คลังเรื่องเด่น
-
หลวงปู่เขี่ยม โสรโย พระผู้มองเห็นสาวผู้เป็นที่รักมีแต่ขี้เต็มตัว
หลวงปู่เขี่ยม โสรโย พระผู้มองเห็นสาวผู้เป็นที่รักมีแต่ขี้เต็มตัว -
หลวงปู่บุญทันใช้อภิญญาสกัดกั้นชาวบ้านมิให้ทำบาป
หลวงปู่บุญทันใช้อภิญญาสกัดกั้นชาวบ้านมิให้ทำบาป -
"เอาสติมาฝึกจิต" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"เอาสติมาฝึกจิต"
" .. พระองค์ก็เทศนาเหมือนกันว่า "จิตอันใดใจอันนั้น ใจอันใดจิตอันนั้น" จิตกับใจก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต่ทำไมพูดสองอย่าง ก็เพราะมันทำหน้าที่มีอาการต่างกัน "การฝึกหัดต้องฝึกจิต" ไม่ต้องฝึกใจ จิตคือผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่งสัญญาอารมณ์ทั้งหมด "กิเลสทั้งปวงก็จิตเป็นผู้ปรุงแต่ง" การฝึกหัดอบรมจะต้องฝึกที่จิตแห่งเดียว
แล้วเอาอะไรมาฝึกจิต "เอาสติมาฝึกจิต" ขอให้มีสติทุกอิริยาบททั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน มีสติรู้จิตตลอดเวลา กิเลสทั้งหลายจะค่อยเสื่อมหายไป "อย่าเพิ่งให้สำเร็จมรรคผลง่ายนักเลย" คนฝึกหัดปฏิบัติน่ะอยากสำเร็จ มรรค ผล นิพพานเร็วนัก เอาไว้เสียก่อน "เอากิเลสไว้พิจารณาเสียก่อน"
สำเร็จมรรคผลแล้วจะไปไหน "กิเลสมันอยู่กับจิต เรามีสติควบคุมจิตอยู่" ลองคิดดูว่าเห็นมันทุกขณะ ยืน เดิน นั่ง นอน แล้วมันจะไปไหนเล่า "ทุกสิ่งที่เห็นว่ามันดีหรือมันชั่ว มันชั่วก็เป็นสิ่งที่ควรละ มันดีก็เป็นของควรทำ" หมั่นฝึกหัดปฏิบัติเพียงแค่นี้ "ละชั่วทำดีเท่านั้นแหละ" หมดเรื่อง .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ -
หัดล้มเหลวเสียบ้าง
หัดล้มเหลวเสียบ้าง ถ้าสำเร็จทุกอย่างชีวิตก็ไร้รสชาติ
เรื่องของงานจำไว้ว่าขอให้ได้ทำ ไม่ได้แปลว่าทำแล้วต้องสำเร็จ
ทำแล้วอย่าไปเสียใจ แต่ถ้าไม่ได้ทำก็น่าเสียดาย
เราจะไม่รู้ว่าบทเรียนดี ๆ อย่างนี้ยังมีอยู่อีกเยอะเลย
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ไปเอาบุญ แต่ไม่ละบาป" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ไปเอาบุญ แต่ไม่ละบาป"
" .. บางทีก็พากันไปแสวงหาบุญกัน ไปรถบัสคันใหญ่ ๆ สองคันสามคัน พากันไป "ไปกันบางทีทะเลาะกันเสียบนรถก็มี บางทีกินเหล้าเมากันบนรถก็มี" ถามว่าไปทำไม ไปแสวงบุญกัน "ไปแสวงหาบุญ ไปเอาบุญ แต่ไม่ละบาป ก็ไม่เจอบุญกันสักที" มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ
อันนี้มันอยู่อย่างนี้(ของวางอยู่) มันจะสะดุดเท้าเราใช่ไหมให้มองดูใกล้ ๆ มองดูตัวเรา พระพุทธเจ้าท่าน "ให้มองดูตัวเรา ให้สติสัมปชัญญะอยู่รอบ ๆ ตัวเรา" ท่านสอนอย่างนี้
บาปกรรมทำชั่วทั้งหลาย มันเกิดขึ้นทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ "บ่อเกิดของบาปบุญคุณโทษ ก็คือกาย วาจา ใจ" เราเอากาย วาจา ใจมาด้วยหรือเปล่าวันนี้ หรือเอาไว้ที่บ้าน นี่ต้องดูอย่างนี้ ดูใกล้ ๆ อย่า ไปดูไกล "เราดูกายของเรานี่ ดูวาจา ดูใจของเรา ดูว่า ศีลของเราบกพร่องหรือไม่อย่างนี้" ไม่ค่อยจะเห็นมี .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
คนที่ขวนขวายหาธรรมะใหม่ ๆ ถามตัวเองด้วยว่า ไอ้ที่สอนซ้ำซากนี่ ทำได้ดีแล้วหรือยัง ?
พวกเราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติธรรมต้องเข้าใจด้วยว่า พุทธานุสติที่กระผม/อาตมภาพสอนทุกคน สอนทุกครั้ง สอนทุกเช้าที่ปฏิบัติธรรม บางคนอาจจะคิดว่าสอนอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยากจะถามคืนไปว่า ไอ้ที่สอนซ้ำซากนี่ ทำได้ดีแล้วหรือยัง ?
พุทธานุสติเป็นกองกรรมฐานที่ช่วยให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้ดีที่สุดและง่ายที่สุด เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลย นอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน คือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน
อยากจะบอกว่า ความรู้ที่กระผม/อาตมภาพศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรมมาทั้งหมด สรุปลงก็เหลือเท่าที่มาจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะให้ทุกเช้าที่มีการปฏิบัติธรรมนั่นแหละ ใครอยากจะเป็นพระอภิญญา ใครอยากจะเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ ทำไปเลย ทำได้เมื่อไร กำลังใจถึงระดับ ได้อย่างที่ต้องการแน่นอน..!
ถ้าจะเป็นอภิญญา ๖ อย่างน้อยต้องเป็นพระโสดาบันขึ้นไป เพราะว่าข้อที่ ๖ ของอภิญญา ๖ ก็คืออาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดกิเลสให้สิ้นไป อย่างน้อย ๆ ต้องสิ้นไปในระดับโสดาบัน ถึงถือว่าได้ญาณตัวนี้
แต่ถ้าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ ๔ อย่างน้อยต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไป... -
"เข้าถึงพุทธธรรมได้ด้วยใจ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"เข้าถึงพุทธธรรมได้ด้วยใจ"
" .. พิจารณาดูเถิด "การเดินทางเข้าถึงพุทธธรรมมิใช่เดินด้วยกาย แต่ต้องเดินด้วยใจจึงจะเข้าถึงได้" ได้แบ่งผู้เดินทางออกเป็น ๓ ชั้น คือ
ก. "ชั้นต่ำ" ได้แก่ "ผู้รู้จักปฏิญาณตนเองเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอาศัย" ตั้งใจปฏิบัติตามคำสั่งสอนด้วยดี ละทิ้งประเพณีที่งมงายและเชื่อมงคลตื่นข่าว จะเชื่ออะไรต้องพิจารณาเหตุผลเสียก่อน คนพวกนี้เรียกว่า "สาธุชน"
ข. "ชั้นกลาง" หมายถึง "ผู้ปฏิบัติจนเชื่อต่อพระรัตนตรัยอย่างแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย รู้เท่าทันสังขาร" พยายามสละความยึดมั่นถือมั่นให้น้อยลง มีจิตเข้าถึงธรรมสูงขึ้นเป็นขั้น ๆ ท่านเหล่านี้ "เรียกว่าพระอริยบุคคล" คือ "พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี"
ค. "ชั้นสูง" ได้แก่ "ผู้ปฏิบัติจนกาย วาจา ใจ เป็นพุทธะ เป็นผู้พ้นจากโลก อยู่เหนือโลก" หมดความยึดถืออย่างสิ้นเชิง "เรียกว่า พระอรหันต์" ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด .. "
หลวงปู่ชา สุภทฺโท
http://anuchah.com/dhamma-lessons/ -
ฝึกมโนมยิทธิประจำวัน ท่องแดนสวรรค์ ครูคณิตพร บุญยเกียรติ||หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง นำสมาทานกรรมฐาน
ฝึกมโนมยิทธิประจำวัน ท่องแดนสวรรค์ ครูคณิตพร บุญยเกียรติ||หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง นำสมาทานกรรมฐาน -
หลวงตาพระมหาบัว กล่าวถึง หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
กล่าวถึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
"..พระดี จะหาอะไรดียิ่งกว่านั้นไปอีก.."
