คลังเรื่องเด่น
-
นพ.ปราการ ถมยางกูร ‘บุญใหญ่ได้ดูแลพระเณรอาพาธ’
โดย วรธาร ภาพ : ธรรมโฆษณ์
นายแพทย์ที่มีอัธยาศัยน่ารัก จิตใจดี บุคลิกอ่อนโยน และมนุษยสัมพันธ์งดงามมาก สำหรับ นพ.ปราการ ถมยางกูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
ไม่แปลกใจที่พระภิกษุสามเณรในโครงการอุปสมบทพระภิกษุ ณ ดินแดนพุทธภูมิ ถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคมที่ผ่านมา เวลาป่วยก็มักจะเรียกใช้บริการตลอด
“อาตมาปวดหัว อาตมาเท้าบวม อาตมาเป็นไข้หวัด อาตมามึนศีรษะ นอนไม่หลับ มียานอนหลับไหม หรือพอมีเหตุฉุกเฉินก็มักจะถามหาคุณหมอปราการ อยู่ไหน เชิญมาทางนี้หน่อย มีพระท่านเดินไปสะดุดหิน” นี่คือเสียงจากพระเณรที่คุณหมอปราการมองว่าเป็นเสียงสวรรค์
มิวายเวลาเข้านอน พระท่านไม่สบายก็จะเดินมาเคาะห้องที่คุณหมอนอน ก็มีให้เห็น ซึ่งนั่นเป็นความปรารถนาของคุณหมอที่ได้ปวารณากับพระภิกษุสามเณรไว้แต่ต้นว่า ถ้าเกิดไม่สบายมาหาได้ทุกเวลา
โครงการนี้มีผู้บวชสามเณร 4 คน ภิกษุ 95 ชีพราหมณ์ 21 รวม 120 คน ต้องเดินทางเป็นคณะไปประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพราหมณ์... -
“๙ พระคาถา” หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เกจิดังเมืองพิจิตร สุดยอดพระคาถา หมั่นภาวนา ใช้ได้ผลดี
พระคาถาของหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิจิตร ประกอบไปด้วยพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มภัยอันตราย แคล้วคลาดปลอดภัย มีเมตตามหานิยม มีโชคมีลาภ ทำมาค้าขายก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้น
(๑)คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
ให้ตั้ง นะโมฯ ๓จบ แล้วสำรวมจิตกล่าวคาถา
สิทธิพุทธัง กิจจังมะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลีติ
สิทธิธัมมัง จิตตังมะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลีติ
สิทธิสังฆัง จิตตังมะมะ เงินทองไหลมา นะชาลีติ
ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุเม
(๒)คำบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
ให้ตั้ง นะโมฯ ๓ จบ แล้วสำรวมจิตกล่าวคำบูชา
อะกะ อะธิ อะธิ อะกะ ธิอะ กะอะ
วันทามิ อาจาริยัญจะ หิรัญญะ
นามะกัง ถิรัง สิทธิ ทันตัง มหาเตชัง
อิทธิ มันตัง วะสาทะรัง
(สิทธิ พุทธัง กิจจัง มะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ ธัมมัง จิตตัง มะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ สังฆัง จิตตัง มะมะ เงินทองไหลมา นะชาลี ติ ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุ เม)
(๓)คาถาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
ให้ตั้ง นะโมฯ ๓ จบ แล้วสำรวมจิตกล่าวคาถา
นะ พุทธัง อะระหังเมตตาจิต
นะ ธัมมัง อะระหังเมตตาจิต
นะ สังฆัง อะระหังเมตตาจิต
เอหิพุทธัง ปิยังมะมะ... -
สาธุ! เปิดตำนานเขาคิชฌกูฏ ทำไมคนถึงหลั่งไหลไปแน่นทุกปี
เปิดตำนาน “เขาคิชฌกูฏ” จันทบุรี ทำไมคนถึงหลั่งไหลไปแน่นทุกปี ฟังแล้วอยากจะไปสักการะขึ้นมาทันที ถ้าพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ต่างๆ ที่ผู้คนนิยมไปสักการะบูชากราบไหว้ หนึ่งในนั้นต้องมี “เขาคิชฌกูฎ” ที่จังหวัดจันทบุรีอย่างแน่นอน !
ยอด “เขาคิชฌกูฏ” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เขาคิชฌกูฏ ที่จังหวัดจันทบุรี เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ “รอยพระพุทธบาท” มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ มีรอยลึกประมาณ 2 เมตรเศษ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ค้นพบที่ยอดเขาพระบาทห่างจากที่ทำการอุทยานเขาคิชฌกูฏราว 4 กม.
ที่มาของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฏอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธเป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมโดยรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฏ (พลวง)... -
พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกราบ ‘หลวงปู่โคกสี’ เกจิดังอีสาน พระนักพัฒนา เจ้าอาวาสวัดศิริธรรมิกาวาส...
