คลังเรื่องเด่น
-
ผู้พิพากษาตายแล้วไปเกิดเป็นเวมาณิกเปรต
ตายจากคนเป็นผู้พิพากษาแล้วไปเกิดเป็นเวมาณิกเปรต
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
"..สำหรับเรื่องราวของเปรต อาตมาได้นำเอาเรื่องเปรตประเภทที่ท่านทั้งหลายไม่ได้คิดว่าเป็นเปรตมาเล่าสู่กันฟัง ในพระบาลีกล่าวว่า ในสำนักแห่งพระราชาธิบดีทรงพระนามว่า "พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์" พระบาทท้าวเธอทรงปกครองมคธรัฐ หรือที่เรียกว่ากรุงราชคฤห์มหานคร จัดว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกที่นับถือพระพุทธศาสนา พระองค์ทรงแต่งตั้งบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีปัญญามีความรู้ให้เป็น ผู้พิพากษาชำระอรรถคดี ท่านผู้นี้ในตอนต้นก็มีอุดมการณ์ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำกิจการงานด้วยความซื่อตรงไม่มีความประสงค์ในการที่จะคดโกงอะไรทั้งนั้น ต่อมาในภายหลังเมื่อมีคนมาหาบ่อยๆ เขาต้องการชนะคดีก็มากราบมาไหว้ เอาเงินเอาทองมาให้ อาศัยที่ท่านผู้พิพากษาผู้นี้เป็นคนใจอ่อนมีเมตตาในด้านความชั่ว ต่อมาจิตใจของตนก็เกิดความโลภเข้ามาครอบงำจิต ติดในทรัพย์สินเป็นสำคัญ จึงประพฤติผิดในหน้าที่ คดีใดที่ควรจะแพ้แต่ถ้าเขาให้เงินมากก็ตัดสินให้ชนะ คดีใดที่ควรจะชนะแต่ทว่าไม่ให้เงินก็ตัดสินให้แพ้ เป็นการรับสินบน... -
เพราะความทุศีล มีศีลวิบัติ สัมมาสมาธิจึงไม่มี
ทุสสีลสูตร
[๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิของภิกษุผู้ทุศีล มีศีลวิบัติแล้ว ย่อมเป็น
ธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสสนะ ของภิกษุผู้มีสัมมาสมาธิ
วิบัติ ย่อมเป็นธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะไม่มีนิพพิทา และวิราคะ
ของภิกษุผู้มียถาภูตญาณวิบัติ ย่อมเป็นธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อนิพพิทาและวิราคะไม่มี
วิมุตติญาณทัสสนะ ของภิกษุผู้มีนิพพิทาและวิราคะวิบัติ ย่อมเป็นธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้ที่มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ก็ไม่ถึงความบริบูรณ์
แม้เปลือกก็ไม่ถึงความบริบูรณ์ แม้กะพี้ก็ไม่ถึงความบริบูรณ์ แม้แก่นก็ไม่ถึงความบริบูรณ์ ฉันใด
ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิของภิกษุผู้ทุศีล มีศีลวิบัติแล้ว ย่อมเป็นธรรม
มีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสสนะของภิกษุผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติ ย่อม
เป็นธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะไม่มี นิพพิทาและวิราคะ ของภิกษุผู้มียถา
ภูตญาณทัสนะวิบัติ ย่อมเป็นธรรมมีอุปนิสัยขาดแล้ว เมื่อนิพพิทาและวิราคะไม่มี วิมุตติ
ญาณทัสสนะ... -
การพิจารณาไตรลักษณ์.. ๔ แบบ
การพิจารณาไตรลักษณ์นี้ มีวิธีพิจารณาอยู่ ๔ แบบ
ชื่อ กลาปสัมมสนนัย อัทธาสัมมสนนัย สันตติสัมมสนนัย และ ขณะสัมมสนนัย
๑. พิจารณารูปนามโดยความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา โดย กลาปสัมมสนนัย นั้นเป็นการพิจารณาทั้งกลุ่มทั้งก้อน จับเอาโดยส่วนรวม เช่นถ้าพิจารณาเป็นขันธ์ ก็กำหนดให้รู้ในขันธ์ ๕ ไปจนไตรลักษณ์ปรากฏ
ถ้าพิจารณา อายตนะ ก็กำหนดรู้ใน อายตนะ ๑๒
ถ้าพิจารณา ธาตุ ก็กำหนดรู้ใน ธาตุ ๑๘
ถ้าพิจารณา ทวาร ก็กำหนดรู้ใน ทวารทั้ง ๖
หรือ พิจารณาอารมณ์ ๖ วิญญาณ ๖ ผัสสะ ๖ เวทนา ๖ สัญญา ๖ เจตนา ๖ ตัณหา ๖ วิตก ๖ วิจาร ๖ หรือ ๓๒ โกฏฐาส หรือ โลกียอินทรีย ๑๙ หรือ ธาตุทั้ง ๓ คือ กามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ หรือภพทั้ง ๙ อย่างใดอย่างหนึ่งจนไตรลักษณ์ปรากฏ
ปัญญาของพระโยคีที่เกิดขึ้นในขณะที่พิจารณาอยู่ในกลาปสัมมสนนัย นี่แหละ ชื่อว่า สัมมสนญาณ
การพิจารณาแบบนี้ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
๒. พิจารณารูปนาม โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา โดย อัทธาสัมมสนนัย เป็นการกำหนดรู้รูปนามที่เกิดขึ้นในภพก่อนว่า รูปนามที่เคยเกิดในภพก่อนนั้น เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา... -
แชร์เล่าเรื่องหลวงปู่มีชัย กามฉินโธประสบการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ
ท่านใดที่รู้จักและมีประสบการณ์ของหลวงปู่มีชัยผู้ศักดิ์สิทธิ์เชิญท่านมาแชร์ประสบการณ์กันนะครับส่วนของผมโดยย่อนะครับ
1ท่านอธิฐานจิตไม่นอนเลยเป็นเวลา10ๆปี
2ท่านเดินเท้าไม่ติดพื้น(เหาะ)
3ดับไฟป่าด้วยน้ำแก้วเดียว
4ปลุกต้นทุเรียนที่ตายไปแล้วเป็นสิบไร่ให้งอกมาใหม่
5พระประทานที่ท่านสร้างไม่ไหลไปกับสึนามินอกนั้นเรียบเป็นหน้ากลอง
6ท่านคุยกับงูและมีพญางูมานอนเฝ้าท่าน
7ท่านเป็นเจ้าแห่งความร่ำรวยอันนี้จริงๆ
8ท่านคุยกับเทวดาได้และมักทำอะไรแล้วเทวดามาอนุโมธนา
9มีเมตตาสูงสุด
แจ้งท่านผู้อ่านทราบว่าห้ามนำข้อความหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประสบการณ์ของผมไปโดยมิได้
รับอนุญาตจากผมก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านครับ
และสามารถติดต่อผมได้ที่เบอร์0897999351 ครับ -
สภาพของอรูปพรหม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
สภาพของอรูปพรหม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
......................................................
