ร่วมสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก4ศอกหลายองค์กับคณะวสันตฤดู ปี 2564-2566เพื่อบูชาพระรัตนตรัย

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย วสันตฤดู, 13 พฤศจิกายน 2010.

  1. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +2,971
    ร่วมบุญ 3800 บาท
    วันที่11/01/16 14.29น.
    โอนเข้าบัญชี
    ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 5382424750
    ชื่อบัญชี Oatcharaporn Poodindarn

    จาก ครอบครัว สุภัคธนสิริ
     
  2. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนากับครอบครัวสุภัคธนสิริ ในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำเพื่อประดิษฐานในยอดมหาเจดีย์พระพุทธเจ้า108พระองค์ค่ะ ขอให้สำเร็จในมรรคผลนิพพาน เจริญรุ่งเรืองเเละสำเร็จทั้งทางโลกเเละทางธรรม
     
  3. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ร่วมบุญ 200 บาท
    โอนแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2016
  4. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    วันนี้14/1/2559 เวลา12.48น.ส่งเเหวนวัดศาลพันท้ายนรสิงห์เเละอื่นๆให้เเล้วค่ะ EP139741350TH อนุโมทนาที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำทุกประการค่ะ
     
  5. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนากับคุณwidyaในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำขอให้สมพรปรารถนาสำเร็จในกิจทั้งปวง
     
  6. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนากับคุณอันน์ในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ ขอให้เจริญรุ่งเรืองในทางโลกเเละทางธรรม
     
  7. taroball

    taroball ทีม ธรรมทาน ทีม ธรรมทาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    858
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,355
    โอนเงินร่วมบุญเข้าบัญชีไทยพาณิชย์ ๒๐๐ บาท

    วันที่ ๒๒/๑/๕๙ เวลา ๑๔.๓๐ น.ครับ
     
  8. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    มอบพระหางหมากรุ่นเเรก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ให้ผู้ร่วมบุญ 3,500 บาทต่อ 1 องค์ เพื่อร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำเพื่อประดิษฐานในยอดมหาเจดีย์พระพุทธเจ้า108พระองค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2016
  9. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    มอบพระผงครบรอบ 100 วัน มรณภาพพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานให้ผู้ร่วมบุญ 500 บาท พร้อมพระธาตุชานหมาก 1 องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p1.jpg
      p1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      77
  10. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    a.jpg

    ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ การสร้างพระพุทธรูป กับการถวายปัจจัยอย่างไหนมีอานิสงส์ดีกว่าคะ...?
    หลวงพ่อ : “การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในเรื่องกรรมฐานจัดเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก ถ้าถวายปัจจัยเป็นของสงฆ์ จัดว่าเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จัดเป็น จาคานุสสติกรรมฐาน เกิดมาชาติหน้าก็รวย
    การสร้างพระถวายด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้รัศมีกายมาก เป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    “ พุทธบูชา มหาเตชะวันโต”
    “ การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก”
    แต่ถ้ามีอำนาจแต่ขาดสตางค์ก็อดตายนะ ใช่ไหม.. แต่งตัวเป็นจอมพลแต่ไม่มีสตางค์ในกระเป๋า แย่นะ..
    อีกแบบหนึ่ง มีสตางค์มากๆ แต่ขาดอำนาจราชศักดิ์ก็โดนโจรปล้นอีก ฉะนั้นทำมันเสีย 2อย่างเลยดีไหม?”
    ผู้ถาม : “ดีคะ แต่ได้ยินเขาว่า การสร้างพระพุทธรูปนี่ควรสร้างพระประธานจึงจะได้บุญมาก”
    หลวงพ่อ : “ก็เขียนไว้ซิ สร้างพระประธาน องค์เล็กองค์ใหญ่ก็เขียนไว้ ก็เป็นพระพุทธรูปเหมือนกันเราสร้างแล้วก็ได้บุญแล้ว ใครไปโยนทิ้งก็ซวยเอง”ผู้ถาม : “ถ้าหากว่าจะย้ายพระปรานไปบูชาเป็นประธานวัดอื่นจะได้ไหมคะ..?”
    หลวงพ่อ : “เรื่องของบูชา สำหรับที่วัดนี้ถือว่าเขาถวายมาเพื่อบูชา ตั้งอยู่ที่ใดก็ตามถ้าย้ายพระไปที่อื่นนอกเขตถือว่าย้ายเจดีย์ ทางวินัยถือว่าอาบัติ และถ้าของนั้นเขาถวายสงฆ์ เขามีเจตนาเฉพาะจุดนั้น ถ้าเราเอาไปถือว่าขโมยของสงฆ์ อันดับแรกเขาลง บัญชีอเวจี ไว้ก่อน ของสงฆ์นี่แม้แต่เศษกระเบื้องถ้านำไปก็ลงบัญชีอเวจีเลย”
    ผู้ถาม: “หลวงพ่อเจ้าคะ การสร้างพระพุทธรูป ทำด้วยโลหะกับทำด้วยปูน อย่างไหนจะดีกว่ากันเจ้าคะ...?”
    หลวงพ่อ: “ถ้าเป็นเจตนาของฉันนะ ชอบให้ทำด้วยปูนมากกว่า ปั้นด้วยปูนแล้วปิดทอง เพราะอะไรรู้ไหม.. เพราะพระปูนไม่มีใครขโมย พระโลหะเผลอหน่อยเดียวคนตัดเศียรแล้ว ดีไม่ดีเอาไปทั้งองค์ ฉะนั้นปูนดีกว่า มีอานิสงส์เท่ากัน ราคาถูกกว่า ทนทานและรักษาง่ายกว่า”
    หลวงพ่อ: “การสร้างพระพุทธรูปนี่เป็น พุทธบูชา เป็นพุทธานุสสติในกรรมฐาน 40 กอง ท่านบอกว่ากำลัง พุทธานุสสติ เป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่น ก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ใช่ไหม.. ทีนี้ถ้าเราต้องการสร้างให้สวยตามที่เราชอบ เห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอ ก็จัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตายแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าหากโยมเห็นว่าพระที่ทำด้วยโลหะสวยกว่าชอบมากกว่า โยมก็สร้างแบบนั้น”
    ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ ถ้าหากเดินไปเช่าตามร้านกับการจ้างเขาหล่อให้แล้วเททองเอง อานิสงส์เท่ากันไหมคะ...?”
    หลวงพ่อ : “กุศลน้อยกว่าที่เขาทำสำเร็จแล้ว เพราะว่าราต้องเหน็ดเหนื่อย ดีไม่ดีหัวเสีย ที่เขาทำเสร็จแล้วน่ะ เราก็เลือกดูตามใจชอบ ใช่ไหมล่ะ วิธีการแบบนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยนี่ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย บางทีไอตัวร้อนตัวเหนื่อยนี่มันตัดเลย
    ทำบุญทุอย่าง ทำให้จิตสบาย กายสบาย อันนี้ถือว่ามีผลสูง ถวายสังฆทานที่มีค่าสูง การที่นิมนต์พระมาเลี้ยงข้าวที่บ้าน 4-5 องค์ อานิสงส์เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่ดีไม่ดีมันน้อยกว่าอย่างนี้ เพราะยุ่งกว่า ดีไม่ดีคนแกงบ้าง คนต้มบ้าง เราไม่ชอบใจก็โมโห ไอตัวโมโหนี่แหละมันตัวตัด ใช่ไหม..? ”
    ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ ถ้าเรามีพระบูชา เราควรจะหันไปทางทิศไหนคะ....?”
    หลวงพ่อ : “พระบูชาที่นิยมกัน เขาหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก ถ้าหันไปทางทิศใต้ กับทิศตะวันตก สตางค์ไม่เหลือใช้ ลองดูก็ได้”
    ผู้ถาม : “เป็นเพราะเหตุใดคะ..?”
    หลวงพ่อ : “อันนี้ฉันไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าสมัยหลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้าพระพุทธไปทางทิศตะวันตก หรือ ทิศใต้ ท่านบอกว่าควรหันไปทาง ทิศตะวันออก หรือ ทิศ เหนือ”
    ผู้ถาม : “ถ้ายังไม่เบิกพระเนตร แสดงว่ายังไม่มีลูกตา พระองค์ไหนมีลูกตาแล้ว พระองค์นั้นเบิกพระเนตรแล้ว ใช่ไหม....” (ผู้ถามหัวเราะ)
    หลวงพ่อ : “ฉันว่ามันเป็นพิธีสมัยก่อนโน้นละมั้ง คือเขาปั้นพระพุทธรูปแล้ว ยังไม่ได้ทำลูกตา เลยหาช่างมาทำลูกตา มากกว่า เวลานี้ก็เลยเอาวิธีการนั้น พระที่วัดฉันไม่ต้องเบิกพระเนตรเห็นมีตาทุกองค์ ใครเขาถามว่า เบิกพระเนตรหรือยัง ฉันไม่ทำละ มีแล้วนี่ ควรจะเบิกเนตรเราให้ดีเท่าเนตรท่านดีกว่าใช่ไหม...?”
