คลังเรื่องเด่น
-
วิธีแยกจิตออกจากกายทำอย่างไร
วิธีแยกจิตออกจากกายทำอย่างไร
ท่านที่สามารถแยกจิตออกจากกายได้เด็ดขาดคือ ไม่ติดใจ ไม่มีเยื่อใยในกายอีกต่อไป ถือว่าจิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน คือ พระอรหันต์ จิตของพระอรหันต์เป็นจิตที่มีประกายพรึกงดงาม แสงสว่างสดใส ไม่มีกิเลสพัวพันอีก
ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 75 % คือ พระอนาคามี อีก 25 % ยังติดในรูปฌานและอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากพระนิพพาน มีอวิชชา เล็กน้อย คิดว่าได้คุณธรรมแค่พระอนาคามีก็พอแล้ว อย่างไร ๆ ก็ได้ ไปเกิดชั้นสุทธาวาสเป็นพรหมสบาย ๆ อยู่แล้ว ค่อยไปปฏิบัติต่อที่พรหมเพื่อไปพระนิพพานต่อก็ได้
จิตที่ไม่ติดใจในกายได้ 50 % คือ จิตของพระสกิทาคามี ยังมีกามฉันทะ ปฏิฆะ ความโกรธไม่พอใจเล็กน้อย มีความเห็นตรงตามคำสอนพระพุทธองค์ มีศีล 5 ครบ มีกรรมบถ 10 ครบถ้วน ไม่พูดเพ้อเจ้อ หยาบคาย เหลวไหล
ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 25 % คือ พระโสดาบัน ท่านเอาจิตไปพิจารณาว่ากายต้องตายเพราะกายเป็นธาตุ 4 เป็นของโลก จิตเป็นของละเอียด เป็นนามธรรมมาอาศัยกายซึ่งเป็นรังที่แสนสกปรกรกรุงรัง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
พระครูบาบุญชุ่ม เขียนจดหมายจากถ้ำถึงลูกศิษย์ ให้รักษาศีล อย่าคบคนพาล
“พระครูบาพ่อบุญชุ่ม” เขียนจดหมายจากถ้ำถึง “ลูกศิษย์” หลังปิดวาจาบำเพ็ญเพียรในถ้ำเป็นปีที่ 3 เตือนให้รักษาศีล อย่าคบคนพาล เลือกคบผู้มีปัญญาจะห่างไกลเรื่องทุกข์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระมหาทองสุข สุขธัมโม ลูกศิษย์พระครูบาบุญชุ่ม ผู้ดูแลสถานปฏิบัติธรรมดอยเวียงแก้ว (พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อรัญวาสีภิกขุ) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้นำจดหมายของพระครูบาบุญชุ่ม ที่เข้าไปปฏิบัติเจริญธรรมกรรมฐาน ปิดวาจา บำเพ็ญเพียรในถ้ำเป็นปีที่ 3 ในประเทศเมียนมา เขียนส่งออกจากถ้ำเป็นภาษาไทใหญ่ มาแปลเป็นภาษาไทยว่า ปีธรรม 2565 พรรษา (พ.ศ. 2564) เดือน 9 ทุติยะ ขึ้น 15 ค่ำ ที่ถ้ำหลวงเมืองแก๊ด ดังนี้
เราพระครูบาพ่อบุญชุ่ม มีความสุขกายสบายใจ ฉันได้ปกติดี ไม่เป็นโรคเวทนาอะไร อยู่ด้วยสภาวธรรมเราคนเฒ่ามีอายุมากแล้ว เรื่องปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานภาวนาวิปัสสนาอันปฏิบัติตามมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นอันดีขึ้นมา รู้แจ้งมาแท้แล เอาสติพิจารณาตามลมหายใจเข้าออก มีสติพิจารณาถึงกายใจรูปนาม ขณะยืน เดิน นั่ง นอน มีสติรู้ทันทุกอย่าง เห็นถึงสังขารธรรมเกิดดับอยู่ทั้งวันทั้งคืน เป็นขณิกมรณะสังขาร... -
อีกแล้ว! หยิบหิน “ปราสาทพนมรุ้ง” กลับบ้านต้องส่งคืน พร้อมกราบขอขมา
นักท่องเที่ยวแอบหยิบหิน ที่“ปราสาทหินพนมรุ้ง” กลับบ้าน ต้องส่งไปรษณีย์กลับคืนแบบน่ากังขา ระบุรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมกราบขอขมา หลังเพิ่งเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพจ “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บุรีรัมย์ Phanom Rung Historical Park” เปิดเผยว่า
…วันจันทร์ ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ได้รับพัสดุจากประชาชน ภายในพัสดุมีก้อนหิน (เป็นหินภูเขาไฟ) จากเขาพนมรุ้งพร้อมจดหมายเขียนข้อความว่า “ข้าพเจ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอกราบขอขมาด้วยกาย วาจา ใจ ขอคืนสู่อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง ข้าพเจ้าเก็บตรงกลางทางขึ้นปราสาทนานแล้ว *เห็นข่าวตอนเช้า 18 ส.ค. 64 จึงนึกขึ้นได้ ขอคืนสู่พนมรุ้ง”
บัดนี้เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งได้นำก้อนหินกลับสู่ปราสาทพนมรุ้งแล้ว
#โบราณสถานเป็นของทุกท่าน_โปรดช่วยกันดูแลรักษา
#ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวไม่หยิบจับ_หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดออกจากโบราณสถาน
#พนมรุ้งดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์
สำหรับกรณีมีคนแอบหยิบหิน ดิน หรือสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ปราสาทหินพนมรุ้ง แล้วมีเหตุให้ต้องนำส่งคืนทางไปรษณีย์ นั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว... -
พยายามหัดเป็นพระโสดาบัน (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
"... พยายามหัดเป็นพระโสดาบัน ..."
... เราจะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร พยายามอย่าให้มันมีความรู้สึกลบหลู่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์และคนอื่น มานะความถือตนถือตัวนี่ ภูมิของอรหัตมรรคเป็นตัวตัดขาด มานะความถือตนถือตัวมันเป็นกิเลสละเอียดพอสมควร พระอนาคามีก็ละไม่ขาด โน่น ! ต้องภูมิอรหัตมรรคจึงละได้ขาด
... พยายามหัดเป็นพระโสดาบัน โส-ตะ-ปัน-นะ แปลว่า ผู้ถึงซึ่งการฟัง ใครพูดดีฉันก็ฟังได้ พูดเสียฉันก็ฟังได้ แต่ฉันจะเอาหรือไม่เอาเป็นหน้าที่ของฉันจะพิจารณาโดยเหตุผล
โส-ตะ แปลว่า ผู้ฟัง
ปัน-นะ แปลว่า ถึงแล้วซึ่งการฟัง
รวมความว่า ผู้รับฟัง ซึ่งไปตรงกับมารยาทของสังคมว่า เคารพมติของผู้พูด
การเป็นผู้ฟังที่ดีต้องหัดนั่งฟังเฉย เช่น ท่านอาจารย์วัน เพื่อนหลวงพ่อ ลูกศิษย์ท่านวิพากษ์วิจารณ์กรรมฐานคณะนั้นกรรมฐานคณะนี้ ท่านนั่งฟังเฉย พอท่านจะพูด...
... ท่านก็ว่า "ทัศนะของเขาเป็นอย่างนั้น ความเห็นของเขาเป็นอย่างนั้น อย่าไปขัดคอเขา"
... นี่แสดงว่าท่านผู้นี้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม ถ้าใครพูดมาไม่ถูกหูเรา เราเถียงคอเป็นเอ็น นั่นแสดงว่า เรายังเป็นผู้ฟังที่ใช้ไม่ได้...
พระเดชพระคุณท่านพระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ... -
"ความสำคัญของใจ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ความสำคัญของใจ"
" .. "ใจมีความสำคัญนัก มีความสำคัญที่สุด" พระพุทธองค์ทรงยกย่องใจให้มีความสำคัญที่สุด "ใจทำให้ผู้มีภพชาติที่ต่ำภพชาติที่ไม่สูง ไม่เป็นคนเลวได้" แม้มีใจที่มุ่งมั่นทำความดี
แต่แม้เป็นผู้มีภพชาติที่ดี ที่สูง "ใจก็ทำให้เป็นคนใจต่ำ เป็นคนเลวได้" แม้มีใจที่ไม่ใฝ่ดีไม่มุ่งมั่นในการทำดีเพื่อให้สมกับชาติภพของตน "ตนเกิดในภพชาติที่ต่ำเป็นคนดีได้ คนเกิดในภพชาติที่สูงเป็นคนไม่ดีได้"
"คนเกิดในภพชาติที่สูงเป็นคนไม่ดีได้ มีใจต่ำได้" แม้มีใจที่ไม่ใฝ่ดี ไม่มุ่งมั่นทำความดี เพื่อให้พ้นจากภพชาติที่ต่ำต้อยของตน "คิดให้ดีจะเห็นความสำคัญของใจ" ยิ่งกว่าความสำคัญของชาติภพ .. "
"แสงส่องใจ" วันอาสาฬหบูชา ๒๕๕๒
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=33155 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
ปากช่องโชคดีมีผู้ใจบุญบริจาค 20 ล้านซื้อวัคซีนฉีดให้ชาวบ้าน
ปากช่องโชคดีมีผู้ใจบุญบริจาค 20 ล้านซื้อวัคซีนฉีดให้ชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชาวบ้านต่างดีใจว่ามีผู้ใจบุญเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ บริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับชาวปากช่องที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน เชื้อไวรัส โรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดในพื้นที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยความตั้งใจของผู้บริจาคที่ไม่ประสงค์ออกนาม และเดิมมีพื้นเพอยู่ที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม ข้อเท็จจริงกับ นายเกียรตินิยม ขัวญใจพุทธิศา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ (อบต.) อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่มีผู้ใจบุญบริจาคเงินเพื่อซื้อวัคซีนมาฉีดให้ชาวปากช่อง ซึ่งผู้บริจาคไม่ขอเปิดเผยชื่อ เป็นคนบ้านขนงพระ อ.