คงมีหลายท่านเวลาศึกษาพระพุทธประวัติของพระพุทธองค์ กล่าวถึงตอนท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบสซึ่งเป็นท่านอาจารย์ของเจ้าชายสิทธัตถะ
ท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบสท่านทั้งสองนี้ เมื่อท่านตายแล้ว ไปเกิดเป็นอรูปพรหม พระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานว่าฉิบหายเสียแล้ว คือไม่สามารถรับฟังธรรมของพระพุทธองค์ได้ ถ้าท่านทั้งสองเกิดเป็นพรหมธรรมดา ไม่เกิดเป็นอรูปพรหมก็คงไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าของเราก็สามารถตามไปสอนได้ แต่นี่พระพุทธองค์ไม่สามารถสงเคราะห์ได้ สภาพของอรูปพรหมเป็นอย่างไร ลองอ่านจากผลงานหลวงพ่อฤาษีตอนนี้ครับ ผมนำตอนนี้มาจากหนังสือตายแล้วไปไหนท่านที่สนใจมากกว่านี้ลองหาอ่านดูเองนะครับ
...........................................................
ท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบส ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม
“..เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ทรงต้องการให้คนอื่นมีความสุขด้วย ทรงนึกว่าใครหนอที่จะรับพระธรรมเทศนาที่พระองค์บรรลุแล้วได้... -
วิธีทำน้ำมนต์ และ รัตนสูตร โดย หลวงพ่อฤาษี
วิธีทำน้ำมนต์ และ รัตนสูตร โดย หลวงพ่อฤาษี
วิธีทำน้ำมนต์
บันทึกเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฏาคม ๒๕๐๖ ตรงกับ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ วันนี้เจริญกรรมฐานเวลา ๘.๓๐ น. จิตจับอนาปาฯ และปราโมทย์ในพระนิพพานเป็นอารมณ์ เมื่อภาวะจิต เข้าสู่แดนพระนิพพานพบท่านโมคคัลลาน์ และท่านกัญจายนะ แล้วเข้าไปสู่หน้าห้องๆหนึ่ง มีพระบอกว่าเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นท่านเสด็จออกรับแล้วทรงนำบาตรมาลูกหนึ่งทรงเทน้ำเก่าในบาตรออกแล้วทรงตักน้ำใหม่ทำน้ำมนต์ คิดว่าท่านจะรดน้ำมนต์ให้ แต่ความจริงกลายเป็นท่านสอนทำน้ำมนต์โปรดคน น้ำมนต์ที่ทำ ห้ามเรียกค่าจ้างรางวัล ให้สงเคราะห์ด้วยอำนาจเมตตา แม้แต่ดอกไม้ธูปเทียนก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น ถ้าเขามีหรือหามาง่าย ก็ให้จัดหามา ถ้ายากก็ไม่ต้อง
ให้เอาน้ำใส่บาตรแล้วเพ่งจิตลงสู่ก้นบาตร ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ในอดีตทั้งหมด แล้วสวด อิติปิโสฯลฯ ทั้งสามห้อง ขณะสวดให้เพ่งจิตลงก้นบาตรแล้วอธิษฐานว่า "ขอให้กระแสน้ำนี้จงซาบซ่านไปทั่ววรกาย กำจัดโรคาพยาธิของมนุษย์ทั้งหลายและสัตว์ให้หายโดยฉับพลัน" แล้วว่า อิติปิโสฯลฯ ต่อไปอีกหลายจบก็ได้ตามความพอใจ... -
ทำไม “ วันมาฆบูชา ” จึงเป็น “ วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา ”
คำว่า “ มาฆบูชา ” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ “ วันมาฆบูชา ” เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เพราะในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้ ๙ เดือน ขณะที่เสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน ณ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาตามเมืองต่างๆ ได้พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันถึง ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง
ความรักเป็นอำนาจอย่างหนึ่งในจิตใจมนุษย์ ที่มีอิทธิพลมากมาย และสามารถก่อให้เกิดอารมณ์อันหลากหลายที่ตรงกันข้ามกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ ความยินดี ความซึมเศร้า ความเฉื่อยชาและความกระตือรืนร้น กวีบางคนบอกว่า ความรักทำให้โลกหมุน ทำให้คนชั่วกลับกลายเป็นคนดี ความรักบันดาลได้มากมาย ที่สำคัญ ความรักมิได้มีความหมายเพียงความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก อาจารย์กับศิษย์ เพื่อนฝูงต่อเพื่อนฝูง รวมไปถึงความรักที่มนุษย์มีต่อมวลมนุษย์ และสิ่งต่างๆที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันอีกด้วย
และเพราะ “ ความรัก ” มีความหมายที่กว้างขวาง ไร้ขอบเขตอันจำกัด... -
อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมและการสร้างฐานพระ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
หลวงพ่อ “ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม
อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา
แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือมีเนื้อมากหน่อย
ไม่ใช่อ้วนพุงพลุ้ยนะ และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน
เมื่อเสร็จแล้วเขาก็คุยกันเขาก็ถามปัญหา
ถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า
ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงส์ยังไง ลุงสองลุง
นายบัญชี กับลุงพุฒิ ท่านมายืนอยู่นานแล้ว
ท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ
ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่
เอาบัญชีมาให้ดู บอก นี่…บัญชีเล่มนี้
(คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ที่จดธรรมดา)
“บัญชีสีทอง” เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย
ฉันอยากได้บัญชีเอามาขาย
ท่านบอก.. ถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ
ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่
ต้องเป็นคนมีบุญมาก…หรือไง?
แต่ก็ไม่ได้หมายความต้องเงินมากนะ
คือว่าโดยมากเราจะนึกไม่ถึงกันใช่ไหม
เรานึกกันถึง พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป
แต่ยังไม่เคยนึกถึงองค์ปฐม ส่วนใหญ่ไปนึกถึง พระศรีอาริย์
ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า ใช่ไหม นี่องค์นี้เป็นองค์แรก... -
เสียงธรรม บทเพลงสรรเสริญพระพุทธเจ้า“พระจอมไตรฯ”(ร้องและบันทึกใหม่)
บทเพลงสรรเสริญพระพุทธเจ้า
“พระจอมไตรฯ”
คำร้อง กายแก้ว
ทำนอง เพลงไทยเดิม ลาวดวงเดือน
ขับร้อง กายแก้ว
โอ้ละหนอ องค์จอมไตร
มารวิชัย เลิศหล้า สวัสดี
โอ้องค์ชินสีห์ ทรงมี เมตตา ยิ่งใหญ่
พระผู้ ทรงชัย ธ เกริกไกร ไตรภูมิ
ขอ นอบน้อม อ่า องค์ ชินสีห์
ผู้ รุ่งเรืองเลิศล้ำ น้อมนำ เวไนย
ข้ามพ้น โพยภัย ผู้ทรงชัย ในโลก เอย
หาไหน มาเทียม ผู้ทรงชัย ในโลกเอย.... -
ทำไมถึงห้ามตั้งศาลช่วงเข้าพรรษา ?
ถาม : ทำไมถึงห้ามตั้งศาลช่วงเข้าพรรษา ?
ตอบ : เขาเชื่อว่าเทวดาไปจำศีลหมดแล้ว คุณจะเชิญใครมาล่ะ ? แบบเดียวกับ "ย่าเฒ่าผาขาว" ที่ภาคเหนือ ท่านมีหน้าที่ดูแลสัตว์ป่าต่างๆ ตอนนั้นมี "ไอ้โทน" เป็นหมูป่าเกเร ลงมากินผัก กินข้าว กินข้าวโพดของชาวบ้าน ลุยราบเป็นไร่ๆ เขาก็ต้องไปไล่ยิง แต่ไอ้โทนหนังเหนียวเพราะย่าเฒ่าคุ้มครอง ยิงเท่าไรก็ไม่เข้า พอยิงตูมกระเด็นล้มลงไป ลุกขึ้นมาได้ก็วิ่งไล่ขวิดคนยิง
กว่าที่ปืนแก๊บจะอัดลูกใหม่ได้ก็นาน ต้องวิ่งหนีกันอุตลุด บางคนมีปืนลูกซองดีๆ ยิงตูมไอ้โทนกระเด็นตกห้วยไป พอโผล่ไปดู ที่ไหนได้..ไอ้โทนวิ่งสวนขึ้นมาก็ต้องเผ่นเหมือนกัน ท้ายสุดเขาไปได้ความลับมาว่า ย่าเฒ่าจะต้องไปจำศีลบนสวรรค์ทุกวันพระ ไอ้พวกระยำก็เลยแหกประเพณีชาวบ้าน ปกติเขาไม่ล่าสัตว์วันพระ เขาก็ออกล่าวันนั้น ไอ้โทนคงถึงที่ตาย โดนยิงตายวันนั้นแหละ
ปกติแล้วไอ้โทนหนังเหนียว วันนั้นเขายิงท่าไหนไม่รู้เข้ารูหูพอดี ถ้าเข้าหูก็ถึงสมองด้วย ย่าเฒ่าไม่อยู่คุ้มครอง เพราะมัวแต่ไปจำศีล
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
ที่มา :... -
ตามรอยหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (กลุ่มหลวงพ่อเงิน)
ตามรอยหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ เดี๋ยวจะอัพข้อมูลให้เรื่อยๆ นะครับ
นโม ๓ จบ
อะกะ อะธิ อะธิ อะกะ ธิอะ กะอะ
วันทามิ อาจาริยัญจะ หิรัญญะ นามะกัง ถิรัง สิทธิ ทันตัง มหาเตชัง อิทธิ มันตัง วะสาทะรัง
( สิทธิ พุทธัง กิจจัง มะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ ธัมมัง จิตตัง มะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ สังฆัง จิตตัง มะมะ เงินทองไหลมา นะชาลี ติ ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุ เม )
ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้าน จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกันท่านเกิดเมื่อ 6 กันยายน พศ 2351 นามเดิม ชื่อเงิน ในสมัยก่อนยังไม่มีการใช้นามสกุล
เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้พา หลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งหลวงพ่อเงินเติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำ หลวงพ่อเงิน ไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363... -
หลวงพ่อสด สอนเรื่องนิพพานแก่หลวงพ่อฤาษี..
