW4Py2Kd1AFYDIFRI-bNXuApyvvQj139PVbCeiFDKEZrSItXBJkOWoIze4qHDuA58KIHo_bwZsJiVYTrUvIrlhZKglf6XwhnHAfVcaR4akbs-YF1iTTaA6oDMI4z2_R13i9riWeAfTYVLMSMjdq4o_r4&__tn__=-UC*F']ศักดิ์สิทธิ์ -
หลักการปฏิบัติตนของพระบวชใหม่
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้วิ่งไปที่วัดกาญจนบุรีเก่าตั้งแต่เช้ามืด เพื่อพิจารณาผ้าไตรบังสุกุล เนื่องในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านได้มรณภาพไปแล้วก่อนวันเกิด แต่ว่าคณะลูกศิษย์ก็ยังคงจัดวันเกิดให้ไปตามปกติ
เมื่อพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กราบลากายสังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล แล้ววิ่งตรงไปยังวัดมะลังกา หมู่ที่ ๘ ตำบลหนองปลิง อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าร่วมงานอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอเลาขวัญ ซึ่งมีพระครูสิริกาญจโนภาส (สมบุญ ถาวโร ป.ธ.๕) เป็นเจ้าคณะอำเภอ
ในงานวันนี้ กระผม/อาตมภาพได้บรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะ โดยที่ย้ำเตือนแก่ทุกท่านว่า พระใหม่ของเรา อันดับแรกเลยต้องมี "สมณสัญญา" คือความรู้สึกว่าเราเป็นพระอยู่เสมอ จะได้ไม่เผลอไม่พลาดไปทำความผิด โดยมีคำพิจารณาว่า "บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"
ถ้าหากว่าเป็นพระใหม่ที่เพิ่งจะบวชเป็นครั้งแรกแล้วอยู่เข้าพรรษาในปีนี้... -
บุญพระกรรมฐานถ้าเราจะทำบุญให้แก่คนตาย
บุญพระกรรมฐานถ้าเราจะทำบุญให้แก่คนตาย
เมื่อปี ๒๕๐๔ อาตมาไปเทศน์ที่อำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท มีตาอะไรหรือ อีตานี่เมื่อก่อนมาอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นไปแกก็มาเฝ้าอยู่ตลอด ถ้ายังไม่กลับเพียงใดแกก็ยังไม่กลับบ้าน ให้ลูกสาวเอาข้าวต้มมาถวายเช้า ตอนเพลเอาข้าวสวยมาถวาย ตัวแกเองต้องมาอยู่ตลอดเวลา
⭐️พอแกตายไปแล้ว ลูกสาวก็มาหาที่กรุงเทพฯ บอกว่าอยากจะทำศพพ่อและบวชน้องชายในวันเดียวกัน อยากจะให้หลวงน้าเป็นประธาน ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าเป็นประธานก็ได้ แต่ว่าถ้างานเอ็ง จะมีบาปแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้นะ แม้แต่ไข่ลูกหนึ่งก็ห้ามทุบ ถึงเขาบอกว่าไข่ไม่มีตัวก็ไม่ได้ ใจมันไม่สบาย
ประการที่ ๒ เวลาจัดงานศพ ควรตั้งคนรับรองแขกให้แทนตัวเอง ใจจะได้ไม่กังวล เพราะพระให้ศีลต้องรับศีลให้จบ และตั้งใจรับศีลด้วยความเคารพ เวลาพระสวดก็ต้องตั้งใจฟังพระสวดจนจบด้วยความเคารพ เวลาถวายทานก็เหมือนกันให้ตั้งใจถวายทานด้วยความเคารพ เวลาพระเทศน์ฟังเทศน์ด้วยความเคารพ และอย่าให้มีสุรายาเมาเข้ามาเจือปน
ประการที่ ๓ มหรสพ อย่ามี แม้แต่ปี่พาทย์ จงอย่ามีปี่พาทย์กลองยาว มันกินเหล้ากัน แกก็เอาตามนั้นจริงๆ งานเรียบร้อย... -
บกพร่องในศีลเป็นคนเลว
บกพร่องในศีลเป็นคนเลว
ตอนนี้ให้ถือว่าคุยกันฐานะญาติเถอะนะ อย่าคิดเป็นอย่างอื่นเลย อยากจะขอถามท่านสักนิดว่า
๑. ปกติท่านชอบให้ใครมาทำร้ายร่างกายท่านไหม ถ้าท่านอยู่ดีๆ โดยไม่มีความผิดใดๆ ถ้ามีคนจะมาฆ่าท่านหรือมาทำร้ายร่างกายท่าน ท่านจะยินยอมให้เขาทำด้วยความเต็มใจ หรือท่านจะไม่พอใจในการกระทำอย่างนั้นของเขา
๒. ทรัพย์สมบัติที่ท่านได้รับมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษก็ดี หรือทรัพย์ที่ท่านพยายามเก็บหอมรอมริบไว้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ที่คอยกระเหม็ดกระแหม่อดเปรี้ยวไว้กินหวานเมื่อท่านเก็บสะสมไว้พอสมควรแก่การที่คิดว่าจะพอดำรงความเป็นอยู่ให้มีความสุขได้ตามสมควรแล้ว ถ้ามีบุคคลคณะหนึ่งหรือคนเดียวก็ตาม มาบังคับขู่เข็ญยื้อแย่งหรือลักขโมยทรัพย์ที่ท่านอุตสาห์เก็บหอมรอมริบไว้นั้นไปเป็นสมบัติของเขา โดยที่เขาไม่มีสิทธิและท่านเองก็มิเห็นชอบด้วย
