คลังเรื่องเด่น
-
"ทำให้ทุกข์สิ้นไปได้" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
.
"ทำให้ทุกข์สิ้นไปได้"
" .. เราทุกคนที่เกิดมา "ถูกความเกิดแก่ เจ็บ ตาย ความโศก ความเศร้า ความ ทุกข์กาย ทุกข์ใจครอบงำ" ให้ทราบว่า "เราทุกคนตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์ปรากฏ" อยู่ในเบื้องหน้าเป็นฉาก ๆ เหมือนกำลังเดินฝ่าดงหนาม ให้พากันพิจารณาขึ้นมาในใจว่า "ทำอย่างไร เราจึงจะกำจัดดงหนาม คือทุกข์เหล่านี้ให้สูญสิ้นไปได้"
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว "จงพากันบริกรรมภาวนา พุทโธ ๆ ๆ ๆ ๆ ให้เร็ว ๆ ๆ จนจิตนี้ มีหลักคือความสงบเป็นพื้นฐาน" แล้วมาพิจารณาขันธ์ห้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เพราะถ้า "ผู้ภาวนามัวเข้าแต่สมาธิอย่างเดียว จิตจะติดอยู่ในสมาธิ" จะเห็นแต่ความหัศจรรย์ทาง ด้านสมาธิอย่างเดียว ส่วนความมหัศจรรย์ทางด้านปัญญาจะไม่เห็น
"ความมหัศจรรย์ ทางด้านปัญญา เป็นความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง" ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ต้องคิดค้น "มีโยนิโสมนสิการเสมอ ๆ ต้องคิดค้นคลี่คลาย จนกระทั่งจิตนี้บื่อหน่ายในขันธ์และในจิต" การภาวนาอย่างนี้ก็จะเห็นผลประจักษ์ใจเอง .. "
"พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง"
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
ผ้าไตรจีวรนั้น ภาษาพระเรียกว่าผ้าบังสุกุล
ในเรื่องของผ้าไตรจีวรนั้น ภาษาพระเรียกว่าผ้าบังสุกุล
ปังสุกุละ แปลว่า ผ้าเปื้อนฝุ่น ผ้าคลุกฝุ่น คือผ้าที่เขาทิ้งแล้ว สมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์ถือว่าเป็นผู้สละแล้วซึ่งทรัพย์สมบัติทั้งปวง มีแต่ตัวเปล่า ก็ต้องไปแสวงหาผ้าเพื่อทำจีวร ต้องเป็นผ้าที่เขาทิ้งแล้ว นำมาซัก มาตัด มาเย็บ มาย้อม กลายเป็นผ้าสำหรับใช้งานของตน
ในสมัยแรก ๆ อยู่ในลักษณะต่างคนต่างทำ รูปแบบที่แน่นอนก็ไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้มอบหมายให้พระอานนท์คิดแบบในการทำจีวรให้เหมือนกันขึ้นมา พระอานนท์ได้แนวความคิดขณะที่บิณฑบาตผ่านท้องนา เห็นชาวบ้านเขาทำนา เป็นแปลง มีคันนา ท่านก็เลยมาดัดแปลงเป็นลักษณะของจีวร ซึ่งจะมีผ้าที่เป็นจีวร มีผ้าต่อ มีผ้ากั้น มีผ้าขอบ
ตัวผ้าจีวรก็มีมณฑล ก็คือช่วงที่ยาว และอัฒฑมณฑล ช่วงที่สั้นลงครึ่งหนึ่ง และมีกุสิ ก็คือผ้ากั้นช่วงยาว อัฒฑกุสิ ผ้ากั้นช่วงสั้น และมีอนุวาต ผ้ากั้นขอบ เมื่อออกแบบมา ต้องบอกว่าท่านเป็นยอดของมัณฑกร คิดออกแบบมาสองพันกว่าปีแล้วก็ยังใช้งานได้ดีไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
ผ้าที่ได้มาชิ้นใหญ่บ้าง ชิ้นเล็กบ้าง ท่านออกแบบมามีทั้งใหญ่และเล็ก อย่างที่บอกว่ามี ๗ ขันธ์ มี ๙ ขันธ์... -
"กลัวสัญญาวิปลาส" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"กลัวสัญญาวิปลาส"
ผู้ถาม : ผมขอกราบเรียนถามว่า "ถ้าหากเกิดสัญญาวิปลาสขึ้นหรือมีการหลงเรื่องนิมิต" หรืออะไรต่ออะไร จะมีทางแก้ไขอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์ : มันไม่เป็นง่าย ๆ หรอก "ตั้งเป็นร้อย ๆ พัน ๆ คนที่ภาวนา ก็ไม่เห็นเป็นบ้า" ก่อนจะเป็นภาวนามันก็ยากอยู่แล้ว "ภาวนาเป็นแล้วจะเกิดวิปลาสตอนนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ" เปรียบอุปมาที่เขาเล่าลือว่าเสือกินคน ไม่ทราบกี่สิบปีกี่ร้อยปีจะมีเสือกินคนสักคน พากันกลัวเสือจะกิน "ไม่เป็นไรหรอกขอให้ทำเถิด การหัดสติให้ดีมันจะเป็นบ้าได้อย่างไร" คนเป็นบ้าคือคนไม่มีสติต่างหาก .. "