ปากช่อง ซึ่งเป็นนักธุรกิจไปมีสามีเป็นชาว ฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันมี พี่ชาย ญาติ พี่น้องก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ เห็นว่าในพื้นที่ ต.ขนงพระและในพื้นที่ปากช่อง ยังระบาดหนักมียอดผู้ติดเชื้อจำนวนมากในแต่ละวัน จึงขอแบ่งปันโดย ขอบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท พร้อมมอบผ่าน... -
ความมหัศจรรย์แห่งกุศลกรรม
... ช่วงนั้นข้าพเจ้าเริ่มมีบ้านอยู่ เริ่มจะผ่อนส่งเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท แต่เงินเดือนเพียง ๓,๐๐๐ บาทเศษ ทุกข์ใจเหลือเกิน เงินในธนาคารก็จะหมดแล้ว พอดีเห็นกระดาษพับอยู่ในกระเป๋าถือ เป็นคาถาหลวงพ่อปาน ก็นำมาอ่าน “คาถาเรียกทรัพย์”
พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม ท่องทุกวันวันละ ๓ จบ ๕ จบ ๙ จบ แล้วให้ใส่บาตรทุกวันก่อนไปทำงานหรือท่องคาถาแล้วเอาเงินใส่กระปุกทุกวันแล้วนำเงินไปถวายเป็นค่าอาหารพระ ขณะนั้นกำลังจนตรอก เงินจะขาดมือแล้ว เราแย่แน่ๆ จึงตัดสินใจว่า ลองดู จะรวยได้อย่างไรมองไม่เห็น แต่ท่านสั่งให้เราท่องเราก็ท่อง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องคาถาหลวงพ่อปานทุกๆ วันแล้ว นำกระปุกมาติดป้าย “พุทธะมะอะอุ” กันไว้ ไม่ให้เผลอหยิบเงินไปใช้ นำเงินเหรียญ ๕ ใส่กระปุกทุกวัน ยามนั่งรถเมล์ก็ท่องคาถา เพราะกลัวว่า ท่องน้อยไปจะไม่พอ เพราะรถติด ๑ ชม. กว่าจะถึงที่ทำงาน ท่องคาถาพุทธะมะอะอุ ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที เวลาเหลือก็สวดอิติปิโส ๒-๓ จบ จากนั้นแผ่เมตตา นั่งเพลินๆ ก็ถึงที่ทำงาน ทำอย่างนี้อยู่ ๒ สัปดาห์ ความอัศจรรย์ก็เกิด...... -
"ต้องมีเหตุมึผล จิตจึงจะเชื่อ" (หลวงปู่เหรีญ วรลาโภ)
.
"ต้องมีเหตุมึผล จิตจึงจะเชื่อ"
" .. อาการที่เราปฏิบัติธรรมนะ ต้องให้มีความพากเพียรพยายามตะเกียกตะกาย "ต้องมีอุบายแยบคายอยู่ ในใจเสมอ" การที่มีอุบายแยบคายในใจเสมอนี่สำคัญ ให้เข้าใจกันไว้ "คนส่วนมากไม่ค่อยมีอุบายแยบคาย" อยู่ซื่อ ๆ ไป ซื่อ ๆ
อันนี้ล่ะสาเหตุที่มันละกิเลสไม่ได้ "เพราะว่าจิตนี่ ถ้าหากว่ามันไม่มีเหตุผลเพียงพอ มันก็ไม่ยอมละ" มันยึดถือสิงใดไว้แล้วนะ "ถ้าปัญญาไม่รู้แจ้งให้จิตนี้เห็นเหตุเห็นผลในเรื่องนั้นโดยแจ่มแจ้งแล้ว จิตนี้มันไม่เชื่อ มันจะไม่ยอมละเลย"
เพราะเหตุนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม "พระองค์จึง ได้ทรงอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบอะไรต่ออะไรให้พุทธบริษัท ทั้งหลายฟังหลายสิ่งหลายอย่าง" ดังเช่นทรงเปรียบเทียบไว้ว่า ..
"นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษ .. หมู่สัตว์มี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นโทษ เพราะฉะนั้น ทานที่ให้แก่ท่านผู้สิ้นราคะ โทสะ โมหะ จึงชื่อว่ามีผลมาก" ลองคิดดูชิ พระองค์ทรงเปรียบเทียบไว้ อย่างนี้ล่ะ เป็นความจริงไหม เราฟังแล้วเราเห็นตามไหม .. "
"ธรรมโอวาท ๓"
หลวงปู่เหรีญ วรลาโภ -
คาถา “ท้าวเวสสุวัณ” เชื่อว่า ศัตรูพินาศและรักษาโรคภัย
คาถา “ท้าวเวสสุวัณ” เชื่อว่า ศัตรูพินาศและรักษาโรคภัย (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
พระคาถาของสมเด็จพระพุทธกัสสป (เผยแพร่โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง) หลวงพ่อท่านบอกคาถาบทนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ คาถาบทนี้ ท้าวเวสสุวัณมาให้ ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้ระลึกถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระพุทธกัสสปทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็นเจ้าของคาถานี้
พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ
พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคทั้งหลาย วินาศสันติ
บทในบรรทัดที่ ๒ นี้รักษาโรค ท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กิน ก็ได้นะ แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว
อีกบทหนึ่งของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
“ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ”
ทั้ง ๓ บทนี้ ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้นะ
ภาวนาไว้สักครู่ เช้าเย็นอะไรนี่นะ ท่านบอกว่าศัตรูพินาศไปเอง
สำหรับบทหลังศัตรูทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรแล้วเราจะต้องรู้อยู่เสมอ บทกลางนะ ทำลายโรค ไอ้ทำลายโรคนี่ดีใช่ไหม เสกข้าวนะ ข้าวที่เราจะฉัน เสกซะหมด และคนอื่นกินก็เป็นยาไปหมด... -
สงครามโลกครั้งที่ 3 (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
สงครามโลกครั้งที่ 3
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
หลวงพ่อ : ตอนบวงสรวงเมื่อเช้าพระท่านพูดเรื่อง “สงครามโลกครั้งที่ 3”
ถามท่านว่า “ถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้น จะเป็นยังไง ประเทศไทย”
พระท่านบอกว่า “คนที่จนอยู่กระท่อม จะมีเงินนับแสน คนที่มีเงินจำนวนแสนไม่ถึงล้าน ถือว่าจน คนฐานะดีนิดหน่อย ต้องมีเงินเป็นล้าน รวยใหญ่”
ถามท่านว่า “สงคราม จะมาถึงประเทศไทยไหม”
พระท่านบอกว่า “สงครามของเขา ไม่ถึงประเทศไทย แต่สงครามในประเทศไทย ยังมี”
ปักษ์ใต้ กรมหลวงชุมพร ขอยืนยัน
“ใครรักษาทิศใต้ ท้าววิรุฬหก ใช่ไหม”
กรมหลวงชุมพร บอก “ผมครับ รับหน้าที่ทางทิศใต้”
ถามว่า “ยันอยู่ไหม”
ท่านบอก “ยันไม่อยู่ครับ แต่ตียันมาเลเซีย เลยยึดไม่ปล่อย”
ถาม “ทิศเหนือ ใครรับผิดชอบ”
ท้าวเวสุวัณ บอก “ผมครับ”
ถาม “เป็นยังไง”
ท้าวเวสสุวัณท่านบอก “เชียงตุง ยัน แม่น้ำแยงซีเกียง”
คุณยกทรง : “สงครามโลกครั้งที่ 3 บ้างก็กลัวจะเกิด บ้างก็อยากให้เกิดไว ๆ ไอ้ที่กลัวจะเกิด คือกลัวจะตาย ไอ้ที่อยากให้เกิดไว ๆ เพราะหลวงพ่อบอกว่าถ้าเกิดเมื่อไหร่ รวยเมื่อนั้น”
หลวงพ่อ : “ไอ้ที่รวย ไม่ใช่อะไรหรอก สงครามของเรา มันไม่ใหญ่โต... -
ขันธ์ 5 ตัวเดียวเท่านั้นแหละเป็นเหตุละกิเลสได้ทุกตัว
ขันธ์ 5 ตัวเดียวเท่านั้นแหละเป็นเหตุละกิเลสได้ทุกตัว
ผมกล่าวว่าขันธ์ 5 เป็นปัจจัยแห่งพระนิพพาน จะเล่าพระสูตรสักสูตรหนึ่ง สูตรนี้ก็มีอยู่ในพระธรรมบทขุททกนิกาย หรือว่ามาจากพระไตรปิฎก กระผมจะไม่บอกละว่าอยู่ตอนไหน
เรื่องมีอยู่ว่า สมัยหนึ่งบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่บวชใหม่ เข้าไปกราบทูลลาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตั้งใจจะไปเจริญพระกรรมฐานในป่า หวังให้บรรลุมรรคผล ตอนนั้นองค์สมเด็จพระทศพลจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า “ภิกขเว ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไปลาพระสารีบุตรแล้วหรือยัง” บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงกราบทูลว่ายังพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธจ้าจึงทรงมีพระบัญชาว่า อย่างนั้นก่อนที่เธอจะไปเธอจงไปลาพระสารีบุตรเสียก่อน พระเหล่านั้นก็รับคำแล้วก็ลาพระพุทธเจ้าออกไปจากพระมหาวิหารเข้าไปหาพระสารีบุตร พอเข้าไปถึงพระสารีบุตร พระสารีบุตรให้โอวาทอื่นพอสมควร
แล้วพระทั้งหลายเล่านั้นจึงได้ถามพระสารีบุตรว่า พวกกระผมเป็นปุถุชน ถ้าจะปฏิบัติตนให้เป็นพระโสดาบันจะทำยังไงขอรับ พระสารีบุตรก็บอกว่า ถ้าพวกเขาทั้งหลายปรารถนาเป็นพระโสดาบัน ก็จงพิจารณาขันธ์ 5 ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้มันไม่ใช่เรา... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
อุปสมานุสติกรรมฐาน
ถาม : ถ้ากระผมฝึกในกองกรรมฐาน โดยเริ่มจากอุปสมานุสติกรรมฐาน เกาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ ตั้งใจว่าจะทรงกรรมฐานกองนี้ ๑ เดือน ในระหว่างที่ทำนั้นก็เอาใจเกาะพระนิพพานในระหว่างวันเรื่อยๆ ทำมาได้เป็นระยะเวลา ๑๐ วันแล้ว ก็มีบ้างที่ออกจากพระนิพพานไปพิจารณาอย่างอื่น หรือมีหลุดไปฟุ้งซ่านบ้าง แต่อย่างไรก็เอาพระนิพพานเป็นหลัก กราบเรียนถามว่าอย่างไรจึงจะเรียกว่า ทำ "อุปสมานุสติกรรมฐาน" สำเร็จ? ใช่การมีวสีหรือไม่ครับ?
