พอใจรูม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ppojai, 3 ตุลาคม 2010.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เข้ามาบ้านหลังนี้ มีแต่ความเย็นกายเย็นใจนะคะพี่ใจ
    กราบอนุโมทนาในข้อธรรมค่ะพี่
     
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490

    (k)ขอบคุณน้องติง ติง ในมิตรไมตรีที่มีเสมอมานะคะ..:cool:

    [​IMG]
     
  3. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    2 วิธี ถนอมรักให้อยู่เคียงกันเนิ่นนาน


    คู่รักที่แต่งงานกันแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ร่วมหลังคาเดียวกัน ห่มผ้าผืนเดียวกัน อย่างไร... ก็ยังคงมีเรื่องให้ทะเลาะกันได้อยู่ดี เพราะชีวิตการแต่งงานไม่ได้หมายถึงจุดจบของทางเดินแห่งรัก แต่หมายถึงการเริ่มต้นสำหรับเส้นทางความรักสายใหม่ ที่มีใครอีกคนเดินจับมือไปพร้อมกันกับเราจนวันสุดท้ายของชีวิต และจะว่ายากก็ยากว่าไหมคะ กับการถนอมรักษาความรักเอาไว้ให้อยู่เคียงข้างกันอย่างยาวนาน แต่กับวันนี้การถนอมรักนี้ไม่ใชเรื่องยากอีกต่อไปแล้ว เพราะเรามี 2 วิธีถนอมรักให้อยู่เคียงกันเนิ่นนานมาฝากคู่รักเช่นคุณแล้วนั่นเอง



    1. อยู่ด้วยความเข้าใจให้มากที่สุด - ทุกปัญหาของความรักอันเป็นสาเหตุของการแยกทางกันเสียส่วนใหญ่ มักเกิดจากความไม่เข้าใจกันเสียมาก เพราะหากเราไม่ยอมทำความเข้าใจอีกคนและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น หากเราไม่อาจรับตัวตนของคนรักได้ การดันทุรังคบกันต่อไปก็ยิ่งมีแต่จะทำให้ความรักเจ็บร้าวด้วยกันทั้งสองฝ่ายและต้องจบลงด้วยการแยกทางกันในที่สุด
    เพราะฉะนั้น หันมาใจเย็นกับคนรักให้มากขึ้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนคือบทเรียนของความรักเพื่อวัดใจเราและเขา หากเรารักกันจริงก็ต้องยอมรับกันและกันได้ จากนั้นต้องให้อภัยซึ่งกันได้ด้วย แล้วความรักจะลงเอยและกลับมาสงบสุข รักกันหวานชื่นอีกครั้ง

    2. เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ - การที่คนเราคบกันอย่างยาวนานตลอดไปนั้น บางทีที่อยากแยกทางกัน อาจไม่ใช่เพราะหมดรักกันหรอก แต่เป็นเพราะใครอีกคนไม่ได้ใส่ใจเราเท่าที่ควร แน่นอน... หากการละเลยมีปริมาณมากกว่าการเอาใจใส่ซึ่งกัน ใครอีกคนก็ย่อมเกิดอาการน้อยใจและไม่อยากเดินเคียงข้างกับเราอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อคบกันแล้ว ก็ควรทำตัวให้เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนสนิท และคนรักที่รู้ใจให้กำลังใจกันและกันให้ได้มากที่สุด

    เพราะในอนาคตที่คุณและเขาแก่ชราลง วันนั้น... คุณอาจมองไปรอบตัวไม่เจอใคร นอกเสียจาก... คนรักของคุณที่ยังคงนั่งยิ้มเอกเขนกข้างกันใกล้ๆ อย่างอบอุ่นใจนั่นเอง นี่แหละคือสิ่งที่คู่รักทุกคนต้องการ การให้กำลังใจจึงเปรียบดั่งเชื้อเพลิงความรักที่ดีที่สุด


