มาวิเคราะห์คำทำนาย จากภัยธรรมชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 3 กรกฎาคม 2006.

  1. ตำสั่วปู ปลาร้า

    ตำสั่วปู ปลาร้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +462
    [​IMG]


    [​IMG]
     
  2. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    จริงๆแล้วนะครับ ผมรู้สึกว่าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นเมื่อไหร่ 10ล้านคนจะถึงด้วยซ้ำรึเปล่าครับที่จะรอด เพราะว่าผมยังไม่เห็นวิธีที่คนจำนวนถึง1/3ของโลกจะมีชีวิตรอดได้เลยครับ แค่ 10ล้านที่จะรอดผมว่าก็เก่งแล้วครับ เอาเข้าจริงคิดว่าไม่ถึง 10 ล้านด้วยครับ นี่เป็นแค่ความคิดเห็นที่สามารถผิดพลาดได้ครับ อย่าสนใจกับความคิดเห็นอันเลื่อนลอยของผมครับ
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อย่าพึ่งหมดหวังครับน้อง Xorce ตัวช่วยยังมีอีกหลายตัวเช่น มนุษย์ต่างดาวของกลุ่มเขากะลา จะพาคนที่มีศีลธรรมเข้าไปหลบในอีกมิติหนึ่งในช่วงเกิดภัยพิบัติ เจ้าเมืองลับแลซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ก็รับปากว่าจะพาคนที่มีศีลธรรมเข้าไปหลบภัยในเมืองลับแล

    พระและฆราวาสที่ทรงอภิญญา(ซึ่งตอนนี้อยู่ในป่า)ก็จะออกมาใช้ฤทธิ์ที่ตัวเองมีช่วยพาคนที่มีศีลธรรม ไปไว้ในสถานที่ปลอดภัยอย่างเต็มที่ในช่วงเกิดภัยภิบัติ เหล่าพุทธภูมิที่อาสาลงมาเกิดเพื่อช่วยคนในกึ่งพุทธกาลนี้ ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างจุติลงมาพร้อมกับพระศรีอาริย์ มาเพื่อช่วยยกยอพระพุทธศาสนาให้อยู่จนครบ 5,000 ปี จะใช้บุญบารมีที่ตนเองสั่งสมมาเข้าช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติได้เป็นจำนวนมากครับ

    พุทธสถานและศาสนสถานที่มีพระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์รักษาอยู่ จะปรากฎมีรัศมีสีม่วงครอบคลุมอยู่ทั้งหมด รัศมีสีม่วงนั้นมีสภาพเหมือนกำแพงแก้วที่สามารถป้องกันรังสีนิวเคลียร์,อาวุธเชื้อโรค, ฝนกรด,พายุฟ้าผ่า,และภูติผีปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรกเพื่อจะมาเอาชีวิตคนได้ครับ ผู้ที่มีศีลมีธรรมจะได้รับการดลใจให้เข้าไปหลบภัยในพุทธสถานเหล่านี้ได้ทันเวลาครับ
     
  5. somsannannom

    somsannannom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,626
    10 ล้าน 100 ล้าน
    ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องตาย
    จะมีภัยพิบัติหรือไม่มีก็ต้องตายทุกคนอยู่แล้ว
    ถ้ามีผู้ที่รอดไม่แน่ว่าจะโชคดี ต้องเห็นผู้คนล้มตายมากมายจิตใจไม่นิ่งพอ
    ก็เกิดทุกข์เวทนา
    ว่าๆก็ว่ากัน ที่เร่งปฏิบัติกันอยู่คงไม่ได้หวังให้ไปถึงเป็นผู้มีฤทธิ์มีเดชอยู่รอดปลอดภัย เอาแค่ถึงเวลาจะตายใด้มีพระธรรมนำไปก็บุญโขแล้วครับพี่น้อง
     
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เกษม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1064755", true); </SCRIPT>
    สมาชิก กิตติมศักดิ์
    คำพยากรณ์ดวงเมืองไทย 10 ยุค


    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- / icon and title --><!-- message -->
    ดวงเมืองที่เหล่าโหราจารย์ตั้งไว้สมัยแรกตั้งกรุงรัตนโกสินทร์คือวันที่ 1 เมษายน 2325 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล พยากรณ์ดวงเมืองไว้ 10 ยุค ดังต่อไปนี้

