เตือนเรื่อง โรคระบาด !!!!!!!!!!!! - โรคที่อาจมาหลังน้ำท่วม

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สธ.ระบุไข้เลือดออกปีนี้รุนแรง พบผู้ป่วย-ตายเพิ่มขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 สิงหาคม 2550 11:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นายนภดล ปฏิทัศน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกปีนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา โดยพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นับจากเดือนมกราคมมีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกรวมทั้งสิ้น 32,082 ราย
โดยขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการลงมายัง สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ให้ดูแลป้องกันโรคนี้อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง หากพบผู้ป่วยสงสัยว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออก ต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมง และค้นหาแหล่งแพร่เชื้อ และเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนได้หมั่นตรวจสอบ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ และยุงลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในบ้าน และบริเวณใกล้เคียงอย่างน้อยทุก 7 วัน


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สถานการณ์ไข้เลือดออก จ.นครพนม น่าเป็นห่วง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 สิงหาคม 2550 11:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องใน จ.นครพนม ทำให้สถานการณ์ไข้เลือดออกแพร่ระบาด โดยตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้ มียอดผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งหมด 592 คน พบมากที่สุดในพื้นที่ อ.เมือง เฉพาะเดือนสิงหาคม มีผู้ป่วย 53 คน ส่วนในอำเภออื่นๆ มีจำนวน 45 คน แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก
สาธารณสุข จ.นครพนม จึงร่วมกับโรงพยาบาลต่างๆ จัดเจ้าหน้าที่ออกให้ความรู้กับชาวบ้าน พร้อมจัดชุดออกฉีดพ่นหมอกควันในทุก 2-3 วัน พร้อมกับแจกทรายอะเบตใส่โอ่งน้ำและภาชนะที่มีน้ำขัง และคาดว่าสถานการณ์ไข้เลือดออกปีนี้จะรุนแรงต่อไป
ส่วนที่ จ.ชุมพร นายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาวิชาการให้ความรู้การวินิจฉัยโรค และการดูแลรักษา รวมทั้งการส่งต่อผู้ป่วยไข้เลือดออก ที่ จ.ชุมพร
สำหรับการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในประเทศ พบมีผู้ป่วยแล้วประมาณ 30,000 คน แต่ที่ประชาชนยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ คือเชื้อไข้เลือดออกเด็งกี่ ที่ผู้ป่วยจะไม่มีเลือดออกเป็นจุดๆ ตามร่างกาย เหมือนเชื้อไข้เลือดออกที่พบโดยทั่วไป หากประชาชนป่วยและเป็นไข้ รวมทั้งมีอาการผิดปกติ และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ควรพบแพทย์ทันที