"ถามตอบปญหา" ประเทศสิงคโปร์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เจอคนเอาเปรียบจะทำยังไง?⚡โหรทำนายดวงหลวงปู่ดู่
เจอคนเอาเปรียบจะทำยังไง?⚡โหรทำนายดวงหลวงปู่ดู่ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
หายโศก ภาษาบาลีว่า อโสโก ในมงคลสูตรท่านว่า อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
อะโสกัง ความเป็นผู้ไม่เศร้าโศก คือสภาพจิตมั่นคง ไม่หวั่นไหว วิระชัง ไร้ธุลีมาแปดเปื้อน เขมัง มีแต่ความเกษมชื่นบาน ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ใจเศร้าหมองได้
ต้องบอกว่าจุดมุ่งหมายของความเป็นมนุษย์ก็คือหายโศก การเข้าถึงความไม่เศร้าโศก เราจะเห็นว่าแม้แต่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระเจ้าอโศกมหาราชก็ใช้คำว่า อโศก เป็นผู้ไม่เศร้าโศกแล้ว
แม้แต่หลวงพ่อลีสร้างวัด ก็สร้างชื่อวัดอโศการาม มี ๒ ความหมายด้วยกัน ความหมายแรกท่านคือพระเจ้าอโศกมหาราชมาเกิดใหม่ ความหมายที่สองคือ เป็นอารามหรือวัดแห่งความไม่เศร้าโศก ใครเข้ามาก็ต้องมีแต่ความสุข มีแต่ความเจริญโดยส่วนเดียว
พระเจ้าอโศกมหาราช แต่เดิมฉายาว่า จัณฑาโศก อโศกผู้ดุร้าย อโศกผู้โหดร้าย ไม่ว่ารบที่ไหนก็ฆ่าแหลกที่นั่น ไปรบที่แคว้นกลิงครัฐคืนเดียว ฆ่าข้าศึกไปสองแสนกว่า ต้องบอกว่าเลือดท่วมเท้าช้าง ท่านเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมา เครียด ตื่นกลางดึก อยู่บนปราสาทชั้นบนก็เดินไปเดินมายันสว่าง ต้องบอกว่าบุญของท่านมาถึง เพราะว่านิโครธสามเณรออกมาเดินบิณฑบาตพอดี
พระเจ้าอโศกเห็นเข้า... -
"ช้างพระโพธิสัตว์" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
"ช้างพระโพธิสัตว์"
" .. ช้างตัวใหญ่ ๆ "เป็นช้างพระโพธิสัตว์ อยู่บนภูหลวง ไม่เบียดเบียนพระและคน" มันเดินจากภูหลวงมาทางภูหอ ช้างบริวารรอบล้อมซ้ายขวาอารักขา "เมื่อช้างบริวารเดินผ่านทุ่งนาทำข้าวกล้าชาวบ้านล้มเสียหาย มันจึงตามมาตกแต่งปลูกคืนให้อย่างดี"
ที่มา "พระโพธิสัตว์จุติเป็นสัตว์ก็เพื่อบำเพ็ญบารมี" คำว่า "โพธิสัตว์" คือสัตว์ที่ยังข้องอยู่ในการสร้างบารมีเพื่อพระโพธิญาณ บำเพ็ญเพียรเพื่อความสุขแก่มหาชนเป็นอันมาก "จะจุติเป็นสัตว์หรือมนุษย์ก็ตาม มีพระมหากรุณาแก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง" มีบริวารมาก บรรเทาภัยให้มหาชน ขวนขวายคุ้มครอง
"พระโพธิสัตว์สร้างบารมี ไม่ทิ้งเมตตา เพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามวัฏสงสาร" ตัดโลกธรรมใหญ่ จึงสร้างพระบารมีอย่างใหญ่ เกิด ๆ ตาย ๆ ให้เต็มแล้วตรัสรู้ "ขนสัตว์ขึ้นสวรรค์นิพพาน ท่านอดทนมีขันติมากที่สุด" ไม่เอาแง่เอางอนกับมนุษย์และสัตว์ "มีศีลธรรมทุกชาติไป ด้วยมหาเมตตามหากรุณา เต็มเปี่ยมในพระทัย"
หลวงปู่ลีท่านเล่าต่อว่า "ช้างตัวนี้เป็นพญาช้าง นัยน์ตาทั้งคู่สวยงามราวกับแก้วมณี" มีกายสง่างาม พระโพธิสัตว์ปกครองช้างบริวารจำนวนมากให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุข... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
การเรียนทางโลก⚡การเรียนทางธรรม
การเรียนทางโลก⚡การเรียนทางธรรม -
"ผู้นั้นบารมีแก่กล้าแล้ว" (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
.
