ลำนำเพลงรักของนักกลอน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 8 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สาธุค่ะ
    อนุโมทนาในกุศลเจตนานะคะ
     
  2. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    อนุโมทนา สาธุคะพี่ติงติง
    บางครั้งถ้าพี่ติงยุ่งๆ จนไม่มีเวลาทานอะไร ก็ลองหานมกล่องถั่วเหลือง น้ำผลไม้ติดไว้บ้างนะคะ เพราะบางทีร่างกายเราต้องการน้ำตาลอ่ะคะ:cool:
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขออนุโมทนาบุญนะคะคุณธานินทร์:boo:
    ขอบคุณมากค่ะน้องอัญ....ปกติพี่จะมีขนมและน้ำดื่มติดรถตลอดค่ะ คราวนี้ไม่มี.....:cool:
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    พญาอนันตนาคราช

    มหานาคะ มหานาคี เทวีนาคกลัยาณี มหานาคะ เทวา ชะยะ เตตี เตติ
    พาหนะคู่บารมีของพระนารายณ์
    คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ
    มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้แต่เดิมพญานาคราชมีพระนามเดิมว่า
    พญาเศษะ นาคราช ทรงเป็นโอรสองค์แรกของพระกัศยปะ และ นางกัทรุ พญาอนันตนาคราช
    เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและได้ตามเสด็จพระนารยณ์เสมอ

    นาคเป็นงูใหญ่ บนหัวมีหงอน ที่คางมีเครา ลำตัวมีเกล็ดและปลายหางมีลวดลายงดงาม มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงตัวได้ และสามารถบันดาลให้เกิดฝนได้ด้วย เรียกว่า นาคให้น้ำ นาคในวรรณคดีไทย นอกจากจะมี ๑ หัวแล้ว ยังปรากฏนาคที่มี ๗ หัว เรียกว่า นาคเจ็ดเศียร พญาอนันตนาคราช มี ๑,๐๐๐ เศียร อนันตนาคราชขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ หลังจากที่พระนารายณ์ปราบผู้ที่มารบกวนเทวดาและมนุษย์ได้แล้ว อนันตนาคราชสามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์ด้วย
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ความเชื่อของพญานาคกับพระพุทธศาสนา
    ตามตำนาน พญานาค มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ มุจลินท์ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำ ๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ มุจลินท์ เข้ามาวงด้วยขด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
    ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองพระศาสดา
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงเรื่องราวของพญานาคมากมายหลายแห่ง
    นับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาส ได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้มากนัก พญานาคหรือนาคราช หมายถึงกายทิพย์ชนิดหนึ่ง จัดเข้าในเดรัจฉาน ภูมิ เป็นสัตว์ที่เป็นทิพย์ เป็นราชาแห่งงู ประดุจราชาแห่งมนุษย์ ในสุทธกสูตร กล่าวถึงพญานาคว่า มีกำเนิด ๔ อย่างคือ ๑.เกิดในฟองไข่ เรียกว่า อัณฑชะ ๒.เกิดในครรภ์ เรียกว่า ชลาพุชะ ๓.เกิดในสิ่งที่ไม่สะอาดหมักหมม ในเหงื่อ ไคลเรียกว่า สังเสทชะ ๔.เกิดแล้วโตทันที เรียกว่า โอปปาติกะ (สุทธกสูตร มก.๒๗/๕๕๖)
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เมืองพญานาค หรือเมืองบาดาล
    ในเมื่อมีเมืองมนุษย์ หรือโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ หรือเมืองสวรรค์ ก็ต้องมีเมืองบาดาล (เมืองพญานาค) สองเมืองนอกจากเมืองมนุษย์แล้วหลายคนก็คงต้องอยากไปเป็นแน่ วิสัยของมนุษย์ชอบในสิ่งที่ท้าทาย ยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากพบ อยากเห็นเมืองบาดาลอยู่ใต้เมืองมนุษย์ลงไปในใต้ดิน 16 กิโลเมตร (ตามความเชื่อ) มีคำเล่าลือเกี่ยวกับเมืองบาดาลในเขต อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย (แต่อย่าอุตริขุดไปหาพญานาคก็แล้วกัน)
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    มนตร์บูชาพญาอนันตนาคราช
    นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี
    สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช

    มนตร์นี้เป็นภาษาที่พราหมณ์อินเดียใช้ในการบูชา
    และวันที่จะบูชาจะตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือนศราวัน(เดือนกรกฏาคม-สิงหาคม)ของทุกปีค่ะ ซึ่งจะเรียกว่า"วัน นาค
    ปัญจมี "
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    คาถาอัญเชิญพญานาค
    ตั้งนะโม 3 จบ
    นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะ
    ปิสะโตฯ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    พระคาถาถวายการสักการะบูชา
    เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง
    หรือกล่าวเฉพาะ
    กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา (ชื่อพระนามอย่างเช่น องค์ วาสุกรีนาคราช,อนันตนาคราช,ภุชงค์นาคราช,นาคาธิบดีศรีสุทโธ,) วิสุทธิเทวาปูเชมิ ถ้าเป็นองค์นางพญานาคี ก็เปลี่ยนเป็น นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
    (เช่น กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา วาสุกรีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ
    หรือ
    กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
    หรือ
    กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ)

    คาถาบูชาอีกบทหนึ่ง
    นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช
    หรือกล่าวย่อ คือ
    คัด สะ มะ อุ มะ
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ราชาแห่งนาคทั้งมวลในตำนวนของฮินดู อนันตเศษ (อะ-นัน-ตะ-เส-สะ) หรือ อนันตนาคราช มีขนาดตัวเป็นอนันต์สมชื่อ เพราะเป็นผู้นอนอยู่ในเกษียรสมุทรและให้พระนารายณ์นอนบนหลัง บางตำนานเล่าว่าดาวนพเคราะห์นั้นก็ตั้งอยู่บนพังพานของอนันตนาคราช ส่วนหัวซึ่งมีตั้งแต่ห้าหัวถึงหนึ่งพันนั้นไม่พ่นพิษเหมือนนาคอื่นๆแต่เป็นเปลวไฟ และอนันตนาคราชก็จะร้องเพลงสรรเสิญบารมีของพระนารายณ์เป็นนิจ

    ในตำนานเล่าว่าตอนที่เหล่านาคเล่นโกง ที่แม่ไปพนันกับนางวินตาซึ่งเป็นแม่ของพญาครุฑ (ทั้งคู่พนันสีม้าของพระอาทิตย์ เหล่านาคนั้นพ่นพิษใส่จนหางของม้าพระอาทิตย์เป็นสีดำ บ้างก็ว่าเหล่านาคตัวเล็กๆได้เลื้อยเข้าไปแทรกในขนสีขาวจนดูสีดำเป็นหย่อม) อนันตเศษนั้นรังเกียจบรรดาน้องๆเลยหนีไปจำศีลอยู่ตัวเดียว เวลาผ่านไปพระพรหมก็มาเจอเข้า เมื่อทราบว่าอนันตเศษไม่ชอบใจที่น้องโกงพนันเลยให้ไปนอนในเกษียรสมุทรเป็นเตียงให้พระนารายณ์ คำสาปที่ทำให้ครุฑจับนาคกินได้จึงไม่รวมถึงอนันตเศษด้วย

    ตำนานที่ดุเดือดของอนัตเศษที่สุดนั้นกล่าวว่าครั้งหนึ่งอนันตเศษเคยโผล่หัวขึ้นไปบนสวรรค์ (ไม่ใช่มุข เพราะตัวยาวจนไม่ต้องขึ้นไปทั้งตัว) และโอ้อวดกับเหล่าเทวดาว่า ในสามโลกนี้มีแต่ตรีมูรติเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือตน หากใครไม่เชื่อแล้วก็จงมาประลองกำลังกันเถิด เหล่าเทวดากลัวหัวหด มีแต่พระพายที่กล้าพอ คิดว่าอย่างไรนาคตัวนี้ก็เป็นแค่ดิรัจฉาน การจำมาท้าตีท้าต่อยกับเทวดาจึงนับว่าโอหังนัก

