โครงการ ปลูกป่าต้านภัยน้ำท่วม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย รัก+ยม, 27 มกราคม 2007.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เราทุกคนบนโลกสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนกันได้ทุกคน

    -ต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ดูดซับ คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 11 กิโลกรัมต่อวัน นั่นคือลด CO2 เพิ่ม O2 ได้ในปริมาณ 11 กิโลกรัมเท่ากัน

    -ต้นไม้ใหญ่สูง 18-20 เมตร จะให้ร่มเงาและความเย็น เท่ากับเครื่องปรับอากาศ 5 เครื่องทำงานติดต่อกันเป็นเวลา 20 ชม.

    -ต้นไม้ใหญ่ๆช่วยฟอก มลพิษในอากาศ ได้ในปริมาณมากกว่าเครื่องฟอกอากาศหลายร้อยเครื่อง

    -ต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งการสร้าง ออกซิเจน ลดอุณหภูมิ ฟอกอากาศได้ดี จะมีลักษณะดังนี้
    มีรูปทรงของต้นเป็นการแผ่ร่มเงาในพื้นที่บริเวณกว้าง
    มีใบเล็ก ละเอียด ทำให้ดักจับฝุ่นในอากาศได้ดี และมีพื้นที่แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนมาก ตามไปด้วย

    -ต้นไม้ใหญ่มีมูลค่าทางนิเวศน์ วิทยาไม่ต่ำกว่าต้นละ 200,000 บาท คำนวณจากค่าการลดความร้อนเมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศ โดยยังไม่ประเมินร่วมกับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน โดยการ ฟอกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการฟอกมลพิษในอากาศ

    -ต้นไม้ที่ชนะเลิศ ด้านการช่วยปรับปรุงสิ่งแวดล้อมโลก คือ ต้นจามจุรี เพราะสร้างปริมาณก๊าซออกซิเจนสูงที่สุด ช่วยฟอกก๊าซCO2 ได้มากที่สุด สามารถช่วยเก็บฝุ่น(ไว้ที่ใบมากที่สุด) และท้ายที่สุดใบที่ร่วงหล่นยังช่วยในการปรับปรุงดินให้อุดมสมบูรณ์เนื่องจากเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ มีปริมาณไนโตรเจนสูง อีกด้วย

    -ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์อาจใช้เวลาเจริญเติบโตเป็น สิบเป็นร้อยปี แต่การทำลายป่านั้นสามารถทำได้เพียง ไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์

    -1.ป่าปลูกหนึ่งไร่ (ระยะห่าง 2 เมตรต่อต้น) จะมีต้นไม้ใหญ่ ประมาณ 400 ต้น หากพวกเราทุกคนในประเทศไทย ช่วยกันปลูกต้นไม้ใหญ่กันทุกคน ปีละหนึ่งต้นทุกปี 60 ล้านคน พวกเราจะได้ป่าไม้ ปีละ 60 ล้านต้น หรือ 150,000 ไร่ทุกๆปี

    2.หากช่วยกันปลูกทุกๆเดือน เราก็จะได้ ต้นไม้ 720 ล้านต้นทุกๆปี ได้ป่าไม้ปีละ 1.8 ล้านไร่ทุกๆปีด้วยเช่นกัน

    3.หากสร้างประเพณีใหม่ปลูกต้นไม้ เท่าจำนวนอายุทุกๆวันเกิด ของทุกปี เป็นของขวัญให้แผ่นดิน ให้โลกใบนี้ อายุเฉลี่ยกลางๆ ที่ 30 ปี ประชากร ของไทย จำนวณ 60 ล้านคน ก็จะได้ ต้นไม้ใหญ่ 1,800 ล้านต้นทุกๆปี ได้ ป่าไม้ 4.5 ล้านไร่ ทุกปีด้วยเช่นกัน

    4.หากทุกคนบนโลก 6,000 ล้านคน ปลูกต้นไม้ใหญ่คนละ 1 ต้นทุกเดือน คนที่อยู่ซีกโลกเหนือ ก็มาจ้างผู้ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรปลูกป่าเขตร้อนก็ได้ ก็จะได้ต้นไม้ทั้งหมด 72,000 ล้านต้นในทุกๆปี ได้ป่าไม้ 180 ล้านไร่ทุกๆปี ช่วยกันทำแบบนี้กันในทุกประเทศ ก็จะค่อยๆฟื้นฟูโลกใบนี้ได้ครับ