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">'หมอเสริฐ' ออกโรง เตือนภัยไข้หวัดนก พบติดจากคนสู่คน รายแรกที่สองแคว [22 ส.ค. 50 - 04:06]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>
แล้วสิ่งที่นักวิชาการกลัวกันว่า เชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดนก แต่เดิมติดจากสัตว์ปีกสู่คนจะกลายพันธุ์ทำให้เชื้อสามารถติดจากคนสู่คนได้ ก็กลับมาเขย่าขวัญพลโลกอีกครั้ง โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ว่า ที่สำนักงานแพทยสมาคมแห่งประเทศ ไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีการสัมมาวิชาการโรคไข้หวัด ใหญ่ ปี 2550 เรื่อง “ไข้หวัดใหญ่ เรื่องใหญ่กว่าที่คิด” โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคไข้หวัดนก เป็นสัญญาณเตือนภัยของการเกิดการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้จัดระดับขั้นตอนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ไว้ 5 ขั้นตอน คือ การระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ คือ 1. เอช 5 เอ็น 1 2. การระบาดจากสัตว์มาสู่คน 3. มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มในการติดต่อจากคนสู่คน 4. ไวรัสมีการกลายพันธุ์ต่อจากคนสู่คนเป็นวงกว้าง และ 5. เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงทั่วโลก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การระบาดอยู่ในขั้นตอนที่ 2-3 ซึ่งหน่วยงาน ประชาชน สามารถเตรียมการป้องกันล่วงหน้าได้
ศ.นพ.ประเสริฐกล่าวว่า หลายคนอาจคิดว่าโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่รักษาง่าย เป็นโรคพื้นๆ จึงให้ความสำคัญน้อย ขณะที่ทั่วโลกตื่นกลัวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ที่อาจอุบัติขึ้นในโลกจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนก แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะยังไม่พบผู้ป่วยแม้แต่รายเดียว โดยประเทศไทยปลอดโรคไข้หวัดนกมาเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือนแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการควบคุมที่ได้ผล ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ฯลฯ แต่ก็นับว่าเป็นช่วงที่อันตรายมากที่คนจะเริ่มไม่สนใจ จนลืมให้ความสำคัญ ขณะที่เชื้อไข้หวัดนกยังคงพัฒนาการ กลายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวอีกว่า ในปีนี้มีการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็ด หรือนกปากห่าง ที่ปกติสามารถตรวจหาเชื้อจากซากจะพบไข้หวัดนกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่น่าแปลกใจ คือพบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกในนกกระจิบ นกกระจอก และนกกะติ๊ดขี้หมู ในเมืองมากขึ้น การป้องกันคือประชาชนทั่วไปต้องระมัดระวังและหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ปีกตายเป็นจำนวนมากผิดสังเกต ไม่ควรสัมผัสซากโดยตรง ควรสวมถุงมือป้องกัน และไม่ควรทิ้งซากในที่สาธารณะโดยเฉพาะแหล่งน้ำ เพราะจะยิ่งทำให้การแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น
“ขณะนี้เรายังไม่ทราบถึงวงจรการเกิดโรคไข้หวัดนกที่ครบทั้งกระบวนการในธรรมชาติ จึงไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้พบว่ามีการกลายพันธุ์ของเชื้อ เอช 5 เอ็น 1 ในระดับไม่รุนแรงมาก โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อจากคนสู่ คนแล้ว 1 ราย ที่ จ.พิษณุโลก แต่ยังเป็นการแพร่เชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย และเวียดนาม มีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน ในกลุ่มเล็กๆแล้ว ส่วนการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นของเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ เอช 3 มีการกลายพันธุ์ เล็กน้อย ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ อาการไข้หวัดใหญ่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยมีจำนวนผิดปกติจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวน 578 ราย เสียชีวิต 12 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงจนเสียชีวิต” ศ.นพ.ประเสริฐกล่าว
ศ.นพ.ประเสริฐยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกยังไม่มีประเทศใดทำสำเร็จคงอยู่ในระยะการทดลองในคนเท่านั้น กรมควบคุมโรคและมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ จะร่วมกันจัดสัมมนา เรื่องไข้หวัดใหญ่ให้กับ แพทย์ บุคลากรสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ทราบถึงสถานการณ์ความก้าวหน้า ทางด้านวิชาการ การวินิจฉัย การรักษาพยาบาล การป้องกัน ควบคุมโรคไข้หวัดนก และการจัดเตรียมแผนรับมือการระบาดใหญ่ ของโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของโรคโดยจะมีการจัดสัมมนาในจุดต่างๆทั่วประเทศ ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้าน นพ.กิตติ กิตติอำพล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้ว 7,194 ราย เป็นผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์เอช 3 จำนวน 578 ราย เสียชีวิต 12 ราย และสายพันธุ์เอช 1 จำนวน 34 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิดบี จำนวน 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยภาคใต้มีผู้ป่วยมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคกลาง เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ โดยสำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ และอินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง อินเฟคชั่น โปรแกรม (Internation Emerging InFection Program) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ได้ประมาณต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ของการเจ็บ ป่วยไข้หวัดใหญ่ว่าจะมีความสูญเสียขั้นต่ำ 900-2,400 ล้านบาท และหากเกิดการแพร่ระบาดใหญ่จะสูญเสียเพิ่มเป็น 5,000-46,000 ล้านบาท รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวด้วยว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีโรคระบาดจากสัตว์สู่คนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เชื้อโรคไข้หวัดมีความรุนแรงมากหากติดต่อจากคนสู่คนได้ จากลูกไก่ก็จะกลายเป็นพญาอินทรี สธ.จึงผลักดันให้รัฐบาลทำยุทธศาสตร์ควบคุมโรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง ครม.อนุมัติแล้ว และทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) อยู่ระหว่างการร่างแผนการดำเนินงาน กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี คือปี 2551-2553 โดย มีกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นเจ้าภาพหลัก และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">แพทย์ชี้ไข้หวัดนก-หวัดใหญ่ โอกาสสูงเป็นไวรัสพันธุ์ใหม่ [23 ส.ค. 50 - 10:41]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>
วันนี้ (23 ส.ค.) นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนกเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ว่าขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ ยังไม่พบการกลายพันธุ์ แต่มีสิ่งที่เป็นสัญญาณอันตรายบอกว่าอาจจะกลายพันธุ์คือ ไข้หวัดนกที่เกิดเมื่อปี 2540 ไม่เคยกระโดดข้ามจากสัตว์ปีกทำให้คนป่วยได้ แต่หลังจากปี 2540 มีเกิดขึ้นแล้วจนกระทั่งมีคนไข้หวัดนก 12 ประเทศ รวมคนไข้ตั้งแต่ช่วง 2546 ถึงปัจจุบันมีกว่า 300 คน เสียชีวิตไปกว่าร้อยละ 70 <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o> </o>
นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกสัญญาณหนึ่งคือ ไข้หวัดนกยังวนเวียนอยู่ในภูมิภาคต่างๆ และแพร่กระจายไปในสัตว์ปีกถึง 60 ประเทศทั่วโลกแล้ว ทำให้มีโอกาสจะผสมพันธุ์ ที่เรียกว่ากลายพันธุ์ ระหว่างไข้หวัดนกกับไข้หวัดใหญ่ของคนปกติที่มีเป็นประจำทุกปี โอกาสที่จะผสมกันแล้วกลายพันธุ์ได้ จึงทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจทำให้กลายพันธุ์<o> </o>
<o> </o>
ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า การคาดการณ์เรายังบอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร แต่ถ้ากลายพันธุ์แล้ว คนเราจะไม่มีภูมิต้านทาน แม้แต่เด็กหรือผู้ใหญ่ ใครๆ ก็ไม่มีภูมิต้านทานต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ฉะนั้น โอกาสจะรับเชื้อแล้วเป็นโรคมีมาก รวมทั้งโอกาสที่จะติดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชั่วระยะเวลาอาจจะไม่ถึงเดือนอาจจะไปได้ทั่วโลก<o></o>
<o> </o><o> </o>
นพ.ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ช่วงหน้าฝนไข้หวัดใหญ่ก็ชุกขึ้น แต่เชื้อ เอช 3 เอ็น 2 (H3 N2) นี้ เคยมีในประเทศไทยมานานแล้ว ปีนี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้นคือมีคนเสียชีวิตจาก เอช 3 เอ็น 2 แล้วหลายสิบราย ซึ่งปีก่อนๆ ไม่ค่อยจะพบ และอีกเรื่องคือปอดบวม แพทย์คิดว่าคนไข้เป็นโรคปอดบวม ความจริงไม่ใช่โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด แต่เป็นไข้หวัดใหญ่ทำให้เกิดปอดบวมด้วย ตนอยากกระตุ้นเตือนให้แพทย์และคนไข้ได้ตระหนักว่าปอดบวมมีต้นเหตุจริงๆ มีไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ด้วย<o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=58478