    พระพายรับคำท้า ว่าแล้วพญาอนันตนาคราชก็เอาตัวเองพันรอบภูเขาลูกหนึ่งไว้ บอกว่าให้พระพายลองทำลายภูเขานี้ดู พระพายนั้นใช้กำลังสร้างพายุรุนแรงหมายจะพัดทำลายภูเขานั้นให้ยับเยิน แต่อนันตเศษก็ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นแล้วแผ่พังพานป้องไว้ได้ทุกครั้ง สุดท้ายพระพายจึงทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีโดยดึงเอาลมในตัวสัตว์โลกทั้งมวลมาใช้ด้วย แต่ก็ถูกอนันตเศษกลืนเข้าไปทั้งตัว ทีนี้เมื่อไม่มีพระพายแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายก็หายใจไม่ออก ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาบอกเตียงหลังโปรดให้คายพระพายออกมา อนัตนาคราชทำตาม ปรากฏว่าตอนที่อนันตนาคราชคายพระพายมานั้นก็บังเกิดเป็นลมรุนแรงพัดไปโดนภูเขาที่พันไว้จนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งพระพายและอนันตนาคราชต่างก็นับถือในกำลังของกันและกัน เลยตกลงว่าการประลองครั้งนี้เป็นเสมอ

    บางที่ที่ค้นเจอ ยกบทนาคที่พันเขาพระสุเมรุไว้ตอนกวนเกษียรสมุทรให้อนันตนาคราชด้วย แต่จริงๆแล้วนาคที่รับบทนี้ก็คือพญาวาสุกี
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    หลวงปู่ดามัญ เป็นพระภิกษุไทยที่ออกธุดงค์อยู่ในประเทศกัมพูชา นานหลายปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2544 ขณะที่หลวงปู่ดามัญ ปฏิบัติสมาธิภาวนาตามปกติที่เคยปฏิบัติเป็นวัตร อยู่ภายในถ้ำเขากุเลน ประเทศกัมพูชา ได้เกิดนิมิตเห็น หลวงปู่สรวง, หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต และปู่ฤๅษีอีกหลายองค์ ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงปู่ดามัญ ได้กล่าวว่าให้หลวงปู่ดามัญ เดินทางมาที่จังหวัดปราจีนบุรี ให้กลับมาดูแลฟื้นฟูสถานที่ ที่หลวงปู่ดามัญ ได้เคยก่อสร้างบ้านเมือง, วัดวาอาราม, ปราสาท ไว้ที่วังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร เมื่อครั้งในอดีตชาติ ซึ่งจากนิมิตในปี พ.ศ. 2544 หลวงปู่ดามัญก็บอกกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่ายังไม่พร้อมที่จะกลับมาประเทศไทย และเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 หลวงปู่ดามัญ จึงตัดสินใจธุดงค์มาที่วังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร วัดหว้าเอน จว.ปราจีนบุรี ซึ่งในปี พ.ศ. 2548 วังนาคินทร์เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร มีสภาพเป็นป่ารกร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่บนเนินเขา คืนแรกหลวงปู่ดามัญ จึงปักกลดบริเวณบ่อน้ำทิพย์ บนสันเขา ตอนกลางคืนขณะหลวงปู่ดามัญ ปฏิบัติสมาธิภาวนาก็เกิดนิมิตเห็นพญานาคองค์สีเงินเหมือนแก้วองค์ใหญ่มากมาบอกหลวงปู่ดามัญว่า ท่านชื่อ พญาเพชรภัทรนาคราช ซึ่งชาวบ้านจะเรียกพญาเกล็ดแก้วนาคราช บนสันเขาที่ท่านปักกลดอยู่นี้คือองค์พญาเกล็ดแก้วนาคราชและบ่อน้ำทิพย์ที่อยู่ใกล้ๆกลดท่านคือบ่อน้ำทิพย์ซึ่งเป็นประตูลงสู่เมืองบาดาลเหมือนที่เมืองคำชะโนด องค์พญาภัทรนาคราชบอกกับหลวงปู่ดามัญว่า ท่านเป็นลูกของพญาอนันตนาคราช สำหรับเศียรที่จมลงไปในพื้นดินเมื่อครั้งอดีตกาล ท่านขอให้หลวงปู่ดามัญช่วยสร้างเศียรให้ด้วย
