ลำนำเพลงรักของนักกลอน

ขอฝากคำ ลำนำหวาน ส่งสาส์นให้
จากดวงใจ ให้เพื่อนนี้ มีความหวัง
ส่งความรัก จากใจ ให้พลัง
ให้สมดัง ตั้งใจมั่น ทุกวันเทอญ​

 

"ความสำเร็จของชีวิตอาศัยองค์ประกอบ ๓ ประการ
๑. ปฏิรูปเทศวาสะ อยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยให้เราได้แสดงฝีมือ
๒. อัตตสัมมาปณิธิ เราดำเนินชีวิตดีมีความรู้ความสามารถพร้อมที่จะเปล่งประกายเมื่อสถานการณ์เป็นใจ
๓. ปุพเพกตปุญญตา หมั่นทำบุญไว้สม่ำเสมอ พลังบุญก็จะจัดสรรให้สถานการณ์เป็นใจ"

อ่านแล้วประทับใจ ขออนุญาตนำมาฝากนะคะ<!-- google_ad_section_end -->

 

วันนี้ว่าง การงาน เป็นวันหยุด
ยั้งให้หยุด ฉุดให้พัก ฤาจักได้
จึงฝากกลอน บทนี้ไว้ ให้ด้วยใจ
ฝากเก็บไว้ ให้เพื่อนเรา คลายเหงาเอย.​

 

แอบอายว่า แต่งกลอนได้ ไม่เสนาะ
ไม่ไพเราะ เท่าใจคิด ลิขิตได้
เขียนกลอนมา ก็ด้วยรัก จากดวงใจ
เฝ้าขานไข เขียนเล่น ให้เป็นกลอน.<!-- google_ad_section_end -->​

 

พบงานหนัก ได้พักใจ ไว้ที่เพื่อน
ไม่แชเชือน เพื่อนส่งใจ ให้เสมอ
ดั่งน้ำทิพย์ จากใจ ได้พบเจอ
ขอให้เธอ รู้ว่าฉัน ตื้นตันใจ. <!-- google_ad_section_end -->​

 

ใส่บาตรกันเถอะขำดี

อ่านแล้วเข้าใจว่าผู้เขียนคงจะเป็นพระที่อารมณ์ดีมาก เขียนได้ดีเลยส่งมาให้อ่านด้วยกัน

ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

1. นิมนต์พระ
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา
การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่
ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี
รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว
ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ
นิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์" (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ
โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย
ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษา
มากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง" ทำเอาเสีย
self จนอยากสึกออกไปทำ baby face
โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่า
กวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์
หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก
นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า
จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน
เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่ง
มีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร
อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า
บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร
พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป
พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ
ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ
นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า
เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป
เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"
กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า
แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม
โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับ
ชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)
ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร
หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร
เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว
(ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม
ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้

ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะ พี่น้อง


จาก >>>ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง (ชำดี)
<!-- google_ad_section_end -->

 

หากทุกใจ ใครเล่า เขาจักแก้
เราแน่แท้ ช่วยตนได้ ไม่ขื่นขม
เหมือนกำหนาม เจ็บแปลบ แสบระบม
หากฝืนข่ม แบมือได้ หายเจ็บพลัน.
​

<!-- google_ad_section_end -->

 

จิตหงอยเหงา เศร้าใจ ใช่สอบตก
เหมือนเข็ญครก ขึ้นเขา เราสับสน
นำพระธรรม ช่วยแก้ไข ในจิตตน
ไม่เวียนวน เก็บทุกข์ไว้ ให้เศร้าทรวง.<!-- google_ad_section_end -->​

 

เห็นลั่นทม ร่วงพราว ขาวบนพื้น
ใจเต็มติ้น น้ำตาร่วง ห่วงคนเห็น
เจ็บดวงใจ เจ็บเหลือหนอ ท้อลำเค็ญ
ชีวิตเป็น เช่นใด ใยโศกตรม.
​

<!-- google_ad_section_end -->

 

บนฟากฟ้า กว้างใหญ่ สุดไปถึง
เคยคำนึง นกบินเล่น เป็นไฉน
เห็นพี่เป็น ดังเช่น นกบินไป
ไปแสนไกล ลาลับ ไม่กลับคืน ​

 

หากเปรียบครู ว่าเป็น เช่นเรือจ้าง
รับศิษย์ข้าม ทางน้ำเชี่ยว เทียวข้ามฝั่ง
ส่งศิษย์น้อย ข้ามผ่านพ้น สายชลยัง
ฝากความหวัง ให้ศิษย์ด้วย ช่วยสังคม<!-- google_ad_section_end -->​

 

ขอบคุณพี่ติงติง ที่นำมาแบ่งปัน ขำดีคะ นู๋ขออนุญาติ นำไปแชร์ต่อ ใน FB นะคะ

 

ด้วยความยินดีค่ะน้องอัญ
(เรื่องพระคาถา พี่ติงยังหาในเน็ตไม่พบนะคะ ไว้น้องกลับมา พี่จะส่งเป็นเล่มไปให้ค่ะ)

 

ขอบคุณคะ พี่ติงติงคะ ทัวน์อีสานของนู๋ โปรแกรมจาก 4 คน ตอนนี้เหลือ 2 คนละ แต่นั่งเครื่องไปลงอุดร แล้วจะเช่ารถขับจากสนามบินอุดร ไปนครพนมก่อน พี่ติงพอจะแนะนำได้มั้ยคะว่า ระยะทางมันเท่าไหร่ เพราะกำลังคิดอยู่ว่า ถ้าไกลจะค้างคืนนครพนม 1 คืนแล้วค่อยกลับมาเที่ยว อุดร แต่ถ้าไม่ไกลก็จะกลับมาค้างคืนที่อุดรคะ

 

ต้องถามน้องว่าจะไปอำเภอเมืองนครพนม
หรือไปอำเภอธาตุพนมค่ะ
จากอุดรธานี ไปสกลนคร ประมาณ 155 กิโลเมตร
จากสกลนคร ไปพระธาตุพนม ประมาณ 75 กิโลเมตร

 

วันอาทิตย์ สิทธิโชค โฉลกดี
โป๊ยเซียนมี โกศลมา จำปาสวย
ชุมเห็ดเทศ กุหลาบหนา พาร่ำรวย
ราชพฤกษ์ด้วย ชบาเสริม เพิ่มบารมี​

 

ไม้มงคล วันเสาร์ เขาให้ปลูก
มะม่วงคูน จำปีควร กวนอิมสม
มะลิหอม วาสนา จำปาชม
ฝรั่งนิยม ชมพู่เพิ่ม เสริมมะละกอ...<!-- google_ad_section_end -->​

 

​

 

​

 

​

​