คลังเรื่องเด่น
-
ตำนาน หลวงพ่อกลั่น ยุดยา กำราบโจร ล่าเสือดำ !!!
หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ วัดพระญาติการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งพระเกจิผู้เลื่องชื่อ โดยเฉพาะในเรื่องอำนาจจิตของท่านนั้น ที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งในเรื่องเครื่องรางของขลังเหรียญของท่านนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความสุดยอดหนังเหนียว และแสดงอภินิหารเป็นที่ประจักษ์อยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธาแก่ชาวเมืองกรุงเก่าคนเมืองอยุธยาเป็นอย่างยิ่ง
ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็คงเป็นเพราะในตอนที่หลวงพ่อยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านเป็นคนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ในตอนวัยหนุ่มท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบในวิชากระบี่กระบอง การต่อสู้เป็นอย่างมาก การชกมวยของท่านนั้นดังกระฉ่อนไปไกล ท่านไม่เคยรังแกใครก่อนแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกท่านเช่นกัน จัดว่าเป็นหนุ่มกระทงที่มีใจนักเลงไม่กลัวใครหน้าไหนคนหนึ่ง
เมื่อช่วยพ่อแม่ทำนาจนโตตอบแทนบุญคุณบุพการี จนเป็นการสมควรแล้ว ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน และเรียนรู้วิชาอาคมจนแก่กล้า เมื่อฝึกฝนวิชาต่างๆจนเชี่ยวชาญแล้ว ก็ได้ออกธุดงค์ไปทั่วตามป่าเขาลำเนาไพร ขึ้นเหนือล่องใต้จนกระทั่งมาอยู่ที่วัดพระญาติการามในที่สุด... -
พระอาจารย์เตือนเรื่อง "ชีวิตการครองเรือนของฆราวาส"
พระอาจารย์เตือนเรื่อง "ชีวิตการครองเรือนของฆราวาส"
*************************************************************************
ถ้าต้องเกิดมาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ มาเกิดในร่างกายที่มีความทุกข์อย่างนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ เพราะว่าทุกอย่างจะรุมเร้าเข้ามา ถ้าหากว่าตัวคนเดียวอย่างเก่งก็เจ็บป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย
แต่ถ้าหากว่า ๒ คน ตอนนี้เราไม่ป่วยแต่เขาป่วย เราก็เหมือนกับป่วยไปด้วย เราไม่หิวเขาหิว ก็เหมือนกับเราหิวด้วย ถ้าหากว่า ๓ คนขึ้นไปยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเราตัวเขาไม่เป็นไร แต่ไอ้ตัวเล็กนี่อย่างไรก็ไม่ได้ เราจะหิวแค่ไหนเขาก็ห้ามหิว ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ต้องรับผิดชอบเขาให้ดีที่สุด
นี่เป็นการสร้างความทุกข์ทับถมตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็จมลึก ดิ้นไม่หลุด เหมือนกับตกอยู่ในหล่มโคลนดูด
ตอนนี้เรามาอยู่ในสภาพนี้ ถือว่าเราก้าวพ้นหล่มขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะห่างออกไปไกลไม่ได้ ยังอยู่ใกล้ก็ตาม ขอให้พยายามตะเกียกตะกาย ไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด แม้ว่าบางคนยังไม่พ้นหล่ม แต่เราก็ชูคอขึ้นมาเหนือโคลนแล้ว ยังสามารถหายใจได้ ยังสามารถหาช่องทางดิ้นรนเพื่อที่จะให้พ้นได้... -
สร้างบุญเอาไว้ดี ย่อมได้เกิดในที่ดี
สร้างบุญเอาไว้ดี ย่อมได้เกิดในที่ดี
ในเรื่องของบุญเกี่ยวกับสถานที่ ถ้าหากว่าสร้างบุญไว้ดี ก็ได้เกิดในที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เคารพบูชา บางคนต้องตะเกียกตะกายไปไกล บางคนก็เกิดที่ข้างรั้ววัดนี่เอง
บุคคลที่สร้างบุญเอาไว้ดี ก็เกิดในที่ที่เหมาะสม อยู่ใกล้พุทธสถานที่สำคัญ หรือว่าใกล้พระพุทธรูปที่สำคัญ นึกถึงนางฟ้าปูทะเล สมัยนางฟ้าปูทะเลเป็นมนุษย์ เธอชอบไปนั่งมองมณฑปแก้ว นั่งมองไปก็สบายใจ ทั้ง ๆ ที่ต...ัวเองมีอาชีพขายปู ปรากฏว่าตายไปแล้วไปเป็นนางฟ้า มีวิมานเป็นเพชรทั้งหลังเลย เพราะใจไปยึดมณฑปแก้ว ท่านที่อยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็เลยค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าคนอื่น ถ้าเราอยู่ใกล้ มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสจริง ๆ เราสามารถที่จะไปกราบไหว้บูชาได้ทุกวัน
เรื่องนี้ขอชื่นชมคนพม่าแบบไม่ปิดไม่บังเลย คนพม่าไม่ว่าจะสร้างวัดสร้างเจดีย์อยู่ที่ไหนก็ตาม จะมีคนดูแลปัดกวาดทำความสะอาด และใช้งานอยู่ตลอด ไม่มีการทำแล้วทิ้งแบบของเรา จะสร้างหลังเล็กหลังใหญ่ขนาดไหนก็ตาม เขาเข้าไปไหว้บูชาตลอด อย่างเจดีย์วัดท่าขนุน พวกมอญ พวกพม่าเดินขึ้นไปไหว้อยู่ทุกวัน แต่คนไทยเองจะขึ้นแต่ละทีไปเกี่ยงว่า... -
กิเลสเหมือนแม่เหล็ก (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
