สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 13 มีนาคม 2008.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    รอชมของท่านเพชรอยู่ครับ วันนี้นำพระฤาษีไปให้พี่ไฟดูดศึกษาครับ ปรากฎว่าพี่เค้ายกขึ้นส่องปั๊บ หวู๊บไปเลยครับ หุ หุ หุ: bat:
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง: ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    โหะๆๆ เก่าถึงยุคดีครับ ส่วนของผมนี่เป็นคนละพิมพ์ กำลัง charge แบตกล้องอยู่ เสร็จแล้วจะถ่ายให้ชมนะครับ..




    เยี่ยมครับเยี่ยม

    พวกมีเชื้อ(แรง) ครับ ถึงได้มีอยู่ตลอด เหอ ๆ ๆ ๆ ๆ
    (good)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    มีความตั้งใจจะนำพระพิมพ์พระฤาษีวาสุเทพ และพระสุกกทันตฤาษีจำนวน ๖๐ องค์มาให้ทำบุญสมทบเข้า"มูลนิธิพระดาบส"หนึ่งในโครงการขององค์พ่อหลวงของพวกเรา พระฤาษีท่านก็คงจะเมตตามอบพระที่เก่าถึงยุคที่ทันสมัยพระแม่จามเทวีมาให้เป็นกำลังใจมังครับ[/quote]

    โมทนาบุญครับคุณเพชร

    .
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตามสัญญาครับ นำมาให้ชมกัน ๕ องค์ เป็นการแกะมือ เนื่องจากรูปหน้าของพระฤาษีทั้ง ๕ ตนนี้มีความต่างกัน และมีมิติความลึกอยู่ในระดับที่ต่างกัน การถ่ายภาพ close จึงเกิดชัดลึก และชัดตื้น จึงนำมามาให้ชมเพื่อเป็นการศึกษากันทั้ง ๒ มิติ...

    องค์ที่ ๑ ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010421.jpg
      P1010421.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.5 KB
      เปิดดู:
      39
    • P1010422.jpg
      P1010422.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.8 KB
      เปิดดู:
      29
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2008
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    องค์ที่ ๒ ...ให้สังเกตความลึกของมิตินะครับ รวมทั้งคราบกรุที่ยังหลงเหลืออยู่ ความมันวาว รวมทั้งผงแร่..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010423.jpg
      P1010423.jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.5 KB
      เปิดดู:
      20
    • P1010424.jpg
      P1010424.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.5 KB
      เปิดดู:
      20
    • P1010425.jpg
      P1010425.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.1 KB
      เปิดดู:
      22
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    องค์ที่ ๓ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010426.jpg
      P1010426.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113 KB
      เปิดดู:
      20
    • P1010427.jpg
      P1010427.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.1 KB
      เปิดดู:
      18
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    องค์ที่ ๔ ... ศึกษาคราบกรุ มิติความลึกตื้นขององค์นี้กันดู และจดจำไว้เพื่อโอกาสในการได้พบเห็นในสนามพระลำพูน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010428.jpg
      P1010428.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.3 KB
      เปิดดู:
      15
    • P1010429.jpg
      P1010429.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.1 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010431.jpg
      P1010431.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.4 KB
      เปิดดู:
      16
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    องค์ที่ ๕ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010433.jpg
      P1010433.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      22
    • P1010434.jpg
      P1010434.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      15
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    องค์ที่ ๑ .. <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    อ่าองค์นี้ ครับ ผมว่าสุดยอด มีแสงสวยงามระยิบระยับเลยครับ(good)
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอนำเรื่องราวของ Trip เจิ้งโจว-ไคฟง-ลั่วหยาง-ซีอาน มา post บนกระทู้นี้ก่อนครับ และหลังจากครบถ้วนแล้ว ก็จะย้ายทั้งหมดไปในหมวดท่องเที่ยว และอาหารการกิน และก็จะกลับมาลบเรื่องราวของการเดินทางนี้ออกในภายหลังเพื่อไม่ให้เปลืองทรัพยการของพื้นที่เวปพลังจิต และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในหมวดการท่องเที่ยว และไม่สามารถจะ post ภายในวันสองวันหมด เพราะรายละเอียดเยอะมากครับ

    ความรู้อันมากมายของจีนนี้มากมายมหาศาลจริงๆ จดจำได้ไม่หมด อีกทั้งแต่ละสถานที่ก็ใหญ่โต มหึมา และเราคงจะไม่ไปพูดวิจารณ์ในเรื่องการปกครอง การเมืองของเขา การเดินทางไปจีนเที่ยวนี้ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์เห็นในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น เมื่อได้พบได้เห็นแล้ว ก็เก็บบันทึกไว้ในความทรงจำ และบันทึกบอกเล่าสิ่งที่พบสิ่งที่เห็น เมืองจีนไม่ล้าหลัง อีก ๓-๕ ปีข้างหน้านี้ หากบ้านเราไม่ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ไม่สร้างคน ไม่มีการวางแผนแบบเป็นระบบ เห็นทีเราจะห่างไกลจากประเทศจีนเป็นแน่แท้ เที่ยวนี้ผมพยายามเก็บ และนำวิธีคิดมาบอกกล่าวกับเพื่อนๆว่าทางจีนที่ได้ชื่อว่าประเทศมหาอำนาจคิดอย่างไร แม้มหาอำนาจอย่างอเมริกายังต้องคิดแล้วคิดอีกหากจะดำเนินการอะไรลงไป เพราะกระทบต่อภาพรวมอย่างแน่นอน

    การเดินทางเที่ยวนี้เริ่มที่เมืองเจิ้งโจว เนื่องจากได้เพิ่มการเดินทางไปกราบสักการะสุสานของต้นตระกูลไว้ด้วย ก็ได้นำสภาพบ้านเมืองทั่วไปของเมืองเจิ้งโจวจากข้อมูลในวิกีพีเดียมาเสริมในบางส่วนเพื่อให้เพื่อนๆที่ร่วมชมกันนี้ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆเล็กน้อย และให้เห็นภาพรวม..

    เจิ้งโจว

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content --><TABLE style="FLOAT: right"><TBODY><TR><TD>
    [FONT=lucida grande, sans-serif]<TABLE style="BORDER-RIGHT: #ccd2d9 1px solid; PADDING-RIGHT: 0.5em; BORDER-TOP: #ccd2d9 1px solid; PADDING-LEFT: 0.5em; BACKGROUND: #f9f9f9; PADDING-BOTTOM: 0.5em; BORDER-LEFT: #ccd2d9 1px solid; WIDTH: 290px; PADDING-TOP: 0.5em; BORDER-BOTTOM: #ccd2d9 1px solid; TEXT-ALIGN: center" cellSpacing=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-TOP: darkred 1px solid; BACKGROUND: #ee2e28" colSpan=2><TABLE style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%"><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 4px; PADDING-LEFT: 4px; FONT-SIZE: 135%; BACKGROUND: #ee2e28; PADDING-BOTTOM: 4px; PADDING-TOP: 4px" align=left width="100%"><CENTER>เจิ้งโจว</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD style="PADDING-LEFT: 42px; BACKGROUND: #ff6347; COLOR: white" align=left colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP: darkred 1px solid; BACKGROUND: #eaeaea" colSpan=2>ชื่อเรียก</TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE style="TABLE-LAYOUT: auto; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 100%; BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; BORDER-COLLAPSE: collapse; TEXT-ALIGN: left" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ภาษาไทย</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">เจิ้งโจว</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ภาษาจีน</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left"></TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- อักษรจีนตัวย่อ</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">郑州市</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- อักษรจีนตัวเต็ม</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">鄭州市</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- พินอิน</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">Zh&egrave;ngzhōu Sh&igrave;</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">อักษรโรมัน</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">Zhengzhou</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP: darkred 1px solid; BACKGROUND: #eaeaea" align=middle colSpan=2>ข้อมูลทั่วไป</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ที่ตั้ง</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">มณฑลเหอหนาน</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ปีสถาปนา</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left"></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ประเภทเขตปกครอง</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">เมืองระดับจังหวัด</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">เลขาฯเขตปกครอง แห่งCPC</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">หัน Zhiran (韩志然)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ผู้ว่าการ</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">Tang Aijun (汤爱军)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">พื้นที่</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">7,446.2 ตร. กม.</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- ความสูงที่ตั้ง</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">150 เมตร (488 ฟุต)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">ประชากร</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left"><SMALL>(ข้อมูลปี พ.ศ. 2549) </SMALL></TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- เขตเมือง</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">3,200,000</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- ปริมณฑล</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">7,500,000</TD></TR><TR><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">- ต่อหัว</TD><TD style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0px; TEXT-ALIGN: left">23,305</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">จำนวนเมือง/อำเภอ</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">12</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">เว็บไซต์</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 1em; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0.4em; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 0.4em; TEXT-ALIGN: left">http://www.harbin.gov.cn/</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[/FONT]​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



































































    ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ซาง ตั้ง Aodu หรือ Bodu ใน เจิ้งโจว ส่วนชื่อ เจิ้งโจว นั้นมีมาตั้งแต่ราชวงศ์สุยแต่ตั้งให้กับอีกเมืองหนึ่ง ถึงสมัยราชวงศ์ถังจึงมีการย้ายเมืองเจิ้งโจวมายังสถานที่ตั้งปัจจุบัน

    [แก้] การเกษตร

    เจิ้งโจวมี ผลิตภัณฑ์หลัก เช่น แอปเปิล ยาสูบ ข้าวโพด ฝ้าย และข้าวสาลี นอกจากนี้ เจิ้งโจวยังผลิตปลาไนแม่น้ำเหลือง แตงโม

    [แก้] อุตสาหกรรม

    เจิ้งโจว คือหนึ่งในเมืองแห่งอุตสาหกรรมหลักในจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2492 อุตสาหกรรมหลักของเมืองคือสิ่งทอ ผลิตผลอื่นๆของเมืองได้แก่ รถแทรกเตอร์ หัวรถจักร บุหรี่ ปุ๋ย เนื้อสัตว์ที่ผ่านกรรมวิธี เครื่องจักรกลทางการเกษตร และอุปกรณ์ไฟฟ้า
    http://th.wikipedia.org/wiki/เจิ้งโจว

    การเดินทางไปเมืองเจิ้งโจวนี้จะต้องไปลงที่กวางเจาก่อน หากดูจากแผนที่แล้ว จะเห็นว่าเจิ้งโจวเป็นจุดศูนย์กลางของประเทศ ไม่ว่าจะเดินทางจากเหนือไปใต้ หรือจากตะวันออกไปตะวันตก จะต้องผ่านเมืองเจิ้งโจว ขึ้นกับมณฑลเหอหนาน(บ้างเรียกเหอหนัน อยู่ที่การออกเสียง) กว่าทีจะถึงเมืองเจิ้งโจวก็เวลา ๕ โมงเย็นเศษๆแล้ว ระหว่างทางผมก็ตื่นตาตื่นใจกับความกว้างใหญ่ไพศาลของแผ่นดินจีน เก็บภาพเมืองเจิ้งโจวมาได้บ้างในระหว่างทาง จะพบการก่อสร้างอยู่ประปราย เสาที่โฆษณาสินค้าก็ใหญ่ไม่ใช่ย่อยครับ รถราในเมืองก็มากมาย ผังเมืองก็จัดวางได้ดีมาก อันนี้จะมาไขความลับกันในภายหลังว่า ทำไมเมืองจีนจึงมีผังเมืองที่สวยงาม ใหญ่โต เป็นระเบียบ ง่ายต่อการดำเนินงานของภาครัฐ ฟุตบาททางเท้าคนเดินจากเขตบ้าน สำนักงาน จนสุดขอบถนน เท่าที่กะคร่าวด้วยสายตาน่าจะไม่น้อยกว่า ๕ เมตร

    เมืองเจิ้งโจวนี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเหลืองตอนปลายของที่ราบจีนเหนือ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง มีพื้นที่สีเขียว และสวนสาธารณะมากมาย เขตเมืองเก่านี้มีถนนสายเล็กสายน้อย และร่องรอยของกำแพงเมืองโบราณที่น่าสนใจศึกษา เจิ้งโจวเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของทางการจีน สรุปความแล้วมีความน่าอยู่อาศัยมากครับ ต้นไม้ของเมืองนี้แต่ละต้นใหญ่โตมาก และปลูกอยู่ในเมืองทั้ง ๒ ข้างทาง ร่มรื่นมาก ไฟสัญญาณบนสะพานรถข้ามให้แสงสีที่สวยงามมาก อีกทั้งสถานที่ต่างๆก็ประดับไฟราวกับมีเทศกาลเฉลิมฉลอง...

    อาหารการกินในโรงแรมที่รับรองนั้นไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไหร่ อีกทั้งการเดินทางกับหมู่คณะจำนวนมาก จึงมีความไม่สะดวกในการถ่ายภาพอาหารการกินมาให้ชมกันว่า เขาทานอะไร และหน้าตาอาหารเป็นยังไง เพราะเมื่อทางพนักงานเสริฟวางจานอาหารเมื่อใด ชาวจีนที่เดินทางไปด้วยกันก็จะลงมือจิ้ม คีบ ตักกันทันที ก็เป็นธรรมเนียมของคนจีนกระมังครับที่ต้องว่องไว ผมถ่ายภาพอาหารมาให้ชมกันได้เพียงภาพเดียวในรายการท่องเที่ยว Trip นี้...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันที่ ๒ ของการเดินทางนี้ผมได้ไปร่วมพิธีสักการะดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูล...ยังสุสานเมืองเจิ้งโจว ทางรัฐบาลท้องถิ่นเมืองเว่ยฮุยให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ลองชมดูบรรยากาศกันนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010023.jpg
      P1010023.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.4 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010024.jpg
      P1010024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      219.3 KB
      เปิดดู:
      11
    • P1010025.jpg
      P1010025.jpg
      ขนาดไฟล์:
      210 KB
      เปิดดู:
      16
    • P1010026.jpg
      P1010026.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204 KB
      เปิดดู:
      12
    • P1010027.jpg
      P1010027.jpg
      ขนาดไฟล์:
      296.6 KB
      เปิดดู:
      16
    • P1010030.jpg
      P1010030.jpg
      ขนาดไฟล์:
      328.1 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010031.jpg
      P1010031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      356.4 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010032.jpg
      P1010032.jpg
      ขนาดไฟล์:
      290.1 KB
      เปิดดู:
      9
    • P1010033.jpg
      P1010033.jpg
      ขนาดไฟล์:
      335.5 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010034.jpg
      P1010034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      364.1 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010036.jpg
      P1010036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      285.3 KB
      เปิดดู:
      11
    • P1010039.jpg
      P1010039.jpg
      ขนาดไฟล์:
      298.1 KB
      เปิดดู:
      13
    • P1010040.jpg
      P1010040.jpg
      ขนาดไฟล์:
      340.5 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010041.jpg
      P1010041.jpg
      ขนาดไฟล์:
      416 KB
      เปิดดู:
      13
    • P1010047.jpg
      P1010047.jpg
      ขนาดไฟล์:
      356.9 KB
      เปิดดู:
      12
    • P1010048.jpg
      P1010048.jpg
      ขนาดไฟล์:
      343.9 KB
      เปิดดู:
      9
    • P1010049.jpg
      P1010049.jpg
      ขนาดไฟล์:
      388.6 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010051.jpg
      P1010051.jpg
      ขนาดไฟล์:
      643.9 KB
      เปิดดู:
      11
    • P1010053.jpg
      P1010053.jpg
      ขนาดไฟล์:
      406 KB
      เปิดดู:
      12
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่านแล้วนึกถึงตอนที่ผมทำงานที่่ต่างจังหวัด เจ้านายพาไปเลี้ยงทั้งหมด นั่งกัน 3 โต๊ะ โต๊ะที่ผมนั่งเป็นนักเขมือบทั้งนั้น (ผมพึ่งมารู้ทีหลัง) เวลาที่สั่งอาหารมา เช่น ปูอัด ผมหันหลังไปขอตะเกียบกับพนักงาน พอหันกลับมาเหลืออยู่ 2 ชิ้น ผมเลยไม่รอตะเกียบแล้ว ใช้ซ่อมดีกว่า ถ้ารอ อดแน่นอน หมึกไข่นึ่งมะนาว โต๊ะือื่นทานกันสอง-สามชิ้น แต่โต๊ะผมหมดแล้ว

    คุณเพชรต้องหัดทานของร้อนๆ เร็วๆให้บ่อยๆนะครับ จะได้ทันคนอื่น อย่าเป็นเหมือนผม ไม่เคยทันใครเลย


