หลวงปู่ทิม..พระยุคต้นวัดละหารไร่(สืบสานตำนานหลวงปู่ทิมจากลุงสาย)

บอกบุญพร้อมแนะนำของดีหายากครับ แพะเขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย สุดยอดเครื่องรางตามตำราที่นานๆจะมีโอกาสเป็นผู้ครอบครอง วัสดุเขาควายเผือกที่โดนฟ้าผ่านี้เป็นของอาถรรพ์ที่ธรรมชาติให้มาไม่บ่อยนัก ครูบาอาจารย์จึงนำมาแกะสลักเป็นรูปแพะและปลุกเสกด้วยวิชาโบราณที่สืบทอดกันมา หลายท่านรู้จักพระผู้เรืองวิชาอาคมอันดับต้นๆของสายวิชานี้นั่นก็คือหลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอก ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้ที่ปลุกเสกเครื่องรางชนิดนี้ได้เข้มขลังยิ่งนักถูกสืบทอดมายังลูกศิษย์ของท่านอาทิเช่น..หลวงปู่ทิมและหลวงปู่ทาบเป็นต้น หลวงพ่อรัตน์วัดป่าหวายซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ทาบจึงได้ร่ำเรียนวิชาเสกแพะและสีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบเพื่อสืบต่อกันไปรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปัจจุบัน....และเป็นโอกาสอันดีที่ตอนนี้ทางวัดป่าหวายได้มีการก่อสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่ทิม หลวงปู่ทาบและหลวงพ่อสาคร กระผมในนามของกลุ่มเปิดตำนานหลวงปู่ทิมกับพระยุคต้นวัดละหารไร่ จึงขอบอกบุญกับทุกท่านเพื่อนำปัจจัยมาช่วยทางวัดป่าหวายสร้างวิหารดังกล่าวให้ได้มากที่สุด โดยผมขอนำแพะเขาควายเผือกฯ ที่หลวงพ่อรัตน์ท่านทำไว้เพียงไม่กี่ตัวมาบอกบุญกับทุกท่านครับ
อัตตราค่าบูชาตัวละ 799 บาทถือว่าไม่แรงเลยครับกับวัตถุอาถรรพ์หายากชิ้นนี้..ของมีจำนวนจำกัด
ราคาไม่รวมค่าจัดส่งEMS 100บาท
สนใจติดต่อได้ที่ 0628126938 หรือแอ๊ดไลน์มาที่ naygood01 ชุดนี้เฉพาะกิจครับ

ปิดรายการนี้

 

แพะฝูงที่ 1 ลุยยยยยยย.....

 

แพคเสร็จแล้วขอโชว์ตัวแป๊ป.....กับพ่อพันธุ์แพะจากป่าหวาย ไม่มีสัตว์ที่ไหนเจ้าชู้กว่าแพะอีกแล้วในสามโลก พ่อพันธุ์ตัวเดียวจัดตัวเมียทั้งฝูง....คนเลี้ยงแพะเขารู้กันครับ อิอิอิ ชุดนี้หลวงพ่อรัตน์ท่านคัดจากตำราโบรานออกมาเลยเชียวครับ ตรงตามสูตรแพะเขาควายเผือกเพื่อฝากไว้อีกหนึ่งฝูงในแผ่นดิน...สาธุ ครับหลวงพ่อ

ปิด 2 ตัวนี้ครับ

 

พ่อแพะฝูงที่ 2 พร้อมยาางงงงง...พร้อมแล้วลุยเลยลวกพี่ อิอิอิ



ไกล้ปิดฤดูกาลแล้วนะครับท่านใดที่ยังลังเลอยู่....ตัดสินใจได้เลยครับ

 

ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดู....แพร่พันธุ์แพะครับ มาถึงแพะตัวสุดท้ายมีคำถามเข้ามามากมายครับว่าเขาควายเผือกทำไมแกะเป็นแพะออกมา มีหลายสี...แล้วทำไมมีสีดำด้วย ผมเองในฐานะที่เป็นคนแพร่กระจายจึงต้องคัดตัวสีดำๆไว้เองครับเพราะส่งไปก็เกรงว่าจะแคลงใจผู้รับ...แพะตัวนี้ครับเป็นตัวสุดท้ายที่อยู่ในคอกสีคล้ำที่สุดในฝูง....เป็นตัวแรกที่ผมคัดออกไปเลยเพื่อป้องกันปัญหา555555+
ทำไมแพะแต่ละตัวจึงมีสีแตกต่างกัน....เพราะว่าเป็นเขาควายเผือกแท้ครับในท่อนนั้นก็จะเป็นสีที่ไล่โทนกันไม่ใช่ว่าเขาควายเผือกจะขาวจั๊วะทั้งเขาเสียเมื่อไหร่แต่ก็ยังแยกจากเขาควายดำธรรมดาได้อยู่ดี ถ้าเป็นเขาสีดำก็จะดำเงาเลยดูไม่ยากครับ......แต่ถ้าเป็นเรซิ่นก็คงจะเป็นโทนที่ไม่ต่างกันแน่นอนครับแกะมาพันตัวก็คงได้สีเดียวกันหมดแหะๆ
ทางแอ๊ดมินขอปิดฤดูการปล่อยแพะเพียงเท่านี้ครับ....ส่งท้ายฤดูกันด้วยแพะตัวสุดท้าย แบะๆๆๆๆ
พี่ท่านไดที่จับจองไว้ไม่ทันให้รอลุ้นตัวที่หลุดจองเอานะครับ.....

 

ถามกันมาเยอะว่าน้องนายกลุ่มนี้ เขาชอบแบบไหนกัน
วันนี้ผมจัดให้ชมเลยครับ ว่านอาถรรพ์ชุดดำ ไปได้ทุกที่สะบายใจไร้ข้อกังขา เนื้อมีเสน่ห์ดูง่ายห่างไกลของเก๊ (สีขาวเหมือนเมื่อไหร่สีดำค่อยว่ากัน) พระแท้ตาเปล่าไม่ทะเลาะกับใคร สีไล่โทนแบบนี้เลียนแบบยากนิดนึงครับ เนื้อหาแบบนี้ครับทำลายคำถามที่ว่า "มีแต่พระเนื้อสีขาวหรือครับกลุ่มนี้"

 

