คลังเรื่องเด่น
-
เคล็ดการบูชาพระราหูสะเดาะห์เคราะห์และรับโชค(ตำรับหลวงปู่เงิน กตสาโร วัดเกาะแก้ว)
เคล็ดการบูชาพระราหูสะเดาะห์เคราะห์และรับโชค(ตำรับหลวงปู่เงิน กตสาโร วัดเกาะแก้ว)
พระราหูเป็นบรมครูโหราจารย์ในภาคเทวดา มีหน้าที่ควบคุมเวลา คือ อายุ มนุษย์ สัตว์โลก และเทวดาทั้ง ๗ องค์ ที่ประจำทักษาและตรวจตราเยี่ยมเยือนเทวดาทั้ง ๗ นั้นอยู่เสมอ และมีอำนาจสั่งให้ลงโทษ มนุษย์ผู้มีมิจฉาอาชีวะ สนับสนุนพิทักษ์รักษามนุษย์ผู้ประกอบสัมมาอาชีวะ และผู้ตั้งอยู่ ในธรรมห้าประการดังกล่าวแล้ว ผู้ใดจะบูชาพระราหู คือ พระโพธิสัตว์ผู้มุ่งสร้างบารมี เพื่อการ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นองค์ที่ห้า นับจากพระศรีอาริยะเมตตรัย นั้นผู้บูชาจะต้องมีศีลมีธรรมและมีความดี มีคุณธรรมสูง และทำบุญกุศลอยู่เสมอ ความร่ำรวยหรือโชคลาภใหญ่ก็จะเกิดขึ้นได้ เคราะห์ร้ายก็จะหายไปด้วยอำนาจบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ราหู
เนื่องจากในปีนี้(๒๕๖๐) ใครที่เกิดในราศีกรกฎ (17 ก.ค. - 16 ส.ค.) ผู้ที่เกิดในวันดังต่อไปนี้ควรไปบูชาองค์พระโพธิสัตว์ราหู
วิธีบูชาก็ไม่ยากครับ เตรียมเทียนสีผึ้งอย่างดี ๑๒ดอก ธูปหอมอย่างดี ๑๒ดอก ดอกไม้อะไรก็ได้เว้นดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ (ดอกบัวดีที่สุด)๑๒ดอก เงิน๑๒บาท
ไปยังสถานที่ที่มีพระราหุประดิษฐานอยู่... -
คลิปหาดูยากมาก! ภาพและเสียงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ให้พรญาติโยม (ภาพและเสียงสมัยท่านยังไม่ละสังขาร)
คลิปหาดูยากมาก! ภาพและเสียงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ให้พรญาติโยม (ภาพและเสียงสมัยท่านยังไม่ละสังขาร)
หลวงตาม้าบอกว่า เวลาหลวงปู่เวลาให้พรท่านจะให้พรยาวมาก ท่านจะรวมบารมีกำลังทั้งหมดทั้งมวลมารวมกันที่ท่านและแผ่ออกไปให้กับทุกๆคน ผู้เกี่ยวพันเกี่ยวข้อง ผู้ที่ขอความช่วยเหลือและภพภูมิต่างๆ ทั้งสามแดนโลกธาตุ เป็นบุญตา ได้เห็นภาพหลวงปู่ดู่ พระพรหมปัญโญ สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ กราบสาธุ
คำอธิษฐานจิตที่ดีมาก หลังทำบุญสวดเสร็จ อธิษฐานดีเห็นผลรวดเร็ว !
https://www.pageqq.com/en/content/view/page/cntth1/0-1106348.html
Cr. www.youtube.com Chanel ตามรอยหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า พระโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมี และ ช่องของ khunphan1976
------------------------------------
ที่มา
https://www.pageqq.com/en/content/view/page/cntth1/0-1163355.html -
สุจริต ๓ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
สุจริต ๓
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)*
วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม
• สุจริต ตามหลักคำสอนในพุทธศาสนาคือ
การประพฤติดี ประพฤติชอบ ๓ ประการ ได้แก่
๑. ก า ย สุ จ ริ ต ๓
คือ ความสุจริตทางกาย ทำสิ่งที่ดีงามถูกต้องทางกาย ๓ อย่าง
เรียกว่า กายสุจริต ๓ ได้แก่
o ๑.๑ ละเว้นจากการทำลายชีวิต (รักษาศีล ๕ ข้อที่ ๑)
o ๑.๒ ละเว้นจากการลักทรัพย์ แย่งชิงลักขโมย
เอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนทรัพย์สิ่งของ ของผู้อื่นมาเป็นของตน
(รักษาศีล ๕ ข้อที่ ๒)
o ๑.๓ ละเว้น การประพฤติผิดล่วงละเมิดในของรักของหวงแหนของผู้อื่น
ไม่ข่มเหงจิตใจ ข่มขืนกระทำชำเรา
หรือทำลายลบหลู่เกียรติและวงศ์ตระกูลของกัน
(รักษาศีล ๕ ข้อที่ ๓)
๒.ว า จ า สุ จ ริ ต ๔
คือ ความสุจริตทางวาจา พูดสิ่งที่ดีงามถูกต้อง
ประพฤติชอบด้วย วาจาหรือการพูด ๔ ประการ ได้แก่
o ๒.๑ ละเว้นการพูดเท็จ โกหกหลอกลวง หรือพูดให้ผิดจากความเป็นจริง
o ๒.๒ ละเว้นจากการพูดส่อเสียด ยุยง สร้างความแตกแยก
พูดแต่คำที่สมานและส่งเสริมความสามัคคี
o ๒.๓ ละเว้นจากการพูดคำหยาบคาย สกปรกเสียหาย
พูดแต่คำสุภาพนุ่มนวลควรฟัง
o ๒.๔ ละเว้นการพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ ไร้สาระ เลื่อนลอย
ไม่มีเหตุผล... -
เคล็ดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ วัดสระเกศ ในยามที่ดวงตก
