เรียนเชิญอนุโมทนาการอบรมพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ครั้งที่ ๑/๕๓ วันมาฆบูชา

ในห้อง 'อนุโมนาบุญ - อุทิศบุญส่วนกุศล' ตั้งกระทู้โดย บุญญสิกขา, 4 มีนาคม 2010.

  1. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    สายวิชชาที่รวมลำดับ @ สมถะกรรมฐาน & วิปัสสนากรรมฐาน

    [​IMG]


    ขั้นตอนของการปฏิบัติ สายวิชชามัชฌิมากรรมฐาน แบบลำดับ


    จะรวมทั้งลำดับหมวดสมถะกรรมฐาน และลำดับหมวดวิปัสสนากรรมฐานเข้าไว้ด้วยกัน อย่างต่อเนื่อง

    โดยเริ่ม ผู้มีจิตศรัทราในการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    เมื่อแรกเรียน จิตยังไม่ตั้งมั่น เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย แรกเรียนใหม่ๆ จะต้องได้รับฝึกฝนให้เรียนเอายังพระกรรมฐานที่มีอานุภาพเล็กน้อย มีอารมณ์เล็กน้อย มีอารมณ์แคบสั้น เป็นอนุสติ เป็นราก เป็นเง้า เป็นเค้า เป็นมูล ของพระกรรมฐานที่จะเปิดบานประตูไปสู่พระกรรมฐานอื่นๆ ได้ง่าย

    ผู้ปฏิบัติจะต้องได้รับการฝึกฝนเริ่มจากลำดับสมถะ ( ซึ่งจะประกอบไปด้วยพระกรรมฐาน จำนวน ๓ ห้องพระกรรมฐาน ) เป็นการฝึกฝนตั้งกำลังสมาธิ เป็นพระกรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ของจิต จากจิตหยาบ

    ไปหาจิตที่ละเอียด เข้าลำดับพระวิปัสสนา จนสมาธิเต็มขั้น หรือรูปเทียมของปฐมญาณ เพื่อจะยังอารมณ์ใจเข้าถึงองค์ปิติธรรม ซึ่งแต่ละองค์ก็มีอารมณ์ที่ต่างกัน เพื่อเป็นราก เป็นเค้า เป็นมูล เป็นบาทฐานสมาธิเบื้องสูงต่อ ๆ ไป

    คัดความจากหนังสือ “หลักปฏิบัติสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) สุดยอดแนวทางปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ขององค์ปฐมวิปัสสนาจารย์ประจำยุครัตนโกสินทร์<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  2. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ความเป็นมา : สายวิชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ

    ประมาณปีพระพุทธศักราช๒๕๖-๒๗๔ พระเจ้าอโศกมหาราชส่ง คณะพระโสณเถรเจ้าพระอุตระเถรเจ้าพร้อมพระสงฆ์ทศวรรคเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ คือไทยพม่าลาวเขมรในปัจจุบันนี้พระสงฆ์ได้สืบทอดพระพุทธศาสนาและพระธรรมวินัยสืบกันเรื่อยมา

    จวบจนถึงปัจจุบันนี้



    พระสงฆ์ที่อยู่วัดใกล้บ้านเรียกว่าพระสงฆ์คามวาสี
    พระสงฆ์ที่อยู่วัดในป่าเรียกว่าพระสงฆ์อรัญวาสี