    1. มหากาฬ อยู่ในรัชกาลที่ 1 สู้ศึกสงคราม รวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นมั่นคง สถานการณ์ในยุคนี้เรียกว่า "มหากาฬ" เพราะเมื่อปราบดาภิเษกก็ต้องเสด็จออกปราบปรามความไม่สงบทั้งภายนอกภายใน ทรงทำศึกสงครามกับพม่าอีกหลายครั้งทรงยกทัพไปตีเมืองทะวายเป็นต้น จำต้องประกาศกฏสำคัญเช่น กฏปราบกบฏ กฏมณเทียรบาล กฏอัยการศึก เกิดอุบัติการณ์ที่น่าหวาดเสียวมาก ผู้ทำนายจึงเรียกเหตุการณ์บ้านเมืองยุคนี้ว่า "มหากาฬ"

    2. ภาณยักษ์ รัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2363 ได้เกิดโรคอหิวาตกโรค ระบาด อย่างร้ายแรงในพระนครหลวง ชีวิตมนุษย์ต้องล้มหายตายจากไปวันละมากๆ ตามป่าช้าวัดสระเกศ วัดสังเวช วัดบพิตรพิมุข ฯลฯ เนืองนองไปด้วยซากศพของผู้เสียชีวิต ตามลำน้ำลำคลอง ซากศพมนุษย์ลอยฟ่องจนใช้น้ำรับประทานไม่ได้กลิ่นซากศพกระจายไปทุกแห่งหน ตามถนนหนทางเงียบสงัด หาผู้คนเดินแทบไม่พบ เพราะต่างก็พากันหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ด้วยเกรงโรคร้ายจะติด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ทำพิธียิงปืนใหญ่ รอบกำแพงพระมหาราชวัง 1 คืน นำพระแก้วมรกต และพระบรมธาตุ ออกแห่แหนให้วัดต่างๆ ทำพิธีสวด "ภาณยักษ์" เพื่อขับไล่เสนียดจัญไร อันเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บโรคนี้ระบาดอยู่เกือบ 2 เดือน มีผู้เสียชีวิตกว่า 3 หมื่นคน ในยุคนี้จึงเรียกว่า "ยุคภาณยักษ์"

    3. รักบัณฑิต ล่วงเข้ารัชกาลที่ 3 ผู้คนนิยมแต่งโคลงกลอน เพลงยาวมีกวีสำคัญที่มีชื่อเสียง คือ สุนทรภู่ และเมืองไทยได้ทำความสัมพันธ์ไมตรีกับนาๆ ประเทศ เช่น พ.ศ. 2367 ประเทศไทยได้ประกาศสงครามเข้าข้างอังกฤษรบกับพม่า กองทัพไทยได้เคลื่อนเข้าตีเขตแดนรามัญ ครั้น พ.ศ. 2369 อังกฤษได้ส่งกัปตันเฮนรี่ เบอร์นี่ เป็นทูตเข้าเฝ้า ทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี และในปี พ.ศ. 2376 เอส.โรมัน โรเบิร์ต ชาวอเมริกันก็ได้ถือสาสน์ของประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา นายแอนดรูว์ แจ๊คสัน เข้ามาขอทำสัญญาทางพระราชไมตรีกับไทย เป็นยุคของ "รักบัณฑิต"

    4. สนิทธรรม รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดการปฏิบัติธรรม ทรงฝักใฝ่ทางศาสนาถึงกับได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุเป็นเวลานาน 27 ปี ก่อนขึ้นครองราชย์ ทรงสร้างวัดธรรมยุตินิกายขึ้นเป็นจำนวนมาก ได้มีการติดต่อกับบรรดานานาชาติในยุโรปและทรงนำวัฒนธรรมของยุโรปเข้ามาดัดแปลงใช้ในไทย ยุคนี้จึงเป็นสมัยที่เรียกว่า "สนิทธรรม"

    5. จำแคว้นขาด เมืองไทยต้องเผชิญกับอุปสรรคร้ายแรงจากการแผ่อิทธิพลของประเทศมหาอำนาจตะวันตก ที่พยายามล่าเมืองไทยให้เป็นเมืองขึ้น ฝรั่งเศสกับอังกฤษพยายามทุกวิถีทางที่จะแย่งยึดเอาประเทศไทยไปอยู่ใต้อำนาจร่มธงของเขาให้ได้ ชาวไทยต้องน้ำตาตก เพราะผืนแผ่นดินเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคนไทย ต้องถูกเชือดเฉือนไปมากมาย รัชกาลที่ 5 ต้องยอมสละดินแดนบางส่วนให้ชนต่างชาติที่รุกราน เพื่อเอกราชและสันติสุขของประเทศชาติ