บางคนน่ะเพียรละกิเลสเก่าแล้วก็สร้างกิเลสใหม่ขึ้นมาเพิ่มเติมอย่างนี้มันไม่ถูกไม่ชอบเลย อย่างเช่นว่า แต่ก่อนเคยชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาอย่างนี้นะ ครั้นต่อมานี้เห็นโทษแห่งการกระทำเช่นนั้นว่ามันเป็นบาปเป็นกรรม อธิษฐานใจเว้น อธิษฐานใจเว้นแล้วมันก็ยังไม่วายที่จะเผลอไปยินดีไปในการฆ่าการเบียดเบียนนั้น นี่มันเมื่อกิเลสอย่างนั้นมันไม่ขาดเด็ดออกไป เผลอ ๆ แล้วมันก็ต้องเกิดขึ้นมาแหละความคิดอย่างนั้นนะ อืม...มันเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีความอดความทนต้องมีความเพียรพยายามระมัดระวังจิตนี้เสมอไปอย่าให้มันหวนไปสร้างอกุศลขึ้นมาในใจอีกเหมือนแต่ก่อน อันนี้สำคัญมากนา เพราะว่าของเก่านั้นน่ะนั่นแหละมันถ้าหากว่าเราไม่กำหนดละมันน่ะ มันเป็นเชื้อดูดเอาของใหม่เข้าไปสมทบอีกเป็นอย่างนั้น กิเลสนี้ก็เหมือนกับแม่เหล็กนี้เองแหละ ดังนั้นการที่กิเลสมันจะครอบงำจิตไม่ได้หรือมันจะคลายออกไปจากดวงจิตนี่ก็เพราะเราทำความเพียรเพ่งพินิจอยู่ในจิตใจนี้เสมอ ๆ ไป
ความเพียรเพ่งพินิจนี้แหละท่านเรียกว่าเป็น “ตปธรรม” เป็นเครื่องเผากิเลสให้เร่าร้อน... -
ความแตกต่างระหว่างไตรสรณคมน์ กับ พระโสดาปัตติผล
ความแตกต่างระหว่างไตรสรณคมน์ กับ พระโสดาปัตติผล
บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
“…คำว่า “ไตรสรณคมน์” กับ “พระโสดาปัตติผล” นี้คล้ายคลึงกันมาก คำว่า “ไตรสรณคมน์” เป็นคนที่มีความเคารพในพระพุุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง ในพระสงฆ์จริง และก็มีศีล ๕ บริสุทธิ์จริงแต่ว่าทั้งชายและหญิงพวกนี้ไม่มั่นใจในพระนิพพาน เพียงแค่รักษาศีล เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เพื่อหวังผล ความสุขในปัจจุบัน และสัมปรายภพบางส่วน
คือต้องการแค่เทวดาหรือพรหม อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นพระโสดาบัน
สำหรับท่านที่ฟังแล้วเป็นพระโสดาบัน คือมี ความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง ในพระอริยสงฆ์จริง มีศีล ๕ บริสุทธิ์จริง ถ้าจิตก็ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือต้องการพระนิพพาน
เป็นที่ไป หมายถึงว่า มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ คิดว่าถ้าตายแล้วเมื่อไรขอไปนิพพาน ต้องการจุดเดียวในการทำความดี
ฉะนั้น คนที่เข้าถึงไตรสรณคมน์ กับพระโสดาบัน และพระสกิทาคามี ต่างกันอยู่นิดเดียวที่จิตต้องการนิพพานหรือไม่ต้องการนิพพาน …”
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน -
งานตรุษจีนปากน้ำโพ...สุดยิ่งใหญ่ !!! ประชาชนมากมายแห่ทำบุญ แก้ปีชง เสริมดวงสิริมงคล !!!
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา บริเวณริมเขื่อนต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ทำการจัดเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพประจำปี 61 โดยเมื่อวันที่ 9 ถือว่าเป็นวันแรก โดยที่นี่จัดมาทุกปี โดยในปีนี้มีประชาชนเข้าร่วมงาน เดินทางมากราบไหว้ขอพรเจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ ณ ศาลเจ้าชั่วคราว โดยส่วนใหญ่ที่มาเพื่อมาแก้ปีชง ตามความเชื่อส่วนบุคคลกันอย่างคิกคัก
โดยผู้ที่มาแก้ชงหลายรายได้เปิดเผยว่า ในอดีตไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อปีชงคราวก่อน ได้ประสบปัฐหามากมายหลายอย่าง ทุกอย่างรอบด้านแย่ไปหมด จึงต้องไปกราบไหว้ทำพิธีแก้ชง แล้วผลปรากฏว่า เรื่องร้ายๆ ก็กลับกลายเป็นดี และดีขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้เชื่อเรื่องพวกนี้ จนมาปีนี้ครบชงอีกครั้งตนจึงถือโอกาสในช่วงเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ รีบมาทำพิธีแก้ชง และกราบไหว้ขอพรต่อเทพเจ้า ให้ช่วยคุ้มครองให้ตนเองปลอดภัย
สำหรับงานเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี 61 จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ. โดยมีพิธีเปิดงานในช่วงเย็นวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งในช่วงที่มีการจัดงานตลอด 12 วัน 12คืน ส่วนเรื่องการจัดขบวนแห่รอบเมืองปากน้ำโพที่ยาวที่สุดและสวยที่สุดในประเทศไทย... -
"พระ" ท้าสู้กับ "ผี" !!! ครั้งเมื่อ "หลวงปู่ตื้อ" เจอผีเจ้าถิ่น...อยากลองของดี "ปลุกให้ภาวนา"
ปาฏิหาริย์ของ หลวงปู่ตื้อนั้น จากที่ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ไปตามป่าเขา ท่านได้ประสบพบเจอกับวิญญาณ ภูตผี ปีศาจมากมาย แต่ด้วยบารมีของท่าน ท่านก็ได้โปรดวิญญาณเหล่านั้นบ้าง แผ่บุญกุศลให้บ้าง แต่มีหลายครั้งที่ท่านได้เจอกับวิญญาณมิจฉาทิฐิ มาลองดีบ้าง แต่ท่านก้ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
เมื่อครั้งหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มาพำนักที่พระพุทธบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี เป็นครั้งที่สอง ในขณะที่หลวงปู่กำลังเดินจงกรม เกิดมีก้อนหินตกลงมาจากที่สูงหลายสิบก้อน แต่ตกห่างจากที่เดินจงกรม หลวงปู่ไม่ได้ให้ความสนใจ ยังคงเดินต่อไป ไม่นานก็มีก้อนหินตกมาอีก คล้ายกับถูกปาลงมา คราวนี้ใกล้กับทางเดินจงกรมมากกว่าเดิม หลวงปู่จึงพูดขึ้นดังๆ ว่า
"ใครเก่งก็ให้ออกมาต่อสู้กันเลย"