    พระสงฆ์ที่อยู่วัดคามวาสีและวัดอรัญวาสีต้องศึกษาพระธรรมวินัยทั้งปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไปไม่มีการแบ่งแยกทางการศึกษาว่าจะศึกษาทางไหนก่อนหลังแต่ถ้าจะศึกษาทางปฏิบัติต้องไปยังสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่อันเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติพระกรรมฐานเจริญภาวนาในยุคต่างๆ เช่น
    <O:p</O:p
    ยุคสุวรรณภูมิ สำนักกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่ คือ วัดท้าวอู่ทองเมืองสุวรรณสังข์ (เมืองอู่ทอง) มีพระโสณเถรพระอุตรเถรเป็นเจ้าสำนัก และเป็นพระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานประจำยุคสุวรรณภูมิ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ยุคกรุงศรีทวาราวดี สำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่ คือ วัดแสนท้าวโคตรกรุงศรีทวาราวดี มีพระญาณไตรโลกมหาเถรเจ้าเป็นเจ้าสำนักเป็นศูนย์กลางของพระกรรมฐานในยุคอาณาจักรศรีทวาราวดีสำนักเล็ก คือ วัดพญารามศรีทวาราวดี วัดสุวรรณารามกรุงศรีทวาราวดียุคศรีทวาราวดีพระอาจารย์กรรมฐานประจำยุค คือ พระราชสามีรามมหาเถรเจ้า(เพชร)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยุคกรุงสุโขทัยสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่ คือ วัดป่าแก้ว มีพระวันรัตมหาเถรเจ้า เป็นเจ้าสำนักเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐาน ในยุคอาณาจักรสุโขทัยสำนักพระกรรมฐานเล็กในยุคสุโขทัย เช่น วัดป่ารัตนาพระครูญาณไตรโลก เป็นเจ้าสำนักวัดสุทธาวาสพระครูญาณสิทธิเป็นเจ้าสำนักฯ ยุคสุโขทัย พระอาจารย์กรรมฐานประจำยุค คือ พระญาณสุวรรณมหาเถรเจ้า(สิงห์)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยุคกรุงศรีอยุธยา วัดป่าแก้ว หรือเรียกกันอีกอย่างว่า วัดเจ้าพญาไท เป็นสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่พระพนรัตนพระสังฆราชฝ่ายซ้าย เป็นพระอาจารย์ใหญ่เป็นเจ้าสำนักเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐาน ในยุคอาณาจักรอยุธยามีสำนักพระกรรมฐานเล็กๆสิบกว่าวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น วัดศรีอโยธยา พระพากุลเถรเป็นเจ้าสำนัก ๑ วัดโบสถ์ราชเดชะพระพุทธาจารย์เป็นเจ้าสำนัก วัดโรงธรรม พระญาณไตรโลกเป็นเจ้าสำนัก ๑ วัดกุฎพระอุบาลีเป็นเจ้าสำนัก ๑ วัดเจ้ามอนพระญาณโพธิเป็นเจ้าสำนัก วัดประดู่พระธรรมโกษาเป็นเจ้าสำนัก ๑ วัดกุฎีดาวพระเทพมุนีเป็นเจ้าสำนัก ๑ วัดสมณะโกฎพระเทพโมฬีเป็นเจ้าสำนัก วัดมเหยงค์พระธรรมกิติเป็นเจ้าสำนัก ๑

    นับว่าสมัยกรุงศรีอยุธยามีวัดอรัญวาสี เป็นสำนักพระกรรมฐานมากเปรียบเทียบได้ว่ามีมหาวิทยาลัยพระกรรมฐานทางพระพุทธศาสนามาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยุคอยุธยา พระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานประจำยุค คือ พระพนรัต(รอด) หรือหลวงปู่เฒ่าพระสังฆราชาฝ่ายอรัญวาสี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีวัดอรัญวาสีสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่ ๑ วัด คือ วัดราชสิทธาราม(พลับ) สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน (สุก) เป็นเจ้าสำนักเป็นพระอาจารย์ใหญ่ประจำกรุงรัตนโกสินทร์วัดราชสิทธาราม จึงเป็นศูนย์กลางของกรรมฐานมัชฌิมาประจำกรุงรัตนโกสินทร์มีสำนักเล็กคือวัดราชาธิวาส พระปัญญาวิศาลเถร (ศรี) เป็นเจ้าสำนักยุครัตนโกสินทร์
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระอาจารย์กรรมฐานประจำยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ระยะนั้น คือ สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน (สุก) จึงนับได้ว่ากรุงรัตนโกสินทร์มีมหาวิทยาลัยพระกรรมฐานทางพระพุทธศาสนาเพียงแห่ง สำหรับสำนักวัดราชาธิวาสนั้นเมื่อพระปัญญาวิศาลเถร(ศรี) มรณะภาพลงแล้ว พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับก็เสื่อมลงเรื่อยๆซึ่งปัจจุบันหมดไปแล้ว มีแบบแผนใหม่เข้ามาแทนที่เนื่องจากอยู่ในที่ใกล้ความเจริญมากกว่า (ฝั่งกรุงเทพฯ) ด้วยความเจริญของสมัยใหม่เข้ามาเร็วและไม่มีการบำรุงรักษาแบบแผนเดิมไว้

