สรุปภัยที่เกิดจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ยอดผู้เสียชีวิตช่วงฤดูฝนในอินเดียเพิ่มเป็นเกือบ 80 คนแล้ว

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-07-2551 | 15:45:56 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ลัคเนา 6 กค. - เจ้าหน้าที่อินเดีย รายงานว่า อุทกภัย บ้านพังถล่ม และฟ้าผ่าจากพายุฝน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก อย่างน้อย 14 คน ทางเหนือของอินเดีย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดในช่วงฤดูมรสุมมีจำนวนถึง 79 คน แล้ว
พายุฝนพัดกระหน่ำรัฐอุตตรประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน เมื่อวานนี้ ขณะที่กองทัพได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ เพื่ออพยพประชาชนออกนอกพื้นที่น้ำท่วม
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มฤดูมรสุมในอินเดีย ซึ่งมักอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายนของทุกปี มีรายงานผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 79 คน ทางภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ในปี
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ออสเตรเลียอาจเผชิญภัยแล้งซ้ำซากจากโลกร้อน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-07-2551 | 15:54:32 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เพิร์ธ 6 ก.ค. – ผลการศึกษาของทางการระบุ ออสเตรเลียอาจประสบภัยแล้งที่รุนแรง และบ่อยครั้งขึ้น โดยระบุสาเหตุสำคัญ มาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ผลสำรวจโดยความร่วมมือระหว่างสำนักอุตุนิยมวิทยากับองค์การวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (ซีไซโร) ระบุว่า ความถี่ และพื้นที่ประสบภัยแล้งในอนาคต อาจสูงขึ้นอีก 2 เท่า และมีแนวโน้มที่ปัญหาภัยแล้ง จะรุนแรงขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ ซึ่งคาดว่าในอีก 20-30 ปีข้างหน้า อาจเกิดภัยแล้งขึ้นทุก 2 ปี
ผลสำรวจยังระบุว่า ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงกว่าร้อยละ 50 ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ นับตั้งแต่ทศวรรษปี 1950 ที่ผ่านมา น่าจะเป็นผลกระทบมาจากกาซเรือนกระจก โดยชี้ด้วยว่า กรอบกำหนดพื้นที่ได้รับความช่วยเหลือด้านภัยแล้งของทางการนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และขณะนี้ มีหลายพื้นที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว
ผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อปริมาณการส่งออกข้าวสาลีของออสเตรเลีย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยออสเตรเลีย ซึ่งแต่เดิมเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ อันดับ 2 ของโลก สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีในปีที่แล้ว ได้เพียง 13 ล้านตัน เท่านั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• น้ำท่วมบังกลาเทศไร้ที่อยู่แล้วมากกว่า 20,000 คน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-07-2551 | 16:36:03 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">จิตตะกอง 6 ก.ค. – ฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 16 ราย ขณะที่มีรายงานผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 20,000 คน
เจ้าหน้าที่รายงานว่า เหตุดินถล่มและน้ำท่วมจากอิทธิพลของฝนช่วงฤดูมรสุม คร่าชีวิตประชาชนในเขตค็อกซ์ บาซาร์ ไปแล้วอย่างน้อย 16 ราย ขณะที่ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมในบริเวณที่ลุ่ม ยังคงอยู่ในระดับ 1.3-1.7 เมตร ส่งผลให้มีประชาชนมากกว่า 20,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย
บังกลาเทศมีแม่น้ำไหลตัดกันมากกว่า 200 สาย เมื่อปีก่อน เคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 40 สาเหตุสำคัญเกิดจากการเอ่อล้น ของน้ำปริมาณมหาศาล ภายหลังฝนตกหนัก รวมกับน้ำแข็งที่ละลายลงมาจากเทือกเขาหิมาลัย โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ราย และไร้ที่อยู่อีกหลายล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่าหลายหมื่นล้านบาท
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• 'มาลาเรีย'ระบาดหนัก ป่วย12,188ตายแล้ว26