    เป็นอย่างไรบ้างคะ เพียงเคล็ดลับ 2 ข้อนี้ ก็สามารถเปลี่ยนคืนวันที่อ่อนล้าของความรักให้มีบทบาทความเข้มแข็งได้มากขึ้นได้แล้ว คนรักกันควรรักด้วยความมั่นใจและให้กำลังใจซึ่งกันเสมอ เมื่อนั้นแล้ว ความรักก็จะอยู่เคียงข้างกันต่อไปตราบนานเท่านานแน่นอนค่ะ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันนี้อุณหภูมิสูงขึ้นแล้วค่ะ
    วัดได้ ๑๕ องศา อุ่นขึ้นนิดหน่อยแล้ว ^^
     
  5. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.3007810/[/MUSIC]

    ความรักครั้งสุดท้าย

    เพลงประกอบละคร เมืองมายา เดอะซีรี่ส์

    ฉันอาจจะไม่น่าดูฉันรู้ตัว ฉันอาจจะเผลอทำตัวเป็นแบบนี้
    แต่หากเธอหันมามอง เธอคงจะรู้ได้ดี ว่าตอนนี้ฉันต้องการเธอแค่ไหน

    ไม่ใช่เพียงแค่ไหล่ไว้ซบอิง แต่เธอคือที่พักพิงที่สุดท้าย
    ไม่ได้หวังแค่เพียงมาเพื่อฝากหัวใจ แต่จะฝากชีวิตไว้กับเธอ

    โปรดอย่ามองว่าฉันเหมือนคนน่ารำคาญ อย่าโกรธเคืองที่ฉันวุ่นวายและอ่อนไหว
    แค่อาการไขว่ขว้าของคนที่เหงาใจ หวังจะฝากความรักครั้งสุดท้ายไว้ที่เธอ

    ฉันอาจจะใกล้ชิดเธอจนมากไป เธออาจจะหนีฉันไปในสักวัน
    มันทำให้ฉันยิ่งกลัว กลัวเธอไม่รู้ใจกัน ว่าเธอมีค่ากับฉันมากแค่ไหน

    ไม่ใช่เพียงแค่ไหล่ไว้ซบอิง แต่เธอคือที่พักพิงที่สุดท้าย
    ไม่ได้หวังแค่เพียงมาเพื่อฝากหัวใจ แต่จะฝากชีวิตไว้กับเธอ

    โปรดอย่ามองว่าฉันเหมือนคนน่ารำคาญ อย่าโกรธเคืองที่ฉันวุ่นวายและอ่อนไหว
    แค่อาการไขว่ขว้าของคนที่เหงาใจ หวังจะฝากความรักครั้งสุดท้ายไว้ที่เธอ

    (ไม่ได้หวังแค่เพียงมา มาฝากหัวใจ แต่จะฝากชีวิตไว้กับเธอ)

    โปรดอย่ามองว่าฉันเหมือนคนน่ารำคาญ อย่าโกรธเคืองที่ฉันวุ่นวายและอ่อนไหว
    แค่อาการไขว่ขว้าของคนที่เหงาใจ หวังจะฝากความรักครั้งสุดท้ายไว้ที่เธอ......

    file music
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2014
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    [​IMG]

    เอาอาหารว่างมาฝากคุณพี่ใจค่ะ
     
  7. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายรับสัมผัส ใจคิดนึก อารมณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามา เมื่อไม่ไดู้ดูจิต กระแสก็จะวิ่งไปเก็บที่สมองเล็ก และไปเก็บที่สมองใหญ่ ทำให้เกิดความเครียด ความกังวล เป็นไมเกรน ปวดหัว นอนไม่หลับ และเป็นโรคหัวใจ กระแสที่เข้ามาครอบงำจิต หมุนเวียนอยู่อย่างนี้ ทำให้จิตหลุดพ้นไปไม่ได้


    เมื่อเรามาดูจิต เห็นการเกิดดับไปเรื่อยๆ กระแสจะทะลุไปด้านหลัง ผ่านไปที่ท้ายทอย สมองเล็ก และสมองใหญ่ กระแสวิญญาณที่ถูกฟอกแล้ว จะออกบริเวณหัวคิ้ว ซึ่งเป็นทางออกของกระแสวิญญาณ

