ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อิอิ หนุกอ่ะดิ วันนี้ดราม่าแล้ว พรุ่งนี้ดราม่ากว่า
    เข้มข้นนะ ชีวิตจริง(ในฝัน) ดราม่ากว่านิยายช่อง 3

    ป.ล.เค้าไปนอนก่อนนะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
    แม้จะอยู่ไกล้ หรืออยู่ไกลลลลลลลลลลลล มากก็ตาม
     
  2. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ถ้าเอามารวมเป็นรูปเล่ม คงจะขายดีเป็นแน่(f)
     
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อธิบายก่อนเขียนเรื่องคืนนี้ ว่า มันช่างทรมานใจ
    ความรักครั้งแรก ของคนสับสนในตัวเอง

    รักคือ อะไรน้อ

    จะพยายามเขียนให้จบคืนนี้นะ

    ปล หมายถึงในนิทานนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เปิดเพลงเพิ่มบรรยากาศนี้

     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ราตรีนั้น มืดสนิท ราวกับหัวใจของสิงห์และแม่เอื้อม
    ไร้แม้แสงดาว นำทาง

    ข้าได้แม่เอื้อมเป็นเมีย แต่ก็เพียงแค่ราตรีเดียว
    ข้าเปรียบไปก็เหมือนคนจร ส่วนพี่เข้มนั้น
    ตอนนี้พี่ก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า

    ข้าจักจัดการเรื่องนี้เยี่ยงไรดี
    แล้วข้ารู้สึกเช่นใดกับแม่เอื้อมกันแน่
    ทำไมข้าต้องรู้สึกขุ่นใจนัก ที่เห็นแม่เอื้อมนั่งคู่ กับพี่ข้า

    ต่อไปพี่เข้มคงได้เป็นพ่อครูต่อจากพ่อครูเอก
    พี่นั้น มีน้ำใจ เที่ยงตรง เป็นผู้มีคุณธรรมทุกประการ
    ส่วนข้าคงไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความรัก
    ขุนศึกอย่างข้าจักมีคู่ได้เยี่ยงไร
    ชีวิตเหมือนเปลวเทียน หากมีสายลมพัดมา
    เปลวเทียนริบหรี่อย่างข้า จักดับมอดลง

    ข้ามันคนอารมณ์ร้าย รุนแรง
    อีกทั้งภูติ โหงพราย มากมาย
    และข้าได้สาบานกับขรัวอินทร์ไว้แล้ว ว่า
    ชีวิตแลเลือดเนื้อ ขอมอบแก่แผ่นดินเท่านั้น
    ข้าจักไม่ให้ความรักมาทำให้ข้าต้องพะวง
     
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ส่วนแม่เอื้อมนั้น ร้อนใจยิ่งนัก
    พิ่สิงห์คงเข้าใจข้าผิดไป
    ข้าไม่ได้มีใจกับพี่เข้มเยี่ยงชู้สาว
    ข้ารักพี่เข้ม เยี่ยงพี่ชายเท่านั้น

    คืนนี้ ข้าต้องไปพูดกับพี่สิงห์ให้รู้เรื่อง

    นางรอจนดึกสงัด พ่อครูนั้นนอนคนละห้องกับลูกสาว
    มีลูกศิษย์ชายมาปรนนิบัติ
    (ในสมัยนั้น ต่อให้เป็นพ่อลูกกัน
    ก็ไม่มีธรรมเนียมนอนในห้องมิดชิด
    เป็นการตัดฟันเสียแต่ต้นลม
    ไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม)

    นางรอจนดึกสงัด แล้วนางก็ลงเรือนไปหาสิงห์

    บ้านของพ่อครู กับสิงห์ อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก

    ขณะนั้นเองที่บ้านสิงห์
    สิงห์นอนสมาธิ จนหลับไป

    พลันปรากฏภาพนิมิต ภูติตนหนึ่งปรากฏกายขึ้น

    สิงห์เอ๋ย เจ้านายของข้า
    เมียเจ้ามาหา ข้าจักเปิดประตูรับให้
    ท่านคงคิดถึงนางซินะ
    ท่านจะได้มีความสุขมากมาก