    ต่อมาเหลือเพียงวัดราชสิทธาราม(พลับ) เพียงวัดเดียว ที่รักษาแบบแผนและความเป็นสำนักพระกรรมฐานใหญ่สำนักพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับเป็นหลัก แทนสำนักเดิม ๆ คือ วัดแสนท้าวโคตรยุคทวาราวดีแทนวัดป่าแก้วยุคสุโขทัยแทนวัดป่าแก้วยุคกรุงศรีอยุธยาไว้ได้ยาวนานที่สุด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ความจากหนังสือประวัติสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เกื่อน หน้า ๒๕ – ๒๖<O:p</O:p

     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    คนรุ่นใหม่ คืนกลับมาสืบสาน สายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]

    นี้ ! มากันทั้งครอบครัว เล้ย !!!!


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    และก็นี้ พากันมาปฏิบัติภาวนากัน
    ทั้งครอบครัว พ่อ - แม่ -ลูก เชียวนะ !!!
     
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    เพื่อพากัน .... "ก่อ กายแก้ว บัวบาน"

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว

    พระคาถาพระยาไก่เถื่อน
    องค์คุณแห่งมหาเมตตา ปลดปล่อยสัตว์และดวงจิตตัวเอง


    พระคาถาพระยาไก่เถื่อน สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ท่านได้รับประสิทธ์แต่พระเถรวุฒาจารย์ กล่าวว่าเป็นพระคาถานำ พระคาถาทั้งปวง ใช้ในทางสำเร็จประโยชน์ ผู้ใช้พระคาถานี้ ต้องมีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตขั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้ เพราะเป็นพระคาถามหาเมตตา ปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิต ตัวเอง พระคาถาว่าดังนี้<O:p</O:p
    <O:p

    เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว<O:p</O:p
    ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา<O:p</O:p
    สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา<O:p</O:p
    กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

    พระธรรมพระคาถาพระยาไก่เถื่อน เกี่ยวเนื่องกับไก่ป่า ไก่ป่าเป็นไก่ปราดเปรียว คอยหนีคน หนีภัยอย่างเดียว เหมือนกับ จิต ของคน ไก่ป่าเชื่องคนยาก เหมือนจิตของคนเรา ก็เชื่องต่ออารมณ์ยากมาก เหมือนกัน ไก่ป่าแม้เสกข้าวด้วยเมตตาให้กิน แรกๆมันก็จะไม่กล้า เข้ามาหาคน นานๆเข้า จึงจะกล้าเข้าหาคนเหมือนจิตคนเรา ก็ชอบท่องเที่ยว ไปไกลตามธรรมารมณ์ต่างๆ ฝึกตั้งจิตเป็นสมาธิแรกๆนั้น จิตมักจะอยู่ พักเดียว ก็เตลิดไป ต่อนานๆไป เมื่อจิตชินต่ออารมณ์ดีแล้ว จึงจะเชื่อง และตั้งมั่นเป็นสมาธิ<O:p</O:p
    <O:p