    การสร้างศาสนสถานบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่เคียงคู่ผืนแผ่นดินไทยตลอดกาลนานนั้น ย่อมได้รับการอนุโมทนาบุญพร้อมกันทั้ง 3 ภพ คือ เมืองมนุษย์ เมืองสวรรค์(คือเทวดา) เมืองบาดาล (คือพญานาคราชทั้งหลาย) เพราะไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการสร้างบุญบารมี องค์เทพ เทวา และพญานาคราชทุกพระองค์ ท่านก็ต้องการสร้างบุญบารมีเหมือนกัน
    คนที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ, มีจิตใจใสบริสุทธิ์, ไม่มีซึ่งอคติในใจ ปล่อยวางแล้วและชอบความสงบ สันโดษมักจะใฝ่หาสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ที่มีความสมบูรณ์ถึงพร้อมครบถ้วนของธรรมะ สำหรับปฏิบัติธรรม เพื่อหาทางหลุดพ้นซึ่งกองทุกข์ทั้งมวล ดังนั้นวังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร จึงเป็นสถานที่ที่เปิดรับคณะพุทธมามกะทุกท่านที่ชอบการปฏิบัติธรรม แบบธุดงควัตรแนวทางธรรมชาติ ดังนั้น การที่หลวงปู่ดามัญซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของพวกเรา นำวิธีปฏิบัติธรรมโดยยึดหลัก แนวทางธรรมชาติ มาฝึกอบรมคณะพุทธมามกะ ที่มาปฏิบัติธรรม ก็ถือว่าทุกท่านนั้นโชคดีมากๆ
    องค์นาคาธิบดดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) นั้นคือกษัตริย์แห่งเมืองบาดาลที่ปกครองวังนาคินทร์ต่างๆ ซึ่งแต่ละพระองค์เป็นพญานาคที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรมแล้วทั้งสิ้น
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    องค์นาคาธิบดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) มีพระนามดังต่อไปนี้
    1.พญาอนันตนาคราช
    2.พญามุจลินท์นาคราช
    3.พญาภุชงค์นาคราช
    4.พญาศรีสุทโธนาคราช
    5.พญาศรีสัตตนาคราช
    6.พญาเพชรภัทรนาคราชหรือพญาเกล็ดแก้วนาคราช
    7.พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช
    8.พญายัสมันนาคราช
    9.พญาครรตระศรีเทวานาคราช
    ที่มา :
    //
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ชาติกำเนิด พระอนันตนาคราชมหาโพธิสัตว์

    พระอนันตนาคราชเป็นบุตรของพิภพนาคา หรือท้าวยักษ์กโตหน ซึ่งท้าวยักษ์กโตหน มีมเหสีอยู่หลายพระองค์ คือ พระแม่ย่าศรีสุริโย พระแม่ย่ากัลปพฤกษ์ พระแม่ย่าทองศรีไพร พระแม่ย่าศรีไพรวัลย์ ซึ่งพระมเหสีของท้าวยักษ์กโตหนเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น

    พญาอนันตนาคราชเป็นบุตรเกิดจากพระแม่ศรีสุริโย แห่งเมืองทวารวดี จากพิภพนาคา ท้าวยักษ์กโตหะนะ ก็กลายเป็นท้าวทศรถในศึกรามมายณ ต้นกําเนิดแห่ง รามาวตาล จากศึกสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
    เพราะการอธิษฐานจิตที่จะมาเป็นพุทธบิดา พุทธมารดา พระแม่นมเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ต้องการที่จะลงมาร่วมสร้างบุญบําเพ็ญเพียรบารมีร่วมกับพระโพธิสัตว์จนกว่าท่านจะบรรลุถึงความเป็นพุทธะ เหล่าบริวารของท่านที่ปรารถนาเอาไว้ก็จะลงมาจุติร่วมกัน เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นเพื่อน เป็นมิตรสหายกันตลอดชาติเพื่อที่จะหล่อรวมกันเป็น " สายณะธรรม " เดียวกันให้จงได้