    แล้วมันก็หัวเราะก้องในหู

    สิงห์ลุกขึ้นมา เห็นแม่เอื้อมเปิดประตูเรือนขึ้นมา
    ทั้งที่สิงห์ลงดาลอย่างแข็งขัน

    สิงห์ให้ฉุนเจ้าภูตินัก
    ผุดลุกขึ้นมานั่ง

    ยังไม่ทันจะลุกขึ้นยืนเพื่อไล่แม่เอื้อมกลับ
    แม่เอื้อมก็ร่อนถลา ลงมากอดเอวสิงห์ไว้แน่น
    น้ำตานองหน้าและดวงตานาง

    พี่สิงห์พี่เข้าใจข้าผิด
    ข้าไม่ได้รักพี่เข้มรัก ข้ารักพี่เพียงคนเดียว
    นางแหงนหน้ามองสิงห์
    ในดวงตาที่มีน้ำตานั้น เป็นดวงตาที่สวยงาม
    ดวงตาของหญิงที่บูชารักเหนือสิ่งใด

    ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำเช่นไรกับเจ้าดี แม่เอื้อม
    สิงห์พูดราวกับเสียงกระซิบ

    จิตใจที่เคยเข้มแข็ง บัดนี้หวั่นไหวนัก
    ยิ่งแม่เอื้อมกอดสิงห์แน่นขึ้น
    กลิ่นกายสาวช่างหอมนัก กลิ่นเรือนผมของนาง
    ที่อยู่ใต้จมูกสิงห์ ราวกลับร่างกายไม่ฟังคำสั่ง
    สิงห์สูดกลิ่นแม่เอื้อมเข้าไปเต็มปอด
    ไออุ่นจากกายสาวที่แนบชิด ทำให้สิงห์ไม่กล้าขยับ

    แล้วแม่เอื้อมก็เลื่อนมือ ขึ้นไปโอบคอพี่สิงห์
    นางคุกเข่าขึ้น แล้วทาบริมฝีปากลงมาช้าๆ

    จูบเบาๆ ที่ประทับลงบนปากสิงห์
    ช่างมีอิทธิพลรุนแรงนักในความรู้สึก

    สุดจะหักห้ามใจ
    สิงห์ยกมือทั้งสองที่สั่นไหว
    ขึ้นกุมไหล่สองข้างของแม่นิ่ม
    แล้วประทับจุมพิตพิศวาส
    ให้สมกับอารมณ์รักที่ร้อนระอุที่แม่เอื้อมปลุกขึ้นมา
    ที่ทำให้ทั้งสองไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก
    สิงห์กดกายแม่เอื้อมให้นอนลง
    และแม่เอื้อมก็ตกเป็นของพี่สิงห์อย่างเต็มใจ
    หัวใจสาวน้อยเต็มอิ่มไปด้วยความรักอีกครา

    หัวใจของสิงห์ก็เหมือนประตูลงดาลวันนั้น
    กว่าจะรู้ตัวอีกที
    ไม่รู้กรรมทำมาแต่หนใด
    แม่เอื้อมก็ผ่านประคูลงดาลแน่นหนานั้น
    มาปลุกหัวใจสิงห์ให้ตื่นขึ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กระทู้ตูจะโดนตัดไปอยู่ห้องหลุมดำป่ะ
    ออกแนวติดเรท18++

    ต้องบรรยายซะหน่อย เดี๋ยวจะไม่ซาบซึ้งถึง
    เหตุและผล เมื่อกรรมแสดงผลออกมานะจ๊ะ

    คุณผู้อ่านและทีมงานเวป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อพายุพิศวาสผ่านพ้นไป