    6. ราษฎรจน รัชกาลที่ 6 ประเทศชาติเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 บ้านเมืองเดือดร้อนไปทั่วทุกประเทศคู่สงคราม ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจตกต่ำลง ข้าวยากหมากแพง ผู้คนยากจน ประชาชนเริ่มเผชิญกับความเดือดร้อนเป็นสำคัญ

    7. ชนร้องทุกข์ พอขึ้นรัชกาลที่ 7 บ้านเมืองได้เริ่มระส่ำระสาย กระแสของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบใหม่เริ่มเข้ามาในเมืองไทย ผู้คนกล้าแสดงออกมากขึ้นจึงเป็นยุคของ "ชนร้องทุกข์" แม้แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ยังรับสั่งว่า ฉันเกิดมาในสมัยที่ม่านจวนจะรูดอยู่แล้ว ความเดือดร้อนของพลเมืองได้เป็นไปอย่างหนักด้วยความตกต่ำของเศรษฐกิจ จนเกิดการปฏิวัติขึ้นในปี พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร์ล้มระบอบกษัตริย์อยู่เหนือกฏหมายลงเปลี่ยนเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขของชาติ เป็นสมัยที่เรียกกันว่า ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม

    8. ยุคทมิฬ สงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่นถูกระเบิดปรมาณูผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก นับเป็นการเข่นฆ่าด้วยอาวุธสงครามที่ร้ายแรงที่สุด และในประเทศไทยครั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เวลาต่อมาเหตุการณ์บ้านเมืองได้ย่างเข้าสู่ความมืดมนยิ่งขึ้น เกิดการกบฏจลาจลอยู่เนืองๆ มีการประหารชีวิตผู้ต้องหาทางการเมือง
     
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ดอกไม้สีเหลืองทองเบ่งบานทั่วบุรี

    ฉลองในหลวงครองราชย์ ๖๐ ปีไงคะ
    ตอนนี้เรา็ก็อกไหม้ใส้ขมแล้ว

     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขออนุญาตแก้ไขข้อความเป็น

    จะต้องสูญเสียประชากรของโลกอย่างน้อย 1 % คือ 60 ล้านคน

    เป็นคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ครับ ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นการพูดแบบปลอบใจเอาไว้ก่อนเท่านั้นเอง ในความเป็นจริงแล้วคงต้องมากกว่านั้นหลายเท่าครับ

     
  9. Newone

    Newone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +2,964
    จากหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน"
    หน้าที่ 410

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนกรรมฐาน วันที่ ๒๑ ก.พ. ๒๕๑๒
    และเมื่ออารมย์สงสัยเกิดขึ้นมาขวางจิตหลวงพ่อท่าน จึงถามท่าน
    ที่เป็นผู้ที่รู้ที่เป็น "สัพพัญญูวิสัย" ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้


    สิ้นพระศาสนา

    หลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ปี จะมีไฟล้างโลก ล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น
    ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา ท่านบอกว่า ความชั่วที่จะเป็นเหตุให้ไฟล้างนั้น เป็นผลของสัตว์ที่สร้างอกุศลกรรมมากมารวมตัวกันอยู่ เป็นสมัยสัตว์นรกครองโลก มีแต่ความเร่าร้อนหาความสงบสุขไม่ได้ ความจริงแล้วมันเริ่มมีความเล่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีแล้วจากนั้นไป พวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรมเป็นพวกเห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม

    (หลังจากไฟล้างโลกแล้ว) โลกจะร้าง ไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครอบ ๑,๐๐๐ ปี

    หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนตกใหญ่ลงในมนุษย์โลก แม่น้ำและมหาสมุทร
    จะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกและชุ่มชื้น ต้นหญ้า ต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้น
    เป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่า

    หลังจากโลกที่เขียวชอุ่ม ไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้น ทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี
    สัตว์โลกเริ่มเกิด สัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้น ไม่ได้อาศัยบิดามารดา
    เป็นแดนเกิด มาเกิดแบบอุปปาติกะ คือมาเกิดด้วยอำนาจกรรม
    คือเป็นตัวคนขึ้น

    จะยังไม่มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละคน คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ

    เรื่องอาหารนั้นในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิดล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรก
    หรือเปรตเจือปน โลกเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้

    นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี
    คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลืองเนื่อละเอียดทั้งหญิงและชาย
    มีแต่คนรวยไม่มีคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีคนใจบาป..