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ไทยรัฐออนไลน์ [ 07-07-2551 | 04:15 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฤดูฝน มีฝนตกชุกทุกวัน ทำให้เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรีย ซึ่งมียุงก้นป่องป็นพาหะ ยุงชนิดนี้วางไข่เพาะพันธุ์อยู่ตามลำธารในป่าเขา โดยจากข้อมูลของสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-28 มิ.ย. 2551 มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 12,188 ราย จาก 76 จังหวัด เสียชีวิต 26 ราย จังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ ยะลา 2,364 ราย รองลงมา ตาก 2,044 ราย ระนอง 789 ราย ชุมพร 693 ราย และกาญจนบุรี 688 ราย ส่วนจังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วย ได้แก่ หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น และมหาสารคาม
นพ.ปราชญ์กล่าวด้วยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ การระบาดของโรคมาลาเรีย ปี 2550 ซึ่งมีผู้ป่วยทั้งหมด 33,178 ราย เสียชีวิต 97 ราย พบว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกที่สุด จะพบผู้ป่วยโรคมาลาเรียสูงกว่าเดือนอื่นๆโดยเดือนพฤษภาคมมีผู้ป่วย 6,176 ราย เดือนมิถุนายน มี 6,169 ราย และค่อยๆลดลงเหลือไม่ถึง 2,000 ราย ในเดือนธันวาคม ดังนั้น ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมาลาเรีย หรือเดินทางไปในพื้นที่ที่มีโรคมาลาเรีย เช่น เข้าไปเก็บของป่า ท่องเที่ยวในป่า จึงควรระมัดระวังและป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงก้นปล่องกัด โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด นอนในมุ้ง หรือใช้โลชั่นทากันยุง ขณะนี้ยังไม่มียากินป้องกันโรคนี้ล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีไข้ หนาวสั่น มีประวัติอยู่ในพื้นที่ระบาดของโรคนี้ ควรรีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติให้ ละเอียด เพื่อตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรีย และสามารถให้การรักษาอย่างถูกต้อง
ด้าน นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เชื้อมาลาเรียมีทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ ฟัลซิปารั่ม (P.falciparum) ไวแว็กซ์ (P.vivax) โอวาเล่ (P.ovale) และมาลาริอี (P.malariae) แต่ที่พบในไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 50 เป็นเชื้อฟัลซิปารั่ม รองลงมาเป็น ไวแว็กซ์ ส่วน โอวาเล่ พบน้อยมากประมาณปีละ 1-2 ราย อาการของไข้มาลาเรียจะปรากฏหลังได้รับเชื้อประมาณ 10-14 วัน โดยมีลักษณะเฉพาะของไข้ คือ มีไข้สูงและหนาวสั่น ชาวบ้านจึงมักเรียกว่าไข้จับสั่น การเป็นไข้จะขึ้นกับชนิดของเชื้อ โดยหากเป็นเชื้อฟัลซิปารั่ม จะจับไข้ทุก 36-48 ชั่วโมง ส่วนมากจับไข้ทุกวัน และอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ เหลืองซีด ปัสสาวะดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เชื้อไวแว็กซ์ และโอวาเล่ จะจับไข้ทุก 48 ชั่วโมง หรือจับวันเว้นวัน ส่วนมาลาริอี จับไข้ทุก 72 ชั่วโมง หรือวันเว้นสองวัน ทั้งนี้ การรักษาโรคมาลาเรียมีความแตกต่างกันในเชื้อแต่ละชนิด จึงต้องมีการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อก่อนให้ยาทุกครั้ง ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ควรซื้อยารักษามาลาเรียกินเอง และเมื่อได้รับยารักษาโรคมาลาเรียไปแล้ว ต้องกินยาให้ครบ ห้ามหยุดยาก่อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อมาลาเรียดื้อยาได้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• คลื่นความร้อนใกล้สร้างปัญหาหนักกับนักผจญเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนีย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น [ 07-07-2551 | 07:27:50 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">คลื่นความร้อนใกล้จะสร้างปัญหาหนักให้กับนักผจญเพลิง ที่กำลังควบคุมไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย
นักผจญเพลิงหลายคนที่อยู่ในสภาพเหน็ดเหนื่อย จากการพยายามควบคุมไฟป่า ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังจะประสบกับปัญหาที่หนักขึ้นอีก หลังเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศรายงานว่า จะเกิดคลื่นความร้อน ที่จะทำให้อากาศแห้ง และร้อนขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะพุ่งขึ้น ระหว่าง 32-37 องศาเซลเซียสในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ความพยายามในการควบคุมเพลิง เริ่มริบหรี่ลง ทั้งๆ ที่ช่วงคืนที่ผ่านมา แรงลมอยู่ในระดับต่ำ และการควบคุมเพลิง 2 พื้นที่ใหญ่ ในตอนกลางและตอนใต้เกิดความคืบหน้าไปบ้าง
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เกิดไฟป่าเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เพลิงได้เผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วทั้งสิ้น 222,235 เฮกเตอร์ แต่นักผจญเพลิงยังคงเน้นการดับไฟป่าใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คือ ที่เมืองโกเลตา ใกล้กับเมืองเมืองซานตา บาร์บาร่า ซึ่งมีระยะทางห่างจากนครลอสแองเจลีส 165 กิโลเมตร
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุโซนร้อนเบอร์ธาอาจจะมีกำลังแรงเป็นเฮอร์ริเคนในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [ 07-07-2551 | 08:36 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานเมื่อวานนี้ว่า พายุโซนร้อนเบอร์ธา อาจจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นเฮอร์ริเคนลูกแรกของฤดูเฮอร์ริเคนในแอตแลนติกปีนี้ โดยขณะนี้พายุซึ่งก่อตัวขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ใกล้หมู่เกาะเคปเวิร์ด ในแอฟริกา กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก และคาดว่าจะมีกำลังแรงขึ้นอย่างช้าๆ ใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า และอาจจะมีกำลังแรงถึงระดับเฮอร์ริเคนได้ แต่พายุเบอร์ธายังไม่ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ผืนแผ่นดิน และคาดว่าความเร็วของพายุอาจจะลดลงในช่วง 2 วันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า พายุจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ใด
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• แผ่นดินไหวที่ MYANMAR-CHINA BORDER REGION

