อาการพลังงานกลับด้าน เกิดเพราะอะไรและมีวิธีแก้อย่างไร

ถามในเว็บพลังจิตนี่แหละค่ะ ผู้ที่มีบุญวาสนาสัมพันธ์กับข้าพเจ้าแล้วอยากตอบ เค้าก้อจะมาตอบเอง อย่างท่านศรีกับคุณนิวรณ์ก้อให้คำตอบได้หลายอย่าง เราต้องพิจารณาเอาเอง มัวแต่วิ่งหาคนนู้น คนนู้นให้ไปหาคนนี้ ไม่เอาแบบนั้นแล้วค่ะ คนที่วาสนาตรงกัน อยากมา เค้าจะมาเอง วาสนาจะทำให้ได้เจอกันเองโดยอธิบายไม่ได้

 

เชื่ิอว่าในโลกวิญญานนั้นเขาแบ่งคนดีกับคนชั่วไว้ชัดเจน
คนดีคัดส่งขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ คนชั่วคัดส่งลงนรก ผิดกับโลกมนุษย์
ที่ปล่อยคนดีอยู่คละเคล้ากับคนชั่ว ทีนี้เปรียบเทียบระหว่างท่านผู้ถือกำเนิด
ในสุคติภูมิกับมนุษย์โลก ใครจะมีศีลสัตย์มากกว่ากัน
ท่านผู้ถือกำเนิดในสุคติภูมินั้น ใช่มินิสัยโกหกปลิ้นปล้อนเหมือนกับมนุษย์หรือไม่
เหตุใดเกิดใสุคติภูมิแล้วจึงยังมาหลอกลวงมนุษย์อยู่อีก
ส่วนพวกที่เกิดในทุคติภูมินั้นไม่มีอะไรน่าสงสัย เพราะมีนิสัยชั่วร้ายตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์อยู่แล้ว

 

ผมเคยได้ยินว่ามาจากไหนสนใจทำไม ขอรู้ว่าตอนนี้ทำอะไรสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดพิจารณาดีๆ มันก็เราเองทั้งหมด แม้เราในอดีตก็ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรมากไปกว่าทำให้รู้สึกดีกัยรู้สึกแย่ แต่บังเอิญ เดินมาและผ่านมาอย่างที่เห็นพระท่านสอนไว้ ผิดแล้วไม่ผิดเลยล้วนเป็นกรรมแต่ไม่ใช่กรรมจะบันดาลให้ทุกสิ่งเป็นไปตามนั้นขึ้นอยุ่กับเราเอง ภูมิและภพก็เป็นการสมมุติให้เป็นสิ่งเปรียบเทียบเป็นข้อแม้เพื่อสร้างสติปัญญาเพื่อพัฒนาจิตของตนเอง มิได้เป็นไปเพื่อแก้ไขสิ่งใด นั่นก็อีกแหละว่าเราจะเลือกยึดถือสิ่งใด ในมุมมองแท้จริงอาจหมายถึงเราเลือกจะมองสิ่งใด แต่ถ้าเลือกไม่ได้จะต้องมองเห็นทุกสิ่ง ก็จะพบว่านั่นก็เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงของแต่ละสิ่งซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องที่เราจำต้องมาระบุว่า...นั่นเป็นเช่นไร เพียงแต่เราก็เพียงทำให้มีผลกระทบกับตัวเราน้อยที่สุดหรือไม่มีเลยไม่ใช่หรือที่เรียกว่าการปฏิบัติธรรม

 

การที่ต้องพูดถึงเรื่องภพภูมิ เพราะเคยเห็นในหลายๆที่ ที่หลายคนเคยแสดงความคิดเห็นไว้ว่า
ให้ระวังวิญญาณนั้นมาหลอกลวง วิญญาณนั้นมาครอบงำ หรือมาทำอันตรายโดยประการต่างๆ จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า พวกที่มาจากโลกวิญญาณนั้น มีนิสัยชั่วร้ายนักหรือ ขาดศีลขาดสัตย์พอๆ กับมนุษย์นี้หรือ
ในโลกวิญญาณนั้นไม่ใช่แบ่งแยกระหว่างคนดีกับคนเลวไว้ชัดเจนแล้วหรอกหรือ
โดยคนดีก็ให้ไปกำเนิดในสุคติ ส่วนคนชั่วก็ให้ไปถือกำเนิดในทุคติ
ในเรื่องเล่าสมัยก่อน แม้พวกที่ต่ำสุดอย่างพวกบังบดหรือลับแล ก็ยังถือศีลสัตย์เป็นสำคัญ
ใครโกหกก็อยู่กับพวกเขาไม่ได้ พวกผี พวกภูมเทวดาก็คงถือแบบนั้น
คนทำชั่ว คนมีอกุศลจิตติดตัว พอไปถึงโลกวิญญาณควรได้รับทุกข์โทษทรมาน
เหตุใดหลุดออกมาก่อกรรมทำเข็ญกับมนุษย์ได้
หรืออย่างวิญญาณต่างดาวผู้ชั่วร้ายอะไรมาณนี้ มองๆดูแล้วคล้ายอยู่เหนือกฏแห่งกรรม...