๓. ท่านมีคู่ครองที่รัก หากมีใครก็ตามมาแอบละเมิดสิทธิร่วมรักกับคู่ครองของท่าน โดยที่ท่านมิได้เห็นชอบด้วย
๔. ปกติมักจะมีคนมาพูดเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงให้ฟังเสมอๆ แม้แต่เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเกี่ยวแก่ผลใด้ผลเสียของชีวิตและทรัพย์สิน... -
อย่าเอาจิตไปยุ่งกับอารมณ์ภายนอก
อย่าเอาจิตไปยุ่งกับอารมณ์ภายนอก ทำงานทุกอย่างเพื่อสาธารณประโยชน์ เราทำเพื่อพระนิพพาน ทำเพื่อไม่ให้เกิด ทำเพื่อตัดอารมณ์ว่า
...งานที่เราทำไปแล้ว เราลงทั้งทุนลงทั้งแรง แต่ทำไปแล้วรู้ว่ามันอนิจจัง ของไม่เที่ยงนะ อนัตตาไม่ช้าก็สลายตัว มันไม่ตายก่อน เราก็ตายก่อน มันไม่พังก่อน เราก็ตายก่อน
เราทำเพื่อจิตตัดโลภะ ความโลภ การทำงานอารมณ์มันจุกจิก ฝึกอารมณ์ใจให้มันเย็น ตัดความโกรธ การไม่สนใจว่ามันเป็นของเรา เพราะว่าเรากับมันไม่ช้าต่างก็บรรลัย เป็นการตัดความหลงไปนิพพานเลย
หนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๒๙๐-๒๙๑ -
"เรื่องภาวนามันสำคัญ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"เรื่องภาวนามันสำคัญ"
" .. "เรื่องภาวนามันสำคัญ" อบรมบ่มอินทรีย์ อบรมกายนี่แหละ อบรมใจของตนนี้แหละ มันยากอยู่ "ครั้นอบรมได้แล้วไม่มีความเดือดร้อน" ใจเยือกเย็น ใจสบาย ไม่มีความหวั่นไหว
"อวิชชาคือใจ" ใจดวงเดียวนั่นเรียกว่าอวิชชา คือมันไม่รู้ต่อสิ่งทั้งปวง ไม่รู้ในกองสังขาร แล้วหลงยึด ชอบเข้าก็หลงยึด ไม่ชอบก็ยึดเข้ามาเผาตน มันไม่รู้จึงหวั่นไหว พวกเราพากันฝึกหัดใจของตนให้ดี
พระพุทธเจ้าว่า "ธรรมทั้งหลายมีมีใจเป็นหัวหน้า" มีใจถึงพร้อม มีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด "ถ้าไม่ทรมานไม่ฝึกไม่อบรม อันนี้มันก็ทำพิษ" เผาอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน มันเป็นเพราะใจนี่แหละ
ใจไม่ดี ใจไม่รู้เท่า ใจโง่ "มะนะสา เจ ปะทุฏเฐนะ" ใจอันมีโทษประทุษร้าย ร้ายมันอยู่แล้ว "เพราะราคะ โทสะ โมหะ ประทุษร้ายอยู่ ไปที่ไหนก็ไม่มีความสุขสบาย" มีแต่ความเดือดร้อนเผาผลาญ .. "
"อนาลโยวาทะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
จัดพิมพ์ โดย นพ. อวย – มรว. ส่งศรี เกตุสิงห์ พ.ศ. ๒๕๒๘ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
ใครคือ พระศรีอาริย์
ใครคือ พระศรีอาริย์
เมื่ออาจารย์ ศุภรัตน์ได้รับมอบหมาย จากหลวงปู่ให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึก โดยใช้ซีเมนท์ขาวผสมผงพุทธคุณ ครั้งแรกอาจารย์จะทำ ๑๐๘ องค์ ท่านบอกว่าไม่พอต่อไปจะหายาก ลูกละพันบาทยังหาบูชาไม่ได้ท่านได้บอกเคล็ดลับการปลุกเสกว่า ต้องดูในที่มืด ถ้าแสงสว่างเกิดขึ้นจึงจะใช้ได้ นอกจากนี้ท่านยังให้เจาะเป็นช่องตรงกลางไว้ ตอนแรกอาจารย์ศุภรัตน์จะขอว่าไม่ต้องเจาะ ท่านบอกว่าไม่ได้เดี๋ยวจะเหมือนลูกกระสุนซึ่งเด็กสมัยก่อนจะนำดินเหนียวมาปั้นก้อนกลมๆใช้กับหนังสติ้กเพื่อยิงนกรูที่เจาะให้ว่างนั้นเป็นสัญลักษณ์ของอากาศธาตุ เวลานั่งภาวนาเกิดแสงสว่าง ก็ให้ไปตามแสงสว่างนั้นจะไปถึงวิมานแก้ว ที่ประทับของพระพุทธเจ้า จะเห็นลูกแก้วลอยเต็มวิมาน(พระพุทธเจ้า)ให้ตั้งจิตขอแล้วอธิษฐานนำลูกแก้วไว้ตรงทรวงอก
มีลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นนักปฏิบัติได้มาพบกับอาจารย์ ศุภรัตน์ที่หน้ากุฏิหลวงปู่ขณะนั้นท่านกำลังถวายข้าวพระอยู่ อาจารย์ให้เขานั่งดูสักครู่เขาบอกว่า หลวงปู่กำลังถวายของแด่พระพุทธเจ้าอยู่บนวิมานแก้ว มีพระมากมาย อาจารย์เลยบอกว่าถ้าเห็นพระแล้วทำอย่างไรต่อ เขาบอกไม่รู้ อาจารย์เลยพูดว่าหลวงปู่เคยสอนไว้... -
"เมื่อไม่พูดก็ไมมืโทษทางวาจา" (หลวงป่ดูลย์ อตุโล)
.