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย กรมอุตุนิยมวิทยา [ 07-07-2551 | 09:50 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ควันไฟป่าจากอินโดนีเซียเริ่มปกคลุมหลายพื้นที่ของสงขลา

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-07-2551 | 09:31:04 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">สงขลา 7 ก.ค. - เช้าวันนี้ถนนหลายสาย ของอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดต่ำลง
เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นควันไฟป่าจากเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ถูกมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคใต้ ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ประสานไปยังกรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจสอบปริมาณฝุ่นละอองในอากาศว่า ส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ และเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงการอยู่นอกตัวอาคาร
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ชี้แผ่นดินไหวใหญ่เสฉวนเพิ่มแรงดันให้รอยเลื่อนแถวนั้น

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-07-2551 | 11:05:38 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">วอชิงตัน 7 ก.ค.- คณะนักธรณีวิทยาสหรัฐชี้ว่า แผ่นดินไหวใหญ่ที่มณฑลเสฉวน ของจีน เมื่อเดือน พ.ค. ทำให้รอยเลื่อนสำคัญในบริเวณนั้น เกิดแรงดัน เสี่ยงเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อกครั้งใหญ่ แม้แต่ในพื้นที่ที่ไกลออกไปถึง 240 กิโลเมตร
คณะนักธรณีวิทยาที่ศูนย์วิจัยธรณีวิทยาสหรัฐเผยในวารสารเนเจอร์ว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.9 เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่มณฑลเสฉวนของจีน สร้างความเสียหายอย่างมากมาย แต่อาจไม่หยุดแค่นั้น เพราะมีความเป็นไปได้ ที่จะเกิดอาฟตอร์ช็อกใหญ่ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากแผ่นดินไหว ได้เพิ่มแรงดันให้แก่รอยเลื่อนสำคัญทั้งในและรอบ ๆ ที่ราบเสฉวน ปกติแล้วการเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่ ทิ้งช่วงหลายสิบปี หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในทุกพื้นที่ ดังนั้น การกำหนดพื้นที่เสี่ยงเกิดอาฟเตอร์ช็อกใหญ่ในอนาคต จึงเป็นประโยชน์มากต่อการดำเนินมาตรการบรรเทาภัยให้ถูกจุด
แผ่นดินไหวที่เสฉวนสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านหยวน (ราว 5 ล้านล้านบาท) ประชาชน 10 ล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวตรวจจับอาฟเตอร์ช็อกได้ อย่างน้อย 150 ครั้ง ความรุนแรงมีตั้งแต่ 4-6 และยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.9 ได้ นอกจากนี้แผ่นดินไหวครั้งนั้น ยังทำให้เกิดรอยแยกเป็นระยะทางถึง 9 เมตร ตามแนวระหว่างภูเขาหลงเหมินกับที่ราบเสฉวนอีกด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• เผยดาวพุธหดตัวลง