หลวงพ่อสด สอนเรื่องนิพพานแก่หลวงพ่อฤาษี
อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์
วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตนแล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว... -
การทำให้บุญรวมตัวก่อนตาย
การทำให้บุญรวมตัวก่อนตาย
(คัดลอกจากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๘ หน้า ๖๕-๖๘ โดยพระราชพรหมยาน)
...ฉะนั้นถ้าจิตออกจากร่าง ถ้าบังเอิญไปพบอกุศลเข้าก็ไปอบายภูมิได้ ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้ฝึกจิตให้มีอารมณ์ทรงตัว
ถ้าเราตั้งใจนึกถึงบุญทุกวันก็นึกได้ แต่มันนึกไม่ไหวหรอก แม้แต่วัดที่ไปทำบุญก็จำไม่ได้หมดเลย ใช่ไหม พระที่รับบุญจากเรา ที่เราทำบุญด้วยเราก็จำไม่ได้หมด ก็เกาะหลักใหญ่คือพระพุทธเจ้า เริ่มเจริญสมาธิ คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติเป็นมนุษย์ ชาติต่อไปขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ไม่มีสำหรับเรา เราจะต้องเป็นนางฟ้าเป็นเทวดา หรือพรหม หรือไปนิพพาน
อันดับแรก ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ
แต่ว่าคำภาวนานี่ญาติโยมพุทธบริษัท ไม่จำกัดนะ จะนึก พุทโธ ก็ได้ สัมมาอรหัง ก็ได้ อิติสุคโต ก็ได้ ยุบหนอพองหนอ ก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งหมด แต่ก่อนที่จะภาวนานึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วภาวนาเป็นเครื่องโยงใจ ให้จิตมีงานเสีย จิตมีงานในบุญ ในบาป
ขณะใดที่จิตรู้ลมหายใจเข้าออก จิตไม่คิดถึงเรื่องอื่น เวลานั้นจิตเป็นสมาธิ จิตว่างจากกิเลส ขณะใดจิตรู้คำภาวนาอยู่... -
" บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย "
"บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย"
มรดกพระดี ตอนที่ 7
ลูกหลานเอย......ก่อนที่หลวงตาจะเล่าให้เห็นอภิญญาบริสุทธิ์ที่พ่อแสดงฝากไว้ในโลกพระพุทธศาสนา อันเป็นมรดกพระดีที่พ่อเมตตามอบไว้ให้พวกเรา หลวงตาอยากจะอวดอะไรสักหน่อย ไม่อวดทนไม่ได้อกแตกตายแน่..คือเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2544 อันเป็นงานทักษิณานุปทานที่วัดเขาวงจัดถวายกุศลให้พ่อของเรา(หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง) และพลอยจัดเสริมแสดงมุทิตาจิตต่อพระครูภาวนาพิลาศไปในตัวด้วยนั้น
งานก็ผ่านไป แต่สิ่งที่ยังทรงสถิตใจหลวงตาไม่อยากสลัดออก ก็คือทั้งท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺญาโณ หลวงพี่อาจินต์ ธมฺมจิตโต และคณะสงฆ์วัดท่าซุงรวม 21 รูป ที่เมตตามาร่วมงานนั้น...ยังไม่ได้พูดถึงท่านเจ้าคุณพระเทพสิริภิมณฑ์ซึ่งมาแทนหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏกเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี และพี่น้องต่างวัดอีกหลายองค์ ที่มาร่วมงานในวันนั้น ทุกองค์พูดว่า.. " วัดเขาวง สวย สะอาด สงบ "
ความกังวลที่สุมใจหลวงตามา 7 ปีเต็มหลุดหายไป มีความมั่นใจโปร่งใจเข้ามาแทนที่ เพราะเราได้ทำมา.เดินตามแนวทางที่เรา มุ่งมั่นมาตั้งแต่ออกจากวัดท่าซุง... -
ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่
ปัญหา ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ ทั้งยังยากจนและต่ำศักดิ์อีกด้วย ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนพระนางมัลลิกา....มาตุคาม (สตรี) บางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ ไม่เป็นผู้ให้ทานคือข้าว น้ำ ยวดยาน ระเบียบ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟแก่สมณะหรือพราหมณ์ และเป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือการไหว้ การบูชาของผู้อื่น กีดกันตัดรอนผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตตภาพนันมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใด ๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู ทั้งเป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์”
มหาวรรค จ. อํ. (๑๙๗)
ตบ. ๒๑ : ๒๗๖ ตท. ๒๑ : ๒๓๓
ตอ. G.S. II : ๒๑๕-๒๑๖