    ดังนั้นเมื่อเราดูจิต เห็นการเกิดดับไปเรื่อยๆ ไปทุกขณะ ความคิด ความเครียด ความกังวลก็จะดับไป สมองก็จะปรอดโปร่ง จิตก็จะผ่องใส ปัญญาก็จะเกิดขึ้น

    ที่สุดคนเราก็ต้อง แก่ เจ็บ ตาย ต้องพลัดพรากจากของรัก พระองค์ทรงเห็นดังนั้น จึงออกไปหาทางที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย ได้ทรงค้นพบต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง นั่นคือ อวิชชา คือความไม่รู้อริยสัจ ๔ และ จิตที่ถูกอวิชชาครอบงำ ย่อมเกิดตัณหา คือความดิ้นรนทะยานอยาก มีความยึดมั่น จิตจึงผูกพันอยู่ในภพ เวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักจบจักสิ้น เป็นทุกข์ที่ไม่มีวันจบ ดังนั้น การดับทุกข์ ต้องปล่อยวางอวิชชาและตัณหา ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง จิตก็จะหลุดพ้นเป็นอิสระ เพราะไม่ยึดมั่น

    พระองค์จึงเข้าสู่วิธีการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ โดยการตามรักษาจิตไปทุกขณะ นี่เรียกว่าจิตที่อยู่บนเส้นทางของอริยมรรคมีองค์ ๘ โดยมีความเห็นถูกต้อง ความคิด คำพูด การกระทำ อาชีพ ความเพียร สติ สมาธิ จะดำเนินไปในหนทางที่ถูกต้อง

    "จักษุ" คือความเห็นที่ถูกต้องได้เกิดขึ้นแล้ว "ญาณ" คือความรู้ "ปัญญา" คือความที่รู้ชัดเจน "วิชชา" คือ ความรู้แจ้งอย่างหมดข้อสงสัย "แสงสว่าง" คือ ความสว่างไสวได้เกิดขึ้น ... อวิชชาก็ดับ ทุกข์ดับ จิตก็หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น เป็นอิสระจากความคิดทั้งปวง พระองค์จึงได้นามว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

    ดังนั้น เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว จึงได้เผยแผ่หลักธรรมของ พระพุทธองค์ คือ ศีล สมาธิ และ ปัญญา โดยมีความเห็นที่ถูกต้องเป็นเบื้องต้น และธรรมจักรของพระพุทธองค์ก็ได้หมุนไป เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ทุกคนจะเป็นคนที่เก่ง คือมีทุกข์แล้วดับทุกข์ได้ แก้ปัญหาชีวิตได้ และคนดีมีศีลธรรม จะกลับมาอีกครั้งในกึ่งพุทธกาล ทุกคนจะพบความสุขที่แท้จริง ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ธรรมจักรก็จะหมุนไป เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่มหาชนเป็นอันมาก จากในกาลก่อน สู่กาลปัจจุบัน ตลอดไป และตลอดกาล...

     
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ปฏิบัติธรรมบ้านครูลิลลี่พร้อมวิวสวยที่ปากช่อง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • house-r.jpg
      house-r.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.7 KB
      เปิดดู:
      224
    • nid.jpg
      nid.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.8 KB
      เปิดดู:
      233
    • pra.jpg
      pra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      227
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2014
  9. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • view.jpg
      view.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.2 KB
      เปิดดู:
      209
    • eat2.jpg
      eat2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.4 KB
      เปิดดู:
      232
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    ***************************

    อัศจรรย์จริงหนอ "พลังจิต" ธรรมะสวัสดีค่ะ
     
  11. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    ขอบพระคุณคุณพี่สุภาทร ที่แวะมาธรรมะสวัสดีนะคะ..

