คลังเรื่องเด่น
-
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน วัวธนูไม้ไผ่
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน วัวธนูไม้ไผ่สาน(โคสวาลา)ของดีกันภูติผีแห่งดินแดนล้านนา
มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้จาริกแสวงบุญไปตามสถานที่ทุรกันดาร วันหนึ่งได้สัญจร (เดินทาง) เข้าไปในราวป่าปราศจากบ้านผู้คน ขณะนั้นดวงตะวันคล้อยต่ำลงจะลาลับขอบฟ้าอยู่แล้ว ได้มีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าท่าน จึงมุ่งหน้าเดินตรงไปหาปรากฏเป็นภาพของพระอุโบสถกลางป่าแห่งหนึ่งแต่อยู่ไกลลิบ ซึ่งในระหว่างทางได้พบชายนุ่งขาวห่มขาวอยู่ผู้หนึ่งเดินสวนมา และขอติดตามท่านไปด้วยในลักษณะความเป็นห่วงเป็นใย และเมื่อเดินไปได้สักพัก เห็นต้นไผ่ป่าโน้มลำต้นขวางทาง ชายแก่ผู้ที่ได้ร่วมเดินทางมากับพระธุดงค์นั้นได้ใช้มือล้วงลงไปในย่ามหยิบมีดหมอออกมาเล่มหนึ่งแล้วลงมือตัดฉับเดียวต้นไผ่ก็ขาดออกจากกัน
จากนั้นก็รีบขมีขมันจัดการแยกชิ้นส่วนเป็นไม้ตอกได้กำใหญ่ พลางเดินไปสานไปเมื่อสานเสร็จก็บรรจุในย่ามที่ใช้สะพายอยู่ติดตัว พอไปถึงจุดหมายปลายทางเห็นเป็นพระอุโบสถที่ทรุดโทรมลักษณะคล้ายจะรกร้างมานานปี ส่วนด้านหลังพระอุโบสถเป็นศาลาหลังเล็กค่อนข้างผุหลังคาโหว่และเห็นพระภิกษุชุมนุมกันอยู่ด้วยกันสี่รูป... -
ธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน
สฬายตนวิภังคสูตร
[๘๒๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมอันเนื่องด้วยอายตนะ ๖ มากมายแก่เธอทั้งหลาย พวกเธอจงฟังธรรมนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้วพระพุทธเจ้าข้า ฯ
[๘๒๖] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อไม่รู้ไม่เห็น จักษุ ตามความเป็นจริง เมื่อไม่รู้ไม่เห็น รูป ตามความเป็นจริง เมื่อไม่รู้ไม่เห็น จักษุวิญญาณ ตามความเป็นจริง เมื่อไม่รู้ไม่เห็น จักษุสัมผัส ตามความ เป็นจริง เมื่อไม่รู้ไม่เห็น ความเสวยอารมณ์ เป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ตามความเป็นจริง
ย่อมกำหนัดในจักษุ กำหนัดในรูป กำหนัดในจักษุวิญญาณ กำหนัดในจักษุสัมผัส กำหนัดในความเสวยอารมณ์ เป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม... -
สัมมาทิฐิย่อมโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพาน
ทารุขันธสูตร
[๓๒๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคาแห่งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง อันกระแสน้ำพัดลอย มาริมฝั่งแม่น้ำคงคา แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย เห็นหรือไม่ ท่อนไม้ใหญ่โน้นอันกระแสน้ำพัดลอยมาในแม่น้ำคงคา ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่อนไม้จะไม่เข้ามาใกล้ฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น จักไม่ จมเสียในท่ามกลาง จักไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับเอาไว้ ไม่ถูกน้ำ วนๆ ไว้ จักไม่เน่าในภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ท่อนไม้นั้นจักลอยไหลเลื่อนไปสู่สมุทรได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า กระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคาลุ่มลาดไหลไปสู่สมุทร ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่านทั้งหลายจะไม่แวะเข้าฝั่งข้างนี้หรือฝั่งข้างโน้น ไม่จมลงในท่ามกลาง ไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนๆ ไว้ จักไม่เป็นผู้เสียในภายใน ไซร้ ด้วยประการดังกล่าวมานี้ ท่านทั้งหลายจักโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพาน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า สัมมาทิฐิย่อมโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพาน... -
ปิดการแจก มอบให้ฟรีหลวงปู่ทวดขนาดห้อยคอกับข้าราชการทหาร-ตำรวจ ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ วัดสุขโขวนาราม
(อาจมีประโยชน์กับผู้ที่ท่านรู้จัก)
มอบให้ฟรีหลวงปู่ทวดขนาดห้อยคอ
ให้กับข้าราชการทหาร-ตำรวจ
ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น
กรุณาตั้งสติก่อนขอ
เพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับข้าราชการที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่
เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และเพื่อปกปักษ์รักษาให้ทุกท่านแคล้วคลาดรอดพ้นจากภัยอันตราย
ต่างๆที่ไม่เกินกฏของกรรมได้รับความเมตตาอธิษฐานจิตโดย
หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญญาคโม
จากวัดสุขโขวนารามต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
แจ้งชื่อ-ที่อยู่ในเพจของวัดสุขโขวนารามได้เลยครับจัดส่งฟรี -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ตำรับการสร้างวัวธนูสัตว์พยนต์ผู้รักษาเจ้าของ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ตำรับการสร้างวัวธนูสัตว์พยนต์ผู้รักษาเจ้าของ
นั้น...จากคัมภีร์ใบลานที่เป็นแบบแผนการสร้างในยุคปัจจุบันได้จารึกไว้ว่า เป็นตำรับที่สืบทอดมาแต่สมัยกรุง
ศรีอยุธยา ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คัมภีร์ใบลานเกี่ยวกับการสร้างวัวธนูนี้ มีข้อน่าสังเกตอยู่ว่า จารไว้ด้วยภาษาขอม ลาว
อันปรากฏว่าครั้งหนึ่งเคยตกไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ซึ่งต่อมาพระเถราจารย์ฝ่ายไทยได้ไปค้นพบแล้วนำกลับมาฟื้นฟูกันอีกครั้งหนึ่ง
จากสาระในคัมภีร์มีการอ้างชื่อของ สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นพระมหาเถระในฐานะสังฆราชฝ่ายอรัญวาสีแห่งกรุงศรีอยุธยา
เอาไว้ด้วย
อนึ่ง วัดป่าแก้วที่ว่านี้ ตามตำนานดั้งเดิมกล่าวไว้ว่าเป็นวัดที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ทั้งสมเด็จพระพนรัตก็เป็น
พระอาจารย์ของพระองค์ท่านด้วย ข้อสันนิษฐานถึงสมเด็จพระพนรัต จึงมีว่า ท่านคงเป็นพระมหาเถระ ที่แก่กล้าเวทย์วิชาคาถามหา
อาคม เป็นครูอาจารย์ที่แตกฉานชำนาญในไตรเพทและด้านกรรมฐานอย่างแน่นอน
คัมภีร์ใบลานเกี่ยวกับตำราการสร้างวัวธนูได้ระบุชื่อ สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ไว้เช่นนี้... -
เล่าขานตำนานธรรมะพเนจรกับหลวงปู่จันทา ถาวโร
เล่าขานตำนานธรรมะพเนจรกับหลวงปู่จันทา ถาวโร ตอน ปฐมบทชาติกำเนิด
ท่านพระอาจารย์จันทาเป็นชาวร้อยเอ็ด เกิดที่บ้านแดง หมู่ที่ ๘ ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ห่างจากวัดในเมืองไปประมาณ ๔ กม. ไม่ไกล วัดบูรพานี้สังเกตง่าย เพราะมีพระพุทธรูปยืนสูงที่สุดในประเทศไทย
ท่านเกิด พ.ศ.๒๔๖๕ (สองพันที่ร้อยหกสิบห้า) วันเสาร์ เดือน ๓ เป็นปีกระต่ายอดหญ้า เหตุเพราะว่าเป็นหน้าร้อนแห้งแล้งมากหญ้าตายหมด กระต่ายเลยอดอยากไม่มีหญ้ากิน
โยมพ่อชื่อ นานสังข์ ไชยนิตย์
โยมมารดาชื่อ นางเหลี่ยม ชมภูวิเศษ
มีบุตรธิดา ๖ คน เป็นหญิง ๑ ท่านพระอาจารย์จันทาเป็นบุตรคนที่ ๔
อาชีพของครอบครัวทำนา เมื่อถึงหน้าแล้งก็ปลูกแตง ปลูกผักสวนครัว ปลูกยาสูบ และออกทอดแหหาปลาในแม่น้ำชี พวกเด็ก ๆ ส่วนมากเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเป็นงานหลัก
สมัยนั้นเมื่อ ๖๐ กว่าปีมาแล้ว บ้านเมืองยังไม่เจริญ การเรียนหนังสือตามบ้านนอกชนบทหัวเมืองไกล อาศัยเรียนตามวัดกับพระสงฆ์องค์เจ้า โรงเรียนประถมศึกษามีน้อย และทางราชการก็ไม่ค่อยบังคับเข้มงวดให้เรียนหนังสือเท่าไรนัก
จึงปรากฏต่อมาว่า คนเฒ่าคนแก่ส่วนมากอ่านหนังสือไม่ได้... -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง | เหตุที่เกิดแผ่นดินไหว
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง | เหตุที่เกิดแผ่นดินไหว
FungKhorKid :- Published on Mar 29, 2017 -
ไม่ต้องตั้งท่าให้มาก*เลี้ยงกำลังใจให้ทรงตัว ทำอย่างไร? * เวลาจะเคลื่อนไป ทำอย่างไร? - ระวังพระพุทธเจ้าอุปาทาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
☆☆☆☆☆
◇ ☆ มโนมยิทธิ ☆ ไม่ต้องตั้งท่าให้มาก
◇ ☆ มโนมยิทธิ ☆ เลี้ยงกำลังใจให้ทรงตัว ทำอย่างไร...?
◇ ☆ มโนมยิทธิ ☆ เวลาจะเคลื่อนไป ทำอย่างไร...?
◇ ☆ มโนมยิทธิ ☆ ระวังพระพุทธเจ้าอุปาทาน...?
◇ ☆ มโนมยิทธิ ☆ การจะป้องกันตัวอุปาทานไม่ให้เกิด ทำอย่างไร...?