    พระคาถาไก่เถื่อน ๔ วรรค แต่ละวรรค หากภาวนากลับไป กลับมา เป็นอนุโลม ปฏิโลม หมายถึงอะไร <O:p</O:p
    แต่ละวรรค หมายถึงโลกธรรมแปด <O:p</O:p
    วรรค ๑ หมายถึง มีลาภ เสื่อมลาภ <O:p</O:p
    วรรค ๒ หมายถึงมียศ เสื่อมยศ <O:p</O:p
    วรรค ๓ หมายถึง มีสรรเสริญ ก็มีนินทา <O:p</O:p
    วรรค ๔ หมายถึง มีสุข ก็มีทุกข์ ทุกอย่างย่อมแปรปรวน มีดี และมีชั่ว ไม่แน่นอน ไม่ควรยึดติด มีหยาบ มีละเอียด<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    ผู้ที่จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพานต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอันเปรียบเทียบได้กับ องค์คุณแห่ง ไก่ หรือไก่ป่า มี ๕ ประการ ดังนี้คือ<O:p</O:p
    .เมื่อเวลายังมืดอยู่ ก็ไม่บินลง หากิน<O:p</O:p
    . พอสว่าง ก็บินลง หากิน<O:p</O:p
    .จะกินอาหาร ก็ใช้เท้าเขี่ยเสียก่อน แล้วจึงจิกกิน<O:p</O:p
    .กลางวันมีตาใสสว่างเห็นอะไรได้ถนัดแต่เวลากลางคืนตาฟางคล้ายคนตาบอด<O:p</O:p
    . เมื่อถูกเขาขว้างปา หรือถูกตะเพิดไม่ให้เข้ารัง ก็ไม่ทิ้งรังของตน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นี้เป็นองค์คุณ ๕ ประการของไก่ผู้มุ่งมรรค ผล ต้องประกอบให้ได้ กับคุณสมบัติ อันเปรียบเทียบได้กับองค์คุณเหล่านี้คือ

    <O:p</O:p
    . เวลาเช้าปัดกวาดที่อยู่ และจัดตั้งเครื่องใช้สอย ไว้ให้เรียบร้อย อาบน้ำชำระกายให้สะอาด บูชากราบไหว้ ปูชณียวัตถุ และวัฒบุคคล<O:p</O:p

    .ครั้นสว่างแล้ว จึงกระทำการหาเลี้ยงชีพ ตามหน้าที่แห่งเพศของตน<O:p</O:p

    . พิจารณาก่อนแล้ว จึงบริโภคอาหาร ดังพุทธภาษิตว่า ผู้บริโภคอาหารพึงพิจารณา เห็นเหมือนคนบริโภคเนื้อบุตร ของตนในทางกันดาร แล้วไม่มัวเมา มุ่งแต่จะทรงชีวิตไว้ เพื่อทำประโยชน์สุข แก่ตน และผู้อื่น
    <O:p</O:p
    . ตาไม่บอด ก็พึงทำเหมือนคนตาบอด คือไม่ยินดี ยินร้าย ดุจภาษิต ที่พระมหากัจจายนะ กล่าวไว้ว่า มีตาดี ก็พึง ทำเป็นเหมือนคนตาบอด มีหูได้ยิน ก็พึงเป็นเหมือนหูหนวก มีลิ้นเจรจาได้ ก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้ มีกำลังก็พึง เป็นเหมือนคนอ่อนเพลีย เรื่องร้ายเกิดขึ้น ก็พึงนอนนิ่งเสีย เหมือนคนนอนเฉยอยู่ฉะนั้น

    <O:p</O:p
    . จะทำ จะพูด ไม่พึงละสติ สัมปชัญญะ ประหนึ่งไก่ป่า ไม่ทิ้งรังฉะนั้น ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้จะบรรลุ มรรด ผล นิพพาน<O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->​
     
  5. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ด้วยอานิสงฆ์ ธรรมอันใดพระพุทธองค์ทรงแจ้ง ขอลูกแจ้งซึ่งปัญญาธรรมนั้น สาธุ

    [​IMG]


    อิทัง ปุญญพลัง อิมินา ปุญญกัมเมนะ<O:p</O:p
    ด้วยความนอบน้อมบูชาขมาพระรัตนตรัย นับแต่นี้ข้าพเจ้าจะมีแต่จิตใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยจิตใจที่ดีงามเปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอตั้งจิตปวารณาอโหสิกรรมให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ขอเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้ใด ด้วยกรรมล่วงเกินข้าพเจ้าไม่ว่าจะเป็นทาง กาย วาจาใจ ตั้งแต่ปฐมชาติ อดีตชาติ ปัจจุบัน วันนี้ จะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดีไม่ว่าท่านจะอยู่ภพภูมิใด เกิดแล้วหรือยังไม่เกิดก็ดี ขอได้โปรดรับรู้และเมตตาอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ และหากกรรมอันใดที่ท่านทั้งหลายเคยล่วงเกินต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ขอปวารณาให้เป็นอโหสิกรรมอภัยทานไว้ ณ ที่นี้.