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-07-2551 | 14:56:31 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">บีบีซี นิวส์ 7 ก.ค.- ยานอวกาศเมสเซนเจอร์ รายงานว่า ดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่สุดของระบบสุริยจักรวาล กำลังมีขนาดเล็กลง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้รับจากยานอวกาศเมสเซนเจอร์เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า เส้นผ่าศูนย์กลางของดาวพุธหดตัวลงไปจากเดิมกว่า 1.5 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสาเหตุของการหดตัว เนื่องจากแกนกลางของดาวพุธ เย็นตัวลงอย่างช้า ๆ
ผลการศึกษาที่นำมาตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ แสดงให้เห็นถึง กระบวนการเดียวกันนี้ ส่งผลไปถึงสนามแม่เหล็กของดาวพุธ ด้วยเช่นกัน อีกทั้งเชื่อว่าการหดตัวของดาวเคราะห์ดวงนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างน้อย 1 ใน 3
ยานอวกาศเมสเซนเจอร์ เดินทางผ่านดาวอังคารเมื่อต้นปีนี้ โดยลอยตัวอยู่เหนือ ดาวดวงนี้เพียง 200 ก.ม. และเป็นครั้งแรกที่ยานอวกาศเข้าใกล้ดาวพุธมากที่สุด นับตั้งแต่ยานอวกาศมาริเนอร์เคลื่อนผ่านดาวดวงนี้ในเดือน มี.ค. 2518
การเคลื่อนตัวผ่านดาวอังคารเผยให้เห็นหลักฐานว่า เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ และพบร่องรอยแอ่งลึกคล้าย ๆ กับที่เกิดบนดาวอังคารและดวงจันทร์ ซึ่งแอ่งบนดาวพุธเต็มไปด้วยหินร้อน (ลาวา) จำนวนมาก ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีปริมาณลาวาลึกถึง 2.7 กิโลเมตร
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">

• เซี่ยงไฮ้เผชิญไฟดับ ช่วงอากาศร้อนระอุ

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-07-2551 | 16:26:03 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> เซี่ยงไฮ้ 7 ก.ค. – สื่อทางการจีนรายงานว่า พื้นที่บางส่วนในนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในวันนี้ ขณะที่บริษัทผลิตไฟฟ้า พยายามเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงอากาศร้อนระอุ
หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ เดลี่ รายงานว่า นครเซี่ยงไฮ้ เผชิญกับสภาพอาการที่ร้อนระอุ มาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันเสาร์ที่มีอากาศร้อนถึง 38.8 องศาเซลเซียส ถือเป็นวันที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด นับแต่เคยมีการบันทึกมา นายหวัง ชางซิง เจ้าหน้าที่พลังงานท้องถิ่นระบุว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในนครเซี่ยงไฮ้ เต็มที่ถึงขีดสุด และยังใช้ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองด้วย คาดว่าอาจต้องเผชิญ ปัญหาขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยานครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า สภาพอากาศในสัปดาห์นี้จะร้อนถึง 35 องศาเซลเซียสต่อไปอีกอย่างน้อย 3 วัน
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ปัญหาขาดแคลนพลังงาน ยังเกิดขึ้น ในมณฑลรอบๆ นครเซี่ยงไฮ้ ทำให้สามารถส่งไฟฟ้าสำรองไปให้นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมได้เพียงเล็กน้อย
จีนมักประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานช่วงหน้าร้อน ในพื้นที่หลายแห่งของประเทศ โดยเฉพาะทางใต้และตะวันออก ที่ประชากรมีฐานะดีกว่า และมีความต้องการใช้ ไฟฟ้ามาก เนื่องจากมีการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น คณะกรรมการกำกับดูแล ไฟฟ้าของรัฐ แถลงเมื่อเดือน มิ.ย.ว่า จีนอาจเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงาน อย่างรุนแรง ฤดูร้อนนี้
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• ตื่น"พายุหมุน"-กลางทะเลกระบี่