สวัสดีครับพี่น้องชาว พุทธคุณ นานๆๆจะมาสักทีนะครับ เหตุจากเคล็ดบางเคล็ดของเว็บพุทธคุณนั้น มันมาจากประสบการณ์จริงเป็นเคล็ดที่นำไปใช้ได้จริงจากผู้รู้ที่ท่านบอกมา บางอย่างก็ต้องใช้จำเอาแล้วค่อยมาเขียนเป็นเคล็ด จึงทำให้ทางผมนานๆๆจะมีเคล็ดเด็ดๆๆมาฝากสักที บวกกับการที่ผมเป็นคนที่พิมพ์อะไร ช้ามาก จึงทำให้นานๆจะมาทีแต่มาแล้วก็ต้องมีเคล็ดดีๆๆมาฝากกันครับ เคล็ดนี้หลวงปู่เงิน กตสาโร ท่านได้แนะนำให้ครอบครัวผมไปทำแล้วเกิดผลชัยมงคลอย่างมากจึงนำมาบอกกันครับ
สำหรับ ปีไก่ นี้ใครที่รู้สึกว่าการงานไม่ดี ติดขัด เกิดโรคภัยไข้เจ็บบ่อย หรือว่าไม่มีกำลังใจในการทำงาน ผมอยากจะแนะนำให้ไปไหว้ วัดสระเกศโดยเฉพาะ ภูเขาทองครับ ซึ่งภูเขาทองนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าของเราครับ ผู้ถึงซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นสรณะย่อมกำตัดภัยได้ครับ แน่นอนว่าไปไหว้แบบธรรมดาไม่ใช่วิธีของพุทธคุณอยู่แล้วแต่ต้องเป็นเคล็ดดีๆ ที่น่ารู้ที่จะนำมาฝากทุกท่านครับ
สำหรับเคล็ดนี้จะเป็นการนำท่านไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุบนภูเขาทอง ขอพรในเรื่องเวลาที่ท่านมีอุปสรรคต่างๆๆในชีวิตครับ
สิ่งของที่ต้องเตรียม
1. ดอกบัว... -
สวยงาม ยิ่งใหญ่ !! "พระพุทธรูป" แกะสลักกลางหน้าผา สร้างขึ้นหลังพบว่ามีผู้คนเสียชีวิตบ่อย
สวยงาม ยิ่งใหญ่ !! "พระพุทธรูป" แกะสลักกลางหน้าผา สร้างขึ้นหลังพบว่ามีผู้คนเสียชีวิตบ่อย
"พระพุทธรูปเล่อชาน" เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในภูเขาเล่อ (เล่อชาน) เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับภูเขาเอ๋อเหมย์เมื่อปี พ.ศ. 2539 "พระพุทธรูปเล่อชาน" เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา และภูเขาเอ๋อเหมย (峨嵋山) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “ภูเขาง้อไบ๊” สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 713-803) เริ่มต้นโดยมีพระชื่อไห่ทงเดินทางมาถึงเสฉวน และพบว่าเขาเล่อชานตั้งอยู่บนทางผ่านของแม่น้ำสามสาย จึงมักเกิดอุบัติเหตุเรือล่มทำให้มีผู้คนเสียชีวิตบ่อย ๆ พระไห่ทงจึงตั้งใจสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นตรงจุดนี้เพื่อให้พระคุ้มครองแก่ผู้เดินทาง
ต่อมา มีชาวพุทธผู้มีจิตศรัทธาใช้ความพยายามและใช้เวลาอีก 90 ปี สร้างพระพุทธรูปองค์นี้จนสำเร็จ พุทธศาสนิกชนจากท้องที่ต่างๆพากันมานมัสการเพื่อความสงบสุขแห่งจิตใจ
ขนาดของพระพุทธรูปมีความสูงกว่า 70 เมตร ไหล่กว้างกว่า 200 เมตร พระเศียรสูงเท่าภูเขา พระบาทวางอยู่ริมแม่น้ำ พระหัตถ์วางบนเข่า พระพักตร์อิ่มเอิบสงบ
เรียบเรียง สิรวีณ์ team... -
"อาตมารู้สึกอยู่ลึกๆว่า อาตมาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนและอาตมาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป" เปิดคำสัมภาษณ์ "พระจูเลียน" จากแคนาดาสู่ใต้ร่มพุทธศาสนา ในไทย
โลกออนไลน์แห่ชื่นชม!! "พระจูเลียน" ปฏิบัติธรรมในป่าเขานาน 17 ปี เผย สัปดาห์หนึ่งออกบิณฑบาตรเพียงไม่กี่ครั้ง เหตุเกรงใจญาติโยม
วันนี้(17ม.ค.) โลกออนไลน์ได้ร่วมกันแชร์ภาพของ "พระจูเลียน" พระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย โดยปฏิบัติธรรมมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี อยู่ในพื้นที่ป่าเขาสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยสัปดาห์หนึ่ง ออกบิณฑบาตรแค่ไม่กี่ครั้ง เหตุเกรงว่าจะไปรบกวนชาวบ้านเลยใช้วิธีหาผักผลไม้ในป่าฉันเป็นอาหารแทน
สำหรับเรื่องราวดีๆดังกล่าวทางด้านเฟซบุ๊คของคุณ "จิมมี่ ป้อมสุวรรณ" ได้นำมาบอกต่อลงในโลกออนไลน์ โดยระบุว่า "ท่านออกบิณฑบาตรอาทิตย์ละประมาณสามสี่ครั้ง เนื่องด้วยเห็นว่าชาวบ้านก็อยู่อย่างลำบากจึงไม่อยากรบกวนมากเกินไป"
"ท่านใช้ชีวิตในป่าเขามาอย่างยาวนาน 17 ปีด้วยความสมถะ โดยกินแต่ผักผลไม้ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย พระจูเลียน หมู่บ้านปูทา หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กราบสาธุ ครับ"
ทั้งนี้หลังเรื่องราวและภาพของพระจูเลียนถูกเผยแพร่ออกไปได้มีชาวสังคมออนไลน์จำนวนมากต่างชื่นชมและร่วมอนุโมทนาบุญกันเป็นจำนวนมาก
ที่มาเฟซบุ๊ค จิมมี่ ป้อมสุวรรณ... -
"พระศรีอาริย์พบพระมาลัยที่จุฬามณี"
ตามปรกติพระศรีอาริย์จะเสด็จมาไหว้พระจุฬามณีในวัน 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ คราหนึ่งเป็นวันพระ 8 ค่ำ ได้พบปะกับพระมาลัยเถระที่นำดอกบัว 8 ดอกมาถวายบูชาพระจุฬามณี เมื่อเสร็จการบูชา พระศรีอาริย์ได้เสด็จมานมัสการพระมาลัยเถระแล้วถามว่า