เรียนถามครับพระขุนแผนลองพิมพ์ที่สร้างโดยลุงสายแต่ละพิมพ์สร้างมากมั๊ยครับไว้ศึกษาครับ ?
อ.แก้วสว่าง พระขุนแผนผงพรายกุมารเป็นพระที่ถือว่ามีปัญหามากที่สุดในเวลานี้เพราะชื่อเสียงที่ร่ำลือกัน และด้วยคุณค่าที่มากด้วยราคานิยมกัน พระขุนแผนของวัดละหารไร่กำเนิดสร้างจากนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรที่แกะพิมพ์ขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกๆโดยการลองพิมพ์สร้างตั้งแต่แม่พิมพ์พิมพ์ไม้ บล็อกหินมีดโกน จนมาสู่ยุคของบล็อกทองเหลืองที่นิยมกันในเวลานี้
พระขุนแผนที่สร้างจากบล็อกไม้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นขึ้นมากับการสร้างขุนแผนแต่ถือว่ากำเนิดการสร้างทำในแบบทรงที่กำหนดแบบ ซึ่งอาจทำในแบบลองพิมพ์สร้างครั้งแรกด้วยความที่พิมพ์และเนื้อหายังดูไม่สวยงาม นายสายท่านจึงยกเลิกไป ซึ่งน้อยคนมากที่จะเคยเห็นเพราะพิมพ์ไม่ได้นำออกมา ด้วยเหตุเช่นนี้จึงกำเนิดสร้างเป็นพิมพ์หินมีดโกนขึ้นมาเพราะแข็งแกร่งกว่าบล็อกไม้ ชุดนี้ถือว่ามีการออกบูชาและการแจกจ่ายกันไปพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถือว่ามีความสวยงามและเรียบร้อยและสร้างในยุคเดียวกับตอนที่อ.ทวนเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำคู้นำออกไปบูชาในงานของวัดเรื่องนี้อ.เพียรวิทย์เคยเขียนไว้ในหนังสือ
เมื่อถึงคราวสร้างพระขุนแผนพิมพ์ทองเหลือง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างพระเครื่องที่มีจุดประสงค์ชัดเจนคือการสร้างโบสถ์ของวัดละหารไร่ คนที่ดำเนินการสร้างพระขุนแผนคือนายสาย แก้วสว่างเช่นเดียวกัน เพราะการสร้างที่ต่างก็ยังไม่มีความชำนาญกับการกดด้วยแม่พิมพ์ทองเหลือง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายกับการกดมือของชาวบ้าน การพัฒนาจึงเริ่มสู่ยุคนำเข้ามา
แน่นอนครับการกดสร้างจึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการสร้างขึ้นมาตามแบบยุคในความคิด และการพัฒนาขึ้นมา ซึ่งมันก็คงผ่านพ้นกันไม่ได้ว่าจะต้องทำกันแบบลองทั้งพิมพ์และลองทั้งสูตรเนื้อหากันไปอย่างไม่ว่างเว้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเพราะทุกวันนี้มีมาตราฐานการซื้อขายในแต่ละแบบขึ้นมา เพราะการกำหนดแบบพิมพ์การซื้อขายกันมาก่อนหน้านี้เรื่องราวจึงดูสับสนกัน
จะเห็นว่าพระขุนแผนอาจจะน้อยคนมากที่จะเขียนให้เข้าใจกันได้เพราะอะไรถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ชี้นำ... มีหลายท่านมากที่เคยได้รับพระขุนแผนที่เป็นมรดกตกทอดมา ซึ่งไม่เข้ากับพิมพ์ที่มีมาตราฐานการซื้อขายของวงการเลยเพราะอะไร ทั้งๆที่ได้เอามากับวัดโดย จุดนี้ในวงการใครจะกล้าเล่าได้ถ้าแม่พิมพ์ไม่ได้มีการตกแต่งกัน อีกอย่างเนื้อหาการทำเหตุผลว่าทำไมมันมีหลายเนื้อหาเพราะอะไรถ้าไม่ใช่การทำแบบลองสูตรการทำในแต่ละครั้งเรื่องนี้มีเหตุผลในตัว แต่อาจไม่มีเหตุผลต่อวงการซื้อขายเพราะเขาจะเล่นแต่พิมพ์ที่มีการซื้อขายได้เท่านั้น
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เมื่อก่อนนี้ตอนที่เริ่มเข้ามาศึกษากันในช่วงหลังเมื่อ20กว่าปีที่แล้ว ขุนแผนก็ซื้อขายกันไปในแบบที่เล่นขายกันได้ แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจน เพราะอะไรวงการยุคเก่าคงทราบกัน เมื่อย้อนเวลากันไปหลายปีดีดักมีการโจมตีเรื่องขุนแผนกันมาก่อนกับพิมพ์ที่ขายได้กับขายไม่ได้ พิมพ์ที่ขายได้ชนะไปจึงเป็นเรื่องที่สามารถยืนหยัดได้จนทุกวันนี้เพราะสวยงามกว่า ส่วนพิมพ์ที่ขายไม่ได้จึงเป็นอันต้องปิดตำนานไปตั้งแต่บัดไหนนั้นก็คงนานมากและอันไหนที่เป็นข้อจริงเท็จก็คงไม่มีลูกศิษย์คนไหนที่อยากเล่า
พระขุนแผนที่ผมได้รับตกทอดมาจากลุงสาย แก้วสว่าง ในยุคต่างๆที่เคยสร้างกันไว้นับตั้งแต่ยุคต้นๆก่อนยังไม่นับกันถึงยุคกลางและยุคปลาย ด้วยข้อมูลและหลักฐานชัดเจนกับเรื่องราวเพียงแต่ขาดมาตราฐานการซื้อขาย เพราะพระขุนแผนยุคแรกๆนั้นไม่เคยเอามีการซื้อขายกันมาก่อนหน้านี้ และพิมพ์ก็อาจไม่ค่อยคุ้นตากันในวงการ จึงเกิดความสับสนแน่นอน ถ้าเอาไปให้เซียนดูแบบนี้ต้องต้องเก๊แน่นอนเพราะเซียนไม่เคยเห็น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติครับกับแบบแรกที่ดูเหมือนจะสวย ฉะนั้นการมองเหตุผลและการพิจารณาจึงเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งใด
ทุกวันนี้ปัญหาที่พบมากกับผลที่มันตรงข้ามคือการมองผลประโยชน์กันด้วยการกล่าวหา เรื่องนี้มีกันมานานอย่างเรื้อรังอาจจะยากเกินที่จะแก้ไขอยู่ที่การมองด้วยเหตุผลของแต่ละท่าน ถ้าพิมพ์ขายคงต้องทำมาให้ดีกว่านี้ อย่ามองกันแค่ตรงนี้ หนทางยังอีกยาวไกลนัก บางทีความจริงอาจเข้าสู่สถานะเดิมก็เป็นได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ....

 

แค่นิดหน่อยครับ บางทีมันอาจเผยไต๋ไปมากไม่ได้เดี๋ยววงการจะเครียดกัน ทุกวันนี้สัมภเวสีมันคอยรังควานเยอะ ช่างมันเถอะ กรรมใดกรรมมัน ยิ่งใกล้ความจริงไปมากเท่าไหร่ อุปสรรคย่อมมากตามมาแน่นอน นิ่งเสียดีกว่า เป็นคำสอนของหลวงปู่ให้รู้ว่า อย่าล้น จงรู้คุณค่าแค่พอประมาณ

 