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ratsamee2.jpg
      ratsamee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.1 KB
      เปิดดู:
      267
    • ratsamee2lek.jpg
      ratsamee2lek.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 KB
      เปิดดู:
      282
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มกราคม 2014
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    ข้อคิดดีมาก..ในวันตรุษจีน

    ..............................
    1. เมื่อวาน
    ไม่สามารถกลับไป
    แก้ไขอะไรได้
    จึงมีวันพรุ่งนี้
    ให้เราได้ทำสิ่งดีๆต่อไป
    2. คนเดียวเท่านั้น
    ที่จะช่วยให้คุณผ่าน
    ทุกปัญหาได้
    คือ "ตัวคุณ"
    3. เรื่องวุ่นวายบนโลก
    มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ
    "ไปหลงรัก" และ
    "ไปหลงเกลียด"
    4. ความสบายใจ
    ไม่ได้เกิดจาก
    ทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ
    แต่เกิดจากใจ
    ที่ยอมรับว่า ไม่มีอะไร
    ที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด
    5. ต่างคนต่างความคิด
    ต่างจิตต่างใจ
    อย่าดูถูกความคิดใคร
    ถ้าความคิดต่าง

    6. อ่านหนังสือออก สำคัญ
    อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
    อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง
    อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด
    7. ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด
    ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ
    ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ
    ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ
    แม้ให้กำลังใจไม่ได้
    ให้สงบนิ่ง
    8. ละได้ ใจก็สะอาด
    วางได้ ใจก็โล่ง
    ปลงได้ ใจก็เย็น
    อภัยได้ ใจก็สงบ
    9. เงาจันทร์ เกิดจาก
    ความนิ่งของน้ำ ฉันใด
    ปัญญา เกิดจาก
    ความนิ่งของใจ ฉันนั้น
    10. ไม่ใช่ความทุกข์
    ที่ทำให้เราคิดมาก
    แต่เป็นเพราะเราคิดมาก
    ทำให้เกิดความทุกข์
    11. รู้จักให้ รู้จักรับ
    รู้จักปรับ รู้จักให้อภัย
    รู้จักแบ่ง รู้จักได้
    รู้จักแข็ง รู้จักคลาย
    ชีวิตจะเบาสบาย
    และมีความสุข
    12. หาที่สงบร้อยที่
    ยังไม่ดีเท่าสงบที่ใจตน
    รู้จักคนร้อยคน
    ไม่ดีเท่ารู้จักตน
    เพียงคนเดียว
    13. เมื่อมี จงรู้จักให้
    เมื่อได้ จงรู้จักพอ
    เมื่อขอ จงรู้คุณค่า
    คนเราเกิดมา ถึงเวลา
    .........ก็ ต้องจากไป
    14. สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือเวลา
    สิ่งที่หนีไม่ได้ คือความตาย
    สิ่งที่ชื้อไม่ได้ คือ สุขภาพ&ชีวิต
    สิ่งที่มองไม่เห็น คือใจคน
    สิ่งที่ต้องอดทน คือใจตัวเอง
    15.ไฟไม่ได้ร้อน
    ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้
    ทุกข์ใดๆก็ไม่ทำให้เราหนัก
    ถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปแบก
    16. กำลังใจอาจหาได้
    จากคนรอบข้าง
    แต่ความเข้มแข็ง
    เราต้องสร้างมันขึ้นเอง
    17. บางครั้งกำลังใจ
    นอกจากจะมีไว้ให้ใครๆ
    ก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเองด้วย
    18. เมื่อตัดสินใจ
    ที่จะเดินไปข้างหน้า
    ก็อย่าหวั่นไหวกับปัญหา
    ที่จะต้องพบเจอ
    19. คนมีปัญญา
    มักมองเห็นโอกาส
    ในทุกๆปัญหา
    คนขาดปัญญา
    มักมองเห็นปัญหา
    ในทุกๆโอกาส
    20. ทุกครั้งที่เรา ไม่เข้าใจกัน
    ไม่ผิดที่จะโกรธ
    แต่ผิดที่เราไม่ขอโทษกัน
    21. จงเป็นคนดี
    คนเก่งและมีความสุข
    แค่นี้ก็เป็นคนโดยสมบูรณ์แล้ว
    ..............................
    ขอมอบแด่ท่านที่รักทุกๆคน
    ...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2014
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    *คาถาใจสบาย* * "คลาย" เพราะคิดจบ

