สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 13 มีนาคม 2008.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมจะส่งรายละเอียดหนังสือการจัดสร้างเหรียญพระมหาเจดีย์ ๑๒ ราศี เนื้อนวโลหะ ไปให้คุณguawn และคุณkwok ในวันพรุ่งนี้นะครับ เนื่องจากลืมแนบไปในการจัดส่งครั้งก่อน ขออภัยด้วยครับ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโทษด้วยครับพี่อ้อย ช่วงนี้ผมเดินทางบ่อยไปหน่อย ชีพจรลงเท้า เลยยังไม่จบ trip พม่าซักที มาต่อกันให้จบ Trip กันคืนนี้เลยดีกว่า เพราะหากช้าไปกว่านี้จะไม่ทันการณ์ วันที่ ๗ พ.ค.-๑๔ พ.ค.นี้จะเดินทางไป Trip ซีอาน ประเทศจีน ต่อแล้วแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง..

    ผมอยากบอกเล่าให้ผู้ที่สนใจไปกราบสักการะองค์พระเกศาธาตุ ๒ เส้นที่ประดิษฐานบนองค์พระธาตุอินทร์แขวนแห่งนี้ที่ประเทศพม่าว่า หากมีโอกาสที่จะตื่นเช้าได้ราวๆ ตี ๔ ก็ควรเจริญสมาธิรอบๆองค์พระธาตุอินทร์แขวน และที่สำคัญคือการตักบาตรพระพุทธเจ้า ครั้งแรกผมได้ยินผมก็เข้าใจว่าคือการใส่บาตรพระทั่วไปที่เราเคยเห็น แต่ปรากฏว่าคือการถวายข้าวพระพุทธนั่นเอง แต่บริเวณที่ถวายข้าวพระพุทธนั้นคือบริเวณที่มีความใกล้กับพระธาตุอินทร์แขวนมากเป็นเขตที่ผู้หญิงไม่มีโอกาสได้เข้าไปในบริเวณนี้เลย นอกจากจะฝากผู้ชายถวายแทน สำหรับอาหารที่ใส่บาตรพระพุทธเจ้านั้นทางเจ้าหน้าที่ก็จัดเป็นชุดๆไว้ตั้งแต่ราคา ๓,๐๐๐ จ๊าด(ประมาณ ๑๐๐ บาท) ไปจนถึงราคา ๑๒,๐๐๐ จ๊าด ประมาณ ๔๐๐ บาท ก็จะเป็นชุดที่ดูอลังการสำหรับผู้ที่มีฐานะหน่อย เท่าที่ผมสังเกตผู้ที่จะถวายชุดที่มากกว่า ๕,๐๐๐ จ๊าดขึ้นไปนั้นค่อนข้างน้อยมาก เราก็พอจะคาดเดาฐานะของคนที่นั่นได้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ขาดศรัทธา บรรยากาศรอบบริเวณพระธาตุอินทร์แขวนดีมากๆครับ การถ่ายภาพพระธาตุอินทร์แขวนนี้หากเลยช่วงเวลาที่เหมาะสมไปแล้ว เช่น ช่วงเวลาเกือบ ๗ โมงเช้าแบบนี้โอกาสได้ภาพสวยๆก็ยากมาก เพราะหมอกลงจัดมาก ดังภาพที่ผมถ่ายไว้เปรียบเทียบห่างกันเพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจบนพระธาตุอินทร์แขวนนั่นคือหอพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ตรงกลางของช่องทางเดิน พระพุทธเจ้าเป็นประธานองค์ซ้ายประทับยืน และองค์ขวาประทับนั่ง เบื้องหน้าเป็นรูปปั้นบุคคลต่างๆตั้งแต่พระมหาจักรพรรดิกษัตริย์ ฤาษี คหบดี จนถึงชาวบ้าน กระทำวันทาองค์พระพุทธเจ้า

    ช่วงนี้ผมสังเกตว่ามีผู้คนถวายปัจจัยพระพุทธเจ้า และนำเงินจ๊าดมาพับเป็นกรวยแล้วเสียบไว้ที่มือที่วันทาของรูปปั้นแต่ละรูป คล้ายดั่งร่วมถวายปัจจัยผ่านบุคคลต่างๆที่ถูกจริตกับตน หรือปรารถนาจะร่วมบุญกับผู้ใด..

    รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ เป็นการจำลองขึ้นมา และมีน้ำขังอยู่ภายในพระพุทธบาท ผู้คนที่ศรัทธาจะใช้นิ้วแตะน้ำที่ขังไว้ในรอยพระพุทธบาทนี้ แต้มไปที่หน้าผาก เปลือกตาทั้ง ๒ ข้าง ปาก และลิ้น ชะรอยหมายความถึงความเป็นมงคลทั้งหลาย

    และก็มีบางท่านที่ได้รับคำแนะนำจากไกด์บ้าง คนท้องถิ่นบ้าง ให้นำเงินบาท หรือเงินจ๊าด ใบละ ๒๐ บาท ๕๐ บาท หรือ ๑๐๐ บาท นำด้านที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัวของเราอธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนา แล้ววางบนผิวน้ำ หากสำเร็จ และรวดเร็ว ปลายแบ๊งค์ทั้ง ๒ ข้างจะม้วนเข้าหากันอย่างรวดเร็ว หากสำเร็จ แต่รอหน่อยนึง จะม้วนข้างเดียว หากไม่สำเร็จจะไม่ม้วนเลย...ก็เป็นความแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ท่านผู้สนใจ หากได้ไปกราบนมัสการองค์พระธาตุอินทร์แขวนแล้วก็ลองเสี่ยงทายดูนะครับ

    ยังมีสถานที่อื่นอีกเกี่ยวกับพระนางฉุ่ยนานจิง ในเรื่องของความเชื่อในการรักษาโรคที่เป็นอยู่ อันนี้อยากให้ไปค้นหากันเองดีกว่านะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หลังจากทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมบนยอดเขาแล้ว ช่วง ๘ โมงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ลูกหาบชุดเดิมจะตามหาพวกเรากันแล้ว ซึ่งตามหาไม่ยากเลย พร้อมเพรียงกันหาบลงจากเขา ความสวยงามของบรรยากาศรอบๆเขาระหว่างนั่งเสี่ยงลงนี่สวยงามมาก ความสะดวกสบายระหว่างนั่งเสี่ยงลงเขานี่ สุดๆไปเลย ต่างจากขาขึ้นมากมาย หลายท่านทนไม่ไหว เพราะลูกหาบพวกนี้จะเดินกระแทกเท้าลงเขา คล้ายเดินแบบทหาร ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ก่อนออกเดินทางในกลุ่มนี้ควรต้องตกลงกันในกลุ่มให้เรียบร้อยกันก่อนว่าจะ Tip ลูกหามทั้ง ๔ คนเท่าไหร่ เหตุที่ต้องบอกกันตรงนี้ เพราะเป็นเรื่อง serious ของลูกหาบที่นี่กันเลยทีเดียว เพราะหากไปสอบถามกันเองในภายหลัง หรือเขาจะไม่ยอม คือรับไม่ได้ที่เขาจะได้น้อยกว่าเพื่อน คืออย่างน้อยเท่ากัน ก็จะสบายใจ เมื่อยอมไม่ได้ ลูกหาบที่ได้เงิน Tip น้อยจะตามหาแล้วขอ และตื้อกันตรงนั้นเลย เป็นภาพที่ดูน่ารำคาญมาก มีเรื่องกับพวกนี้แล้ว เขาเล่นไม่เลิกนะครับ ไม่คุ้มกัน จึงขอให้ตกลงกันในกลุ่มพวกเราที่ไปด้วยกันทุกคนก่อน ชี้แจงทำความเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อความเรียบร้อย

    ขนาดชี้แจงกันแล้ว ยังเป็นเรื่องจนได้ ในกลุ่มพวกเราท่านหนึ่งได้จ่าย Tip ไปเมื่อวานขาขึ้น ทั้งที่ไกด์แนะนำให้จ่ายขาลงทีเดียวพร้อมกัน ถึงบอกพวกเขาไปว่า Tomorrow ยังจำกันได้ใช่ไม๊ครับ พวกลูกหาบจะพูดอะไร ขอให้กล่าวว่า Tomorrow คำเดียวเท่านั้น ปรากฎว่า เมื่อส่วนมากทำกันตามที่ตกลงคือจ่าย Tip ขาลงให้ลูกหาบคนละ๒,๐๐๐ จ๊าด ประมาณ ๘๐ บาท หมายถึง Tip ขาขึ้น และขาลงพร้อมกัน ระหว่างนี้หากท่านใดใจอ่อน จ่ายเป็นเงินบาทให้คนละ ๑๐๐-๒๐๐ บาท จะเป็นเรื่อง เพราะเขาถามกัน คนได้มากก็จะคุยโวว่าได้เท่าไหร่ๆ คนที่เหลือจะกรูกันเข้ามาขอเพิ่มในสภาพ ๔ รุม ๑ นะครับ เพื่อนร่วมทางท่านอื่นๆอาจจะไม่พอใจได้