    ผู้ถาม : “แล้วถ้าหากเรามีพระพุทธรูป แต่พระเนตรท่านปิดอย่างนี้ต้องเบิกพระเนตรไหมคะ..?”
    หลวงพ่อ : “เอาละซิ ขืนไปเบิกเข้าตาท่านฉีก บาป ต่อไปชาติหน้าตาเหลือก”
    ผู้ถาม : (หัวเราะ)“คือท่านหลับตานั่งสมาธิคะ”
    หลวงพ่อ :” เขาทำหลับตาก็ปล่อยให้หลับตา ทำสมาธิก็ต้องหลับตาใช่ไหม...?”
    ผู้ถาม : “หลวงพ่อครับ การถวายพระพุทธรูปองค์เล็กๆกับถวายพรประธานองค์ใหญ่ๆ พระประธานในโบสถ์นะครับ จะมีอานิสงส์เท่ากันหรือเปล่าครับ..?”
    หลวงพ่อ : “เหมือนกัน คือเขียนเหมือนกัน เขียนว่า “อานิสงส์ถวายพระพุทธรูป”.. แต่เราไปเทียบกันไม่ได้นะ สุดแล้วแต่กำลังใจ ถ้าคนที่เขามีฐานะน้อย เขามีเงินจริงๆแค่สร้างพระพุทธรูปขนาด 3 นิ้ว ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ แต่ว่ากำลังใจเขามั่นคง ฐานะมันแค่นั้นก็มีอานิสงส์สูง ถือว่าเขาดีที่สุดของฐานะอยู่แล้วใช่ไหม..
    สร้างพระประธานในโบสถ์ อานิสงส์ก็คือสร้างพระพุทธรูป ถ้าหากเจ้าของคิดว่าสร้างเพื่ออวดชาวบ้าน ก็สู้สร้างองค์เล็กๆไม่ได้ เพราะคิดด้วยจิตบริสุทธิ์ ”
    ผู้ถาม : “แล้วถวายพระประธานเพื่อแก้บนเล่าครับ คือว่าลูปชายง่องๆแง่งๆ ใจไม่ค่อยดี ก็คิดว่าถ้าหากลูกชายแข็งแรงดี จะถวายพระประธานประจำอุโบสถ์สักองค์หนึ่ง จะแตกต่างกับถวายพระประธานเนื่องในการแก้บนไหมครับ ..?”
    หลวงพ่อ : “ต้องดูเจตนาก่อน เราแก้บน แต่ตั้งเจตนาให้ถูกนะ ถือว่าการสร้างพระพุทธรูปไว้ในพระพุทธรูปในพระพุทธศาสนา เพื่อ สักการะของคนและพระ มันจะมีอนิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าคิดว่านี่เพราะลูกเราไม่ตาย เพราะการถวายพระพุทธรูปอย่างนี้อานิสงส์น้อยมาก เพราะมีการแกลเปลี่ยน เราก็บนจริงแหล่แต่คิดว่าการสร้างพระพุทธรูปนี่สร้างไว้เป็นที่สักการะของคนและพระเณร ก็ถือว่าสร้างไว้ในพระพุทธศาสนา ไม่ถือเป็นการแลกเปลี่ยน ถ้าคิดว่าแก้บนมันเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ว่าเราบนไว้จริง แต่ว่าเจตนาเราตั้งไว้หน่อยหนึ่ง”
    ผู้ถาม : “เรื่องพระประธานผ่านไป ทีนี้ เรื่องพระแตกมี บางคนบอกว่า ห้อยพระที่แตกหรือหัก ลูกเมียจะทะเลาะกัน พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรก บางคนถึงขนาดเอาเศียรพระหักๆแตกๆไปไว้ตามต้นโพธิ์ ตามวัด ความจริงเป็นยังไงครับหลวงพ่อ ..?”
    หลวงพ่อ : “ถ้าจะให้แน่คุณลองห้อยดูก่อน ใครได้พระสมเด็จแตกๆมาให้ฉันทีเหอะ ฉฉันเอาหมด..ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก มันจะด่ากันเองน่ะ เลยไปโทษพระใช่ไหม...แต่ว่าที่เห็นเขาถือกันก็คือ พระพุทธรูปถ้าชำรุดเขาไม่บูชาไว้ที่บ้าน อันนี้ไม่มีในตำรา อาจจะมีประสบการณ์ก็ได้นะ แต่ที่พวกโบราณเขาเขียนไว้ต้องระวังหน่อย บางที่มีประสบการณ์ แต่หาเหตุมาไม่ได้ก็ต้องเชื่อเหมือนกัน อย่างสมัย หลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้าพระพุทธไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ อันนี้ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน แต่สตางค์ไม่เหลือใช้ ท่านบอกว่าควรหันไปทางทิศตะวันออก หรือ ทิศ เหนือ ทีนี้หากเราเห็นว่าชำรุด เราตกแต่งให้ดีคงจะดีมั้ง”
    ผู้ถาม: “หลวงพ่อขอรับ ได้ทราบว่าหลวงพ่อจะสร้างแท่นพระสำหรับพระพุทธรูปข้างพระอุโบสถวัดท่าซุงนั้น อยากจะทราบว่าการสร้างแท่นพระมีอานิสงส์อย่างไรขอรับ..? ”
    หลวงพ่อ : “สร้างพระแท่นก็เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือแนพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้ต็มอย่าง นางวิสาขาหรือพระสิวลี อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก คนจะรวยแล้วนะ วาสนาบารมีจะสูง สร้างแท่นพระ หนุนพระให้สูงขึ้น แล้วพระพุทธเจ้าด้วยนะ เราฐานะก็จะดีขึ้น”
    ผู้ถาม : “ ดิฉันและน้องๆได้สร้างพระพุทธรูปปิดทองฝังเพชรขนาด 30 นิ้ว ถวายเป็นพุทธบูชาไปไว้วัดท่าซุง พอถวายแล้ว หลวงพ่อให้พรว่า “ขอให้รวยทุกคน รวยเท่าพระพุทธเจ้านะลูก” กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า รวยเท่าพระพุทธเจ้า เขารวยแบบไหนเจ้าคะ...? ”
    หลวงพ่อ : “จะเอาแบบไหนล่ะ จะเอาแบบทรัพย์มาก หรือจะเอาแบบกิเลสหมด..?”
    ผู้ถาม : “ตอนนี้เอาทรัพย์ก่อนก็แล้วกันคะ เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี”
    หลวงพ่อ : “พระพุทธเจ้านี่รวยมากเพราะกิเลสหมดนะ คือว่า พระพุทธเจ้าใครบอกไม่มีทรัพย์สินน่ะไม่ถูกหรอก ที่นั่งอยู่ที่นี่ทรัพย์ที่นำมาให้เป็นของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนะ ฉันไม่คิดว่าเป็นของฉัน พระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ไหนไม่เคยจน อย่างวิหารของนางวิสาขาสร้างราคาเท่าไร ก็รวมความว่าพระพุทธเจ้ามีทรัพย์สินมากราคาเป็นล้านๆโกฏิ เอารวยแบบนั้นก็แล้วกันนะ” หลวงพ่อมักให้พรอย่างนี้เสมอว่า “รวย รวย รวย”
    คัดมาจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมเล่ม1

    อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่า อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมจะเข้าถึงพระนิพพานเร็วมาก ต้องตั้งความปรารถนาด้วยไหมครับ ?
    ตอบ: พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าตั้งความปรารถนาไว้ แปลว่ากำลังบารมีของเราอยู่ในระดับปรมัตถบารมีแล้ว คนที่จะใช้อธิษฐานบารมีเป็นต้องอยู่ในระดับอุปบารมีขั้นปลาย หรือปรมัตถบารมีเท่านั้น

    อธิษฐานบารมีคือตั้งใจว่า เราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ถ้าหากว่ายังอยู่ในระดับบารมีขั้นต้น ขั้นกลาง บางครั้งอธิษฐานไม่เป็นหรอก ดีไม่ดีเวลาเห็นคนอื่นอธิษฐานยังไปค้านเขาเสียอีก บอกว่าทำแล้วยังอยากได้โน่น อยากได้นี่ ยังโลภอยู่

    ถาม : อย่างคนที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ด้วยความศรัทธา แต่ว่าไม่ได้อธิษฐานจะเข้าสู่พระนิพพาน..?
    ตอบ: อย่างน้อย ๆ ตัวอานิสงส์พุทธบูชา ก็จะไม่ไปเกิดนอกเขตพระพุทธศาสนาแน่นอน
    การที่อยู่ในเขตพระพุทธศาสนา อย่างน้อย ๆ เรื่องทาน ศีล ภาวนาต้องมี เป็นการทำให้บารมีของเขาเข้มข้นเร็วขึ้น ขณะเดียวกันว่า ถ้าหากว่าตั้งใจเอาไว้ ก็จะไปพระนิพพานได้เร็วขึ้น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    “สมเด็จองค์ปฐม” ก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรกหรือองค์ที่หนึ่ง ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขี” แต่พระพุทธ เจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้วอาจจะมีชื่อซ้ำกันได้ โดยเฉพาะชื่อนี้มีด้วยกันถึง 5 พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็น พระพุทธสิกขีที่ 1 พระองค์จึงเป็นต้นพระวงศ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ จึงสมควรยกย่องพระพุทธองค์ว่า ทรงเป็น “สมเด็จองค์ปฐมบรมครู” อย่างแท้จริง

    สมัยที่สมเด็จพระพุทธองค์ ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ในเวลานั้น คนมีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวชออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพาน หลังจาก ทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง 40 อสงไขยกัปในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ ด้วยพระองค์เอง ทรงใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมี เนื่องจากพระพุทธองค์เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีแบบอย่างที่จะให้พระพุทธองค์ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุ พระโพธิญาณ ระยะเวลาที่บำเพ็ญพระบารมี จึงใช้ ถึง 40 อสงไขยกัปเศษ

    ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่า อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมจะเข้าถึงพระนิพพานเร็วมาก ต้องตั้งความปรารถนาด้วยไหมครับ ?
    ตอบ: พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าตั้งความปรารถนาไว้ แปลว่ากำลังบารมีของเราอยู่ในระดับปรมัตถบารมีแล้ว คนที่จะใช้อธิษฐานบารมีเป็นต้องอยู่ในระดับอุปบารมีขั้นปลาย หรือปรมัตถบารมีเท่านั้น

    อธิษฐานบารมีคือตั้งใจว่า เราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ถ้าหากว่ายังอยู่ในระดับบารมีขั้นต้น ขั้นกลาง บางครั้งอธิษฐานไม่เป็นหรอก ดีไม่ดีเวลาเห็นคนอื่นอธิษฐานยังไปค้านเขาเสียอีก บอกว่าทำแล้วยังอยากได้โน่น อยากได้นี่ ยังโลภอยู่

    ถาม : อย่างคนที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ด้วยความศรัทธา แต่ว่าไม่ได้อธิษฐานจะเข้าสู่พระนิพพาน..?
    ตอบ: อย่างน้อย ๆ ตัวอานิสงส์พุทธบูชา ก็จะไม่ไปเกิดนอกเขตพระพุทธศาสนาแน่นอน
    การที่อยู่ในเขตพระพุทธศาสนา อย่างน้อย ๆ เรื่องทาน ศีล ภาวนาต้องมี เป็นการทำให้บารมีของเขาเข้มข้นเร็วขึ้น ขณะเดียวกันว่า ถ้าหากว่าตั้งใจเอาไว้ ก็จะไปพระนิพพานได้เร็วขึ้น


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    ประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    “สมเด็จองค์ปฐม” ก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรกหรือองค์ที่หนึ่ง ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขี” แต่พระพุทธ เจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้วอาจจะมีชื่อซ้ำกันได้ โดยเฉพาะชื่อนี้มีด้วยกันถึง 5 พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็น พระพุทธสิกขีที่ 1 พระองค์จึงเป็นต้นพระวงศ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ จึงสมควรยกย่องพระพุทธองค์ว่า ทรงเป็น “สมเด็จองค์ปฐมบรมครู” อย่างแท้จริง

    สมัยที่สมเด็จพระพุทธองค์ ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ในเวลานั้น คนมีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวชออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพาน หลังจาก ทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง 40 อสงไขยกัปในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ ด้วยพระองค์เอง ทรงใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมี เนื่องจากพระพุทธองค์เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีแบบอย่างที่จะให้พระพุทธองค์ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุ พระโพธิญาณ ระยะเวลาที่บำเพ็ญพระบารมี จึงใช้ ถึง 40 อสงไขยกัปเศษ

    การพบสมเด็จองค์ปฐม ครั้งแรกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2511 คือท่านกำลังสอนพระกรรมฐาน และเมื่อเสร็จจากการแนะนำ ก็ได้ทำสมาธิ สิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น นั่นคือเห็นเป็นพระพุทธเจ้าในปางนิพพานยืน สองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้าแล้วก็พนมมือ จึงมีความรู้สึกในใจว่า บางทีอาจจะเป็น อุปาทาน เพราะว่า พระพุทธเจ้าม่เคยก้มศรีษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือน เล็กๆ ที่หลังคา ตํ่าๆ หาก พระพุทธเจ้าเข้าไป หลังคาก็จะสูงขึ้น แต่เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้ายืนพนมมือ อุปาทานคือกิเลสคงกินใจมาก เมื่อนึกเพียงนี้ ก็เห็นภาพหลวงปู่ปาน ปรากฏขึ้นข้างข้าง ๆ หลวงปู่ปานท่านบอกว่า " คุณ..ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา "

    อีกประมาณสัก 5 นาที ปรากฏว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง รูปร่างใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูป ของปางนิพพาน เดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ก้มศรีษะ แสดงความเคารพ เพราะพนมมืออยู่แล้ว พอท่านเดินไปถึง พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านก็ตรัสว่า" ข้าจะนั่งที่ไหนหว่า... ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกัน " ก็เลยนั่งบนหัว แล้วท่านก็บอกว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนที่แกจะสอนกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมะก็ดี จะเทศน์ก็ดี บอกฉันก่อน ฉันให้พูดตอนไหน จะให้เทศน์ตอนไหน ให้ว่าตามนั้น”

    ก็เป็นความจริง เมื่อใดก็ตาม ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ สอนกรรมฐานก็ดี เทศน์ก็ดี บางทีคิดว่าวันนี้จะพูดเรื่องอย่างนี้ แต่พอพูดเข้าจริง ๆ เรื่องนั้นไม่ได้พูดไปพูดอีกจุดหนึ่ง อันนี้เป็นลีลาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ การเทศน์ของพระพุทธเจ้ามุ่งเฉพาะบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่งไม่ได้หวังคนทั่วไป คนจะนั่งสักหนึ่งพัน สองพัน ห้าพันก็ตาม ท่านจะดูจิตใจว่า บุคคลใดจะรับคำเทศนาของท่านได้ จะสาารถบรรลุมรรคผลได้ ท่านจะจี้จุดเฉพาะคนนั้นเอาจุดเด่น แต่ว่าคนที่มีความดีใกล้เคียงกันก็พลอยบรรลุมรรคผลไปตาม ๆ กัน

    อันนี้ก็เช่นเดียวกัน อาตมาเวลาเทศน์หรือสอนกรรมฐานก็ไม่เคยได้พูดตามที่คิดไว้สักที อาจเป็นเพราะท่านดลใจ ถ้าจะถามว่าเป็นที่ชอบใจของคนทุกคนไหม ก็ขอตอบว่าไม่แน่นัก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านอาจจะจี้จุดเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่คนบางคนอาจจะไม่ถูกใจก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา ก็จึงมาคิดว่า ในเมื่อท่านมีพระคุณอย่างนี้ และก็เห็นเป็นปกติ จึงคิดจะหล่อรูปของท่าน

    ต่อมาเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เจริญพระกรรมฐานแล้ว จึงได้อาราธนา ขอพบท่านในสมัยที่รูปร่างเป็นมนุษย์ ท่าน ก็ปรากฏพระองค์ให้เห็น ทรวดทรงสวยมาก หน้าของท่านอิ่มเหมือนรูปไข่ แก้มอิ่ม ยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากไม่บุ๋ม ไม่เหมือนพระพุทธเจ้าที่เขาปั้นกัน แก้มตอบปากบุ๋มลงไป แล้วสมเด็จองค์ปฐม ก็แสดงรูปร่างสมัยเป็นมนุษย์ และก็เปลี่ยนมาเป็น ปางนิพพาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ถามว่า ถ้าจะปั้นรูปของพระองค์ จะให้ปั้นแบบไหน แบบปางพระนิพพานหรือแบบมนุษย์

    พระพุทธองค์บอกว่า ให้ปั้นแบบนี้ก็แล้วกัน ทรงแสดงภาพให้ดู เป็นเหมือนกับ พระพุทธรูป และมีเรือนแก้ว แบบพระพุทธชินราช รูปที่ทรงให้ปั้นไม่เหมือนกับรูปจริงของพระองค์ตอนเป็นมนุษย์ และก็ไม่เหมือนรูปที่นิพพาน แต่ว่าเป็นรูปที่ท่านต้องการ ท่านมาแสดงแบบนั้นอยู่ถึง 3 วัน ติดๆ กัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ดูจนละเอียด แต่ก็คิดในใจว่า ช่างเขาปั้น แต่เขาไม่เห็นภาพ เขาจะปั้นได้ไม่เหมือน จึงขอบารมีของท่านบอกว่า เวลาช่างปั้น ขอให้โปรดดลใจให้เป็นไปตามพระพุทธประสงค์ ท่านก็ยอมรับ ในที่สุดเมื่อเขาปั้นเสร็จ เขาก็เอามาให้ดูเหมือนกับรูปที่ท่านแสดงจริง ๆ นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์

    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อตัดสินใจปั้นรูปของสมเด็จองค์ปฐม ก็นึกถึงพระบรมสารีริกธาตุ เพราะพระพุทธรูปทุกองค์ในสถานที่สำคัญ ก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่เป็นพระบรมสารีริกธาตุขององค์ปัจจุบัน จึงคิพว่าจะหาได้จากไหน จึงตัดสินใจว่า ถ้าทำไม่ได้ก็จะเอาขององค์ปัจจุบันบรรจุ เพราะถือว่าเป็นคนละขั้นตอน ต่อมา ขณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อกำลังจะนอน จิตเริ่มเคลิ้ม ก็ได้ยินเสียงว่า “พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐมเอามาให้แล้วนะ วางไว้ที่ตลับบนเตียงข้าง ๆ หัวนอน” ได้ยินเสียงชัดเจนแจ่มใสมาก เหมือนเสียงขององค์ปัจจุบัน จึงลุกขึ้นไปเปิดไฟ ปรากฎว่าที่ตรงนั้นไม่เคยวางตลับ มีแต่วางหนังสือสำหรับดูก่อนหลับ ก็มีตลับพลาสติคแบบปัจจุบันอยู่ลูกหนึ่ง ไปเปิดดูเห็นพระบรมสารีริกธาตุองค์โตสององค์ ก็ดีใจว่าขององค์ปฐมแน่ จึงเก็บไว้ในที่สักการะบูชา เอาไว้บรรจุพระองค์ท่าน