--------------------------------------------- -
มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันตรงหน้าเท่านั้น
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันสอบนักธรรมสนามหลวงชั้นตรีวันแรก ซึ่งคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรา ก็ได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่ออำเภอทองผาภูมิ นำโดยท่านนายอำเภอนภเดช เกลียวศิริกุล ให้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก่อนที่จะเข้าสอบ ตรวจแล้วก็เจอจนได้ ปรากฏว่าแจ็กพ็อตไปแตกที่วัดทองผาภูมิ มีผลตรวจเป็นบวก ๑ รูป พระทั้ง ๓ รูปที่จะเข้าสอบของวัดทองผาภูมิ ก็เลยต้องโดนขอร้องให้งดการสอบ
ต้องบอกว่าทองผาภูมิของเราระยะนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ค่อนข้างจะรุนแรง ตรวจเมื่อไรก็เจอเมื่อนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอีก ๓ วันที่เหลือจะโดนตรวจอีกกี่ครั้ง ในฐานะรองประธานกรรมการสนามสอบ เป็นหน้าที่ซึ่งจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเข้าไปดำเนินงานให้เสร็จสิ้นลง..
ตรงจุดนี้ไม่ว่าจะพระภิกษุสามเณรหรือว่าญาติโยม ทั้งที่อยู่ที่นี่หรือว่าอยู่ที่บ้านก็ตาม จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะว่าไม่มีใครที่สามารถจะช่วยเราได้ นอกจากดูแลตัวเองให้ดี
พวกเราเองจึงต้องระมัดระวังตนเอง ห้ามประมาท ห้ามการ์ดตก... -
"จิตหลงความคิด หลงความเห็นของตน" (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
.
"จิตหลงความคิด หลงความเห็นของตน"
" .. เรื่องสรรพสิ่งต่าง ๆ เกิดมาในโลก "ไม่ได้เป็นภัยแก่เรา มีแต่คุณทั้งนั้น" แต่ความเห็นผิดของจิตใจ ที่ไปยึดอยู่ในร่างกาย "อันนี่แหละเป็นตัวผิดว่ามันเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา"
ของทั้งหลายเหล่านี้ เขาเป็นอย่างนั้นมานับกัปนับมาแล้วกัลป์ "แต่เรื่องของจิตใจที่เราไม่รู้ไม่เห็นนี่สิ ก็เลยหลงความคิด หลงความเห็นของตน" จนกลายเป็นอุปาทาน ยืดมั่นถือมั่น นึกว่าของต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นของดิบของดี
"ถ้าหากของเหล่านั้นเสียหายไป ก็เป็นเหตุดึงจิตใจเสียไปด้วย" จิตใจก็เลยพลอยเดือดร้อนวุ่นวาย ฉะนั้น "พระพุทธองค์เลยหาทางแก้อาการของจิต ไม่อยากให้ไปยืดถือในสิ่งเหล่านั้น" ให้ปล่อยวางว่า "เป็นธรรมดาของเขา" .. "
"วีระปฏิปทา มหาวีโร"
หลวงปู่ศรี มหาวีโร -
การปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแสโลก
การปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแสโลก เหมือนกับเราว่ายทวนน้ำ เมื่อถึงเวลาออกแรงว่ายไปเต็มที่ พอได้ระยะที่เรารู้สึกว่าพอแล้ว เราก็ปล่อยมือ ก็จะไหลตามน้ำไป พอต้องการที่จะว่ายขึ้นมาใหม่ ก็ตั้งหน้าตั้งตาว่ายอีก แล้วก็ปล่อยไหลตามน้ำไปอีก
ต่อให้เราขยันแค่ไหน ก็จะเป็นคนขยันที่ไม่มีผลงานอะไรเลย เพราะว่าทุกวันจะไหลตามน้ำไป แล้วถ้าหากว่าขี้เกียจขึ้นมาเมื่อไร ก็จะไหลไปไกลกว่านั้นอีก ยิ่งไหลไปไกลเท่าไร เราก็ต้องใช้เรี่ยวแรงในการที่จะว่ายทวนน้ำขึ้นมามากเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ท่านทั้งหลายเกิดความท้อแท้ แล้วท้ายที่สุดก็เลิกการปฏิบัติธรรมไปโดยปริยาย