อ.แก้วสว่าง หลายท่านสนใจมากกับความศรัทธาที่ต้องการนำไปใช้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของความจริงกับเรื่องของผลประโยชน์ที่ต้องแบ่งแยกกันให้ดี ความสำคัญมันอยู่ที่ว่าประเด็นหลักมันคือความเข้าใจอย่างถูกต้องและ หลายคนที่ศึกษาคงเข้าใจกับความหมายในบางสิ่งที่จะสื่อว่าของทุกอย่างอย่าเพิ่งเชื่อกันเสมอไปถ้าไม่พิจารณาความถูกต้องกัน เพราะทุกอย่างมันคือบทเรียนรู้?......
สำหรับข้อมูลความถูกต้องทุกอย่างที่จะให้ไม่เกิดความผันแปรไปได้คือบทเรียนรู้ ถึงแม้บางเรื่องการยอมรับในวงการมันก็ไม่่ใช่บทความจริงเสมอไปแต่มันเป็นความจริงที่เพียงเสมอเหมือนเท่านั้นถ้าไม่คิดไตร่ตรองกัน หลายคนได้สัมผัสกับเรื่องราวความถูกต้องกันคงสับสนเรื่องราวกันแน่นอนเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ชี้นำ เรื่องนี้ถ้าศึกษากันดีๆเนื้อหาที่แท้จริงทุกอย่างในแต่ละบทตอนนั้นต้องมีประจักษ์พยานความชัดเจนไม่ใช่มีแต่บทความอันเลื่อนลอยโดยเฉพาะพระขุนแผนและผงพรายกุมาร
เรื่องนี้ปฎิเสธกันไม่ได้กับหลายคนที่ให้ความสนใจกันมากเพราะความร่ำลือเรื่องอานุภาพและการทำผงพรายอันน่าอัศจรรย์ โดยมีบทความผู้เขียนจากลูกศิษย์ลูกหาที่เขียนลงเพื่อประกาศเกียรติคุณหลวงปู่ทิมขึ้นมา และประเด็นที่สำคัญมากคือ ผงพรายกุมาร
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากในเรื่องคงเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากนายสาย แก้วสว่าง ส่วนปู่มั่น แก้วสว่างนั้นที่มีหลายคนสอบถามมามาก ผมได้ชี้แจงไปแล้วว่าปู่มั่นคนนี้ไม่มีตัวตนนะครับ เป็นบุคคลที่ถูปอุปโลกน์ขึ้นมาจากบางกลุ่มที่แอบอ้างเอามาเป็นข้อมูล เอาไว้ผมจะให้คนในตระกูลแก้วสว่างมากล่าวชี้แจงนะครับว่าปู่มั่น แก้วสว่างนั้นมีตัวตนกันไหมเพื่อจะได้คำตอบที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผมเองก็ดูแลรักษาลุงสาย แก้วสว่างมาหลายปีจนถึงวาระสุดท้าย สมัยที่ท่านอยู่ผมก็ได้เรียนรู้ราวข้อเท็จจริงต่างๆทั้งบทจริงที่ควรค่าแห่งการเรียนรู้และบทบิดเบือนมากมายที่เป็นการกระทำโดยเฉพาะพระขุนแผนและผงพรายที่หลายคนต้องการกันนัก เรื่องนี้มันจึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นปริศนาทั้งสองแง่ด้วยกัน อยู่ที่ว่าใครจะเอาความจริงหรือว่าใครจะเอาแบบผลประโยชน์การขายมีด้วยกันทั้งนั้น ก็เหมือนกันอย่างเช่นเดียวกับพระขุนแผนแผนที่ไม่ต่างอะไรกัน จะเห็นว่าทุกวันนี้ตามศูนย์พระนั้นเขามองต่างรูปแบบกันไปเพราะเขาต้องการในสิ่งที่เขาขายได้เท่านั้น ความจริงก็คงหาอะไรกันไม่ได้
เราจะเห็นว่าเมื่อหลายคนที่ร่วมศึกษาและฟังความกันมาจะทราบดีว่าพระขุนแผนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเล่นแบบความศรัทธา เพราะทำกันเป็นการตลาดมาก่อนคือง่ายๆจะเรียกกันเป็นพระตลาด สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้คือมีการกำหนดบล็อกกันไป ในท่านกลางความจริงแท้นั้นก็ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าทางวัดเขาสร้างกันมาเป็นแบบนี้ เรื่องนี้คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธไปได้เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง
ขนาด อ.เพียรวิทย์หรือเฮียจื้อลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่ทิมอีกคนหนึ่งซึ่งเพื่อนสนิทกับผมเองยังบอกเลยว่างงมากกับการสร้างพระขุนแผน ไม่รู้จะอธิบายอย่างงัย เพราะทางวัดทำกันจนสับสนในหลายรูปแบบความคิดและเนื้อหา เรื่องนี้มันถึงได้อธิบายด้วยกันยากมาก ถ้าคนที่จะตอบความจริงเรื่องการสร้างพระขุนแผนนี้ได้ กับเหตุการณ์ตอนการสร้างทำก็คงต้องถามโยมสาย ,หลวงตารอด,พระพริ้ง, สามเณรลาว, เณรฉ่ำ เท่าที่เป็นบุคคลหลักๆในการทำขุนแผนในวัดรวมทั้งนายครอกผู้สร้างตำนานขุนแผนไฟลุกครกที่รำลือกัน แต่ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตไปกันซะหมด ถ้าจะยังเหลืออยู่จะน่าจะมีสามเณรลาวองค์เดียว ที่ยังตอบไม่ได้ว่ายังอยู่หรือไม่เพราะตั้งแต่หลวงปู่ทิมมรณภาพไปเมื่อปีพ.ศ.2518 สามเณรลาวก็ได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของท่านตั้งแต่บัดนั้น
สามเณรลาวจึงเป็นบุคคลที่น่าสนใจอย่างยิ่งกับเรื่องราวของหลวงปู่ทิมด้วยเพราะได้ศึกษาวิชาอาคมและการลงอักขระจากหลวงปู่ จนลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่เรียกติดปากกันเป็นอาจารย์สามเณรลาว(สามเณรเสี่ยว) เรื่องนี้ทั้งอ.ชินพร, อ.เพียรวิทย์และอ.เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ปัจจุบันจะรู้จักมักคุ้นกับสามเณรลาวดี เรื่องนี้สามารถสอบถามกันได้กับเรื่องจริงที่ปรากฎกับเหตุการณ์
ปัจจุบันพระขุนแผนของหลวงปู่ทิมมีชื่อเสียงอย่างขจรไกล แต่มีปัญหาอย่างที่สุดกับการเล่นหาเพราะการบิดเบือนมานานจนเป็นความเชื่อ อยู่ที่ว่าทุกคนจะศึกษากันเข้าใจมากน้อยแค่ไหน และศึกษากันอย่างชัดเจนเพียงไร เรื่องนี้การพิจารณาด้วยเหตุผลจึงเป็นบทสำคัญ เพราะทุกวันนี้ทั้งข้อมูลและของเก๊ที่สร้างกันมาในยุคปัจจุบันถูกบิดเบือนกันมาบ่อยมากเหมือนกับของเก๊ที่ติดตลาดกันมาในอดีตเพียงเพราะผลประโยชน์การขายโดยไม่กลัวบาปกรรมที่จะตอบสนองกันในวันข้างหน้า เรื่องนี้มันมีตัวอย่างมาแล้วกับการตอบสนองคนที่ทำเก๊ในยุคอดีตที่ผ่านมา เพราะการได้สัมผัสจึงบอกกล่าวกัน.....

 

อ.แก้วสว่าง สมเด็จไม้แกะหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่กับการสร้างในยุคแต่แรกที่มีในหลายแบบทรงแล้วแต่การคิดแต่ง โดยคนที่แกะสร้างพิมพ์สมเด็จไม้แกะนั้นคือนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรของวัด
การสร้างพระพิมพ์สมเด็จยึดตามแนวของสมเด็จชิ้นฝัก ที่มีการสร้างเป็นรูปพระพุทธเจ้านั่งฐานอย่างเป็นอมตะกับการนับถือกันมาอย่างช้านาน นายสายท่านเล่าว่า สมเด็จไม้แกะที่สร้างให้หลวงปู่ทิมท่านเสกนั้นท่านจะเลือกนำไม้ที่อยู่ในวัดมาแกะให้เป็นองค์พระ โดยในแต่ละรูปทรงนั้นมีทั้งแกะในแบบแนวที่สืบทอดและตามแบบเลือกสรรค์บ้างตามแต่ฝีมือการแกะในแต่ละคราวกันไป
หลวงปู่ทิมท่านมีวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดมากเหมือนดั่งกับสมเด็จโต วัดระฆัง ที่ต้องมีสัจจะอันแน่วแน่ ยึดมั่นในศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ และมีขันติธรรมอันมั่นคง ฝ่าฟันอุปสรรค ปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนบรรลุด้วยบารมีแห่งความสำเร็จได้
พระสมเด็จไม้แกะนั้นมีการแกะที่เป็นไปในตามยุคแล้วแต่การพัฒนาฝีมือในแบบทรง โดยในยุคแรกๆนั้นถือว่าอาจจะดูยังไม่มีความสวยงามแท้เพราะเป็นศิลป์ชาวบ้าน แต่ถือว่าเป็นศิลป์ที่มีความเป็นธรรมชาติตามรูปทรงในยุคสมัยดังกล่าว ด้วยเหตุผลสิ่งนี้จึงต้องพิจารณากันให้ดีกับสิ่งที่มีความเป็นไปได้
สมเด็จไม้แกะนั้นท่านเสกหนึ่งพรรษาหรือไม่ก็เสกจนข้ามปีเพราะหลวงปู่ท่านเสกในห้องของท่านเป็นประจำทุกค่ำคืน เรื่องนี้ลุงสายท่านเล่าให้ฟังเสมอ โดยเฉพาะถ้ายังเสกไม่เสร็จหลวงปู่ท่านจะไม่นำออกมาแจกอย่างเด็ดขาด นี่คือพระสมเด็จไม้แกะยุคแรกที่นายสายท่านได้แกะสร้างขึ้นมาชมกันนะครับกับสมบัติที่ตกทอดมา

