ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

จริงๆ ๒ บท นี้ ครูผมก็ มีทั้งให้ใช้ ทั้ง ๒ บท และบทเดียว ซึ่งท่านก็ว่า ขลังเหมือนกัน ไม่ต่างกัน ครับ..

 

ถ้าท่านมีหนังสือ ลป.ดู่ ที่แจกในงาน พระราชทานเพลิงศพ หน้าต้นๆที่ท่านเขียนในหนังสือเล่มนั้น ก็ รูปนี้ละครับ

 

สวัสดีครับ, ตอนนี้ผมรวมไฟล์สแกนประวัติครูบาบุญชุ่ม ที่คุณ tang_2536 โพสเอาไว้ทั้ง ๑๕๐ หน้าครบแล้วนะครับ
:z16
สำหรับท่านใดที่ต้องการอ่านเองทีละหน้า
ด้านล่างนี้เป็นลิงค์ไปยังหน้าต่างๆที่คุณ tang_2536 โพสเอาไว้ทั้งหมดครับ

catt21
นอกจากนี้เพื่อความสะดวก, ผมได้รวมรูปสแกนทั้งหมด ๑๕๐ หน้า(จากลิงค์ข้างบนและจากไฟล์ PDF)
พร้อมทั้งลดขนาดไฟล์ภาพ(แต่ไม่ได้ลดความกว้าง-ยาวของภาพ), เอามารวมเป็นไฟล์ ZIP ไฟล์เดียว และอัพโหลดขึ้นเว็บ DropBox.com เรียบร้อยแล้วครับ
ใครต้องการอ่านแบบรวดเดียว ๑๕๐ หน้า สามารถดาวน์โหลดไฟล์จากลิงค์ด้านล่างนี้ไปอ่านได้เลยครับ(ขนาด 34.4 MB)
https://dl.dropboxusercontent.com/u...ุ่ม_๑๕๐หน้า(JPEG_Quality25)-20131101-0039.zip

 

ขอบคุณมากเลยครับ .....

 

ประวัติหน้า 100-105 ครับ

 

ขอบคุณครับ, ตอนนี้ผมแก้ไขเพิ่มลิงค์สแกนหน้า 100-105 ให้กับ โพสเดิม
และแก้ไขเอกสาร ReadME.txt ที่อยู่ในไฟล์ ZIP เพื่อเพิ่มลิงค์สแกนหน้า 100-103, 104-105 เรียบร้อยแล้ว
_
ถ้าท่านใดดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่ผมแจกไปแล้วก่อนหน้านี้(ไฟล์ 20131031-0317.zip)
สามารถดาวน์โหลดเอกสาร ReadME.txt อันใหม่ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
https://dl.dropboxusercontent.com/u/50791697/ReadME.txt

 