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ม.ค. นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำคณะเข้ากราบไหว้พระครูสิริสารธรรม (สมจิตร ปฏิมิตโต) หรือหลวงปู่โคกสี อายุ 73 ปี 52 พรรษา อดีตเจ้าอาวาสวัดศิริธรรมิกาวาส อดีตเจ้าคณะตำบลโคกสี และอดีตที่ปรึกษารองอธิการบดีวิทยาเขตขอนแก่น ซึ่งมรณภาพเมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 6 พ.ย. 2558 ณ โรงพยาบาลขอนแก่น โดยวันที่ 20 ม.ค. จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุพิเศษ ปราสาทพญานกหัสดีลิงค์ วัดศิริธรรมิกาวาส บ้านโคกสี ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ เข้ามากราบไหว้สรีระสังขารหลวงปู่โคกสี และทอดผ้าไตรบังสุกุล พร้อมทำบุญหน้าเมรุพิเศษประสาทพญานกหัสดีลิงค์อย่างเนืองแน่น
พระครูสมุห์ สำรวย รกฺขติจิตโต เจ้าคณะตำบลโคกสี เผยว่า พระครูสิริสารธรรม หรือ หลวงปู่โคกสี มีชาวพุทธศาสนิกชนที่เคารพนับถือทั่วภาคอีสาน รู้จักท่านเป็นอย่างดีในนาม“หลวงปู่จิต” หรือ “หลวงปู่โคกสี” พระนักพัฒนาโดยเฉพาะใน อ.เมืองขอนแก่น เกจิดังของภาคอีสานสายพระหลวงปู่เหลา วัดบ้านโคกสี จ.ขอนแก่น ได้ละสังขารที่รพ.ขอนแก่น... -
เคล็ดลับ บุญที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้เงิน ! แม้ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
เรามักได้ยินใครๆพูดกันว่า ไปทำบุญ ซึ่งส่วนใหญ่ จะหมายถึงการทำบุญตักบาตร การไปวัด การให้ทานสิ่งของเครื่องใช้ หรือเงินทอง การปล่อยนกปล่อยปลา การบริจาคเงินสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างโรงเรียนหรือการบริจาคเงินให้มูลนิธิและอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เงินในการทำบุญทั้งนั้น
เราต้องใช้เงินซื้อหาอาหารมาทำบุญ หรือซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้ หรือใช้เงินบริจาคให้ไป ถ้าการทำบุญต้องใช้เงินเสมอ คนจนที่แทบไม่มีเงินพอซื้ออาหารและเสื้อผ้า ก็จะไม่มีโอกาสทำบุญเลยใช่ไหม
อันที่จริงแล้ว หลักแห่งการทำบุญนั้นมีถึง 10 วิธี ดังนี้:
บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ คือ หนทางแห่งการทำบุญหรือทำความดี 10 วิธี
(bases of meritorious action)
1. ทานมัย (merit acquired by giving)
เป็นการทำบุญด้วยการให้สิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค หนังสือ หรือแม้แต่เงินบริจาค จัดเข้าเป็นการให้ทานทั้งสิ้น (การให้บุหรี่ เหล้า ยาพิษ สินบน ค่าจ้าง อาวุธ ไม่ถือเป็นการทำบุญ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่นำซึ่งความสุขความเจริญ ไม่เป็นการทำความดี) ซึ่งมีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว ที่การทำบุญต้องใช้เงิน
2. สีลมัย (by observing... -
ลูกศิษย์แห่กราบสรีระสังขาร”หลวงพ่อเพี้ยน”ไม่เน่า-ใบหน้าเหมือนยิ้ม หลังนำร่างขึ้นมาห่มผ้าให้ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ม.ค. บรรดาลูกศิษย์เปิดหีบเพื่อสำรวจดูความเรียบร้อย พร้อมนำสรีระสังขารของหลวงพ่อเพี้ยน (อัคคธัมโม) เกจิชื่อดัง จ.ลพบุรี มาห่มผ้าให้ใหม่ ซึ่งหลังจากเปิดหีบ ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะนอกนากสรีระสังขารท่านไม่เน่าสลายไปตามกาลเวลาแล้ว ใบหน้าของท่านยังยิ้มอย่างมีเมตตาอีกต่างหาก
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ค ภัทรภณ ยอดวัน ถ่ายภาพ พร้อมวิดีโอ ขณะนำสรีระสังขารของหลวงพ่อขึ้นมา พร้อมเขียนบรรยายว่า “เปิดหีบดูความเรียบร้อยและได้นำสรีระสังขารหลวงพ่อห่มผ้าให้ใหม่ (ท่านยิ้มนะ) มีความรู้สึกเหมือนท่านยังอยู่กับอาตมาและศิษย์ทุกคน”
สำหรับ หลวงพ่อเพี้ยน (อัคคธัมโม) แห่งวัดเกริ่นกฐิน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ละสังขารเมื่อวันที่ 16 พ.ย.60 เวลา 03.25 น. สิริอายุ 92 พรรษา หลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก กรุงเทพมหานคร ด้วยโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งโรคไต ปอดติดเชื้อ อาการหนักจนน้ำท่วมปอด
ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_714531 -
วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร
โดย
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
ต่อไปนี้ ตั้งใจอธิษฐานทำสมาธิภาวนา อุกาสะ ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิภาวนา เพื่อปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เพื่อให้จิตของข้าพเจ้าเป็นสมาธิ สติ ภวังค์ รู้ธรรม เห็นธรรม ตามความเป็นจริงในคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการเทอญ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๆ ๆ แล้วสำรวมเอาคำว่า พุทโธ เพียงคำเดียว พุท พร้อมลมเข้า โธ พร้อมลมออก หรือถ้าการกำหนดลมมันลำบาก ก็นึก พุทโธ ๆ ๆ ๆ เพียงคำเดียว ทำจิตให้แน่วแน่ว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในจิตของเรา เราจะกำหนดเอาจิตของเรากับพุทโธให้อยู่ด้วยกัน ไม่พรากจากกัน ในชั้นต้นๆ ให้พยายามบริกรรมภาวนาพุทโธ ๆ ๆ นึกพุทโธด้วยความรู้สึกเบาๆ อย่าไปข่มจิต อย่าไปบังคับจิต แต่ว่านึกพุทโธไม่หยุด ผู้กำหนดรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับพุทโธ พุท ลมเข้า โธ ลมออก กำหนดรู้พร้อมกันอยู่อย่างนี้ แล้วไม่ต้องนึกว่า เมื่อไรจิตจะสงบ เมื่อไรจิตจะสว่าง เมื่อไรจะรู้โน่นเห็นนี่ ไม่ต้องไปนึกทั้งนั้น หน้าที่เพียงแค่นึกบริกรรมภาวนาพุทโธ ๆ ๆๆ อยู่ในจิตอย่างเดียว จิตจะสงบให้เป็นเรื่องของจิตเอง จิตจะไม่สงบก็ให้เป็นเรื่องของจิตเอง... -
กระดูกจะเป็นพระธาตุนั้นมีอยู่สองอย่างด้วยกัน
++ กระดูกจะเป็นพระธาตุนั้นมีอยู่สองอย่างด้วยกัน +++
พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่กระดูกจะเป็นพระธาตุนั้นมีอยู่สองอย่างด้วยกัน อย่างแรก ก็คือ #ตัวเองอธิษฐานให้เป็นพระธาตุ #อีกอย่างคือพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้เป็น
อย่างหลวงปู่มั่น #ท่านเกรงว่าคนจะไปยึดติดอยู่กับกระดูกของท่าน ท่านก็เลยไม่อธิษฐานให้เป็น ผ่านไปสามสิบกว่าปี #ลูกศิษย์ท่านกระดูกแปรสภาพเป็นพระธาตุไปหลายต่อหลายองค์ แต่ท่านไม่เป็นสักที คนก็ชักสงสัยว่าหลวงปู่มั่นปฏิบัติดีจริงหรือเปล่า ?#ถ้าปฏิบัติดีจริงทำไมกระดูกไม่เป็นพระธาตุ ? พระท่านก็เลยต้องสงเคราะห์ให้เป็น #สรุปว่ามาเปลี่ยนเป็นพระธาตุเอาทีหลัง"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน) เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔
************************************************************************* -
“ที่มาเมื่อกี้นี้น่ะ เพิ่นงามนะ”!! หลวงปู่ผู้ไม่รู้จักสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙
“หลวงปู่ชอบ” แผ่เมตตาถวาย ในฐานะทรงเป็น พ่อจ้าวหลวง…แม่จ้าวหลวง ที่ทรงเป็นยอดคนแห่งแผ่นดิน และทรงเป็นปิ่นปักรักษาแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์จริง ๆ ของพ่อจ้าวหลวงและแม่จ้าวหลวง ท่านก็ดูเหมือนจะไม่รู้จัก
สำหรับเรื่องที่ “หลวงปู่ชอบ” ได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และไม่ทราบว่าท่านคือ “แม่จ้าวหลวง” ที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณถวายอุปการะเนือง ๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของพระป่ากันจริง ๆ
มีเหตุการณ์หนึ่ง… จำได้ว่าเป็นคืนวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธาน….ในการสวดพระอภิธรรมที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพิธีธรรมสวดให้เป็นการบำเพ็ญกุศลถวาย..พระคณาจารย์ที่มรณภาพด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ณ วัดพระศรีมหาธาตุ
เมื่อทรงทราบว่า “หลวงปู่ชอบ” ได้มาในงานนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ก็เสด็จ ฯ จากพระเก้าอี้ที่กำลังประทับอยู่ ไปทรงกราบนมัสการด้วยความเคารพ ประทับบนลาดพระบาท ทรงหมอบกราบ และทรงประนมพระหัตถ์ตลอดเวลาที่มีพระราชกระแสรับสั่งกับหลวงปู่
ผู้เขียน(คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต)... -
"มารไม่มี บารมีไม่เกิด" พึงระวังมาร 8 ตัวนี้ให้ดี! โดยครูบาศรีวิชัย
"มารไม่มี บารมีไม่เกิด" พึงระวังมาร 8 ตัวนี้ให้ดี! โดยครูบาศรีวิชัย
ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นครูบาที่ได้รับการนับถือมากที่สุดในแผ่นดินล้านนาและแผ่นดินไทย ท่านเกิดในหมู่บ้านยากจนที่บ้านปาง จ.ลำพูน นับตั้งแต่ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านก็มุ่งหน้าศึกษาธรรมและยังประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตของท่าน
โดยเฉพาะการสร้างและบูรณะวัดวาอารามทั่วแผ่นดินล้านนา ด้วยหวังจะให้เป็นที่ขัดเกลาจิตใจ และเป็นศูนย์รวมในการทำความดีของศรัทธาประชาชนทั่วไป คนทั้งประเทศต่างถิ่นมักจะรู้จักท่านในผลงานสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ที่เป็นผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งจากหลายร้อยผลงาน
ตลอดชีวิตของท่านต้องพบ “มาร” มาขัดขวางการสร้างบุญบารมีตลอดเวลา ต้องถูกใส่ป้ายสีจนต้องอธิกรณ์มีการสอบสวนหลายครั้ง กักขังท่านเป็นระยะๆ มารทำกับท่านมากมายสารพัด เพียรพยายามจะ”สึก”ท่านให้ได้ด้วยอุบายต่างๆ ในท่ามการมรสุมร้ายเหล่านี้ ครูบาเจ้าท่านนิ่งสงบ มีเมตตา มีอุเบกขาเป็นที่ตั้ง
ท่านเพียงบอกว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” ในชีวิตคนเรานั้น “มาร”มาในรูปแบบต่างๆ เพื่อทดสอบว่า เราเป็นผู้มีบุญบารมีระดับใด
พึงระวังมาร 8 ตัวนี้ให้ดี
1.“มาร”... -
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน วิธีปฏิบัติเมื่อถูกทำร้าย
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน วิธีปฏิบัติเมื่อถูกทำร้าย
ปัญหา เมื่อภิกษุถูกเบียดเบียนทำร้าย ทางพระพุทธศาสนาสอนให้พิจารณาอย่างไร ?
พุทธสารีบุตรตอบ “.....ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย หากชนเหล่าอื่นจะพยายามทำร้ายภิกษุนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ คือด้วยการประหารด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยการประหารด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยการประหารด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยการประหารด้วยศัสตราบ้าง ภิกษุนั้นย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายนี้เป็นสภาพที่เป็นไปด้วยการประหาร ด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง.... ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง อนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ในพระโอวาทอันเปรียบด้วยเลื่อยดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ว่าพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า พึงตัดทอนอวัยวะใหญ่น้อยทั้งหลายด้วยเลื่อยอันมีด้ามสองข้างไซร้ ภิกษุผู้ที่ยังใจให้ประทุษร้ายในโจร แม้พวกนั้นย่อมไม่เชื่อว่าทำตามคำสอนของเรา..... อนึ่ง ความเพียรอันเราปรารภแล้ว จักไม่ย่อหย่อน สติอันเราตั้งไว้มั่นแล้วจักไม่หลงลืม กายอันเราให้สงบแล้ว จักไม่กระวนกระวาย จิตอันเราตั้งไว้มั่นแล้ว จักมีอารมณ์อย่างเดียว การประหารด้วยฝ่ามือ.... ด้วย ก้อนดิน....... -
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น
ปัญหา มีบางคนกล่าวว่า หัวใจของพระพุทธศาสนา คือ “ธรรมทั้งปวงที่ไม่ควรยึดมั่น” ดังนี้ พระพุทธองค์ตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนจอมเทพ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ถ้าข้อนั้นภิกษุได้สดับแล้ว ภิกษุนั้นย่อมทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นความหน่าย พิจารณาเห็นความดับ พิจารณาเห็นความสละคืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่นย่อมสะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้เฉพาะตัว และทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูก่อนจอมเทพ กล่าวโดย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้ว ในธรรมเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา มีความสำเร็จอันยิ่งยวด ถึงที่สุดอันยิ่งยวด... -
วัดพระบาทน้ำพุขอบิณฑบาต ข้าวสาร-ขนมเลี้ยง2พันชีวิต
เมื่อวันที่ 18 มค ที่ เดอะฮอล์ล ชั้น 2 ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือเจ้าคุณอลงกต ติกขปุณโญ เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี เดินทางมาบรรยายธรรมในหัวข้อเรื่องธรรมะในชีวิตประจำวันซึ่งเน้นให้พุทธศาสนิกชนได้ใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิต และมีสติ ซึ่งการจัดบรรยายธรรมครั้งนี้มี น.ส.กัลยา สุขสถาพร ผอ.ฝ่ายการเป็นประธานและมีพุทธศาสนิกชนที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของห้างจำนวนกว่า 300คน มาร่วมฟังเป็นเวลานาน 2 ช.ม. จากนั้นเจ้าคุณอลงกต ได้มอบปฎิทินที่ระลึก 25 ปี วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งภายในเป็นภาพธนบัตรต่างๆในรัชกาลที่ 9 ก่อนเดินบิณฑบาตรับสิ่งของและปัจจัยจากร้านค้าและประชาชนที่เดินอยู่ภายในศูนย์การค้า
เจ้าคุณอลงกต กล่าวว่า ขณะนี้วัดพระบาทน้ำพุไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและสิ่งที่ดีขึ้นคือผู้ป่วยด้วยHIV มีทางรักษามากขึ้นและสามารถมีชีวิตยืนยาวกว่าเมื่อก่อนทำให้ประชากรที่อยู่ในพระบาทน้ำพุมีจำนวนมากขึ้นถึง 2 พันชีวิตแต่ละวันต้องใช้ข้าวสาร อาหารจำนวนมาก สิ่งที่อยากได้นอกจากของใช้จำเป็นเช่นสบู่ยาสีฟัง ผ้าอนามัย ของใช้ส่วนตัวต่างๆ ยังต้องการข้าวสาร... -
คนจะก้าวเข้าใกล้ความดี มารเขาก็กันสุดชีวิต
<<< คนจะก้าวเข้าใกล้ความดี มารเขาก็กันสุดชีวิต >>>
ถาม : เป็นอะไรไม่ทราบค่ะ ชอบปรามาสพระรัตนตรัย เมื่อก่อนไม่เป็น แต่ตอนนี้เป็น ?