    อนันตนาคราช มีมเหสี สามองค์ ซึ่งเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ด้วยพ่อแม่ก็ตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงทําให้พญาอนันตนาคราชค่อยๆ ซึมซาบนิสัยที่ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็กเข้าสู่วาระจิตของตนเอง จึงทําให้อนันตนาคราชรักมเหสีทั้ง 3 ไม่เท่าเทียมกัน มเหสีองค์แรกชื่อ มณีนาคราช เป็นคนดีซื่อสัตย์บริสุทธิ์ มเหสีองค์ที่สองชื่อ นาคเทวี เป็นคนเจ้าอารมณ์ ใจร้อน อยากให้สามีเป็นของตนแต่ผู้เดียว มเหสีองค์ที่สามชื่อ นาคีนาคา เป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมเอาใจเก่ง พญาอนันตนาคราช ผู้เป็นสามีอยากได้ในสิ่งใดๆเธอก็แสวงหานํามาทูลให่เสมอ จีงทําให้รักนาคีนาคามากกว่าคนอื่น

    หลังจากที่พญาอนันตนาคราชขึ้นครองบัลลังก์กลายเป็นเจ้าแห่งพิภพนาคาแล้ว ก็มีเมียเพิ่มมากขึ้นนับพันคน เหล่าบรรดาเมียต่างก็ใช้ฤทธิ์อํานาจที่มีอยู่ในตัวทําให้อนันตนาคราชหลงใหลจึงมีลูกมากมายหลายคนทุกคนก็อยากขึ้นคลองราชย์เพราะเมืองแก้วเมืองทองของพญานาคเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดามณีต่างๆถูกนําลงมาสร้างเป็นเมืองเป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทองในพื้นที่พิภพในยุคนั้น
    สร้างกรรมเอาไว้กับบรรดาเมียๆทั้งหลาย แต่ก็นําสมบัติแก้วแหวนเงินทองมาสร้างมหาบารมีเอาไว้อย่างมากมาย บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป เพราะเมื่อลงมาจุติในโลกมนุษย์แล้วสัญญาในการจําได้หมายรู้ก็ถูกตัดขาดไป ต้องอาศัยพื้นฐานจากการสร้างทานบารมีก่อน ต้องเริ่มจากการสร้างทานบารมีให้เต็มเสียก่อนถึงจะเข้าสู่ วิโมกขธรรมสืบต่อไป

    เพราะดวงจิต เจตสิก ที่ลงมาจุติในยุคที่มีเรืองฤทธิ์ เรืองอํานาจต่างแข่งบุญบารมีกันทุกๆคนต่างก็มีฤทธิ์ จึงไม่มีใครยอมใคร ใครอยากจะทําอะไรก็ทําได้สุดแต่ใจของตนจะปรารถนา ต่างคนต่างอวดฤทธิ์อํานาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกแนวทางของมรรคผล จึงรับหน้าที่ลงมาจุติเพื่อที่จะปราบทิฏฐิมานะในการมีฤทธิ์ มีอํานาจนั้นระหว่าง พญานาค พญาครุฑ คนธรรพ์ คนธรรม พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ผู้ซึ่งมีฤทธิ์ มีอํานาจมาก จนกลายเป็นศึกสงครามซึ่งเกิดจากสรวงสวรรค์ลงมาถึงภาคพื้นดินเพราะเหล่า เทพ เทวา ยังไม่รู้จักสัจธรรมว่าจะนําพาเข้าสู่แนวทางของความพ้นทุกข์ออกไปได้อย่างไร