    .
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ข้อมูลพื้นฐาน<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่ตั้งและพื้นที่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มณฑลเหอหนานมีที่ตั้งบริเวณตอนกลางส่วนล่างของแม่น้ำเหลือง เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณแม่น้ำเหลืองตอนล่างจึงได้รับการขนานนามว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010053.jpg
      P1010053.jpg
      ขนาดไฟล์:
      406 KB
      เปิดดู:
      11
    • P1010054.jpg
      P1010054.jpg
      ขนาดไฟล์:
      723.3 KB
      เปิดดู:
      14
    • P1010064.jpg
      P1010064.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316.1 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010066.jpg
      P1010066.jpg
      ขนาดไฟล์:
      473.1 KB
      เปิดดู:
      12
    • P1010067.jpg
      P1010067.jpg
      ขนาดไฟล์:
      525 KB
      เปิดดู:
      22
    • P1010068.jpg
      P1010068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      508.1 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010071.jpg
      P1010071.jpg
      ขนาดไฟล์:
      501.3 KB
      เปิดดู:
      10
    • P1010081.jpg
      P1010081.jpg
      ขนาดไฟล์:
      374.7 KB
      เปิดดู:
      13
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    เรื่องอาหารการกินของจีนที่เมืองอื่นๆ ยังไงๆก็สู้ที่เมืองไทยเราแถวเยาวราชไม่ได้ หรือเป็นเพราะเราไม่เคยชินกับอาหารท้องถิ่น แต่หากเป็นที่กว่างโจว หรือที่เราเรียกกันว่ากวางเจานั่นเอง ที่นี่จะถูกปากมากกว่า รสชาดแตกต่างจากที่อื่นมากการประกอบอาหารเขามีศิลปะครับ
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันที่ ๓ เดินทางสู่เมืองไคฟง ก็ยังอยู่ในมณฑลเหอหนาน (มณฑลเดียวก็กินอาณาเขตเท่าประเทศไทยทั้งประเทศไปแล้ว ลองจินตนาการว่ากว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน เมื่อเข้าเมืองกว่างโจว ผมได้ยินไกด์พูดว่าหนูยังไม่เคยเดินทางไปมณฑลนั้นมณฑลนี้เลย เพราะไกลมาก)

    มีคำกล่าวว่า...
    หากจะดูประวัติศาสตร์จีนในรอบ ๓๐ ปีให้ดูที่เซี่ยงไฮ้
    หากจะดูประวัติศาสตร์จีนในรอบ ๓๐๐ ปีให้ดูที่ปักกิ่ง
    หากจะดูประวัติศาสตร์จีนในรอบ ๓,๐๐๐ ปีให้ดูที่แถบซีอาน ลั่วหยาง

    การเดินทางเที่ยวนี้จึงเป็นเหมือนการตามรอยอารยธรรมจีนโบราณเก่าแก่ร่วม ๓,๐๐๐ ปี เดินทางจากตะวันตกไปทางตะวันออก ซีอาน อยู่ทางทิศตะวันออก เป็น trip ที่เดินทางไปเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะเป็นทางราบเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมาก อีก ๒ ปีข้างหน้า ทางการจะมีรถไฟฟ้าวิ่งระหว่างเจิ้งโจว ไปที่ซีอานประมาณการว่าสร้างเสร็จปลายปี ๒๕๕๓ ระยะทาง ๖๐๐ กว่ากิโลเมตร เอาไว้จะเล่าให้ฟังว่าน่าสนใจเพียงใดหากจะเดินทางไปซีอานอีก ๒ ปีข้างหน้าอีกครั้ง

    เมืองไคฟง มณฑลเหอหนาน ผมเชื่อว่าทุกท่านต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน...
    ไคฟง

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->



    ไคฟง (จีน: 开封, 開封; พินอิน: Kāifēng) เป็นเมืองในมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำฮวงโห (หรือแม่น้ำเหลือง) ไคฟงเป็นหนึ่งในเมืองหลวงเก่าของจีน
    ไคฟง เป็นเมืองที่ใต้เท้าเปาบุ้นจิ้น ในรัชสมัยฮ่องเต้เหยินจง แห่งราชวงศ์ซ่ง ซึ่งได้ทำการพิพากษาและเป็นเจ้าเมือง

    ท่านเปาบุ้นจิ้นเป็นเจ้าเมืองนานกว่าเจ้าเมืองท่านอื่นๆเท่าที่เคยมีเจ้าเมืองมา ตามกฎระเบียบมณเฑียรบาล เจ้าเมืองต้องหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปครองเมืองนั้นเมืองนี้ทุกๆ ๓ เดือน แต่ท่านเปาบุ้นจิ้น อยู่ในตำแหน่งเจ้าเมืองไคฟงถึง ๑ ปี ๓ เดือนซึ่งเป็นเวลาที่นานกว่าเจ้าเมืองท่านอื่นๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าฮ่องเต้เหยินจงไว้วางพระทัยท่านเปาบุ้นจิ้นขนาดไหนในการทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ

    ที่ด้านในเมื่อเข้าประตูเมืองแล้ว จะได้พบกับตราเมืองไคฟงอันใหญ่ และป้ายชื่อสีดำของเจ้าเมืองไคฟงตั้งแต่ต้นจนท่านสุดท้าย ไล่ดูชื่อจะพบว่าชื่อของท่านเปาบุ้นจิ้นหายไป!!!...

    ที่ชื่อของท่านหายไป เนื่องจากว่า ท่านไม่ได้ชื่อ"เปาบุ้นจิ้น" แต่ท่านชื่อ"เปาเจริ่น" และเมื่อไกด์จากทั่วสารทิศนำชมมาถึงป้ายชื่อสีดำนี้ จะชี้ และถูไปที่ชื่อท่านเปาเจริ่นทุกครั้ง จนทำให้ตรงชื่อของท่านกลายเป็นร่องหลุมลึกลงไป นี่แหละครับ เมื่อคนดีมีคุณธรรมเมื่อถึงกาลดับขันธ์ ผู้คนก็ยังแซ่ซ้องถึงคุณธรรมความดีนั้นอยู่...

    ไปชมบัลลังก์ศาลจำลองที่สร้างขึ้นมาใหม่!! เนื่องจากกว่าของจริงทั้งเมือง และทุกอย่างอยู่ใต้ดินตรงใต้เท้าของเรา การที่เมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้ดิน เพราะเหตุอุทกภัยจากแม่น้ำฮวงโหในแต่ละปี พื้นที่ของเมืองไคฟงเป็นแอ่งกระทะ จึงเกิดน้ำท่วมทุกปี ทรายจากแม่น้ำก็ทับถมอยู่เรื่อยๆ

    เครื่องประหารรูปหัวมังกร หัวเสือ หัวสุนัขนั้นเอาไว้ประหารบุคคลต่างระดับชั้นที่กระทำความผิด ซ้ายขวาของบัลลังก์มีกระบี่อาญาสิทธิ์ที่ฮ่องเต้ประทานมาให้เป็นองค์แทนพระองค์อยู่ด้วย และอีกด้านเป็นที่วางพระบรมราชโองการขององค์ฮ่องเต้ บนโต๊ะที่ทำการจะติ้วสีดำ สีแดงอยู่ เมื่อออกคำสั่งให้หวังเฉา หม่าฮั่นไปสืบหาข้อมูล หรือติดตามพยานหลักฐานเพิ่มเติมเจ้าเมืองจะดึงไม้ติ้วสีดำ และเมื่อจะประหารชีวิตผู้กระทำความผิดก็จะโยนไม้ติ้วสีแดงลงพื้น แต่ก่อนที่ติ้วสีแดงจะถึงพื้นนั้นใบมีดจะต้องบั่นคอจนขาดแล้ว