http://www.84000.org/true/205.html
203 ทำไมไม่สวยแต่รวยและสูงศักดิ์
ปัญหา ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ แต่มีทรัพย์สมบัติมากและมีศักดิ์สูง ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนพระนางมัลลิกา....มาตุคาม (สตรี) บางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ... -
หลวงปู่เขี่ยม โสรโย มณีแห่งถ้ำขาม
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี มีศิษย์อยู่รูปหนึ่งซึ่งเก็บงำประกายไว้อย่างมิดชิดกระทั่งละขันธ์
เมื่อถึงกาลประชุมเพลิงสรีระสังขารของท่านในวันที่ 18 ธ.ค. 2553 พระอาจารย์สาคร ธมฺมาวุโธ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ประธานสงฆ์วัดป่ามณีกาญจน์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และประธานสงฆ์วัดสวนป่าสิริธโร อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ผู้เป็นสหธรรมิกของท่านได้รวบรวมเรื่องราวและปฏิปทาของท่านพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกในวาระนั้น
นามของ “หลวงปู่เขี่ยม โสรโย” จึงปรากฏกว้างขวางขึ้น
หาไม่แล้วประกายนั้นคงจะถูกเก็บงำไว้ต่อไป
หลวงปู่เขี่ยม โสรโย มีนามเดิมว่า เขี่ยม ค่อนดี เกิดวันที่ 8 เม.ย. 2476 หรือวันเสาร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 5 ปีจอ เป็นบุตรคนแรกจากทั้งหมด 4 คนของนายกอง และนางเหลี่ยม ค่อนดี เกษตรกร ต.มูลตุ่น อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
ตามประวัติฉบับพระอาจารย์สาครรวบรวมไว้นั้น ได้ให้ภาพในวัยเด็กของหลวงปู่เขี่ยม ว่า ครอบครัวหลวงปู่เขี่ยมย้ายจากบ้านโคกกลางมายังบ้านโนนสำนัก และเด็กชายเขี่ยมก็เข้ารับการศึกษาเมื่อวัย 11 ขวบ ที่วัดบ่อแก้ว บ้านนาจาน... -
เราผ่านยุค "มนุษย์จักมีอายุขัยเหลือ 10 ปี" มาหรือยัง
พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัติสูตร (ต่อ)
สมัยที่คนมีอายุขัย 10 ปี
[103] ภิกษุทั้งหลาย จักมีสมัยที่มีบุตรของมนัษย์เหล่านี้มีอายุขัย 10 ปี ในเมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี เด็กหญิงอายุ 5 ขวบก็มีสามีได้ ในเมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี รสเหล่านี้คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และ เกลือ จักอันตรธนานไปสิ้น ในเมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี หญ้าจับแก้จักเป็นอาหารอย่างดี ภิกษุทั้งหลาย ข้าวสาลี เนื้อ และข้าวสุก เป็นอาหารอย่างดีในบัดนี้ฉันดี เมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี หญ้าจับแก้ก็จักเป็นอาหารอย่างดีฉันนั้น
ในเมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี กุศลกรรมบถ 10 จักอันตรธนานไปหมดสิ้น อกุศลกรรมบถ 10 จักรุ่งเรื่องเหลือเกิน แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี และคนที่ทำกุศล จักมีแต่ที่ไหน ในเมื่อมนุษย์มีอายุขัย 10 ปี มนุษย์ทั้หลายที่ไม่เกื้อกูลมารดา บิดา สมณะพราหมณ์ และไม่ประพฤติอ่อนน้ำมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ก็จักได้รับการบูชา และได้รับการสรรเสริญ ภิกษุทั้งหลาย คนที่เกื้อกูลบิดา มากดา สมณะ พราหมณ์ และประพฤติอ่อนน้อมถ่อมคน ได้รับการบูชาสรรเสริญในบัดนี้ฉันใด... -
ความเกี่ยวเนื่องกันในการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาโพธิญาณ
การปรารถนาโพธิญาณนั้นเป็นเรื่องของผู้ที่มีความต้องการที่จะเป็น พระพุทธเจ้าในอนาคต ต้องขออธิบายให้ทราบกันทั่วหน้าก่อนว่า พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาบนโลกนี้ มิได้มีเฉพาะพระพุทธโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เท่านั้น หากแต่ในอดีตกาลล่วงเลยผ่านมาแล้วนั้น ก็ได้บังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้วมากมายเหลือคณานับ ผู้อ่านหลายท่านอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน แต่ขอให้ เปิดใจ ทำใจสบายๆ ทำความเข้าใจและศึกษาเรื่องของพระโพธิสัตว์ ยิ่งรู้มากขึ้นก็จะสามารถน้อมนำกำลังพลังงานของพระโพธิสัตว์มาใช้ในชีวิตประจำวันได้สามารถช่วยเหลือเราได้ ทั้งทางโลกและทางธรรม โพธิญาณหรือพระโพธิสัตว์ จะทำงานเป็นหมู่คณะ ทำไมจึงพูดเช่นนั้น เป็นเพราะว่าการสร้างบุญบารมีนั้นหากสร้างคนเดียว อานิสงค์ที่บังเกิดจะมีเพียงส่วนเดียว