    การสร้างมณฑปของสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญมาก ซึ่งสมเด็จองค์ปฐมได้ชี้สถานที่ให้ เป็นบริเวณที่มีพระบรมสารีริกธาตุสำคัญมาก และเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้คนเดินผ่านไปมา จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ซึ่งพระเพชพระคุณหลวงพ่อได้ให้ช่างทำการก่อสร้างมณฑปของสมเด็จองค์ปฐมดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

    มาพูดถึงวัสดุที่จะใช้สร้างสมเด็จองค์ปฐม สร้างหน้าตักสี่ศอก เป็นพระหล่อด้วยโลหะ แล้วก็ผสมทองคำ เฉพาะเพชรที่ประดับเรือนแก้วหรือว่าผ้าทิพย์ มีราคาประมาณเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นบาทเเศษ แต่ไม่ใช่เพชรจริง ๆ ราคาเพชรเม็ดหนึ่งประมาณ 12-13 บาทเท่านั้น ก็รวมความว่า ความสำคัญเนื่องในการสร้างองค์ปฐม คือว่าคนไม่เคยคิด หรือว่าอาจจะคิดบ้างก็ไม่ทราบ ว่า พระพุทธเจ้าจริง ๆ ที่มีความลำบากมากคือ “องค์ต้น” เพราะไม่เคยมีพระพุทธเจ้าเป็นครูมาก่อน ต้องลำบากบุกมาทั้ง ๆ ที่ไม่มีแบบ เป็นเหตุดลใจให้ตั้งใจคิดจะเป็นพระพุทะเจ้า ต้องใช้เวลาถึงสี่สิบอสงไขยกัปเศษ จึงจะได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ดังนั้น การหล่อรูปองค์ปฐมนี้จึงมีอานิสงส์มาก การหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐม จึงได้ทำการเททองหล่อ เมื่อวันที่ 15 มีนคม 2535 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นองค์ประธานจับสายสิญจน์ ในการหล่อพระพุทธรูป โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อทำการเททองลงในเบ้าที่ช่างเตรียมไว้ โดยใช้ทองคำที่ญาติโยมร่วมกันถวาย ประมาณ 78 กิโลกรัม

    วันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เป็นวันวิสาขบูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้อัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ขึ้นประดิษฐานบนแท่นภายในมณฑป ซึ่งเดิมพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม แต่เนื่องจากการตกแต่งพระวิหารก็ดี ยังไม่เรียบร้อย จึงต้องเลื่อนไข

    วันที่ 13 มีนาคม 2536 เป็นวันเริ่มงานทำบุญประจำปีของวัดท่าซุง และในวันที่ 14 มีนาคม 2536 ได้นิมนต์พระเดชพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา มาเป็นประธาน และได้ทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐมไว้ในพระเกตุมาลาของพระพุทธรูป ท่านพระครูปลัดอนันต์ พุทธญาโณ เจ้าอาวาสวุดท่าซุง ได้อาราธนาพระเดชพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นำพระเกตุมาลามาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แล้วอัญเชิญไปสวมที่พระเศียรของพระพุทธรูป แต่เนื่องจากการนำขึ้นไปลำบากและสูง พระเดชพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จึงมีบัญชาให้ท่านเจ้าอาวาสนำขึ้นไปแทน เมื่อเสร็จพิธี พระเดชพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวว่า “พระองค์นี้มีลาภมากนะ”

    ส่วนอานิสงส์ของการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ลุง 2 ลุง นายบัญชีกับลุงพุฒิ (หมายถึงท่านพระยายม) ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอกนี่...บัญชีเล่มนี้ (คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ที่จดธรรมดา) “บัญชีสีทอง” เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย ท่านบอกถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่ ต้องเป็นคนมีบุญมาก เพราะว่าการสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด และกรทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด คือไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไป ที่เขามีน้อย ๆ บาทสองบาท สิบสตางค์ยี่สิบสตางค์ พวกนี้เอาไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด ก็ถามว่าบัญชีสีทองหมายถึงอะไร ท่านบอกมันหมายถึงกลับไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนาหมด

    การหล่อองค์ปฐมด้วยทองคำนี่ อานิสงส์จะเหมือนกับหล่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แต่ว่าต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ไปนิพพานเร็ว ไปนิพพานเร็วมาก เพราะเขาเข้าบัญชีสีทองไม่ใช่ตัวทอง บัญชีทั้งเล่มเป็นทอง ลงบัญชีเล่มนั้น

    (คัดมาจากหนังสือประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม โดยพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2016
  11. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    แก้วมณีรัตนะ กลมใส มอบให้ผู้ร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ 3,500 บาท

    ลูกแก้วทั้งหมดทุกแบบทุกรุ่น หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษกโดยใช้ลููกแก้วจักรพรรดิ์องค์จริงเป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง

    การอาราธนาลูกแก้วท่านบอกให้ทำเป็นกรรมฐานจะเกิดผลมากและยิ่งใหญ่ คือทิพจักขุญาณ ให้อาราธนาทุกวันควบคู่กับการภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย จะมีความคล่องตัว จะบังเกิดให้เห็นทันตา และยังป้องกันอันตรายต่างเหมือนพระเครื่องทุกประการ ควรอธิษฐานว่า "ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ"