    ไม่ว่าท่านจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด ไม่ว่าท่านจะมีฤทธิ์ มีอํานาจสักปานใด ท่านก็ไม่สามารถหลบหนีพ้นกฎแห่งกรรมไปได้ เพราะสถาวกรรมที่ได้กระทําเอาไว้ จะต้องชดใช้วิบากกรรมซึ่งกันและกันจนกว่าจะหมดไปจากสภาวะกรรมนั้นๆ
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ
    มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้แต่เดิมพญานาคราชมีพระนามเดิมว่า
    พญาเศษะ นาคราช ทรงเป็นโอรสองค์แรกของพระกัศยปะ และ นางกัทรุ พญาอนันตนาคราช
    เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและได้ตามเสด็จพระนารยณ์เสมอ

    นาคเป็นงูใหญ่ บนหัวมีหงอน ที่คางมีเครา ลำตัวมีเกล็ดและปลายหางมีลวดลายงดงาม มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงตัวได้ และสามารถบันดาลให้เกิดฝนได้ด้วย เรียกว่า นาคให้น้ำ นาคในวรรณคดีไทย นอกจากจะมี ๑ หัวแล้ว ยังปรากฏนาคที่มี ๗ หัว เรียกว่า นาคเจ็ดเศียร พญาอนันตนาคราช มี ๑,๐๐๐ เศียร อนันตนาคราชขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ หลังจากที่พระนารายณ์ปราบผู้ที่มารบกวนเทวดาและมนุษย์ได้แล้ว อนันตนาคราชสามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์ด้วย
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ราชาแห่งนาคทั้งมวลในตำนวนของฮินดู อนันตเศษ (อะ-นัน-ตะ-เส-สะ) หรือ อนันตนาคราช มีขนาดตัวเป็นอนันต์สมชื่อ เพราะเป็นผู้นอนอยู่ในเกษียรสมุทรและให้พระนารายณ์นอนบนหลัง บางตำนานเล่าว่าดาวนพเคราะห์นั้นก็ตั้งอยู่บนพังพานของอนันตนาคราช ส่วนหัวซึ่งมีตั้งแต่ห้าหัวถึงหนึ่งพันนั้นไม่พ่นพิษเหมือนนาคอื่นๆแต่เป็นเปลวไฟ และอนันตนาคราชก็จะร้องเพลงสรรเสิญบารมีของพระนารายณ์เป็นนิจ

    ในตำนานเล่าว่าตอนที่เหล่านาคเล่นโกง ที่แม่ไปพนันกับนางวินตาซึ่งเป็นแม่ของพญาครุฑ (ทั้งคู่พนันสีม้าของพระอาทิตย์ เหล่านาคนั้นพ่นพิษใส่จนหางของม้าพระอาทิตย์เป็นสีดำ บ้างก็ว่าเหล่านาคตัวเล็กๆได้เลื้อยเข้าไปแทรกในขนสีขาวจนดูสีดำเป็นหย่อม) อนันตเศษนั้นรังเกียจบรรดาน้องๆเลยหนีไปจำศีลอยู่ตัวเดียว เวลาผ่านไปพระพรหมก็มาเจอเข้า เมื่อทราบว่าอนันตเศษไม่ชอบใจที่น้องโกงพนันเลยให้ไปนอนในเกษียรสมุทรเป็นเตียงให้พระนารายณ์ คำสาปที่ทำให้ครุฑจับนาคกินได้จึงไม่รวมถึงอนันตเศษด้วย

    ตำนานที่ดุเดือดของอนัตเศษที่สุดนั้นกล่าวว่าครั้งหนึ่งอนันตเศษเคยโผล่หัวขึ้นไปบนสวรรค์ (ไม่ใช่มุข เพราะตัวยาวจนไม่ต้องขึ้นไปทั้งตัว) และโอ้อวดกับเหล่าเทวดาว่า ในสามโลกนี้มีแต่ตรีมูรติเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือตน หากใครไม่เชื่อแล้วก็จงมาประลองกำลังกันเถิด เหล่าเทวดากลัวหัวหด มีแต่พระพายที่กล้าพอ คิดว่าอย่างไรนาคตัวนี้ก็เป็นแค่ดิรัจฉาน การจำมาท้าตีท้าต่อยกับเทวดาจึงนับว่าโอหังนัก