สำหรับพระโพธิสัตว์ที่มีกำลังและมากไปด้วยปัญญาจะนำพาหมู่คณะสร้างบุญบารมีกันเป็นจำนวนมากเข้าไว้ เนื่องด้วยการสร้างบุญบารมีเป็นหมู่คณะนั้น กำลังบุญของแต่ละคนมีมากอยู่แล้ว กำลังบุญทั้งหมดทั้งมวลจะรวมกระแสกันเป็นมหาบุญ มหากุศลมีกำลังมาก... -
อยากไปนิพพาน (หลวงปู่ดู่)
ผู้ ที่มากราบนมัสการหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญหลายๆคน มาถึงก็แจ้งความประสงค์กับหลวงพ่อ ปรารถนาไม่เกิด อยากไปนิพพานในชาตินี้ จะได้พ้นทุกข์ บางคนก็ตั้งเจตนาจริง บางคนก็พูดไปอย่างนั้น หลวงพ่อเคยให้ข้อคิดสำหรับคนที่ไม่ตั้งใจจริงเหมือนคำพูดที่ปรารถนาว่า
“อยากไปนิพพาน แต่ศีล ๕ ยังรักษาไม่ได้ จะไปได้อย่างไร”
“วันนี้ มีผู้หญิงอยู่คนมากราบข้า บอกว่าจะไปนิพพาน ข้าไม่พูดแต่มองดู ปากยังทาแดงแจ๋ เล็บตีนเล็บมือยังแดงแจ๋ หัวตะพานจะไปถึงหรือเปล่า”
ดังนั้นหลวงพ่อจึงสอนพวกเราทั้งหลาย เมื่อตั้งใจสิ่งใดแล้ว ต้องทำหรือปฏิบัติจึงจะสมปรารถนา ดังที่หลวงปู่ทวดกล่าวว่า “การปฏิบัติจะตัดภพชาติให้สั้นลงทีละครึ่ง เช่น ถ้าเราจะเกิดอีก ๑๐๐ ชาติ ก็เหลือ ๕๐ ถ้าจะเกิด ๒๐ ชาติ ก็เหลือ ๑๐”
ผุ้เขียนเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน ท่านเคยเปรียบเทียบดังนี้ “ทำทานเหมือนกับไปด้วยถ่อ รักษาศีลไปด้วยรถยนต์ ภาวนาก็ขี่เรือบินไป อาจถึงนิพพานได้ในชาตินี้”
คนโบราณจึงกล่าวไว้ว่า “ใกล้ก็ไม่ใกล้ ไกลก็ไม่ไกล มองเห็นไวไว เป็นทิวลิบลิบ” ซึ่งเทียบได้กับพระนิพพาน คือปลายจมูกนี่เอง หลวงพ่อกล่าวว่า “จะว่ายากก็ไม่ใช่... -
รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า
พึ่งได้เข้ามาในส่วนนี้ของเวบ ยังไม่เห็นมีกระทู้โดยตรงเกี่ยวกับหลวงพ่อตอบปัญหา มีก็แต่ตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วจบไป เลยขอตั้งกระทู้นี้โดยรวบรวมปัญหาต่างๆที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาลงรวมไว้ในกระทู้เดียว
รวมถึงเรื่องราวต่างๆของหลวงพี่นันต์ท่านได้เล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อเอาไว้ในคอลัมภ์จากคำบอกเล่า
ถ้าเป็นการซ้ำกับกระทู้อื่นที่เคยมีมาก่อนแล้วต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/ -
วิธีถอดกายทิพย์ที่คุณก็ทำได้
เกล้าฯมีประสบการณ์..การถอดกายทิพย์หลายครั้ง..แต่จะเล่าแต่พอสังเขป
กายทิพย์ออกด้วยอำนาจของสมาธิ...
ครั้งหนึ่งเกล้าฯได้ไปบวชและปฏิบัติธรรมในป่าช้า..ซึ่งเป็นวัดป่าที่คนในหมู่บ้านของเกล้าฯเล่าลือกันว่าผีดุ...และท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้บอกเล่าให้ฟังว่า...ที่วัดแห่งนี้เจ้าอาวาสองค์ก่อน..เคยเห็นหมาดำตัวใหญ่ๆ...กระโดดข้ามกำแพง..ตอนดึกสงัด....ซึ่งกำแพงที่ว่านี้สูงท่วมหัว
ด้วยกิตติศัพท์เรื่องความเฮี้ยน..ของสถานที่....หลังตะวันตกดิน...ก็จะร่วมกับเจ้าอาวาสและสามเณร..ทำวัตรเย็น..ตอนนั้นมีพระสองรูป..เณรสามรูป(สามเณรจะนอนรวมกันที่ศาลา)
ทำวัตรเสร็จ..ประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง...เกล้าฯก็จะถือไฟฉายเดินผ่านป่า...
เดินสักพักหนึ่ง...ก็จะผ่านที่เก็บผีตายโหงสองศพ..ที่โบกปูนใหม่ๆในป่าช้า...อยู่ใต้ต้นไม้...เกล้าฯเดินผ่านมาด้วยหัวใจอันระทึก....จนมาถึงกุฎีตัวเองที่ซ่อนอยู่ในป่า....
สิ่งแรกเลยที่เกล้าฯลงมือทำ...คือสวดมนต์ไหว้พระ...กางตำรามนต์พิธีออก..เปิดสวดไปเรื่อย...จนดึกและเหนื่อยอ่อนคืนนี้เป็นคืนที่สอง.....ในป่าช้าของเกล้าฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็เหนื่อยอ่อนจนกว่าจะหลับได้... -
ในหลวง สนทนาเรื่อง “พุทธภูมิ” กับ หลวงตามหาบัว
หลวงตามหาบัว
“...เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวงตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้..