☆☆☆☆☆
◇◇◇
มโนมยิทธินี่ไม่ต้องตั้งท่า นึกขึ้นมาเมื่อไรไปได้เมื่อนั้นทันที นึกมาเมื่อไรปุ๊ปไปทันที นี่เป็นการเข้าฌาณ ไอ้ตัวไปนี่มันฌาณ ๔
◇◇◇
☆ ต้องเลี้ยงกำลังใจให้ทรงตัว อยู่เฉยๆ ก็จับลมหายใจเข้าออก ภาวนา "นะมะ พะธะ"
☆ เลี้ยงอารมณ์ให้อยู่แบบนั้น นี่ต้องมีหนึ่งเวลาหรือสองเวลาคือให้มีกำลังจิตมันทรงตัว
▪และเวลาที่เราจะเคลื่อนไปก็ใช้สองอย่าง..
☆ อันดับแรก จับภาพพระพุทธเจ้าให้ชัด ถ้าชัดแจ่มใสดีก็ไป เคลื่อนไป อาศัยบารมีท่าน อันนี้อย่าพลาด
☆ อีกจุดหนึ่ง การรวบรวมเอาเลย ปุ๊บปั๊บไม่สนใจคำภาวนาและไม่สนใจลมหายใจเข้าออก
รวมใจแล้วไปตามจุดนั้น ต้องเล่นสองแบบ แล้วก็ลองวิธีที่จะพิสูจน์ ไม่ยาก เล่นมันคนละวัน
☆ อย่างเช้ามืดตื่นขึ้นมาพั๊บ จับลมหายใจเข้าออกให้สบายทรงอารมณ์ให้ดีเห็นภาพพระพุทธเจ้าใสแล้วก็ถามท่านว่า
☆... -
อาสวักขยญาณ ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
อาสวักขยญาณ
[๑๓๘] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้ อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา
เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อม หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนสระน้ำบนยอดเขาใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่บนขอบสระนั้น จะพึงเห็นหอยโข่งและหอยกาบต่างๆ บ้าง ก้อนกรวดและ ก้อนหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง กำลังว่ายอยู่บ้าง หยุดอยู่บ้าง ในสระน้ำ เขาจะพึงคิดอย่างนี้ว่า สระน้ำนี้ใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว หอยโข่งและหอยกาบต่างๆ บ้าง ก้อนกรวดและก้อนหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง เหล่านี้กำลังว่ายอยู่บ้าง กำลังหยุดอยู่บ้าง ในสระน้ำนั้น
ดังนี้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น แล เมื่อจิตเป็นสมาธิ... -
มโนมยิทธิญาณ
มโนมยิทธิญาณ
[๑๓๒] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิต รูปอันเกิด
แต่ใจ คือนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง
ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง เขาจะพึงคิดเห็นอย่างนี้ว่า
นี้หญ้าปล้อง นี้ไส้ หญ้าปล้องอย่างหนึ่ง ไส้อย่างหนึ่ง ก็แต่ไส้ชักออกจากหญ้าปล้องนั่นเอง
อีกนัยหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงชักดาบออกจากฝัก เขาจะพึงคิดเห็นอย่างนี้ว่า นี้ดาบ นี้ฝัก
ดาบอย่างหนึ่ง ฝักอย่างหนึ่ง ก็แต่ดาบชักออกจากฝักนั่นเอง อีกนัยหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษ
จะพึงชักงูออกจากคราบ เขาจะพึงคิดเห็นอย่างนี้ว่า นี้งู นี้คราบ งูอย่างหนึ่ง คราบอย่างหนึ่ง
ก็แต่งูชักออกจากคราบนั่นเอง ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ เธอย่อม
โน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะ
น้อยใหญ่ครบถ้วน... -
เพราะ”บารมีธรรมไม่เท่ากัน” หลวงพ่อลีจึงต้องแจ้งเหตุผลในการสอนญาติโยมให้เข้าใจในพระธรรมให้ผู้รู้เข้าใจ สาธุ!
เพราะ”บารมีธรรมไม่เท่ากัน” หลวงพ่อลีจึงต้องแจ้งเหตุผลในการสอนญาติโยมให้เข้าใจในพระธรรมให้ผู้รู้เข้าใจ สาธุ!
เรื่องเล่าค่อไปนี้เกิดจากการสนทนาธรรมของหลวงพ่อลี กับพระยาท่านหนึ่งในอดีต ในเรื่องที่ หลวงพ่อลีไปวุ่นวายกับญาติโยมมากไป เลยมีการติปนตำนินิดๆว่า ทำไมไม่สอนเฉพาะเรื่องไปเลย ท่านพ่อลีเลยตอบกลับไปด้วยเหตุผลที่ใครได้ฟังต้องบอกว่า จริง จริง ไม่อาจปฎิเสธได้โดยเหตุดังนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไปพูดสนทนากับพระยา... มาแต่เราไม่กล้าไปรุนแรงกับเขานัก การติของเขาโดยสรุปก็คือเขาว่า
“ท่านอาจารย์มัวแต่ไปยุ่งกับญาติโยมมากเกินไปแล้ว การปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์จะทำได้อย่างไร?”