"เมื่อไม่พูดก็ไมมืโทษทางวาจา"
" .. "สำนักปฏิบัติแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาขาของหลวงปู่นั่นเอง" อยู่ด้วยกันเฉพาะพระประมาณห้าหกรูป อยากจะเคร่งครัดเป็นพิเศษ "ถึงขั้นสมาทานไม่พูดจากันตลอดพรรษา" คือไม่ให้มีเสียงเป็นคำพูดออกจากปากใคร ยกเว้นการสวดมนต์ ทำวัตร หรือสวดปาฏิโมกข์เท่านั้น
ครั้นออกพรรษาแล้ว "พากันไปกราบหลวงปู่เล่าถึงการปฏิบัติอย่างเคร่งของพวกตน" ว่านอกจากปฏิบัติข้อวัตรอย่างอื่นแล้วสามารถหยุดพูดได้ตลอด พรรษาอีกด้วย ฯ .. "
หลวงปู่ฟังแล้วยิ้มหน่อยหนึ่ง พูดว่า ..
" .. ดีเหมือนกัน "เมื่อไม่พูดก็ไมมืโทษทางวาจา" แต่ที่ว่าหยุดพูดได้นั้น เป็นไปไม่ได้หรอก นอกจากพระอริยบุคคลผู้ เข้านิโรธสมาบัติชั้นละเอียด ดับสัญญาเวทนาเท่านั้นแหละที่ไม่พูดได้ "นอกนั้นพูดทั้งวันทั้งคืน ยิ่งพวกที่ตั้งปฏิญาณว่า ไม่พูดนั้นแหละยิ่งพูดมากกว่าคนอื่น" เพียงแต่ไม่ออกเสียงให้ คนอื่นได้ยินเท่านั้นเอง .."
"หลวงปู่ฝากไว้"
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงป่ดูลย์ อตุโล) -
“กฎ” ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ “โลกนี้ไม่มีสิ่งบังเอิญ”
“โลกไม่ใช่ลูกเต๋า จึงไม่จำเป็นต้องทอดหรือเขย่า
เพื่อแทงเสี่ยงทายโดยการคาดเดา
แล้วหวังว่ามันจะถูกตรงเผงด้วยความบังเอิญ
แต่โลกมี “กฎ” อยู่ในตัวเอง ซึ่งเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
โยงใยชักนำให้ปรากฏการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น”
คนที่อยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่ยอมศึกษา ไม่ลงมือทำ ไม่ยอมสร้างเหตุปัจจัย หรือคนที่อยากมั่งคั่งร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่ไม่ยอมลงทุนทำธุรกิจ ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง เอาแต่คิดหวัง สร้างภาพ ว่าความสำเร็จจะวิ่งเข้ามาหา เพราะเชื่อว่า เดี๋ยวความคิดนี้จะดึงดูดความสำเร็จเข้ามาให้
เช่นนี้มันจะต่างอะไรกับคนที่อยากถูกหวย แต่ไม่ยอมลงทุนซื้อหวย อย่าไปหวังเลยว่า บังเอิญหวยรางวัลที่หนึ่ง หรือความสำเร็จนั้น มันจะถูกสายลมพัดปลิวมาให้
พุทธศาสนาสอนให้เชื่อเรื่องเหตุและผล ให้เชื่อมั่นและศรัทธาในการกระทำของตัวเอง เพราะทุกอย่างล้วนมีเงื่อนไข มีเหตุปัจจัยในการเกิดขึ้น ถ้าเงื่อนไขตรง สิ่งนั้นย่อมเกิดขึ้น ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
“เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นจึงมี”
อยากมั่งคั่ง ต้องรู้จักเสียสละ แบ่งปันออกไปเป็น “ทาน” เพื่อสร้างเหตุปัจจัยของความมั่งคั่ง
อยากมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม สมส่วนชวนมอง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
หน้า 56 ของ 402