    ข้าพเจ้าขออาราธนา บารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก พระเถระ พระเถรีทุก ๆ พระองค์ แม่เกิดพ่อเกิดทุกภพทุกชาติ ครูอุปัชฌาอาจารย์ ผู้มีคุณผู้สูงชาติ ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม และผู้มีพระคุณทุกท่าน โปรดมาสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า เพื่อให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้า มีผลปรากฏจริงทุกประการเทอญ


    ด้วยสิริบุญ คุณความดี สรรพวิชชา และสายสมบัติ ที่ข้าพเจ้าได้สร้าง ได้ศึกษา ได้ปฏิบัติ และได้บำเพ็ญมา นับตั้งเเต่ ปฐมชาติ อดีตชาติ ปัจจุบัน ตราบจนวันนี้ และที่จะบำเพ็ญเพียรต่อไปในอนาคตกาลภายหน้าก็ดี ขอจงรวมกองบุญทั้งมวลให้ข้าพเจ้า ...
    • มีสิริอายุ วรรณะ สุขะ พละ สติ ปัญญา ปณิภาณ ธนสารสมบัติ ธรรมสมบัติ เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
    • เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ไม่พึงประกอบด้วยมิจฉาทิฐิ ประกอบด้วยกุศลกรรม คุณธรรมคุณงามความดี ดำรงอยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตรมิตรผู้สัมมาทิฐิ ห่างไกลคนพาล
    • มีปัญญาญาณ ได้ดวงตาเห็นธรรม ฉลาดในธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้น ไม่เป็นผู้ประมาทขาดสติไม่มีอะไรทำให้ใจขุ่นมัวได้ดุจดังสาคร
    • ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีอริยทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญา เป็นผู้มีความเพียร และมีขันติ พึงเป็นผู้ที่ศัตรูเข้าครอบงำมิได้ ไม่เป็นคนเขลา คนหลงงมงาย
    • ตราบใดที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะ ขอให้เป็นผู้กำเนิดด้วยไตรเหตุ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ) ขออย่าได้ประมาทพลาดพลั้งลงอบายภูมิ และขอให้ได้เกิดในดินแดนที่ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรือง ได้เกิดอยู่ในตระกูลสัมมาทิฐิ ที่มีความยินดีในทาน ศีล ภาวนา
    • ความปรารถนาใดๆ ที่เป็นกุศล ขอให้สำเร็จได้โดยง่ายทุกเมื่อ หากมีอกุศลใดเกิดขึ้นในจิต ขอให้ระลึกรู้ได้เท่าทัน และระงับเสียซึ่งอกุศลนั้น
    ข้าพเจ้าขอน้อมจิตอุทิศความสุข และส่วนกุศลนี้ ไปสู่ แม่เกิดพ่อเกิดทุกภพชาติ บรรพบุรุษปู่ย่าตายาย เครือญาติลูกหลานบริวาร ครูอุปัชฌาอาจารย์ ผู้มีคุณผู้สูงชาติ ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ เจ้าบ่าวนายใช้ เจ้าเกณฑ์ชะตา เจ้าการบัญชี หรือผู้ที่เคยเกี่ยวสัมพันธ์กันมาในทุกภพทุกชาติ ตลอดจนถึงพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ นายนิริยบาล พระภูมิเจ้าที่ ครุฑ นาคา กินรี คนธรรพ์ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ พระพาย พระเพลิง พระพิรุณ พระอาทิตย์และจันทรา อีกทั้งท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ศิริพุทธอำมาตย์ ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา จนถึงภวัคคพรหม เหล่าอสูร ปีศาจ หมู่มารและเสนา ตลอดจนทุกสรรพชีวิตทุกดวงจิต ทุกดวงวิญญาณเรื่อยลงไปจนสิ้นมหาอเวจรนรกทั้งหลาย ทั้ง ๓๑ ภูมิ โปรดจงมาอนุโมทนารับเอาส่วนกุศลนั้น ๆ เองเทอญ หากท่านใดยังมิอาจรับรู้ ขอเทพไท้โปรดดลบันดาลให้รับทราบ และอนุโมทนาด้วยเทอญ

    พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะ โมพุท ธา ยะ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2010
  6. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ


    เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p</O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p

    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com<O:p</O:p

    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2010
  7. adisackdi

    adisackdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +178
    ขออนุโมทนา

    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ
    พรใดที่ประเสริฐขอพรนั้นจงเป็นของคุณ และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลพระราชทานพรให้คุณได้สมปารถนาทุกๆประการ......