มีครูอาจารย์ท่านเคยสอนไว้ว่าวิชาไสยศาสตร์!นั้น.. อยู่คู่กับแผ่นดินไทยเรามาช้านานเป็นวิชาที่ใช้เพื่อปกป้องคุ้มครองประเทศไทยเรามาช้านาน.. ทั้งนี้โดยอาศัยคุณพระพุทธเจ้า..พระธรรม..พระสงฆ์..เป็นกระแสหลัก!แลคุณบิดามารดาเป็นกระแสที่สอง..และแรงคุณครูบาอาจารย์เป็นกระแสที่สาม.. ทั้งหมดนี้เรียกรวมว่าคุณพระ! อาจารย์ท่านบอกว่าวิชาไสยศาสตร์ก็คือการทำจิตให้เข้าถึงคุณพระนั่นเอง เนื่องจากบุญบารมีและพลังจิตของเรายังไม่มากพอ ไม่สามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆให้เป็นไปตามความปราถนาของเราได้ จึงต้องมีการขอพึ่งบุญบารมี ของคุณพระผู้ประเสริฐ ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงคุณ เพื่อช่วยทำให้ความปราถนาของเราเกิดผลสำเร็จ จึงเกิดมีวิชาไสยศาสตร์ คาถาอาคมขึ้น หากแต่วิชาไสยศาสตร์นั้นไม่ใช่ว่าใครนึกจะเรียนก็เรียนได้ ต้องมีครูมีอาจารย์เป็นผู้ถ่ายทอด เป็นผู้ฝึกสอน อีกทั้งเคล็ดวิชาต่างๆที่ซ่อนความนัย หรือที่ปกปิดเอาไว้ก็ต้องเรียนรู้จากผู้เป็นอาจารย์ ทั้งยังต้องมีการฝึกสมาธิ ฝึกเพ่งกสิณ ต้องมีการตั้งกสิณจากอาจารย์ผู้ทรงคุณ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะบ้าเอา เพราะวิชากสิณมีความแรงมาก บางคนอาจคิดว่าฝึกกสิณเองไม่มีคนตั้งกสิณให้ทำไมไม่เห็นเป็นอะไรเลย คำตอบคือยังฝึกไม่ถึงขั้นไม่สำเร็จดวงกสิณ จึงยังไม่ได้รับผลกระทบ..!
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีมีสาระประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบทางไสย์เวทย์ควรค่าแก่การที่จะช่วยกันรักษาเอาไว้..เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพชนของไทยเราทั้งสิ้น! วิชชาเหล่านี้มีสิ่งที่ดีมีคุณค่าขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองต่างหากที่จะนำวิชชาเหล่านี้ไปใช้ในทางใดรูปแบบไหน..ใช้ในทางที่ดีก้เรียกไสย์ขาว..ใช้ในทางที่ชั่วร้ายก้เรียกไสย์ดำ...ดั่งนั้นศีลธรรมและคุณธรรมกอร์ปกับหิริโอตับปะควรมีอยู่ในจิตสำนึกของผู้เรียนไสยศาตร์ไปพร้อมๆกันด้วยจะเป็นการดีที่สุด! เพราะถึงที่สุดแล้วเส้นทางแห่งมรรคผล!ย่อมเป็นเสมือนธงชัยที่เหล่าไสยเวทย์ที่ดีควรยึดมั่น สนุกกับการแวะเล่นเดินเล่นระหว่างทางนานแล้วถึงเวลาก้ต้องสละ!แลละวางเข้าสู่เส้นทางที่ดีงามต่อไป...

 

หนังสือที่แจกกันในงานดั่งกล่าวผมไม่มีอะคับอาจารย์...ที่ผมมีและอ่านเจอเรื่องราวของท่านก็จากหนังสือ"ตามรอยธรรมย้ำรอยครู" อะคับ...

 

อ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายใช้เวลา ประมาณ 10 วันนับเป็นกระทู้ที่ดีมากอีกกระทู้หนึ่ง ขอขอบคุณ เสธ.tang ที่นำความรู้และประสพการณ์ ดีๆมาถ่ายทอดให้ได้อ่าน ได้รับทั้งความรู้ และความเพลิดเพลิน และจะติดตามอ่านไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสขึ้นไปท่องเที่ยวทางเหนือ จะแวะไปดื่มกาแฟอร่อยๆครับ

 

นานๆ เพิ่งได้เข้ามครับ แต่สาระยังแน่น เหมือนเดิม ขอบคุณ เสธ ครับ

 

โดยส่วนตัวอาจารย์ที่สอนกัมฐานผมท่านก้เคารพหลวงพ่อกบเป้นอย่างมาก ท่านบอกว่าหลวงพ่อกบ..หลวงพ่อโอภาสี..หลวงปู่ศุข..เป็นอาจารย์สอนสมถภาวนาแก่ท่าน..จะเป็นการสอนโดยในจิตในสมาธินั้นผมเองก้ไม่เคยเอ่ยถามท่านซักที..รู้แต่เพียงว่าท่านสนิทกันกับเจ้าอาวาสวัดมเหยงค์เป็นอย่างมาก..พวกผมเลยถุกส่งตัวไปฝึกสมาธิที่วัดนี้กันบ่อยครั้ง..นั่งสมาธิทีต้องนั่งให้ได้หนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ..ท่านบอกว่านั่งนานแบบนี้เราไม่ได้ไปอวดใครหากแต่เป็นผลพลอยได้จากการเห็นความเกิดดับของเวทนา!..ว่ามันเจ้บมันปวดสุดท้ายมันก้คลายลงของมันเองขณะที่นั่งสมาธิ..ท้ายสุดจิตรวมเป็นเอกคตารมณ์..ฝึกบ่อยเข้าจะชำนาญและง่าย..จิตไม่ดิ้นรนไม่แส่ส่ายเหมือนครั้งแรกๆที่ผ่านมา..เราได้เปรียบคนอื่นเขาตรงที่นั่งได้นานเท่าไหร่จิตนิ่งมากเท่าไหร่เราก้ได้บุญได้บารมีมากขึ้นเท่านั้น!บางคนบอกว่านั่ง10นาทีหากจิตเป็นสมาธิก้ได้บุญมหาศาล!จริงคับ..หากแต่ถ้าเรานั่งมากกว่า10นาทีหละแถมจิตนิ่งเป็นสมาธิอีกจะได้บุญบารมีขนาดไหน..บุญจากการนั่งกัมฐาน..บารมีได้จากขันติคือความอดทนจากเวทนา!...