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย ข่าวสดรายวัน ปีที่ 18 ฉบับที่ 6431 วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2551</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%">
พายุทะเล- ภาพพายุงวงช้างก่อตัวในทะเลกระบี่ ระหว่างเกาะพีพีกับเกาะศรีบอยา ชาวบ้านบนฝั่งแห่ดูกันอย่างตื่นเต้น แต่พอพายุเคลื่อนใกล้ชายฝั่งก็สลายตัวไป โดยไม่ได้สร้างความเสียหายแก่เรือประมงหรือหมู่บ้านใดๆ เมื่อ 7 ก.ค.
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 7 ก.ค. เกิดท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตกบริเวณระหว่างหน้าเกาะพีพี อ.เมือง กับเกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ทะเลคลื่นลมเงียบสงบ หลังจากนั้นมีก้อนเมฆฝนขึ้นเป็นทิวยาวทอดกับทะเล ก่อนจะปรากฏก้อนเมฆสีดำแหลม ยื่นลงมาจากท้องฟ้าลงมาในทะเล ผู้คนที่อยู่ใกล้กับชายฝั่งต่างวิ่งกันออกมาดูด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายฝั่ง บริเวณท่าเทียบเรือโดยสารปากคลองจิหลาด หมู่ 7 ต.ไสไทย จะเห็นได้ชัดที่สุด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นพายุหมุน
หลังจากนั้น พายุหมุนเพิ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยหมุนพัดเอาน้ำทะเลฟุ้งกระจายเห็นได้อย่างชัดเจน และมุ่งหน้าไปยังบ้านเกาะปู เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง เรือประมงพื้นบ้านต่างแล่นเข้าชายฝั่ง เพราะเกรงว่าอาจจะได้รับอันตราย แต่เมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งต.ตลิ่งชัน พายุดังกล่าวก็หายไปทันที หลังจากนั้นมีลูกที่ 2 ก่อตัวขึ้นมาอีก แต่ยังไม่ลงมาถึงผิวน้ำก็หายไป
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังเกาะพีพี เกาะปู เกาะศรีบอยา ต.ตลิ่งชัน ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหายจากพายุแต่อย่างใด เพราะพายุดังกล่าวเกิดขึ้นในทะเล ไม่ตรงกับชุมชนและหมู่บ้าน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• เฮอริเคนเบอร์ธา ทวีกำลังแรงขึ้นมุ่งหน้าไปยังเบอร์มิวดา

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 08-07-2551 | 09:15:19 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> ไมอามี 8 ก.ค.- เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาสหรัฐเผยว่า เฮอริเคนเบอร์ธา ทวีกำลังเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ กลายเป็นเฮอริเคนใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น มีความเร็วลมคงที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังมุ่งหน้าไปยังเบอร์มิวดา ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในมหาสมุทรแอตแลนติก
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า เฮอริเคนเบอร์ธา เป็นเฮอริเคนลูกที่ 2 ประจำฤดูเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปี 2551 ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก-ตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความรุนแรงระดับ 3 คาดว่าจะค่อย ๆ เปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และจะมีกำลังลดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะสภาพบรรยากาศระหว่างเส้นทางไม่เอื้อให้รุนแรงขึ้น คาดว่าเฮอริเคนจะเคลื่อนเข้าใกล้เบอร์มิวดา ดินแดนโพ้นทะเลที่เก่าแก่ที่สุด ของอังกฤษที่ยังหลงเหลืออยู่ และเป็นพื้นที่ที่มีภูมิคุ้มกันในการต้านทานเฮอริเคน เพราะอาคารก่อสร้างอย่างแข็งแรง ขณะที่ประชาชนมีความตื่นตัวในเรื่องพายุ
นักอุตุนิยมวิทยาสหรัฐพยากรณ์ว่า ช่วงฤดูเฮอริเคนนาน 6 เดือนของปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จะมีพายุในระดับเกณฑ์เฉลี่ยหรือมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ปกติแล้วระดับเกณฑ์เฉลี่ยจะมีพายุประมาณ 10 ลูก ในจำนวนนี้ 6 ลูกจะมีความเร็วลมราว 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• เฮอริเคน"พอล"เตรียมพัดเข้าถล่มชายฝั่งทะเลของเม็กซิโกวันพรุ่งนี้

