คลังเรื่องเด่น
-
การปลุกพระ
การปลุกพระ
ผู้ถาม : หนูขอกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า มีประโยชน์อย่างไรบ้างเกี่ยวกับการปลุกพระคะ ?
หลวงพ่อ : ความจริงพระท่านตื่นอยู่แล้วนะ การเข้าพิธีปลุกพระนั้นเป็นพิธีกรรมก็มีประโยชน์ แต่ว่าบางทีก็เป็นพิธีขายเหมือนกัน แต่ไอ้ที่เขาทำมีประโยชน์ก็มี ที่เขาทำขายก็มีใช่ไหม
ที่เรียกว่า ปลุกพระ ความจริงไม่ได้ปลุกหรอก เขาเรียกว่าอาราธนาพระหรืออาราธนาบารมีท่าน ความจริงใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ แต่บางทีล่อกันทั้งคืนน่ะซิ ไอ้นี่เป็นนโยบายขาย นี่มันเรื่องของคน ให้คนเขานึกว่าแหม..ปลุกกันทั้งคืนเลย
ปลุกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความจริงปลุกทั้งคืนนะ ไอ้พวกปลุกก็คือพวกปลุกพระสงฆ์หรอกนะ ดีไม่ดีนั่งหลับ ถ้าคนจัดงานโง่นะจึงจะประกาศแบบนั้น ถ้าคนจัดงานเพื่อผลประโยชน์จริงๆด้วยความฉลาดเขาไม่ประกาศแบบนั้น
ตามปกติถ้าเข้าไป เขาจะนิมนต์รวดเดียว ถ้าท่านพอใจขนาดไหนก็เลิกได้ทันที อันนี้เขารีบทำ ทำรวมแล้วก็ทำแบ่ง ถ้าพวกบอกทั้งคืน องค์นี้กะหัวค่ำนะ องค์นี้กะสว่างนะ เสร็จ ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งส่งเดช อย่างดีที่สุดตอนต้นน่ะหน่อยหนึ่ง ต่อไปก็ไม่มีอะไร นั่งหลับไปบ้าง เขาเห็นไม่เป็นเรื่องเขาไม่เอาด้วยหรอก... -
หลวงพ่อชอบทำบุญหมดตัว
หลวงพ่อชอบทำบุญหมดตัว
"เอ๊ะ หลวงพ่อทำกรรมอะไรไว้ แม้แต่หมอจะฉีดยาก็ต้องถวายสตางค์ก่อนครับ"
ไอ้กรรมประเภทนี้ต้องถามพระพุทธเจ้าท่าน
"แหม อยาก ได้กรรมประเภทนี้จัง"
อย่าเลย ต้องป่วยทุกวัน เอ..เวลาหมอจ่ายมากๆก็น่าป่วยเหมือนกันนะ บางทีหมอต้องขับรถจากนี่ไปวัดท่าซุง ไปถึงปั๊บก่อนจะลงมือตรวจรักษา หมอจ่ายตังค์ มันเป็นระเบียบ (หัวเราะ)
เออ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้นะ ถ้าพูดถึงชาติก่อนฉันก็นึกไม่ออก ถ้าพูดถึงชาตินี้อาจจะมีผลอยู่ เพราะว่าตั้งแต่เด็กๆมา ฉันชอบทำบุญหมดตัว แต่กางเกงไม่ได้แก้นะ คือถ้าจะทำบุญก็ทำบุญโละ พอตอนบวชก็เหมือนกัน ถ้าใครถวายผ้าไตรจีวรดีๆ ฉันเอาไปทอดกฐินผ้าป่าหมด
ฉันใช้ผ้าเก่าๆเรื่อยมานะ แล้วต่อมาเริ่มเป็นนักเทศน์ อายุ 20 เศษๆ ใช่ไหม เทศน์นี่ปีหนึ่งได้ผ้าไตรปีละ 200 กว่า แต่ว่าวันเข้าพรรษา ฉันต้องซื้อผ้าไตรใช้
"ทำไมละครับ"
แจก แจกพระที่มีจีวรเก่า ในกรุงเทพฯนี่พระจีวรเก่าเยอะ ใช่ไหม หายาก เราก็สังเกตดู วันอุโบสถก็ตาม วันมีเทศน์ที่วัดก็ตาม พระต้องใช้ผ้าชุดดีที่สุด ถ้าวันนั้นยังเก่าอยู่เราก็จำไว้ ไม่ใช่วัดประยูรวงศ์และวัดอนงค์นะ วัดอื่นด้วยนะ... -
ชีวิตเหมือนดั่งความฝัน
ชีวิตเหมือนดั่งความฝัน
รูปมันก็ปรากฏขึ้นเดี๋ยวเดียว ท่านบอกว่าชีวิตเหมือนความฝัน รูปโฉมโนมพรรณเหมือนดอกไม้
ชีวิตของเราที่ทรงตัวอยู่นี้มันก็เหมือนความฝัน มันมีอยู่แล้วไม่ช้ามันก็สลายตัวไป
รูปโฉมโนมพรรณเหมือนดอกไม้ ดอกไม้เมื่อแรกยังตูม ต่อมามันก็แย้มทีละน้อยๆ ในที่สุดก็พังไป
สภาวะของรูปมันก็เป็นเช่นเดียวกัน เสียง กลิ่น รส และสัมผัสมันก็เหมือนกัน
ท่านบอกว่าทุกสิ่งทั้งหมดนี้จงรักษาอารมณ์ให้เป็นเอกัคคตารมณ์ว่ามันไม่มี
คำว่าไม่มีนี่ ความจริงมันมีแล้วมันก็ไม่มี เพราะต่อไปมันจะพัง รูปมันทรงอยู่ได้ไม่นานมันก็พัง