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักวิธีว่า เมื่อเลิกจากการนั่งสมาธิภาวนาแล้ว กำลังใจเราสงบแค่ไหน เราต้องประคับประคองรักษาอารมณ์ใจนั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนอิริยาบถไป จากนั่งเป็นยืน เป็นเดิน เป็นนอน เป็นดื่ม กิน คิด พูด ทำ ใจเราต้องอยู่กับการภาวนาหรือลมหายใจโดยอัตโนมัติ
ถ้าสามารถรักษากำลังใจไว้ในลักษณะนี้ได้บ่อย ๆ เราก็จะยืนระยะได้นานขึ้น จากที่ได้แค่ครู่เดียว เมื่อขยับเคลื่อนไหวสมาธิก็คลายตัวหมด... -
หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ สมัยเป็นฆราวาส เคยแอบไปสำรวจดูอุจจาระของผู้สาว จนเห็นสัจธรรม ก่อนตัดสินใจออกบวช
หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ สมัยเป็นฆราวาส เคยแอบไปสำรวจดูอุจจาระของผู้สาว จนเห็นสัจธรรม ก่อนตัดสินใจออกบวช -
ศิษย์ยุคอภิญญาใหญ่ - ฝึกมโนมยิทธิถอดจิตเต็มกำลัง
ศิษย์ยุคอภิญญาใหญ่ - ฝึกมโนมยิทธิถอดจิตเต็มกำลัง -
สติความระลึกได้ และสัมปชัญญะความรู้ตัว / พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
สติความระลึกได้ และสัมปชัญญะความรู้ตัว -
"อันนี้เป็นหลักของพระพุทธศาสน า ("หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"อันนี้เป็นหลักของพระพุทธศาสนา"
" .. พุทธศาสนาสอนอะไร หรือศาสนาทุกศาสนาสอนอะไรกัน "ศาสนาสอนให้ละความชั่ว คือไม่ให้ประพฤติความชั่ว แล้วก็ให้ประกอบคุณงามความดี" พูดง่าย ๆ ว่า "ละชั่วทำดี หลักของศาสนาทุก ศาสนามีอย่างนี้"
ตามลำพัง "การที่จะละการทำชั่วทางกายทางวาจานั้นมันทำได้ยาก" เพราะมีเจ้านายอยู่ คนหนึ่งคือ ใจ มันเป็นตัวบังคับบัญชาให้กาย ให้วาจากระทำธุรกิจต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ "พระพุทธเจ้า จึงทรงสอนให้พากันรักษาใจอีกทีหนึ่ง ควบคุมใจให้ได้อีกอย่างหนึ่ง" จึงจะครบพร้อมมูลบริบูรณ์
เราจะไปบังคับให้กายวาจาละชั่วอย่างเดียวไม่ได้ "เราต้องบอกหรือสอนให้ใจบังคับใจให้อยู่เสียก่อน จึงจะบังคับกายวาจาให้อยู่ในอำนาจได้ อันนี้เป็นหลักของพระพุทธศาสนา" .. "
"คุณค่าและประโยชน์ ของพระพุทธศาสนา"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
ศาสตร์หลวงปู่ดู่ : หลวงตาม้าบรรยาย
ศาสตร์หลวงปู่ดู่ : หลวงตาม้าบรรยาย -
"ในหลวง ร.๙ พระราชาผู้แตกฉานในธรรม"
"กิเลส" คือ ความเศร้าหมองแห่งจิตใจ
พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ว่า
กิเลสเป็นสิ่งที่จรเข้ามา
ไม่ใช่ "สิ่งที่มีอยู่ดั้งเดิมของจิตใจ"
(จิตเดิมแท้ ประภัสสร)
เมื่อ ๓๐-๔๐ ปี หรือ ๕๐ ปีมาแล้ว ทาง BBC มาทำสารคดีเรื่องเชื้อพระวงศ์ไทย ผู้สัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.๙ ถามเรื่องศาสนา เขาเป็นชาวคริสต์ ซึ่งเชื่อเรื่องบาปเดิม คือเชื่อว่า จิตใจของมนุษย์เศร้าหมองโดยธรรมชาติ เพราะบาปเดิมของมนุษย์คู่แรก คือ อดัมกับอีฟ
เมื่อเขาถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ว่าชาวพุทธเชื่อเรื่องบาปเดิม (Original Sin) หรือไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า
"No, we believe in original purity.