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย ช่องเจ็ดสี [ 08-07-2551 | 11:20 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ เตือนบรรดานักท่องเที่ยว และประชาชน ที่อยู่ตามแนวชายฝั่งทะเล ทางตอนใต้ของแหลมบาฮา แคลิฟอร์เนีย ของเม็กซิโก ให้เตรียมรับมือกับ พายุเฮอริเคน "พอล" ที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุ่งหน้าพัดเข้าถล่มพื้นที่ชายฝั่งทะเล ของเม็กซิโกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยว และเจ้าของกิจการในรีสอร์ทหรูแถบเมือง ลอส คาบอส ต่างก็เตรียมรับมือกับความรุนแรงของพายุ ซึ่งอาจก่อให้เกิดลมกระโชกแรง พายุฝนฟ้าคะนอง สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง และนอกจากนี้ อาจต้องมีการสั่งระงับเที่ยวบิน ที่จะบินในเส้นทางพัดผ่าน ของเฮอริเคนลูกนี้ เป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยด้วย
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">

• โคลน-หินถล่มทับหมู่บ้านในเสฉวน ตายชัวร์ 9 คน

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 08-07-2551 | 12:56 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 9 คน หลังเกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้ดินโคลนและหิน แถบภูเขาถล่มลงมาทับบ้านเรือนหลายหลัง ในเมืองเหลียงชาน มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยเชื่อว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากยังมีชาวบ้านอีกอย่างน้อย 6 คน ถูกฝังอยู่ใต้กองโคลน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยกันค้นหาอยู่
ก่อนหน้านี้มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลาง และ 6 คนในมณฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ หลังเกิดฝนตกหนัก ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี ระบุว่า ฝนตกหนักและน้ำท่วมทั่วประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 250 คน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• เกิดเหตุแผ่นดินไหวทางใต้ของญี่ปุ่น

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 08-07-2551 | 15:47:35 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> โตเกียว 8 ก.ค. - สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.0 ริกเตอร์ ทางภาคใต้ของญี่ปุ่นในวันอังคารนี้ แต่ไม่มีความเสี่ยงคลื่นยักษ์สึนามิตามมา รวมทั้งไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.42 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 14.42 น.ในไทย บริเวณเกาะโอกินาวา ทางใต้สุดของญี่ปุ่น โดยมีศูนย์กลาง อยู่บริเวณน่านน้ำ ของเกาะโอกินาวา และอยู่ลึกลงไป 50 กิโลเมตร ทั้งนี้ญี่ปุ่น ประสบเหตุแผ่นดินไหวร้อยละ 20 ของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งครั้งรุนแรงล่าสุดเกิดขึ้นในเขตมิยางิ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่มีผู้เสียชีวิต 12 คน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ชาติ ระบุเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญภาวะตกต่ำ

<dd>แถลงการณ์ของที่ประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ชาติ หรือจี 8 ระบุว่า ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเสี่ยงต่อการเผชิญกับความผันผวนและภาวะตกต่ำ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง </dd> <dd>การประชุม จี 8 ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการประชุม 3 วัน ที่ประเทศญี่ปุ่น บรรดาผู้นำจากประเทศสมาชิก ซึ่งประกอบด้วย ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี รัสเซีย และสหรัฐ ได้คาดการณ์ในด้านบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกว่า เศรษฐกิจในประเทศสมาชิกจะยังคงมีความยืดหยุ่นในระยะยาว ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกจะยังคงตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเผชิญกับความผันผวนและภาวะตกต่ำ </dd> <dd>ขณะที่ผู้นำจี 8 เปิดเผยว่า จะจัดให้มีการประชุมซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันหารือกัน เพื่อให้มีการใช้พลังงานและเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ</dd>
http://thainews.prd.go.th

 

โลกร้อน สาเหตุทำไวรัสระบาดสัตว์

​

นอกจากอากาศบนโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความแห้งแล้งไปจนถึงน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคระบาดในปศุสัตว์และสัตว์ป่า

นายเครก แพ็กเกอร์ นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ตัวอย่างการระบาดของโรค เช่น เชื้อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัส ที่คร่าชีวิตสิงโตที่อุทยานแห่งชาติซีเรนเกตติ ประเทศแทนซาเนีย เมื่อพ.ศ. 2537 และที่แอ่งโงรองโกโร เมื่อ พ.ศ. 2544 สิงโตมีอาการชักอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ฟันกระทบกันดังกึกๆ น้ำลายฟูมปาก การชักกินเวลา 2-3 นาที แล้วก็ชักใหม่ แม้สิงโตบางตัวรอดชีวิต แต่สุขภาพร่างกายก็เปลี่ยนแปลง มันผอมลง ซึม อ่อนเพลียเพราะโลหิตจางลง ต่อมน้ำเหลืองโต ครั้งนั้นมีสิงโตตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด"