วันนั้นเป็นวันที่ 7มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษกที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใดในประวัติศาสตร์ไทย ท่านนิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิ ท่านให้เราควบคุมดูแลญาติโยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น
เมื่อขบวนพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯ สายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถวรอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบนซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน
ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินี พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัว เพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก (พระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกหลวงตาว่า “หลวงปู่”)
“หลวงปู่... สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร”... -
ทรงฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน
ตามวิสุทธิมรรค ท่านบอกว่าบุคคลใดเจริญกรรมฐานเข้าถึงอุปจารสมาธิ ท่านผู้นี้ตายจากความเป็นคนเลือกสวรรค์กามาวจรทั้ง ๖ ชั้นอยู่ได้ตามชอบใจ
ถ้าว่ากันอย่างนี้ คนที่ได้แล้วก็ไม่หนักใจนัก แต่คนที่ยังไม่ได้ก็หนักใจหน่อย แต่ความจริงคนที่ได้แล้วจะประมาทก็ไม่ได้ เพราะฌานโลกีย์เอาแน่นอนไม่ได้ ฌานโลกีย์ประเดี๋ยวทรงตัว เดี๋ยวก็ไม่ทรงตัว ฉะนั้นเพื่อการปฏิบัติสะดวกของบรรดาท่านพุทธบริษัทเพื่อหวังกามาวจรสวรรค์ คือสวรรค์ ๖ ชั้น
ข้อ ๑. ทุกคนให้มี พุทธานุสสติกรรมฐาน ประจำใจ นั่นก็หมายความว่า ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า การยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจะให้เกิดความมั่นใจจริง ๆ ก็ต้องมีนิมิตเครื่องหมายว่า เราจะไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธรูปเวลาไหนกันบ้าง
วันนี้ก็ขอแนะนำว่า ก่อนจะหลับ ตอนเย็นงานเลิกแล้วรับประทานอาหารเสร็จพักผ่อนดีแล้ว ก็ตั้งใจบูชาพระพุทธรูปสัก ๑๐ นาที เป็นอย่างมาก ความจริงถ้าจะทำอย่างน้อยแค่ ๒ - ๓ นาที ก็ได้
ขอให้ทำด้วยความตั้งใจจริง ถ้าถามว่าการบูชาทำอย่างไร ก็ขอแนะนำว่าถ้าตั้ง นโม เป็นว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เป็น ว่า อิติปิ โส จบใช้ได้เลย แต่ว่าเวลาว่าตามนั้นให้ตั้งใจว่าด้วยความเคารพ... -
ตรวจศีล (ศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย)
ตรวจศีลข้อ1
ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาดจากโทสะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน
ศีลขาด
คือ เจตนาทำชีวิตสัตว์ให้ตกร่วง และแสดงออกซึ่งอาการโทสะทางกาย เช่น เตะหมา ตีแมว ต่อยคน ประทุษร้ายใครด้วยความโกรธ ฯลฯ (อริยกันตศีลเป็นศีลละเอียดกว่าศีลสามัญญตา)
ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาด้วยโทสะ หรือโกรธ เช่น สั่งฆ่า สั่งทำร้าย หรือพูดกระแทกแดกดัน ยั่วกันด้วยโทสะ ด้วยความไม่ชอบใจ หมั่นไส้ และวาจาใดอันอดมิได้ต่อโทสะภายใน
ศีลด่าง
คือ มีใจโกรธ อึดอัด ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท ถือสาชิงชัง รังเกียจ ไม่ชอบใจหรือปรุงใจเป็นไปด้วยโทสะ (ยังครุ่นคิดแค้น คิดทำร้าย คิดทำไม่ดีไม่งามกับผู้อื่นอยู่)
ศีลพร้อย
คือ มีใจเบื่อ ซึม เซ็ง ซังกะตาย ถดถอย ท้อแท้ ไม่ยินดี โลกนี้เป็นสีเทา (อรติ)
เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโทสะละเบียดเบียนนี้ ซึ่งจะรู้ชัดได้ดี เมื่อมีเมตตาสมาทานอย่างต่อเนื่อง
ตรวจศีลข้อ2
ศีลข้อ 2 อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด... -
การเทียบบารมี โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
การเทียบบารมี บารมีเขาจัดเป็น ๓ ชั้น บารมีต้น ท่านเรียก บารมีเฉยๆ บารมีตอนกลางท่านเรียก อุปบารมี บารมีสูงสุดท่านเรียก ปรมัตถบารมี
ถ้าคนที่มีบารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้นี้จะเก่งเฉพาะทาน กับ ศีล เขาจะทำสะดวกเฉพาะ การให้ทาน กับ การรักษาศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล ๘ อย่างเก่งก็มีกันแค่ศีล ๕ ท่านผู้นี้จะไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าชวนในการเจริญสมาธิทำกรรมฐานท่านบอกทำไม่ได้ กำลังใจไม่พอ หรือจะพูดให้ดีอีกนิดท่านบอกว่าไม่ว่างพอ เวลาไม่มี นี่สำหรับคนที่มีบุญบารมีขั้นต้นจะอยู่กันแค่นี้
ถ้ามีบารมีเป็น อุปบารมี เขาเรียกว่า บารมีขั้นกลาง อุปบารมี นี่พร้อมที่จะทรงฌานโลกีย์ บารมีนี้พร้อมเรื่องฌานโลกีย์นี่ทรงได้แน่ ท่านพวกนี้จะพอใจในการเจริญพระกรรมฐาน แล้วก็พอใจในการทรงฌาน แต่ว่าถ้าจะชวนในขั้นบุกบั่นในวิปัสสนาญาณ ท่านจะบอกว่าไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาธิวิปัสสนาญาณ อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่เข้มแข็งนัก เพราะว่าสมถะกับวิปัสสนาที่แยกกันไม่ได้ ต้องอยู่คู่กัน แต่กำลังด้านวิปัสสนาญาณจะต่ำ จะเข้มแข็งเฉพาะสมถภาวนา แล้วท่านพวกนี้ถึงแม้ว่าจะพอใจในการเจริญกรรมฐาน... -
ทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย
ผู้ถาม หลวงพ่อคะ แล้วอย่างทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย เช่นการสร้างโบสถ์ นี่นะคะ คือไม่ได้ทำทั้งหลังค่ะ ทำเฉพาะประตูไม้ เขามาเรี่ยไรก็ร่วมทำบุญไปกับเขาค่ะ อย่างนี้บุญคงน้อยกว่าการทำบุญทั้งหลังใช่ไหมคะ?