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ชาวชมพูทวีปเขาทำบุญให้ทาน เขาตั้งความปรารถนาเป็นประการใด”
“ ขอถวายพระพร เขาตั้งปณิธานมีความปรารถนาจะขอพบพระองค์ เมื่อจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า” พระมาลัยตอบ
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ฝูงคนทั้งปวงแต่บรรดาที่ปรารถนาจะพบกับข้าพเจ้านั้น ขอให้อุตสาหะสดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาพระเวสสันดรชาดกให้จบในวันเดียว พึงบูชาด้วยประทีปพันหนึ่ง ฉัตรพันหนึ่ง ธงพันหนึ่ง ดอกบัวหลวง ดอกอุบลเขียว ดอกผักตบ สิ่งละพัน เมื่อกระทำตามนี้ก็จะได้พบกับโยม”
“ ขอถวายพระพร อีกนานสักเพียงใด พระองค์จึงจะได้ตรัส” พระมาลัยถาม
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ในกาลเมื่อถ้วนห้าพันพระวัสสา สิ้นศาสนาพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว สัตว์ทั้งปวงจะมืดมนนักไม่กระทำกุศลเลย มีแต่จะกระทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้า หาหิริโอตตัปปะมิได้ ดุจหนึ่งว่าไก่แลสุนัข ลูกกับแม่ก็จะอยู่กินเป็นสามีภรรยาแห่งกัน... -
อ่านแล้วขนลุก! เผยรายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำอภิมหาภัยพิบัติทำลายโลก ในอีก 4 ปี ข้างหน้า !!!
เมื่อสถาบันระดับโลก !! ออกมาเตือน 160 ประเทศ จมอยู่ใต้น้ำแน่ในปี 2563 ที่สำคัญรวมเมืองกรุงของเราติดโผด้วยด้วย!!
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ชาวโซเชี่ยลให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เมื่อสถาบันระดับโลกอย่างสถาบันเวิลด์วอท ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ทำการศึกษาวิจัยสภาพแวดล้อมจากทั่วโลก พบว่า เมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำ ทะเลที่สูงขึ้นและพิบัติภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก พบว่า เมืองชายฝั่ง 21 แห่ง จากทั้งหมด 33 นั่นมีกรุงเทพมหานครรวมอยู่ด้วย
สอดคล้องกับโครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI (Geodetic Earth Observation Technologies for Thailand : Environmental Change Detection and Investigation) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุ ออกมาเปิดเผยผลวิจัย ว่า ประเทศไทยโดยรวมจะมีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ส่วนแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลงปีละ 15 มม.
ด้าน รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ กรรมการภูมิศาสตร์โลก และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต... -
การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2560 (ปีระกา ธาตุทอง บางตำราให้เป็น ปีระกา ธาตุไฟ)
การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2560 (ปีระกา ธาตุทอง บางตำราให้เป็น ปีระกา ธาตุไฟ)
องค์ไท้ส่วย ประจำปี 2560 นี้ ทรงนามว่า "องค์ถั่งแช้ไต่เจียงกุง" ซึ่งองค์ไท้ส่วย หรือเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา นี้เป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยดูแลชะตาชีวิตของผู้คนในแต่ละปี
ซึ่งในรอบ 60 ปี จะมีเทพเจ้า องค์ไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี รวมทั้งสิ้น 60 องค์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือเฝ้าปี อยู่ ซึ่งแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณ ดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ ทุกข์ภัย หรือให้โทษแก่ผู้ใด ก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีเคราะห์ หรือพื้นดวงชะตาตก ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่น สมหวัง ท่านก็จะช่วยปัดเป่า เคราะห์ภัย บังเกิดแต่ความเป็นศิริมงคล มาสู่ตัวท่านและครอบครัว
ประเพณีการไหว้ฝากดวงชะตาต่อองค์ไท้ส่วย ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ของจีน(ตรุษจีน) ของทุกๆปี ก็เพื่อให้ท่านที่มีพื้นดวงดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนใครที่มีพื้นดวงไม่ค่อยดี ก็จะช่วยขจัดปัดเป่า ผ่อนหนักเป็นเบา แก้ร้ายเป็นดี และโดยเฉพาะท่านที่มีปีเกิดไปชงหรือทับกับองค์ไท้ส่วย ซึ่งในแต่ละปีจะแตกต่างกันออกไป... -
"ทำไม? จึงมีวิญญาณติดตาม!!!"