 

ท่องบทสวดพระคาถาอาการะวัตตาสูตร (เฉพาะบทต้น)

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง
อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ
อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต
อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู
อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง
อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ
อิติปิ โส ภะคะวา ภะคะวาติฯ
บทนี้เรียกว่า พระอิติปิโสเต็มที่...
มีคุณวิเศษเหลือจะพรรณนา อธิษฐานเป็นอะไรก็ได้ดังใจปราถนา เพราะเป็นคุณของพระพุทธเจ้า คาถาเกือบทุกบทต้องอ้างคุณพระพุทธเจ้า ดังนั้นพระคาถาที่แปลงมาจากบทพระพุทธคุณจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะคุณพระพุทธเจ้านั้นครอบโลกธาตุ หาที่สุดมิได้ จะใช้ปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังหรืออธิษฐานคุ้มครองตัวก็ได้ คุ้มกันได้สารพัด จะให้เป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยมก็ได้ อธิษฐานสิ่งที่ขาดหายไปให้มีเต็มขึ้นมาได้ ส่วนถ้าจะอธิษฐานถอดถอนสิ่งต่างๆ ควรจะใช้พระอิติปิโสถอยหลัง หรือคาถาถอยหลังอื่นๆ จะดีกว่า เนื่องจากใช้ถอดถอนได้โดยตรง แต่หากจะใช้พระอิติปิโสเต็มที่ก็ได้...ลองสวดกันดูนะคับ...*-*

 

ยินดีที่ได้รู้จักผู้ปฏิบัติธรรมที่มีเส้นทางธรรม ทางเดียวกัน ถ้ารับนิสสัยทางสายสมเด็จพระบรมครูหลวงพ่อเขาสาริกา(ลูกศิษย์จะไม่เรียกท่านว่าหลวงพ่อกบ)
จะปฏิบัติตามแนวทางที่ท่านสั่งสอน สืบๆ กันมา ยังมีอยู่ที่วัดเขาสาริกา อำเภอบ้านหมี่ จ.ลพบุรี ครับ

 

อ่านแล้วสนุก ได้ความรู้เพิ่มจากเดิม ที่ไม่รู้เรื่องทางด้านนี้มาก่อนเพิ่มมากๆเลยค่ะ
ขอติดตามอ่านนะคะ
กำลังไล่อ่านอยู่ เพิ่งอ่านถึงหน้า 20 ไม่อยากอ่านข้ามแต่ละหน้าไปเลยค่ะ
กลัวชวดอะไรดีๆ

 

ขอขอบคุณหลายๆท่านที่เข้ามาอ่าน มีทั้งติ ทั้งชม ก็ไม่เป็นไร ครับ.ตามเจตนารมณ์ผมครับ คือ ไสยฯฉบับชาวบ้านจริงๆ

คือ คำว่า ชาวบ้าน นั้น หมายถึง ไม่มีพิธีรีตรองมากมายอะไร ไม่มากเรื่อง มากความ ไม่ถือยศถือศักดิ์ ไม่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น สุดท้าย คือไม่แสวงหาผลประโยชน์...เพราะครูอาจารย์ผม ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ก็ลูกทุ่งๆ ที่สำคัญ คือ ช่วย ชาวบ้าน จริงๆ ไม่เคยจะ เรียกร้องสิ่งใดๆจาก วิชาคาถาอาคม ที่ร่ำเรียนมา และที่สำคัญ จะไม่ โอ้อวดว่า เราดีกว่าเขา ขลังกว่าเขา..บางครั้ง ท่านยังเล่าให้ฟัง ในเชิงชม ครูอื่นด้วยซ้ำว่า เขาก็เก่งนะ เขาก็ดีนะ นี่คือคำสอนสั่ง คำพูดที่ผมได้ยินได้ฟังมาจาก ครูอาจารย์ยุคนั้น

ผมจึงอยากฝาก ทุกคนที่ได้อ่าน ว่า อย่าได้อายที่จะศึกษาไสยศาสตร์ และอย่าได้ปรามาส ครูอาจารย์ สมัยโบราณ ว่าค่ำครึ งมงาย ..แต่ถ้าเราไม่ศรัทธา ไม่เชื่อ เราก็ เฉยเสีย ไม่ตำหนิ ติเตียน เว้นแต่ คนๆนั้น ใช้วิชานี้ไปในทางหาผลประโยชน์ในทางไม่ถูกไม่ควร และในทางทำร้ายคนอื่น ก็ควรจะ ช่วยกัน แฉพฤติการณ์ กันไป เพื่อมิให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้...