    ภาพรูปหล่อโลหะสำริดท่านเปาบุ้นจิ้นนี้ ให้สังเกต"หมวก"ดีๆ เพราะมีเล่าว่าการที่ท่านเปาบุ้นจิ้นทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าผู้ใด ทำให้ขุนนางที่เสียประโยชน์ และไม่สุจริตเกิดการรวมตัวกันเวลาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในทุกเช้าจะยืนล้อมท่านเปาบุ้นจิ้นทำให้ฮ่องเต้ไม่เห็นท่านเปาบุ้นจิ้น หลายๆวันเข้าฮ่องเต้ก็เกิดความสงสัยที่ไม่เห็นท่านเปาบุ้นจิ้นรายงานความเป็นไปของบ้านเมืองที่เปรียบเสมือนต่างพระเนตพระกรรณ จึงเรียกท่านเปาบุ้นจิ้นมาสอบถามเป็นการส่วนพระองค์ จึงทราบความจริง ฮ่องเต้จึงสั่งให้ทำหมวกพระราชทานที่มีปีกหมวกยาว๑ เมตร เมื่อเวลาเสนาบดี อำมาตย์ยืนห้อมล้อมบังท่านเปาบุ้นจิ้นไว้ จึงจะมีโอกาสได้เห็นท่านเปาบุ้นจิ้นรายงาน่าเกิดอะไรขึ้นในแต่ละวัน และออกระเบียบห้ามผู้ใดถูกปีกหมวกของท่านเปาบุ้นจิ้นนี้ หากผู้ใดละเมิดก็จะถูกประหารชีวิตกันเลยทีเดียว

    ส่วนด้านนอกก็จะเป็นลานการแสดงวิทยายุทธ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หากเรามีโอกาสท่องเที่ยวเมืองจีนในช่วงนี้จะเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งถนนหนทาง บ้านช่องที่ถูกทุบทิ้ง แล้วรอการก่อสร้างใหม่ สาเหตุนั้นนั้นก็เกิดจากว่า
    ๑) ที่ดินในเมืองจีนทุกตารางนิ้ว รัฐบาลเป็นเจ้าของ ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครอง(อันนี้ต่างจากเมืองไทย) แต่ท่านสามารถเช่าเป็นเวลานานเท่าใดก็ได้สูงสุดเป็นเวลา ๙๙ ปี

    ๒) หากรัฐบาลมีการตัดถนนหนทางเพื่อการวางผังเมืองที่ดูใหญ่โต ดูสวยงาม ก็จะขอที่ดินนั้นคืน แต่ก็จะชดใช้ค่าเสียหายให้ และบอกกล่าวล่วงหน้านาน ๓ เดือน หากถึงเวลาไม่ย้าย ทางการจะมาย้ายแทน

    ๓) ด้วยเหตุที่เป็นประเทศที่มีพื้นที่มากมายขนาดนี้ แต่ไม่สามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ได้นี้ ก็พอจะเห็วิสัยทัศน์บางอย่าง มีมากแต่หวงแหน ของเรามีน้อยกว่ามากเทียบได้เพียง ๑ มณฑลของจีนได้เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถควบคุมการถือครองในลักษณะของ nominee ได้อันน้น่าเป็นห่วงมาก เมื่อวานได้เห็นภาพข่าวที่นำที่ดินสปก.มาให้พม่าอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมาสร้างที่ทำกิน และแต่ละคนนี่พูดไทยชัดเจนมาก และมีไม่ใช่น้อยนะครับ เป็นพันๆคน บอกได้ว่าน่าเป็นห่วงมาก หากปล่อยปละละเลยกันแบบนี้

    เราก็จะพบเห็นการทุบตึกอาคารนี้ได้โดยทั่วไป อาคารใหม่ที่ขึ้นแทนนี้ล้วนแล้วแต่วิจิตรใหญ่โตตระการตา ไปเห็นมาเที่ยวนี้ต้องยอมรับว่าเปลี่ยนแปลงไปจากความเข้าใจอย่างมาก ซึ่งยังไม่ได้เข้าไปในย่านเมืองใหญ่ เช่นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้เลยด้วยซ้ำไป

    อีก ๒ ปีหากเพื่อนๆท่านใดมีโอกาสจะได้ไปเที่ยวเมืองจีน แนะนำ Trip ซีอานนะครับ สำหรับการเดินทางครั้งแรกจะได้ไม่เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปกับการเดินทาง เพราะเพียงเดินทางจากตะวันตกไปตะวันออก และไม่ต้องขึ้นเขาลงห้วย และทางจีนมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าจากเมืองเจิ้งโจวไปซีอานโดยตรงความเร็ว ๔๓๐ กม.ต่อชั่วโมง ก็จะสะดวกมาก



    เมื่อได้อ่านวรรณกรรม"สามก๊ก" ครั้งที่เกิดการรบพุ่งของ ๓ เหล่า ๓ ก๊กนี้ ขงบ้งฝ่ายเล่าปี่วางแผนการรบไว้คราวที่ให้ท่านกวนอูเป็นด่านสุดท้ายที่ไล่ล่าโจโฉ แล้วปล่อยโจโฉไปนั้น เพื่อหวังผลด้านการทดแทนบุญคุณที่โจโฉเคยมีต่อท่านกวนอู และเป็นการหักความทรนงของกวนอูที่ไม่เห็นขงเบ้งในสายตา และอีกทั้งการปล่อยโจโฉเที่ยวนี้เพราะทัพเล่าปี่เองก็ไม่สามารถจะคุมเหนือใต้ได้หมดด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งเกิดการก่อกบฎแข็งเมืองกันบ่อยมาก การปกครองโดย ๓ ก๊ก ๓ เหล่า ดูแลประเทศจีนในลักษณะนี้จึงเหมาะสมดีแล้ว สมัยนั้นการเคลื่อนที่เร็วที่สุดคือทัพม้า เมื่อมาพิจารณาเรื่องการออกระเบียบการห้ามครองที่ดินนี้จึงน่าจะสมเหตุสมผล อีกทั้งประชากรจีนมีร่วม ๒,๐๐๐ ล้านคน จึงเป็นปัญหามากหากไม่สามารถควบคุมฝูงชนมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ หากให้เกิดระบบที่เป็นประชาธิปไตยที่เกินขอบเขตมากจนเกินไป ทางการจีนไม่สามารถควบคุมได้ การปกครองในระบอบสาธารณรัฐจึงดูมีความเหมาะสม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเรื่องราวของการแบ่งแยกดินแดนเหนือใต้ของเรา ทั้งที่มีพื้นที่น้อยกว่ามากนั้น จึงดูมีความแตกต่างในระบบการจัดการอยู่มาก มีมากแต่ควบคุมได้ มีน้อยกลับควบคุมสถานการณ์ไม่ได้เลย แบบนี้ก็น่าเป็นห่วง และอันตรายอย่างมาก

    เรื่องของระบบรถไฟฟ้านี่ทางจีนเขาคิดแบบนี้ครับ เขาไม่นิยมการซื้อเพียงรถไฟฟ้า เมื่อเกิดปัญหาจะต้องเรียกบริษัทผู้ผลิตมาซ่อมแซมแบบนี้ในระยะยาวจีนจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย จีนเรียก ๒ บริษัทมาพูดคุย คือชินคังเซนของญี่ปุ่น และซีเมนของเยอรมัน สรุปผลว่า จีนเลือกของซีเมน เนื่องจากซีเมนขายให้จีนทั้งระบบทั้งวิธีการก่อสร้าง การซ่อมแซมดูแลรักษา ในระยะยาวจีนจะได้ประโยชน์มาก และอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการสร้างรถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ครับ กล่าวกันว่า เพียงเม็ดเงินที่รัฐบาลจีนจ่ายให้กับทางซีเมนนี้เทียบเท่ากับการที่ประชากรในประเทศเยอรมันสามารถอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องทำกินได้เป็นเวลา ๑ ปีทีเดียวเลย เงินทุนของจีนมากมายขนาดไหนก็ลองพิจารณาเอา...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2008
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันศุกร์ที่ ๖ มิ.ย.-อาทิตย์ที่ ๘ มิ.ย.ผมจะเดินทางไปที่ลำพูน จะไปที่วัดสี่มุมเมือง คือวัดดอนแก้วที่เชียงใหม่ วัดพระคงฤาษี วัดมหาวัน และวัดประตูลี้ และก็จะไปร่วมบุญบูรณะวัดพระแม่จามเทวี และพิพิธภัณฑ์พระธาตุหริภุญไชย(ชัย) รวมทั้งอาจจะได้ไปพบบุคคลท่านหนึ่งที่จะเป็นผู้เปิดเผยเรื่องราวของพระแม่จามเทวี...

    อาจจะได้ภาพสวยๆมาฝากครับ
     
  16. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    โมทนาบุญค่ะ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย่าลืม "ไม้ทองหลางทอง" ด้วยนะครับ

    .
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันที่ ๓ ของการเดินทางยังไม่จบภาคเช้าดีเลย ขอต่อให้จบนะครับ...