 

อ.แก้วสว่าง พระขุนแผนฝังตระกรุดกับการลองพิมพ์สร้างในครั้งแรกๆ โดยนายสาย แก้วสว่าง เป็นผู้กำเนิดการสร้างตามความเชื่อในเรื่องเสริมพลังอำนาจพุทธคุณทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม และการคุ้มครองอย่างเชื่อมั่น เพราะตระกรุดสาริกานั้นดีเลิศทางเจรจา ค้่าขาย จึงเป็นแบบอย่างเชื่อมั่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลที่นายสายท่านได้สร้างขึ้นมา
การสร้างพระขุนแผนนั้นมีหลายครั้งในการสร้างตามแบบความคิดและความตระหนักอย่างมีความอดทนกันเพราะยุคนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะสามารถเริ่มต้นทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย ถ้าไม่มีการลองสูตรลองทำเพื่อให้เกิดความถูกต้อง
สำหรับการสร้างขุนแผนฝังตระกรุดสาริกานั้นโดยเฉพาะตระกรุดที่นำมาสร้างจะมีสองแบบด้วยกันคือตระกรุดสาริกาทองแดง และตระกรุดสาริกาเงินผสม( จะเนื้อเดียวกับตระกรุด7ดอก ) และหายากกว่าโดยสร้างจำนานที่ไม่มาก เพราะเป็นการลองพิมพ์สร้าง ซึ่งจะต่างกว่าตระกรุดทองแดงที่มีจำนวนที่มากกว่าเป็นเป็นที่นิยมกัน ซึ่งคนที่จารตระกรุดสาริกานั้นแรกๆเดิมหลวงปู่ท่านจะลงเองบ้าง หลวงตารอด ลุงสายลงกันบ้าง แต่เมื่อมีจำนวนที่มากๆเข้าหลวงปู่ท่านจะให้สามเณรลาวเป็นคนลง

 