ตอบ : เรื่องปกติ..#คนจะก้าวเข้าใกล้ความดี #มารเขาก็กันสุดชีวิต เพราะถ้าเรายังปรามาสพระรัตนตรัยอยู่ เราก็ก้าวเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้ #ถ้าคนไม่ได้เดินใกล้ประตู #เขาไม่กันให้เสียเวลา เพราะฉะนั้น..เขารู้ว่าเราใกล้ความดี เขาถึงกันเรา
#ให้เราตั้งหน้าตั้งตาขอขมาพระไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่หวั่นไหว รู้ทัน เราขอขมาพระไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจ เขารู้ว่ากันเราไม่อยู่ เขาก็ปล่อย เขาแค่กวนน้ำให้ขุ่น #ถ้าเรามัวแต่ไปขุ่นและกังวลอยู่ #เราก็ไม่ก้าวหน้าเสียที
#ถ้าสติสัมปชัญญะเราสมบูรณ์ #เราไม่คิดไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าเราไม่หวั่นไหว ขอขมาไปเรื่อย #เขาทนคนหน้าด้านไม่ไหว #ก็ถอยไปเอง หลังจากนั้นก็ไม่มาอีก เพราะเขารู้ว่าทำให้เราหวั่นไหวไม่ได้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔
************************************************************ -
หลวงพ่อปานปราบเจ้าของวิชาคุณไสย
จาก หนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท (พระครูวิหารกิจจานุการ)
ผู้เขียน หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน)
หลวงพ่อปานปราบเจ้าของวิชาคุณไสย
เรื่องนี้มันยังไม่จบนา ความจริงเรื่องนี้ฉันจะพูดให้มันสั้นมันก็ไม่สั้นสักที เอาว่ากันไปซิ ต่อมาเจ้าลาวที่รับจ้างทำเด็กคนนั้น ไม่ได้รับค่าจ้าง ๒๐๐ บาท มันไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเด็กไม่ตาย วันหนึ่ง ตอนที่ฉันบวชแล้ว บวชแล้วไม่นาน หมายความว่าวันเวลามันล่วงไปสักเดือนกว่าๆ ก็มีเจ้าลาวคนหนึ่งมาพักอยู่ที่ป่าช้า พระถามว่ามายังไง ก็ตอบเดินมา ให้มาพักในกุฏิแกก็ไม่ชอบ แกบอกว่าแกชอบพักในป่าช้า แกก็แสดงวิชาการต่างๆ ให้ปรากฏพระก็ชอบใจ พระอยากจะเรียนมั่ง ก็ตักน้ำตักท่าเอาผ้าเอาเสื่อเอาหมอนเอามุ้งไปให้ แต่พอตกกลางคืนตอนตี ๒ หลวงพ่อปานลุกขึ้นมาเรียกฉัน เอาไม้เอาหวายของท่านนะที่สำหรับตีผี เอาหวายสำหรับตีผีมาแหย่หลังฉันเรียกว่า ลิงดำเอ๊ย... ลุกเถอะ พ่อมีธุระ ฉันก็ลุกทันที ตอนนั้นฉันเป็นคนตื่นไว เพียงแต่ไม่ต้องจับตัวหรอก ยืนห่างๆ เรียกเบาๆ ฉันก็ตื่น เพราะจิตคิดอยู่เสมอว่าพร้อมจะตื่น ทีนี้จิตน่ะมันฝึกง่าย
เมื่อตื่นขึ้นมาท่านก็พาไป ตะเกียงมันจุดอยู่... -
เปิดทางสว่างให้กับชีวิต!!! คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก คุ้มภัย อุปสรรค เสนียดจัญไรไม่เข้าใกล้
ความศักดิ์สิทธิ์ของ “ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” ที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนาน ก่อให้เกิดความเคารพศรัทธาหลวงปู่ทวดกันอย่างกว้างขวาง โดยการสวดคาถาบูชาหลวงปู่ทวด "นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา" เห็นผลทางด้านแคล้วคลาด ป้องกันภัยอย่างมาก จึงนิยมสวดก่อนขึ้นรถ ลงเรือ จะทำให้ปลอดภัยจากอันตราย หรือหากต้องไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย เข้าป่าดงพงไพร สวดคาถานี้เป็นการคุ้มครองตนได้เป็นอย่างดี เสมือนกับการอาราธนาพระหลวงปู่ทวดขึ้นคอก็ฉันนั้น…
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกหนึ่งพระคาถาหลวงปู่ทวด ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เป็นการเพิ่มพลังพุทธคุณให้เกิดความเข้มขลัง นั่นคือ “คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก” โดยการนำอักขระมงคล “นะโมพุทธายะ” ซึ่งเป็นคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ และเป็นอักขระที่ใช้แทนแม่ธาตุใหญ่ น้ำ ดิน ไฟ ลม อากาศ ซึ่งเป็นธาตุที่ก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่งไว้ด้านหน้าและด้านหลัง จึงถือเป็น “คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก” อันศักดิ์สิทธิ์
ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่าดังนี้
“นะ เปิด โม เปิด พุท เปิด ธา เปิด ยะ เปิดโลกด้วย
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา ยะธาพุทโมนะ”
ในบทที่สองนั้น... -
วัวหาย 16 ตัว..คนเลี้ยงโค ตามหาจนพบเข้ากับพระพุทธเจ้าในป่า จึงถามพระพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นใคร”
วัวหาย 16 ตัว..คนเลี้ยงโค ตามหาจนพบเข้ากับพระพุทธเจ้าในป่า จึงถามพระพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นใคร”
ณ ครั้งพุทธกาล… พระพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่กลางป่า ช่วงปลายฝน ต้นหนาว มีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพ เป็นคนเลี้ยงโค (นายโคบาล) ได้มาพบเข้ากับพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ทราบว่าเป็น พระพุทธองค์ จึงเข้าไปถามว่า
นายโคบาล : “ขอโทษขอรับ ท่านเป็นใคร ?”