"ผู้นั้นบารมีแก่กล้าแล้ว"
" .. "ผู้รักใคร่ภาวนาอยู่เป็นเนืองนิจ" เรียกว่า "ผู้นั้นบารมีแก่กล้าแล้ว" ท่านผู้ใดขี้เกียจก็ให้ทราบเถิดว่าบารมียังอ่อนเหลวไหลมาก ฉะนั้น "จึงไม่ควรนั่งควรนอนให้บารมีแก่กล้า"
คำว่านั่งนอน นอนทั้งกายทั้งใจด้วย นั่งก็เหมือนกันยืนเดินนั่งนอนเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถเฉย ๆ "แต่ด้านจิตใจและศรัทธาไม่เปลี่ยนออกจากพุทธ ธรรม สงฆ์ ไปไหนเลย" จะทำท่า ไม่ทำท่า ก็ไม่เป็นปัญหา
"คล้ายกับเกลือ" จะอยู่ถ้วยหรืออยู่ชาม หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม "ก็รักษาความเค็มของตนไว้อยู่อย่างนั้น" จะอย่างไรก็ตาม "ขอให้แบ่งเวลาภาวนา" อย่าให้เสียวันเสียคืน "จิตใจหากจะสูงขึ้นเอง" ไม่ต้องบ่นหา จะชนะความหลงของตนแน่แท้ .. "
"ตอบปัญหาธรรมะ"
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
เคล็ดลับการทำพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล
ในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับศรัทธาเลื่อมใสยังไม่พอ ยังต้องขึ้นอยู่กับความขยันและสม่ำเสมอของเราอีกด้วย ถ้าหากว่าเราไม่ขยันภาวนาเอาไว้อย่างสม่ำเสมอแล้ว จะไปหวังให้เกิดผล ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้านนั้น เป็นพระคาถาที่ต้องการความเชื่อมั่นและเลื่อมใสอย่างสูงสุด ไม่เช่นนั้นแล้ว โอกาสที่เราจะทุ่มเท กาย วาจา ใจ ในการภาวนาอย่างจริงจังสม่ำเสมอนั้น ย่อมเป็นไปได้ยาก ในเมื่อไม่มีความจริงจังสม่ำเสมอ แล้วจะให้พระคาถาเกิดผล จึงมีโอกาสที่เป็นไปได้น้อยมาก
แต่ก็ยังดีใจที่ญาติโยมทั้งหลายมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะสถานที่จอดรถเกือบจะไม่เหลือเลย เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้รอจนกระทั่งทางวัดท่าขนุนหรือว่าทางวัดอุทยานจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน แล้วค่อยไปนั่งภาวนากันครั้งหนึ่งเกือบ ๒ ชั่วโมง แต่ว่าวันอื่น ๆ ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ขาดความสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่พระคาถาจะเกิดผลย่อมเป็นไปไม่ได้
นอกจากนั้นแล้วพระคาถาเงินล้านยังต้องการการทำทานอย่างสม่ำเสมอด้วย ก็คือต้องมีการสละออก ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเปรียบเอาไว้ว่า... -
โตแล้วเรียนลัด
โตแล้วเรียนลัด
นี่เป็นอันว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทที่มานั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด ถ้าคิดว่าท่านจะไปดาวดึงส์ได้หรือไม่ได้ อาตมารับรองว่าทุกคนไปได้แน่ แต่ทว่าเวลาจะตายอย่าลืมนะ ก่อนจะตายอย่าไปนึกแช่งใครเข้านะ ไปนรกก่อนนะ ก่อนจะตาย พอป่วยขึ้นมาครั้งไร ก็ต้องคิดว่า การป่วยคราวนี้มันอาจจะตาย นึกถึงความดีที่เราทำไว้ ภาวนาไว้ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ตาม ภาวนาหรือพิจารณาแบบไหนคล่องตัวทำเข้าไว้ ไม่ต้องทำทุกลมหายใจเข้าออก เวลาหมอมาถามอาการก็บอก ใครเข้ามาก็คุย ยามว่างเราก็นึกถึงความดีที่เราทรงไว้ มันก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง นั่นแหละ พอแล้วก็นึกว่าในชีวิตครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เราเคยถวายสังฆทานในพระพุทธศาสนา แล้วก็นึกไว้บ้าง