    สติกลับคืนมา

    แม่เอื้อม พี่ว่าเจ้ากลับเรือนเถิด
    หากมึใครมาเห็น จักเป็นเรื่องใหญ่ได้

    แม่เอื้อมมองสิงห์ด้วยสายตาแห่งความรัก

    จ๊ะพี่

    แล้วนางก็รีบลงเรือนไป

    สิงห์นั้นนอนลงยกมือก่ายหน้าผาก
    ทุกข์ใจเป็นที่สุด
    ข้าเป็นบ้าไปแล้ว ทั้งที่ตัดสินใจแล้ว
    ใยเพียงได้สัมผัสกายนาง ทำไมข้าหักห้ามใจไม่ได้
    ตัดหัวคนยังง่ายกว่าตัดอารมณ์รัก

    แล้วข้าจักมองหน้าพ่อครูเอกกับพี่เข้มเต็มตาได้เยี่ยงไร
    ข้ามันคนกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา
    แม่เอื้อมช่างกระไร ทำให้ข้าปั่นป่วนไปหมด

    ข้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เดี๋ยวมืดสงัดจะมาใหม่นะ พอดีมีหลังไมค์มากวนสมาธิ :mad::mad::mad:

    เปลี่ยนใจแล้ว พอดี เห็น blackangel มา 555
     
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ณ ทัพหลวงของอิระวดี
    ซึ่งอยู่ห่างไกลจากค่ายลพบุรี 7 วันม้าศึก
    มีกองกำลัง หนึ่งพันนาย

    แต่กองกำลังของกองทัพทมิฬ มีประมาณหนึ่งร้อยนาย
    ล่วงหน้ามาลาดตระเวณ ห่างจากค่ายลพบุรี 3 วันม้าศึก
    มีกำลังไพร่พลประมาณ 200 นาย

    หนึ่งในทัพที่สิงห์เผด็จศึก คือทัพที่มีแม่ทัพเหี้ยมโหดที่สุด
    แต่ขณะนี้ ยังไม่ส่งข่าวกลับมา เมื่อส่งกำลังพลไปตาม
    กำลงพลที่ไปตามประมาณ ห้าคน พวกมันได้คำนวณ
    เวลาเพื่อไปรับทัพที่สิงห์กำจัด แต่เมื่อเดินทางไปหนึ่งวัน
    กลับไม่พบกองทัพเลย ให้เกิดความสงสัยว่ากองทัพจะแตก
    แต่ก็แทบไม่อยากเชื่อ เพราะกองทัพทมิฬนี้ นอกจากแม่ทัพจะเก่งกาจแล้ว
    ลูกทัพแต่ละคนก็ฝีดาบดุดันทุกคน

    ในการลาดตระเวณของกองทัพอิระวดีนั้น
    นับได้ว่า ไม่มีความประมาทแม้แต่น้อย
    ไม่มีคำว่าผิดพลาด ถ้าผิดพลาดมึงตาย
    ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร ลูกใคร หลานใคร
    มีการจัดกระบวนทัพอย่างดี
    หากทัพใดเพลี่ยงพล้ำ ต้องมีทัพเสริม
    มีแผนสำรอง การลาดตระเวณ
    แผนที่ ยุทธศาสตร์กลยุทธ์มาจากการตรึกครอง
    ขุนพล ลูกหลานแห่งเมืองอิระวดี
    ชายต้องสมชาย ต้องมีทั้งบู้และบุ๋น
    ต้องเก่งกาจเพลงมวย เพลงหอก เพลงดาบ
    เกียรติยศแห่งราชวงค์อิระวดีต้องมาเหนือสิ่งใด
    ชาติต้องเป็นหนึ่ง เหนือหัวคือดวงตะวัน

    สงครามของอิระวดี คือ เกียรติยศแห่งมาตุภูมิ

    ความแตกต่าง และสิ่งนี้ทำให้อิระวดีรุ่งเรืองมากในยุคนั้น

    กลยุทธ์พิชิตศึก ไม่จำเป็นต้องใสสะอาด
    คนที่ชนะ คนที่เป็นใหญ่ ถึงจะมีสิทธิ
    มีเสียง มีอำนาจ มีเกียรติยศ
    แสดงถึงความเป็นบุรุษเพศ เพศแห่งผู้เหนือทุกสิ่ง