บางคนอาจจะเคยเจอมาบ้างแล้ว...และบางคนอาจจะไม่รู้ตัวว่าโดนตาม..ที่แน่ๆร้อยทั้งร้อยต้องโดนตามแน่ๆต่างกันที่..รู้ตัว..หรือ..ไม่รู้ตัว
การที่เราไปต่างสถานที่..อย่างที่เรารู้กันดีว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นักกับเรื่องผีๆ อย่าว่าแต่ต่างสถานที่เลย..บางเคสแค่หน้าบ้านตัวเองก็โดนแล้ว
ถามว่า:ทำไมเราถึงโดนตาม
คำตอบ:...เคสที่1.มาขอส่วนบุญ(คำตอบยอดฮิต)
...............เคสที่2.เกิดถูกชะตา(ถูกสเป๊ค)เลยตามมา
...............เคสที่3.ให้ช่วยเพราะถ้าผีรู้ว่าใครที่มองเห็นเค้า..ก็จะตามมากันเป็นพรวน
*ยกตัวอย่างว่า..."ผีก็เหมือนขอทาน"..ที่นั่งขอโดยที่ไม่มีใครสนใจ..(เพราะคนธรรมดาๆจะมองไม่เห็น)
แต่ถ้าวันนึงคุณไม่ธรรมดา..ดันมองเห็นผี..และมองจ้องไปที่เค้า(อาจจะด้วยความสงสัย) ผีก็จะรู้ทันทีว่าคุณน่ะเห็นเค้า..ช่วยเค้าได้..ก็เลยตาม
.............เคสที่4.อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมา..พอเราผ่านไปแถวๆที่เค้าอยู่..เค้าจำเราได้ก็เลยเกาะติดมา
............เคสที่5.ปากเราเอง...ระวังการเรียกใครกลับบ้านรึไปไหน... -
เล่าเรื่องเมืองโลกทิพย์
คนเราเกิดมาอาจจะแตกต่างกัน บางคนสัมผัสอะไรไม่ได้เลย แต่บางคนอาจจะสัมผัสได้ รับรู้ได้ การรับรู้เรื่องราวที่สัมผัสได้นั้น คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเล่าให้คนอื่นๆได้ฟัง ได้รับรู้
ด้วยเหตุผลนานานับประการ เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับสถานที่สำคัญในพุทธศาสนา ก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่าอยากสื่อให้กับบุคคลทั่วไป ที่สัมผัสไม่ได้ อาจจะประโยชน์
เพราะการรู้บ้าง ย่อมดีกว่าไม่รู้อะไรเลย -
ทำไมต้องสวดมนต์ ? สวดแล้วได้อะไร ?
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราต้องสวดมนต์ใช่ไหม...วันนี้ มีคำตอบ...
สิ่งที่ได้แน่ๆจากการสวดมนต์ คือ บุญ เป็นบุญที่เราทำได้ง่ายๆทุกวัน ไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อที่จะได้บุญมา เพียงแค่ท่านแบ่งเวลาในแต่ละวัน เช่น ก่อนนอน เพียง5-10นาที ท่านก็จะได้บุญเเละได้รับสิ่งดีๆจากการสวดมนต์มากมายเเล้ว
หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลาสวดบ้างละ ไม่จำเป็นบ้างละ หรือแม้แต่เสียเวลาบ้างละ
แต่! ทำไมท่านไม่ลองคิดบ้างละว่า คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญ แล้วการงานที่ทำในแต่ละวัน ที่ท่านใช้ชิวิตอยู่นั้น ท่านได้สร้างบุญบ้างหรือยัง? ในแต่ละวันท่านมีเวลาทำสิ่งต่างๆมากมาย ที่มีประโยชน์บ้าง ไร้สาระบ้าง ท่านมีเวลาทำสิ่งเหล่านี้ แล้วทำไมท่านจะสละเวลาเพียงน้อยนิดเพื่อมาสร้างสิ่งดีๆ สิ่งที่คนเราเกิดมาเพื่อมาสร้างบุญ แค่การสวดมนต์ไม่ได้ล่ะ เราไม่รู้ว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไร แล้ววันนี้ท่านมีบุญสะสมไว้มากพอหรือยัง ถ้าหากท่านรอจะทำบุญเมื่อตอนที่ท่านรวย แล้วเมื่อไหร่ท่านจะได้ทำ ทำไมท่านไม่หมั่นสร้างบุญสะสมบุญด้วยการสวดมนต์ ทุกวันๆ ทั้งๆที่ การสวดมนต์นั้นจะทำให้ท่านได้รับสิ่งดีๆเหล่านี้.....
1.... -
สองอย่างที่ควรรีบทำในโลก
สองอย่างที่ควรรีบทำในโลก
๑.ความกตัญญู ควรรีบทำต่อพ่อแม่ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
๒.ความดี ควรรีบทำวันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้ เราอาจไม่มีโอกาสได้ทำ
***************************
ธรรมะจากภาพจีน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=30384&sid=e0aaba368c59fcdba7d5cb52edbb5e80 -
วรธรรมคติ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
ความคิดเอาเอง กับ ความเห็นจริงเพราะมีสติพิจารณาด้วยปัญญา ไม่เหมือนกัน
ความคิดเอาเองแม้บางทีอาจจะถูกต้องได้ แต่เป็นการบังเอิญ
แต่ความเห็นจริงเพราะมีสติพิจารณาด้วยปัญญาจะถูกต้องเสมอ ไม่เป็นการบังเอิญ
พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้สติ ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความจริงทุกอย่าง ไม่ได้สอนให้คิดเอาเอง
พุทธศาสนิกผู้เครพในพระพุทธองค์ จึงควรต้องเคารพปฏิบัติตามที่ทรงสอนนี้ด้วย
สิ่งที่มีค่ากว่าเงินทอง พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวรฯ
ขอบคุณบทความจาก แสงธรรมส่องใจ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35413 -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๕ เดือนมกราคม ๒๕๖๐
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๕
เดือนมกราคม ๒๕๖๐
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๔ เดือนธันวาคม ๒๕๕๙
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๔
เดือนธันวาคม ๒๕๕๙
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๓ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๓
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกไว้...สวดมนต์ในใจกับออกเสียง...แบบไหนได้อานิสงส์มากกว่า?