อ.แก้วสว่าง " วัตถุมงคลยอดนิยม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
โดย อ.เพียรวิทย์ จารุสถิติ
ตอน : วิบากกรรมของเซียนปลอมพระ
ด้วยสาเหตุที่มีเซียน (เสี้ยน) ในสนามพระเครื่อง และตั้งตัวเป็นผู้รู้มาก จึงทำให้ผมอยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเซียนคนที่ทำพระปลอมของหลวงปู่ให้ท่านได้รับรู้ว่า บั้นปลายในชีวิตเขาต้องเจอวิบากกรรมอะไรบ้าง เพราะเซียนปลอมพระผู้นี้ถ้าจะเอ่ยชื่อ คนที่เล่นพระสายระยองจะรู้จักดีทุกคน แม้กระทั่งลุง...ที่เปิดร้านขายพระอยู่ในตลาดพระเครื่องระยองยังเคยเล่าให้ผมฟังเลยว่า...ก่อนที่เซียนปลอมพระผู้นี้ตาย เคยนำพระขุนแผนพิมพ์ใหญ่มาให้เหมา ซึ่งแกก็รู้ว่า “เก๊” แกจึงไม่ซื้อไว้ทุกวันนี้แกยังเสียดายอยู่เลย ถ้าตอนนั้นตัดสินใจซื้อไว้ ป่านนี้แกคงมีเงินหลายสิบล้านไปแล้ว ใครจะไปเชื่อว่า “ของเก๊” จะขายได้ แถมยังมีราคาแพงเสียด้วย
ผมขอสมมติชื่อเซียนปลอมพระผู้นี้ว่าเป็น “นายอ๋อง” แล้วกันนะครับ เผื่อจะเรียกง่ายหน่อย สำหรับนายอ๋องผู้นี้ ผมยอมรับถึงความสามารส่วนตัวของแก เพราะแกมีความสามารถพิเศษในเรื่องการดูพระที่ปลอมขึ้นได้อย่างแม่นยำว่า “พระองค์นี้แกทำเอง พระองค์นี้แกไม่ได้ทำ” โดยเฉพาะพระที่แกปลอมออกมา ถ้ามีคนถามแก จะสนิทหรือไม่สนิทกน แกก็จะบอกตามตรงไม่กลัวโดนด่า และคนที่รู้ก็ไม่โกรธแถมยังซื้อของแกไปอีกด้วย ครั้งหนึ่ง ผมได้ไปเที่ยวที่บ้านของ “นายอ๋อง” ซึ่งอยู่แถวๆ อ.บ้านค่าย จำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าหมู่บ้านอะไร? ผมเห็น “พระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก” ตากอยู่บนหลังคาเล้าไก่เต็มไปหมด ผมก็ถามว่า “เฮ้ย...ไม่กลัวบาปหรือไงวะ ระวังหลวงปู่จะลงโทษเอานะโว้ย” นายอ๋อง ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ แถมยังพูดให้ผมฟังว่า “เอาน่าๆ ทำเอง รับรองพระของอนาคตต้องเล่นเป็นแท้หมด ถ้าไม่เชื่อ คอยดูก็แล้วกัน” แล้วก็เป็นจริงอย่างที่มันพูด เซียนใหญ่ที่เล่นพระสายหลวงปู่ทิม และมีความรู้แค่หางอึ่งก็ตกในวังวนตามที่นายอ๋องพูดไว้แบบช่วยไม่ได้ หลายคนที่ผมเห็นมา ก็ได้แต่ภาวนาแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ภาวนาขออย่าให้ไปเกิดเหตุโดนอะไรจังๆ เดี๋ยวจะเสียชื่อหลวงปู่ อาจารย์ของผมหมด
นับว่าเป็นที่น่าแปลกมากๆ ภายหลังนายอ๋อง ได้ป่วยเป็นโรคที่สังคมไม่ยอมรับ มีอาการผอมแห้งใส่เสื้อผ้าไม่ได้ รู้สึกเจ็บร้อนรุ่มไปหมด ได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก จนเพื่อนผม “ปราโมทย์” เป็นหมอทหาร ต้องเดินทางไปฉีดยาแก้ปวดให้นายอ๋องที่บ้านอยู่เป็นประจำ เพราะถ้านายอ๋องไม่ได้ฉีดยาจะร้องครวญครางลั่นบ้าน จนลูกเมียไม่เป็นอันกินอันนอน
หมอโมทย์ ได้เดินทางไปหาผมที่บ้าน แต่ก็หาไม่เจอจึงโทรศัพท์มาคุยกับผม บอกว่า ...ถ้าผมมาระยองก็ให้มาเยี่ยมนายอ๋องบ้าง เพราะเห็นแกบ่นและพูดอยู่เสมอว่า “อยากเจอผม อยากจะขออโหสิกรรมกับผม” ซึ่งผมก็ได้บ่ายเบี่ยงมาตลอด เพราะอดีตนายอ๋องเคยมาขอพระผมไปจำหน่าย แต่ไม่ยอมเอาเงินมาให้ผม เมื่อเวลาผมทวงถามก็เอานักเลงมาข่มขู่ผมถึงบ้าน ด้วยความโกรธและแค้น จึงทำให้ผมสวดมนต์ต่อครูบาอาจารย์และสาปแช่งนายอ๋อง ถ้าตายก็ขอให้ตายอย่างทรมานด้วยกรรมที่มันได้สร้างขึ้นมา
นายอ๋องได้รับการทรมานและร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานหลายวัน ปากก็พร่ำเพ้อบอกให้คนไปตามผมมาหาด้วย จนกระทั่งหมอโมทย์ทนไม่ไหว จึงโทรมาหาผมแล้ว “ขอร้อง” ให้ไปหานายอ๋อง ไปอโหสิกรรมจะได้ไม่ต้องมีเวรกรรมต่อไป ผมนิ่งคิดอยู่เป็นเวลานานจึงยอมตกลงไป เมื่อไปถึงบ้านนายอ๋อง พอนายอ๋องเห็นผมเท่านั้นแหละ ก็ยกมือไหว้ผมโดยการนั่งยองๆ ช่วงนั้นผมเห็นนายอ๋อง รู้สึกตกใจเหมือนกันเพราะหน้าตาและรูปร่างเปลี่ยนไปหมด ผอมโกรกโซ ไม่นุ่งผ้าจนเห็นอวัยวะเพศชายอย่างชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่าจากกันไปไม่กี่เดือน ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ นายอ๋อง จ้องมองดูผมสักพักหนึ่งก็พูดว่า “อยากจะขออโหสิกับ รู้ว่ามันไม่ดีกับหลายอย่าง” ซึ่งผมก็พยักหน้าและก็ยกมือพร้อมกับพูด “อโหสิกรรม สิ่งใดที่เคยทำกับไว้ ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ขออโหสิกรรมให้ทุกอย่าง ไม่ขอจองเวรกับอีกต่อไป”
นายอ๋องเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนั้น ก็ยกมือรับแล้วก็ยิ้มมาที่ผม หลังจากนั้นก็ขอตัวลงนอน ซึ่งเรื่องการขออโหสิกรรมนี้ หมอโมทย์ซึ่งนั่งดูอยู่เป็นพยานได้ พอหลังจากที่ผมได้อโหสิกรรมนายอ๋องเรียบร้อยแล้วผมก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที
สักประมาณ 2 วันต่อมา หมอโมทย์ได้โทรศัพท์มาหาผม และบอกว่า “นายอ๋องได้สิ้นลมอย่างสงบแล้ว” ผมนึกรำพึงในใจว่า...จงไปสู่สุคติเถิด...แม้ว่าในโลกมนุษย์เราอาจจะเป็นศัตรูกัน แต่ความดีนายก็มีมากเหมือนกัน เราจะจำในสิ่งดีๆ ของนายไว้...."
ตอบ.... บทความนี้ที่มีใครหลายคนต้องการอยากทราบว่ามันเกิดขึ้นจริงรึปล่าวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องนี้ผมขอตอบว่าจริงเพราะผมเองก็เป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวที่อ.เพียรวิทย์เขียนเป็นบทความนี้ขึ้นมาด้วย ทุกวันนี้ใครๆก็ย่อมทราบดีว่าพระขุนแผนนั้นเขาปลอมกันมานานจนเป็นที่ยอมรับกันในวงการ เรื่องนี้คนที่รู้กันจริงๆเขาไม่อยากพูดอะไรกันไปมาก เพราะทุกอย่างคิดเสียว่ามันคือวัฎจักรแห่งการเรียนรู้ที่อยู่ในภายใต้กฎแห่งกรรม
พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม อิสริโกนั้นด้วยปฎิปทาแห่งการนับถือและอานุภาพแห่งพลังพุทธคุณที่ร่ำลือกันมานานด้วยบทอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์แห่งความทรงจำคือ "ผงพรายกุมาร" จากบทเขียนของศิษย์ร่วมสร้าสรรค์ครูบาอาจารย์จึงทำให้วัตถุมงคลเป็นที่สนใจกันมากมาย แต่ที่มีความต้องการกันอย่างสูงคือพระขุนแผนผงพรายกุมาร ด้วยบทเขียนที่เป็นอย่างปาฎิหาริย์และมีแนวโน้มเช่นกันกับคนที่นำไปใช้ เหตุผลนี้จึงเป็นความต้องการ แต่ด้วยความจริงที่คงไม่ได้เปิดเผยกันทั้งหมด ถ้าจะย้อนเวลาไปก็คงไม่ได้ ถึงต้องปล่อยให้เป็นวัฎจักรแห่งความไม่ซื่อธรรมไปด้วยเหตุที่ก้ำกึ่งของผลประโยชน์กัน
ด้วยเหตุผลสิ่งนี้หลายคนคงเข้าใจว่าทำไม ถ้าพระหลวงปู่ทิมไม่ดังจริงจนเป็นการไขว่คว้าหาก็คงไม่มีการทำปลอมออกมาแน่นอน แสดงว่าพระเครื่องของหลวงปู่ดังมาก่อนหน้านี้แล้วด้วยราคาคุณค่าของเงินในยุคสมัยนั้น หลายคนไม่เคยสัมผัสความตื้อลึกหนาบางกันมาก่อนแน่นอน มีแต่เรื่องเล่าเค้าไปให้คิดกันเอง เรื่องคงต้องยอมรับกันกับความจริงกับเซียน(เสี้ยน)ผู้รู้ทั้งหลายที่อ.เพียรวิทย์ได้กล่าวไว้กัน ความหมายก็คืออย่าไปรู้อะไรกันมากเลยชอบแบบไหนเล่นแบบนั้นไป เพราะมันวิเคราะห์อย่างไรก็ไม่ออก สรุปความจริงก็ยังยาก !
นายอ๋อง(นามสมมุติ) ถ้าเอ่ยแบบนี้คนที่อยู่ในวงการพระเครื่องเมืองระยองยุคเก่าคงทราบกันดีว่าเป็นใคร แต่ขอให้เกียรติกันไว้ดีกว่าเพราะอย่างน้อยเขาก็สามารถสร้างมาตราฐานการเล่นหาได้ในตลาดและวงการกันมาก่อนถึงมันดูเคลือบแคลงก็ตามที แต่ก็สามารถทำจนวงการยอมรับได้กับการซื้อขาย เรื่องนี้มันถึงเป็นปริศนาของเรื่องราวที่ติดตามมาจนสู่ยุคปัจจุบัน
ผมเองก็รู้จักนายอ๋องมานานพอควรในยุคต่อมาได้ศึกษาเรียนรู้กับแบบพิมพ์ต่างๆที่เขาทำออกไปในครั้งก่อน ใครกล้าถามเขาก็กล้าบอกว่าเป็นฝีมือของเขาเองเพราะเขาเป็นคนตรง แกเคยบอกว่าขุนแผนมึงอย่าไปรู้อะไรมันมาก ขายให้ได้เท่านั้นก็พอ เรื่องนี้อ.เพียรวิทย์ก็ทราบดีเหมือนกันขุนแผนนายอ๋องทำกันจนงง เออขายได้ก็พอ ส่วนเรื่องความจะผูกพันธ์อย่างไรกันกับของสร้างที่ทำไว้ มีหลายท่านที่สอบถาม ผมก็ตอบไปอย่างเดียวว่าอย่าไปรู้อะไรมันมากเพราะมันเป็นอดีตแห่งการยอมรับไปแล้ว เรื่องนี้มันอาจจะทำคนเดียวกันไม่ได้ก็จริง แม้กระทั่งลูกศิษย์ก็ไม่มีใครอยากเล่นของจริงด้วยเหตุผลในตัวที่นอกเหนือจากความศรัทธาไป แต่ใครจะรู้ได้ว่าทุกวันนี้ของที่ทำกันมันกลับเล่นเป็นแท้ แต่แบบไหนบ้างไม่ขอเอ่ยกัน เรื่องนี้หลายคนต้องเชื่อ เพราะทำงัยได้ความสวยและผลประโยชน์ย่อมนับหน้าถือตากว่า
แต่เมื่อถึงเวลากรรมก็ย่อมกำหนดกฎเกณฑ์กันไป นายอ๋องก็ใช้ชีวิตอย่างเพล์บอยตามไสตร์ของแกสร้างและขายกันไปในบทการตลาด นายอ๋องก็ได้ป่วยเป็นโรคร้ายที่ไม่ยอมไปรักษาที่ไหน ผมเองก็เป็นหมอทหารตามที่อ.เพียรวิทย์เขียนไว้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมก็ต้องไปรักษานายอ๋องแกที่บ้าน เพราะก่อนหน้านี้ผมเองก็ได้รักษาลุงสาย แก้วสว่างมาจนท่านลาลับโลกไปเมื่อปีพ.ศ.2542 เรื่องนี้ใครๆที่เคยแวะเวียนมาหาก็คงรู้จักกับผมดี เรื่องนี้ไม่ขอปิดกั้นใดๆ
นายอ๋องได้ล้มป่วยลงอาจที่คงจะไม่มีใครอยากไปเหลียวแล เพราะอะไรไม่ขอเอ่ยดีกว่าเพราะมันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดี ผมก็ได้ฉีดยาเพื่อให้บรรเทาจากอาการปวดที่ทนทุกข์ทรมาณอยู่เป็นเดือนๆ จนมีอยู่วันหนึ่งแกก็เอ่ยทักกับผมว่า" ไอ้หมอยอดมึงไปตามไอ้จื้อให้หน่อยซิ กูอยากจะเจอมันมาก" ผมก็บอว่าจื้อเขาอยู่กรุงเทพฯนะคงนานเหมือนกันกว่าจะลง แกก็กำชับผมให้ได้ว่าต้องไปตาม กูขอร้องนะ จากนั้นผมก็ได้โทรบอกกับจื้อว่าถ้าลงระยองมาเยียมนายอ๋องด้วย แกป่วยมากถามหาอยู่ แต่จื้อก็บอกบ่ายเบี่ยงตลอดไม่กล้าไป ผมก็ไม่รู้จะทำงัยก็บอกนายอ๋องว่า จื้อแกไม่ว่างเดี๋ยวถ้ามาจะบอกให้ แต่เชื่อไหมครับทุกท่านนายอ๋องแกก็ทนอยู่ได้นานอีกหลายวันจนจื้อได้เดินทางกลับมาบ้านที่ตลาดเก่า เมื่อจื้อมาถึงบ้านผมก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซด์ไปรับแกที่บ้านโดยทันที แต่พอไปถึงบ้านจื้อกลับบอกกับผมว่าเฮ้ยกูไม่กล้าไปว่ะ กูอโหสิกรรมให้นายอ๋องที่บ้านก็แล้วกัน ไม่ขอติดใจอะไรกันเรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ผมก็ทนคำรบเร้าของนายอ๋องหลายครั้งไม่ได้ว่าทำไมต้องอยากเจอกัน
เมื่อจื้อไม่กล้าไปเพราะไม่อยากเห็นสภาพนายอ๋องที่แกป่วยเป็นโรคร้ายแต่เป็นคำขอร้องจากนายอ๋อง ผมบอกไปเหอะนะจื้อ เขาอยากเจอและอยากจะคุยอะไรด้วย ถ้าการอโหสิกรรมแล้วมันไม่เห็นหน้าต่อกันมันคงไม่สนิทใจกันแน่ เมื่อจื้อยังกล้าๆกลัวๆเห็นยังชักช้าดังนั้นผมไม่รอช้าจึงเลยช้อนตัวดึงมือแกรีบลงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ แล้วรีบบึ่งไปหานายอ๋องโดยทันที (เรื่องนี้ถามอ.เพียรวิทย์(จื้อ)ได้เลย) เมื่อไปถึงบ้านนายอ๋องที่นอนด้วยสภาพที่อิดโรย แต่เมื่อนายอ๋องได้เห็นหน้าจื้อก็ได้ค่อยๆนั่งแล้วลงไหว้ ซึ่งมันเป็นเรื่องราวในอดึตต่อกัน จากนั้นจื้อก็ได้บอกนายอ๋องว่า กูอโหสิกรรมให้เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมานะอย่าได้จองเวรกัน จากนั้นนายอ๋องก็ได้ยกมือและยิ้มตอบรับ ซึ่งเป็นอันเสร็จสิ้นกัน ตอนนั้นผมเองก็เป็นพยานอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
หลังจากนั้นไม่นานอีก2วันนายอ๋องก็ได้เสียชีวิตลงหลังจากที่ได้อโหสิกรรมกันไปไม่นานเลย จากที่ทนรอมาหลายวัน เหตุการณ์นี้เหมือนกับนายอ๋องรออะไรบางอย่างที่คงค้างคาใจกันมานาน เหมือนถ้าตายก็คงตายกันอย่างตาไม่หลับ เหตุการณ์นั้นถือเป็นการปิดตำนานคนสร้างพระขุนแผนที่เลื่องลือกันไป ถือเป็นอาถรรพ์อย่างยิ่งกับการกระทำที่ถูกบิดเบือนและการหาผลประโยชน์อย่างรู้คุณ กรรมนั้นย่อมเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์จริงๆ คงไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะเหนือกรรมลงไปได้


ภาพถ่ายระหว่าง อ.แก้วสว่าง กับ อ.เพียรวิทย์

 

อ.แก้วสว่าง ตามที่อ.เพียรวิทย์เขียนนั้นเป็นเรื่องจริงของการทำพระขุนแผนที่เก๊กันมานานจนเป็นแท้ แต่ทุกวันนี้เราอาจจะพูดไปกันยากเพราะวงการยอมรับไปแล้ว ถ้าจะถกเถียงกันไปก็คงไม่รู้จบ เพราะเป็นการซื้อขาย เมื่อก่อนนี้นายอ๋องก็เคยชี้ให้ผมดูตัวอย่างที่แกเคยทำไว้ว่าเล่นกันแบบใด ทำกันรูปแบบไหน แล้วเล่นกับใครกันบ้าง คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ความจริง ถ้าจะมีก็อาจจะรู้เพียงแค่การเล่าต่อกันไปแล้วไปขยายความต่อสุดท้ายมันก็เพียงสันนิษฐานกันไปเท่านั้น เมื่อก่อนนี้มีการโจมตีกันเรื่องพระขุนแผนมาคงน่าจะ20กว่าปีมาแล้ว ครั้งหนึ่งลุงสายเคยเอาพระขุนแผนของเก๊ๆที่ทำมาจากหลายที่มาให้ผมดู ลุงสายบอกนี่เป็นของที่เขาทำมาขายกันมาจากหลายคนที่ร่วมสร้างความฝันอันบิดเบือน เดี๋ยวนี้เขาเอาไปเล่นซื้อขายกันแค่ค่ากับข้าวเขาก็เอาอย่าไปคิดอะำรกันมาก ถ้าเรามาลองคิดกันในแง่ดีๆคนที่ใครต้องยอมรับเรื่องพระขุนแผนคงไม่พ้นที่ต้องให้ลุงสายมายอมรับแน่นอน เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นคนเดียวที่เป็นผู้ดำเนินการการสร้างพระเครื่องของวัดโดยเฉพาะพิมพ์ขุนแผน " พระขุนแผนเล่นจริงไปก็ปวดหัว เล่นเก๊สบายใจกว่าเยอะใครจะคิดอย่างไรก็เรื่องของมัน " เป็นคำพูดของนายอ๋องที่เคยกล่าวไว้นานพอควรเหมือนกัน "รับรองได้เล่นแบบนี้ไม่มีใครมากล้าด่า ไม่มีใครว่าไม่มีใครสามารถแยกแยะได้เลย คนรู้ๆก็ต้องหงายหลัง เอาเถอะน่าวงการใหญ่ต้องยอมรับของกูได้" และแล้วก็เป็นจริง เมื่อหนทางจริงก็สามารถวิ่งสวนทางกันจนได้ เมื่อของที่นายอ๋องทำกลับกลายเป็นของจริงตามที่อ.เพียรวิทย์บอก จนเรื่องนี้มันถึงได้จบกันไม่ลง

 