    เมื่อเล่นกันไม่เลิก และอาจจะกระทบต่อภาพการท่องเที่ยวของพม่าเองในภายหลัง ผมก็ขอนำภาพลูกหาบคนที่จะก่อความรำคาญ และอาจะเป็นเรื่องกันได้มาให้ท่านได้ชมหน้าตา เพื่อหลีกเลี่ยงใช้บริการกับลูกหาบคนที่สร้างปัญหา กว่าจะได้ภาพชัดๆแบบนี้ ต้องบอกว่า Hey!!! U ...please show victory.

    โปรดระมัดระวังลูกหาบท่านนี้กันให้ดีๆ...จำหน้าตากันไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    คุณเพชรคะ
    โอนเงินให้แล้ววันที่ 5พ.ค. 3000 บาทค่ะ

    [​IMG]

    อนุโมทนาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ระยะเวลาหลังจากลงจากพระธาตุอินทร์แขวน เดินทางกลับมาทางเดิมเข้าย่างกุ้ง ก็เป็นเวลาร่วม ๕ ชั่วโมงเศษ ได้แวะทานอาหารกลางวันกันที่ ร้าน Three Stars จากนั้นก็ชมพระเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) แต่ปรากฎว่ารถเข้าไปไม่ได้เพราะทางเข้าถูกปิดเพื่อซ่อมแซมพระเจดีย์ไจ๊ปุ่น

    พระเจดีย์ไจ๊ปุ่นมีอายุมากกว่า ๕๐๐ ปี สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ๔ องค์ผินพระพักตร์ไป ๔ ทิศทาง มีตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญสร้างไว้ โดยอธิษฐานว่า จะไม่ยอมอภิเษกสมรส ภายหลังพระธิดาองค์เล็กได้อภิเษกสมรสซึ่งเป็นการผิดสัจจะ พระพุทธรูปองค์หนึ่งในจำนวนสี่องค์นี้จึงพังทลายลงมา

    เจดีย์นี้ได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๐๑๙ ประทับนั่งโดยรอบทั้ง ๔ ทิศ ประกอบ ด้วยองค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์ ๓ พระองค์คือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน (ทิศใต้) พระพุทธเจ้ากุกกุสันโธ (ทิศตะวันออก) และพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ(ทิศตะวันตก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ชมปาง ช้างเผือก ที่เป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองของพม่า มีสีขาวเผือกตลอดทั้งตัวจำนวน 3เชือก ช้างพลาย(ตัวผู้) ๑ เชือก อายุ ๑๕ ปี สีเทาอ่อนๆ ส่วนช้างพังสีดอ(ตัวเมีย) ๒ เชือกมีสีขาวอมชมพู อายุ ๓๐ ปี และ ๑๐ ปีเป็นแม่ลูกกัน ทางการได้ห้ามถ่ายภาพไว้ เลยไม่ทราบจะนำภาพมาให้ชมกันได้อย่างไร แต่ผมได้"ขนหางช้างเผือก"เพศเมียเอาไว้

    ขาของช้างเผือกได้ผูกล่ามด้วยโซ่ขนาดใหญ่สั้นมาก เพียงสามารถขยับไปมาได้เท่านั้น ทำให้เกิดแผลอักเสบที่ข้อเท้าช้าง ไปเห็นอาจจะเกิดความรู้สึกสงสาร