    คนแพ้ ก็คือคนไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี

    ในสงครามหากเราไม่ฆ่า มันก็ฆ่าเรา
    หากเราไว้ชีวิตมัน เราก็ตาย

    และในกาลต่อมา การรบพุ่งจักหล่อหลอมให้สิงห์มี
    ความคิดเช่นนั้น

    ความดีความชั่วถูกบิดเบือนด้วยกิเลสแห่งมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    และที่ไม่เหมือนและต่างอย่างมาก
    คือ กองทัพอิระวดี นั้น ขุนศึกทั้งหลายต่างเป็นพระวงค์
    ทั้งแม่ทัพ ทหารชั้นดี

    ชาวอิระวดี เคี่ยวเข็ญ บุตรหลาน
    อย่างเข้มงวด ให้เป็นนักรบ เป็นขุนศึก
    ยุทธวิธี และครูโหราจารย์นั้นเก่งกาจมาก

    และคาถา เพลงดาบนั้น มีเพลงดาบเฉพาะสำหรับพระวงค์

    พระวงค์ที่นั่น โดนฝึกการศึกหนักมาก

    หากแม้นใครขัดขืน จักยิ่งโดนกวดขัน

    ทุกคนถูกฝึกจิตใจให้สมเป็นนักรบ
    เมื่อมีการออกทัพ จึงมีแม่ทัพที่เต็มใจไปแนวหน้ากันมาก

    การออกศึกคือเกียรติยศสูงสุด แห่งชีวิต
     
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    คอมดับไปสามรอบ เพราะเรื่องที่จะเล่าเรื่อง
    อิระวดี ต่อนี้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    โหราจารย์นั้น มีความสำคัญมาก

    เมื่อพระวงค์เกิดขึ้นในอิระวดี ไม่ว่าหัวเมืองใด
    โหราจารย์ จะใช้อำนาจจิต เชื่อมต่อกับ เทพเทวาแห่งอิระวดี
    เพื่อพยากรณ์ ชะตาชีวิต จัดให้ศึกษาเรื่องใด หรือจับตาดูเป็นพิเศษ

    เป็นอาจารย์ ทางมนต์คาถาและการฝึกจิตของจักรพรรดิ์แห่งอิระวดี

    อำนาจจิต คงไกล้เคียงกับขรัวอินทร์

    เป็นผู้กำหนดพิธีกรรม และธรรมเนียม
    ที่กษัตริย์แห่งอิระวดี และนักรบที่สมัครใจ
    จะถูกสะกดวิญญานให้อยู่เป็นผีบรรพชนเฝ้าอิระวดี
    ชั่วลูกชั่วหลาน เป็นประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
    ของประเทศพม่า เรียกประเพณีไหว้ผีบูรกษัตริย์ 37 พระองค์
    รวมทั้งผีทหารทั้งหลายที่ตายในสนามรบ
    เกิดเป็นคนอิระวดี ตายไปก็เป็นผีอิระวดี

    เป็นพิธีชั้นสูง ประกอบพิธี ด้วยผู้มีพลังจิตมากเท่านั้น
    เหมือนการเปิดประตูมิติ จิตอันมุ่งมั่น

    ดวงจิตที่อยู่เฝ้านั้น มีกำลังเต็มเปี่ยม จดจำได้
    มีความรู้สึกความทรงจำทุกประการ
    รวมทั้งมีบริวารเป็นผีนักรบ เป็นช้างผี ม้าผี
    เหมือนที่สิงห์มีภูติพรายเป็นบริวาร
    แต่แก่กล้าด้วยตบะ และแรงแห่งจิต ผู้นำ
    และจิตของเหล่าผีนักรบนั้น

    และเพลงดาบอันพิศดารและทรงพลังนั้น
    มีต้นตำรับมาจากโหราจารย์
    ว่ากันว่าเป็นเพลงดาบของเทวดานักรบ