แล้วขุนแผนที่เล่นกันหลายหมื่นทุกวันนี้ละครับยุคใหนครับขอความรู้ครับ?
อ.แก้วสว่าง ขุนแผนที่เล่นในส่วนลึกนั้นมีหลายรูปแบบทั้งที่ทำให้ของเก๊เป็นของจริง และในอีกส่วนหนึ่งของข้อมูลก็ทำให้จริงเป็นของเก๊หรือของไม่มีที่มาของการเล่นหาได้เหมือนกันคือการแบ่งแยกบล็อกอันเป็นที่มาของการซื้อขายขึ้นมา เรื่องนี้มันจึงเป็นส่วนลึกลงไปที่น้อยคนมากที่จะรู้เรื่องราวความชัดเจน
สมัยที่หลวงปู่ทิมท่านยังดำรงขันธ์กับการสร้างพระขุนแผนของทางวัดนั้น ไม่ว่าจะคนที่สร้างหรือคนที่อยู่ที่วัดไม่เคยมีใครเรียกกำหนดพิมพ์เลยว่ามีบล็อกนั้นบล็อกนี้กัน มีแต่การตกแต่งแม่พิมพ์กันขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ เรื่องนี้ถือว่าขัดแย้งต่อวงการแน่นอนที่ได้กำหนดข้อมูลขึ้นมาจึงทำให้ดูสับสนและดูเป็นความขัดแย้งความจริงไป แต่จะทำยังงัยกันได้เมื่อเสียงส่วนใหญ่ดังกว่าย่อมชนะไป เสียงส่วนน้อยจึงต้องเงียบลง จึงทำให้เรื่องราวนั้นดูเป็นเรื่องจริงเลยสามารถยอมรับได้ในวงการแต่มันขัดอยู่อย่างเดียวคือเหตุผลที่เป็นจริงหรือความจริงแท้เท่านั้น เพราะคนที่สามารถเล่าเหตุการณ์สร้างขุนแผนอย่างถูกต้องได้ก็ต้องเป็นที่อยู่ในวัดจริง ซึ่งจะเป็นใครกันบ้างนั้นคงจะเหลือไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้คือการยอมรับและการเข้าใจอย่างถูกต้อง
จะเห็นว่าผมได้เคยเอาพระขุนแผนองค์ในตำนานจากบุคคลที่เชื่อถือได้มาลงศึกษาเป็นความรู้กัน ผลปรากฎว่าไม่สามารถตีเข้ากับบล็อกไหนเลยของวงการ เรื่องนี้ผมจึงให้ทุกท่านศึกษาความเข้าใจและพิจารณาแยกแยะกันเอง บางเรื่องไม่ขอเอ่ยมากเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์การซื้อขายกันมาก่อน
การสร้างพระขุนแผนในวัดใครสร้างจริงย่อมทราบดีที่เป็นการกล่าวขานและในทางกลับกันในมุมความรู้ขบวนการสร้างเก๊ออมาขายก็ย่อมเป็นการกล่าวขานกันอีกเช่นกัน และที่ไม่มีใครแยกแยะได้คือแบบครั้งในการทำเก๊แต่ละหนนั้นย่อมไม่มีใครทราบแน่นอนยกเว้นคนที่เคยขายในยุคสมัยก่อนย้อนไปกว่า30ปีที่แล้วคงจะรู้ดีกัน ขุนแผนเก๊ที่ทำออกมานั้นมีหลายพิมพ์มาก จนทุกวันนี้กลายเป็นของแท้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซียนระยองในยุคนั้นเขาเข้าใจกันมานาน
ทุกวันนี้มีการทำขุนแผนออกมามากมายหลากหลายฝีมือกันเพื่อทำให้เสมือนของเก๊ในยุคเก่าที่เล่นหา ทำกันจนเปื้อนเปอะกันไปหมด เพราะยุคสมัยนี้มันทำกันง่ายด้วยวิวัฒนาการจากความคิดของคนที่เล็งเห็นแต่ผลประโยชน์การซื้อขาย แต่เชื่อกันไหมครับพระขุนแผนของหลวงปู่ทิม อิสริโกมันอาถรรพ์มากกับคนที่ทำเก๊และคนที่หลอกลวง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมที่เกิดจากการกระทำด้วยจิตแห่งความอกุศลกัน

 

อ.แก้วสว่าง "ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายเกิดมาได้พบกับสิ่งทั้งหลาย ซึ่งก็หมายความถึงทุกสิ่งด้วย ทุกสิ่งที่เกิดมีอยู่ เป็นไปอยู่ ทุกสิ่งที่ว่านี้มันก็คือธรรม ชีวิตจึงอยู่กับทุกสิ่งตลอดเวลา การรู้อยุ่กับทุกสิ่ง ก็เรียกว่า รู้ธรรม ธรรมที่มันเป็นธรรมดา....ธรรมคือทุกสิ่ง เราอยู่กับทุกสิ่ง จึงต้องรู้ธรรม"
จะเห็นว่าคนเรานั้นผูกพันธ์ยึดมั่นในความเชื่อเรื่องพระเครื่องกันมายาวนาน การแขวนพระนั้นก็เพื่อที่จะเตือนสติให้คนเรานั้นกระทำความดี จะได้ไม่ไปพลั้งเผลอทำในสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายใดๆ ซึ่งเมื่อได้ห้อยพระเครื่องตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการตามความเชื่อกันแล้ว โบราณเรานั้นจะถือกันว่าเป็นการห้อยพระเป็นโดยที่มีพุทธคุณหรือพุทธานุภาพเป็นการบ่งบอกอย่างเชื่อมั่นได้และในอีกด้านหนึ่งนั้นนอกจากวัตถุประสงค์หลักดังกล่าวแล้ว พระเครื่องก็ยังเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจและคอยยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจให้ยึดมั่นกันอีกด้วย เราจะเห็นว่าพระเครื่องในพิมพ์หรือปางต่างๆที่เห็นกันนั้นยังแฝงนัยแห่งความเชื่อตามหลากหลายพิมพ์ซึ่งมีทั้งพิมพ์นั่งสมาธิ พิมพ์ปางมารวิชัย พิมพ์ลีลา หรือพิมพ์พระนอน เป็นต้นฯลฯ ซึ่งแต่ละพิมพ์นั้นอาจมีความหมายตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงแสดงอากัปกิริยาต่างๆไว้แต่หลักการที่สำคัญคงหนีไม่พ้นหลักของกรรม และ การมีสติระลึกเสมอว่า เรามีพระนำหน้าอยู่ทีคอที่หน้าอก จะไปทำชั่ว ก็ควรละอายกับพระที่แขวนบ้าง ถ้าทำได้แบบนี้พระก็ศักดิ์สิทธิ์ คนก็ขลังครับ ก็เปรียบเสมือนกับเหล่าต้นไม้ต่างๆนั้นมันจะขึ้นได้ต้องมีดิน มีปุ๋ย พระเครื่องจะสถิตอยู่ได้ต้องอยู่กับคนดี คนไม่ดีก็เหมือนหิน เหมือนปูน เอาเมล็ดพืชวิเศษแค่ไหนไปเพาะไปปลูกก็คงโตเป็นต้นไม้ไม่ได้ ก่อนจะห้อยพระเครื่องเพื่อขอพลานุภาพที่ดีอย่างเชื่อมั่นนั้นตัวเราเองต้องมีใจและกายให้บริสุทธิ์พร้อมด้วย ก่อนที่จะรองรับกับสิ่งเป็นมงคลนั้นไปด้วย.....
คงตอบโจทย์ได้แล้วว่าเราแขวนพระไว้ทำใม และความศักดิ์สิทธิ์มันอยู่ตรงไหน ฉะนั้นเราคววรหมั่นทำบุญทำทานเพื่อระลึกถึงคุณพระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสงฆ์ เพื่ออานิสงฆ์ผลบุญแก่ตัวเอง เพื่อให้ตนเองบริสุทธิ์ทางกายวาจาใจ ทานที่ให้หรือบุญที่จะทำจะได้มีผลมีอานิสงส์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งในการทำบุญด้วยจิตศรัทธาที่แท้จริงจึงได้ประสบผลบุญตามปรารถนาตลอดมาสังคมนั้นจะมีแต่ ความสงบสุขอย่างแท้จริง สังคมจะอยู่ด้วยความรักความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และเป็นมิตรกันได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนาได้ ดังนั้นการใช้พระให้เกิดผลที่ดีเพื่อให้ได้อานิสงฆ์ที่มากหลายและความสุขเจริญในชีวิตนั้นเราควรทำบุญทำทานรักษาศีลด้วยจิตศรัทธาอย่างแท้จริงและเชื่อมั่นได้ก็จะเกิดผลประโยชน์ที่ดีและสำเร็จดั่งปรารถนาทุกประการได้ การที่จะประสบกับอานุภาพใดๆหรือประสบการณ์อย่างเชื่อมั่นนั้นอยู่ที่การพึ่งตนเองก่อนแล้วถึงจะค่อยที่จะพึ่งบารมีของอำนาจคุณในการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จใดๆเหมือนดั่งกับคำสอนของสมเด็จโตที่ท่านได้เทศนาไว้ว่า
"ลูกเอ๋ย... ก่อนที่จะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด
เจ้าจะต้องมีทุนของตนเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน
เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีของคนอื่นมาช่วย
มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด
เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมเขามาจนล้นตัว
เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา
ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว
แล้วเจ้าจะไม่มีอะไรไว้ในภพหน้า
หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง
จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."
....."อัตตาหิ อัตตโนนาโถ-ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน".....
สิ่งสำคัญอยู่ที่ศรัทธาที่ออกมาจากใจโดยแท้เพราะ มนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาบนโลกนี้ ต่างก็มีกรรมเก่าที่ติดมาจากภพชาติก่อนๆ ในชีวิตที่มาเกิดใหม่นี้ เป็นโอกาสและทางเลือก ที่เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไร จะปล่อยไปตามเวรตามกรรมหรือจะเกิดมาเพื่อสร้างสมบารมี สร้างสมบุญกุศล อันนี้ก็สุดแล้วแต่เราจะเลือกเอาเอง
แต่....จำไว้เสมอว่า ทุกสิ่งที่เราคิด ทุกสิ่งที่เราพูด หรือ ทุกสิ่งที่เรากระทำไปนั้น นั่น คือ....." กรรม "