คราวนี้ได้ยินเสียงก้อนหินตกรอบตัวหลายสิบก้อน หลวงปู่จึงได้หยุดการเดินจงกรม แล้วเข้ามุ้งกลดนั่งสมาธิภาวนาต่อไปเสียงก้อนหินก็ยังตกลงมาเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนขว้างเข้ามา ในคืนนั้น มีญาติโยมชาวบ้านมารักษาศีลอุโบสถด้วยกัน ๕ คนหลวงปู่ได้บอกให้พระอีกองค์หนึ่งที่ไปด้วยกันมาภาวนาอยู่ใกล้ๆ โยมเสียงก้อนหินก็ยังตกมารอบๆ บริเวณนั้น ตกมาเป็นระยะๆ... -
หลวงพ่อชา ตอบคำถาม! เมื่อนักวิทยาศาสตร์ กล่าว"พุทธศาสนาไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ดีกว่า"
หลวงพ่อชา ตอบคำถาม...ทำหน้าสั่นทั้งคณะ !!! ครั้งเมื่อ...นักวิทยาศาสตร์ กล่าวหา "พุทธศาสนาไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์เขาดีกว่า"
พระอุปัฏฐากหลวงพ่อชารูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์เขามากราบหลวงพ่อ ตอนนั้นผมอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อด้วย เขาบอกว่า พุทธศาสนาไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ คงจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร วิทยาศาสตร์เขาดีกว่า ทำอะไรเขาก็พิสูจน์ได้เยอะ ทำอะไรออกมาก็ปรากฏให้เห็นได้ พุทธศาสนาพิสูจน์ไม่ได้”
หลวงพ่อตอบว่า
“เฮ้ย เรายังไม่ทันถึงพุทธศาสตร์ก็ได้เว้ย ก็เหมือนกับว่ามือเรามันสั้น แต่รูมันลึกลงไป เราล้วงมือลงไป มือมันสั้น มันสุดแค่นี้ แต่รูมันยังลึกเข้าไปอีก เราจะปฏิเสธว่า เอ๊ะ รูมันหมดแค่นี้เอง มันจะถูกต้องตามความเป็นจริงหรือเปล่า ความจริงมือเรามันสั้น เราไม่ได้คิดว่ารูมันลึกเข้าไปกว่านั้น
หรือบางทีสายตาของเรามันสั้น เหมือนกับว่า เครื่องบินมันบินไป เครื่องบินนั้นมีอยู่ แต่สายตาของเรามันหมดเสียก่อน ก็เลยไม่เห็นเครื่องบิน แต่เครื่องบินมันยังมีและยังบินไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธว่ามันไม่มี นี้เป็นกุศโลบาย”
อ้างอิงข้อมูลจาก - เพจธรรมะคำสอนหลวงปู่ชา... -
การเปลี่ยนศาสนา "บาป" หรือ "ไม่บาป" !?! หลวงปู่หา สุภโร ตอบคำถามคาใจ...ที่หลายคนอยากรู้ !!!
เป็นคำถามที่พบกันอยู่มากมายตาม เพจต่างๆในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้เป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ นั่น คือคำถามที่ว่า หากต้องการเปลี่ยนศาสนาจะเป็นบาปหรือไม่ โดยเพจสาธารณะ พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น ได้เขียนถึงเรื่องที่มีโยมคนหนึ่งมาถามคำถามนี้กับ หลวงปู่หา สุภโร ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ตอบคำถามคาใจนี้ได้อย่างสง่าและสงบ รู้ซึ้งถึงคำตอบยิ่งนัก โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้
โยม: หลวงปู่เจ้าขาถ้าหนูจะเปลี่ยนศาสนาจะบาปไหมค่ะ
หลวงปู่ : ถ้าโยมไตร่ตรองดีแล้ว มันก็เป็นความเห็นโยม โยมคิดว่ามันถูกต้อง จะบาปได้อย่างไรแล้วทำไมจะเปลี่ยนศาสนาหล่ะ
โยม : ก็หนูไปหาพระวัดหนึ่ง ท่านว่ากระเทยอย่างหนูเกิดมาเพราะมีกรรม เป็นคนมีกรรมจากชาติที่แล้วที่หนูไปเล่นชู้กับเมียคนอื่นเป็นคนหลายใจ คบคนไม่เลือก ทำให้หนูต้องเกิดมาเป็นกระเทย หนูทุกข์ใจมาก เลยอยากเป็นศาสนาซะ จะได้สบายใจขึ้น
หลวงปู่ : เออ แล้วมันจริงไหมหล่ะ
โยม : ก็ไม่รู้สิเจ้าค่ะ ใครจะไปรู้ชาติที่แล้ว หนูไม่ได้ระลึกชาติได้นี่เจ้าค่ะ
หลวงปู่ : เออ ก็ระลึกไม่ได้ไง หลวงปู่ก็ระลึกไม่ได้ ที่หลวงปู่เป็นอัมพาตทุกวันนี้ หลวงปู่ก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำอะไรไว้... -
ติ้วเข้ม!พระวิทยากรต้นแบบเป็นพระนักข่าวออนไลน์
ติวเข้ม ! พระวิทยากรต้นแบบเป็นพระนักข่าวออนไลน์อย่างมืออาชีพ
ปรับศาสตร์สมัยใหม่เข้าหาพระพุทธศาสนา เน้นแนะ สร้างการมีส่วนร่วมมากกว่าสอนเพียงบรรยาย
ระหว่างวันที่ 10-16 ก.พ.2561 มีการทดลองการใช้รูปแบบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธี ภายใต้หัวข้อดุษฏีนิพนธ์ระดับปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ของพระปราโมทย์ วาทโกวิโท พระวิทยากรกระบวนการธรรมะโอดี ด้วยโครงการรพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธี หลักสูตร “พระวิทยากรต้นแบบด้านสันติภาพ บทบาทพระสงฆ์กับการนำพุทธสันติวิธีเพื่อการเผยแผ่ธรรมพัฒนาองค์กรและสังคมแห่งสันติสุขโดยยึดหลักโอวาทปาติโมกข์ตามแนวทางการสอนของพระพุทธเจ้า” กับพระสงฆ์จากทั่วประเทศจำนวน 100 รูป ก่อนที่จะปฏิบัติการจริงเพื่อเป็นพระวิทยากรมืออาชีพ ที่ศูนย์วิปัสสนาเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย วัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร โดยมีวิทยากรหลักคือพระปราโมทย์ เสริมด้วยวิทยากรฝึกอบรมลักษณะต่างๆ
พระปราโมทย์ ได้สรุปผลการทดลองที่ผ่านมาว่า รูปแบบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธีที่นำมาทดลองการใช้ในครั้งนี้คือ KUSA... -
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ละสังขารแล้ว
.สำหรับเวลาเข้ากราบหลวงปู่ที่กุฏิพยาบาลนั้น ได้กำหนดไว้ในเวลา 10.00 น.-11.00 น. และเวลา 16.00 น.- 17.00 น. ของทุกวัน