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อันตราย! หวัดนก-หวัดใหญ่ผสมและกลายพันธุ์ได้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 สิงหาคม 2550 10:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ระบุเชื้อไข้หวัดนกยังวนเวียนอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทำให้มีโอกาสผสมพันธุ์กับไข้หวัดใหญ่ของคนปกติแล้วกลายพันธุ์เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ อีกทั้งเห็นว่าปีนี้ไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น และมีอาการปอดบวมร่วมด้วย กระตุ้นแพทย์และคนไข้เฝ้าระวัง

นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนกเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า ขณะนี้ยังเป็นการคาดการณ์ยังไม่พบการกลายพันธุ์ แต่มีสิ่งที่เป็นสัญญาณอันตรายบอกว่าอาจจะกลายพันธุ์ คือ ไข้หวัดนกที่เกิดเมื่อปี 2540 ไม่เคยกระโดดข้ามจากสัตว์ปีกทำให้คนป่วยได้ แต่หลังจากปี 2540 มีเกิดขึ้นแล้วจนกระทั่งมีคนไข้หวัดนก 12 ประเทศ รวมคนไข้ตั้งแต่ช่วง 2546 ถึงปัจจุบันมีกว่า 300 คน เสียชีวิตไปกว่าร้อยละ 70 ส่วนอีกสัญญาณหนึ่งคือ ไข้หวัดนกยังวนเวียนอยู่ในภูมิภาคต่างๆ และแพร่กระจายไปในสัตว์ปีกถึง 60 ประเทศทั่วโลกแล้ว ทำให้มีโอกาสจะผสมพันธุ์ ที่เรียกว่ากลายพันธุ์ ระหว่างไข้หวัดนกกับไข้หวัดใหญ่ของคนปกติที่มีเป็นประจำทุกปี โอกาสที่จะผสมกันแล้วกลายพันธุ์ได้ จึงทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจทำให้กลายพันธุ์