    เพื่อความคล่องตัวในด้านการเงิน ใช้ท่องกับคาถาเงินล้านครับ การเงินจะคล่องตัว

    คาถาเงินล้าน

    (ตั้ง นะโม ๓ จบ )

    สัมปจิตฉามิ นาสังสิโม

    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ


    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม


    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม


    มิเตภาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย

    พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม


    สัมปะติจฉามิ เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
    ( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)



    อานุภาพลูกแก้ว

    (คัดลอกบางตอนที่ หลวงพ่อเล่าไว้ในหนังสือสมบัติพ่อให้ หน้า ๑๒๒)


    ลูกแก้วกลมใส - กลมดำ สั่งทำภายในบ้านเราเอง


    ซึ่งผลที่ได้จากลูกแก้วนี่ อุบัติเหตุมีทุกครั้งใน ๓ ครั้งที่แล้วมานะ ที่แจกมาก็พบอุบัติเหตุทุกครั้ง แต่ว่าอุบัติเหตุที่น่าจะตายเขาไม่บาดเจ็บ

    อย่างรายหนึ่งไปอยู่อเมริกา ซื้อรถราคา ๓.๐๐๐ เหรียญ ชนกันย่นไปเหลือราคา ๓๐๐ เหรียญ เจ้าของรถไม่ตาย แต่ว่ารถเหลือราคาเพียง ๓๐๐ เหรียญ

    และก็เที่ยวแรกที่แจก วันนั้นไปที่อำเภอสามพราน มีสองผัวเมียแกบอกว่า รถชนประจันหน้ากันพังยับเยินเลยพวงมาลัยมากระแทกอกสามี พวงมาลัยคด แต่สองคนในรถไม่เป็นตราย

    อีกรายหนึ่งเขามารายงาน รายนี้ลูกสาวตัวเล็กล้มลงไปทับแก้ว เศษแก้วกระเด็นเข้าตา แกก็ร้องจ้า ฝ่ายพ่อก็จะพาไปโรงพยาบาล ก็พอดีนึกขึ้นได้ว่าเรามีลูกแก้ว ก็เลยลองดูว่าลูกแก้วจะช่วยได้หรือไม่ได้ ก็เอาลูกแก้วไปลูบๆ ที่ตา ประเดี๋ยวเดียวลูกสาวหายปวด ก็เลยพาไปหาหมอให้ดูให้ปรากฏว่าไม่มีเศษแก้ว

    สำหรับเที่ยวนี้ที่ทำขึ้นมาแล้ว พวกบางแคไปรับมาจากวัด ปรากฏว่าคนหนึ่ง ก้างปลาติดคอ ทำอย่างไรก็ไม่ออก เขาก็จะพาไปหาหมอ พอดีคนที่เขาได้แก้วไปก็อาราธนาลูกแก้วลูบๆ ที่คอ ปรากฏว่าก้างหาย

    และก็ที่ชุมแสงรับลูกแก้วไปแล้วกลับไปบ้าน ฟ้าผ่าใกล้ๆ ตัวแกไม่เป็นไรทั้ง ๒ ราย นี่ก็เลยยกทัพไปรับใหม่ ตอนแรกคนไปไม่กี่คน พอได้ยินข่าว เลยยกทัพมาเป็นกองทัพเลย

    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทนะ จะเห็นว่าแก้วลูกเล็กๆ แต่พึงเข้าใจว่า แก้วนี้ทำด้วยบารมีของพระพุทธเจ้า เวลาทำจริงๆ อาตมาไม่รู้เรื่องเลย

    (วิธีการใช้ลูกแก้ว คัดจาก "หนังสือสมบัติพ่อ" ให้หน้า ๑๒๑ ดังนี้ครับ)


    "ก่อนที่จะภาวนาคาถาให้มองดูลูกแก้วเสียก่อน จำภาพแก้วได้ ก็หลับตานึกถึงภาพแก้วนั้นแล้วก็ภาวนา นี่ทำเป็นกรรมฐาน จะภาวนา "พุทโธ" หรือ "นะมะพะทะ" ว่าได้ทุกอย่างเพราะว่าแก้วเป็นอาโลกกสิณ สำหรับอาโลกสิณนี่เป็นกสิณพื้นฐานของทิพจักขุญาณ หากว่าขณะที่หลับตาภาวนา ภาพลูกแก้วเลือนไปจากใจ ให้ลืมตาดูใหม่ จำภาพลูกแก้วแล้วภาวนาต่อไป จนกระทั่งภาพลูกแก้วติดตาติดใจ

    คราวหลังเราไม่ต้องมองดูลูกแก้ว แต่นึกภาพลูกแก้วได้เป็นปกติอย่างนี้ท่านเรียกว่า "อุคหนิมิต" อุคหนิมิตนี่เป็น "อุปจารสมาธิ" เป็นผลของทิพจักขุณาณ เมื่อทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไปจนกระทั่งภาพลูกแก้วติดตาติดใจอยู่เสมอ

    ต่อมาก็อธิฐานให้ลูกแก้วโตขึ้น ก็จะเห็นภาพลูกแก้วโตขึ้น อธิฐานให้เล็กลงก็จะเล็กลง ให้อยู่สูงก็อยู่สูง ให้อยู่ต่ำก็อยู่ต่ำ อยู่หน้าก็ได้ อยู่หลังก็โด้ตามชอบใจ อย่างนี้เป็น ปฏิภาคนิมิต ถือว่าเป็นนิมิตสูงสุดส่วนหนึ่ง..."