พระพุทธเจ้า ทรงตรัสตอบว่า : “เรา ตถาคต”
นายโคบาล ตกใจ บอกว่า : “พระองค์มานั่งอยู่กลางป่าได้อย่างไร พระองค์มีความสุขไหม ?”
พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสตอบว่า : “เธอรู้ไหม ในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ฉันเป็นหนึ่งในนั้น”
นายโคบาลได้ยินพระดำรัสเช่นนั้น ถึงกับตัวชาและมีความปิติ ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์
พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า : “เธอกำลัง ทำอะไร”
นายโคบาล ตอบกลับไปว่า : “กระหม่อมฉัน ตามหาวัว 16 ตัว ขอรับ”
พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า : “แล้วตอนนี้ วัว อยู่ไหน”
นายโคบาล ตอบกลับไปว่า : “วัวหาย ทั้งหมดเลยขอรับ”
พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า : “เธอ คิดว่าฉันมีวัวไหม?”
นายโคบาล ตอบกลับไปว่า : “ไม่มี ขอรับ”
พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า : “คน ไม่มีวัวอย่างฉัน มีโอกาสทุกข์เพราะไม่มีวัวไหม... -
บทสวด ขออโหสิกรรม “ทำแล้วจะพบชีวิตใหม่” (สมเด็จพระพุฒาจารย์)
แจกบทสวด ขออโหสิกรรม “ทำแล้วจะพบชีวิตใหม่” (สมเด็จพระพุฒาจารย์)
บทอธิษฐานขออโหสิกรรม
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
“กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม.”
กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย
แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้ง ครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอได้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ ลงพลันสำเร็จ... -
พระพุทธองค์ตรัสไว้ ๔ ประการ ที่ไม่ว่าใครก็ทำแทนไม่ได้ แม้แต่พระองค์ก็ทำแทนไม่ได้
พระพุทธองค์ตรัสไว้ ๔ ประการ ที่ไม่ว่าใครก็ทำแทนไม่ได้ แม้แต่พระองค์ก็ทำแทนไม่ได้
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเราแม้ใครจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใดแต่ก็มีสี่ประการที่ไม่สามารถทำได้พุทธสาวกถามพระพุทธองค์ว่า “ในเมื่อพระองค์เป็นผู้ที่มี ความเมตตา แลมีอิทธิฤทธิ์มากมายไม่มีประมาณแล้ว เหตุใดเล่ายังมีคนที่ลำบากอยู่?”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “พระองค์แม้จะมีอิทธิฤทธิ์มาก เพียงไรแต่ก็ไม่สามารถดลบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้เพราะวิบากกรรมที่ทำกันไว้เป็นเรื่องแต่ละบุคคลที่สั่งสมกันมาข้ามภพข้ามชาติ”
วิบากกรรมเปลี่ยนแปลงหรือรับแทนกันไม่ได้
1. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้ไม่มีใครรับแทนได้คนนั้นต้องรับเอง
2. ปัญญาให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองถึงจะเกิดปัญญาได้
3. ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาลต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง
4. คนที่ไม่มีวาสนา ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา
คนที่ไม่ได้สั่งสมบุญมาด้วยกันต่อให้พระมาโปรดก็ไม่ศรัทธาและไม่เข้าใจ... -
วิทยาศาสตร์ชี้"โทรจิต"มีจริง!ไม่แปลกที่พระสงฆ์ 1,250 รูป รวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล!
วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชี้ "โทรจิต" มีจริง !!! จึงไม่แปลกเลยที่ พระสงฆ์ 1,250 รูป จะรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล !!!
วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์รวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย 1,250 รูป และเชื่อว่ามีหลายคนเคยสงสัยว่า ทำไมพระสงฆ์ตั้งมากมาย ถึงมาสถานที่เดียวกัน วันเดียวกัน หรือเวลาเดียวกันพร้อมๆกันได้ โดยมิได้นัดหมาย วันนี้เราเลยจะมาคุยกันเรื่องนี้ โดยเราจะนำวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเข้ามาผนวกให้เห็นถึงความเป็นไปได้เมื่อเทียบกับการพิสูจน์ในทฤษฎีที่กำลังหาคำตอบในปัจจุบันนั่นคือ "โทรจิต"
หากพูดถึงคำว่า โทรจิต หลายคนคงคุ้นเคยกับคำนี้กันเป็นส่วนใหญ่ โทรจิต คือการสื่อสารแบบหนึ่ง แต่ไม่ได้ผ่านจะการพูดคุยหรือใช้สัญลักษณ์ต่างๆ และโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกัน คือการสื่อสารที่ส่งผ่านกันรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหมด แม้จะอยู่ไกลกันคนละซีกโลกก็ตามแต่โดยส่วนใหญ่เราจะรู้จักโทรจิต หรือ เทเลพาธี ได้จากในนิยาย หรือละคร แต่รู้หรือไม่ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ มีทฤษฎีว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือให้การสื่อสารแบบเทเลพาธีระหว่างคนต่อคนเป็นความจริงขึ้นมาได้... -
เผาสังขาร’พ่อคูณ’ปลายปีนี้ เน้นเรียบง่ายตามพินัยกรรม
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ห้องประชุมสิริคุณากร 5 ชั้น 4 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุมเตรียมจัดพิธีฌาปนกิจสรีระสังขาร พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณปริสุทโธ) โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น พร้อมศิษยานุศิษย์หลวงพ่อคูณ และญาติ รวมทั้งกรรมการบริหารวัดบ้านไร่ ที่มาจากวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เข้าร่วม โดย รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมระหว่าง จ.ขอนแก่น ทีมงาน มข.กับทาง จ.นครราชสีมา และกรรมการวัดบ้านไร่ ศิษยาศิษย์ของหลวงพ่อคูณ เพื่อที่จะมาเตรียมการฌาปนกิจหลวงพ่อคูณ เพราะเดือน มิ.ย. 2561 จะสิ้นสุดเวลาที่หลวงพ่อคูณ ได้มอบสรีระสังขารให้กับคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้ศึกษาหาความรู้ในร่างของท่าน และได้มีพินัยกรรมระบุไว้ว่าให้บำเพ็ญกุศลพร้อมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่นๆ หลังจากนั้นให้นำไปทำพิธีฌาปนกิจ ณ วัดหนองแวง พระอารามหลวงหรือวัดอื่นๆตามที่เห็นสมควรใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ดังนั้นเมื่อพินัยกรรมระบุไว้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาแล้วขอให้นำร่างของท่านไปเผาไว้ที่วัดหนองแวง
รศ.นพ.ชาญชัย... -
14 คาถารักษามิตร โดย หลวงพ่อจรัญ
14 คาถารักษามิตร โดย หลวงพ่อจรัญ
หลักการรักษาน้ำใจมิตร ควรติ ตักเตือนคนที่ท่านรัก…
1. อย่านำความบกพร่องของเขาไปพูดในที่ลับหลัง
2. อย่าติเตียน เตือนเขา ต่อหน้าบุคคลที่สาม หรือมีบุคคลอื่นอยู่หลายคน
3. ขอโอกาสเขาก่อน ก่อนจะชี้ความบกพร่องของเขา
4. เตือน ชี้ความบกพร่องของเขา ในขณะที่เขาอารมณ์ดี
5. อย่าพูดว่าเขาใช้ไม่ได้ เพราะมีความบกพร่องตรงนั้น แต่พึงพรรณนาความดีทั้งหลายของเขาก่อน แล้วจึงพูดว่าถ้าเขาแก้ไขตรงนั้นได้ เขาที่จะดีสุด ดีไม่มีที่ติ
6. ศิลปะการชม ไม่ชมเขา ชมเครื่องแต่งกาย ชมพาหนะ ชมน้ำเสียง ความรู้ หลักจิตวิทยา ชมมิตรของเขา เขาย่อมภาคภูมิใจ เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาจะรักเรา แม้ศัตรูก็จะหายโกรธเรา
7. เขาป่วย คนที่เกี่ยวข้องกับเขาป่วย ตาย จงแสดงความช่วยเหลือเกื้อกูลเขาอย่างจริงใจ เขาจะประทับใจมิรู้ลืม
8. เขาทุกข์มีปัญหา ประสบความล้มเหลวในชีวิต อย่าทอดทิ้งเขา เข้าใจ เห็นใจ และให้กำลังใจเขา
9. เขาเข้าใจผิดตัดพ้อต่อว่า อารมณ์ฉุนเฉียว อย่าถือ อย่าโกรธ เขาอารมณ์ดีเมื่อใดจงชี้แจงให้เขาเข้าใจ
10. มีความจริงใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พูดเท็จต่อเขา
11. มิตรดีมีค่ากว่าทรัพย์... -
ภรรยา 7 ประเภท ที่พระพุทธองค์ทรงจำแนกไว้
ภรรยา 7 ประเภท ที่พระพุทธองค์ทรงจำแนกไว้
ตามหลักพระพุทธศาสนา ได้แบ่งประเภทของภภรรยาไว้ด้วยกันทั้งหมด 7 ประเภท โดยที่แต่ละประเภท จะมีลักษณะนิสัย จิตใจ พฤติกรรม ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.ภรรยาที่เป็นเหมือนเพชฌฆาต
เป็นภรรยาที่มีจิตคิดทำร้ายสามีของตนอยู่ตลอดเวลา ไม่อนุเคราะห์ช่วยเหลือสามีของตนด้วยประการทั้งปวง สนใจแต่ประโยชน์ของตน ยินดีและลุ่มหลงในชายอื่นที่หล่อหรือรวยกว่า ดูหมิ่นสามีของตน คิดจะขจัดสามีของตนไปไกล ๆ หรือฆ่าให้ตายเสีย ภรรยาประเภทนี้ ไม่ได้มีจิตรักใคร่สามีของตนเลย อาจถูกซื้อตัวมา หรือแต่งงานเพราะหวังในทรัพย์สินของสามีเพียงเท่านั้น อาจจะพยายามฆ่าสามีเมื่อมีโอกาส เพื่อหวังในทรัพย์สิน มรดก เงินประกัน ฯลฯ
2. ภรรยาที่เป็นเหมือนโจร
ภรรยาประเภทนี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดอยากฆ่าสามีของตน แต่มีสันดานเป็นโจรแก้ไม่หาย รักใคร่ในทรัพย์สินของสามีเพียงเท่านั้น ถึงแม้สามีจะขยันขันแข็งได้ทรัพย์มาโดยทางใด ก็เก็บงำไว้ไม่อยู่ เพราะภรรยาประเภทนี้จะยักยอกทรัพย์ของสามีเสียให้หมด เพื่อความสุขของตัวเองเท่านั้น ความร้ายแรงของภรรยาประเภทนี้ อาจถึงขั้นปอกลอกให้สามีหมดทรัพย์สินทุกอย่างที่มี... -
พร 8 ข้อที่ “พระอานนท์” ทูลขอพระพุทธเจ้า
พร 8 ข้อที่ “พระอานนท์” ทูลขอพระพุทธเจ้า
ไม่ว่าประวัติศาสตร์มนุษยชาติจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี คุณสมบัติเพียงข้อเดียวที่เป็นยอดปรารถนาของคนทุกยุคทุกสมัย นั่นก็คือ ความเสียสละ ความเสียสละในความหมายของการให้ แม้แต่สิ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้ให้ ความเสียสละในรูปของการกล้าบรรจงปิดทองหลังองค์พระปฏิมา มิไยว่าผู้คนจะรับรู้หรือไม่ ความเสียสละในแบบฉบับที่ภิกษุนามว่า พระอานนท์ ได้เคยปฏิบัติเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว
เมื่อเทียบกับพระสาวกองค์อื่น พระอานนท์ดูจะเป็นสาวกที่ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้ามากที่สุด ความที่พระอานนท์มีศักดิ์เป็นน้องชายร่วมตระกูลกับพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นสหชาติ คือเกิดในวันเวลาเดียวกัน ทำให้การที่พระอานนท์บรรลุเป็นพระอรหันต์ช้ากว่าพระสาวกรูปอื่น ๆ กลายเป็นข้อครหาของใครหลายคนว่าใกล้เกลือกินด่าง แต่ใครเล่าจะรู้ความนัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
แรงจูงใจให้เสียสละเช่นนี้ จะเป็นเพราะเหตุใดไปไม่ได้ นอกเสียจากความยึดมั่นในประโยชน์ของชาวโลกมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เห็นได้จากพรทั้งแปดข้อ ที่ท่านทูลขอจากพระพุทธองค์... -
“หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” เมตตาชี้แนะคำอธิษฐาน แค่นี้เพียงพอแล้ว
“หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” เมตตาชี้แนะคำอธิษฐาน แค่นี้เพียงพอแล้ว
เวลาทำบุญควรอธิษฐานอย่างไร?