    พระพายรับคำท้า ว่าแล้วพญาอนันตนาคราชก็เอาตัวเองพันรอบภูเขาลูกหนึ่งไว้ บอกว่าให้พระพายลองทำลายภูเขานี้ดู พระพายนั้นใช้กำลังสร้างพายุรุนแรงหมายจะพัดทำลายภูเขานั้นให้ยับเยิน แต่อนันตเศษก็ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นแล้วแผ่พังพานป้องไว้ได้ทุกครั้ง สุดท้ายพระพายจึงทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีโดยดึงเอาลมในตัวสัตว์โลกทั้งมวลมาใช้ด้วย แต่ก็ถูกอนันตเศษกลืนเข้าไปทั้งตัว ทีนี้เมื่อไม่มีพระพายแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายก็หายใจไม่ออก ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาบอกเตียงหลังโปรดให้คายพระพายออกมา อนัตนาคราชทำตาม ปรากฏว่าตอนที่อนันตนาคราชคายพระพายมานั้นก็บังเกิดเป็นลมรุนแรงพัดไปโดนภูเขาที่พันไว้จนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งพระพายและอนันตนาคราชต่างก็นับถือในกำลังของกันและกัน เลยตกลงว่าการประลองครั้งนี้เป็นเสมอ

    บางที่ที่ค้นเจอ ยกบทนาคที่พันเขาพระสุเมรุไว้ตอนกวนเกษียรสมุทรให้อนันตนาคราชด้วย แต่จริงๆแล้วนาคที่รับบทนี้ก็คือพญาวาสุกี
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ท่านมีพระอนุชา คือ พญานาคราชวาสุกรี
    องค์รอง พญานาคราชภุชง
    ค์องค์ถัดมาส่วนอีกองค์นั้นเป็นเฟศหญิง



    ท้าววาสุกี นาคา (Vasuki Naga) มีอัตลักษณ์เป็นเทพบุตร คู่พระบารมีขององค์พระศิวะ อีกรูปลักษณ์อีกหนึ่ง ก็คือ งูเห่าที่พันพระศอขององค์พระศิวะ มีบทบาทสำคัญมาก ตอนเกษียรสมุทร ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานมาก ขณะกวนเกษียรสมุทร พระองค์ได้คายพิษออกมา หากตกลงบนพื้นโลก อาจเกิดหายนะแก่มนุษย์โลก พระศิวะจึงได้ใช้พระโอษฐ์กลืนกินพิษนั้น พระศิวะจึงได้กล่าวกล่าวขานอีกพระนามหนึ่งว่า นิลกัลฑะ (Nilakantha) ผู้มีลำคอเป็นสีน้ำเงิน
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    คาถามหาจินดามณีมนต์ ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์