นางลินดา มันสัน นักพยาธิวิทยาสัตว์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส กล่าวว่า "ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีไวรัสระบาดในระบบนิเวศ สาเหตุที่ไวรัสระบาดเมื่อ พ.ศ. 2537 และ พ.ศ. 2544 น่าจะมาจากก่อนหน้านี้พื้นที่ทั้งสองแห่งแล้งจัด กระทั่งต่อมาฝนตก ควายเคปซึ่งเป็นเหยื่อของสิงโตมีร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อจากเห็บ เมื่อสิงโตไปกินควายเคปมันจึงติดเชื้อนี้ เลือดมันก็ติดเชื้อปรสิตด้วย เมื่อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัส เข้าไปกดระบบภูมิคุ้มกันของสิงโตที่เลือดติดเชื้อปรสิต สิงโตจึงชักและตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผึ้งที่หายหน้าหายตาไปยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง พวกมันอาจติดเชื้อเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง ผึ้งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการผสมเกสรของแอปเปิ้ล ส้ม มะนาวเป็นอย่างมาก"​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระทึก!เหตุยิงปะทะหน้าสถานกงสุลมะกันในตุรกี มือปืน-ตำรวจดับแล้ว 5</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กรกฎาคม 2551 17:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จุดเกิดเหตุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี – สถานีโทรทัศน์เอ็นทีวีรายงาน เกิดเหตุยิงปะทะกันหน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในกรุงอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรกี ทำให้มือปืนนิรนาม 3 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจตุรกี 2 นายเสียชีวิต

ชายติดอาวุธ 3 คน ขับรถสีขาว เปิดฉากยิงป้อมตำรวจนอกสถานกงสุล ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนาแน่น ในเขตอิสตินเย เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 15.00 น. ตามเวลาของไทย พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่า

พยานยังเสริมว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงได้ยิงตอบโต้ ทำให้มือปืนทั้ง 3 รายเสียชีวิตในทันที โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเสียชีวิตขณะยิงปะทะกัน ซึ่งรายหนึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกรายทนพิษบาดแผลไม่ไหว ไปสิ้นลมที่โรงพยาบาล

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตำรวจอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกัน ซึ่งกินเวลานานประมาณ 8 นาที

ส่วนรถสีขาว ซึ่งขับโดยผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนหนึ่ง ได้หลบหนีออกไป หลังโจมตี และกลายเป็นเป้าให้ตำรวจถล่มกลับได้

ด้าน สถานกงสุลได้ย้ายมาตั้งในสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยในระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2003 ขณะที่ ภารกิจของสหรัฐฯ ในต่างชาติทั่วโลกได้ปรับมาตรการความมั่นคงขึ้น หลังเกิดเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ที่โจมตีมหานครนิวยอร์ก

สำหรับ การโจมตีล่าสุดที่เกิดกับหน่วยงานต่างชาติในตุรกีมีขึ้นในปี 2003 เมื่อกลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะห์ก่อเหตุคาร์บอมบ์ นอกสถานกงสุลอังกฤษ ในกรุงอิสตันบุล และก่อเหตุซ้ำซ้อนที่ธนาคารเอชเอสบีซีในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คาร์บอมบ์โจมตีสถานทูตอินเดียในอัฟกันคาดตายเกลื่อนบาดเจ็บนับร้อย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 กรกฎาคม 2551 13:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เหตุโจมตีสถานทูตอินเดียในอัฟกานิสถาน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - เกิดเหตุคนร้ายขับรถติดตั้งระเบิดเต็มคันพุ่งเข้าชนประตูสถานทูตอินเดียในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน วันนี้ (7) กระทรวงมหาดไทย ระบุ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ทว่า กระทรวงสาธารณสุขคาดตัวเลขผู้เสียชีวิตมีกว่า 20 ราย และบาดเจ็บทะลุร้อยคนแล้ว