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามประสงค์ของหลวงปู่ฯ ที่องค์ท่านจะใช้ธาตุขันธ์ที่มีอยู่แสดงธรรมให้ศิษยานุศิษย์ได้เห็นได้เข้าใจ เกี่ยวกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัจธรรมอันเป็นของจริง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ ซึ่งหลวงปู่ท่านย้ำนักย้ำหนา และได้เมตตาให้หาป้ายมาติดไว้ที่หน้ากุฏิ
..ดังนั้นเมืี่อได้เวลาที่พระอุปัฏฐากภายในกุฏิพยาบาล อนุญาติเข้ากราบได้ ตรงบริเวณหน้าต่างซึ่งได้ติดกระจกไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
ขอให้ญาติธรรมถอดรองเท้าไว้บริเวณหน้าประตูใหญ่ แล้วเดินเข้าแถวเรียงหนึ่งด้วยอาการสำรวม
เข้ากราบโดยการประณมมือ (ไม่ต้องก้มกราบ)
ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
ไม่ควรร้องไห้สะอึกสะอื้น
งดการถ่ายรูป
ไม่ควรจับราวบันไดแสตนเลสเพราะจะทำให้แหวนหรือนาฬิกาไปกระทบกับราวบันได อันจะทำให้เกิดเสียงดังขึ้นได้..
เด็กเล็กควรอยู่ในดุลยพินิจของผู้ปกครอง..
..การจัดคนเข้ากราบ จะจัดเป็นรอบใหญ่ๆ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงประกาศ... -
ฝรั่งสวดโพชฌังคปริตร สวดโดยชาวอังกฤษ ไพเราะมาก
จาก วัดมหาธาตุแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
สุดปลื้ม!!! แสงอรุณแห่งพระพุทธศาสนากำลังขึ้นทางทิศตะวันตก วันนี้ 5 ส.ค. 2017 เวลาเช้า ท่านเจ้าคุณ ดร.พระมหาเหลา ปัญญาสิริ พระราชวิเทศปัญญาคุณ เป็นประธานนำชาวอังกฤษสวดมนต์มหาสมัยสูตรเปิดศูนย์พระพุทธศาสนาในอังกฤษ โดยศูนย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ บริหารจัดการโดยศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ ปัจจุบันมีพระราชวิเทศปัญญาคุณ, ดร. เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุสหราชอาณาจักร เป็นที่ปรึกษา
พระธรรมขึ้นทางตะวันตกแล้ว อนุโมทนาพร้อมกัน -
พระราชทานเพลิงศพ’หลวงพ่อแช่ม’ เกจิสายคงกระพัน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ดร.มุรธาธีย์ รักชาติเจริญ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูวิภัชธรรมสาร(แช่ม กิตติสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสำนักตะคร้อ และอดีตเจ้าคณะอำเภอเทพารักษ์ โดยมีท่านเจ้าคุณสมคิด เขมจารี เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เจ้าคณะภาค 11 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ เกจิดัง และประชาชน นับหมื่นคนมาร่วมพิธี เนื่องจากหลวงพ่อแช่ม เป็นเกจิอาจารย์ด้านคงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยม จึงมีศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศให้ความเคารพเลื่อมใส
สำหรับหลวงพ่อแช่ม กิตติสาโร ท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบด้วยโรคปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน ขณะนั้นอายุ 71 ปี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2559 เวลา 15.15 น.ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ในอดีตเป็นลูกศิษย์สำนักของ หลวงพ่อคง พุทธสโร วัดถนนหักใหญ่ อ.ด่านขุนทด ซึ่งเป็นปรมจารย์ใหญ่ของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งหลวงพ่อแช่ม เกิดเมื่อที่ 4 ก.พ.2488 นามเดิมว่า “แช่ม พิขุนทด” บวชเป็นพระสงฆ์ปี 2509 ที่วัดสำนักตะคร้อ มี หลวงพ่อผ่อง มหินชโร ศิษย์สำนักของหลวงพ่อคงพุทธสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อแช่ม... -
สิ้นแล้ว…หลวงพ่อสถิต พระป่านักอนุรักษ์ผืนป่าเขาแดงภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
สิ้นแล้วหลวงพ่อสถิตพระป่านักอนุรักษ์ผืนป่าเขาแดงภูสิงห์ 3,400 ไร่ โรคความดันสูงกำเริบหน้ามืดล้มหัวฟาดพื้นกุฎิที่สำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลาซึ่งจำวัดอยู่เพียงลำพังกลางป่า เผยจากการรักษาป่าทำให้ถูกนายทุนอิทธิพลรวมกลุ่มกันฟ้องถึง 16 คดี
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดประชาสามัคคี (บ้านใหม่) ตำบลน้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูสิริธรรมานุรักษ์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพของ พระสถิต มหาเตโช หรือหลวงพ่อสถิต ประธานสงฆ์ สำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพระนักอนุรักษ์ป่าเขาแดงซึ่งเป็นป่าที่อยู่ในพื้นที่ป่าชุมชน ต.โคกตาล และเป็นป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา บริเวณพื้นที่ติดกับสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ซึ่งเป็นป่าแหล่งต้นน้ำมีพื้นที่กว่า 3,400 ไร่ โดยมีคณะสงฆ์ศรีสะเกษ นายก อบต.น้ำคำและบรรดาญาติพี่น้องชาวบ้านโนนซึ่งเป็นบ้านเกิดของหลวงพ่อสถิต มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมมากถึง 33 คณะท่ามกลางบรรดาที่เศร้าโศก
ดต.ฉัตรชัย จันทศิลา... -
ปฏิบัติธรรมแล้วได้อะไร ?
ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านคนหนึ่งถามปัญหาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า…
ถ้าเราปฏิบัติธรรม สุดท้ายเราจะได้อะไร ?
มีคนถามพระพุทธองค์ว่า ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร
พระพุทธองค์ตอบว่าไม่ได้อะไรเลย
ถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร
พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป
นั้นก็คือความโกรธได้หายไป ความหม่นหมองวิตกกังวลก็หายไป ความเศร้าท้อแท้ก็หายไป
ความกังวลไม่สบายใจได้หายไป
ความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะพิษร้ายทั้งสามก็หายไป
อวิชาคือความไม่รู้ที่ปิดกั้น ปุถุชนทั้งหลายก็ได้สูญสิ้นไป
พูดเหมือนง่าย แต่เหตุผลมันลึกซึ้ง
คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือเกิดกับตาย
เรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องจะทุกข์ร้อนไปทำไม
มีวาสนาก็มา ไม่มีวาสนาก็ไป สิ่งใดที่สมควรแก่เหตุก็มาเอง
สิ่งใดที่ไม่สมควรแก่เหตุ จะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ
มีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัย
ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น... -
พระพุทธเจ้าท่านเกิดเป็นมหาทุคตะ
พระพุทธเจ้าท่านเกิดเป็นมหาทุคตะ
ถาม : พระพุทธเจ้าท่านเกิดเป็นมหาทุคตะ ท่านตั้งใจลงมาเกิดเป็นคนจนเพื่อบำเพ็ญบารมีใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : จะเกิดเป็นอะไรก็ได้ ถ้ามีโอกาสสร้างบุญสร้างบารมีกลับขึ้นไปแล้วดีกว่าเดิม ท่านเอาทั้งนั้น ไม่ใช่ต้องเกิดมารวยอย่างเดียว
ถาม : ผมเข้าใจว่า ก่อนที่ท่านจะเกิดเป็นมหาทุคตะ ท่านสร้างทานบารมีมาไม่รู้ตั้งเท่าไร อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่า ที่เราทำทานจะไม่เกิดมาจน ?
ตอบ : อาจจะเป็นชาติแรกที่ท่านสร้างบารมีก็ได้ ต่อให้สร้างมาขนาดไหน ถ้าเผลอขาดอธิษฐานบารมีก็ตัวใครตัวมัน..!
ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า ให้ยอมรับกฎของกรรม ถ้าไม่ดิ้นก็ไม่เจ็บ แล้วถ้าเราไม่ดิ้น เรายอมเขา เขายิ่งทำเราหนักขึ้นละครับ ?
ตอบ : ก็ยอมไปเรื่อย ๆ บอกแล้วว่าให้ไปดูขันติวาทีดาบส
ถาม : ตายเลยนะครับ ?
ตอบ : นั่นขนาดตายเลย ของเรายังไม่ถึงตายสักหน่อย
ถาม : ทำไมพุทธภูมิหลาย ๆ คน ดูไม่ค่อยจะเต็มเหมือนชาวบ้าน จะล้น ๆ เกิน ๆ ?
ตอบ : ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่..! พุทธภูมิกำลังใจอย่างน้อยต้องล้นเกินชาวบ้านไป ๔ เท่า คุณจะให้เหมือนชาวบ้านได้อย่างไรวะ ?
ถาม :... -
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน วิธีพิสูจน์พระอรหันต์
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน วิธีพิสูจน์พระอรหันต์
ปัญหา เราจะมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าภิกษุรูปใดเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ เพราะเราไม่อาจจะทราบได้ด้วยเครื่องหมายภายนอกใด ๆ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมพยากรณ์อรหัตตผลว่า ข้าพเจ้ารู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จ แล้วกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่างเพ่อยินดี อย่าเพ่อคัดค้าน คำกล่าวของภิกษุรูปนั้น... พึงถามปัญหาเธอว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ โวหารอันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ..... ตรัสไว้ชอบนี้มี ๔ ประการ..... คือ คำกล่าวว่าเห็นอารมณ์ที่ตนเห็นแล้ว..... ได้ยินในอารมณ์ที่ตนฟังแล้ว..... ทราบในอารมณ์ที่ตนทราบแล้ว.... รู้ชัดในอารมณ์ที่ตนรู้ชัดแล้ว.... ก็จิตของท่านผู้มีอายุ ผู้รู้อยู่เห็นอยู่อย่างไรเล่า จึงหลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นในโวหาร ๔ นี้?
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้สิ้นอาสวะแล้ว.... พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้ชอบจึงนับว่ามีธรรมอันสมควรจะพยากรณ์ได้ดังนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ข้าพเจ้าไม่ยินดี ไม่ยินร้าย อันกิเลสไม่อาศัย ไม่พัวพันพ้นวิเศษแล้ว... -
แพทย์เผย "เสียง" สวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา : ให้ผลกับร่างกายมหาศาล ได้อย่างไร ??
แพทย์เผย "เสียง" สวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา : ให้ผลกับร่างกายมหาศาล ได้อย่างไร ??
แหล่งภาพจาก www.manager.co.th
ประโยชน์ของการสวดมนต์ (ทางการแพทย์)
เชื่อหรือไม่ ว่าหากเราสวดมนต์(ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยาความเจ็บป่วยของเขาได้ ??? เพราะการสวด มนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมอง และคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกล ๆ ได้
การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ Vibrational Medicine คือ การใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่นมาบำบัดความเจ็บป่วย ซึ่งมีหลากหลายวิธี อาทิ เก้าอี้ไฟฟ้า เครื่องนวดต่าง ๆ ก็เป็นVibrational Therapy เช่นกัน แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์ ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ต่างจาก สวดมนต์บำบัดซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นมาดูพลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร ???