    "สิทธิวิชา มหามันตัง จิณตามณี ทิวากะรัง ภูมิยาโจระปาตัสสะมัง ทิพพะจักขุง ฐาวะทิสสะเร จันทาเทวี อะสะมุขขี ทุติยา ปะทะลักขะณา มณีจินตา ปัญจะ ทานังยะสังทาสีทาสัง มาตาปุตตัง วะโอระสัง
    จิณตามณี สะหัสสะโกติ เทวานัง มนุสสะภาวัง สะมะณะจิตตัง ปุริสะจิตตัง อาคัจฉาหิ ปะริเทวันติ ปิยังมะมะ สัพเพชะนา พะหูชะนา มหามณีจินตา เอหิ พุทธัง ปิโยเทวะมนุสสานัง มหามณีจินตา เอหิ ธัมมัง ปิโย พรหมมานะมุตตะโม มหามณีจินตา เอหิ สังฆัง ปิโย นาคะสุปันนานัง ปินิน ทะริยัง นะมามิหัง พุทโธ โส ภะคะวา ธัมโมโส ภะคะวา สังโฆ โส ภะคะวา อินทะเสน่หา พรหมมะเสน่หา อิสะระเสน่หา อิตถี เสน่หา ราชาเทวี มนตรีรักขัง จิตตังมรณัง จิตตัง มะมะ "
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    "สิทธิวิชา มหามันตัง จิณตามณี ทิวากะรัง ภูมิยาโจระปาตัสสะมัง ทิพพะจักขุง ฐาวะทิสสะเร จันทาเทวี อะสะมุขขี ทุติยา ปะทะลักขะณา มณีจินตา ปัญจะ ทานังยะสังทาสีทาสัง มาตาปุตตัง วะโอระสัง
    จิณตามณี สะหัสสะโกติ เทวานัง มนุสสะภาวัง สะมะณะจิตตัง ปุริสะจิตตัง อาคัจฉาหิ ปะริเทวันติ ปิยังมะมะ สัพเพชะนา พะหูชะนา มหามณีจินตา เอหิ พุทธัง ปิโยเทวะมนุสสานัง มหามณีจินตา เอหิ ธัมมัง ปิโย พรหมมานะมุตตะโม มหามณีจินตา เอหิ สังฆัง ปิโย นาคะสุปันนานัง ปินิน ทะริยัง นะมามิหัง พุทโธ โส ภะคะวา ธัมโมโส ภะคะวา สังโฆ โส ภะคะวา อินทะเสน่หา พรหมมะเสน่หา อิสะระเสน่หา อิตถี เสน่หา ราชาเทวี มนตรีรักขัง จิตตังมรณัง จิตตัง มะมะ "เป็นเมตตาชั้นยอด มีเรื่องเล่าว่า นางยักษิณีเขียนใส่แผ่นดินไว้ให้พระสังข์ แล้วขาดใจตาย ต่อมามีนายพรานใช้เรียกสัตว์ให้มาหาเลือกยิงตามใจชอบ ต่อมามีหมาจิ้งจอกแอบฟังจำได้ ท่องให้สัตว์ทั้งหลายฟัง ฝูงสัตว์ต่างกลัวมาก ถึงขั้น ราชสีห์ยอมให้หมาจิ้งจอกขี่หลัง เรียกคนให้รักก็ได้ เรียกคนรักให้กลับมาก็ได้
    ยกครูคาย ขันธ์ ๕ เทียนบาท ๑ คู่ เทอญ

    เป็นของหลวงพ่อเดิม


    ไปหามาด้วยความสงสัยค่ะ
    เวทมนต์คาถา
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    คาถาจินดามณี
    มณีจินดาสะหัสสะโกฏิเทวานัง
    นะนุสสะเทวานัง อะมนุสสะ เทวานัง สะมัยยะจิตตัง
    มหาสะมัยยะจิตตัง สัพจิตตัง เอหิอาคัจฉันติปะริเทวันติ
    มะณีจินดาปิยังปัญจะธะนัง ยะสังมาสามาสี โกมังปะสันติ
    ทิสวานะมาตาปุคตังวะโอระสา สัพเพชนา พะหูชะนา มหามะณีจินดา
    เอหิพุทธัง ปิโยเทวะมะนุสสะนัง มหามะณีจินดา
    เอหิธัมมัง ปิโยพรหมานะเมตตโม พุทโธโสภควา ธัมโมโสภควา
    สังโฆโสภควา อินทะเสน่หา พรหมะเสน่หา อิสระเสน่หา ราชาเทวี มนตรีรักขัง
    จิตตังมรณัง จิตตังมะมะ

    คาถาจินดามณีนี้ ใช้ได้หลายประการนัก
    เป็นคาถาที่นางยักษ์พันธุรัตให้กับพระสังข์ทอง
    ใช้เรียกเนื้อเรียกปลา มนต์บทนี้มีหลายแบบด้วยกัน
    เช่นตอนที่ว่า ทิสสะวานะ นั้น บวงเป็นแบบ เสน่หัง ก็มี
    ใช้ทำน้ำมนต์อาบก็ได้ เสกเครื่องหอมทาตัวก็ได้
    เสกขี้ผึงสีปากก็ได้ เป็นเมตตามหานิยมอย่างประเสริฐ
    ผู้ใดหมั่นเจริญภาวนาไว้ จังบังเกิดโชคลาภยิ่งนัก


    http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=kathaarkom&topic=6232
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...