    ตามข้อ 1. ลด ปริมาณคาร์บอนได้ 240 ล้านตันต่อปี สร้างออกซิเจน ที่กลายมาเป็นโอโซนในชั้นบรรยากาศ ได้ในปริมาณ 240 ล้านตันต่อปี ด้วยเช่นกัน
    ข้อ 2. ลดได้ 2,890 ล้านตัน ต่อปี
    ข้อ 3. ลดได้ 7,227 ล้านตันต่อปี
    ข้อสี่ ลดได้ 289,000 ล้านตัน ต่อปี ครับ

    ปัจจุบันในข้อตกลง CDM มีการซื้อขาย คาร์บอนเครดิตกัน ตันละเท่าไร ผมจำไม่ได้ ขอสมมติ แค่ ตันละ 2750-3500 บาท หากทำตามข้อ สี่ได้ ก็จะเป็นมูลค่าที่เราช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ถึง 765 ล้านๆ บาท หรือ 20 ล้าน ล้าน เหรียญสหรัฐครับ แถมยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกด้วย สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้โลกด้วย ได้ผลิตภัณฑ์จากป่าด้วย

    การแก้ไขปัญหาโลกร้อนมีเพียงหลักง่ายๆแค่นี้ครับ
    จริงใจ
    เต็มใจ
    เข้าใจ
    ร่วมใจ


    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
    "แล้วเราจะเริ่มต้นกันอย่างไรดีล่ะ"

    ก็เริ่มต้นด้วยการปลูกแนวคิดเหล่านี้ในใจของทุกคนก่อนไง

    คราวนี้เรามาลองคิดดูว่าวิธีไหนจะช่วยเผยแพร่แนวคิด ดีๆแบบนี้ออกไปได้ดีที่สุด

    --คำตอบคือการส่ง ฟอร์เวิดด์เมล์ ข้อความนี้ออกไปยังทุกคนที่เรามี อีเมล์แอดเดรส และขอให้เขา ช่วยส่งต่อออกไปยังทุกๆคนที่เขารู้จัก ไม่นาน แนวคิดนี้จะถูกหว่านลงกลางดวงใจทุกๆดวง (แต่จะงอกหรือไม่งอก ก็ขึ้นกับจิตสำนึกของใจดวงนั้นที่มีต่อโลกใบนี้)

    ---ส่งและแปลบทความนี้ออกไป และส่งไปยัง กลุ่มเป้าหมายใหญ่ ที่มีผลสูง เช่น กลุ่มกรีนพีช อัลกอร์ เวบที่เกี่ยวข้องกับงานรณรงค์ด้านนี้โดยตรง เห็น เซอร์ ริชาร์ด แบรนสันเจ้าของกลุ่มเวอร์จิ้นก็กำลังสนใจเรื่องนี้อยู่นะ สถานีวิทยุกรีนเวฟ หนังสือ นิตยสารต่างๆ องค์กร มูลนิธิต่างๆ ถ้าเขา เข้าใจและเห็นประโยชน์จะทำให้เร็วขึ้นมาก

    ---ง่ายที่สุด ส่งบทความนี้ให้กับทีมไอทีในองค์กรของคุณ ขอให้เขาให้ส่งให้ทุกคนที่มีชื่อในลิสต์ ส่งให้ทีมแอดมินให้ช่วยส่งให้สมาชิกทุกคนในเวบไซท์นี้ ที่มีอีเมล์ แล้วให้ช่วยฟอร์เวิด์ด ต่อ

    ---ส่วนการปลูกต้นไม้จริงก็ขอจงปลูกลงไปเถอะทุกๆที่ ที่เป็นดิน เป็นที่ว่าง ไม่มีคนใช้ประโยชน์ ตามวัดวาอาราม ริมทางหลวง (เอาห่างประมาณ 5-10 เมตร) ริมทางรถไฟ ดาดฟ้า ระเบียงบ้าน ขอบหน้าต่าง (เล็กหน่อยก็ยังดีกว่าไม่มี ไม่ปลูกเลย)

    ---หากจะปลูกต้นไม้ให้โตเร็วสุดก็ต้องเป็นกล้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โตเร็วกว่าการเพาะเมล็ด ไม่กลายพันธุ์ ปลูกต้นฝน จะมีโอกาสรอดสูง

    ---มีอีกวิธีหนึ่ง โดยการปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา และวางไว้ใกล้ๆคอนเดนเซอร์แอร์จะช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของแอร์ให้ทำงานเบาลง กินไฟน้อยลงอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แถมช่วยสร้างออกซิเจนให้โลกนี้ด้วย เคล็ดลับอีกอย่าง คือ หากปลูกไม้กระถาง ให้ใช้กระถางดินเผา สีส้มที่ไม่เคลือบ เพราะผิวดินเผามีรูพรุนเล็กๆ ช่วยนำความชื้นใดนกระถางค่อยๆออกมา ทำให้ช่วยลดอุณหภูมิโดยรอบกระถางได้อีกสอง สาม องศา เซลเซียส