เราเชื่อใน "ความบริสุทธิ์ดั้งเดิม"
ไม่เชื่อใน "ความเศร้าหมองดั้งเดิม"
จากพระธรรมเทศนา เรื่อง นิวรณ์บั่นทอนจิต โดยพระอาจารย์ชยสาโร ในการปฏิบัติธรรมครู ประจำปี ๒๕๕๙ ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
พระธรรมพัชรญาณมุนี
(พระอาจารย์ชยสาโร)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น -
"พุทโธ นี่แหละเป็นสรณะที่พึ่ง" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
"พุทโธ นี่แหละเป็นสรณะที่พึ่ง"
" .. "พุทโธ พุทโธ นี้เป็นผู้รู้ นี่แหละเป็นสรณะที่พึ่งของเราแท้แน่นอน" ถ้าเราไม่มีพุทธะคือผู้รู้แล้วเราก็พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้สักอย่างพ่อแม่พี่น้องข้าวของเงินทองก็พึ่งไม่ได้ บ้านช่องก็พึ่งไม่ได้ เงินทองอะไรก็พึ่งไม่ได้ ชาวบ้านร้านตลาดประเทศชาติก็พึ่งไม่ได้ ถ้าเราไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆแล้ว สังขารร่างกายเราก็พึ่งไม่ได้
ทำไมจึงพึ่งไม่ได้ "ก็พุทธะ คือผู้รู้ ถ้าเราไม่มีผู้รู้จะพึ่งอะไรได้" อุปมาเหมือนกับคนตาย คนตายแล้วมีความรู้หรือหูตาก็มีคู่แข่งขันก็มี อะไร ๆ มีหมด ข้าวของเงินทองก็มีอยู่ "แต่พึ่งไม่ได้สักอย่าง มันไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆถ้าเรามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วพึ่งได้หมด สังขารร่างกายเราก็พึ่งได้" พ่อแม่พี่น้องก็พึ่งได้ ข้าวของเงินทองพึ่งได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง .. "
"การฟังและการปฏิบัติ" หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร ๓ กันยายน ๒๕๑๑
ม.ร.ว. ส่งศรี เกตุสิงห์ ถอดจากแถบบันทึกเสียง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ -
อุบาสกอภิญญาแห่งรามอินทรา
อุบาสกอภิญญาแห่งรามอินทรา -
"แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ"
" .. แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ จงหมั่นทำสติให้แก่กล้า สติทำอย่างไม่ให้ผิดพลาด กุศลและธรรมทั้งหลาย "คุณงามความดีทั้งหลายเกิดขึ้นได้ เพราะบุคคลมีสติอย่างเดียว"
จะคิด จะพูด จะทำ ให้มีสติระลึกนึกเสียก่อน มันผิดก็ให้รู้ มันถูกจึงค่อยทำ "ผู้อื่นไม่ได้ทำให้จิตของเราเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมอง" ผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น
ผู้ปรารถนาความเจริญ ความสุข ต้องหมั่นฝึกฝน อบรมตนเอง "ทำเอง-รู้เอง-ได้เอง ใครทำ-ใครได้" ผู้ทำคุณงามความดี มีศีล ศีลที่บริสุทธิ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์
จิตดี จิตที่ไม่อิจฉาริษยาพยาบาทเบียดเบียน เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้คนบริสุทธิ์ ทำให้คนมีศีล มีโภคทรัพย์ .. "
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12239&sid=efec9c45f6354e098efb11a15167723d -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ -
หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร // ทำสมาธิให้ถูกกับจริตของตน
หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร // ทำสมาธิให้ถูกกับจริตของตน -
๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน
๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน
เด็กรุ่นหลัง ๆ ไม่รู้ว่า ๗ ตำนาน และ ๑๒ ตำนานที่โบราณเขาว่า คืออะไร ? ๗ ตำนานก็เกี่ยวกับพุทธประวัติในวาระต่าง ๆ มีทั้งที่เป็นชาดกและพระสูตร
๗ ตำนานขึ้นที่ มงคลสูตร ที่เทวดาทั้งหลายเขาถกเถียงกันว่า อะไรเป็นมงคล ที่เราเรียกกันว่า มงคล ๓๘
แล้วก็ไป รัตนสูตร รัตนสูตรนี่เขาเรียก น้ำมนต์พระพุทธเจ้า เพราะว่าพระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ทำน้ำมนต์ด้วยพระสูตรนี้ แล้วไปพรมเมืองไพศาลีที่เกิดโรคระบาด บรรดาอมนุษย์ที่ทำให้เกิดโรคระบาด ทนอำนาจน้ำพระพุทธมนต์ไม่ได้ แย่งหนีออกไปจากเมือง กำแพงพังเป็นแถบ ๆ บทนี้หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกไว้เลยว่า ใครต้องการทำน้ำมนต์เองก็ได้ ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ท่องรัตนสูตรด้วยความเคารพ หยดเทียนลงบนน้ำมนต์ แล้วอธิษฐานใช้เอา
หลังจากนั้นจะเป็นพวกชาดกต่าง ๆ เช่น วัฏฏกปริตร อันนี้เป็นเรื่องของลูกนกคุ่ม ที่ท่านเพิ่งจะเกิดไม่นาน เดินก็ยังไม่ได้ บินก็ไม่ได้ แล้วไฟป่าไหม้มา ท่านจึงตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ตัวท่านเองถึงแม้จะมีพ่อแม่ ท่านก็ออกไปหากิน มีปีกก็ยังบินไม่ได้ มีเท้าก็ยังเดินไม่ได้ ด้วยสัจจะบารมีอันนี้ ขอให้ไฟอย่าได้ทำอันตรายเลย ไฟที่มาแรงขนาดนั้นก็ดับหมด... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ -
หลวงปู่ดู่ กับ หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
หลวงปู่ดู่ กับ หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
หลวงพ่อฤาษีบอกคนที่ไปกราบว่าที่อยุธยามีพระดีน่ากราบไหว้
หลวงพ่อฤาษีบอกต่อไปอีกว่า หลวงพ่อดู่ วัดสะแกบารมีท่านสูง บารมีท่านเท่าพระอรหันต์
เมื่อมีคนมาบอกหลวงพ่อดู่ หลวงพ่อก็ยิ้มและพูดว่าท่านเข้าใจชม
โดยที่ หลวงปู่เรียกว่า วิมานแก้วพระพุทธเจ้า
หลวงพ่อฤาษีเรียกว่า พระนิพพาน
โดยความหมายเหมือนกัน. ทางเหนือเรียกว่าเวียงแก้วมหาเนรปาน
จึงมีการบอกว่านิพพานเป็นอัตตาเพราะมีสถานที่ อีกทางหนึ่งบอกเป็นอนัตตาตามบาลี สัพเพธัมมาอนัตตา แม้แต่ธรรมก็ไม่มีตัวตน ซึ่งความจริงเป็นอนันตาคือไม่มีสิ้นสุด คนที่ไปอยู่ได้ต้องมีจิตว่างคือพระอรหันต์ จิตต้องบริสุทธิ์
ถ้าดูในแบ็งค์ดอลลาร์จะมีInfinity 3 ตัวคืออนันตสภาวะในทางพุทธคือ อัปมาโน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ผู้ที่จะเข้าถึงต้องรู้แจ้งแดงตลอดในไตรลักษณญาน จนจิตมีความบริสุทธิแจ่มใส จึงเข้าถึงพลังนี้ได้
หลวงพ่อดู่ท่านจึงใช้คำว่าได้ภูติพระเจ้า
พระมหาโพธิสัตว์สามารถเข้าถึงได้เพราะท่านรู้เรื่องความว่าง แต่ยังไม่ถึงเวลาของท่าน
ผู้ที่ไปวิมานแก้วจิตขณะนั้นมีสภาวะความว่างหลวงพ่อฤาษีฯท่านใช้คำว่าจิตเป็นประกายพฤกษ์จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้... -
กิเลสกำเริบ
กิเลสกำเริบ
ถาม : บางคนบอกว่า ถ้าทำพวกสมาธิจะทำให้ยังตัดราคะโทสะไม่ได้..?