 

บทพิสูจน์ของประโยคที่ว่าของดีไม่จำเป็นต้องสวยก็ท๊อปชาร์จได้เช่นกันครับ

 

อ.แก้วสว่าง พระขุนแผนหลวงปู่ทิมนั้นมีการสร้างที่ค่อนข้างไม่เป็นมาตราฐานในแบบยุคแรกๆโดยการลองสูตรลองพิมพ์สร้างเพื่อให้มีความเป็นมาตราฐานการใช้ได้หรือความเป็นรูปแบบ ซึ่งจะเห็นว่าแทบจะไม่มีความสวยเอาซะเลยกับการสร้างในแบบกดมือหรือการกดด้วยหีบไม้ แต่ถ้าเรามองกันดีๆจะสวยในแบบความเป็นธรรมชาติตามยุคสมัยกัน
การสร้างในแต่ละยุคนั้นการพัฒนาในรูปแบบการผสมด้วยเนื้อหาการทำและการกดพิมพ์ที่ต้องใช้ความเคยชินนั้นถือเป็นแบบความถูกต้องของเหตุผลดังกล่าว ซึ่งการเรียนรู้ในจุดสำคัญนั้นก็อยู่ที่ความคิดของแต่ละท่านในการพิจารณากัน เพราะพระขุนแผนนั้นลือเลื่องในเรื่องเสน่ห์และเมตตามหานิยม ความนิยมชมชอบจึงเกิดขึ้นมาภายหลังจากชื่อเสียงของหลวงปู่ทิมนั้นขจรไกลด้วยบารมีอันแน่แท้และยั่งยืน
การสร้างพระเครื่องเรื่องขุนแผนถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆกับการมองความเป็นรูปแบบของผลประโยชน์ ทุกสิ่งนั้นคือความจริงที่ไม่มีการหลีกพ้น ถึงแม้ความผันแปรจะบังเกิด แต่อย่างหนึ่งที่หลีกพ้นไม่ได้นั้นคือ เหตุผล ทุกสิ่งอย่างต้องมาประเจิดกันด้วยเหตุผล ถ้าขาดความเป็นเหตุผล ทุกสิ่งก็ไม่สามารถก้าวขั้นขึ้นมาได้
วันนี้ขอนำพระขุนแผนเล็กองค์ในตำนาน องค์นี้ถือว่าเนื้อที่หายากยิ่งที่จะขอนำมากล่าวกันเพราะอะไร? เพราะเป็นองค์ตำนานไฟลุกครกอันเป็นเหตุการณ์สร้างที่เกิดขึ้นมาจริงกับการสร้างในยุคที่ชาวบ้านละหารไร่เขาร่ำลือกันอย่างไม่วายเว้นตราบเท่าทุกวันนี้ เป็นพระเนื้อขาวที่เป็นสูตรผสมเฉพาะครั้งในการสร้าง ขุนแผนเล็กองค์นี้ถือว่าสมบูรณ์ด้วยรูปแบบการทำที่ต้องเลือกสรรหรือการคัดกรอง เพราะโดยส่วนใหญ่องค์พระจะดูบิดๆเบี้ยวๆ บางองค์ก็ไม่มีความชัดเจน บางองค์แตกรานก็มี ด้วยรูปแบบเหตุผลที่เป็นธรรมชาติการสร้างของชาวบ้าน ความชัดเจนจึงมองกันอย่างง่ายดาย
สำหรับการสร้างขุนแผนนั้นส่วนใหญ่จะสร้างกันในวัดที่เป็นเนื้อหาในระดับความคิดและการมองเห็นในแบบสู่ยุค เนื้อหาจึงวัดค่าความเป็นมาตราฐานตามแต่ละครั้งกันไป เป็นเหตุผลที่ควรตรึกตรองกัน
ขุนแผนเล็กองค์นี้ มีเซียนใหญ่หลายท่านต่างๆก็มาบุกให้ราคากันถึงสองแสนห้า เจ้าของก็ยังดูเฉยๆคงเพราะหากันยากและถือเป็นองค์ครูได้เลยกับการศึกษาในเรื่องพระขุนแผนกับครั้งหนึ่งในตำนานการสร้างที่เป็นการเล่าขานอย่างถูกต้อง
(ขอบคุณเจ้าขององค์พระ...คุณภาสพิชญ์)

 

กราบสาธุครับ พระแท้ ไม่ได้ทำไว้ขาย

 

อ.แก้วสว่าง เป้าหมายสำคัญคือบทเรียนรู้ เมื่อมีความจริงก็ย่อมต้องมีเหตุผล ทุกวันนี้ความแปรผันมันมากด้วยผลประโยชน์ที่อาจไม่มีความจริงใจ ด้วยข้อมูลที่ยอมรับผิดแบบกันเรื่อยมา เมื่อมีความจริงที่เปิดเผยออกมามันก็คงฉุดไม่อยู่เช่นกัน เพราะความเข้าใจและบทความพิสูจน์กันอย่างถูกต้อง เรื่องนีิแม้บางสิ่งมันอาจจะอยู่ในท่ามกลางความเคลือบแคลงของบุคคลหรือเซียนนอกที่เคยเรียนรู้มาก่อนเช่นกัน โดยการกำหนดรูปแบบวิธี แต่ที่ให้ความชัดเจนไม่ได้คือการอธิบายอย่างถูกต้อง เพราะมีความบิดเบือนในรูปแบบเข้ามา ความจริงจึงได้ถูกกลมกลืนเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง เรื่องนี้จึงเป็นบทความที่ต้องพิจารณาในบทเรียนรู้กันเองต่อไป