    ---อีกวิธีไม่ต้องกะเกณฑ์อะไรมาก ใช้วิธี อย่างเช่น เราตั้งใจว่าเราจะทำบุญถวายสังฆทานทุกๆเดือน เราก็เพิ่มว่าเราจะปลูกต้นไม้ใหญ่ ทุกๆเดือนเช่นกัน มีโอกาสมีวาระเมื่อไหร่ เราปลูก เอาในบ้านตามจุดสำคัญๆก่อนก็ได้ เราได้ประโยชน์เอง เช่นข้างคอนเดนเซอร์แอร์ บนดาดฟ้า ริมระเบียง ผนังบ้านด้านทิศตะวันตก รับรอง ตัวเราเองได้ประโยชน์ได้อานิสงค์ก่อนเพื่อนเลย บ้านเย็นขึ้น ประหยัดค่าไฟฟ้า ประหยัดแอร์

    ---เอ้า ลงมือเลย NOW !!!!!!!!!


    ป.ล. หากท่านอยากมีส่วนที่จะช่วยกันเยียวยาโลกของเราใบนี้ ก็ขอได้โปรด ส่งเมล์นี้ออกไปยังทุกๆคนที่ท่านรู้จักทั่วโลก ช่วยกันแปลเนื้อความเหล่านี้เป็นภาษาของท่าน และช่วยกันกระตุ้นเตือนให้พวกเขาช่วยกันปลูกต้นไม้ เพื่อเยียวยาโลกของเราใบนี้ ด้วยเถิดช่วยกันส่งอีเมล์ และฟอร์เวิร์ดเมล์กันให้มากๆครับ เป็นทางรอดครั้งสุดท้ายในการแก้ปัญหาโลกร้อน ก่อนการกวาดล้างด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติในครั้งนี้ครับ<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2007
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่งไปแล้ว ลงมือไปแล้วจ้า
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ราคาค่าคาร์บอนเครดิตมาแล้วครับ

    ""หากราคาคาร์บอนนี้ถูกกำหนดให้อยู่ในระดับตันละ 20 ดอลลาร์ นั่นคือผู้ผลิตและผู้บริโภคต้องเฉลี่ยรับภาระกันไปในระดับนี้แล้ว จะทำให้ลดการปล่อยไอเสียคาร์บอนได้ระหว่าง 9,000 – 18,000 ล้านตันต่อปี หรือถ้าราคาพุ่งเป็นตันละ 100 ดอลลาร์ ก็จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 16,000 – 30,000 ล้านตันต่อปีทีเดียว"""


    หากราคาคาร์บอนตันละ 2,450 บาท-3,500 บาท

    โครงการที่เราได้คิดเอาไว้ว่าจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มปริมาณก๊าซออกซิเจนได้ 300,000 ล้านตัน ในปริมาณที่เท่ากัน

    จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจคาร์บอน ถึง 735 ล้าน ล้าน บาทเลยทีเดียว

    ช่วยกันส่งอีเมล์ และฟอร์เวิร์ดเมล์กันให้มากๆครับ เป็นทางรอดครั้งสุดท้ายในการแก้ปัญหาโลกร้อน ก่อนการกวาดล้างครั้งนี้ครับ
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ป่าไม้ชวนปลูกป่า ฉลอง80 พรรษาฯ [10 พ.ค. 50 - 00:21]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>นายวิชัย แหลมวิไล อธิบดีกรมป่าไม้ เผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาภาวะ โลกร้อนได้สร้างผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ปัญหาน้ำท่วมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และปัญหาไฟป่า สาเหตุสำคัญมาจากพื้นที่ป่าไม้ ที่ลดลง รวมทั้งการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปล่อยสู่บรรยากาศเป็นจำนวนมาก แนวทางที่ ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนและใช้ต้นทุนน้อยที่สุดคือ การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวคืนสู่ธรรมชาติ ให้ต้นไม้ช่วยดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ
    อธิบดีกรมป่าไม้เผยอีกว่า ประกอบกับในปี 2550 นี้ ถือเป็นโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนม พรรษาครบ 80 พรรษา ที่ประชาชนชาวไทยทุกคน จะมีโอกาสร่วมแรงร่วมใจแสดงความสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความจงรักภักดี โดยร่วมกันปลูก ต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวคืนให้แผ่นดินไทย พร้อมเสริมสร้างจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ กรมป่าไม้ได้ร่วมกับหน่วยงานราชการในจังหวัดชลบุรี เตรียมจัดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ณ บริเวณเขาโคนสมอบ้านหนองแตงกวา บ้านเขาหลัง ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 200 ไร่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่นำร่องในการฟื้นสภาพผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์มากยิ่ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=46483
     