พอท่านไปเกิดชั้นดาวดึงส์ ถ้าเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ เทวดาชั้นดาวดึงส์นี่เขามีอายุถึงสามโกฏิ เดี๋ยว..รู้สึกจะเป็นสามโกฏิ หรือว่าสามล้านหกแสนปีของมนุษย์ แต่ทว่าหลังจากว่างจากศาสนานี้แล้ว มีเวลาหนึ่งล้านปีเศษ พระศรีอาริย์ก็ตรัส เวลานั้นเราก็ยังเป็นเทวดาอยู่ นี่การเป็นเทวดานี่ ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าบรรลุง่ายกว่าความเป็นคน ถ้าจิตใจของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนพอใจในธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง... -
อย่าเมาในสมาธิเกินไป
• อย่าเมาในสมาธิเกินไป •
แต่เราทำสมาธิกันมา ว่ากันทั้งวันทั้งคืน ทั้งคืนทั้งวันก็มามุ่งอยู่แค่สมาธิ ถ้าแค่
สมาธิทำเป็นฌานสมาบัติมันไปถึงไหนล่ะ อย่างดีไปแค่พรหม ดีไม่ดีเผลอลงนรกไปเลย ถ้าเมาฌานนี่ไปนรกแน่ ถ้าเมาฌานจริงๆ ถ้าเห็นคนเขามีฌานไม่เสมอเรา เราก็ดูถูกเขา คิดทะนงตนว่าเป็นคนที่มีฌานสมาบัติดี ตัวนี้มันเป็นมานะที่หยาบที่สุด เป็นกิเลสที่หยาบที่สุด มานะคือการถือตัวถือตน
ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ปฏิบัติ สมาธิมันจะได้สักครั้งละ ๒-๓ นาทีก็ช่าง เราจะทำสมาธิทรงตัวได้เวลาครั้งละเท่าไหร่ไม่สำคัญ
จงอย่าเมาสมาธิ ทำสมาธิแค่พอดี อย่าให้ถึงกับเมา เป็นอันว่าการฝึกสมาธิถืออารมณ์สบาย อย่าทำใจให้มันเกินพอดี อย่าตั้งเวลาไว้เกินพอเหมาะ การตั้งเวลาไว้เกินพอเหมาะเช่นตั้งเวลาไว้ ๑ ชั่วโมง ถ้ายังไม่ถึง ๑ ชั่วโมงมันทั้งปวดทั้งเมื่อยทั้งกระสับกระส่าย จะเลิกก็เลิกไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียสัจจะ สัจจะตัวนี้ไปปากคลองสานกันนับไม่ถ้วนแล้วเขาเรียกสัจจะปากคลองสาน เพราะจัดว่าเป็น "อัตตกิลมถานุโยค" เป็นการทรมานตัวพระพุทธเจ้าทรงห้าม
⚜️#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน⚜️
{วัดจันทาราม(ท่าซุง)... -
ตำราหลวงพ่อปาน
ตำราหลวงพ่อปาน
ก็เป็นอันว่าเป็นพระที่พระพุทธเจ้าทำ ความจริงฉันไม่ได้ทำ ทุกครั้งน่ะไม่ได้ทำ เพราะว่าเรียนมาตามแบบฉบับเดิม แบบฉบับเดิมเมื่อเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค เจ้าอาวาส ใช่ไหม และคุมตำราหลวงพ่อปาน (นี่สอนกรรมฐานหรือคุยกันนี่ เอ้า ! เดี๋ยวลงกรรมฐานจนได้ละ) และตำราหลวงพ่อปานนี่ก็ไปค้างอยู่ที่บ้าน อาจารย์แจง อาจารย์แจงนี่เป็นอาจารย์หลวงพ่อปาน อยู่สวรรคโลก สุโขทัย ฉันนึกถึงตำราหลวงพ่อปานว่าควรจะอยู่ที่วัดบางนมโค ก็ไปขอคืน พอไปถึงก็ปรากฏว่าอาจารย์แจงตายไป ๒ ปีแล้ว แล้วเขียนหนังสือไว้บอกถ้าใครจะมาเอาตำราเล่มนี้ไป ให้เอาดาบ ๒ เล่มนี้ไปยืนที่กลางแจ้งแล้วก็รำดาบ ถ้าได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงมาให้มอบตำราเล่มนี้ไปได้ สั่งเมียไว้ แล้วก็ถามภรรยาของท่าน ถามว่ามีใครมาเอาไหม บอกทั้งพระทั้งฆราวาสมารำกันป้อ รำแหงแก๋ไม่ได้ ฉันก็เลยบอกว่าฉันเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน อยากจะได้ บอกไม่ได้ ต้องทำตามคำสั่ง
ฉันก็เลยนึกในใจว่าเราเป็นพระ ตอนนั้นเราก็ธุดงค์มาตั้งเยอะแยะแล้วนะ ได้ฌานสมาบัติพอสมควร ถ้าจะไปรำดาบนี่มันจะไม่ใช่พระ ไอ้พระรำดาบนี่มันคนละเรื่องนะ ก็นึกในใจ เอาตกลง ก็บอกว่าตกลงนะ... -
เมตตาจิต
เมตตาจิต
ทีนี้มาชาตินี้เมื่อเรามีความเข้าใจว่า ไอ้กิเลสเป็นความเศร้าหมองเป็นความชั่วของจิตว่ามันไม่ดี ก็ควรจะทำจิตให้ผ่องใสจิตผ่องใสตัวแรกที่มีความสำคัญ ถ้าตัวนี้ทรงกำลังใจมันจะได้ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา นั่นก็คือมีพรหมวิหาร ๔
พรหมวิหาร ๔ นี่ถ้ายืนลงในจิตของใครคนนั้นลงนรกไม่เป็น ลงไม่ได้แน่นอน เขาไม่ให้ลง ถ้าลงไปเขาขับขึ้นมา ลงไม่ได้ไม่มีสิทธิ์ คือว่าอารมณ์ของเราให้ทราบอยู่ ให้มีเมตตาจิต เราจะไม่เป็นศัตรูกับใครเลยในโลกทั้งคนและสัตว์ เราจะเป็นมิตรที่ดีของเขา แต่ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับเราน่ะเป็นเรื่องของเขา เราหวังดีแต่เขาหวังร้าย อย่างนี้เราต้องใช้ อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ ถ้าเราพูดกับเขา เขาโกรธเรา ก็หยุดพูด เราใช้อุเบกขาตัวท้าย แต่ว่าเราไม่ได้โกรธ
กรุณา ความสงสาร จิตคิดไว้เสมอว่า ใครเขาทุกข์ยากลำบาก ถ้าไม่เกินวิสัยของเราที่จะช่วยได้เราพร้อมที่จะช่วย ถ้าเราช่วยได้ด้วยทรัพย์สิน เราจะให้ทรัพย์สิน ทรัพย์สินไม่มีเราจะให้กำลังกาย กำลังกายให้ไม่ได้เราให้ด้วยปัญญา แต่ทั้งนี้ถ้าเขารับความช่วยเหลือเรา เขาโกรธเรา เราต้องวางเฉย เราไม่โกรธตอบ เราไม่ช่วย เพราะช่วยไม่ได้
ต่อมา มุทิตา ตัวสุดท้าย... -
ศีลสมบูรณ์บริสุทธิ์ - ระงับนิวรณ์ ๕ (แบบครึ่งกำลัง)
ศีลสมบูรณ์บริสุทธิ์ - ระงับนิวรณ์ ๕ (แบบครึ่งกำลัง)
ทุกคนเมื่อตัดกังวล ไม่ห่วงแม้แต่ร่างกายได้แล้ว ก็ตั้งใจสมาทานศีล เรื่องศีลนี่ ความจริงไม่ใช่จะมีเฉพาะเวลาปฏิบัติ ศีลนี่เป็นเครื่องค้ำจุนฌานสมาบัติ สมาธิหรือฌานจะมีขึ้นมาได้ก็เพราะศีล ถ้าศีลบกพร่อง ฌานก็บกพร่องด้วย ถ้าศีลสมบูรณ์แบบสมาธิหรือฌานจึงจะสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นเรื่องศีล ต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า
๑. เราจะไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง
๒. จะไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล
๓. ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
เรื่องนิวรณ์ ๕ ประการ อย่านึกถึงมันเลย ซึ่งได้แก่