    ที่ว่าช้างเผือกนี้ของพม่าจะเผือกจริงๆ คือทั้งตัว ไม่ใช่เฉพาะใบหู เผือกคือไม่ใช่ขาวจั๊วะ แต่เป็นขาวอมชมพู ว่ากันว่า ช้างเชือกนี้เปลี่ยนสีได้วันละ 7 สี เข้าใจว่า ช้างเชือกนี้ตอนเช้าสีผิวจะเป็นสีอ่อน แล้วจะค่อยๆเข้มขึ้นจนออกชมพู เหมือนคนแพ้แดด พอตกเย็นๆ ก็ออกเป็นสีคล้ำ ออกสีเทาดำ พอเล่นน้ำ ตัวเริ่มเย็น สีจะกลับเป็นผ่องใหม่ อาจจะเป็นเพราะเซลล์สีผิวอาจจะไวต่อแสง หรือแสงแดด


    ช้างเผือก

    <HR>[​IMG]

    ตำนานเกี่ยวกับช้างเผือกมีอยู่คู่คนไทยมาช้านาน ในตำนานพุทธประวัติ กล่าวว่าช้างเผือกนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความรู้ และ การเกิด คืนก่อนวันประสูติของพระพุทธเจ้า พระมารดาของพระองค์ทรงสุบิณท์ ถึงช้างเผือก มอบดอกบัวให้พระนาง ดอกบัวอันหมายถึงความบริสุทธิ์และความรู้ ตำนานไตรภูมิ มีบทหนึ่งกล่าวถึงช้างเผือกว่า:​



    " มหาราชมีครบซึ่งสิ่ง ๗ ประการ ภริยาที่สมบูรณ์ ขุมสมบัติคณานับ ผู้ปรึกษาแผ่นดินที่ดี ม้าที่วิ่งเร็ว กฎการปกครองที่ดี แก้วแหวนอันเป็นสิ่งสำคัญ และช้างเผือกที่สง่างาม"



    [​IMG]

    เชื่อกันว่าช้างเผือกมีอิทธฤทธิ์เหนือช้างสามัญ ว่ากันว่ามีพลังดุจเทพแห่งสงคราม สำหรับกษัตริย์ของ ประเทศไทยและพม่าแล้ว การได้ครอบครองช้างเผือก เป็นอะไรที่สำคัญยิ่ง องค์ใดที่มีช้างเผือกหลายตัว จะเป็นกษัตริย์ ที่เกรียงไกร และจะนำพาบ้านเมืองสู่ความรุ่งโรจน์ หากช้างเผือกสิ้น ก็เป็นลางบแกเหตุเภทถัยแก่ ตัวกษัตริย์และแผ่นดินที่ปกครอง​

    ราชันย์ในยุคก่อนจึงมุ่งมั่นที่จะได้ช้างเผือกมาอยู่ในความครอบครอง องค์ใดมีมากตัวก็สามารถให้ราชาเมืองอื่นเป็นของขวัญ เพื่อความเป็นมิตร ในบางคราก็มีการก่อสงครามแย่งชิงช้างเผือกก็มี ​

    ในประเทศไทย ช้างเผือกเคยเป็นสัญลักษณของประเทศ เพราะเชื่อว่าสัตว์ชนิดนี้ศักดิ์สิทธิ์ ​



    http://www.himmapan.com/thai/himmapan_elephant_whiteelephant.html

    ช้างเผือกที่ต้องตามคชลักษณะของช้างเผือกทุกประการ
    ช้างเผือก คือช้างที่มีลักษณะต่างจากช้างธรรมดาทั่วไป ด้วยมีสีผิว นัยน์ตา และเล็บขาว จัดได้ว่ามีลักษณะที่หาได้ยาก จึงเป็นที่เชื่อกันว่าช้างเผือกเป็นสัตว์ที่เป็นมงคลให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของและเป็นเครื่องมงคลชนิดหนึ่งใน สัปตรัตนะ แห่งพระจักรพรรดิ ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว (ช้างเผือก ชื่อ อุโบสถ) ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คฤหบดีแก้ว และ ปรินายกแก้ว

    ประวัติ
    จากความเชื่อในพระพุทธศาสนา ช้างเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นมงคลแห่งการบำเพ็ญบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏในชาดกเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เคยเสวยพระชาติเป็นพระยาช้างที่ทรงบำเพ็ญบารมี เช่น พระยาฉัททันต์และพระยาช้างปัจจัยนาเคนทร์<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP>
    [​IMG]