เสียงที่เรามีความพอใจฟังแล้วก็หายไป
กลิ่นที่สัมผัสจมูกกระทบแล้วก็หายไป
การสัมผัสที่พึงพอใจ สัมผัสแล้ว เลิกสัมผัสก็หายไป
รสที่สร้างความซาบซ่านจากปลายลิ้น กลางลิ้น โคนลิ้น แล้วรสก็หายไป
อย่าไปสนใจมัน มันผ่านไปแล้วก็หมดไป ไม่ช้าร่างกายมันสลายตัว
ท่านบอกว่า จงรักษาอารมณ์นี้ให้เป็นเอกัคคตารมณ์ มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มี
(จากหนังสือ ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หน้า 115-116) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ -
กลับจากทำบุญถูกรถชน
กลับจากทำบุญถูกรถชน
ผู้ถาม : ลูกได้ไปทำบุญที่ อยุธยา ขากลับถูกรถชนอาการสาหัส ทุกคนตั้งใจไปด้วยจิตที่เป็นกุศล แต่ทำไมหนอขากลับจึงได้รับอกุศลเป็นผลสนองตอบ
บุญกุศลที่ลูกทำไป ทำไมจึงไม่ช่วยลูกในตอนนั้น
หลวงพ่อ : แปลกจริงๆ นะ พระพุทธเจ้าท่านแนะนำบุญให้บุคคลอื่นเขา พระพุทธเจ้าก็ป่วย
อย่าลืมนะว่า พระโมคคัลลาน์ เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณมีฤทธิ์มาก ก็ถูกโจรทุบ
กฎของกรรมเดิมทำไมไม่คิดล่ะ ชำระหนี้มันไปเสีย ใช่ไหม เป็นกฎของกรรมเก่า
กรรมชาติก่อนทำไว้ก่อนบุญที่ทำเมื่อวานซืนนี้ มันตามมาทัน
ผู้ถาม : อย่างหลวงพ่อนี่ดีอย่าง ไม่ค่อยป่วยกับเขานะ
หลวงพ่อ : ฉันไม่ค่อยป่วย เพราะมันป่วยหนัก เมื่อคืนขึ้นไปก็ยุ่งเลย ทั้งเป็นไข้ ทั้งเสียดท้อง เห็นหน้าลูกเห็นหน้าหลานหายแล้ว เดี๋ยวลูกหลานกลับไปเป็นใหม่ก็ได้
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 341 เดือนสิงหาคม 2552 หน้า 40) -
ส่วนสุด 2 อย่าง
ส่วนสุด 2 อย่าง
"ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายจงละส่วนสุด 2 อย่าง คือ
1. อัตตกิลมถานุโยค
2. กามสุขัลลิกานุโยค
เพราะว่าส่วนสุด 2 อย่างนี้ การปฏิบัติของเธอ ถ้าเอาจิตเข้าถึงไม่มีผลในการปฏิบัติ คือไม่บรรลุมรรคผล "
คำว่า "อัตตกิลมถานุโยค" นะ ทรมานเกินไป นั่งกรรมฐานแช่อิ่ม คิดชั่วโมง คิดเวลา อันนี้ไม่มีผล
"กามสุขัลลิกานุโยค" ย่อหย่อนเกินไปเวลาที่จะปฏิบัติอยากได้อย่างนั้น อยากได้อย่างนี้ ไอ้ตัวอยากนี่มันเป็นตัณหา เราปฏิบัติแล้วตัดตัณหา แต่ไปมีตัณหาเสียก่อนมันก็ไม่ได้
ก็รวมความว่าเครียดเกินไปก็ดี ย่อหย่อนเกินไปอยากได้เกินไปก็ดี ไม่มีผล
องค์สมเด็จพระทศพลตรัสว่า ต้องปฏิบัติเป็น "มัชฌิมาปฏิปทา" คือทำจิตกลางๆ คือพอสบายๆ
คำว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" ปฏิบัติแค่จิตมันไม่เครียด ถ้าอารมณ์ใจสบายๆ นี่มันมีผล
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 341 เดือนสิงหาคม 2552 หน้า 43) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗ -
ใจศักดิ์สิทธิ์..ของ(วัตถุมงคล)ก็ศักดิ์สิทธิ์/สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใจผ่องใส
ใจศักดิ์สิทธิ์.....ของ(วัตถุมงคล)ก็ศักดิ์สิทธิ์
ที่มา https://www.youtube.com/@mongkoldhamma -
ถ้าวางกำลังใจเป็น วางกำลังใจถูก เรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นกับเราได้ทุกวัน