  5. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    ผมขอเริ่มปลูกจริงๆซักตอนอายุ25+ได้ไหมครับ
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    อืมม์ พอถึงวันนั้น อาจบอกว่า ผมขอเริ่ม ตอน...... ไปเรื่อยๆ จิ(b-oneeye)
     
  7. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    แล้วตอนนี้จะให้ผมทำยังไงละครับ
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เพาะ เมล็ดรอไปก่อน แต่เนิ่นๆ

    ไว้โตค่อยแอบแม่ไปปลูก
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    ใช่ตอนนี้แอบปลูกคุณแม่ไว้ที่บ้าน อีกสักสิบปี เอาไปลงดิน ดีม๊ะ ?
    (f)
     
  10. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    เดียวจะลองปลูกมังคุดดูครับลองใช้กระถ่างเล็กๆๆดู
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เยี่ยมมากๆ ปลูกไว้หลายๆ อย่างก็ได้นะ(verygood)
     
  12. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    ต้นผลไม้สามารถดูด Co2ได้เยอะไหมครับ
     
  13. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    Global Warming - What kind of Tree uses the most CO2?

    If the problem with Global Warming has to do with having fewer and fewer trees to convert the CO2 into O2, why don't we see major analysis work being done to determine the best absorber plant for CO2 and movements to plant lots and lots of them rather quickly. Think of all the vacant roofs on apartment buildings and government buildings that could become homes to new trees in pots, and jobs for people to water them - sell automatic watering systems - report on cleaner air quality due to the new trees.

    Best Answer - Chosen by Asker

    Any fast-growing tree will absorb more CO2 than older, slow-growth trees. But most of our oxygen is generated by tiny oceanic plankton. And that carbon goes into the ocean's biomass.

    I was recently reading John Muir regarding the giant sequoia. Seems those trees are capable of creating streams and brooks. It seems to me that those should be made a priority in arid regions. And stop planting tamarisk trees in dry areas. They can sop up HUGE amounts of water. They should be outlawed in Southern California! This is desert territory.

    http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20070108201432AA3lq98
     
  14. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    thats a good idea
    ive heard that in sweden they are using these special machines that suck CO2 from the air and move it to underground reservoirs. my question is why america isnt doing the same?

    ใครทราบบ้างอุปกรณ์ที่ว่านั้นคืออะไร
     
  15. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    What is the best kind of tree to plant to absorb carbon dioxide?

    Is it better to plant fast growing trees? Or does it matter? Please only answer if you know what you are talking about.

    Best Answer - Chosen by Asker

    It depends. Any tree will absorb about the same amount of CO2 for its size.

    If you want to absorb a lot of CO2 quickly, fast-growing trees 9such as pine) are clearly the choice. However, slower-growing trees are also likely to last longer--oaks can live for many centuries.

    The determining factor is what to do with trees once they are mature and their growth rate slows. This is a pooint that hasn't gotten a lot of attention-and should , in my opinion. Let me explain:

    Suppose you could reforest a good sized region--say 100 square miles--with pine. Okay--30 years down the road, that new forest is loaded with matue trees. You've sequestered a lot of carboon dioxide. But now the new forest is in equiblibrium--old trees die and new ones grow, mantaining a balance. The forest is no longer taking CO2 out of the atmosphere. It's done all it can.

    But what you could do is harvest the trees as they mature, allwing new growth to sequester more CO2 on an ongoing basis. What you do with the trees--the wood, mainly--then becomes important. Whatever use of it is made, it would need to be one that kept the wood from being burned, etc.

    To put it in a simplistic way--you could simply stoe the cut wood in a way that would keep it from rotting. Just keep adding to the pile of wood as you sequestered more CO2 by growing more trees year after year. You could pull an incredible amount of CO2 out of the air ovr time this way.

    People have done a number of studies of how to remove (seqeuster) CO2. Most involve complicated and expensive technologies. So far as I know, no one's studied how simply using natural means (growing trees) would work--the above is jsut my opinion. But it seems a lot more practical than trying to pump CO2 into the ground in a way that will keep it from leaking out over time, or other proposed solutions--and could e an economically viable industryin its own right--the wod can be used n many ways that don't reslt in it rotting, being burned, r otherwise releasing it s CO2 back intothe atmosphere.

    http://malaysia.answers.yahoo.com/question/index?qid=20071115111825AAKpoq2
     

แชร์หน้านี้

Loading...