 

สำหรับกรณีของคุณนวลปรางนั้น ผมจะยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้ฟัง

คนที่ป่วยเป็นไข้นั้นถ้าอยากจะหาย

-ก็ต้องไปหาหมอ ให้หมอตรวจวินิจฉัย หนัก-เบา หรือเป็นโรคอะไรก็รักษาไปตามนั้น

-นอนอยู่กับบ้าน รักษาตัวเองไปตามมีตามเกิด รอให้ร่างกายพักฟื้นแล้วหายไปเอง

-สอบถามคุณหมอผ่านตัวหนังสือ เล่าอาการที่เป็นให้ฟัง แล้วให้คุณหมอให้คำแนะนำ เหมือนกับคอลัมส์พบแพทย์ตามนิตยสารต่างๆ

-ไปเสี่ยงรักษาตามแหล่งที่มีผู้หวังดีแนะนำต่างๆ อาจมีทั้งเสียเงินและฟรี
อาจจะเสี่ยงถูกหลอก ควรเลือกเฉพาะแหล่งที่เชื่อใจได้จริงๆ

 

ไปหาผู้รู้ทางนี้ให้เเก้ก็ดีนะครับ

ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาที่มีผลกระทบมาก

เเต่ถ้ามันไม่กระทบเรามาก เเรงจูงใจอาจจะ ยังไม่ถึงขั้นเเก้ไขครับ

 

โบราณว่าไว้ เรื่องของผัวเมียนั้น ชาวบ้านไม่ควรยุ่งที่สุด...

 

นวลคิดว่าสาเหตุที่เค้าเข้ามาในชีวิต น่าจะเป็นเพราะนวลอยู่คนเดียวกับตัวเองไม่ได้ มากกว่าว่าเค้าจะมาขวางบารมี ดังนั้นนวลจึงจะหัดอยู่คนเดียวให้ได้ยอมรับความจริงว่าโสดก่อน และไม่ไปคิดถึงเค้า เมื่อจิตใจนวลเข้มแข็งไม่อ่อนไหว แล้วค่อยตั้งใจถอนคำอธิษฐานติดตามคู่อีกครั้งนึง

 

ถ้าสายสมถะ แนะนำให้เข้าฌาณ

เข้าฌาณ ๔ จิตจะแกร่งจนอะไรก็ทำไม่ได้ อะไรที่แทรกแซงในธาตุในขันธ์จนธาตุปั่นป่วน มันจะถูกทำลายลงเมื่อถึง ฌาณ ๔

เข้าอรูปฌาณ จิตถึงระดับที่อะไรก็ทำไม่ได้ ตั้งแต่ได้ฌาณ ๔ ถ้าได้อรูปฌาณ อะไรที่มาแทรกแซงจะถูกทำลายไปด้วย

ถ้าสายวิปัสสนา ต้องชำนาญการพิจารณา ยกจิตให้เห็นไตรลักษณ์ ยกธรรมที่ปฏิบัติขึ้นมา ธรรมย่อมคุ้มครองรักษาอยู่แล้ว

ทั้งสองสาย ถ้าทำได้จริง ธาตุจะกลับสู่ปกติ พลังทั้งหลายจะเข้าสู่จุดสมดุลย์

เว้นแต่วิบากกรรมเก่าจะแรงมาก จะทำให้ขึ้นฌาณไม่ได้ วิปัสสนาไม่ขึ้น ก็หมั่นทำสมถะวิปัสสนากรรมฐานไปเรื่อยๆ

ความเพียรจะทำให้ล่วงพ้นทุกข์ได้

 

แล้วไงเหรอ
หรือคุณจะบอกกับผมว่าคุณรู้ว่าคนที่ทำเป็นใคร
เขาทำเพราะอะไร
แล้วมีวิธีแก้ไขไหม

 

ไปกราบเรียนถาม
หลวงพี่เล็กวัดท่าขนุนนะคะ
จะได้กระจ่างคะ

และก็ภาวนาให้
มีคนที่มีบุญสัมพันธ์กัน
ขอให้ได้รับความเมตตา
เฉกเช่นข้าพเจ้า
โมทนานะะ