    *********
    วันนี้เอามาให้อ่านแค่นี้ก่อนก็แล้วกันค่ะ
    ไว้วันหลังจะนำเรื่องพระศรีอาริย์มาตรัส มาเล่าให้ฟังต่อ
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เท่าที่เคยดูมา ปฏิทินพระราชทานในหนังสือ พระมหาชนก แม่นสุดๆ อิอิ :cool:

    ถึงได้มาตามรอยไง :boo:
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ฮอว์กิง" เตือนมนุษย์ ถ้าไม่อยากสูญพันธุ์ต้องอพยพสู่อวกาศ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 สิงหาคม 2553 18:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สตีเฟน ฮอว์กิง ขณะบรรยายพิเศษเมื่อต้นปี 53 (เอเอฟพี/ฟอกซ์นิวส์) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ฮอว์กิง" นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์คนดังเตือนมนุษย์กำลังเข้าสู่ยุควิกฤติยิ่งกว่าสมัยสงครามเย็น เหตุเพราะถลุงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดจนภัยคุกคามสารพัดรูปแบบถาโถมเข้าใส่ ระบุทางเดียวที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่รอดจนถึงศตวรรษหน้า ต้องสร้างอาณานิคมในอวกาศ

    "ชาติพันธุ์มนุษย์ไม่ควรเก็บไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเพียงใบเดียว หรือบนดาวเคราะห์แค่เพียงดวงเดียว"
    สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ กล่าวอุปมาอุปไมยไว้ในเว็บไซต์บิ๊กธิงค์ (Big Think) ซึ่งเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายตามรายงานข่าวของเอเอฟพี

    เอเอฟพี.รายงานว่า ฮอว์กิงระบุในเว็บไซต์ดังกล่าวว่า โอกาสเดียวของพวกเราในการดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดในระยะยาวได้ไม่ใช่แค่อาศัยอยู่แต่บนดาวเคราะห์โลกแต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ต้องอพยพกันไปในอวกาศด้วย

    โดยเขาได้เตือนไว้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญหน้ากับมหันตภัยจำนวนมากที่คุกคามต่อการดำรงชีวิต ดังเช่น "วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา" (Cuban Missle Crisis) เมื่อปี 1962 ในยุคของสงครามเย็น ที่เกิดการเผชิญหน้าทางการทหารอย่างตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ สหภาพโซเวียต และคิวบา จนเกือบจะกลายเป็นสงครามปรมาณู

    "พวกเรากับเราเข้าสู่ยุคที่มีภัยอย่างใหญ่หลวงของประวัติศาสตร์มนุษย์ ประชากรมนุษย์และการใช้ทรัพยากรบนโลกที่มีอยู่อย่างจำกัดของพวกเรากำลังเพิ่มขึ้นแบบเอกซ์โพเนนเชิล (exponential) ด้วยความสามารถที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของพวกเราที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเพื่อสิ่งที่ดีกว่าหรือทำให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก" ฮอว์กิงบอก

    "ถ้าหากมนุษย์ต้องการมีชีวิตอยู่รอดไปจนถึงศตวรรษหน้า อนาคตของพวกเราคืออวกาศ" เขาระบุทางเลือกของมนุษย์โลก

    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ฮอว์กิงเคยกล่าวเตือนผ่านซีรีส์ทางโทรทัศน์ไปแล้ว ในเรื่องที่มนุษย์ควรจะหลีกเลี่ยงการติดต่อกับสิ่งชีวิตต่างดาว เพราะอาจเป็นการเปิดช่องให้มนุษย์ต่างดาวบุกมาทำลายล้างโลกได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. poout

    poout สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    แสดงว่าอ่านพระคัมภีร์มัทธิวยังไม่จบ อ่านเพียงหาความรู้จะไม่ได้ความรู้ อ่านด้วยใจถ่อมจะได้ปัญญา อ่านด้วยความหยิ่งยโสจะได้การทดลอง อ่านด้วยอยากจับผิดจะได้การทดสอบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...