คนส่วนใหญ่เวลาทำบุญมักจะอธิษฐานว่า ขอให้รวย ขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ
แต่ที่จริงแล้วมีคำอธิษฐานที่ง่าย สั้น ครบวงจร และเป็นประโยชน์ครบถ้วนกว่ามาก
“หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” เคยสอนเรื่องนี้ไว้ว่า เวลาทำบุญให้อธิษฐานสั้น ๆ ไปเลยว่า
“ขอให้พบแต่ความดี … ไม่มีความทุกข์”
เพราะคำว่า “ความดี” นั้นรวมครบหมด ทั้งรวย สุขภาพดี มียศตำแหน่ง มีคนรักและเมตตา ฯลฯ
ส่วน “ความทุกข์” นั้นก็หมายถึงตัดสิ่งไม่ดีออกหมดทุกอย่าง ไม่มีทุกข์ ไม่มีโรคภัย ไม่มีอุปสรรค ไม่มีศัตรู ฯลฯ
ที่สำคัญคือ การพบแต่ความดีนั้นสำคัญมาก
เพราะถึงแม้เราจะขอพรจนร่ำรวยได้จริง แต่ถ้าไม่มีความดี เงินนั้นเราอาจเอาไปเล่นพนัน ไปซื้อยาบ้า สุดท้ายก็พาไปนรก
แม้จะมียศตำแหน่ง แต่ถ้าปราศจากความดีก็อาจเอาตำแหน่งนี้ไปข่มเหงรังแกคนอื่น คดโกงประเทศชาติ ก็มีนรกเป็นที่ไป
หรือแม้จะมีแต่คนรัก คนเมตตา แต่ถ้าหากเราไม่ดี เราก็อาจกลายเป็นคนเจ้าชู้ หลอกคนนี้ให้รัก คนนั้นให้หลง สุดท้ายก็ทะเลาะตบตีกันและไปนรกกันทั้งหมู่
“การขอให้พบความดี”... -
อ่านแล้วโดนใจมาก!! ถ้าคนไม่มีศีลจะรักกันยังไงก็อยู่ดัวยกันไม่ได้นาน
ขอให้เลือกคนที่มีศีลธรรมมาเป็นคู่ครอง
เวลาที่จะเลือกคนมาเป็นคู่ครอง ไม่ควรรีบร้อน พอได้เห็นหน้าตาแล้วถูกอกถูกใจ ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจอยู่ร่วมกันเลย ใช้เวลาทำความรู้จักกันก่อน ให้รู้ถึงแก่นแท้ก่อน อย่ารู้เพียงผิวเผิน
ต้องศึกษาให้รู้ถึงแก่นแท้ ให้รู้นิสัยสันดานว่าดีจริงหรือไม่ มีศีลทั้ง ๕ ข้อหรือไม่ ถ้ามีก็ถือว่าเป็นคนดี น่าใช้ชีวิตร่วมกัน
ถ้าจะให้เลือกระหว่างคนที่ร่ำรวยแต่ไม่มีศีลธรรม กับคนที่มีศีลธรรมแต่ไม่ร่ำรวย ก็ขอให้เลือกคนที่มีศีลธรรมจะดีกว่า จะไม่ผิดหวัง จะไม่เสียใจ ถ้าเลือกคนที่ร่ำรวยแต่ไม่มีศีลธรรม สักวันหนึ่งอาจจะทิ้งเราไปมีใหม่ก็ได้ เพราะเขามีเงินทอง เขาต้องการหาใหม่เมื่อไหร่ก็หาได้ จึงต้องใช้ปัญญาวิเคราะห์ศึกษา จะมีปัญญาได้ ก็ต้องมีศีล มีสมาธิ มีทานเป็นผู้ให้การสนับสนุน
เราจึงต้องปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ต้องทำบุญทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจริญปัญญา ใช้เหตุใช้ผล เวลาต้องการอะไร ต้องใช้เหตุใช้ผล ถามตัวเองว่าสิ่งที่อยากได้ เป็นสิ่งที่ดีจริงหรือไม่ เวลาไปซื้อของ เช่น ผลไม้ ยังเลือกกันเลย ว่าสดหรือไม่สด เน่าหรือไม่เน่า... -
ถ้าคุณได้เห็นข้อความนี้ แสดงว่าศีลเราเสมอกัน…..