๑. ความรักระหว่างเพศ ที่เรียกว่ากามฉันทะ รักรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เวลาที่นั่งปฏิบัติอยู่อย่าให้มี จะที่วัดหรือที่บ้านก็ตาม
๒. ความไม่พอใจ อย่าให้เกิดขึ้น
๓. ความง่วง
๔. อารมณ์ฟุ้งซ่านนอกรีตนอกรอย คิดโน่นคิดนี่
๕. ความสงสัยในผลของการปฏิบัติ อันนี้สำคัญ
โดยเฉพาะข้อ ๔ กับข้อ ๕ อย่าให้มี ถ้ามีแล้วเจ๊ง รวมความว่านิวรณ์ ๕ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามีในกำลังใจของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทที่กำลังปฏิบัติ ก็ขอยืนยันได้เลยว่า วันนั้นไม่มีผลเลย... -
"การสร้างบารมีทางจิต" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"การสร้างบารมีทางจิต"
" .. การสร้างบารมีทางด้านจิตใจของเรา ทำอะไรก็รู้อยู่เห็นอยู่ว่า มันถูกมันผิด "มันเปลี่ยนจากมิจฉาทิฎฐิมาเป็นสัมมาทิฎฐิ" ไม่นานหรอกโยมนี่เรียกว่า "การสร้างบารมีทางจิต" เห็นไป .. เห็นไป .. ความเห็นมันก็แก่กล้าขึ้น "บาร มีมันกล้าขึ้นเพิ่มขึ้น"
อันนี้มันก็เลยมากขึ้น "กิเลสมันก็น้อยลง เพราะบารมีมันมากขึ้น" เปรียบ ประหนึ่งว่า เราทุกคนที่นั่งกันอยู่นี้ "สมัยก่อนเราเป็นเด็กเล็ก ๆ ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่" ถามว่าเด็กเล็กมันหายไปไหน?
มันไม่หายไปไหนหรอก คือเด็กน้อยเป็นเหตุให้เราใหญ่ เวลาเราโตเด็ก มันก็เลยหายไป "เด็กไม่มีไม่รู้ไปไหน กลายมาเป็นผู้ใหญ่เลย" ไม่มีเด็กน้อย "จิตใจของเราก็เช่นกัน ถ้าความรู้เกิดขึ้น ความไม่รู้มันก็หายไป ทิ้งไป" .. "
"เหนือสิ่งอื่นใด"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
รีบบันทึกบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะระลึกได้
รีบบันทึกบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะระลึกได้ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
จะสร้างวัตถุมงคลก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากครูบาอาจารย์เท่านั้น
วัตถุมงคลของวัดท่าขนุนนั้น จะสร้างเฉพาะตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ถ้าไม่ใช่ส่วนที่ท่านสั่งแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่เสียเวลาไปทำ เนื่องเพราะว่าทำเมื่อไรก็ได้เงินมา ได้เงินมาเมื่อไร ก็ต้องทำงานโน่นทำงานนี่ ต้องบอกว่า "เหนื่อยจนหมดอารมณ์ที่จะทำแล้ว" ปล่อยให้เป็นไปตามคำสั่งครูบาอาจารย์อย่างเดียว จะไม่แส่หาไปทำเองอย่างเด็ดขาด..! เพราะว่าเท่ากับหาเรื่องเหนื่อยนั่นเอง
ญาติโยมหลายท่านที่ไม่เข้าใจตรงจุดนี้ ก็พยายามที่จะส่งข้อความส่วนตัว ที่เรียกว่า PM บ้าง ติดต่อผ่านทางอีเมล์บ้าง บอกว่า "ต้องทำจำนวนเท่านั้นหมื่น เท่านี้แสน เพื่อที่ทุกคนจะได้วัตถุมงคลที่มีคุณค่า เสกโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยทั่วถึงกัน" กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่า "ท่านทั้งหลายรู้จักวงการสร้างวัตถุมงคลดีแค่ไหน ?"