ตอบ : การจะทำอุปสมานุสติได้สำเร็จจริง ๆ คือ การเป็นพระอรหันต์ไปเลย แปลว่าต้องเกาะพระนิพพานไปเรื่อยๆ ความเคยชินกับอารมณ์หมดกิเลสที่ปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง ของพระนิพพาน ถ้าหากว่าเข้ามาสู่ใจของเรานานไปๆ กิเลสอื่นเจริญเติบโตไม่ได้ ท้ายสุดก็จะหมดกำลังตายไปเอง เรียกว่าบรรลุโดยเจโตวิมุตติ คือใช้กำลังใจข่มกิเลสไว้ จนกิเลสหมดสภาพไปเอง เพราะฉะนั้น... ถ้าจะเอาที่สุดของอุปสมานุสติก็ต้องเป็นพระอรหันต์ไปเลย
ถาม : แล้วการที่เห็นพระนิพพานได้ชัดเจน ละเอียด หรือท่องเที่ยวไปได้ทั่วบนพระนิพพานนั้น จัดว่าสำเร็จในกองกรรมฐานนี้หรือไม่ครับ? หรือไม่เกี่ยวกัน... -
"จิตนี้แหละ นำทุกข์นำสุขมาให้" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"จิตนี้แหละ นำทุกข์นำสุขมาให้"
" .. จิตฃองเราทั้งหลายก็ดี มันเกลือกกลั้วอยู่กับอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง "มันเอาอารมณ์เข้ามาห้อมล้อมมัน จิตมันจึงเศร้าหมอง" แต่แสงมันก็มีอยู่นั่นแหละ อาศัยมาชำระมัน เราฝึกมาชำระจิตนั่นแหละทุกวัน ให้มันผ่องใส
"จิตเราต้องชำระให้มันปริสุทธิ้ไม่มือะไรมาปะปนมันแล้ว" อันนั้นละจิตปริสุทธิ้จิตผุดผ่อง ผ่องใส "จิตตัง ทันตะ สุขาวหัง" ครั้นผู้อบรมฟอกจิตของตน สั่งสอนจิตของตน "มีสติสัมปชัญญะ ระวังจิตอยู่ทุกเมื่อ ประดองจิตให้อยู่ในความดี" หมั่นขยันทำความเพียรชำระจิต "ยกบาปทั้งหลายเหล่านี้ออกจากดวงจิตอยู่ทุกวัน"
ครั้นละออกแล้ว "ก็เหมือนฝนทั่งให้เป็นเข็มเท่านั้น ฝนไปฝนไป อาศัยวิริยะความพากเพียร อาศัยฉันทะ ความพอใจจะเพียรฝึกฝนจิตของเราให้เลื่อมประภัสสร" ฝนไปฝนไป ผลที่สุดก็เป็นจิตปริสุทธิ์หมดมลทิน "มีแต่ธาตุรู้อันปริสุทธิ์" เป็นธาตุอันบริสุทธิ์เผุดผ่อง
"จิตบริสุทธิ์แล้ว จะไปทางไหนก็ได้ไม่มืความเดือดร้อน" เพราะเป็นแก้วอันบริสุทธิ์แล้ว บ่มีอันหยังมาเกิดแล้ว "จิตแหละเป็นตัวนำทุกข์มาให้ ครั้นฝึกฝนดีแล้วนำความสุขมาให้" อยู่ในโลกนี้ก็มีสุข ความทุกข์ไม่มี... -
เคล็ดวิชาฝากกระแสแผ่บุญ
เคล็ดวิชาฝากกระแสแผ่บุญ
ไขปัญหาคาใจเกี่ยวกับเรื่องผีๆ กับ อาจารย์รอบทิศ ดร.ทางพุทธศาสนารุ่นใหม่ และแฟนพันธุ์แท้พระเกจิคณาจารย์ ผู้ออกหาความรู้เรื่องโลกวิญญาณกับพระเกจิอาจารย์ต่างๆทั่วไทยมากว่า 20 ปี
ในรายการ GHOST GURU
รู้เรื่องผี แล้วคุณจะไม่กลัวผี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
มจร ผนึก ปปช.จัดโครงการความร่วมมือทางศาสนา ‘ต่อต้านการทุจริต’
พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร) รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ในฐานะประธานคณะทำงานโครงการบูรณาการแนวทางความร่วมมือทางศาสนาในการต่อต้านการทุจริต เปิดเผยว่า เป็นโครงการที่ประยุกต์หลักธรรมคำสอนกับหลักสูตรด้านทุจริตศึกษา ( Anti-Coruption Education) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
โครงการดังกล่าวเป็นการดำริเริ่มร่วมกันเบื้องต้นระหว่างพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระธรรมวัชรบัณฑิต อธิการบดี พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไปและคณะผู้บริหาร มจร กับ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ปปช.และคณะกรรมการปปช. โดยได้ตระหนักว่าการทุจริตคอรัปชั่นนั้นเป็นภัยร้ายที่กัดกร่อนประเทศ เป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาบ้านเมืองไม่ให้เจริญก้าวหน้า
พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า... -
การเจริญเมตตาทำลายได้แม้กระทั่งยาพิษ
การเจริญเมตตาทำลายได้แม้กระทั่งยาพิษ
ถาม : ผู้ใหญ่บ้านเขาโดนยาสั่ง จะตายหรือเปล่า ?