เราพูดตอบก็อาศัยความจริงโดยชักแน่ว่า “เจ้าคุณว่ายังไง”
เขาตอบว่า “สอนให้ไปนิพพานซี อย่าไปยุ่งกับคนมากนัก”
หลวงพ่อเลยบอกว่า “อาตมาก็ชอบสอนคนให้ไปนิพพาน แต่มันยาก ชอบน่ะชอบ แต่อาตมาไม่เอา ถ้าเราเอาอย่างว่าเราจะบ้า! เจ้าคุณไปปลูกข้าว เมื่อมันได้ที่สุกเหลืองดีแล้ว จะเก็บเกี่ยวเอาแต่ข้าวสารมาอย่างเดียวได้ไหม? ไม่ต้องเอาอย่างอื่น? อาตมาเอาทุกอย่าง ใครจะว่าบ้าก็ช่างมัน หอบมันมาทั้งต้นเลย เพราะประโยชน์มันมีหลาย... -
ความอุดมสมบูรณ์ใต้ร่มพระบารมี!! ภาพหาชมยาก ในหลวงร.9 –ร.10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรเสมอมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ความอุดมสมบูรณ์ใต้ร่มพระบารมี!! ภาพหาชมยาก ในหลวงร.9 –ร.10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรเสมอมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธี ๒ พิธีรวมกัน คือ
พระราชพิธี พืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์อย่างหนึ่งซึ่งจะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเป็นพิธีพราหมณ์ อย่างหนึ่ง ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีสนามหลวง
(ภาพเก่าจากเว็บ kapook)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ในพระราชนิพนธ์เรื่อง พระราชพิธีสิบสองเดือน ว่า
“การแรกนาที่ต้องเป็นธุระของผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นธรรมเนียมนิยมมีมาแต่โบราณ เช่น ในเมืองจีนสี่พันปีล่วงมาแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงลงไถนาเองเป็นคราวแรก พระมเหสีเลี้ยงตัวไหม ส่วนจดหมายเรื่องราวอันใดในประเทศสยามที่มีปรากฏอยู่ในการแรกนานี้ ก็มีอยู่เสมอเป็นนิจไม่มีเวลาว่างเว้น ด้วยการซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดินลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจหมั่นในการที่จะทำนา... -
ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะ
อนุรุทธสูตร
[๕๗๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่ อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไป แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวว่า ขอโอกาสเถิดท่านสารีบุตร ผมตรวจดูตลอดพันโลกด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ก็ผมปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่น เป็นเอกัคคตา เออก็ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านอนุรุทธะ การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เราตรวจ ดูตลอดพันโลก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ดังนี้ เป็นเพราะ มานะ ของท่าน
การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า ก็เราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติมั่นไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา ดังนี้ เป็นเพราะอุทธัจจะของท่าน
ถึงการที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เออก็ไฉนเล่า จิตของเรายังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ดังนี้ ก็เป็นเพราะกุกกุจจะของท่าน
เป็นความดีหนอ ท่านพระอนุรุทธะจงละธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจธรรม ๓ อย่างนี้ แล้วน้อมจิตไปในอมตธาตุ
ครั้งนั้นแล... -
สติสัมปชัญญะเป็นแม่แห่งธรรมทั้งปวง
สติสูตร
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริและโอตตัปปะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อหิริและ โอตตัปปะไม่มี อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติกำจัด เสียแล้ว เมื่ออินทรียสังวรไม่มี ศีลชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอินทรียสังวรวิบัติ กำจัดเสียแล้ว เมื่อศีลไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีศีลวิบัติกำจัด เสียแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสนะไม่มี นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุอัน บุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อนิพพิทาวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิราคะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เปรียบเหมือน ต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามี เหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ เมื่อหิริและ โอตตัปปะมีอยู่... -
ความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม
โยนิโสมนสิการ
“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิต ฉันใด ความถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการ ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”
“เราไม่เล็งเห็นองค์ประกอบภายในอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีประโยชน์มากสำหรับภิกษุผู้เป็นเสขะ เหมือนโยนิโสมนสิการ ภิกษุผู้มีโยนิโสมนสิการ ย่อมกำจัดอกุศลได้ และย่อมยังกุศลให้เกิดขึ้น”
“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญยิ่งขึ้น เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”
“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความสงสัยที่ยังไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ถูกขจัดเสียได้ เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”
“โยนิโสมนสิการ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่, เพื่อความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม” ฯลฯ
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=2 -
วิธีการบนต่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้ทำดังนี้
ท่านที่มีปัญหาในการใช้ชีวิต ซึ่งมีความติดขัดในหลายประการแก้ไขด้วยตนเองแล้วยังไม่ดีขึ้นสักที ให้ท่าน
ให้ท่านอาบน้ำ แต่งกายให้สะอาดสุภาพ จากนั้น ให้เข้าห้องพระ สมาทานศีล 5
จากนั้น จึงสวดมนต์ ตามที่ท่านเคยสวดไป พอสบายใจ
แล้วให้ท่าน เตรียมธูปสีแดงมา 9 ดอก
อย่าพึ่งจุดให้จุดตอนบนเสร็จ จากนั้น นะโมฯ 3 จบ
จานั้นสวดคาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ
อุตตะรัญจะ ทิสังราชา กุเวโร ตังปะสาสะติ ยักขานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิโส
ปุตตาปิตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา กุเวโร สะหะปุตเตหิ สะทาโสตถิงกะโรตุโน
จากนั้นจึงบนด้วยการทำตามนี้
1. บนเรื่องการงาน ให้ท่าน บนด้วยสังฆทานหนึ่งชุด ในสังฆทานให้มีรองเท้าพระ 1 คู่ อาสนสงฆ์ 1 ผืน
2. บนเรื่องการเงิน ให้ท่านบนด้วย สังฆทานหนึ่งชุด ชำระหนี้สงฆ์ 30 บาท
3. บนเรื่องความรักครอบครัว ให้บนด้วยการถวายดอกกุหลาบแดง บูชาพระที่วัดไหนก็ได้ 9 ดอก
ถือศีลแปด 3 วัน 3 คืน
4. บนเรื่องความเจ็บป่วยและสุขภาพ ให้ท่านบนด้วยการ ถวายหนังสือมนต์พิธี 10 เล่ม
วัดไหนก็ได้ ปล่อยปลา 10 ตัว
5. บนเรื่องการเรียน ให้บนด้วยการถวายหนังสือมนต์พิธีวัดไหนก็ได้ 5 เล่ม
6.... -
เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง
เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง
พระนครสาวัตถี ฯลฯ
ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่เถิด.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่ง
นั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น.
ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว.
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าว โดยย่อได้โดยพิสดารอย่างไร?
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึง รูป ย่อมถึงการนับเพราะ รูป นั้น. ถ้าครุ่นคิด ถึง เวทนา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สัญญา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สังขาร ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง วิญญาณ ย่อม ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ไม่ถึงการนับเพราะรูปนั้น... -
"เกิดมาเพราะกรรม"
"เกิดมาเพราะกรรม"
" .. "เราอยู่ด้วยกันอย่าไปถือว่าใครสูงใครต่ำนะ" ที่ว่าสูงนั้นต่ำนี้ ชั้นนั้นชั้นนี้ นี่เป็นสมมุติอันหนึ่งที่เรียกกัน ตั้งกันอย่างผิวเผินนะ ที่ลึกลับจริง ๆ "สัตว์โลกนี้เกิดมาเพราะอำนาจแห่งกรรมด้วยกัน"
เกิดมาแล้วถึงได้รู้ "เรามีกรรมได้เกิดมาฐานะเป็นอยางนี้ ๆ เบื้องหลังของเรามีความดีความชั่วหนุนมาอยู่แล้ว" ถ้ามีความชั่วหนุนมาเกิดที่ไหนก็เกิดในสถานที่ไม่พึงปรารถนานั่นแหละ "หากได้เกิดในที่เช่นนั้น เพราะเจ้าของสร้างแต่ความผิดหวัง ๆ ให้ผู้อื่นมากมาย" แล้วก็ย้อนมาหาเจ้าของให้เป็นความผิดหวังไปได้
"ถ้าเราสร้างความสมหวังให้ผู้อื่นช่วยเหลือกันตามกำลังของเรา ใครมีมากมีน้อยช่วยเหลือ นี่กลับมาช่วยเรานะ" ให้พากันจำไว้ วันนี้ไม่พูดอะไรมาก เอาละพอ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น
พระอาจารย์จวน054 สมาธิเพ็ชร
JchaiJane :- Published on Apr 4, 2014 -
พระพิฆเณศ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพิฆเณศ เป็นมหาเทพชั้นผู้ใหญ่ที่สถิตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 2 คือดาวดึงส์
การที่ท่านอยู่ชั้นที่ 2 ไม่ใช่ท่านมีบารมีน้อยกว่าเทพอื่นๆที่อยู่สวรรค์ชั้น 3 4 5 หรือ 6
แต่เพราะท่านมาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือมนุษย์จึงมาอยู่ชั้นนี้ เพราะสวรรค์ชั้นที่ 1 และ 2
จะสามารถรับรู้ความเป็นไปของมนุษย์ได้สะดวกกว่า
พระพิฆเณศ เป็นชื่อตำแหน่งหนึ่งบนสวรรค์ อันที่จริงท่านไม่ได้มีหัวเป็นช้าง ท่านเป็นชายหนุ่ม รูปงามมาก วิมาณของท่านสวยงามตระการตา มีดาวระยิบระยับ และมีดอกดาวเรืองสีเหลืองรอบๆวิมาณ
และพระพิฆเณศที่เป็นรูปปั้นปางค์ต่างๆ หรือที่ถือดาบ หรือ ถืออาวุธ จริงๆแล้วท่านไม่ได้ใช้ดาบเลย เพราะไม่รู้จะไปสู้รบกับใครเพราะท่านมีจิตที่เมตตามาก
การบูชาท่านนั้น ไม่จำเป็นต้องบูชาด้วยสิ่งมีค่ามากมายหรือบูชาที่เคร่งครัดพิธีกรรมอะไรมาก
เช่นไม่จำเป็นต้องซื้อรูปปั้นท่านราคาแพงๆเพื่อมาบูชา เพียงมีรูปท่านไว้ หรือสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนองค์ท่านก็พอแล้ว
ขอให้บูชาด้วยจิตที่ศรัทธา เพราะท่านรับรู้รับทราบวาระจิตของผู้คนได้ โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาท่านอย่างแรงกล้า ท่านสามารถช่วยเหลือผู้นั้น ให้พบความสุข ความเจริญได้... -
"อธิษฐานช่วยคนอื่น"
พระอาจารย์ตอบเรื่อง "อธิษฐานช่วยคนอื่น"
ถาม : เราสามารถอธิษฐานช่วยคนอื่นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..ถ้าหากว่ากำลังบุญบารมีที่เราสั่งสมมาไปถึงระดับหนึ่ง จะเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่า อธิษฐานฤทธิ์ และ บุญฤทธิ์ ๒ อย่างนี้สามารถช่วยคนได้
ถาม : ถ้ายังไม่ถึงก็ไม่ควรใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ายังไม่ถึงระดับจริง ๆ จะช่วยก็ได้ แต่ก็ได้น้อย