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยเป็นฆราวาส ถึงเวลาไปทำบุญวัดไหน หรือว่าไปเช่าวัตถุมงคลวัดไหน ถือว่าวันนั้นเป็นวันดีที่เราได้อัญเชิญพระเข้าบ้าน เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมงคลเข้าบ้าน พอมาเป็นพระ ถึงเวลาจัดงาน พระสงฆ์ที่ท่านมาเองโดยที่อาตมาไม่ได้นิมนต์ ปกติแล้วท่านจะเป็นส่วนเกิน แต่อาตมาถือว่าท่านมาเป็นเนื้อนาบุญให้ ก็ให้การต้อนรับขับสู้ ถึงเวลาก็ถวายปัจจัยไทยธรรมเท่ากับพระที่เรานิมนต์มานั่นแหละ ฉะนั้น...อาจจะเป็นเพราะว่าทำลักษณะอย่างนี้มา ทั้งตอนที่เป็นฆราวาสแล้วก็เป็นพระ ด้วยความรู้สึกว่าสิ่งดี ๆ ทั้งหลายจะได้เกิดขึ้นกับเรา
ตรงนี้เป็นกำลังใจที่เขาเรียกว่ามโนมยา คือ สำเร็จด้วยใจ เพราะว่าเรานึกถึงแต่ในเรื่องที่ดี พอถึงเวลาสิ่งที่ตอบสนองมาก็เป็นแต่เรื่องที่ดี ๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นว่าถ้าวันนี้อาตมาบูชายันต์เกราะเพชรไป ก็กลับบ้านด้วยความปลื้มใจว่า เราได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบารมีพระเข้าบ้าน ให้ท่านช่วยปกปักรักษาคุ้มครองตัวเราและคนที่เรารัก เป็นต้น วางกำลังใจให้เป็น วางกำลังใจให้ถูก เรื่องดี ๆ จะได้เกิดกับเราทุกวัน"
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๖๗ -
พระคิริมานนทสูตร
อนุโมทนา และขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@Reungleaojakbanthuk -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ กรกฏาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ กรกฏาคม ๒๕๖๗ -
ข่าวชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน (พระอาจารย์เล็ก) เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗
ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
เครือข่ายชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
ขอรวบรวมข่าวกิจกรรมการดำเนินงานของ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (พระอาจารย์เล็ก)
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เพื่อให้ทุกท่านได้โมทนาบุญในการทำงานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
และเพื่อให้ทุกท่านได้ศึกษารูปแบบการดำเนินงานของพระอาจารย์
ซึ่งท่านเป็นต้นแบบการทำงานของ ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
ข่าวการดำเนินงาน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
“พวกยิ่งโกงยิ่งรวย เดี๋ยวกรรมก็ตามมันทัน” (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
“พวกยิ่งโกงยิ่งรวย เดี๋ยวกรรมก็ตามมันทัน”
(คติธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
คนบางพวกนั้นโกงจนรวย แต่พอรวยแล้ว ก็ยิ่งโกง แต่เหตุที่คนพวกนี้ยังไม่ได้รับผลกรรมชั่ว ก็เป็นเพราะคนพวกนี้มีบุญเก่าเยอะ ผลกรรมชั่วจึงยังส่งผลไม่ถนัด แต่ในไม่ช้าเดี๋ยวผลกรรมชั่วนั้นก็จะตามทันในที่สุด
หลวงพ่อพุธท่านจะเตือนสติ ไม่ให้นึกว่าบาปกรรมไม่มีจริง เพียงแต่มันยังไม่ส่งผล เราต้องเข้าใจ และอย่าไปนึกโกรธแค้นว่าทำไม คนเช่นนั้นยังได้ดิบได้ดีอยู่ เพราะจะเป็นทุกข์กับตัวเราเสียเอง ครั้งหนึ่งท่านสอนลูกศิษย์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“พอเห็นเขามีบ้านสวย ก็สาธุ! ท่านมีบุญ ท่านจึงมีบ้านสวยๆ อยู่ เห็นเขารวย ก็สาธุ! ท่านร่ำรวย เพราะท่านมีบุญท่านจึงร่ำรวย แล้วถ้าเขารวยเพราะโกงมาล่ะ? ยังจะสาธุไหม?