ตอบ : พวกโดนยาสั่งให้ที่ดูเล็บ =AZWme36oAWpFb-lkf_Qew_DRUxhq0qVpZW59y4DU0kCgdZIzsQfOJyKIdoaf1IuM9CAlGl3e0VcxHFO4yDmKLOKmzCQk4lKyqxmr8bkKqVeKMJJPv7tUwxwslqBAFH2ouQzZuvwt4ICh8Z1TMRpU48rzFUAQV7QxLTmbfSwRjAJ2MTus0Xkp_MfaXL2tRoHg5bc&__tn__=*NK-R']#ถ้าตายเล็บจะกลายเป็นสีม่วงทันทีเลย
ถาม : ตายแล้วจะล่องลอยเหมือนสัมภเวสี ?
ตอบ : ตายก่อนหมดอายุขัยก็มักจะเป็นสัมภเวสีก่อน =AZWme36oAWpFb-lkf_Qew_DRUxhq0qVpZW59y4DU0kCgdZIzsQfOJyKIdoaf1IuM9CAlGl3e0VcxHFO4yDmKLOKmzCQk4lKyqxmr8bkKqVeKMJJPv7tUwxwslqBAFH2ouQzZuvwt4ICh8Z1TMRpU48rzFUAQV7QxLTmbfSwRjAJ2MTus0Xkp_MfaXL2tRoHg5bc&__tn__=*NK-R']#ความจริงยาสั่งแก้ง่าย แต่คนมักจะไม่รู้ เขาให้เอารากตำลึง รากฟักข้าว และรากรางจืด โขลกผสมกับเหล้าแล้วกรอกปากเลย... -
เงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 40 กรณี ‘พระสงฆ์’ เช็คก่อนรับ 1 หมื่นบาท
20 สิงหาคม 2564
ตรวจสอบ “เงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 40” กรณี “พระสงฆ์” เช็คก่อนรับ 1 หมื่นบาท
ประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ยืนยัน พระสงฆ์ สมัคร ประกันสังคมมาตรา 40 ได้ ช่วงนี้โควิดระบาดไม่กิจนิมนต์ ได้รับเงินเยียวยา 1 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่วัดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ได้นำรถโมบายออกให้บริการประชาชน ผู้ทำงานอิสระ และยังไม่ได้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 สามารถมาสมัครผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้
ประกอบกับช่วงนี้ไวรัสโควิด-19 ได้มีการแพร่ระบาดรุนแรง จ.ชลบุรีถือว่าเป็นพื้นที่สีแดงจัด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 2 เดือนๆ ละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท ทำให้มีผู้ทยอยมาประกันตนตามมาตรา 40 กันอย่างมากมาย
คลิปข่าว
Your browser does not support the video tag.