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกไว้...สวดมนต์ในใจกับออกเสียง...แบบไหนได้อานิสงส์มากกว่า?
มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งได้ถามหลวงพ่อฤๅษีลิงดำว่า “หลวงพ่อคะสวดมนต์แบบในใจกับแบบออกเสียง...อานิสงส์เท่ากันไหมคะ?”
หลวงพ่อท่านเมตตาบอกไว้ว่า
“ไม่เท่าหรอกเพราะมันเหนื่อยไม่เท่ากัน ... อานิสงส์ถ้าแปลตามความหมายแปลว่าผลที่จะพึงได้รับลีลาการสวดมนต์ในใจก็ไม่แน่สุดแท้แต่คนบางคนนึกในใจจิตเขาฟุ้งซ่านใช่ไหมบางคนออกเสียงเหนื่อยเกินไปในใจดีกว่าก็รวมความว่าสุดแล้วแต่ทำอย่างไหนจิตจะมีสมาธิดีกว่ากันบางคนนึกในใจไม่ได้หรอกจิตฟุ้งซ่านต้องว่าออกเสียงดังๆถ้าอย่างหลวงพ่อออกเสียงดังไม่ดีนึกในใจดีกว่าก็สุดแล้วแต่คนนี่ผลก็ต้องอยู่ที่ว่าคนใดจิตมีสมาธิดีกว่าและสวดมนต์ได้ดีกว่ากันต้องถือตามนั้นนะ”
“การสวดมนต์มีอานิสงส์ใหญ่สวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่อานิสงส์ใหญ่จริงๆอยู่ที่เจตนาจิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้าพระธรรมและพระอริยสงฆ์จริงและเวลาสวดสวดด้วยความเคารพจริงถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ถ้าสวดว่าเรื่อยเปื่อยไปไม่ได้ตั้งใจว่าส่งเดชอย่างนี้ว่ามากก็มีอานิสงส์น้อย”
จากหนังสือ “หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม” ฉบับพิเศษเล่ม๔หน้า๕๘-๖๑โดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง... -
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำถวายคำแนะนำเรื่องศีลแก่ในหลวงรัชกาลที่ ๙!! "ในบรรดาศีล ๕ มีเพียง ๒ ข้อเท่านั้น...ที่หลวงพ่อปานต้องการจากทุกคน"
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำถวายคำแนะนำเรื่องศีลแก่ในหลวงรัชกาลที่ ๙!! "ในบรรดาศีล ๕ มีเพียง ๒ ข้อเท่านั้น...ที่หลวงพ่อปานต้องการจากทุกคน"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
บรรดาประชาชนทั้งหลายทุกคน ถ้าต่างคนต่างรักษาศีล ๕ ครบถ้วน บ้านเมืองจะมีความสุข เรื่องศีล ๕ นี่เป็นของยาก คนเขาไม่ค่อยจะเห็นคุณเห็นโทษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...พระ พระนี่เมื่อมีความผิดแล้วก็มีอาบัติเป็นเครื่องปรับ แต่คนเขาขาดศีล ๕ ไม่มีอาบัติเป็นเครื่องปรับ เป็นของยากที่จะให้คนเห็นโทษเห็นคุณในการรักษาศีล ๕
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ :
หลวงพ่อปานท่านไม่ต้องการให้คนละศีล ๕ หลวงพ่อปานต้องการอย่างเดียวคือ ให้คนละศีล ๒
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
(ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสถาม) ศีล ๒ มีอะไรบ้างขอรับ ?
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ :
ศีล ๒ ที่หลวงพ่อปานต้องการ นั่นก็คือ
๑. อทินนาทาน ต้องการให้คนไม่ลัก ไม่ขโมย ไม่คดโกงซึ่งกันและกัน ยอมรับนับถือในสิทธิสมบัติซึ่งกันและกัน
๒. หลวงพ่อปานต้องการให้คนละการดื่มสุราและเมรัย
ศีล ๒ ของหลวงพ่อปานนี้ มีความสำคัญมาก เพราะในอันดับแรก ถ้าทุกคนไม่คดโกงซึ่งกันและกันแล้ว สุขมันก็จะมีมากขึ้นมามาก... -
คุณกำลังดึงดูดอะไรเข้ามาในชีวิต?