หลวงพ่อท่านหยุดให้คิด ก่อนจะเฉลย
“ก็สาธุสิ เขามีบุญจึงโกงแล้วรวย เราโกงทีเดียวติดตารางจ้อย นี่ที่จริงเขารวยก็เพราะบุญเก่า (ซึ่งมีวันหมดได้) ของเขา”
____________________________________
หมายเหตุ: ถ้าคนเราไม่สร้างความดีให้เป็นนิสัย บุญเก่าย่อมมีวันหมดลงได้ แล้วถ้าใครมีญาณหยั่งรู้ สามารถตามรู้ตามไปดูพวกพาลชนเหล่านั้นที่ตายไปแล้ว... -
ประโยชน์และวิธีใช้คาถา "สุนักขัตตัง"
ประโยชน์และวิธีใช้คาถา "สุนักขัตตัง"
เอาล่ะตอนนี้ที่พูดกันมาก็เพื่อจะเตือนลูกเตือนหลาน ท่านพูดไปตามเสียงผมพูดว่า
ลูกหลานถ้าจะเจริญพระกรรมฐานให้มีผลและมีกำลังจริงๆ เวลายามว่างก็หมั่นปลุกตนปลุกตัวให้มันขึ้นตามลำดับ นั่นก็คือเป็นการหัดฝึกสมาธิที่เป็นการดึงกำลังใจให้เป็นสมาธิได้ง่ายและรวดเร็ว
เพราะการปลุกตัวนี่เป็นจริยาคล้ายทำเล่นๆ แต่ทว่าผลจริงๆ คือกำลังสมาธิจะตั้งมั่น การฝึกทิพพจักขุญาณก็ดี การฝึกทางด้านฤทธิ์ก็ดี เช่น มโนมยิทธิหรืออภิญญา ถ้าฝึกตนได้ดีแล้วจะฝึกด้านนี้ได้ง่ายๆเป็นของง่ายและก็แจ่มใสรวดเร็ว
การปลุกตัวนี่เขาก็จะต้องใช้กำลังปลุกตัวด้วยกำลังของใครคนใดคนหนึ่งที่เราพึงมีความชอบใจ เช่นในสมัยนั้นเขานิยมพระสยามเทวาธิราช แต่ความจริงสมัยนั้นเขาไม่เรียกว่าพระสยามเทวาธิราช อย่างว่าในสมัยพระพันวษานี่ เขานิยมปลุกคือเชิญวิญญาณของพระเจ้าอู่ทองบ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์บ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนผาเมืองบ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนรามคำแหงบ้าง อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อนึกถึงท่านแล้วก็ปลุกตน ท่านถามนะว่า หัวใจที่ปลุก จะให้ท่านผู้นี้ใช้กำลังจิตของท่านมาสู่ในตน... -
อยู่บ้านเจริญกรรมฐานต้องสมาทานไหม
อยู่บ้านเจริญกรรมฐานต้องสมาทานไหม
ลูกศิษย์ : หลวงพ่อคะ พอเวลาเราเจริญพระกรรมฐานที่บ้าน เราต้องสมาทาน
พระกรรมฐานทุกครั้ง ใช่ไหมคะ
หลวงพ่อ : ก็ตามใจ เวลามีก็สมาทาน ถ้ามีความมั่นคงดีก็ไม่เป็นไนะ ก็ไม่แน่นักบางคนที่มีความคล่องตัว ไม่ทันจะสมาทาน จิตเป็นสมาธิเลย นี่ใช้ได้แน่นอนนะ