หลวงพ่อ ถ้าเราทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างวิหารสร้างกุฏิ สร้างศาลา ทั้งหมดนี่เราไม่ได้ทำเต็มหลัง คือราคาไม่เต็มหลัง แต่ว่าไม่ใช่เราได้นิดเดียวนะ เราก็ได้เต็มหลัง วิมานจะปรากฏเลย ถ้าเราได้มโนมยิทธิจะสามารถไปเที่ยวได้
ผู้ถาม รู้สึกว่าสมบัติที่เราทำไปมันน้อย ก็คิดว่าบุญคงได้น้อย
หลวงพ่อ สมบัติมันเล็กน้อยก็จริง แต่ว่าอานิสงส์มันไม่เล็กน้อย ก็แบบซื้อล๊อตเตอรี่ใบเดียว ถูกรางวัลที่หนึ่งนะ อย่างทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างอาคาร สร้างส้วม เขาเรียกว่าวิหารทาน อันนี้จัดเป็นบุญสูงสุด
ตัวอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเป็นมาฆมานพ ท่านกับเพื่อนอีก ๓๒ คน ช่วยกันทำศาลาหนึ่งหลัง มีช้างสำหรับลากไม้หนึ่งเชือก มีนายช่างหนึ่งคน เวลาตายไปแล้ว ท่านมาฆมานพก็ไปเป็นพระอินทร์เพื่อนอีก ๓๒ คน ก็ไปเป็นเทวดา มีวิมานคนละหลัง นายช่างไปเป็นวิษณุกรรมเทพบุตร ช้างที่ลากไม้เป็นเอราวัณเทพบุตร... -
เสียงธรรม “ธารณปริตร”สวดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง จะรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด
สวดโดย สมาชิกบอร์ดพลังจิต (KeLBeRos)
ความเป็นมาของพระคาถาธารณปริตร
เมื่อครั้งออกพรรษาปี 2526
พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวก
เจริญรุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือ และชายแดนฝั่งพม่า
เขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ นานเกือบ 3 เดือน
ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน
ได้พบและปรึกษาธรรมปฎิบัติและอื่น ๆ
กับพระอาจารย์รังสรรค์ โชติปาโล
ซึ่งเพิ่งจะธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า
และได้จดจำเอา"พระคาถาธารณปริตร"
จากวัดอรัญตะยา ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่ามาด้วย
เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ
ที่ในประเทศไทยเรายังไม่คุ้นเคย หรือมีปรากฎมาก่อน
จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที
เมื่อพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่จังหวัดลำพูน
ก็ได้นำพะคาถาธารณปริตร บทนี้ ทำวัตรเย็นร่วมกัน ติดต่อกันอยู่ 5 วัน
ก่อนทำเพียรภาวนาทุกค่ำคืน
ได้ปรากฎเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิต
มาชุมนุมและร้องชมเชยสรรเสริญ ชื่นบาน ร่าเริงมาก
ที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญ พระคาถาธารณปริตร อันทรงคุณเป็นเลิศนี้
พระภิกษุกรรมฐานทั้ง 5-6 รูป
ครั้นเจริญพระปริตรที่ห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน
ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์... -
รวม ธรรมะสั้นๆ เข้าใจง่าย ของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น - พระป่าธรรมยุติ etc.
"สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นเป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย"
...เถระวาจาหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ
(ปล.จะพยายาม update เรื่อยๆนะครับ
ที่มา: รวบรวมมาจากหลายๆที่ ฯลฯ) -
เสียงธรรม อิติปิโส 8 ทิศ(คาถายันต์เกราะเพชร)
คาถายันต์เกราะเพชร (อิติปิโส 8 ทิศ)
สวดโดย สมาชิกบอร์ดพลังจิต( KeLBeRoS )
อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง
ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ
ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ
วาโธโนอะมะมะวา อะวิชสุนุตสานุติ
คาถายันต์เกราะเพชรนี้ (อิติปิโส 8 ทิศ) เป็นของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อปานท่าน ศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็น ตัวขอม
-------------------
หน้า 406 ของ 412