The Law of Attraction “กฎของการดึงดูด” มีอยู่ว่า “สิ่งที่เหมือนกัน ดึงดูด สิ่งที่เหมือนกัน” คลื่นพลังงานอะไรก็แล้วแต่ที่ใกล้เคียงกันจะดึงดูดกัน
ทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคลื่นพลังงานทั้งสิ้น เราคงไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น เรามองไม่เห็นกระแสไฟฟ้าด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเรากดสวิชไฟ ความสว่างก็จะปรากฏขึ้นมาให้เราเห็น เรามองไม่เห็นหรือไม่ได้ยินคลื่นเสียง แต่เมื่อเราเปิดวิทยุ ก็จะมีเสียงโผล่ออกมา เรามองไม่เห็นคลื่นพลังงานอีกหลายๆ อย่าง แต่มันก็มีอยู่จริง เช่น คลื่นของโทรศัพท์มือถือ คลื่นของอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ดังนั้นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่
มีศาสตร์อีกหลายแขนงที่บอกว่า “ความคิดของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่ง” ทุกครั้งที่เราคิด มันก็จะส่งคลื่นพลังงานออกไป เคยมีไหมที่เราคิดถึงใครบางคน ต่อมาไม่นานนัก เขาก็จะโทรมาหาหรือมีโอกาสได้เจอกัน เจอเรื่องแบบนี้บ่อยมากๆ
เวลาที่เราคิด เราได้ปล่อยคลื่นพลังงานออกไปในจักรวาลแล้ว ไม่ว่าเราคิดอะไร เราก็จะได้สิ่งนั้น โลกภายนอกจะปรากฏกับเราเป็นอย่างไร... -
ปิดรับบริจาค ขอเชิญร่วมถวายมหาสังวาลจักรพรรดิ์ พระประธานวัด หลวงปู่ปาน หลวงพ่อจง หลวงพ่ออินแปลง วันมาฆบูชา 2560
ปิดรับบริจากแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
เนี่องในวันมาฆบูชาที่จะมาถึงนี้ โตและคณะได้ขออนุญาตพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่วัดบางนมโค(วัดหลวงปู่ปาน) วัดหน้าต่างนอก(หลวงพ่อจง) วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร (หลวงพ่ออินแปลง) เพื่อถวายมหาสังฆฏิแก้ว(สไบทิพย์)พร้อมมหาสังวาลจักรพรรดิ์แก้ว ถวายพระประธานในพระอุโบสถ และจะนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาสวดชยันโตให้พรและเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และบูชาคุณความดีบูรพจารย์ที่เคารพ มี(องค์หลวงปู่ปาน) (องค์หลวงปู่จง)เป็นต้น จึงขอเรียนเชิญญาติธรรมทั้งหลายที่อยากจะร่วมบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ ในวันมาฆบูชา โดยเริ่มจาก
1.วัดบางนมโค
2.วัดหน้าต่างนอก
3.วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร
ขอกราบโมทนากับทุกๆท่านเป้นอย่างยิ่ง สาธุ สาธุ สาธุ
ปิดรับบริจากแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ -
ปิดรับบริจาค ขอเรียนเชิญสร้างห้องน้ำบน "หลุบเหลา" ถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
**ขอปิดกระทู้รับบุญห้องน้ำ **
ขอเชิญร่วมสร้างห้องสุขาจำนวน 3 ห้อง (สุขาส่วนนี้ของพระและเณร)
และเพิ่มส่วนของโยม ในอีกด้านหนึ่งจำนวน 4 ห้อง รวมเป้นทั้งหมด 7 ห้อง
บริเวณหลุบเหลา ใกล้ศาลาภัตตกิจ
ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
•วัตถุประสงค์ในการสรัาง•...
เนื่องจากปัจจุบัน "บริเวณหลุบเหลา" ตรงศาลาภัตตกิจ
ยังไม่มีห้องสุขา
เมื่อมีผู้เดินทางมาถึงบริเวณตรงนี้ มีความต้องการถามถึงห้องสุขาบ่อยครั้ง
ด้วยบริเวณหลุบเหลาเป็นเขตปฏิบัติเพื่อภาวนาแบบวิเวก
จึงทำให้ห่างไกลจากห้องสุขาพอสมควร
ดังนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างไว้รองรับ
สำหรับญาติโยม 4 ห้องและสำหรับพระภิกษุสามเณร 3 ห้อง
เพื่อให้การปฏิบัติภาวนาไม่ติดขัดและอำนวยความสะดวกให้กับฆราวาสญาติโยมทุกท่าน
ที่มีความเพียรเดินขึ้นมาภาวนาหาที่วิเวก
หากการสร้างห้องสุขาครั้งนี้สำเร็จ จักเป็นประโยชน์
ต่อทุกท่านที่มาร่วมประพฤติปฏิบัติธรรม
ณ บริเวณหลุบเหลา
ขอให้ทุกท่านที่ได้ร่วมสมทบทุนในการสร้างห้องสุขา
โปรดได้รับผลบุญในครั้งนี้
ขออาราธนาบารมีรวมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ พระมหาจักรพรรดิทุกพระองค์... -
ประวัติพระครูปลัดเมตตา
กว่าที่จะได้ประวัติท่านพ่อมาบันทึกและเรียบเรียงไม่ใช่เรื่องงาย ด้วยเพราะท่านพ่อไม่ค่อยเล่าเรื่องราวต่างๆให้ใครต่อใครฟังมากนัก ต้องอาศัยความพยายามในการจดบันทึก ในแต่ละตอนแล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ หากเกิดความกังขาหรือสงสัยในตอนใดก็จะหาโอกาส ถามความชัดเจนจากท่านพ่อเอง ก่อนอื่นต้องขอบอกกับผู้อ่านทุกท่านว่าเป็นบทความที่ผู้เขียน บันทึกและเรียบเรียงขึ้นเอง ในบางตอนอาจไม่ชัดเจน ด้วยท่านพ่อได้บอกว่า บางอย่างพ่อไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก ด้วยเหตุผลต้นกรรม หรือวิบากกรรม กรรมลิขิตไว้ พ่อเป็นพระบ้านนอกไม่ได้เรียนหนังสือ ถ้าลูกๆได้รู้ ได้เห็นเหมือนที่พ่อได้รู้ ได้เห็น ก็จะเข้าใจพ่อมากขึ้น แต่ผู้เขียนพอที่จะจับต้นชนปลายในประวัติของท่านพ่อได้ดังนี้ ท่านพ่อเล่าว่า.
โยมมารดาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะตั้งครรภ์นั้นท่านได้ฝันว่า หลวงพ่อถวิน สุวรรณโชติ พระเกจิคณาจารย์สายกรรมฐานแห่งวัดศรีแก้วได้นำเอาแหวนมาให้แก่ท่าน ท่านจึงรับเอาด้วยความตื้นตันใจ พอตื่นขึ้นท่านได้นึกถึงนิมิตนี้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วมีความรู้สึกว่าตนเองได้ตั้งครรภ์ เป็นแน่แท้ หลังจากนั้นเป็นระยะเวลา ๑๐ เดือนเต็ม... -
“รอดตายเพราะสวดมนต์” เรื่องเล่า อานิสงส์ของการสวดมนต์ที่เกิดขึ้นจริง
คุณเชื่อเรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหม
เรื่องราว อานิสงส์ของการสวดมนต์ ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ คุณวิชาญ ฤทธิรงค์ อดีตประธานชมรมพุทธศาสตร์ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยกิจกรรมของชมรม ที่มีการนิมนต์พระสงฆ์มาเทศนา และสอนวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สัปดาห์ละ1 – 2 ครั้ง หลังเลิกงาน คุณวิชาญจึงไม่ลืมที่จะนำแนวทางแห่งพุทธศาสนา มาปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน นั่นก็คือ การสวดมนต์
คุณวิชาญเริ่มฝึกการสวดมนต์ภาวนา ด้วยการสวดบทพาหุงและบทอิติปิโส ในจำนวนครั้งเท่ากับอายุตัวเองบวกหนึ่งจนจบ จากนั้นต่อด้วยบทแผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เคยโกรธเกลียดกันมาก่อน ยิ่งไม่ชอบหน้ากันมากเท่าไร คุณวิชาญก็ยิ่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขามากขึ้นเท่านั้น
ผลของการสวดมนต์ ไม่เพียงทำให้คุณวิชาญได้รับความเมตตาจากคนที่เขาเคยโกรธ เคยไม่ชอบหน้าเท่านั้น ทว่าอานิสงส์ของการสวดมนต์ ยังส่งผลไปถึงลูกสาวของคุณวิชาญที่อยู่ไกลถึงรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเริ่มขึ้นจากวันหนึ่งลูกสาวคุณวิชาญโทรศัพท์มาจากอเมริกา เพื่อขอให้ผู้เป็นพ่อซื้อรถยนต์ให้ใช้ขณะอยู่ที่นั่น... -
กราบสาธุ!! "หลวงปู่หนูอินทร์" เกจิดังอีสาน อวยพรปีใหม่2560 ทุกประโยคนับเป็นมงคลชีวิต!!
กราบสาธุ!! "หลวงปู่หนูอินทร์" เกจิดังอีสาน อวยพรปีใหม่2560 ทุกประโยคนับเป็นมงคลชีวิต!!
วันที่ 30 ธันวาคม 2559 พระราชศีลโสภิต (หลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ขออำนวยอวยพรให้พุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ได้ใช้หลักธรรมะของพระพุทธเจ้า คือศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพราะเมื่อทุกคนยึดถือปฏิบัติ โดยมีศีล สมาธิ ปัญญา แล้ว ก็จะมีสติ รอบรู้ ใคร่ครวญ ทำให้ไม่ประมาท โดยเฉพาะไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต คือไม่ประมาทในวัย ทั้งปฐมวัย มัชฌิมวัย และปัจฉิมวัย
ปฐมวัยคือวัยเด็ก เป็นวัยที่ต้องศึกษาหาความรู้ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน มัชฌิมวัยคือวัยกลางคน ซึ่งเป็นวัยทำงาน ประกอบสัมมาชีพโดยสุจริต เพื่อสร้างหลักฐานให้ครอบครัวมีความมั่นคง และปัจฉิมวัย คือวัยสูงอายุให้รู้จักเข้าวัด หมั่นทำบุญ ให้ทาน ดังนั้นในโอกาสต้อนรับปีใหม่ จึงขออำนวยอวยพรให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยม ศิษยานุศิษย์ ประชาชนชาวไทย ปราศจากสิ่งไม่ดี ละเว้นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ที่จะเป็นแนวทางสร้างความสุข... -
เมื่อพระพุทธเจ้าสอนเด็ก
เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวนาราม ใกล้กรุงสาวัตถี โกศลรัฐ เช้าวันหนึ่งเสด็จออกบิณฑบาตทอดพระเนตรเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังตีงูด้วยท่อนไม้ ตรัสถามว่า “ทำอะไรกัน” “งูพระเจ้าข้า กำลังตีด้วยท่อนไม้” “เพราะเหตุอะไร” “เพราะกลัวจะกัดพระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนแปลความว่า “ผู้ที่แสวงหาสุขเพื่อตน เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายที่รักสุขด้วยท่อนไม้ ต่อไปย่อมไม่ได้สุข ส่วนผู้ที่แสวงหาสุขเพื่อตน ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายที่รักสุขด้วยท่อนไม้ ต่อไปย่อมได้สุข” เด็กกลุ่มนั้นฟังเข้าใจซาบซึ้ง เลิกเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายโดยเด็ดขาดตั้งแต่นั้นมา
- เด็กวัด 26 พุทธศตวรรษ - -
วิธีทำบุญให้เป็นฌานแบบง่ายๆก่อนหลับและหลังจากตื่นนอนใหม่ๆ
ก่อนจะหลับทำบุญเสียหน่อย ตั้งใจเอาเงินใส่ในภาชนะนั้นเก็บไว้ คิดว่าเราจะถวายพระเป็นค่าภัตตาหารก็ได้ เป็นวิหารทานก็ได้ เป็นธรรมทานก็ได้ หรือสร้างพระพุทธรูปก็ได้ตามใจชอบ แต่ก่อนที่จะใส่ถ้าว่าคาถาวิระทะโยเป็นก็ว่าไป ถ้าไม่ว่าก็นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ หรือพระปัจจเจกพุทธเจ้า ถือว่าเวลานั้นจิตของท่านเป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นอนุสสติใหญ่ การคิดว่าจะเอาสตางค์ใส่ในบาตรหรือใส่ในกระป๋อง คิดว่าจะใส่ อันนี้เป็นจาคานุสสติกรรมฐาน เป็นทาน การใส่อย่างนั้นเป็น ทานบารมี