แรงระเบิดได้ทำลายรถยนต์ 4 คน บริเวณด้านนอกของสถานทูตซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เลือดและอวัยวะของเหยื่อกระจัดกระจายทั่วจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้ผู้เห็นเหตุการณ์ชาวอัฟกานิสถานบอกกับเอเอฟพีว่าคนร้ายขับรถพุ่งเข้าชนประตูของสถานทูต

“มันคือคาร์บอบม์ฆ่าตัวตายบริเวณด้านหน้าสถานทูตดินเดีย” เซมาไร บาซารี โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าว “มีทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ ณ เวลานี้ผมยังไม่ทราบจำนวน”

เจ้าหน้าที่ของสถานทูตให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีผ่านโทรศัพท์ว่า “สถานทูตถูกโจมตี” แต่เขาไม่ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม ขณะที่พนักงานของสถานทูตคนอื่นๆ ไม่สามารถติดต่อได้

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข อับดุลเลาห์ ฟาฮิม เปิดเผยว่า หน่วยฉุกเฉินได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกไปแล้ว 7 ศพ แต่คาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้ “หน่วยฉุกเฉินคาบูลได้เคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต 7 ศพและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย แต่นี่ยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้าย เรายังไม่มีตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่แน่ชัด”

เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในชั่วโมงเร่งด่วนส่งผลให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งไปบนท้องฟ้าและเสียงระเบิดได้ยินไกลไปทั่วศูนย์กลางของเมือง นอกจากนี้แรงระเบิดยังส่งผลให้กระจกหน้าต่างร้านค้าหลายแห่งแตกกระจายปลิวไปหลายร้อยเมตร ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงาน

ตำรวจรุดไปปิดกั้นจุดเกิดเหตุทันทีและห้ามประชาชนเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาบูลถูกโจมตีด้วยระเบิดและระเบิดฆ่าตัวตายหลายระลอก โดยทางการกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏอิสลาม ส่วนใหญ่คือ ตอลิบาน อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์นี้ทางโฆษกของกลุ่มยังปฏิเสธแสดงความคิดเห็น

อีกด้านหนึ่งในส่วนตัวเลขของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่ยังไม่แน่ชัดนั้น ล่าสุดทางเอเอฟพีได้อ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของอัฟกานิสถานที่บอกว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 28 รายบาดเจ็บถึง 141 คน

“จำนวนของผู้เสียชีวิตตอนนี้ คือ 28 ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมี 141 ราย ครึ่งหนึ่งของพวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาล” โฆษกกระทรวงสาธารณสุขบอก พร้อมระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ได้รับจากหลายโรงพยาบาล
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อิหร่านขู่บอมบ์อิสราเอลหากถูกสหรัฐฯ โจมตี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กรกฎาคม 2551 15:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=265 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=265> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อยาโตเลาะห์ อาลี คอเมนี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - อิหร่านจะลงมือถล่มอิสราเอลและทหารเรือสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย สำหรับการตอบโต้แรกหากสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ อยาโตเลาะห์ อาลี คอเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เตือนวันนี้ (8)

“กระสุนลูกแรกของสหรัฐฯที่ยิงใส่อิหร่าน อาจทำให้ผลประโยชน์สำคัญของอเมริกาทั่วโลกต้องลุกเป็นไฟ” อาลี ชีราซี ผู้บังคับการทหารเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านผู้แทนของคอเมนีกล่าว

“เทล อาวีฟ และกองกำลังสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย คือ เป้าหมายที่จะลุกเป็นไฟจากการตอบโต้อย่างย่อยยับของอิหร่าน” สำนักข่าวฟาร์สนิวส์รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของชีราซี

สหรัฐฯ และอิสราเอล พันธมิตรในภูมิภาค ไม่เคยปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารโจมตีที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งชาติตะวันตกกลัวว่าเตหะรานมีเป้าหมายพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ช่วงปลายเดือนมิถุนายน นิวยอร์กไทมส์ หนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลที่สุดฉบับหนึ่งของสหรัฐฯ อ้างเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ว่า อิสราเอลกำลังฝึกฝนทหารสำหรับปฏิบัติการโจมตีต่ออิหร่าน

ถัดมาต้นเดือนกรกฎาคม ข่าวโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ก็กระพือความกลัวขึ้นอีกครั้งจากการรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่า ความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์อิหร่านกำลังมีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้อิหร่านลุกขึ้นมาโต้ตอบทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>