คลื่นแห่งการเยียวยา
การ สวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ... -
หลวงตามหาบัว ยืนยัน พวกกายทิพย์ พญานาค เทวดา เลื่อมใส ชอบมาฟังธรรมกับหลวงปู่มั่นเสมอ
หลวงตามหาบัว ยืนยัน พวกกายทิพย์ ไม่ว่าเหล่าพญานาค หรือเทวดา ต่างมีความเลื่อมใส ชอบมาฟังธรรมกับหลวงปู่มั่นเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
“…พญานาคฟังธรรมท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ…”
…ทีนี้มากล่าวถึงยุคสมัยเมื่อไม่นานมานี้ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านมีความเกี่ยวข้องกับพวก “พญานาค” อยู่อย่างลึกลับ จากข้อความในหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ซึ่งเรียบเรียงโดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวไว้ว่า
ในสมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ออกเที่ยวแสวงวิเวก อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ในภาคเหนือและภาคอีสาน ตลอดจนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ขณะที่ท่านพักบำเพ็ญเป็นสุขวิหารธรรม อยู่สบายในป่าในเขาที่สงัดปราศจากผู้คนทั้งกลางวันกลางคืน
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ มีการติดต่อกับพวกกายทิพย์ เช่น เทวบุตร เทวธิดา อินทร์ พรหม พญานาค ครุฑ ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ วิทยาธร และภูตผีปิศาจที่มาจากที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ
ท่านถือเป็นเรื่องธรรมดา เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ติดต่อกับมนุษย์ชาติต่าง ๆ ในโลกนี้เพื่อผลประโยชน์ ซึ่งกันและกัน
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เล่าว่า... -
ตะลึง! พบพระพุทธรูปโบราณถูกทิ้งร้าง แทบถูกลืมตั้งตระหง่านกลางป่าในทุ่งนา
ตะลึง! พบพระพุทธรูปโบราณถูกทิ้งร้าง แทบถูกลืมตั้งตระหง่านกลางป่าในทุ่งนา
วันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านหมู่ 4 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ว่าในป่าเล็กๆ กลางทุ่งนา มีพระพุทธรูปเก่าแก่องค์ใหญ่อายุหลายร้อยปีถูกทิ้งร้างอยู่ อยากให้กรมศิลปากรเข้าไปตรวจสอบดูว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด และขึ้นทะเบียนไว้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพทุบทำลาย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในป่ากลางทุ่งนา โดยมีทางเดินคันนาเข้าไปจากริมถนนใหญ่ประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงป่าเล็กๆ ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เต็มพื้นที่ บนเนินดินสูงขึ้นไป พบพระพุทธรูปเนื้อก่ออิฐถือปูนองค์ใหญ่เก่าแก่ สูงประมาณ 3 เมตร ฐานกว้างราว 2 เมตรเศษ ลักษณะอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ มือซ้ายหงายวางบนตัก มือขวาวางคว่ำลงที่เข่า นิ้วมือชี้ลงที่พื้นธรณี หรือเรียกว่า พระปางมารวิชัย ในส่วนของเศียรพระมีร่องรอยชำรุดแตกหัก
จากการสอบถาม นายเชนทร์ คนชาน สมาชิกสภาเทศบาลทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ผลักดันต้องการให้ประชาชนทั่วไปมากราบไหว้พระพุทธรูปองค์นี้มาโดยตลอดเล่าว่า ตนทราบเรื่องของพระพุทธรูปองค์นี้เมื่อ 13... -
ดูไว้ กรรม ๕ อย่าง ที่บาปหนักที่สุดในพระพุทธศาสนา ผู้นับถือพระพุทธศาสนาห้ามทำเป็นอันขาด
ดูไว้ กรรม ๕ อย่าง ที่บาปหนักที่สุดในพระพุทธศาสนา ผู้นับถือพระพุทธศาสนาห้ามทำเป็นอันขาด
อนันตริยกรรม ๕
๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป
๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน
กรรม ๕ อย่างนี้ เป็นบาปอันหนักที่สุด ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานตั้งอยู่ในฐานปาราชิกของผู้ถือพระพุทธศาสนา ห้ามไม่ให้ทำเป็นเด็ดขาด
มาตุฆาต ปิตุฆาต อรหันตฆาต ได้แก่การฆ่ามารดา ฆ่าบิดาฆ่าพระอรหันต์ ด้วยเจตนา คือจงใจฆ่า แม้สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนอื่นสัตว์อื่น ก็ไม่พ้นโทษอันชื่อว่า อนันตริยกรรม เพราะมีเจตนา จึงเป็นการฆ่าที่สมบูรณ์
โลหิตุปบาท ได้แก่ทำร้าย คือพยายามฆ่าพระพุทธเจ้า แต่ฆ่าไม่สำเร็จ เพียงแต่ทำให้บาดเจ็บ แม้เพียงพระโลหิตห้อ (โป่ง นูนช้ำเลือด) ขึ้น
สังฆเภท ได้แก่ยังสงฆ์ให้แตกกัน คือทำลายพระสงฆ์ผู้พร้อม-เพรียงกัน ในสีมาเดียวกัน ในวัดใดวัดหนึ่ง ให้แตกเป็นก๊ก จนถึงไม่ร่วมอุโบสถสังฆกรรม ต้องแยกออกทำอุโบสถสังฆกรรม หรือปวารณา-กรรม หรือสังฆกรรมอื่นๆ เป็น ๒ หมู่
กรรมทั้ง ๕ อย่างนี้ แต่ละอย่างๆ จัดเป็นบาปอันหนักที่สุดเพราะมาดา บิดา... -
การแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล โดย “หลวงปู่แหวน”
การแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล โดย “หลวงปู่แหวน”
บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักจะไม่เห็นคุณของพระศาสนา มัวเมา ประมาท ปล่อยกายปล่อยใจให้ประพฤติทุจริต ผิดศีลธรรม อยู่เป็นประจำนิสัย เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มี นั่นแหละจึงได้คิดถึงพระคิดถึงศาสนา แต่เป็นเวลาที่สายไปเสียแล้ว
เรื่องความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอ ให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค คือทางดำเนินไปของจิตมันจึงจะเห็นผลของความดี
ไม่ใช่เวลาใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้รับศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วญาติจึงเคาะโลงบอกให้รับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดหมด
เหตุเพราะว่า คนเจ็บนั้น จิตมัวติดอยู่กับเวทนาไฉนจะมาสนใจใยดีกับศีลได้ เว้นไว้แต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้น จึงจะสามารถระลึกถึงศีลของตัวได้ เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิต แล้วเท่านั้น
แต่ส่วนมาก พอใกล้จะตายแล้ว จึงมีผู้เตือนให้รับศีล ยิ่งคนตายแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะคนตายนั้นร่างกายกับจิตใจไม่รับรู้ใดๆ แล้ว แต่ที่ทำมาก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี
ตัวอย่างเช่น พระเทวทัต ทำกรรมมาจนสุดท้ายถูกแผ่นดินสูบ... -
8 วิธีฝึกจิตใจ จากโอวาทสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ฝึกไว้จะได้ไม่ทุกข์
8 วิธีฝึกจิตใจ จากโอวาทสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ฝึกไว้จะได้ไม่ทุกข์
เรียกว่าเป็นวิธีการฝึกจิตใจของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน ให้มีสมาธิและสติอยู่ตลอดเวลา โดยเป็นโอวาทสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประยุทธ์ อารยางกูร ที่ได้ชี้แนะให้ประชาชนได้ลองฝึกควบคุมจิตใจของตัวเอง และเมื่อทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเองจิตใจเราจะได้สงบและไม่เป็นทุกข์ วันนี้เราจะพาไปดูวิธีการฝึกกันค่ะ
1.ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้
หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป
2.ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม
หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
3.ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบาย ๆ
หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง
4.ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่ง ๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดี ๆ
หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด... -
“หลวงปู่มั่น” สอนวิธีปราบความกลัว รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง
“หลวงปู่มั่นฯ” สอนวิธีปราบความกลัว รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง
อุบายปราบความกลัวของพระกลัวผี
ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านเห็นคุณของการเยี่ยมป่าช้า ว่าเป็นสถานที่ที่ให้สติปัญญารอบรู้กับเรื่องของตนตลอดมา ท่านจึงสนใจเยี่ยมป่าช้านอกและป่าช้าในอยู่เสมอ แม้พระบางองค์ที่เป็นลูกศิษย์ท่านก็ยังพยายามตะเกียกตะกายปฏิบัติตามท่าน ทั้ง ๆ ที่ตนเป็นพระที่กลัวผีมาก ซึ่งเราไม่ค่อยได้ยินกันในคำว่าพระกลัวผีและธรรมกลัวโลก แต่พระองค์นั้นได้เป็นพระที่กลัวผีเสียแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่า…
พระองค์หนึ่ง เที่ยวธุดงค์ไปพักอยู่ในป่าใกล้กับป่าช้า แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่าถูกโยมพาไปพักริมป่าช้า เพราะไปถึงหมู่บ้านนั้นตอนเย็น ๆ และถามถึงป่าที่ควรพักบำเพ็ญเพียร โยมก็ชี้บอกตรงป่านั้นว่าเป็นที่เหมาะ แต่มิได้บอกว่าเป็นป่าช้า แล้วพาท่านไปพักที่นั่น พอพักได้เพียงคืนเดียว วันต่อมาก็เห็นเขาหามผีตายผ่านมาที่นั่น แล้วไปเผาที่ป่าช้า ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักท่านประมาณ ๑ เส้น ท่านมองตามไปก็เห็นที่เขาเผาอยู่อย่างชัดเจน องค์ท่านเองพอมองเห็นหีบศพที่เขาหามผ่านมาเท่านั้นก็ชักเริ่มกลัว ใจไม่ดี และยังนึกว่าเขาจะหามผ่านไปเผาที่อื่น... -
“หลวงปู่มั่น” เมตตากล่าวสอนไว้อย่างง่าย ๆ เรื่อง “อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕”
“หลวงปู่มั่น” เมตตากล่าวสอนไว้อย่างง่าย ๆ เรื่อง “อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕”
จากหนังสือ “ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ” ข้อธรรมะที่องค์หลวงปู่มั่นเขียนด้วยลายมือของท่านเอง
อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕
คำว่า ศีล ได้แก่สภาพเช่นไร ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีลที่เป็นสถาพปกติ ศีลที่เกิดจากการรักษามีสภาพปกติไม่คะนองทางกาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทางกาย วาจา ของผู้มีศีล ว่าเป็นศีลเป็นธรรม เราควรรักษศีล ๕
๑.สิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียนข่มเหงและทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
๒.สิ่งของของใคร ๆ ก็รักและสงวน ไม่ควรทำลาย ฉก ลัก ปล้น จี้เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน
๓.ลูก หลาน สามี ภรรยาใคร ๆ ก็รักสงวนยิ่ง ไม่ปราถนาให้ใครมาอาจเอื้อมล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปไม่มีประมาณ
๔.มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานเขาก็ไม่พอใจคำหลอกลวง... -
ร่วมขอพรความรัก ด้วยคำกระซิบรักแสนหวาน “ปู่ม่านย่าม่าน-ตำนานกระซิบรักบันลือโลก”
กุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก ร่วมขอพรความรัก ด้วยคำกระซิบรักแสนหวาน จากภาพดังเมืองน่าน “ปู่ม่านย่าม่าน-ตำนานกระซิบรักบันลือโลก”
ณ “วัดภูมินทร์” เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139 ในรัชสมัยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ต่อมาอีกประมาณ 300 ปี มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี
เอกลักษณ์ของวัดภูมินทร์ ที่นับเป็นความสวยแปลกของวัดนี้ คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ทำให้ดูคล้ายกับว่าพระอุโบสถหลังนี้ตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ภายในพระอุโบสถ มีจิตรกรรมภาพฝาผนัง ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกกว่า “ฮูปแต้ม” ซึ่งฮูปแต้มแห่งนี้จะสะท้อนภาพบรรยากาศ การดำเนินชีวิตของชาวน่านและบอกเล่าลักษณะของชาวน่านว่ามีใบหน้ากลมแป้น คิ้วรูปวงพระจันทร์... -