ก็ขอให้ มีความเป็นกันเอง แชร์ ปสก. ให้ ผู้อื่นได้รับรู้กันครับ ..เพราะผมคิดว่า ไม่มีใคร เก่งไปทุกด้าน ทุกเรื่อง ครับ ..ผมเอง ก็ยอมรับว่า ไม่ได้มีความรู้ ความสามารถ ทุกด้าน ทุกเรื่อง ...บางครั้ง ผมก็ได้ความรู้จากหลายๆท่าน ในกระทู้นี้ ครับ...

 

สวัสดีครับพี่...สบายดีนะครับ วิชาความรู้ศึกษาไม่มีวันหมดจริง ๆ ครับ

 

แล้วถ้านู๋ขายของทางอินเตอร์เน็ทละคะ ควรจุดธูปยังไงดีคะ เปิดมาเดือนกว่ายังไม่มีออเดอร์เลยค่ะ ToT
รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 

ยินดีเช่นกันคับ..ผมเองความรู้เรื่องทางธรรมยังมีน้อยมีรัยพี่ก้ช่วยแนะนำผมได้นะคับ..เนาะเนาะ! ส่วนเรื่องการเรียกชื่อของหลวงพ่อผมเองจุดนี้ต้องยอมรับจิงๆว่าไม่ทราบจิงๆถึงเรียกท่านแบบนี้ด้วยความเคยชิน! ต้องขอโทษจากใจจริงๆนะคับ...เจตนาแท้จริงไม่ได้จะก้าวล่วงท่านแต่อย่างใด..เพราะโดยส่วนตัวแล้วก้เคารพท่านมาก..เพราะตอนเด้กๆผมชอบอ่านประวัติของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมาก..นักเขียนบางทีก้จะมีการยกเรื่องราวพระสายอภิญญาแบบเหนือโลกต่างๆมาเกี่ยวโยงกัน..เช่น หลวงปู่โพรงโพธิ์ หลวงปู่สรวง หลวงพ่อเขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี....อีกอีกหลายรูป...จึงทำให้ผมชื่นชอบที่จะติดตาม!ตามหาอ่านเรื่องราวลี้ลับแบบเหนือโลกเรื่อยมา...
ว่ากันว่าหลวงพ่อเขาสาริกาท่านมีความเกี่ยวกันกันกับหลวงพ่อโอภาสี..เรื่องราวเป็นยังงัยพี่พอเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคับ..บ้างก้ว่าท่านคือองค์เดียวกัน..หากแต่ย้ายจิตวิญญาณมาอยู่ในธาตุขันต์ของหลวงพ่อโอภาสี..ดั่งคำที่ว่า"พระสำเร็จ" เท้จจริงเป็นมายังงัยคับ...ผิดถูกยังงัยขออภัยด้วยนะคับพี่!

 

ต้องขอบอกว่าอย่าอ่านข้ามเป็นอันขาดเลยทีเดียวเชียวนะขอรับพี่สาวคนสวย
เพราะใช่ว่าคาถาอาคมจะใช้ได้แบบเจ๋งๆเฉพาะบุรุษเพศเท่านั้น สตีเพศก้สามารถนำไปใช้ได้ในบางคาถาหากแต่รู้จักพลิกแพลงตามวิธีใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น...บางทีพี่อ่านเสร็จอาจกลายเป็นจอมเวทย์หญิง"สตรีศรีสยาม"จอมขมังเวทย์ของสยามเราไปเลยก้เป็นได้ ....ดั่งคำว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" ใครจะรู้วันนึงข้างหน้าเราอาจจำเป็นที่จะต้องได้ใช้วิชชาเหล่านี้ก้ได้..สู้ๆนะคับผมเองใช้เวลาตั้งสองอาทิตย์กว่าจะอ่านจบตามมาทันถึงหน้านี้ได้*-*