เพราะว่าวงการนี้ โดยปกติแล้วจะมีผู้รับอาสาสร้างวัตถุมงคลให้กับหลวงปู่หลวงพ่อวัดต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง แม้แต่ในสมัยของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็เป็นแบบนี้ แต่ว่าก็มีการบวกตัวเลขกันอย่างชนิดที่เรียกว่า "ไม่คำนึงถึงหิริโอตัปปะเลย" อย่างเช่นว่าการสร้างพระสมเด็จคำข้าว วัดท่าซุงนั้น ทางโรงงานขอที่ราคาองค์ละ ๘๐... -
"อัครฐาน ฐานะอันเลิศ" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"อัครฐาน ฐานะอันเลิศ"
" .. "ฐานะอันเลิศนั้นมีอยู่ในมนุษย์" ฐานะอันเลิศนั้นเป็นทางดำเนินไปเพื่อความบริสุทธิ๋ของสัตว์ โดยอธิบายว่า เราได้รับมรดก มาแล้วจากนโม คือบิดามารดา "กล่าวคือตัวของเรานี้แล อันได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นชาติสูงสุด เป็นผู้เลิศตั้งอยู่ในฐานะ อันเลิศด้วยดี" คือมีกายสมบัติ วจีสมบัติ และมโนสมบัติบริบูรณ์
จะสร้างสมเอาสมบัติภายนอกคือทรัพย์สินเงินทองอย่างไรก็ได้ "จะสร้างสมเอาเป็นสมบัติภายในคือ มรรค ผล นิพพาน ธรรมวิเศษ ก็ได้" พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย "ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี่เอง" มิได้ทรงบัญญัติแก่ ช้าง ม้า โค กระบือ ฯลฯ ที่ไหนเลย "มนุษย์นี้เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ๋ได้"
ฉะนั้นจึง ไม่ควรน้อยเนื้อตํ่าใจว่า "ตนมีบุญวาสนาน้อย เพราะมนุษย์ทำได้ เมื่อไม่มีทำให้มีได้ เมื่อมีแล้วทำให้ยิ่งได้" .. "
"มุตโตทัย"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
"ภาวนา ให้ระลึกถึงลมหายใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ภาวนา ให้ระลึกถึงลมหายใจ"
" .. เราไม่ต้องระลึกอะไรทั้งสิ้น "ให้ระลึกเอาสิ่งเดียวที่ลมหายใจ" ซึ่งเป้นของกลางมีอยู่ทุกคนไม่เอนเยงไปทางไหนทั้งหมด ทุกคนมีลมหายใจด้วยกันทั้งนั้น "คนเรากลัวตายถ้าไม่มีลมหายใจก็ต้องตาย" เหตุนั้นมากำหนดที่ลมหายใจ
"สติควบคุมจิตให้รู้สึกเฉพาะที่ปลายจมูก" จิตไปอยู่ตรงนั้น รู้สึกตรงนั้น สติก็คุมอยู่ตรงนั้น ไม่ให้ส่งไปนอกจากนั้น ถ้ามันส่งออกไปแล้วก็ดึงมาอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา
ถ้าหากเราฝึกฝนไปนาน ๆ หนักเข้า "ที่มันฟุ้งซ่านจะค่อยซาลงอ่อนลงค่อยเบาลงน้อยลง ๆ จนกระทั่งหายวับไป" ไม่มีอะไรเลย ยังเหลือแต่ผู้รู้ "สติกับผู้รู้มาอยู่รวมกันในที่เดียวกัน" .. "
"ปุจฉาวิสัชนาต่างประเทศ"
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ -
พ่อ...ผู้มีแต่ให้
พ่อ...ผู้มีแต่ให้
คำร้อง : พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ดนตรี : อ.ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี และ อ.พงศ์พิธาน ธวัชชัย
ขับร้อง : ขวัญข้าว ธิดารินทร์
ธรรมใดคำสั่งสอน..............พุทธองค์
พ่อแจ้งจิตจำนงค์..............ทั่วถ้วน
ยอมชีวิตปลิดปลง..............ไป่ฝืน...คำนอ
พ่อสอนสั่งลูกด้วย..............ช่วยชี้...ทางธรรม
น้อมนำธรรมะ..............ทุกวจี
พ่อสอนแต่สิ่งดี..............เลิศหล้า
หวังลูกพิสุทธิ์ศรี..............ตามบาท....พ่อเฮย
เหนื่อยยิ่งใครในหล้า..............ทั่วฟ้า...แดนไตร
สามโลกจักหาใคร..............ไป่มี
พ่อดั่งพระสุริยศรี..............คู่ฟ้า
สว่างหล้าธาตรี............ใครเปรียบ...เทียบฤๅ