นอกจากนี้ ยังได้มีพระภิกษุมาสมัครด้วย ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาด้วยเช่นกัน โดยมีนายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสนธยา กลมกล่อม กำนันตำบลอ่างศิลา มาอำนวยความสะดวก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระอิทธิพล พระลูกวัด... -
อัศจรรย์!ผึ้งหลวงทำรังใต้ตางและคิ้วรูปหล่อหลวงปู่ดู่ 9 รัง
ภายในบริเวณวัดอนุมัติวงศ์ ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ได้มีฝูงผึ้งหลวง พากันบินมาทำรังเกาะบริเวณใต้คาง และใต้คิ้วรูปหล่อหลวงปู่ดู่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือกว่า 9 รัง
วันที่ 20 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิด เหตุการณ์แปลกและเป็นที่ฮือฮา แก่ผู้คนทั่วไป ตลอดจนพระ เณร ในวัดอนุมัติวงศ์ ตำบลดอกคำใต้อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ที่ได้มีฝูงผึ้งหลวง พากันเข้ามายึดเกาะทำรังถึง 9รัง ตาม รูปหล่อหลวงปู่ดู่ ซึ่งเป็นรูปหล่อองค์ที่ใหญ่ที่สุดของล้านนาและของประเทศไทย โดยไม่หนีไปไหน จนสร้างความฉงนเป็นอย่างยิ่ง ต่างเชื่อในความ ศักดิ์สิทธิ์ของรูปหล่อหลวงปู่ดู่ ที่ฝูงผึ้งหลวงเข้ามาขออาศัย อยู่ด้วย เพื่อความสงบสุขร่มรื่น ปลอดภัย โดยพึ่งบารมี ของหลวงปู่ดู่ปกปักรักษาคุ้มครอง
พระครูวิสฐิกิจจานุยุต เจ้าอาวาสวัดอนุมัติวงศ์ ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหลวงตาม้า และศิษย์ยานุศิษย์ ได้สร้างรูปปั้นหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ประดิษฐานไว้ภายในวัดอนุมัติวงศ์ ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ผ่านมาถึง6ปี จนถึงปัจจุบันยังไม่เสร็จ ด้วยงบประมาณกว่า20ล้านบาท... -
เชื่อหรือไม่? อดีตชาติของในหลวง ร. 9 และในหลวง ร. 10 พระองค์เคยสร้างบารมีร่วมกันมา
อดีตชาติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่พระราชพรหมยานได้ยืนยันบันทึกไว้เมื่อกว่า ๑๗ ปีที่แล้ว
คัดลอกบางตอนจากหนังสือธัมมวิโมกข์ หน้า ๙๒-๙๕ ฉบับที่ ๒๑๒ พย. ๒๕๔๑ ของ พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
ในหลวงเคยเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า และ พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า และเคยเกิดเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าตวันอธิราช และ พระเจ้าพรหมมหาราช ("พระเจ้าตวันอธิราช" ไปเกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช") ทั้ง ๒ ครั้ง ดังนี้
พ.ศ. ๒๔๖ สมัยสุวรรณภูมิ ในหลวงเกิดเป็นพระราชโอรส องค์แรก ของ พระเจ้าตวันอธิราช มีพระนามว่า พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า
ต่อมา พ.ศ. ๙๐๐ สมัยเชียงแสน พระเจ้าตวันอธิราช เกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช" ส่วน พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ตามไปเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรกนามว่า "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่สิ้นพระชนม์ในสมัยทรงพระเยาว์ พระราชสมบัติจึงตกแก่พระโอรสองค์รองคือ "พระเจ้าชัยสิริ" (หลวงปู่ธรรมชัย) ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์จักรกรี สืบสันติวงศ์ถึงปัจจุบัน พระเจ้าพรหมมหาราช มีพระเชษฐาคือ "พระเจ้าทุกขิตะ" (หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล)
ย้อนกลับมาสมัยสุวรรณภูมิ พ.ศ.๒๔๖ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ พระองค์นี้ได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน... -
ส่องพระดังประจำรถ พิสูจน์จาก 5 เหตุการณ์จริง รอดตายเพราะบูชาพระอะไร?
หลายเหตุการณ์เฉียดตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ มักพบการให้ข้อมูลของผู้รอดชีวิตว่าเป็นเพราะบารมีของพระที่บูชาช่วยให้มีชีวิตรอดกลับมาได้ มาส่องดูกันว่า พวกเขาแขวนพระอะไร?
เรื่องราวของรถกับพุทธศาสนานั้น ไทยมีความเชื่อเรื่องการนิมนต์พระมาเจิมตอนได้รถใหม่ รวมถึงการบูชาพระในรถหรือแขวนพระตอนขับรถด้วย เพราะมีความเชื่อว่าพุทธคุณของท่านนั้นจะช่วยคุ้มครองให้การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และไม่เพียงแต่เรื่องราวความเชื่อที่ถูกพูดถึง ยังมีสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์รอดตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และผู้โชคดีได้กล่าวอ้างว่า เป็นเพราะบารมีจากพระที่บูชามาของตนที่ทำให้ตัวเองยังมีชีวิตรอด
โดยเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และนั่นทำให้เกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นแก่พระท่านของเหล่าผู้บูชาเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย ขอพาทุกท่านไปดูเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อสำรวจว่าผู้ที่รอดตายจากอุบัติเหตุในแต่ละเหตุการณ์นั้น พวกเขาบูชาพระอะไรกันขณะขับรถ? มาหาคำตอบไปพร้อมๆกันกับ ส่องพระดังประจำรถ พิสูจน์จาก 5 เหตุการณ์จริง รอดตายเพราะบูชาพระอะไร?