บรรดาท่านพุทธบริษัท การทำเพียงแค่นี้ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททำทุกวันอย่างนี้ อาตมาขอยืนยันว่าทุกคนนี่ลงนรกไม่ได้ ถ้าเรามีการเริ่มต้นอย่างนี้ หากว่าญาติโยมจะถามว่าทุกคนต้องการไปนิพพาน ทำจิตถ้าเป็นฌานอย่างนี้พื้นฐานใหญ่ ถ้าหากว่านอนหลับตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ ถ้าเราหวังนิพพาน สำหรับท่านที่ได้มโนมยิทธิ อย่าลืมพุ่งใจตรงไปนิพพานทันที แล้วก็ตั้งใจว่าถ้าตายเมื่อไรขอมาที่นี่จุดเดียว อย่างนี้ไปนิพพานแน่
ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทปฏิบัติแบบ สุกขวิปัสสโก เมื่อหลับตื่นขึ้นมาหายเหนื่อยแล้ว ก็รวบรวมกำลังใจจะนอนอยู่แบบนั้นก็ได้... -
ธรรมทานนี้เลิศกว่าทานทั้งหลาย
การแสดงธรรมบ่อย ๆ แก่บุคคลผู้เงี่ยหูลงรับฟัง
นี้เลิศกว่าพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก
การชักชวนผู้ไม่มีศรัทธาให้ตั้งมั่นทรงไว้
ได้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
ชักชวนผู้ละเมิดศีลให้ตั้งมั่นทรงไว้
ได้ถึงพร้อมด้วยศีล
ชักชวนผู้ไม่อยากให้ให้ตั้งมั่นทรงไว้
ได้ถึงพร้อมด้วยการให้ปัน
ชักชวนผู้มีปัญญาทรามให้ตั้งมั่นทรงไว้
ได้ถึงพร้อมด้วยปัญญา
นี้เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย
(เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ภาษาไทยฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ “พลสูตร” ข้อที่ ๒๐๗)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=36372 -
ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่
ตราบใด ยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้น ก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง
พวกมนุษย์ผู้อ่อนปัญญาไม่เห็นอริยธรรม สนทนาถกเถียงกันทั้งวันทั้งคืน แต่ในเรื่องที่ว่า เงินของเรา ทองของเรา
ผู้ถึงธรรมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ดำรงอยู่ด้วยสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ฉะนั้น ผิวพรรณจึงผ่องใส
มัวเศร้าโศกอยู่ก็ซูบผอมลง อาหารก็ไม่อยากรับประทาน ศัตรูก็พลอยดีใจในเมื่อเขาถูกลูกศรแห่งความโศกเสียบแทงย่ำแย่อยู่
ชนทั้งหลายผู้ยังอ่อนปัญญาเฝ้าแต่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง และ หวนละห้อยถึงความหลังอันล่วงไปแล้ว จึงซูบซีดหม่นหมอง เสมือนต้นอ้อสดที่เขาถอนขึ้นทิ้งไว้ในกลางแดด
ผู้ใดพอใครถามถึงทุกข์ของตน ก็บอกเขาเรื่อยไปทั้งที่มิใช่กาลอันควร ผู้นั้นจะมีแต่มิตรชนิดเจ้าสำราญ ส่วนผู้หวังดีต่อเขาก็มีแต่ทุกข์
ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม... -
เหตุที่บรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อฟังธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า
เรื่อง "เหตุที่บรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อฟังธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า"
(โอวาทธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงเคยได้ทราบเรื่องของพระสาวกบางรูปมาแล้วว่า ท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลในขณะที่ท่านนั่งฟังพระธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์นั่นเอง แล้วท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมท่านจึงสำเร็จง่ายดายนัก ท่านไม่ได้เจริญ ฌาน-สมาธิ-วิปัสสนา และมรรค ๘ บ้างหรือ
หากท่านตั้งใจคิดและพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมแล้ว คงจะเห็นชัดด้วยใจของตนเองว่า ท่านเหล่านั้นในขณะนั้นท่านไม่ได้เจริญฌาน หรือหากบางท่านจะเคยได้เจริญฌานมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ในขณะที่ท่านนั่งฟังพระธรรมเทศนาอยู่นั้น ท่านไม่ได้เจริญฌาน ท่านเจริญสัมมาทิฏฐิ อันมีสัมมาสมาธิเป็นรากฐาน คือดำเนินตามองค์มรรค ๘ ทีเดียว มีวิปัสสนาคือ พระไตรลักษณญาณเป็นผู้อุดหนุน
หากจะมีความสงสัยว่าสมาธิในขณะนั้นจะมีได้อย่างไร ขอเฉลยไว้ ณ โอกาสนี้เลยว่า สมาธิ ไม่ต้องดับรูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส เหมือนฌาน แต่สมาธิจะยึดเอาอารมณ์ทั้ง ๖ นั่นแหละมาเป็นเครื่องพิจารณาจนเห็นอารมณ์ทั้ง ๖ นั้นชัดตามเป็นจริงว่า อายตนะ ๖ มีตาเป็นต้น...
หน้า 398 ของ 412