    ภาพช้างเผือกปัจจัยนาเคนทร์ในจิตรกรรมฝาผนัง เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์หิมพานต์

    ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบำเพ็ญบารมีในพระเวสสันดรชาดก และพระยาเศวตมงคลหัตถี หรือพระยามงคลนาคในทุมเมธชาดก และตามพระพุทธประวัติ เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงพระครรภ์ ก็ทรงพระสุบินเห็นช้างเผือกนำดอกบัวมาถวาย อันเป็นนิมิตว่าผู้มีบุญญาธิการเพียบพร้อมด้วยบารมี ได้มาอุบัติเป็นมนุษย์สู่พระครรภ์มารดาทางพระนาภีเบื้องขวาในรูปของช้างเผือก ช้างเผือกจึงเป็นที่นับถือว่าเป็นสัตว์มงคลที่สำคัญประเภทหนึ่ง ในพระพุทธศาสนา โดยจะพบว่าสัญลักษณ์ในมงคล 108 ปรากฏในรอยพระพุทธบาทนั้นมีรูปช้างมงคล 2 ช้าง

    จะเห็นได้ว่า ช้างนั้นได้รับความสนใจศึกษาลักษณะได้อย่างละเอียด มีการแบ่งช้างออกตามลักษณะดีและลักษณะอัปมงคล ดังปรากฏในตำราคชลักษณ์ ช้างที่มีลักษณะมงคลนั้นก็จะถูกคัดเลือกออกมาเฉพาะนำมาน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นช้างต้น เพื่อเป็นราชพาหนะแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ช้างที่มีลักษณะเป็นมงคลซึ่งเป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งแต่โบราณ คือ ช้างเผือก หรือช้างสำคัญ ซึ่งเมื่อพบแล้วจะถูกนำน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระมหากษัตริย์เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภชเป็นพระยาช้างต่อไป แต่เดิมคำว่าช้างต้นจะหมายถึงช้างหลวงของพระมหากษัตริ์ย ทั้งช้างเผือกและช้างทรงที่เป็นราชพาหนะ โดยตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ช้างต้นจะหมายถึงช้างเผือกเป็นสำคัญ

    จากการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงดำริเห็นความสำคัญของช้างเผือกจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาดาราตราช้างเผือกขึ้น ใน พ.ศ. 2404 เพื่อพระราชทานแก่ ผู้มียศต่างๆ ในราชอาณาจักรโดยให้ทำเป็นดาราทองคำ มีรูปช้างเผือกสลักตรงกลาง เหนือขึ้นไปเป็นพระมหามงกุฏมีทั้งดาราที่มีเครื่องสูงประดับและไม่มีเครื่องสูงประดับ และถ้าพระราชทานชาวต่างประเทศที่มีความดีความชอบ ดาราก็จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น คือ มีรูปเสาธงอยู่บนหลังช้าง

    ดาราตราช้างเผือกได้มีการสถาปนาเพิ่มเติมขึ้นอีกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพายขึ้นและปรับเปลี่ยนลวดลายและกำเนิดชั้นของดาราใหม่ จนในปี พ.ศ. 2432 เรียกว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเพิ่มเติมขึ้นอีกเป็น 6 ชั้น และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พ.ศ. 2484 ก็มีการแบ่งชั้นและเรียกใหม่ว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก มี 8 ชั้น

    [แก้] ลักษณะ

    [​IMG]
    พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ช้างสำคัญในรัชกาลที่ 9


    ตามความหมายในพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 ในสมัยรัชกาลที่ 6 กำหนดช้างซึ่งมีลักษณะพิเศษไว้ 3 ชนิด ตามมาตรา 4 ระบุไว้ว่า
    • "ช้างสำคัญ" มีคชลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกศขาวหรือคล้ายสีหม้อใหม่
    • "ช้างสีประหลาด" คือ ช้างที่มีมงคลลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 อย่างที่กำหนดไว้ในคชลักษณะของช้างสำคัญ
    • "ช้างเนียม" มีลักษณะ 3 ประการ คือ พื้นหนังดำ งามีลักษณะดังรูปปลีกล้วย เล็บดำ
    พระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช 2464 นี้ไม่มีชนิดใดเรียกว่าช้างเผือก แต่คนไทยทั่วไปคุ้นเคยกับคำว่า "ช้างเผือก"

    เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบว่ามีช้างเผือก ณ ที่ใด จะกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญการดูคชลักษณ์ไปตรวจดูอีกครั้ง โดยต้องคำนึงถึงลักษณะอันเป็นมงคลอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น เวลาที่ช้างหลับ ถ้ามีเสียงกรนประดุจเสียงแตรสังข์ถือว่าเป็นมงคล ถ้าเสียงกรนคล้ายคนร้องไห้ถือว่าเป็นอัปมงคล แม้จะมีคชลักษณ์สมบูรณ์ก็ตาม

    นอกจากนี้ยังมีตำราคชลักษณ์กล่าวว่า การดูลักษณะช้าง ให้พึงพิจารณาลักษณะ 10 ประการ คือ ขน หาง จักษุ เล็บ อัณฑโกศ ช่องแมงภู่ ขุมขน เพดาน สนับงา ข้างในไรเล็บ ถ้าต้องกับสีกาย เป็นศุภลักษณะใช้ได้ ถ้านับสีกายด้วยก็เป็น 11 ประการ

    [แก้] ความเชื่อเกี่ยวกับช้างเผือก

    ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ กล่าวถึงต้นกำเนิดของช้าง ในเรื่องการสร้างโลกว่าพระวิษณุ (พระนารายณ์) ขณะที่ทรงบรรทมอยู่ในเกษียรสมุทร ได้ทรงแสดงเทวฤทธิ์อธิษฐาน ให้มีดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภี 1 ดอก ดอกบัวนี้มี 8 กลีบ และมีเกสร 173 เกสร พระวิษณุได้ทรงนำดอกบัวนี้ไปถวายแด่พระศิวะ (พระอิศวร) ซึ่งพระองค์ได้ทรงแบ่งดอกบัวและเกสรดอกบัวนั้นออกเป็น 4 ส่วน และทรงแบ่งให้กับเทวะองค์อื่นๆ อีก 3 องค์ คือ ทรงเก็บไว้เอง ,ทรงแบ่งให้พระวิษณุ,ทรงแบ่งให้พระพรหม และทรงแบ่งให้พระอัคนิ (พระเพลิง) โดยองค์เทวะทั้งสี่ได้ทรงสร้างช้างขึ้นองค์ละตระกูล ดังที่ปรากฏในตำราคชลักษณ์ จึงมีช้าง 4 ตระกูล และช้างทั้ง 4 ตระกูลเหล่านี้ยังถูกแบ่งออกเป็นวรรณะ เช่นเดียวกับการแบ่งวรรณะของคนอินเดียด้วย คือ
    • อิศวรพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระอิศวรหรือพระศิวะ ทรงสร้าง จัดเป็นช้างชาติกษัตริย์
    • พรหมพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระพรหมทรงสร้าง จัดเป็นช้างชาติพราหมณ์
    • วิษณุพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระวิษณุหรือพระนารายณ์ทรงสร้างจั้ดเป็นช้างชาติแพศย์
    • อัคนิพงศ์ เป็นช้างในตระกูที่พระอัคนิหรือพระเพลิงทรงสร้าง จัดเป็นช้างชาติศูทร
    ความเชื่อของคนไทยกับช้างเผือก เป็นช้างที่เกิดขึ้นเพราะพระบารมีของพระมหากษัตริย์ แต่อันที่จริงช้างเผือก หรือช้างสำคัญ มี 3 ชนิดดังกล่าว ถ้าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมีช้างเผือกมาสู่พระบารมีจำนวนมาก ก็จะถือว่าเป็นมงคล บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อสำนักพระราชวังตรวจคชลักษณ์ว่าเป็นช้างเผือกหรือช้างสำคัญแล้ว ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญ และมีพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญ พระมหากษัตริย์องค์ใดได้พบช้างเผือกเป็นจำนวนมาก แสดงว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นทรงถึงพร้อมด้วยบุญญาภินิหารบารมีมากและมักถวายพระนามพระองค์ว่า พระเจ้าช้างเผือก ดังเช่น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นต้น