    และเป็นต้นกำเนิดเพลงดาบอาทมาฏของไทย
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แหะๆๆ คนเขียน เริ่มเสียวสันหลัง
    ราวกลับผีอิระวดีจ้องมองอยู่

    จักรพรรดิ์ แห่งอิระวดี นั้นเก่งกาจมาก
    ในฝัน เคยเห็น กระโดดขึ้นยืนบนหลังม้า
    แล้วกระโดถีบคู่ศึก สะบัดตัวเหมือนควงสว่าง ตัดหัว
    แล้วกระโดดลงมานั่งบนม้าท่าเดิม

    และการควงดาบนั้นสุดยอดมาก เหมือนเล่นกล ควงปุ๊บๆ
    ตัดหัว ตัดแขนขาด
    เหมือนไม่ใช้แรงมาก
    เหมือนรำดาบ ไม่รุกดุดัน แต่รับ แล้วโต้กลับ
    ทุกเพลงดาบ ที่ว่าแน่
    เมื่อเจอท่านแล้ว โดนแก้ได้หมด

    ไม่ใช่แค่คาถาอาคม
     
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ไม่ได้ชื่นชมนะ เล่าให้ฟังเฉยๆ

    ก็ยังไม่ง่วงนะ แต่คงต้องพอก่อน
    คอมมันค้างเป็นสิบรอบแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กระทู้คนนอนดึก อิอิ มีอันใดก็สนทนากันได้ นะจ๊ะทุกคน
     
  17. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    อาจจะแค่ไฟตกปกติ
    ก็ยังดีกว่าปิดคอมชัทดาว์เรียบร้อยแล้ว ไปทำอย่างอื่น ซักพักนึงมองไปทางคอม
    อยู่ดีๆมันก็เห็นมันเปิดขึ้นมาเอง ได้ยินเสียงมันบูทเอง ตั้งแต่หน้าบูทไปหน้าวินโดว์
     
  18. agentlight555

    agentlight555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +56
    .
    เขียน ๒๓.๓๔
    อังคาร ๓/๓/๕๘

    เล่านิทานได้ไม๊ครับ เรื่องของชาวหมู่บ้านในนิทานน่ะ
    มีตอนที่เกี่ยวกับหนุมาน ออกมาทำภารกิจที่วัดราชาธิวาส
    ที่อยู่ติดกับท่าวาสุกรี ช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปีห้าสี่น่ะครับ

    ไปแก้วิชาล่ะมั้ง นะ ปลดใครไม่ทราบออกมาสี่ท่าน
    ไปถึงตอนสามสี่ทุ่ม เหน็ดเหนื่อยอยู่หลายชั่วโมงเลย
    กลับออกมาที่ถนน ดูเวลา ตีสองกว่าแน่ะ เหนื่อยจังวันนั้น

    ก็ไม่รู้ไปโดนกักไว้ได้ไงนะครับ แต่มีเบาะแสนิดหน่อย
    ว่าหมอผีเขมร ตาบอดข้างนึง ไม่รู้ใช่ หรือเกี่ยวกันรึเปล่านะ
    แต่วันนั้นยังไม่เสร็จพิธี ต้องอีกวันนึงถัดมา

    วันนั้น นักรบแสง ขับสามล้อหาตังตอนดึกๆ ผ่านคลองใกล้สะพานขาว
    เจอคนตกปลา ยกที่ใส่ขึ้นมา เห็นปลาดุกสองตัว ใจก็ปิ๊งเลย ตูอีกแล้ว ๕๕๕
    แต่ตังมีไม่แยะ จะซื้อสองตัวคงไม่เหมาะ เอาแค่ตัวเดียวละกัน

    พอลงไปถามขอซื้อ ให้ตัวละยี่สิบ เค้าตกลง ยกที่ใส่ขึ้นมา
    ปรากฏว่า เหลือปลาดุกตัวเดียวเองอ่ะ ๕๕๕ บังเอิญจังเนอะ
    เลยเอาใส่ถุง แล้วกะจะไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา

    ขับไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ทำไมมาโผล่ที่วัดราชาอีกแล้วนะ บังเอิญล่ะมั้ง นะ
    อืม..ได้โอกาสเลย วันก่อนภารกิจยังไม่เสร็จ เที่ยวถอนตะปูตามต้นไม้
    ที่อยู่ริมแม่น้ำไปได้ไม่กี่สิบตัวเอง วันก่อน

    เออ..ลืมไป ตอนตีหนึ่งสอง คืนก่อน ตอนใกล้หมดแรง
    ก็พยายามถอนตะปูตามต้นไม้อยู่น่ะนะ สงสัยจะเป็นพระรึเปล่า
    มองไม่เห็น เค้าอยู่ไกลๆ มืดๆ ปล่อยหมาร็อตไวเลอร์ออกมาล่ะ
    ตัวดำ ล่ำเชียว เห่าไม่กี่ที ก็มายืนตรงหน้าแล้ว น่ากลัวจังแฮะ

    ตอนนั้นในมือก็ถือก้อนไม้ ที่ใช้ทุบโยกตะปูอยู่ในมือ
    เห็นมันวิ่งมา ก็คำนวณในใจแล้วว่า เดี๋ยวทุบหัวแม่งงเลย ๕๕๕
    ถ้าสู้ไม่ได้ ค่อยโดดขึ้นต้นไม้ ปลอดภัยแน่เรา คิดอย่างไวเลยครับ

    แต่ปรากฏว่า มันวิ่งมาจากด้านข้างๆ แล้วอ้อมมาที่ด้านหน้า
    แล้วดันมาครางอิ๋งๆ กระดิกหางใหญ่เลย ทำท่าอยากเล่นด้วย
    ๕๕๕ ไอ้เราก็ยืนงง บ๊ะ เมื่อกี้วิ่งมาเหมือนกะจะกัดกูให้ตาย
    พอมายืนตรงหน้า ทำไมมันไม่ดุวะ ตลกจัง

    แป๊บเดียว ได้ยินคล้ายเสียงเรียกมันกลับไป ก็วิ่งกลับไปหาเข้าของ
    มาเห็นตอนกลับ ว่ามีอีกตัวนึง นอนอยู่ไกลๆ ไม่กล้าวิ่งมาใกล้ๆ ๕๕๕
    แล้วก็วิ่งกลับไปพร้อมกันทั้งสองตัว เราก็เลยกลับดีกว่า ดึกมากแล้ว หึหึหึ

    เนี่ย เรื่องวันก่อน พอมาวันนี้ ได้ปลาดุกมาตัวนึง ดันขับรถมาที่วัดเค้าอีก เฮ้อ..
    ก็ขับเข้าไปถึงท่าน้ำนะ แต่แปลกใจว่าวันนี้ มีรถทัวร์คันใหญ่มาจอดอยู่แถวนั้นด้วย
    ก็ไม่เห็นหรอกนะ ว่ามีใครแอบดูอยู่รึเปล่า บนรถน่ะ ได้แค่สงสัย มันตะหงิดๆ

    ตอนลงบันไดท่าน้ำ ปล่อยปลาดุกลงไปนะ ในใจก็นึกว่า โชคดีนะเอ็ง
    แต่น่าจะโผล่มาให้เห็นอีกที เหมือนมันได้ยินแฮะ ว่ายขึ้นมาผิวน้ำแว๊บนึง ให้เห็นจะจะ
    เราก็หัวเราะชอบใจ ที่บันไดท่าน้ำวัดราชาธิวาส ตอนสามสี่ทุ่ม คนเดียว หึหึหึ บ้าไม๊

    ก็ไม่รู้ทำจิตยังไงนะตอนนั้น ลืมไปแล้ว แต่แป๊บเดียวก็มองไม่เห็น คนโบราณสี่คน
    ตัวสูงใหญ่เท่ายอดมะพร้าวอย่างที่บอก มายืนเหม่อลอย มึนงงอยู่บนฝั่ง ริมแม่น้ำ
    เราก็ยืนมอง ไม่เห็นนะ แต่เห็นชัดเจน แล้วไม่รู้นึกไง แปลงร่างเป็นหนุมานอ่ะ
    ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วเอาหางจุ่มแม่น้ำ แล้วสูดลมหายใจลึกๆ