ถาม : แม่เขาจะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หนูสวดมนต์หรือคนอื่นเขาจะทำบุญ...(ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ทุกครั้งก็บอกให้ท่านโมทนาบุญ และอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วย ทำไปเรื่อย ๆ ทีละนิดทีละหน่อยดีกว่า ไม่ทำอะไรเลย
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กเล่าเรื่อง "บุญฤทธิ์"
พระอาจารย์เล่าให้ฟังถึงเรื่องบุญฤทธิ์ว่า "ในธรรมบทได้กล่าวถึงเรื่องของบุญฤทธิ์ ไว้ดังนี้
วันหนึ่งพระยามารตั้งใจจะแกล้งไม่ให้คนได้ไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ ไฟทั้งเชตวันมหาวิหารดับหมด และไฟทั้งกรุงสาวัตถีโดนพายุพัดดับหมด แล้วพระยามารจึงสำรวจดูว่า ยังมีไฟที่เหลือไม่ดับอีกหรือไม่ ?
ปรากฏว่ามีเทียนอยู่ดวงหนึ่ง ไม่ยอมดับ พระยามารก็แปลกใจ จึงบันดาลให้ลมแรงหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ดับอีก พระยามารจึงปลอมตัวเป็นมานพน้อยเข้าไปดู ไฟนั้นอยู่ที่กระต๊อบของหญิงชราผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยแสงเทียนกำลังชุนผ้าอยู่
พระยามารถามว่า "ยายทำอะไรอยู่ ?" ยายบอกว่า "ยายกำลังชุนผ้าอยู่ ยายมีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า" พระยามารถามว่า "ยายต้องอาศัยแสงไฟนี้เย็บผ้าทุกวันหรือ ?"
ยายบอกว่า "ปกติยายก็เย็บผ้าแค่ตะวันตกดินเท่านั้นแหละ ยายไม่ได้มีเงินมากมายที่จะมาซื้อเทียน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันฟังธรรม ยายจึงนึกตั้งใจจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เพราะไม่มีโอกาสไปฟังธรรม แต่ขอบูชาพระรัตนตรัยนี้ด้วยแสงเทียนนี้ แล้วยายก็อาศัยแสงเทียนนี้เย็บผ้าไปด้วย"
ด้วยบุญฤทธิ์ตรงนั้น พระยามารหมดสิทธิ์ที่จะแกล้ง... -
ค่ำคืนมงคล!! วันเพ็ญพุธ ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนของภาคเหนือ ค่ำคืนที่พระอุปคุตจำแลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์!!
ค่ำคืนมงคล!! วันเพ็ญพุธ ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนของภาคเหนือ ค่ำคืนที่พระอุปคุตจำแลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์!!
"วันเป็งปุ๊ด (เพ็ญพุธ)" หรือประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน เป็นประเพณีของทางภาคเหนือ ในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธโดยไม่เจาะจงว่าต้องอยู่ในเดือนใด พระภิกษุสามเณรทุกรูปจะออกบิณฑบาตในตอนเที่ยงคืน โดยมีความแตกต่างของการนับเวลาคือ ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จะตักบาตรคืนวันอังคารหลังเวลา 00.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่วันพุธ ในขณะที่จังหวัดเชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จะใส่ตักบาตรในคืนวันพุธเวลา 24.00 น. เป็นต้นไป
บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวเหนือจะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้คอยใส่บาตรตั้งแต่หลังเที่ยงคืน โดยจะไปคอยใส่บาตรที่หน้าบ้าน ตามถนนสายต่างๆ หรือตามแยกใกล้ชุมชน เป็นต้น
(ภาพจาก http://www.madchima.org)
ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่เข้าใจว่าทางภาคเหนือคงรับเอามาจากประเทศพม่า มีความเชื่อว่า พระอุปคุตซึ่งเป็นภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เสด็จลงไปจำศีลภาวนาอยู่ ณ สะดือทะเล
ในรอบ... -
แนวทางการปฏิบัติธรรม ของ ก เขาสวนหลวง
แนวทางการปฏิบัติธรรม ของ ก เขาสวนหลวง
ก. เขาสวนหลวง ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๗