ถ้าคุณได้เห็นข้อความนี้ แสดงว่าศีลเราเสมอกัน…..เรื่องดีๆ อยากให้อ่านกันทุกคนค่ะ
จะแปลกมั้ย? ถ้าคนอย่างผมที่เชื่อในการพัฒนาตัวเอง เชื่อในการควบคุมชะตาชีวิตด้วยตัวเราเอง จะบอกว่าเรื่อง “บุญ” เรื่อง “กรรม” นั้นมีอยู่จริง
คำว่า “ศีลต้องเสมอ” จึงจะได้พบนั้น เป็นเรื่องจริง
คำว่า “บุญถึง” นั้นไม่ใช่เรื่องที่หลอกให้คนเชื่อในบาปบุญ แต่มันมีอยู่จริง
เคยได้ยินคำว่า “บุญมี แต่กรรมบัง” มั้ยครับ? คำนี้ล่ะที่อธิบายได้ดีมาก ๆสำหรับคนที่ยังไม่ถึงเวลาของเขานั้น ต่อให้เราเคี่ยวเข็ญเท่าไหร่ เขาก็จะไม่มีวันสนใจในความหวังดีของเรา เพราะเขาถูก “กรรมบัง”ผมเองเคยเจอคนมาปรึกษาหลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวมีปัญหา ลูกชายกำลังเจอมรสุมชีวิต และอีกมากมายล้านเจ็ดสิบเอ็ด ทุกคนบ่นเหมือนกันว่า ฉันพยายามช่วยทุกอย่างแล้ว เขาก็ยังไม่ดีขึ้น จะทำอย่างไรดี? ผมเองได้แต่ตอบแบบให้กำลังใจไป ทั้งที่หลายครั้งอยากจะบอกเหลือเกินว่า “บุญ” ของเขายังไม่ถึง
ถ้าบุญไม่ถึง ต่อให้ยื่นความช่วยเหลือไปอย่างไรก็ไม่ได้ผล เอาหนังสือดี ๆ ไปวาง เขาก็จะไม่อ่าน ออกเงินให้ไปเข้าสัมมนา เขาก็ฟังไปหลับไป ชวนไปวัดไปวา เขาก็ไปให้เรา จะได้จบ ๆ ไป... -
มาดู 20 ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นเทวดามาเกิด มีบุญมาก ใครคบหาก็พาให้เจริญ
มาดู 20 ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นเทวดามาเกิด มีบุญมาก ใครคบหาก็พาให้เจริญ
ใน ความเชื่อของศาสนาพุทธแล้ว มนุษย์เป็นภพภูมิเดียวที่สามารถฝึกฝน ปฏิบัติจนบรรลุมรรคผลนิพพานได้ หรือดับทุกข์ ดับกิเกส หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ สามารถบวชเป็นพระแต่ภพภูมิอื่นๆ แม้จะอยู่สูงกว่ามนุษย์ มีกิเลสน้อยกว่า(แต่ก็ยังมีกิเลสอยู่) มีบุญมากกว่ามนุษย์ แต่ก็ไม่สามารถเข้าสู่กระแสนิพพานได้
ดังนั้นจึงมีความเชื่อ ที่เรามักจะได้ยินว่า “เทวดามาเกิด” ซึ่งก็เป็นจริง ที่ท่านอาจลงมาบวชเป็นพระในศาสนาพุทธ เพื่อบำเพ็ญเพียรให้หลุดพ้นจากทุกข์ จากกิเลส เข้าสู่กระแสนิพพานในที่สุด
วันนี้ เราจะขอนำเสนอ 16 ลักษณะนิสัยของผู้ที่เชื่อว่าเป็นเทวดามาเกิด เขาเหลานั้นดูมีความสงบ สำรวม เพียบพร้อม ใครๆ ก็ยกย่องนับถือให้เป็นครู เป็นที่ปรึกษา หรืออยากเป็นมิตร อยากเข้าใกล้ แล้วสบายใจ
ลักษณะของ ชาย/หญิง ที่มีความสงบ 16 ประการ
1. เป็นผู้ไม่ฉุนเฉียว
2. เป็นผู้ไม่หวาดหวั่น
3. เป็นผู้ไม่โอ้อวด
4. เป็นผู้ไม่ก่อความรำคาญ
5. เป็นผู้ไม่บ่น
6. เป็นผู้มีความอดทนได้ รอคอยได้
7. เป็นผู้พูดด้วยปัญญา
8.... -
พุทธมามกะที่ยูกันดา
พุทธมามกะที่ยูกันดา
การประกาศตนเป็นพุทธมามกะของนายลิฟวิ่งสตั้น มูเก็มเบ้
ณ ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ของท่านพุทธรักขิตเถระ
เมืองเอนเทบเบ้ ประเทศยูกันดา
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ผู้มีบุญชาวยูกันดาหลายท่าน ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ที่ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ได้รับการสถาปนาและก่อสร้างโดยท่านพุทธรักขิตะ จนสามารถเปิดใช้งานได้ในปี พ.ศ.2552 ในที่สุด
ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ห่างไกลจากถนนใหญ่ ทางเข้าและทางขึ้นเป็นถนนลูกรัง ไม่มีไฟฟ้าจากรัฐบาลเข้าไปถึง จึงต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ แต่พลังงานไฟฟ้าที่ได้ก็ไม่เพียงพอที่จะมาหุงหาอาหารได้เลย เพียงพอสำหรับหลอดไฟ 5-6ดวง เป็นเวลาไม่เกิน 5-6ชั่วโมงเท่านั้น
การประกาศตนเป็นพุทธมามกะ จัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของคอร์สปฏิบัติธรรม โดยมี นายลิฟวิ่งสตั้น มูเก็มเบ้ สมัครใจขอเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา โดยนายลิฟวิ่งสตั้นให้เหตุผลว่า “เพราะว่าภรรยาของผมเป็นชาวพุทธ ผมจึงอยากนับถือศาสนาพุทธตามภรรยา”
ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดา... -
ไขปริศนาญาณหยั่งรู้ของ "พระพุทธเจ้า" สามารถส่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วย "จิตที่เร็วเหนือแสง"
ไขปริศนาญาณหยั่งรู้ของ "พระพุทธเจ้า" เหตุใดพระองค์ถึงมองเห็นอนาคต !! เพราะ...สามารถส่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วย "จิตที่เร็วเหนือแสง"
ชาวพุทธเรามีความเชื่อกันอยู่อย่างหนึ่งว่า "พระพุทธเจ้าทรงมีญาณหยั่งรู้อนาคต" (หรือที่ภาษาพระเรียกว่า "อนาคตังสญาณ")
หากใครเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติก็จะพบว่า พระพุทธเจ้าทรงทำนายเหตุการณ์ในอนาคตเอาไว้มากมายหลายเรื่อง และคำทำนายเหล่านั้นก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน เพราะพระองค์ย่อมไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริงตามที่พูด
คำถามก็คือ "การหยั่งเห็นอนาคต" หมายความว่าอย่างไร?
หมายถึงการคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่? อย่างเช่น ถ้ารถยนต์วิ่งด้วยความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็สามารถคำนวณได้ว่า อีก ๗ ชั่วโมง รถคันนั้นจะต้องวิ่งได้ระยะทาง ๗๐๐ กิโลเมตร
การคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์นี้ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าหมายถึงอย่างนี้ การหยั่งเห็นอนาคตก็จะไม่ใช่ "การเห็น" จริงๆ แต่จะเป็นเพียงแค่ "การคาดคะเน" เท่านั้น ซึ่งอาจผิดพลาดได้ (เช่น รถเกิดยางแบนระหว่างทาง ทำให้วิ่งไปไม่ถึง ๗๐๐ กิโลเมตร)
การหยั่งเห็นอนาคตของพระพุทธเจ้าจะเป็น "การเห็น"...
หน้า 291 ของ 406