“การคาดการณ์เรายังบอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร เราไปยังไม่ถึง แต่ถ้ากลายพันธุ์แล้ว คนเราจะไม่มีภูมิต้านทาน แม้แต่เด็กหรือผู้ใหญ่ ใครๆ ก็ไม่มีภูมิต้านทานต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ฉะนั้น โอกาสจะรับเชื้อแล้วเป็นโรคมีมาก รวมทั้งโอกาสที่จะติดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชั่วระยะเวลาอาจจะไม่ถึงเดือนอาจจะไปได้ทั่วโลก” ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าว และว่าสำหรับนกกระจิบ นกกระจอก และนกกระติ๊บขี้หมู อาจเป็นพาหะนั้นจะต้องระมัดระวังอย่างไรนั้น คือถ้าพบนกตาย ใส่ถุงมือหยิบไปฝัง อย่าไปโยนลงน้ำ แหล่งน้ำ หรือโยนทิ้ง ต้องทำให้เชื้อถูกฝังตายไปกับนก

นพ.ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ช่วงหน้าฝนไข้หวัดใหญ่ก็ชุกขึ้น แต่เชื้อ H3 N2 นี้เคยมีในประเทศไทยมานานแล้ว ปีนี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้น คือ มีคนเสียชีวิตจาก H3 N2 แล้วหลายสิบราย ซึ่งปีก่อนๆ ไม่ค่อยจะพบ และอีกเรื่อง คือ ปอดบวม แพทย์คิดว่าคนไข้เป็นโรคปอดบวม ความจริงไม่ใช่โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด แต่เป็นไข้หวัดใหญ่ทำให้เกิดปอดบวมด้วย ตนอยากกระตุ้นเตือนให้แพทย์และคนไข้ได้ตระหนักว่าปอดบวมมีต้นเหตุจริงๆ มีไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ด้วย
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
สสจ.สุรินทร์ เผยยอดผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่งสูงเกือบพันคน ตายแล้ว 1
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 สิงหาคม 2550 12:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ยอดผู้ป่วยไข้เลือดออก จ.สุรินทร์ ในเดือนสิงหาคมนี้ เพิ่มขึ้นอีก 171 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้เลือดออกขณะนี้มีถึง 987 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุตั้งแต่ 3 - 14 ปี และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ที่ อ.ชุมพลบุรี โดยพบว่า อ.เมืองสุรินทร์ มีผู้ป่วยสูงสุด 301 คน มีอัตราการเพิ่มจากเดือนที่แล้ว 46 คน ซึ่งนายแพทย์คิมหันต์ ยงค์รัตนกิจ นายแพทย์สาธารณสุข จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้นำชุมชน และ อบต.ในพื้นที่ เร่งประชาสัมพันธ์ถึงความเข้าใจกับชาวบ้าน และออกกำจัดลูกน้ำยุงลาย อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพ่นหมอกควัน และแจกทรายอะเบทด้วย
ส่วนที่ จ.มุกดาหาร สถานการณ์การระบาดของไข้เลือดออกตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยแล้ว 227 คน แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต สาเหตุมาจากในระยะนี้มีฝนตกทำให้มีน้ำขังจนกระทั่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงขอให้ประชาชนช่วยกันดูแล และกำจัดลูกน้ำทุกสัปดาห์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปให้ความรู้ และร่วมป้องกันโรคในชุมชนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ทะยอยกันดา หน้ามาทุกภัยแล้วครับขณะนี้

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ออสซีสั่งห้ามเคลื่อนย้ายม้าสามวัน ยกเลิกแข่งหวั่น ไข้หวัดใหญ่ม้าระบาด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ธุรกิจแข่งม้ามูลค่ามหาศาลในออสเตรเลีย ประสบเหตุวุ่นวายหนักในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เมื่อทางการสั่งห้ามเคลื่อนย้ายม้า ลา ล่อ เป็นเวลา 3 วัน และยกเลิกการแข่งม้านัดสำคัญทุกนัดทั่วประเทศ หลังจากพบไข้หวัดใหญ่ม้าระบาด ทางการออสเตรเลียส่งเจ้าหน้าที่พิเศษไปตรวจ ตราตามสนามแข่งม้าสำคัญ เพื่อสกัดไม่ให้เจ้าของม้าและผู้ฝึกม้าเคลื่อนย้าย พร้อมกับให้อำนาจแก่ตำรวจลงโทษผู้ฝ่าฝืน ขณะเดียวกัน รัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งห้ามม้าจากออสเตรเลียเข้าประเทศ ม้าเหล่านี้เป็นม้าชั้นเยี่ยมจากสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย มูลค่ารวม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17,000 ล้านบาท) เพิ่งมาถึงเพื่อเตรียมเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า มาตรการดังกล่าวประกาศใช้ทันทีที่มีการยืนยันผลตรวจม้า 16 ตัว ในนครซิดนีย์ว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ม้า อันเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่ไม่ติดต่อคน แต่ทำให้ม้ามีอาการเหมือนคนเป็นไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ไอ จาม เบื่ออาหาร ซึม