    ในตำนานพุทธประวัติ กล่าวว่าช้างเผือกนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความรู้ และ การเกิด คืนก่อนวันประสูติของพระพุทธเจ้า พระมารดาของพระองค์ทรงสุบิณท์ ถึงช้างเผือก มอบดอกบัวให้พระนาง ดอกบัวอันหมายถึงความบริสุทธิ์และความรู้
    ตำนานไตรภูมิ มีบทหนึ่งกล่าวถึงช้างเผือกว่า: " มหาราชมีครบซึ่งสิ่ง 7 ประการ ภริยาที่สมบูรณ์ ขุมสมบัติคณานับ ผู้ปรึกษาแผ่นดินที่ดี ม้าที่วิ่งเร็ว กฎการปกครองที่ดี แก้วแหวนอันเป็นสิ่งสำคัญ และช้างเผือกที่สง่างาม"

    [แก้] การนำไปใช้


    "ธงช้าง" ลักษณะเป็นรูปช้างเผือกเปล่า ยืนหันหน้าให้เสา บนพื้นธงสีแดงเกลี้ยง ใช้เป็นธงชาติสยาม พ.ศ. 2398 - 2459



    ช้างเผือกถือเป็นสิ่งสำคัญของชาติไทย เริ่มจากการนำรูปช้างเผือกติดไว้บนธงสีแดง ซึ่งเดิมถือเป็นธงประจำชาติไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นธงไตรรงค์ การกำหนดไว้ในเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้ง 8 ชั้น ชั้นสูงสุดคือ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) การสร้างเหรียญกษาปน์ และธนบัตรรูปช้างสามเศียร แสตมป์ที่มีรูปช้าง การสร้างภาพยนตร์ไทยเรื่องพระเจ้าช้างเผือก ตราสมาคมต่างๆ นอกจากนี้ตราช้างเผือกยังได้รับราชทานพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ 6 ให้ใช้เป็นตราประจำกองลูกเสือของอังกฤษ "King of Siam's Own Troop of Boy Scouts" หรือ "K.S.O." อีกด้วย

    ในปัจจุบัน ยังนำคำว่า "ช้างเผือก" มาใช้ในแวดวงการศึกษาและแวดวงกีฬา ถึงการเปรียบเปรยเยาวชนที่เรียนเก่งระดับหัวกะทิ หรือมีความสามารถทางกีฬาเป็นเลิศ แต่อยู่ในต่างจังหวัด เพื่อให้โควต้าพิเศษเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ และเป็นนักกีฬาทีมชาติ ตามโครงการช้างเผือกด้วย

    ในภาษาอังกฤษคำว่า "white elephant" มีความหมายในเชิงลบ ซึ่งหมายถึงของที่ใหญ่และหายาก แต่มักจะไม่มีใครต้องการ เนื่องจากต้องเสียค่าดูแลหรือค่าบำรุงสูง<SUP class=reference id=cite_ref-1>[2]</SUP>
    http://th.wikipedia.org/wiki/ช้างเผือก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อ ๕-๖ ปี (ณ เมษายน ปีพ.ศ. ๒๕๕๑)ก่อน รัฐบาลพม่าได้พบ หินอ่อนขนาดใหญ่น้ำหนักราว ๗๐ ตัน นำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือว่าเป็นเรื่องมงคลที่ได้พระพุทธรูปหินอ่อนองค์นี้มา ชาวพม่าเชื่อกันว่า เพราะพระพุทธรูปหินอ่อน ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าดีขึ้น ช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง

    เล่ากันว่า หากทำจิตเป็นสมาธิ และเพ่งใจกลางฝ่าพระหัตถ์ที่ประทานพรนี้ จะเห็นเป็นภาพพระพุทธเจ้า เลยถ่ายภาพมาให้เพื่อนๆลองเพ่งกันดู

    พระพุทธรูปหินอ่อนนี้เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร สร้างกระจกหนาครอบอีกชั้นหนึ่งเนื่องจากป้องกันนกเข้าไปทำรัง หินอ่อนจำนวนหนึ่งนำมาจัดสร้างพระอัครสาวกเบื้องขวา และเบื้องซ้าย ตรงกึ่งกลางพระประธานประดิษฐานพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่กลางแจ้งด้านนอก บาตรหินอ่อนขนาดใหญ่ และเสาเทวดา ๔ ทิศ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พี่เพชรไปเที่ยวแต่ละทีมีความรู้ดีๆจริงๆมาเผยแผ่ตลอดเลย