    ศาลามังกร คือสถานที่ท่องเที่ยวในจุดต่อไป ฟังชื่อดูแล้ว คำว่า"มังกร" จึงน่าจะเป็นตัวแทนของกษัตริย์ ถูกแล้วครับ ศาลามังกรนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองไคฟงซึ่งก็ยังอยู่ในมณฑลเหอหนาน สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิคังซี แห่งราชวงศ์ชิง

    ลองมาศึกษากันถึงลำดับของราชวงศ์จีนเพื่อความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวจะสนุก และได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นหากเข้าใจที่มาที่ไปด้วยตนเองจะเข้าใจ และซาบซึ้งได้มากกว่าเรื่องราวที่ไกด์บอกเล่า

    ๑. ราชวงศ์เซี่ย(Xia) ประมาณต้นศตวรรษที่ ๒๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ศาลามังกรนี้เป็นจุดชมวิวขององค์จักรพรรดิ เมื่อมองจากบนศาลามังกรจะเห็นถนนแนวเส้นกลางซึ่งเป็นทั้งสะพาน และถนนในตัว ที่คล้ายการแบ่งอาณาบริเวณของแม่น้ำเป็น ๒ ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นฝั่งของตระกูล"พาน" ฝั่งขวามือเป็นฝั่งของตระกูล"หยาง" อันที่จริงเป็นแม่น้ำเส้นเดียวกัน แต่เนื่องด้วยตระกูลหนึ่งเป็นกังฉิน อีกตระกูลเป็นตระกูลตงฉิน เมื่อใช้ความสังเกตดูจะพบว่า แม่น้ำฝั่งซ้ายมือไม่ค่อยจะมีผู้คนออกเรือหาปลากันเนื่องจากผู้คนเกรงว่าเมื่อทานปลาของฝั่งนี้แล้วจะมีสิ่งไม่ดีของความเป็นกังฉินติดเข้ามาในร่างกาย และสายเลือดของพวกเขา ทั้งๆที่เป็นแม่น้ำสายเดียวกัน แต่เป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกบอกกล่าวสืบกันมาหลายชั่วคน...

    จึงนำเรื่องราวของ ๒ ตระกูลที่เคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาให้อ่านกันเพื่อให้เกิดจินตภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าทำไม ๒ ตระกูลจึงเป็น"เกาเหลา"กัน

    ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang's Saga)
    ละครชุดนี้ ถูกสร้างขึ้นในแนวแฟตาซีโบราณ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบวันเกิดของสถานี TVB ในปี 1985 โดยได้รวบรวมดาราดังๆ ทั้งใหม่และเก่า ในขณะนั้นไว้อย่างคับคั่ง เรียกได้ว่าเป็นละครประวัติศาสตร์ของ TVB ที่รวมดาราไว้มากที่สุด และละครชุดนี้ก็เป็น ละครเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ 5 พยัคฆ์ของ TVB ร่วมแสดงครบทีมในละครเรื่องเดียวกัน นักแสดงหลักๆ ประกอบไปด้วย.. ทีม 5 พยัคฆ์ ได้แก่ หวงเย่อหัว ทังเจิ้นเยี่ย เหมียวเฉียวเหว่ย หลิวเต๋อหัว เหลียงเฉาเหว่ย ร่วมด้วย.. เจิงหัวเชี่ยน หลิวเจียหลิง กงฉือเอิน ชิเหม่ยเจิน เซียะหนิง หลี่ฮั่นฉือ โอวหยังเพ่ยซัน อู๋เจิ้นยี่ ซังเทียนเอ๋อ หลี่กั๊วหลิน เหมาซุ่ยหวิน หยางพ่านพ่าน โจวไห่เม่ย หลิวเจ้าหมิง เลี่ยวฉีจื้อ หลิวตัน จวงจิ้งเอ๋อ กัวฟง สี่เส้าสง ฉินหวง เฉินหยงจุ้น หลี่เซียงฉิน ฉินเพ่ย ลั่วอิ้นจิน เถาต้าหวี่ ถังลี่ฉิว
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]นอกจากนี้ ยังมีดารารับเชิญในบทเทพและผู้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้แก่.. โจวเหวินฟะ จางมั่นอี้ หวังหมิงฉวน เจิ้งอี้หลิง วั่นจื่อเหลียง เจ้าหย่าจือ เจิงเจียง เซียะหวี่ อู๋ม่งต๊ะ หวังวิ่นไฉ หลูไห่เผิง และดารารุ่นเก่าๆอีกหลายคนที่จำชื่อไม่ได้ แต่ถ้าเห็นหน้าแล้วจะต้องร้อง "อ๋อ" กันเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่ดาราที่ร่วมแสดงเรื่องนี้จะน่าสนใจ เพลงนำของละครชุดนี้ ก็ได้เสียงร้องของจางกั๋วหยง หรือเลสลี่ จาง มาเป็นผู้ขับร้องให้[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif](เนื้อเรื่องต่อไปนี้ อิงชื่อตัวละครจากเสียงพากย์ของช่อง 3 ทั้งหมด) [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เรื่องเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ้ง ฮ่องเต้ซ้งไท่จู่กำลังประชวรและถูกเจ้าคังยี่ น้องชายของพระองค์ลอบปลงพระชนม์ และสถาปนาตนขึ้นเป็นองค์เต้ ดวงวิญญาณฮ่องเต้ซ้งไท่จู่ขึ้นสู่สวรรค์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ (เจิงเจียง) เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงเห็นว่าการทำลายดวงชะตาชีวิต ถือว่าผิดมติสวรรค์ จึงส่งเจ้าแม่มังกรลงมาจุติในเมืองเหลียวและให้รุกรานเมืองซ้ง สร้างความปั่นป่วนให้เจ้าคังยี่ แต่เนื่องจาก ดวงชะตาของเมืองซ้งยังอยู่ได้อีกหลายร้อยปี จึงส่งเจ้าอินทรีย์ ท่านดาหบุณ (หลูไห่เผิง) และพระศิวะ (เซียะหวี่) ลงไปจุติยังเมืองซ้ง พิชิตเจ้าแม่มังกร และคุ้มครองเมืองซ้ง การจุติของเทพยังโลกมนุษย์ได้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย เมื่อเจ้าอินทรีย์ที่กำลังลงมาจุติยังโลกมนุษย์ ถูกมนุษย์ยิงธนูเข้าใส่ จึงหลบลูกศรไปชนกับเจ้าหนู (หลิวเจ้าหมิง) โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เจ้าหนูโกรธแค้นต้องการจะแก้แค้น แม้เจ้าแม่กวนอิม (เจ้าหยาจือ) มาช่วยเจรจา แต่ก็ไม่เป็นผล เจ้าหนูได้ตามเจ้าอินทรีย์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เรื่องราวต่างๆได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหมู่เทพทั้งหลายโดยเฉพาะในหมู่โป๊ยเซียน เมื่อหลี่ต้งปิน (โจวเหวินฟะ) และฮั่นจงหลี มีความเห็นไม่ตรงกัน รวมทั้งโป๊ยเซียนแต่ละคน (วั่นจื่อเหลียง เจิงอี้หลิง ฯลฯ) ก็มีความเห็นแตกต่างกันไป หลี่ต้งปินเห็นว่าเง็กเซียนทำไม่ถูกที่ส่งเทพลงไปยังโลกมนุษย์ จึงได้ให้เทพารักษ์ไปช่วยเจ้าแม่มังกรพิชิตเมืองซ้ง ซึ่งค้านกับความเห็นของฮั่นจงหลีผู้เป็นอาจารย์ที่มองว่าเง็กเซียนทรงทำถูกต้องแล้ว พระอัศนีย์ (เหลียงเฉาเหว่ย) แอบชวนนางฟ้าผู้ติดตามเจ้าแม่นพเก้า (เจิงหัวเชี่ยน) ลงไปยังโลกมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเมืองซ้ง แต่เจ้าแม่นพเก้า (จางมั่นอี้) มาเห็นและรู้ว่านางฟ้าผู้ติดตามยังมีความสัมพันธ์กับพระอัศนีย์ซึ่งผิดกฎสวรรค์ จึงได้ส่งนางลงมายังโลกมนุษย์เพื่อให้รับรู้ถึงการพลัดพรากจากคนที่รัก [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ที่เมืองซ้ง ทัพตระกูลหยางที่มีหยางเยี่ยเป็นแม่ทัพ และมีลูกชายทั้ง 7 คนเป็นขุนศึก ต่างได้รับความนับถือจากประชาชน ในวันคล้ายวันเกิดของหยางเยี่ย ชาวบ้านต่างพากันมาอวยพรให้หยางเยี่ย ทำให้ตระกูลพานที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหยางมาโดยตลอดไม่พอใจ ลูกๆและสะใภ้ต่างร่วมอวยพรกันอย่างพร้อมหน้า ขาดแต่หยางเหยียนเจาหรือหยางหก (หลิวเต๋อหัว) กับหยางเหยียนฉือหรือหยางเจ็ด (เหลียงเฉาเหว่ย) ที่แอบไปดักจับนกกระเรียน พร้อมกับฮูเหยียนเปอเสี่ยน (เลี่ยวฉีจื้อ) เพื่อนำมาอวยพรให้หยางเยี่ย แต่องค์หญิงไฉ (หลิวเจียหลิง) กลับติดกับดักนั้นแทน ทำให้นางได้พบกับหยางหก ทั้สองต่างรู้สึกพอใจกันตั้งแต่แรกพบ พานหลง (ลั่วอิ้นจิน) บุตรชายคนโตของตระกูลพาน พอใจองค์หญิงไฉจึงขอให้สนมเอก (จวงจิ้งเอ๋อ) ซึ่งเป็นน้องสาวของตนขอให้ฮ่องเต้ยกองค์หญิงไฉให้ แต่เพราะองค์หญิงไม่ชอบพานหลง จึงได้ทูลต่อฮองเฮา (หลี่โหย่วฮุ่ย) และอ๋องแปด (ทังเจิ้นเยี่ย) ว่านางชอบหยางหก จึงได้ขอให้ฮ่องเต้จัดงานเสี่ยงดอกแพร่เลือกคู่ขึ้น [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ในงานเสี่ยงดอกแพร่ หยางหกและพานหลงต่างชิงดอกแพร่ได้กันคนละครึ่ง องค์หญิงไฉจึงใช้วิธีให้ทั้งสองค้นหากำไลมือที่ตกลงไปในทะเลสาบ พานหงว่ายน้ำไม่เป็น จึงใช้วิธีรอให้หยางหกหากำไลเจอแล้วจะแย่งชิงมา ระหว่างที่หยางหกลงไปหากำไลใต้ทะเลสาบ หยางเจ็ดคอยเฝ้าอยู่บนฝั่ง พี่น้องตระกูลพานได้ร่วมกันทำร้ายหยางเจ็ด แต่ตู้จิน (เจิงหัวเชี่ยน ปลอมตัวเป็นชาย) ได้มาช่วยเอาไว้ และทำให้พี่น้องตระกูลพานตกน้ำ หยางหกจึงได้นำกำไลไปคืนให้องค์ไฉและได้แต่งงานกัน ส่วนพี่น้องตระกูลพานได้รับความช่วยเหลือจากเทพารักษ์ที่หลี่ต้งปินส่งมา และแนะให้ตระกูลพานสมคบเมืองเหลียวล้มล้างราชวงศ์ซ้ง ฮ่องเฮาเซียวแห่งเมืองเหลียว(เจ้าแม่มังกรลงมาจุติ) ส่งกองทัพรุกรานเมืองซ้ง ฮ่องเต้ให้พานหง (หลิวเจ้าหมิง) นำทัพออกศึก พานหงทำทีขอให้หยางเยี่ยเป็นแม่ทัพ แต่หยางเยี่ยปฏิเสธเพราะเห็นว่าตนแก่ชราแล้ว พระราชเลขาจางหวาหยี่(ฉินเพ่ย) คนสนิทของพานหงเสนอพานเป้า ลูกชายคนเล็กของพานหงเป็นแม่ทัพ แต่อ๋องแปดคัดค้าน เพราะเห็นว่าพานเป้ายังขาดประสบการณ์ เปาบุ้นจิ้น (ดาหบุณลงมาจุติ) เสนอให้จัดการประลองยุทธ หากไม่มีใครชนะพานเป้าได้ พานเป้าก็จะได้เป็นแม่ทัพ พานหงเกรงคนตระกูลหยางจะมาประลอง