นามพ่ออยู่คู่หล้า..........ตราบฟ้า...ดินสลาย
ร่มโพธิ์แก้วเพริศแพร้ว..............แดนไตร
พ่อลาลับดับไป..............แต่ชื่อ
ดวงจิตสว่างใส..............บริสุทธิ์...ยิ่งเฮย
นำพ่อสู่เมืองแก้ว..............สุขล้ำ...นฤพาน
สามโลกจักหาใคร..............ไป่มี
พ่อดั่งพระสุริยศรี..............คู่ฟ้า
สว่างหล้าธาตรี............ใครเปรียบ...เทียบฤๅ
นามพ่ออยู่คู่หล้า..........ตราบฟ้า...ดินสลาย... -
เรานึกถึงแต่ในเรื่องที่ดี พอถึงเวลาสิ่งที่ตอบสนองมาก็เป็นแต่เรื่องที่ดี ๆ
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยเป็นฆราวาส ถึงเวลาไปทำบุญวัดไหน หรือว่าไปเช่าวัตถุมงคลวัดไหน ถือว่าวันนั้นเป็นวันดีที่เราได้อัญเชิญพระเข้าบ้าน เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมงคลเข้าบ้าน พอมาเป็นพระ ถึงเวลาจัดงาน พระสงฆ์ที่ท่านมาเองโดยที่อาตมาไม่ได้นิมนต์ ปกติแล้วท่านจะเป็นส่วนเกิน แต่อาตมาถือว่าท่านมาเป็นเนื้อนาบุญให้ ก็ให้การต้อนรับขับสู้ ถึงเวลาก็ถวายปัจจัยไทยธรรมเท่ากับพระที่เรานิมนต์มานั่นแหละ ฉะนั้น...อาจจะเป็นเพราะว่าทำลักษณะอย่างนี้มา ทั้งตอนที่เป็นฆราวาสแล้วก็เป็นพระ ด้วยความรู้สึกว่าสิ่งดี ๆ ทั้งหลายจะได้เกิดขึ้นกับเรา
ตรงนี้เป็นกำลังใจที่เขาเรียกว่ามโนมยา คือ สำเร็จด้วยใจ เพราะว่าเรานึกถึงแต่ในเรื่องที่ดี พอถึงเวลาสิ่งที่ตอบสนองมาก็เป็นแต่เรื่องที่ดี ๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นว่าถ้าวันนี้อาตมาบูชายันต์เกราะเพชรไป ก็กลับบ้านด้วยความปลื้มใจว่า เราได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบารมีพระเข้าบ้าน ให้ท่านช่วยปกปักรักษาคุ้มครองตัวเราและคนที่เรารัก เป็นต้น วางกำลังใจให้เป็น วางกำลังใจให้ถูก เรื่องดี ๆ จะได้เกิดกับเราทุกวัน"
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
"นิมิตพระอาจารย์มั่น" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
.
"นิมิตพระอาจารย์มั่น"
" .. หลังจากได้อยู่ร่วมกับท่านพระอาจารย์มั่นเป็นเวลา ๓ ปี ๔ แล้ง แล้วผ่านฤดูแล้งปี .. ๘๖ ท่านพระอาจารย์มั่น "ท่านปรารภจะไปจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านนามน" เราเห็นว่าท่านมีลูกศิษย์ลูกหามาก ขึ้นแล้ว "ท่านอาจารย์มหาบัวก็เป็นที่ตายใจ" ท่านเก่งฉลาด เป็นที่ตายใจ
ในเรื่องเกี่ยวกับท่านพระอาจารย์มั่นได้เป็นอย่างดีเยี่ยม "เรื่องข้อวัตรปฏิบัติที่เราเคยทำมาเป็นเวลานานสมควรกับท่านอาจารย์มหา" เพราะ "ท่านมีวิชาความรู้กล้าสู้หน้าไม่อายใคร" และจะเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่หมู่คณะต่อไปในอนาคต "เหมือนดั่งนิมิตที่ท่านพระอาจารย์มั่นทำนายไว้ที่ดอยคำ" บ้านแม่ปัง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ว่า ..
"ท่านองค์นี้ ลักษณะเหมือนท่านเจี๊ยะ แต่มีใช่ท่านเจี๊ยะ จะทำประโยชน์ให้หมู่คณะ ท่านนิมิตเห็นพระหนุ่ม ๒ รูป นั่งช้าง ๒ เชือก ติดตามท่านซึ่ง นั่งสง่างามบนช้างตัวขาวปลอดจ่าโขลงเป็นช้างใหญ่ พระหนุ่มสองรูปนี้จะสำเร็จ ก่อนและหลังท่านนิพพานไม่นานนักและจะทำประโยชน์ใหญ่ให้พระศาสนา"
เมื่อเราเห็นท่านอาจารย์มหาบัวเข้ามา "ก็ตรงตามลักษณะที่ท่านท่านายไว้ ก็เบาใจเป็นที่ยิ่ง" ถึงได้กับอุทานภายในใจว่า ..... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
หน้า 46 ของ 402