หมายเหตุ สรุปแนวทางการปฏิบัติธรรมนี้ ท่าน ก. เขาสวนหลวงได้เรียบเรียงเขียนขึ้นด้วยตนเอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อพิมพ์ในหนังสืออ่านใจตนเอง ท่าน ก. ได้สังเกตพิจารณา ศึกษา ค้นคว้า และปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามแนวนี้มาด้วยตนเอง และเป็นแนวทางที่ท่านได้ย้ำอธิบายแก่ผู้ปฏิบัติธรรม ณ เขาสวนหลวงเสมอมา
ผู้ปฏิบัติควรศึกษาให้เข้าใจเป็นลำดับไป ดังนี้
การศึกษาที่เรียนรู้ได้ง่าย ทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกาล ทุกขณะได้ผลทันที ไม่ต้องรอรับผลข้างหน้า ก็คือ ศึกษาในห้องเรียน กล่าวคือในร่างกายยาววา หนาคืบ มีสัญญาใจครอง ในร่างกายนี้มีสิ่งที่น่าเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นหยาบจนถึงขั้นละเอียด
ขั้นของการศึกษา
ก.เบื้องต้นให้รู้ว่า กายนี้ประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ส่วนใหญ่ได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนย่อย ได้แก่ ส่วนที่จับติดอยู่กับส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า สี กลิ่นลักษณะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะไม่คงทน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เต็มไปด้วยของปฏิกูล พิจารณาให้ลึกจะเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นแก่นสารมีแต่สภาพธรรมล้วนๆ ไม่มีภาวะที่ควรเรียกว่า “ตัวเรา... -
เหล่าเทวดา!!!ร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน" ผิวกายงดงาม มองเห็นชัดเจน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า หลวงพ่อปานบอก?
เหล่าเทวดา!!!ร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน" ผิวกายงดงาม มองเห็นชัดเจน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า หลวงพ่อปานบอก??
เทวดามางานเผาสรีระสังขาร หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน สุพรรณบุรี.
เรื่องนี้ เล่าโดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
เมื่อคราวที่เผาหลวงพ่อโหน่ง คนทั้งวัดที่มาเผาจำนวนมากเหลือเกิน เต็มวัดเต็มวา เพราะมีคนเคารพนับถือมาก พากันเห็นเทวดากลางวัน เขาว่าอย่างนั้น
หลวงพ่อปานท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า ท่านเจ้าคุณตาฝาดไปละมั้ง อะไรกันเทวดาจะให้คนเห็น
พระยาพิศาลสารเกษตรท่านก็บอกว่า ไม่ใช่ผมเห็นคนเดียวนะครับ ถ้าใครเขามาเล่าให้ผมฟังน่ะผมไม่เชื่อเด็ดขาด แต่นี่ผมเห็นด้วยตาของตนเอง ลูกเมียผมเห็น คนที่เขาไปเห็นหมด
หลวงพ่อปานก็ถามว่า เทวดามีรูปร่างเป็นอย่างไร
พระยาพิศาลสารเกษตรก็บอกว่า รูปร่างสวยจริงๆ ครับเทวดา มีรูปร่างสะโอดสะอง มีรัศมีกายออกมา มีเครื่องประดับแพรวพราว
หลวงพ่อปานก็ถามว่า เห็นกี่องค์
พระยาพิศาลสารเกษตร ก็ตอบว่า เท่าที่เห็นประมาณ ๑๒ – ๑๓ องค์ มาลอยอยู่รอบเมรุที่จะเผาท่าน
แล้วท่านก็ถามว่า แล้วมีอะไรอีก
ท่านพระยาพิศาลสารเกษตร ก็บอกว่า ไม่มีอะไรอีก เห็นกันจนกว่าเวลาใกล้คํ่า... -
สาธุเหนือเกล้า!! "หลวงพ่อทองดี" พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรม ขณะพลีร่างกายให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลือเพียงครึ่งท่อนกลายเป็นหิน เมื่อหลายร้อยปีก่อน.
สาธุเหนือเกล้า!! "หลวงพ่อทองดี" พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรม ขณะพลีร่างกายให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลือเพียงครึ่งท่อนกลายเป็นหิน เมื่อหลายร้อยปีก่อน.