หยางเยี่ยจึงให้สัญญาต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ว่าจะไม่ให้ลูกๆมาประลองยุทธด้วย [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมิ่งเหลียน (ฉินหวง) และเจียวจ้าน (เฉินหยงจุ้น) ทหารคนสนิทของกองทัพตระกูลหยาง คุมเสบียงเพื่อส่งไปชายแดน แต่ถูกโจรปล้นระหว่างทาง หยางเหยียนเต๋อหรือหยางห้า (หวงเย่อหัว) จึงอาสาไปชิงเสบียงคืน หยางเจ็ดขอติดตามไปด้วย หยางเจ็ดได้พบกับตู้จินอีกครั้ง ซึ่งพ่อของตู้จินก็คือหัวหน้าโจรกลุ่มนี้ หยางเจ็ดขอร้องให้คืนเสบียงให้ ตู้จินรับปากจะช่วยเหลือ ระหว่างที่เดินทางไปยังรังโจร หยางห้าได้พบกับหลวงจีนเตียวฝานแห่งเขาอู่ไถซัน (อู๋ม่งต๊ะ) ติดอยู่ที่ก้นเหว หยางห้าจึงลงไปช่วย หลวงจีนได้มอบถุงแพรให้หยางห้า เมื่อหยางห้าและหยางเจ็ดไปถึงรังโจร กลับได้พบเพียงแม่ครัวของพวกโจร (หลี่เซียงฉิน) จึงให้นางพาไปหาหัวหน้าโจร ตู้จินนำกำลังมาช่วยแม่ครัว แต่พวกโจรเป็นฝ่ายแพ้ ตู้จินจึงยินยอมจะพาไปพบหัวหน้า แต่มีข้อแม้ว่าจะให้หยางเจ็ดไปได้เพียงคนเดียว หยางห้าแอบสะกดรอยตามจึงถูกจับไว้ ตู้จินพาหยางเจ็ดไปพบหัวหน้า หัวหน้าจะฆ่าหยางเจ็ด ตู้จินห้ามไว้จนมีปากเสียงกัน จนหัวหน้าพลาดพลั้งทำหนวดปลอมหลุด หยางเจ็ดจึงจับได้ว่าที่แท้หัวหน้าโจรนั้นเป็นผู้หญิง ส่วนตู้จินก็เป็นหญิงที่ปลอมเป็นชายเช่นกัน เมื่อความลับแตกหัวหน้าโจรจึงบังคับให้หยางเจ็ดฆ่าตัวตายหรือไม่ก็ยอมแต่งงานกับตู้จินเอ๋อ ลูกสาวของนาง เพื่อรักษาชีวิตไว้หยางเจ็ดจึงเลือกแต่งงานกับตู้จินเอ๋อ ในงานแต่งงานบรรดาสมุนโจรต่างฉลองกันจนเมามาย ทหารผู้ติดตาม หยางห้ากลุ่มที่เหลือเดินทางถึงรังโจรช่วยเหลือหยางห้า หยางเจ็ด และชิงเสบียงกลับไปได้ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ฮูเหยียนเปอเสี่ยนไปประลองยุทธกับพานเป้าและถูกพานเป้าทำร้าย หยางเจ็ดจึงได้แอบไปที่เวทีประลอง เห็นพานหลงซัดอาวุธลับอาบยาพิษ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ใส่คู่ต่อสู้ของพานเป้าจนตาย หยางเจ็ดจึงขึ้นไปประลองยุทธกับพานเป้าและซัดพานเป้าตกเวที หัวกระแทกสิงโตหินจนตาย พานหงโกรธแค้น ที่หยางเจ็ดฆ่าลูกของตน จึงขอให้ฮ่องเต้ประหารตระกูลหยางทั้งตระกูล เมิ่งเหลียนและเจียวจ้านไปขอความช่วยเหลือจากตู้จินเอ๋อ นางจึงมาชิงตัวหยางเจ็ดที่ลานประหาร แต่หยางเจ็ดไม่ยอมไปด้วย นางจึงยินดีจะตายพร้อมหยางเจ็ด โชคดีที่ฮ่องเต้มีคำสั่งระงับการประหารและมอบคดีนี้ให้เป้าบุ้นจิ้นสอบสวน จนความจริงกระจ่างทำให้หยางเจ็ดพ้นผิด แต่ทัพตระกูลหยางถูกลดตำแหน่งทุกคน เพราะปล่อยให้หยางเจ็ดไปประลองยุทธ ซึ่งถือว่าทำผิดสัญญา หยางเจ็ดเห็นความจริงใจของตู้จิ่นเอ๋อจึงได้แต่งงานกับนางอีกครั้งอย่างถูกต้องตามประเพณี [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมืองเหลียวรุกรานมาใกล้เมืองซ้ง ฮ้องเต้ให้ทัพตระกูลหยางออกรบเพื่อทำคุณไถ่โทษ พานหงถือโอกาสทูลขอให้ฮ่องเต้ทรงออกรบด้วย ในวันออกรบ นักพรตกุ่ยกูจื่อ(หวังวิ่นไฉ) มาเตือนตระกูลหยางตามคำทำนายที่ประกอบด้วยอักษร 6 คำคือ "ลูกไปเจ็ด กลับเพียงหก" และขอให้หยางเยี่ยกับฮูหยินเตรียมใจเอาไว้ ฮองเฮาเซียวออกอุบายแกล้งยอมแพ้โดยยกเมืองโยวให้ ฮ่องเต้จัดฉลองชัยชนะจนทหารในกองทัพต่างพากันเมามาย ทหารเหลียวจึงยกทัพเข้ามาปิดล้อมและกองทัพซ้งไว้ในเมืองโยว แม่ทัพฮูเหยียนจ้าน(หลิวตัน) อาสาหนีออกไปส่งข่าวถึงหยางเยี่ย หยางเยี่ยจึงส่งหยางเจ็ดเดินทางล่วงหน้าไปช่วยเหลือก่อน แต่หยางเจ็ดถูกพานหงกลั่นแกล้งไม่ยอมเปิดประตูเมืองให้ และให้หยางเจ็ดสู้รบกับทหารเหลียวที่ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศจนทหารเหนื่อยล้า แต่ทัพใหญ่ตระกูลหยางมาช่วยเอาไว้ได้ทัน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ฮองเฮาเซียวแสร้งทำเป็นขอเจรจาหย่าศึก จึงนัดให้ฮ่องเต้ไปพบกับฮ่องเต้เมืองเหลียวที่หาดทรายทอง อ๋องแปดเกรงจะเป็นแผนชั่ว หยางเยี่ยจึงให้ หยางเหยียนติ้งบุตรชายคนโต (หลี่ฮั่นฉือ) และหยางเหยียนผิงบุตรชายคนรอง (อู๋เจิ้นหยี่) ปลอมตัวเป็นฮ่องเต้และอ๋องแปดไปพบกับฮ่องเต้ของ เมืองเหลียว ส่วนคนอื่นๆให้ปลอมตัวเป็นข้าหลวงและทหารติดตามไป โดยที่หยางเยี่ยกับหยางหกจะไปตั้งกองกำลังเสริมอยู่ที่ผ่าสุนัขป่า เพื่อรอสัญญาณ หากมีเหตุฉุกเฉินจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทัน ฮูเหยียนจ้านจึงนำเสต็จฮ่องเต้และอ๋องแปดกลับเมืองหลวง ที่หาดทรายทอง ฮ่องเต้เมืองเหลียวเรียกร้องให้เมืองซ้งถอนกำลังและยกเมืองเหอตงให้ ตระกูลยางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การเจรจา ฮ่องเต้เมืองเหลียววางยาพิษในสุรา ให้หยางเหยียนติ้งและหยางเหยียนผิงดื่ม และยกกองทัพเข้าโอบล้อม หยางเจ็ดจับตัวฮ่องเต้เมืองเหลียวไว้เป็นตัวประกัน แต่แม่ทัพเมืองเหลียวได้ยิงธนูเข้าใส่จนฮ่องเต้เมืองเหลียวถูกลูกศรยิงใส่จนตาย กองทัพตระกูลหยางแตก ลูกชายตระกูลหยางคนโต คนรอง และคนที่สาม(หลี่กั๊วหลิน) ถูกฆ่าตายที่หาดทรายทอง หยางสี่ (เหมียวเฉียวเหว่ย) ถูกองค์หญิงชิงเหลียน (ชิเหม่ยเจิน) และองค์หญิงปี๋เหลียน (ถังลี่ฉิว) แห่งเมืองเหลียวจับตัวได้ หยางห้าได้รับการช่วยเหลือจากหลวงจีนเตียวฝานและได้ปลงผมเพื่อหลบหนีการจับกุมของทหารเหลียว หลวงจีนเตียวฝานบอกว่าหยางห้าได้หมดอายุไปไขแล้ว แต่ยังมีภาระหน้าที่ต้องคุ้มครองเมืองซ้ง จึงต้องบวชเพื่อต่ออายุไขโดยได้ฉายาใหม่ว่าหลวงจีนฝาจิ้ง และเมื่อถึงเวลา ฝาจิ้งจะได้รับใช้ชาติอีกครั้ง ทางด้านหยางเจ็ดสามารถหนีรอดไปขอความช่วยเหลือจากพานหง พานหงได้ทีแก้แค้นจึงนำสุราพิษให้หยางเจ็ดดื่ม และสังหารหยางเจ็ดอย่างเลือดเย็น [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทัพของหยางเยี่ยและหยางหกถูกกองทัพเมืองเหลียวโอบล้อมจนแตกพ่าย หยางเยี่ยจึงฆ่าตัวตาย และง้าวทองของหยางเยี่ยถูกทหารเหลียวนำไปถวายให้ฮองเฮาเซียว หยางหกถูกทหารเหลียวตามล่าและได้พบกับทหารซ้งที่จงรักภักดี จนได้ทราบข่าวการตายของหยางเจ็ด จึงโกรธแค้นตระกูลพาน หยางสี่ถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์หญิงชิงเหลียน หยางสี่ตกลงจะแต่งงานเพื่อรักษาชีวิตไว้เพื่อรอการแก้แค้น พานหงถือโอกาสที่ทัพตระกูลหยางแตกพ่าย ใส่ร้ายตระกูลหยางว่าสมคบเมืองเหลียว [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ตู้จินเอ๋อฝันเห็นหยางเจ็ดมีคราบเลือดเต็มตัว พูดไม่มีเสียง และจู่ๆก็หายตัวไป จึงเชื่อว่าจะต้องเกิดเรื่องกับหยางเจ็ด ในงานวันแซยิดของฮูหยินหยาง เมิ่งเหลียน เจียวจ้านกลับมาแจ้งข่าวร้ายเรื่องทัพตระกูลหยางพ่ายแพ้ตายหมดทั้งกอง งานมงคลต้องเปลี่ยนเป็นงานศพ หนำซ้ำทางการยังได้นำราชโอการฮ่องเต้มาจับกุมคนตระกูลหยางในข้อหาสมคบเมืองเหลียวทรยศชาติ หยางหกเข้าวังร้องขอความเป็นธรรมว่าถูกพานหงใส่ร้าย ซ้ำยังสังหารหยางเจ็ดตายอย่างเลือดเย็น อ๋องแปดและแม่ทัพฮูเหยียนจ้านต่างรับประกันความบริสุทธิ์ของคนตระกูลหยาง จึงขอให้ฮ่องเต้สืบสวนหาความจริงก่อนทำการลงโทษ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]องค์หญิงไฉอาสาพาตู้จินเอ๋อไปค้นหาศพของหยางเจ็ดที่เมืองโยว เจ้าแม่หัวซาน (หวังหมิงฉวน) ปรากฎตัวเพื่อช่วยเหลือตู้จินเอ๋อให้พบศพหยางเจ็ด และบอกตู้จินเอ๋อว่านี่คือลงโทษจากสวรรค์ นางจะต้องทุกข์ทรมานอีก 30 ปี จึงจะได้กลับไปสู้สวรค์ตามเดิม และจะได้พบกับพระอัศนีย์อีกครั้ง เมื่อนำศพหยางเจ็ดกลับวัง ความจริงทุกอย่างก็ปรากฎ หยางเจ็ดตายด้วยลูกศรของพานหง ฮ่องเต้จึงสั่งให้ไปจับตัวพานหงกลับมาลงโทษ อ๋องแปดเกรงว่าพานหงจะไหวตัวทัน ฮูเหยียนเปอเสี่ยนจึงอาสาไปจับตัวพานหง โดยออกอุบายว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ทัพตระกูลพาน และขอตราจอมพลเพื่อสั่งให้ทหาร 3 เหล่าทัพจัดงานเลี้ยง พานหงหลงเชื่อมอบตราจอมพลให้ ฮูเหยียนเปอเสี่ยนจึงออกคำสั่งให้จับตัวพานหง แต่พานหลงและพานหู่หนีรอดไปได้ พานหงถูกจับตัวเข้าวัง และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอีกทั้งสนมเอกก็พยายามขัดขว้าง ฮ่องเต้จึงสั่งให้มีการ พิจารณาคดีนี้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเสนอตัวจะเป็นผู้พิจารณานี้ แต่ไม่อาจตกลงกันได้ เปาบุ้นจิ้นจึงเสนอให้ โค่วจุ่น นายอำเภอหลี่หยาง (พระศิวะลงมาจุติ) ที่มีตำแหน่งข้าหลวงชั้น 7 เท่านั้น เป็นผู้พิจารณาคดีนี้ สนมพานจึงส่งซุนกงกง ไปตินสินบนให้ช่วยเหลือพานหง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]โค่วจุ่นเป็นคนทรงความยุติธรรมและฉลาดหลักแหลม ในวันตัดสินคดี อ๋องแปดปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ในศาล เพื่อติดตามการพิจารณาอย่างใกล้ชิด พานหงไม่ยอมให้ความร่วมมือจึงถูกโค่วจุ่นสั่งให้โบย แต่สนมเอกเข้ามาขัดขวางและฉีกชุดพระราชทาน เพื่อนำความกราบทูลฮ่องเต้ว่าถูกโค่วจุ่น ทำร้าย แต่อ๋องแปดเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ของโค่วจุ่น โค่วจุ่นจึงถือโอกาสนี้นำจดหมายการติดสินบนของสนมเอกถวายฮ่องเต้ ฮ่องเต้โกรธ สนมเอกมาก อ๋องแปดจึงขอให้ฮ่องเต้ออกราชโองการว่าถ้าใครขัดขืนการพิจารณาคดีนี้อีกให้ประหารได้ทันที สนมเอกไม่ยอมอ่อนข้อจึงให้ซุนกงกง แอบนำสารลับให้พานหงอย่ารับสารภาพ แต่ก็ถูกจับได้ โค่วจุ่นจึงซ้อนแผนโดยปลอมแปลงสารลับ ให้พานหงยอมรับสารภาพเพื่อจะได้ยกเว้นโทษประหาร แต่พานหงไม่ยอมรับผิด โค่วจุ่นจึงได้ออกอุบายหลอกให้พานหงยอมรับสารภาพจนได้ โค่วจุ่นพิจารณาคดีให้เนรเทศพานหงไปอยู่ชายแดนเพื่อหลอกล่อพานหลง พานหู่ให้ปรากฏตัว จะได้จับตัวไปลงโทษ ในระหว่างนำตัวพานหงไปชายแดน หยางหกถือโอกาสแก้แค้น พานหลง พานหู่ มาช่วยพานหง หลวงจีนฝาจิ้งมาช่วยหยางหก พ่อลูกตระกูลพานถูกสังหารทั้งหมด หลวงจีนฝาจิ้งขอร้องให้หยางหกอย่าบอกเรื่องที่ตนออกบวชแล้ว ให้ฮูหยินหยางและซ้อห้า (เซียะหนิง) รู้เพราะเกรงว่าทั้งสองคนจะเสียใจ หยางหกถูกฮ่องเต้ลงโทษที่สังหารพานหง แต่ทหารเหลียวรุกรานเมืองซ้ง ทุกคนขอร้องฮ่องเต้ให้หยางหกนำทัพออกรบขับไล่ข้าศึก [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]บนสวรรค์ เทพหลี่ต้งปินแอบขโมยกระบี่เซียนของเทพไท่ซ่างเหล่าจินลงมาช่วยฮองเฮาเซียว โดยจับตัวหยางหกที่กำลังนำทัพไปออกรบขังไว้ในค่ายประตูสวรรค์ที่ทำจากกระบี่เซียน ฮูหยินหยางได้รับการขอร้องจากอ๋องแปด ให้นำทัพออกศึกเพื่อเรียกขวัญกำลังใจของทหาร ฮูหยินหยาง ได้ไปพบนักพรตกุ่ยกูจื่อ เพื่อหาทางช่วยหยางหกออกจากค่ายกล กุ่ยกูจื่อแนะนำให้ไปพบกับเทพฮั่นจงหลีที่ชิงสุ่ยเหอ ฮั่นจงหลีบแนะนำวิธีช่วยหยางหก โดยจะต้องใช้ของวิเศษ 4 อย่าง เพื่อทำลายกระบี่เซียน 4 เล่ม ได้แก่ ไม้เท้าหัวมังกรของฮูหยินหยาง พัดวิเศษของฮั่นจงหลี ง้าวทองของหยางเยี่ย และไม้วิเศษที่ทำเป็นกระบอกอัธศีลของหยางห้า เมื่อซ้อห้ารู้ว่าหยางห้ายังไม่ตายจึงได้เดินทางไปพบ หยางห้าได้ตัดทางโลกแล้ว นางจึงขอร้องให้นำกระบองอัธศีลมาช่วยหยางหก หยางแปด (หยางพ่านพ่าน) ลอบเข้าวังเหลียวหวังจะขโมยง้าวทองของหยางเยี่ย และได้รับการช่วยเหลือจากหยางสี่ หยางสี่ขอยืมศรสัญญาณจากองค์หญิงชิงเหลียนเพื่อจะกลับไปเยี่ยมครอบครัว และสัญญาว่าจะกลับมาใน 3 วัน หยางสี่ได้พบซื่อเหนียงหรือซ้อสี่ (กงฉือเอิน) อีกครั้ง และไม่ได้กลับไปหาองค์หญิงชิงเหลียนตามสัญญา ซื่อเหนียงรู้ความจริงเรื่ององค์หญิงชิงเหลียนทำให้นางเสียใจมาก องค์หญิงชิงเหลียนออกมาตามหาหยางสี่และถูกซื่อเหนียงจับตัวไว้ได้ แต่หยางสี่ขอร้องให้ไว้ชีวิตนางเพราะนางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหยาง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมื่อได้ของวิเศษมาครบทั้ง 4 อย่าง จึงสามารถทำลายค่ายประตูสวรรค์ ช่วยหยางหกออกมาได้สำเร็จ ค่ายกลถูกทำลาย ฮองเฮาเซียวพยายามจะหนี แต่ถูกทัพตระกูลหยางจับตัวไว้ได้ องค์หญิงชิงเหลียนขอร้องหยางสี่ให้ไว้ชีวิตแม่ของนาง เทพหลี่ต้งปินมาช่วยฮองเฮาเซียว ชิงเหลียนได้เอาตัวเข้ารับขวานแทนหยางสี่จนตัวเองต้องตาย ฮั่นจงหลีมาปราบหลี่ต้งปินและนำตัวกลับสวรรค์ ฮั่นจงหลีขอให้ฮูหยินหยางปล่อยฮองเฮาเซียวไป เพราะนางทำตามมติสวรรค์ หยางสี่เสียใจกับการตายขององค์หญิงชิงเหลียน จึงลาฮูหยินหยางไปใช้ชีวิตสันโดษ หยางห้าหรือหลวงจีนฝาจิ้งได้เดินทางกลับเขาอู่ไถซันไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกอีก บัดนี้ลูกชาย 7 คนของตระกูลหยางเหลือหยางหกเพียงคนเดียว ฮูหยินหยางได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่เฒ่าขวัญยืน หยางหกได้รับการแต่งตั้งเป็นยอดขุนพล และทัพตระกูลหยางได้เลื่อนขั้น 3 ขั้น ครอบครัวตระกูลหยางขอลาออกจากราชการ และกลับไปใช้ชีวิตยังภูมิลำเนาเดิม..[/FONT]







    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]~*IM*~[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วัดต้าเซี่ยงกว๋อ เคยเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง หลายยุคหลายสมัย แต่เมื่อเกิดอุทกภัยเมื่อค.ศ.๑๗๖๖ ก็เกิดความเสียหายครั้งใหญ่

    ในวัดต้าเซี่ยงกว๋อนี้มีวิหารรูปทรง ๘ เหลี่ยม มีพระแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์ปางพันเนตร พันกร สูง ๗ เมตร จัดสร้างด้วยต้นแปะก๊วยทั้งต้น ภายในมีหอระฆังสมัยราชวงศ์ชิง สูง ๔ เมตร หนัก ๕ ตันกว่าๆ และ ๑๘ พระอรหันต์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...