    จากนี้ไปขอให้ สิ่งที่ดีๆจงได้เดินทางเข้ามาสู่ชีวิตของคุณนะ
     
  8. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกท่าน ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    สาธุ
     
  9. tharushnu

    tharushnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ขออนุโมทนาบุญกุศล ทั้งหมด ทั้งมวล กับท่านทั้งหลายด้วยครับ...สาธุ
     
  10. pantham phuakph

    pantham phuakph เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +444
    ขออนุโมทนาครับ ผมขออนุญาตคุณพี่บุญญสิกขา นำบุญกุศลนี้

    ไปโพสต์ท์ที่ www.madchima.org นะครับ

    ศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาทุกท่าน จะได้มีโอกาสอนุโมทนาบุญใหญ่ครั้งนี้

    โดยทั่วหน้ากัน ขอขอบพระคุณยิ่ง
     
  11. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    ขออนุโมทนาสาธุอย่างสูงสวัสดี กับทุกบุญและทุกท่านด้วยครับ
    หน้าตาเหมือนนางฟ้านางสวรรค์และเทวดามาบำเพ็ญบุญบารมีต่อให้พ้นทุกข์ ขออนุโมทนาซ้ำอีกครั้ง
    หน้าเสียดายถ้าแม่บุญเรือน ผมยังอยู่ก็คงเป็นหนึ่งในวงบุญนี้แน่เลย ได้เห็นรุ่นแรก ยกให้เป็นรุ่นพี่ๆไปก่อนเลยเห็นแล้วชื่นใจจังเลย อยากหาโอกาสพาทั้งครอบครัวไปปฏิบัติด้วยจังเลยจะได้รู้วิธีปฏิบัติจริง
     
  12. tantawan

    tantawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +1,756
    ....อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ..สาธุ..สาธุ....

    ....เห็นภาพแล้ว....รู้สึกปลื้ม ปิติ ร่วมไปกับผู้ที่ได้ถือศีลกับเขาด้วยยยยย....นะนี่!!
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    กราบโมทนาบุญด้วยครับ

    เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมเองกับน้องชาย ขี่จักรยานจากบ้านมาขึ้นครูพระกรรมฐาน จากพระอาจารย์ท่าน

    ยังกราบรำลึกถึงพระคุณของ พระสังฆราชสุก และพระอาจารย์จิ๋ว ท่านเสมอมาครับ ยังแต่งพานกรรมฐานแบบมัชฌิมาเอาไว้ในห้องพระอยู่ เป็นปกติ

    หรือแม้แต่แนวทางในกระทู้วิชชา ก็นำหลักของกรรมฐานสายนี้ร่วมในการสอนอยู่ครับ

    จึงเป็นความสำคัญที่ต้องรักษาแนวทางระเบียบแบบแผนต้นตำหรับ ณ สำนัก วัดพลับแห่งนี้เอาไว้ให้มั่นคง และต่อไปหลังภัยพิบัติก็จำเป็นต้อง สังคายนาพระกรรมฐานอีกครั้งครับ นอกเหนือจากการสังคายนาพระไตรปิฏก
     
  14. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อนุโมทนา สาธุกับทุกๆ ท่านที่เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมเจริญพระกรรมฐานมัชฌิมา-แบบลำดับ ด้วยครับ
     
  15. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    กราบอนุโมทนามิด้วยคนค่ะ สาธุ กราบ กราบ กราบ
    ว่าแต่ว่า คนไหนในรูป เป็นแม่บุญญ กันเอ่ย
    :d
     
  16. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    ซักวันคงได้ไปปฏิบัติแบบนี้บ้างนะคะ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  17. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ชื่นใจ ได้รับคำยืนยันคุณค่าสายวิชชาฯ จาก "ท่านคณานันท์"

    ในฐานะละอองธุลี ทีี่มีจิตฝักใฝ่เพื่อการสืบพระบวรพระพุทธศาสนาคงอยู่ ตราบสิ้นพุทธกาล กราบอนุโมทนา สาธุการทุกๆ ท่าน ทุกๆ ประการค่ะ