หลวงพ่อทองดี ศรีสง่า พระกลายเป็นหิน ตั้งอยู่ที่ วัดเขาสมโภชน์ ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
หลวงพ่อคง จตฺตมโล วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรีได้เห็นถ้ำอรหันต์แห่งนี้ทางนิมิต ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อคงอยู่ ที่จังหวัดสุรินทร์ ได้เห็นนิมิตถ้ำว่ามีพระอรหันต์ได้สละชีพเพื่อเป็นอาหารให้เสือแม่ลูกอ่อนจนเหลือร่างเพียงครึ่งเดียว ส่วนชื่อนั้น เป็นการตั้งภายหลัง ตามเรื่องราวที่พระสงฆ์ปฏิบัติดีบรรลุอรหันต์และสละชีวิตเป็นทาน จึงขนานนามว่า หลวงพ่อทองดี ส่วนที่เรียกถ้ำอรหันต์ เพราะว่าเป็นถ้ำที่มีพระมาบรรลุอรหันต์ที่นี่นั้นเอง
เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ได้สละร่างสังขารให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลืออยู่ครึ่งร่างแล้วกลายเป็นหิน อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ประมาณ ปี2500 หลวงพ่อคง จตมโล ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ได้นิมิตเห็นญาณของพระรูปนี้จึงธุดงค์เดินทางมาตามนิมิต ก็ได้พบร่างท่านจริง ชื่อหลวงพ่อทองดี ศรีสว่าง หลังจากนั้นได้เจริญกรรมฐานบำเพ็ญเพียร อยู่ ณ ถ้ำแห่งนี้... -
"เพราะรักตนอย่างยิ่ง" : สมเด็จพระญาณสังวร
"เพราะรักตนอย่างยิ่ง"
" .. เพราะรักตนอย่างยิ่งนั่นเอง "จึงเป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อให้ตนเป็นคนดี" การสามารถรักษาจิตใจ รักษาวาจา รักษาการกระทำ ให้เป็นไปเพื่อไม่ก่อทุกข์โทษภัยแก่ผู้อื่น ไม่เรียกว่าเป็นการกระทำเพื่อผู้อื่น ไม่เรียกว่าเป็นการถือว่าผู้อื่นเป็นที่รักของตน แต่เป็นการทำเพื่อตัวเอง เป็นการถือว่าตนเป็นที่รักของตนอย่างยิ่ง ไม่มีความรักอื่นเสมอด้วยความรักตน
"ผู้ที่สามารถรักษากายวาจาใจตนให้ดีได้นั้นก็คือ ผู้ที่รักตนอย่างยิ่ง" นั่นเอง "เพราะรักตนอย่างยิ่งจึงประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อให้ตนเป็นคนดี" ผู้ที่ถือเอาการได้มาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่เลือกสุจริต ทุจริต ไม่ใช่คนรักตนเอง "ผู้ที่มีวาจาหยาบคายก้าวร้าว ทิ่มแทงหลอกลวง ไม่ใช่คนที่รักตนเอง ไม่ใช่คนที่จะทำให้ตนเองสวัสดีได้"
ตรงกันข้าม "ที่ทำเช่นนั้นเป็นการไม่รักตนเอง แม้คนจะคิดว่าการที่ทำเพราะไม่รักผู้อื่นก็ตาม" แต่ความจริงแท้เป็นการไม่รักตน เป็นการทำให้ตนต่ำทราม "เมื่อจะคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเมื่อใด ขอให้นึกถึงตัวเอง นึกว่าตนเป็นที่รักของตน จึงไม่ควรทำลายตน" เหมือนตนเป็นที่รังเกียจเกลียดชังอย่างยิ่ง จนถึงต้องทำลายเสีย... -
"ความสุขแบบที่ไม่ต้องมีอะไร"
"ความสุขแบบที่ไม่ต้องมีอะไร"
ถ้าเราใช้พุทโธนี้มันก็จะว่าง จะเย็นจะสบาย ถ้าท่องที่เป็นเรื่องเป็นราว มันก็จะทำให้เกิดเรื่องราวภายในใจได้อยู่ ถ้าท่องในสิ่งที่ไม่มีเรื่อง มันก็จะไม่มีเรื่องปรากฏขึ้นมา ท่องพุทโธๆ ไปเวลาที่เราไม่ต้องใช้ความคิด ชีวิตเรานี้ไม่ได้คิดตลอด ไม่ต้องใช้ความคิดตลอดเวลา แต่เราคิดกันตลอดเวลา คิดกับเรื่องไร้สาระ คิดเรื่องเพ้อเจ้อ คิดกับเรื่องของกิเลสตัณหา ความโลภ ความอยากต่างๆ ที่มันไม่เป็นประโยชน์กับจิตใจ มีแต่จะทำให้จิตใจเราว้าวุ่นขุ่นมัว ทำให้จิตใจไม่สุข ไม่อิ่ม ไม่พอ ถ้าเรามีพุทโธๆ ไปนี้ ความคิดต่างๆ มันก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้ แล้วใจเราก็จะว่าง จะเย็นจะสบายมีความสุข เราหัดมาเจริญพุทโธกัน ถ้าใช้คำบริกรรมก็พุทโธ หรือใช้คำอื่นก็ได้ ธรรมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่งคอยกั้นเพื่อไม่ให้เกิดความคิดต่างๆ ขึ้นมา ความคิดของเราส่วนใหญ่มันเป็นความคิดไปในทางที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ที่ไม่ดี อารมณ์ทำให้เกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา โลภก็ร้อน โกรธก็ร้อน หลงก็ร้อน นานๆ เราจะคิดไปในทางที่ดีสักครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่จะคิดไปในทางที่ไม่ดี ทำให้เราหิว ทำให้เราอยาก ทำให้เรารำคาญ... -
"วันวิสาขบูชา" วันสำคัญสากลของโลก
วันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งในการบังเกิดพระพุทธเจ้าในโลกก็คือ "ธรรมะ" ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์ มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทางแห่งการปฏิบัติธรรมเพื่อล่วงพ้นความทุกข์ เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542
ความหมายของวันวิสาขบูชา
คำว่า วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า "วิสาขปุรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" ดังนั้น วิสาขบูชา จึงหมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 การกำหนด วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม ในบางปีของบางประเทศอาจกำหนด วันวิสาขบูชา ไม่ตรงกับของไทย...
หน้า 381 ของ 418