1. เก๋งอัดท้ายบรรทุกยับแต่กลับรอด เชื่อ... -
"สิ่งที่เอาไปได้ คือบุญกุศล" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"สิ่งที่เอาไปได้ คือบุญกุศล"
" .. เมื่อหมดลมหายใจคือตายนั้น สิ่งเหล่านั้นเอาไปไม่ได้ ทุก ๆ คนจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีเงินจนล้นฟ้าล้นแผ่นดิน "เมื่อหมดลมหายใจคือตาย ก็ทิ้งไว้กับโลก" เมื่อตายไปแล้ว คนอื่นเขาก็เอาไปใช้ เราไม่ได้อะไรสักอย่าง "สิ่งที่เราจะเอาไปได้นั้น ก็คือบุญกุศล" .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
พระพันปีหลวงทรงพระโสดาบัน โดยหลวงพ่อวัดท่าซุง
⚜️พระพันปีหลวงทรงพระโสดาบัน⚜️
✴️ ก็เล่าถึงนิมิตว่า ก่อนจะไปมีนิมิตเกิดขึ้นอันหนึ่ง คือว่าก่อนที่จะลงกรรมฐาน สอนกรรมฐานคืนนั้นคืนแรก ตอนทุ่มหนึ่งพอใจสบาย ก็เห็นท่อน้ำแป๊ปที่เราต่อไว้ แต่ว่ามันมีน้ำใสท่วม ท่วมขึ้นมาสูง แต่น้ำนี่ใสมากและท่อแป๊ปก็ขาด ท่อแป๊ปมันขาดออกไปแต่มันไม่สลายตัว มันขาด มันห่างกันไปนิด ฉันเห็นฉันก็นิ่งเสีย ฉันก็ไม่ตีความหมายพยากรณ์นิมิต
✴️ ทีนี้ต่อมาตอนเช้ามืด ลุกขึ้นมาจงกรมตอนตี 3 กว่าๆ ก็จงกรมเดินไปเดินมาก็เห็นสมเด็จองค์ปฐมท่านมา ท่านก็ถาม
“นิมิตตอนหัวค่ำเธอรู้ไหมว่าเป็นเรื่องอะไร...?”
ก็เลยบอก “เรื่องอะไรข้าพระพุทธเจ้าจะยุ่งกับนิมิต”
บอก “บ๊ะ ! ฉันบอกเรื่องนิมิต เธอไม่คิดมั่งเลย”
บอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไม่คิด เรื่องอะไร ถ้าจะบอกก็บอกตรงๆ มานั่งคิดเรื่องนิมิตก็ปวดหัวตาย เดี๋ยวก็มีนิมิตอย่างโน้นเดี๋ยวก็มีนิมิตอย่างนี้ ไม่เอาด้วย นิมิตนี่ไม่เอา”
✴️ ท่านก็เลยบอกว่า “การไปคราวนี้มีคนหนึ่งนะ มีอารมณ์เข้าถึงพระโสดาบัน”
ฮึ! ท่านบอกนะ
บอก “น้ำใสนั้นแสดงว่าน้ำใจบริสุทธิ์ มีอารมณ์เป็นกุศล ไอ้ท่อแป๊ปที่มันขาด แต่ขาดมันไม่ละลาย ขาดห่างออกไป แต่แป๊ปนี่มันเป็นเหล็ก... -
ตรวจสอบด้วยเมตตาดีกว่านินทาว่าร้าย (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
... การตรวจสอบไม่ใช่การลบหลู่ดูหมิ่น หรือเป็นเรื่องของการจับผิด การที่เราเห็นอะไรที่ผิดพลาดไม่สมควร เราชาวพุทธก็กล่าวตักเตือนกันได้ด้วยความเมตตาสงสาร แต่ไม่ควรไปติฉินนินทาเพราะจะเป็นบาป
ส่วนการตักเตือนครูบาอาจารย์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ควรไปตักเตือนโดยตรง ควรใช้วิธีถามปัญหา พระทำอย่างนั้นๆผิดหรือเปล่า ถ้ามันตรงกับความประพฤติของท่าน ถ้าท่านหวังดีต่อพระธรรมวินัย ท่านรู้สึกเอง
คือความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ นี่ไม่ว่ามนุษย์ปุถุชน พระอรหันต์ก็สามารถผิดพลาดได้ คงมีแต่พระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรอรหันต์เดินตามหลังพระพุทธเจ้าไป ทุกองค์เขาเดินลุยน้ำไป แต่ร่องน้ำมันพอกระโดดข้ามได้ พอถึงพระสารีบุตรกระโดดข้ามปั๊บ พระภิกษุกระโดดนี่เป็นอาบัติทุกกฎ ทีนี้พระพุทธเจ้าหันมาทัก สารีบุตรนี่เคยเป็นลิงมาแต่ชาติปางก่อน นิสัยยังติดอยู่ ท่านก็เทศน์ว่านิสัยวาสนา พระสาวกละไม่ได้เด็ดขาด มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น...
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก ฐานิโยนุสรณ์ ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพพระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) -
"ทำให้เกิด ให้มีขึ้น" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ทำให้เกิด ให้มีขึ้น"
" .. "การภาวนาคือทำให้เกิดขึ้นมีขึ้น" ที่ไม่รู้ทำให้มันรู้ ที่ไม่ดีทำให้มันดี "ใจเป็นบาปเป็นกรรมทำให้เป็นบุญเป็นกุศล" การสร้างบุญไม่ใช่ทำโดยการให้ทานอย่างเดียว
"การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนา การฟังธรรมเหล่านี้เป็นบุญทั้งหมด เป็นเหตุที่จะให้บุญเกิด" บางคนจะทำบุญแต่ละที ก็คอยแต่จะให้มีเงินมาก ๆ เสียก่อน เลยไม่ได้ทำสักที .."
"กบเฒ่านั่งเฝ้ากอบัว"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔
หน้า 109 ของ 402