    โดยเฉพาะคำสนับสนุนคุณค่าสายวิชชาฯ จากท่านคณานันท์ (หัวหน้าทีมต้านภัยพิบัติ) จากประสบการณ์ตรงของท่าน พร้อมเล็งเห็นความสำคัญให้เร่งฟื้นฟูสายวิชชาฯ เพื่อคงแบบแผนแนวปฏิบัติมิให้สูญเลื่อมอีกต่อไป ด้วยมิใช่อื่น หากสายวิชชาฯ นี้ล่ะ คือต้นเง้ารากแท้ที่ทำให้ชาวไทยเราเข้าลึกซึ้งถึงวิถีพุทธ จนเกิดภูมิปัญญาญาณ อันเป็น "อัตลักษณ์" ของคนไทยแท้เชียว สาธุการค่ะ






    พร้อมนี้ ยังจะมีกัลยาณมิตรจำนวนหนึ่งส่งข้อความผ่านอีเมล์ แสดงความสนใจเกี่ยวกับสายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ขออนุญาตคัดความบางส่วน มาเล่าสู่กันฟังดังนี้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2010
  18. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471

    อุ๊ เหม่ ! ถามอะไร้ อย่างนี้นา คุณตีสาม (ก้อ)
    ตัวก็รู้อยู่นี่นาว่า แม่บุญญนี้ "นางอาย" แท้เชียวล่ะ

     
  19. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ส่งพระธรรมทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    [​IMG]



    สมเด็จพระมหาจักรพรรดิอโศกมหาราช หรือ พระเจ้าอโศกมหาราช


    เดิมเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่โหดร้าย ชอบการทำสงครามกับแว่นแคว้นต่าง ๆ จนได้รับสมญานามว่า พระเจ้าอโศกผู้โหดเหี้ยม (จัณฑาโศกราช) แต่หลังจากที่พระองค์หันมานับถือพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ทรงกลายเป็นองค์เอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก์ ผู้อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและแผ่ขยายมากที่สุดในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา และจากพระราชกรณียกิจมากมายนานัปการที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญด้วยทศพิธราชธรรมอย่างแท้จริง ทำให้ภายหลังทรงได้รับการขนานพระราชสมัญญานามว่า ธรรมาโศกราช (พระเจ้าอโศกผู้ทรงธรรม)


    ก่อนที่จะเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา มีความดุร้ายและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง จนได้รับฉายาว่า จัณฑาโศก แปลว่าอโศกผู้ดุร้าย ต่อมาเมื่อไปรบที่แคว้นกาลิงคะ (ปัจจุบันอยู่รัฐโอริสสา)มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จึงเกิดความสลดสังเวชในบาปกรรม และตั้งใจแสวงหาสัจธรรมและพบนิโครธสามเณรที่มีกิริยามารยาทสงบเรียบร้อย จึงทรงนิมนต์พระนิโครธโปรดแสดงธรรม พระนิโครธก็แสดงธรรม จึงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ต่อมาได้ฟังพระธรรมจากพระสมุทระทรงส่งกระแสจิตตามพระธรรมเทศนาจนบรรลุพระโสดาบัน พระองค์ทรงทำนุบำรุงพุทธศาสนา เช่น ทรงสร้างวัด วิหาร พระสถูป พระเจดีย์ หลักศิลาจารึก มหาวิทยาลัยนาลันทา ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงผนวชขณะที่ยังทรงครองราชย์อยู่ และเลิกการแผ่อำนาจในการปกครอง มาใช้หลักพุทธธรรม(ธรรมราชา)ปกครอง


    นอกจากนี้ พระเจ้าอโศกมหาราชยังทรงส่งสมณะทูตไปเผยแพร่ศาสนา โดยแบ่งเป็น ๙ สาย สายที่ ๘ มาเผยแพร่ที่ สุวรรณภูมิโดย "พระโสณะ" และ "พระอุตระ " เป็นสมณะทูต





     
  20. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    อนุโมทนาในบุญกับน้องบุญญสิกขา

    และผู้เข้าร่วมอบรมกรรมฐานทุกท่าน

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...