    * "สงบ" เพราะคิดว่าง

    *"สว่าง" เพราะคิดเป็น

    *"ร่มเย็น" เพราะคิดดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2014
  14. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
  15. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490

    สวัสดีตอนเช้าค่ะ
    ยาชลอความแก่
    ..หัดรักให้เป็น
    ..หัดเย็นเข้าใว้
    ..หัดคลายวิตก
    ..หัดพกอารมณ์ขัน
    ..หมั่นบริหารกายจิต
    ..หัดคิดทันสมัย
    ..หัดรู้จักให้..
    ..หัดเข้าใจคนอื่น
    ..อย่าฝืนความจริง
    ..หัดนิ่งให้เป็น..




     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038

    ****************************************
    ใกล้คลอดแล้วใช่ไหมคะ แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ_Friend_
     
  17. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
    สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ พี่ต้อย..

    ค่ะ.. ใกล้จะได้อุ้มหลานสาวแล้วค่ะ
     
  18. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    » เมื่อสถานการณ์ถลำไปไกลเกินกว่าจะฉุดรั้ง…โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!

    วันนี้ทีมงาน Life 101 ชวนเพื่อน ๆ มา Q&A ในหัวข้อ `การเตรียมพร้อมรับมือ...กับภาวะโลกร้อนและพิบัติภัย´ กับ ผศ.ดร.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

    • Q1 : โลกแปรปรวนขึ้นทุกวัน มนุษย์ไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้แล้วใช่ไหม?

    ผมพูดเรื่องนี้มาหลายสิบปี เรื่องโลกร้อนและพิบัติภัยจะมีความรุนแรงเข้มข้นขึ้น และแนวโน้มกลับจะแย่ลง ไม่มีที่ท่าว่าจะดีขึ้น เพราะก๊าซเรือนกระจกมันเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ลดลงเลย ไม่มีทางที่จะทำให้ชั้นบรรยากาศโลกดีขึ้นได้

    ตอนนี้พูดได้คำเดียวว่า มันสายเกินไปแล้วที่จะเริ่มต้นแก้ไข มันไม่สามารถทำให้สถานการณ์กลับมาดีเหมือนปี 2526 ซึ่งก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมีอยู่แค่ 350 ส่วน ต่ออากาศ 1 ล้านส่วน เป็นปีที่อากาศดีที่สุด

    แต่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเป็น 396 ส่วน ถ้าจะย้อนเวลาให้เหมือนเดิมได้คงต้องกลับไปเกิดใหม่อีกหลายชาติ เราเลยจุดนั้นมานานแล้ว ตอนนี้ของจริงมันเกิดขึ้นแล้ว

    ผมไม่ได้กลัวว่าน้ำจะท่วมโลก แต่ภัยพิบัติรุนแรงที่ผมเป็นห่วงมีอยู่ 2 เรื่องเท่านั้นคือ อาหารกับโรคระบาด ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายโดยตรง

    ในอนาคตอาหารจะขาดแคลน น้ำสะอาดจะไม่พอดื่ม โรคระบาดหลายอย่างที่หมอไม่รู้จักจะเริ่มมีมากขึ้น สิ่งเหล่านี้มันเข้ามาประชิดตัวเราแล้ว

    ======

    • Q2 : ยังมีวิธีการให้คนกลับมาตระหนักเรื่องนี้กันจริงจังอีกไหม หรือต้องรอให้เห็นโลงศพจึงจะหลั่งน้ำตา?