    "ในเมื่อเห็นลูกแก้วชัดเจนแจ่มใสดีเท่าไหร่ ความเป็นทิพจักขุญาณของท่านพุทธบริษัทที่จะเห็นภาพอื่นก็จะเห็นชัดเจนเท่านั้น แต่ว่าถ้าเห็นลูกแก้วชัดเจนดีแล้ว ต่อไปก็อธิฐานขอให้ภาพลูกแก้วหายไป ขอภาพของพระพุทธเจ้าจงปรากฏ ในเมื่อเห็นภาพของพระพุทธเจ้าปรากฏแทน ขอให้อธิฐานให้พระองค์โตขึ้น ภาพของพระพุทธเจ้าโตขึ้น ขอให้พระองค์ทรงเล็กลง ก็เล็กลง ให้สูงให้ต่ำได้ตามความต้องการ อย่างนี้ถือว่าถึงที่สุดของ "มโนมยิทธิ"

    ถ้าทำมโนมยิทธิได้ตามนี้แล้วจึงเคลื่อนออก ถ้าเคลื่อนไปไหนจิตกับกายจะตัดกันเด็ดขาด คือว่าไปสุดตัว ถ้าไปสุดตัวก็จะได้พบทุกอย่าง จะพบเทวดา จะพบพรหมก็ดี พบพระอรหันต์ก็ดี เราก็จะมีสภาพไปนั่งคุยกันอย่างสบาย เหมือนนั่งคุยกันอยู่นี่ ถือว่าเป็นการเต็มมโนมยิทธิที่ศึกษา เพราะมโนมยิทธิที่ศึกษากันอยู่เวลานี้ เราใช้กำลังครึ่งเดียว..."

    "แต่ว่าเพื่อผลประโยชน์ของบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า

    "ทุกคนยังต้องกินต้องใช้ พระพุทธเจ้าก็ทรงห่วงเหมือนกัน ท่านถือว่าถ้าทุกคนยากจนเสียจริงๆ ไม่มีกินมีใช้ การเจริญสมาธิก็ไม่มีผล เพราะมีความเดือดร้อน"

    ฉะนั้นท่านจึงแนะนำว่า ถ้าทำสมาธิในด้านของกรรมฐานครบถ้วนพอใจแล้ว หลังจากนั้นให้ต่อด้วย คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า (คาถาเงินล้านปัจจุบัน) และเวลาที่เจริญพระกรรมฐานทรงฌาณเท่าไร คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าก็จะทรงฌาณเท่านั้น เมื่อคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงเป็นฌาณ การเงินของท่านพุทธบริษัทจะมีการคล่องตัวดีมาก ถ้าปฏิบัติได้เป็นฌาณจริงๆ คือ เห็นภาพชัดจริงให้สังเกตุดูว่า หลังจากทำไป ๓ เดือน ผลการปฏิบัติลาภสักการะจะเกิด การเงินไม่ฝืดเคือง ยิ่งทำนานมากเงินก็จะยิ่งขังตัว..."
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 (1).jpg
      1 (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.2 KB
      เปิดดู:
      75
  12. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    วันนี้โอนเงินร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ จำนวน 250 บ. โอนเข้า ธ.กรุงเทพ เวลา 22.04 น.ค่ะ
     
  13. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนากับคุณเอเอในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำเพื่อประดิษฐานในยอดมหาเจดีย์พระพุทธเจ้า108พระองค์ ขอให้ท่านเเละครอบครัวเข้าถึงมรรคผลนิพพาน สำเร็จในกิจทั้งปวง
     
  14. pasteque

    pasteque เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +4,687
    ขอร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก 9 นิ้ว เพื่อประดิษฐานในมหาเจดีย์พระพุทธเจ้า 108 พระองค์ บ้านดงหลง หมู่ ๖ ต.แค้มป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 100 บาท ในนามคุณย่าสิริพร คงภิวัฒนา ครอบครัวงามพรประเสริฐ และคุณจิรวุฒิ สินธุวณิชเศรษฐ์ ค่ะ

    ได้โอนปัจจัยร่วมบุญแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 59 เวลา 13:01:02 น. ค่ะ
     
  15. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนากับคุณเเละครอบครัวในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำขอให้สำเร็จเจริญรุ่งเรืองในกิจทั้งปวงทั้งทางโลกเเละทางธรรมค่ะ
     
  16. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฝากลูกไว้เกี่ยวกับงานสาธารณะประโยชน์
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. taroball

    taroball ทีม ธรรมทาน ทีม ธรรมทาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    858
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,355
    โอนเงินร่วมบุญเข้าบัญชีไทยพาณิชย์ ๒๐๐ บาท

    วันที่ ๑๗/๒/๕๙ เวลา ๑๐.๔๙ น.ครับ
     
  18. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    น้อมอนุโมทนากับคุณเเละครอบครัวในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ ขอให้เจริญรุ่งเรืองสำเร็จทั้งทางโลกเเละทางธรรมค่ะ
     
  19. Parman68

    Parman68 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +369
    ผม เชี่ยวชาญ พันธ์ศรีและครอบครัว ขอร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ. โอนเข้า บช ธ.กรุงเทพ วันนี้ เวลา 07:45 จำนวน 500 บาท
     
  20. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    น้อมอนุโมทนากับคุณพี่เเละครอบครัวค่ะ ในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำเพื่อประดิษฐานที่มหาเจดีย์พระพุทธเจ้า 108 พระองค์ ขอให้สำเร็จเเละเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกเเละทางธรรม
    บอกชื่อที่อยุ่มาทางpmได้เลยค่ะ พรุ่งนี้ดิฉันจะได้จัดส่งมอบพระผงครบรอบ 100 วัน มรณภาพพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน พร้อมพระธาตุชานหมาก 1 องค์ ให้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2016

แชร์หน้านี้

Loading...