ถ้าทางที่ดีใหม่ๆ ยังไม่มั่นคง ตอนเช้าก็สมาทานเสียก่อน สมาทานครั้งเดียวในวันนั้น ทำกี่ครั้งก็ได้ ไม่ต้องทำไม่ต้องสมาทานบ่อยๆนะ ทางที่ดีเช้าว่าเสียก่อนเลย ถ้าไม่รีบเกินไป
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอนตื่นถ้าไม่สายเกินไป ก็สมาทานเลย คุ้มไปยันถึงวันพรุ่งนี้ สมาทานครั้งเดียว แล้วต่อไปไม่ต้อง ตลอดวันตลอดคืนนะ สมาทานนะ
สมาทานในตอนต้นว่ามอบกาย ถวายชีวิต นั่นก็หมายความว่าคำสั่งสอนใดที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ จะไม่ฝืน ให้เป็นไปตามขั้นตอนนะ
อันดับแรกเราก็จับอารมณ์ พระโสดาบันก่อน พยายามเอาให้ได้ พระโสดาบัน มีความสำคัญที่ศีล 5 เท่านั้นเอง ถ้าทรงศีล 5 ได้อย่างเดียว อารมณ์ตั้งใจ พระนิพพาน เป็นของไม่ยากใช่ไหม เพราะมีอยู่แล้ว เท่านั้นแหละ
(จากหนังสือ รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 10 หน้า 513) -
ฝันเห็นหลวงพ่อ 3 ครั้ง
ฝันเห็นหลวงพ่อ 3 ครั้ง
ผู้ถาม : ฝันเห็นหลวงพ่อ 3 ครั้ง หลวงพ่อว่าฝันเห็นอย่างนี้ 3 ครั้ง ต้องตายแน่นะ ก็เลยบอกหลวงพ่อว่า
"ตายไม่เสียดายชีวิต ตายเมื่อไรจะไปนิพพานทันที"
อย่างนี้จะมีทางไปนิพพานได้ไหมเจ้าคะ ?
หลวงพ่อ : สงสัย
ผู้ถาม : สงสัยอย่างไรครับ ?
หลวงพ่อ : สงสัยยังไม่ได้ยกครูน่ะซิ คือว่าถ้ามีอารมณ์อย่างนั้นไปได้แน่
ที่ว่าการฝันถูกขู่ว่าจะต้องตายใช่ไหม และตัดสินใจว่า ถ้าตายเมื่อใดขอไปนิพพานเมื่อนั้น อันนี้ได้แน่นอน
แสดงว่าจิตใจมั่นคงมาก อารมณ์เพียงแค่นี้ ตามธรรมดาถ้าเราจะตาย ป่วยตายธรรมดาใช่ไหม ป่วยนั้นก็คิดว่าจะหายก็หาย จะตายก็ช่าง
ถ้าตายเมื่อใดขอไปนิพพาน เราตั้งใจเพื่อนิพพาน อย่างนี้ไปแน่นอน
*****อันนี้เป็น "อุปสมานุสสติกรรมฐาน" ฝันดี! ฝันดี!*****
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 216 เดือนมีนาคม 2542 หน้า 32-33) -
การเจริญมหาสติปัฏฐาน
การเจริญมหาสติปัฏฐาน
ผู้ถาม : แล้วเรื่อง "มหาสติปัฏฐานสูตร" หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องเจริญอยู่เป็นนิจใช่ไหมครับ?