    มีอยู่ 4 ขั้นตอนที่จะทำให้เขาลงมือทำ

    1. ต้องรู้ว่าปัญหาคืออะไร
    2. เมื่อรู้แล้วต้องเข้าใจ ไม่ใช่แค่จำ ซึ่งจะนำมาสู่...
    3. ความตระหนัก รู้ว่ามนุษย์เป็นต้นเหตุและอยากที่จะแก้ไขปรับปรุงตัว
    4. ต้องสร้างแรงจูงใจให้ลงมือทำ

    การสร้างแรงจูงใจมีอยู่ 2 วิธี คือ แรงจูงใจด้วยความรัก และความกลัว

    แรงจูงใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดผลกระทบแรง ๆ กับสิ่งที่ตัวเองรัก ลูกหลาน หรือคนใกล้ชิด เช่น ต้องรอให้ลูกตัวเองป่วยหรือเดินขากะเผลกเพราะเป็นโรคน้ำกัดเท้า พ่อแม่จึงจะยอมลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง

    คนเราชอบประมาท ชอบลองดี ไม่รอบคอบ บริโภคสิ้นเปลือง ไม่สนใจอนาคต เอาแต่หาความสุขเฉพาะหน้า มีความสุขไปวัน ๆ

    ยังขับรถไปทำงานกันจนเต็มถนน ทั้งที่รู้ว่ายิ่งใช้รถยิ่งทำให้โลกร้อนขึ้น รัฐบาลเองก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาด้วยนโยบายรถคันแรก มีรถป้ายแดงออกใหม่ทุกวัน เวลาจัดงานมอเตอร์โชว์คนแห่ไปจองเป็นหมื่น ๆ คัน ขณะที่ต่างประเทศเขาล็อคกุญแจรถแล้วหันมาขี่จักรยานแทน

    ======

    • Q3 : มันเป็นแนวคิดโรแมนติกเกินไปไหมที่จะเรียกร้องให้ผู้คนปรับตัวด้วยการย้อนกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบเรียบง่ายสมถะ?

    ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ดีที่สุดก็คือการปรับตัว ถ้าเรารู้ว่าน้ำต้องท่วมแน่ ๆ ก็ต้องสร้างบ้านที่อยู่กับน้ำท่วมได้ ไม่ใช่ปูไม้ปาร์เก้ชั้นล่าง ติดวอลล์เปเปอร์ ปลั๊กไฟอยู่ต่ำ คนสมัยก่อนเวลาสร้างบ้านต้องเปิดใต้ถุนโล่ง ให้น้ำมาเร็วไปเร็ว พอน้ำแห้งก็เอาผ้าเช็ด ก็อยู่กันต่อได้ตามปกติ

    พูดอย่างแรง ๆ ก็คือ ถ้าจะให้รอดกันจริง ๆ ไฟ 10 ดวง ต้องเหลือไม่เกิน 2 ดวง รถ 10 คัน ต้องให้เหลือ 2 คัน คือรถพยาบาลกับรถดับเพลิง แต่ก็มีคำถามขึ้นมาอีกว่าแล้วใครจะยอมจอดรถไว้ที่บ้านก่อน

    เรื่องแบบนี้ถ้าใครทำคนนั้นก็ได้ประโยชน์เอง หากวันหนึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ คนที่รู้จักปรับตัวก็จะเดือดร้อนน้อยกว่าคนที่ไม่เคยประหยัดไฟเลย

    ส่วนคนที่ไม่ยอมปรับตัวก็จะกลายเป็นภาระให้สังคมอีก ฉะนั้นจึงเป็นเงื่อนไขที่ทุกคนต้องทำ และเป็นเงื่อนไขสุดท้ายที่เหลืออยู่

    ======

    • Q4 : แทนที่จะตะโกนบอกให้คนตัวเล็กตัวน้อยปรับตัว สู้ไปกดดันคนที่มีอำนาจตัดสินใจในระดับนโยบายน่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลมากกว่า?