ฝ่าเท้าของ “หลวงปู่มั่น” เป็นลายตาหมากรุก ลักษณะแห่งมหาบุรุษ จากบันทึกลายมือ “หลวงปู่หล้า”
ความจริงที่น้อยคนจะรู้ ฝ่าเท้าของ “หลวงปู่มั่น” เป็นลายตาหมากรุก ยืนยันลักษณะแห่งมหาบุรุษ จากบันทึกลายมือ “หลวงปู่หล้า”
เรื่องที่ลืมเขียนมานมนานคือ …
(ฝ่าเท้าหลวงปู่มั่นทั้งสองข้างเป็นตาหมากรุกหมดเต็มทั้งสองฝ่า) เวลาสรงน้ำ ท่านปรารภว่า (ฝ่าเท้าของเราไม่เหมือนหมู่เพียงเท่านี้) พูดค่อย ๆ แบบเย็น ๆ (ในยุคหนองผือ สี่ปีที่ข้าพเจ้าอยู่กับองค์ท่านนั้น) พระเณรผู้น้อยที่ถวายข้อวัตรสรงน้ำถวายองค์ท่านนั้น ผู้สงวนฟังจึงจะได้ยิน (เพราะองค์ท่านก็ปรารภค่อยแบบประหยัด ไม่แกมอวด)
ส่วนข้าพเจ้าไม่ได้ … อาจเอื้อมถูข้างบน (ระหว่างฝ่าเท้าเสมอ ๆ) จำพวกที่ถูหลัง ตัว แขน ขา ฝ่าเท้านั้น มักจะเป็นพระ ๔-๓-๒ พรรษาเท่านั้นได้ถู พระผู้ใหญ่เหนือ ๕-๖-๗-๘-๙ ไปแล้วไม่ค่อยจะได้ถูตัว แขน ขา เพราะองค์หลวงปู่เทศน์ว่า สรงน้ำนี้เว้นให้ผู้น้อย-
เขาสรงเสีย ถ้าพระผู้ใหญ่มาทำขวางผู้น้อย ผู้น้อยเขาละอายเก้อเขิน เพราะเขาไม่มีทางเอื้อมมือเข้า และเขาก็กระดากละอายดังนี้
ส่วนข้าพเจ้าพรรษาอ่อน แต่อายุสามสิบกว่าในสมัยนั้น และการที่องค์ท่านปรารภว่า ฝ่าเท้าของเราไม่เหมือนหมู่นั้น องค์ท่าน (ปรากฏว่า ปรารภครั้งเดียวเบา ๆ เท่านั้น... -
ความจริง 12 ประการของ “พระพุทธเจ้า” ที่คุณอาจไม่เคยรู้ !
1. พระพุทธเจ้าไม่ได้มีองค์เดียวแต่มีมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ชื่อโคดมพระพุทธเจ้า องค์ต่อไป ชื่อพระศรีอริยเมตไตรในยุคที่คำสอนของพุทธศาสนายังดำรงอยู่จะไม่มีพระพุทธเจ้ากำเนิดในช่วงเวลาเดียวกัน
2. ในพระไตรปิฎกมีนามของพระพุทธเจ้า 29 องค์ ที่อยู่ในช่วง 4 อสงไขย 100,000 กัป ที่ผ่านมา (1 อสงไขย = 1 แล้วตามด้วยศูนย์อีก 140 ตัว)
3. การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้นั้นต้องบำเพ็ญบุญบารมีนานมาก ความตั้งใจนี้ เรียกว่า การปรารถนาพุทธภูมิ มีอยู่ 3 ช่วง ได้แก่
ช่วงคิดปรารถนาอยู่ในใจไม่ได้เอ่ยปาก
ช่วงเปล่าวาจาต่อหน้าพระพุทธรูป
ช่วงหลังจากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า
ช่วงที่ 1 และ 2 สามารถเปลี่ยนคำปรารถนาได้ ถ้าบุญบารมีมากพอก็จะสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้เลย แต่หลังจากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วจะล้มเลิกไม่ได้
4. พระพุทธเจ้ามี 3 ประเภท หากแบ่งตามเส้นทางการสะสมบารมี ได้แก่
ปัญญาธิกพุทธเจ้า สะสมบารมีโดยใช้ปัญญา ใช้เวลาสะสมบารมี 20 อสงไขย 100,000 กัป (การเจริญปัญญาได้บุญบารมีสูงเลยเต็มเร็ว)
สัทธาธิกพุทธเจ้า สะสมบารมีโดยใช้ศรัทธา ปัญญาปานกลาง ใช้เวลาสะสมบารมี 40 อสงไขย... -
พระราชภาวนาโกศล มรณภาพแล้วอย่างสงบ ศิษย์เอกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง องค์ที่ 7
พระราชภาวนาโกศล มรณภาพแล้วอย่างสงบ ศิษย์เอกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง องค์ที่ 7 ผู้สืบทอดธรรมะมโนยิทธิ ด้วยอาการอาพาธ ที่ รพ.บำรุงราษฏร์
เมื่อวันที่ 11 ก.พ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้ดูแลพระราชภาวนาโกศล (อนันต์พทฺธญาโณ) เจ้าอาวาสวัดจันทราราม หรือ วัดท่าซุง หมู่ที่ 2 ต.น้ำซึม อ.เมืองอุทัยธานี ได้เปิดเผยกับลูกศิษย์ ว่า หลวงพ่อได้มรณภาพลงแล้วด้วยอาการสงบเมื่อเวลา 04.49 น. ที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ภายหลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการอาพาธ มานานหลายเดือนโดยความดันโลหิตได้ตกลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับพระราชภาวนาโกศล เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง เมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยเป็นเจ้าอาวาส องค์ที่ 7 ต่อจากพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือ หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เกจิชื่อดังมีลูกศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ ซึ่งพระราชภาวนาโกศล ถือเป็นพระนักพัฒนาคนและเป็นผู้สืบสานเผยแพร่ศาสนาและหลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือที่รู้จักกันดีว่า “มโนยิทธิ” ให้ประชาชนได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วประเทศ และยังเป็นพระนักพัฒนา ให้วัดท่าซุงจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจ.อุทัยธานี ได้แก่... -
การทำบุญที่ถูกต้อง และเกิดอานิสงส์มากที่สุด
บุญที่ถูกลืม
พระไพศาล วิสาโล
“คุณนายแก้ว” เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ชอบทำบุญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนือง ๆ ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปิติมากที่ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที
“สายใจ” พาป้าวัย ๗๐ และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนทั่วประเทศ เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับสายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้พิการเดินกะย่องกะแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไป แต่ตลอดเส้นทางเกือบ ๓ กิโลเมตร ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับผู้เฒ่าและคนพิการขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย
เหตุการณ์ทำนองนี้มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมไทย “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ...
หน้า 287 ของ 409