หลวงพ่อ : อ๋อ..ใช่ๆ มหาสติปัฏฐานสูตร หมายความว่าเป็นทางตรงแนวไปนิพพาน ถ้าเราจะอ่านทั้งหมดมันก็พัง จำไม่ได้
เขาต้องดูจุดท้ายคือใช้อารมณ์ตัดจริงๆ เขาใช้อารมณ์ไม่หนัก เบาๆ ถ้าเราไม่เข้าใจก็มาอ่านหนังสือทุกตัว ไปไม่รอด ในมหาสติปัฏฐานทั้งหมดแหละลงท้ายตัวเดียว พอลงท้ายก่อนจะสอนว่า
"เธอทั้งหลายจงอย่าสนใจกายในกาย คือ กายของเราเอง"
คำว่า "ไม่สนใจ" นี่เวลามีชีวิตอยู่เราสนใจ เราเลี้ยงมัน เรากินยาหาอาหาร มันหนาวมันร้อนเราก็ต้องประคับประคองอีก ถือว่าเป็นของธรรมดา
แต่ไอ้คำว่า "ไม่สนใจ" ในที่นี้หมายความว่า ถ้ามันสิ้นลมปราณแล้วเมื่อไรเราไม่สนใจมันอีก ถือว่ามันมีโทษ เวลานี้เราถือว่าเรามาเกิด เรามาเกิดเพราะถูกขัง เพราะทำความผิดมา แล้วไอ้ความผิดเช่นนี้การตัดสินใจผิด มันจะไม่มีข้างหน้า เรายอมรับโทษที่เราหลงผิดมาในกาลก่อนแค่ชาติเดียว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ตัดสินใจแค่นี้และต้องการพระนิพพาน
ความจริงเขาดูตัวสุดท้าย พระพุทธเจ้าสอนต้องดูตัวลง บางทีท่านเทศน์ชาดก เทศน์เสียยาวเหยียด... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
"คนแจวเรือ" (ท่านพ่อลี ธัมมธโร)
"คนแจวเรือ"
" .. "ร่างกายเปรียบเหมือนกับเรือ ดวงจิตเปรียบเหมือนคนที่แจวเรือ" ต่างคนต่างทำหน้าที่คนละอย่าง แต่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน "มีแต่เรือไม่มีคนแจว ก็ไม่สำเร็จประโยชน์" มีคนแจวแต่ไม่มีเรือก็ไปไม่รอด
ฉะนั้น "จึงจำเป็นต้องรักษาเรือไว้ให้ดี ถ้าจิตดีกายก็ดีด้วย ถ้าจิตเสียกายก็เสื่อม" ต้องรักษาไว้ให้ดีทั้งสองอย่าง "เราจึงจะข้ามไปถึงฝั่งได้" .. "
ท่านพ่อลี ธัมมธโร -
ธรรมฤทธิ์แห่งพระมหาสาวกโมคคัลลานะ
อนุโมทนาและขอบพระคุณที่มา https://youtube.com/@tripitaka-th?si=uQO5Ap8f9Exk0lfU -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
ใจของใครคนนั้นต้องขัดเกลาเอง ครูบาอาจารย์เป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น
เรื่องของการปฏิบัติธรรม จุดที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างสติให้เกิด ให้ตัวเราตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับและตื่นมีสติรู้เท่ากัน ถ้าทำยังไม่ถึงจุดนี้ การปฏิบัติธรรมของเราแทบจะไม่มีผล เนื่องเพราะว่าสิ่งที่เราระมัดระวังรักษาเอาไว้ในช่วงกลางวัน จะไปหลุดหมดเกลี้ยงตอนกลางคืน
บางคนกิเลสงอกงามมากกว่าปกติอีก กลางวันระมัดระวังศีลทุกสิกขาบท แม้แต่มดยังพยายามที่จะเลี่ยงไม่เหยียบ กลางคืนเผลอหน่อยเดียว ฝันว่าเขาฆ่าเขาทั้งกองทัพเลย..! บางคนกลางวันสำรวมมาก แม้แต่เพศตรงข้ามยังไม่กล้ามองตรง ๆ กลางคืนฝันว่าปล้ำลูกชาวบ้านเขาไปเรียบร้อยแล้ว..!
นั่นคือการที่เราขาดสติ ถ้าหากว่าสติเราสมบูรณ์อยู่ หลับและตื่นจะมีความรู้สึกเท่ากัน หลับอยู่ก็รู้ว่าตัวเองตอนนี้กำลังหลับ หลายคนได้ยินเสียงตัวเองกรนด้วย..! เพียงแต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ให้ต่อเนื่องตามกัน ถ้าเผลอสติหลุดไป เดี๋ยวสภาพจิตที่โดนเก็บกดมาตอนกลางวัน ก็จะไปอาละวาดอีก..!
บุคคลที่ทำได้คล่องตัวแล้วจึงได้ชื่อว่า พุทโธ คือ ผู้ตื่น ภัทเทกะรัตโต คือ ผู้มีราตรีอันเจริญ เพราะว่าสภาพจิตอยู่กับคุณงามความดีตลอดเวลา ไม่ปรุงแต่งไปในด้าน รัก โลภ โกรธ หลง...
หน้า 12 ของ 412