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คุณหนุ่มนี่เข้าใจหาอะไรให้ผมทำอยู่เรื่อยเลยนะ ...555 เท่าที่ทราบนี่ พวกพันธุ์ไม้ทุกชนิดนี่ ทุกประเทศห้ามนำออก ฝ่ายประเทศขาเข้าเขาก็กลัวว่าจะมีเชื้อโรคที่ควบคุมไม่ได้แพร่เข้ามาในประเทศเขา ผมไปพม่าเที่ยวนี้ ใจอยากจะได้ต้นขนุนเนื้อสีแดงของเขามายังต้องกลั้นใจไม่ซื้อมาเลย เพราะดูแล้วไม่ผ่านกรมศุลฯของเขาแน่ เขาขายต้นกล้าคิดเป็นเงินไทยที่ ๖๘๐ บาท(๑๗,๐๐๐ จ๊าด) ผมก็ว่าแพงไปหน่อยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณเพชรไปจีน อย่าลืมช่วยดู "ชาดจอแส" ให้ผมด้วย ถ้ามีฝากซื้อด้วย แต่ถ้ามีเป็นกิ่งต้นรัก ก็ยิ่งดีใหญ่เลยครับ

    ไม่ต้องเยอะครับ เพราะว่า เท่าที่ทราบมา แพงครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เป็นเฉพาะ "ชาดจอแส" ในกระป๋องหรือกระปุกก็ได้ครับ
    ความ"อยากศึกษา"เป็นเหตุนะครับ


    .
     
  14. kwok

    kwok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +4,239
    โอนเงินร่วมทำบุญเหรียญพระมหาเจดีย์ ๑๒ ราศี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มาถึงจุดสุดท้ายคือที่พระเจดีย์กาบาเอ (KABA AYE PAGODA ,World Peace Pagoda) พระเจดีย์นี้อยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบอินยา เป็นทะเลสาบใหญ่กลางใจเมืองย่างกุ้ง เจดีย์นี้สร้างครั้งเมื่อปี ๒๔๙๓-๒๔๙๕ โดยนายอูนู นายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่า เพื่อใช้เป็นชำระพระไตรปิฏกครั้งที่ ๖ ในปี ๒๔๙๗-๒๔๙๙ และเพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่โลก ล่าสุดใช้เป็นที่ประชุมสงฆ์โลกเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๗ ที่ผ่านมา

    พระเจดีย์กาบาเอ เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และพระธาตุของพระอัครสาวกเบื้องขวาคือพระสารีบุตร และพระอัครสาวกเบื้องซ้ายคือพระโมคคัลลานะ ความจริงสถานที่นี้ได้บรรจุพระธาตุอรหันต์อยู่หลายองค์ เท่าที่ผมพบเห็นคือ พระสิวลีอรหันต์เถระเจ้า สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้เจดีย์ทรงกลมสูง เส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ ๓๔ เมตร ทั้งหมดนี้ได้ซ่อนเร้นอยู่ภายใน"ห้องนิรภัย" คล้ายเซฟของธนาคาร เนื่องจากเครื่องทรงของพระพุทธเจ้าจัดสร้างเป็นทองคำทั้งหมด ด้านขวา และด้านซ้ายประดิษฐานด้วยพระอัครสาวกอยู่ภายในบุษบก รูปทรงบุษบกเป็นทรงตั้งที่สวยงามมาก แต่การจัดสร้างบุษบกของเราจะเป็นทรงแนวนอน ลองมาชมหลังจากการจัดสร้างเสร็จสิ้นลงนะครับ ด้วยเหตุนี้หรือไม่ที่พระท่านให้มาชมบุษบกที่ประดิษฐานพระโมคคัลลานะก่อนการจัดสร้างจริง..

    ขอความสวัสดิพิพัฒน์มงคลจงมีแด่เพื่อนผู้น้อมใจสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ พระธาตุเจดีย์ทั้งหลาย รวมทั้งได้ติดตามชม Trip พม่านี้ทุกท่านเทอญ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ได้รับพระแล้วครับ
    ขอขอบคุณพี่เพชรมากครับ
     
  17. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    สาธุ..สาธุ..สาธุ..อนุโมทามิ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446

แชร์หน้านี้

Loading...