    เราผลักดันเรื่องมาจนเหนื่อย แต่ทุกรัฐบาลหูหนวก รัฐบาลได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ ไม่เกิดความตระหนัก ไม่เกิดแรงจูงใจ แค่เรื่องการขุดลอกคูคลองถึงกับต้องติดป้ายใหญ่โต ทั้งที่มันเป็นหน้าที่คุณอยู่แล้ว คุณต้องทำตั้งนานแล้ว

    และต่อให้ขุดจนเกษียณก็ไม่มีวันสำเร็จหรอก เพราะคุณไม่ได้บอกชาวบ้านว่าอย่าทิ้งเศษอาหารลงท่อระบายน้ำ ต่อให้ขุดวันนี้ พรุ่งนี้เขาก็ทิ้งลงมาจากห้องแถวอยู่ดี

    น้ำท่วมปี 2554 เป็นบทเรียนราคาแสนล้าน ซึ่งไม่ใช่เกิดจากปัญหาภัยพิบัติอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาด้านการบริหารจัดการ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการถอดรหัสออกมาว่าต้นเหตุอยู่ที่ใคร การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ต้องบอกทุกฝ่ายรู้และเข้าใจ เผื่อว่าวันหนึ่งรัฐบาลอาจจะฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง แต่ประชาชนอย่างเรา ๆ นี่ต้องบอกกันทุกวัน

    ประโยคเดียวที่บอกได้ง่ายที่สุดก็คือ ซื้อใกล้บ้าน กินใกล้บ้าน ซื้อของที่หาได้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล ไม่ต้องขับรถไปกินอะไรไกล ๆ แล้วถ่ายรูปมาอวดเพื่อนฝูง

    ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วเดินให้มากขึ้น ขี่จักรยานให้มากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายมาก และดูเหมือนว่าง่ายเกินกว่าที่จะลงมือทำด้วยซ้ำ

    ======


    • Q5 : ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ ฟังดูแล้วต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมากที่จะสลัดตัวเองออกมาจากรูปแบบชีวิตที่เป็นอยู่?

    เรามีคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่เราไม่ทำ ถ้าเราทำได้เราจะเป็นประเทศเดียวที่จะสาธิตให้ทั้งโลกได้รับรู้ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นคำที่ตอบโจทย์ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะไคลเมทเชนจ์ได้ดีที่สุด

    แต่อะไรล่ะที่จะเป็นรูปธรรม ไหนล่ะที่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่รัฐบาลก็ไม่รัดเข็มขัด แล้วผู้นำรัฐบาลได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างหรือเปล่า

    ฉะนั้นทุกอย่างมันต้องเริ่มที่คน ต้องหยุดยั้งการเสพติดวัตถุ ลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น ลดการเรียกร้องที่จะเอาประโยชน์จากสังคม แต่ต้องเรียกร้องว่าตัวเองจะทำอะไรให้สังคมได้บ้าง

    ที่สำคัญต้องอย่าลืมด้วยว่า ไม่มีใครเอาปืนมาจ่อขมับบังคับให้เราต้องใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย มันอยู่ที่เรารู้ เข้าใจ และตระหนักจริงหรือเปล่า

    ======

    • บทสรุป

    ผศ.ดร.จิรพล ไม่เชื่อว่าลำพังเรี่ยวแรงมนุษย์จะสามารถกอบกู้โลกได้

    ตอนนี้เราทำได้อย่างมากก็แค่ ‘ปรับตัว’

    การปรับตัวที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่า วิวัฒนาการขั้นต่อไปของมนุษย์จะต้องหายใจด้วยเหงือก หรือมีปีกงอกออกมาจากแผ่นหลัง

    แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ลืมตาตื่น ออกไปทำงาน จนถึงเดินทางกลับเข้าบ้าน ทุกลมหายใจต้องทำให้เป็นเรื่องปกติ ไม่ฝืนธรรมชาติ แค่ลด-ละ-เลิกพฤติกรรมการบริโภคที่ล้นจนเกินพอดี

    ต่อให้ ‘พระพิรุณ’ จะโถมเข้าใส่ประเทศไทยอีกสักกี่ลูกก็ไม่ใช่เรื่องน่าหวั่นใจ หากรู้จักตั้งรับและเตรียมตัวเตรียมใจเพื่ออยู่ร่วมกับภัยพิบัติจากธรรมชาติให้ได้เสียตั้งแต่วินาทีนี้
     