นายปีเตอร์ แมคคัวแรน รัฐมนตรีเกษตรออสเตรเลีย ระบุว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงมาก ส่วนการสั่งห้ามเคลื่อนย้ายม้าและยกเลิกการแข่งม้า แม้ว่าจะทำให้ ธุรกิจแข่งม้าเสียหายวันละหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เป็นหนทางเดียวที่ต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ไปยังม้าทั่วไป

ที่ผ่านมาออสเตรเลียไม่เคยมีไข้หวัด ใหญ่ม้าระบาดมาก่อน

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าต้นตอมาจากญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นเพิ่งสั่งยกเลิกการแข่งม้าเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน หลังจากตรวจพบว่า ม้าเกือบ 100 ตัว ป่วยด้วยโรคนี้ ปกติแล้วม้าจากญี่ปุ่นเดินทางไปแข่งที่ออสเตรเลีย เป็นประจำและอยู่ที่ออสเตรเลียในช่วงฤดูผสมพันธุ์.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://tnews.teenee.com/etc/14182.html

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">พบ 6 เขตไข้เลือดออกระบาด บางซื่อแชมป์-ผู้ว่าฯ กทม.เต้นหลังระบาดซ้ำซากทุกหน้าฝน [29 ส.ค. 50 - 04:23]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2550 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาโรคไข้เลือดออกระบาดในพื้นที่ กทม. แม้ปัญหาพื้นที่ หลายเขตจะลดลง และสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ในเขตบางซื่อปัญหายังไม่ลดลง ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ปัญหาในปีนี้ คือ มีการแพร่ระบาดมากใน ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. จึงได้ให้นโยบายถึงสำนักงานเขต เจ้าของพื้นที่ และสำนักอนามัย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง สร้างเครือข่ายร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขและต้องเดินหน้าทำงานในเชิงรุก เข้าถึงชุมชน และต้องกำจัดแหล่งกำเนิดเพาะพันธุ์ยุงให้หมดไป ขณะเดียวกัน ต้องเข้าถึงและเดินหน้ารักษาผู้ป่วยอย่างทันท่วงที นายอภิรักษ์กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมากถึง 3,089 ราย โดย เขตที่มีผู้ป่วย 6 เขต มากที่สุด ได้แก่ บางซื่อ จตุจักร บางคอแหลม ภาษีเจริญ บางขุนเทียน และจอมทอง ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 4 คน แม้ยอดผู้เสียชีวิต ในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีมากถึง 12 ราย แต่ กทม. ไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่ง กทม.จะทำทุกๆวิธีที่จะแก้ปัญหาให้ได้ แต่อยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนขอให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว อย่ามองข้าม หรือเห็นว่าโรคไข้เลือดออกเป็นเรื่องไกลตัว หรือโรคนี้คงไม่เกิดกับเราและบุตรหลาน ดังนั้น หากเห็นแหล่งน้ำนิ่งที่ขังในกระถาง ยางรถยนต์ ต้องรีบ เททิ้ง ส่วนภาชนะที่ต้องใช้กักเก็บน้ำ เช่น โอ่งที่ไม่มี ฝาปิดก็ต้องรีบหาฝาปิด เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เท่าที่ดูแนวโน้มในภาพรวมแล้วโรคไข้เลือดออกจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เกิดขึ้นซ้ำทุกๆปี ไม่ใช่แบบปีเว้นสองปี เพราะยุงมีการพัฒนาสายพันธุ์ และปรับตัวอยู่เข้าสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ดี จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือแก้ปัญหาด้วย.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=bangkok&content=59133</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ไข้หวัดใหญ่ม้ายังไม่เลิกระบาดในออสเตรเลีย

​

ซิดนีย์ 30 ส.ค.

 

เหยื่อเอดส์ในปาปัวฯถูกฝังทั้งเป็น ญาติอ้างดูแลไม่ ไหวกลัวแพร่เชื้อ [30 ส.ค. 50 - 01:0

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในประเทศปาปัวนิวกินี แจ้งว่าผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) บางรายถูกญาติจับฝังทั้งเป็น เพราะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ มิหนำซ้ำยังกลัวว่าผู้ป่วยจะนำโรคมาติดให้ด้วย

มาร์กาเร็ต มาราเบ อาสาสมัครองค์กร