ตอบ : ถ้าหากสมาธิทรงตัวจริง ๆ จะกดราคะโทสะให้ดับลงได้ชั่วคราว แต่ถ้าเผลอหลุดเมื่อไรก็เหมือนกับเก็บกดมานาน แล้วจะกำเริบมาก เหมือนกับเราเอาก้อนหินใหญ่ ๆ มาทับต้นหญ้าไว้ ถ้าทับไปนาน ๆ หญ้าก็ตาย แต่ถ้าหญ้ายังไม่ตายแล้วเรามาพลิกก้อนหินขึ้นมาอีก คราวนี้หญ้าจะงอกงามใหญ่เลย เพราะกลัวตายก็เลยต้องดิ้นรนขึ้นของเขาอย่างเต็มที่
ลักษณะของกิเลสก็เหมือนกัน ถ้าโดนกดเอาไว้นาน ๆ แล้ว ถ้าถึงเวลากำเริบได้ จะกำเริบหนักกว่าปกติ เหตุที่กำเริบหนักกว่าปกติเพราะได้กำลังจากเราไป ก็คือกำลังสมาธิที่เราทำนั่นแหละ
เราได้สร้างสมาธิเกิดขึ้นแล้ว เราไม่ได้ไปใช้พิจารณาในการตัดละกิเลส เราสร้างขึ้นมาเฉย ๆ แล้วก็ทิ้ง สร้างขึ้นมาเฉย ๆ แล้วก็ทิ้ง พอถึงเวลาตัวกิเลสรัก โลภ โกรธ หลง ก็เอากำลังตรงนั้นแหละไปฟุ้งซ่าน จะไปกันใหญ่เลย เพราะว่ากิเลสแข็งแรงเสียแล้ว กลายเป็นว่าเราเลี้ยงโจรให้แข็งแรงแล้วก็มาปล้นเราหนักขึ้น
ถาม : แล้วเราจะวิปัสสนาอย่างไร ?
ตอบ : พิจารณาให้เห็นจริงอย่างที่ว่ามานั่นแหละ พอเห็นแล้ววางลงให้ได้... -
ความกลัวตายเป็นธรรมดาของสัตว์ทุกรูปทุกนาม
ความกลัวตายเป็นธรรมดาของสัตว์ทุกรูปทุกนาม บาลีบอกว่า อาหาระนิททัง ภะยะเมถุนัญจะ สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง
อาหาระ คืออาหาร , นิททัง คือการนอน , ภะยะ คือความกลัว , เมถุนะ คือการเสพกาม ท่านบอกว่า ๔ อย่างนี้เป็นปกติของสัตว์ทุกรูปทุกนาม สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง สามัญญะ ก็คือ ปกติธรรมดา ธัมโมหิ เตสัง อะธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นที่ให้เกิดความต่างขึ้นได้ ธัมเมนะ วีณา ปะสุภิสสะมานา มีแต่ธรรมเท่านั้นที่ทำให้คนต่างออกไปจากสัตว์
เพราะฉะนั้น..เรื่องความกลัวถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทำอย่างไรที่จะไม่ให้กลัวจนขาดสติ ถ้ามานึกอีกที น่าขายหน้ามากเลย เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงมา ๓๐-๔๐ ปี ถึงเวลามัจจุราชยื่นหน้ามาหน่อยเดียว กลัวจนหัวหด ต้องประเภทยื่นหน้ามาก็กระโดดขี่คอ ไปไหนไปเลย อยากไปนานแล้ว ทำไมมาช้าจัง..!
คือเรายังไม่เห็นธรรมดา ถ้าเห็นธรรมดาว่าทุกรูปทุกนาม ต้องป่วย ต้องตายเป็นปกติ แล้วทำใจยอมรับได้ว่าปกติของสัตว์ ของมนุษย์เป็นอย่างนี้เอง ถ้าทำอย่างนั้นได้ ความตายไม่ใช่ของน่ากลัว ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวดก็ไม่ใช่ของน่ากลัว ถึงเวลาก็ดูแลรักษาไปตามมารยาท ร่างกายนี้เป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม...
หน้า 37 ของ 402