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    กฏทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (มหาเศรษฐี ระดับโลก ผู้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง)


    1. ต้องทำงานหนัก วอร์เรน เขาฟันธงเลยว่า ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้ ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้

    2. อย่าขี้เกียจ เขายกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ ขนาดกุ้งมังกรตัวโต ๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้ ” หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

    3. รายรับจากหลายแหล่ง ข้อนี้เป็นเคล็ดลับของมหาเศรษฐีหลายคน ไม่ใช่เฉพาะวอร์เรน เพราะการพึ่งรายได้จากแหล่งเดียว ทำให้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของภาวะที่ไม่แน่นอน เขาแนะนำให้ทำการลงทุนที่ฉลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณควรมีรายได้ส่วนอื่นจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายรับเข้ามาในแต่ละเดือนได้ด้วย

    4. ควบคุมรายจ่าย เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจ่ายเงินซื้อ สิ่งที่คุณไม่มีความต้องการจริง ๆ คุณก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจต้องขาย สิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด แทน ดังนั้นคิดและตั้งสติก่อนที่จะจ่ายเงินซื้ออะไรในชีวิตเสมอ

    5. ตั้งใจออม วอร์เรนเน้นว่าเราอย่ารอเก็บออมเงินที่เหลือหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจนพอใจ แต่เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้มาเพื่อเก็บสะสมก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย หลายคนมักจะเข้าใจผิด ใช้จ่ายแล้วเหลือจึงนำเข้าแบงก์ ที่จริงต้องนำออกมาออม ก่อนจะไปทำอย่างอื่น

    6. งดกู้ยืม คนที่กู้หนี้ยืมสินจากคนอื่น มักจะตกเป็นทาสของคนที่คุณไปกู้ยืม ดังนั้นต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พยายามมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพเท่าที่เราหามาได้ อย่าไปสร้างหนี้สร้างสิน โดยไม่จำเป็น พยายามดำรงชีวิตอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

    7. จัดระบบบัญชี เขาใช้คำคมมาเปรียบเทียบว่า “ ไม่มีประโยชน์ที่จะถือร่มกันฝน ตราบใดที่รองเท้าที่คุณสวมใส่นั้นยังมีรูอยู่ เพราะมันทำให้เปียกเหมือนกัน ” นั่นคือต้องอย่าทำให้มีจุดรั่วไหลของบัญชี

    8. หมั่นตรวจสอบ วอร์เร็นให้ความสำคัญกับการตรวจสอบมาก เพราะว่าค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเปรียบเสมือนรูรั่วของเรือ รูรั่วเพียงเล็ก ๆ แต่นานไปก็สามารถจมเรือใหญ่ทั้งลำได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายทุกชนิดเสมอ

    9. จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ตราบเท่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจ เขากล่าวว่า เราไม่ควรจะทดสอบความลึกของแม่น้ำที่จะข้าม ด้วยขาสองข้างพร้อม ๆ กัน เพราะเราอาจจมน้ำตายได้ ในการจัดการความเสี่ยง เราต้องมีแผนสำรองเสมอ ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องบริหารความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดที่สุด

    10. บริหารการลงทุน อย่าเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มลงทุนในสิ่งเดียวกัน เปรียบเหมือนกับ อย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน เพราะถ้าตะกร้าหล่นจะทำให้ไข่แตกหมดทุกใบ ดังนั้นเราต้องกระจายความเสี่ยง เพราะธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่อีกธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในขาขึ้น ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมยังอยู่ได้




    ถ้า...เราชอบซื้อของที่ ไม่จำเป็น....สุดท้าย....เราต้องขายของที่ จำเป็น

    จาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ – มหาเศรษฐีระดับโลก ผู้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
     
  20. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
     

แชร์หน้านี้

Loading...