    สงสัยเรียกใช้กสิณลมกับน้ำพร้อมกันล่ะมั้ง นะ เดาส่งเดช มั่วปนโม้นะครับ
    พอเรียกพลังได้ที่ ก็หาวออกมาเป็นดาวเล็กๆ ระยิบระยับ ลอยล่องท่องฟ้า
    แล้วสั่งมันพุ่งเข้าใส่ทั้งสี่ท่านที่ยืนนิ่ง เหมือนคนไม่มีสติ ประหลาดจัง

    วูบเดียวที่ดาวแทรกร่าง พวกท่านก็สว่างขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมก็เปลี่ยนไปในพริบตา
    เหมือนพวกนักรบนะ แต่ไม่ใช่ชุดเต็มยศเตรียมออกศึก เหมือนเครื่องแบบมากกว่า
    หน้าตาก็เหมือนมีสติขึ้นมาได้ มองดูรู้เรื่องรู้ราวแล้ว แต่ดั๊น มีใครท่านที่ห้า
    ลอยมาจากไหนไม่ทราบ โผล่มายืนต่อแถวกะเค้าอีกคนนึง ทำเอาเรางงเลย
    มาจากไหนวะ มองไปมองมา ก็หัวเราะ สงสัยจะเป็นมัจจุราช มาทำตลก ๕๕๕

    เราก็หัวเราะไป แล้วก็ดุไป ว่าอย่ามาทำเนียนเลย ๕๕๕ จับได้หรอกน่า
    เนี่ยนะ ยืนอยู่ตรงสุดทาง บันไดท่าน้ำ แล้วก็นึกเป็นตุเป็นตะ จริงป่าวไม่รู้
    แต่เป็นนิทานเรื่องจริงนะ เจอมากะตัว นักรบแสงแห่งหมู่บ้านในนิทานบอกมา

    แล้วเราก็เดินกลับขึ้นรถ จบเรื่องวันนั้นแค่นั้น แต่วันหลังมีไปอีก ตอนเย็นๆ

    แหม..ไม่อยากเล่าเลย เล่าแล้วมันยาว เหมือนบุญชูเค้าเล่าเลย ๕๕๕
    ลังเลลังเล อยู่นานหลายเดือน ไม่รู้ต้องเล่ารึเปล่า วันนี้ก็เหมือนกัน
    ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยออกมา คงมีเหตุผลอะไรล่ะมั้ง นะ หึหึหึ

    ขออภัยถ้าไม่สนุก และเล่าซะยาวเลย แต่คงสำคัญล่ะมั้ง นะ

    อ้อ..คืนแรกนั้น เสียเครื่องมือไปหลายชิ้นเลย หายไป ไม่รู้ใครหยิบไป
    สงสัยคนที่ตกปลาอยู่ที่ท่าวาสุกรีรึเปล่าไม่ทราบ
    ก็มีกรรไกรแบบตัดผ้าอันใหญ่ แว่นขยาย กล้องส่องทางไกล คีมปากแหลม
    แล้วอะไรอีกอันน๊า คิดว่าเสียไอเท็มไปห้าอันนะ จำไม่ได้แล้ว ๕๕๕

    คืนนั้นน้ำท่วมสูงมากเลย ขึ้นมาบนฝั่งเล็กน้อยแล้ว โชคดีจัง


    เล็บครุฑ นารายณ์ทรง / กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  19. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ทำไมต้องแปลงร่างเป็นหนุมานด้วยอะ หรือเพราะคิดจะปีนต้นไม้ตอนหมาจะวิ่งมากัด
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    @agentlight555
    วันนั้น นักรบแสง ขับสามล้อหาตังตอนดึกๆ ผ่านคลองใกล้สะพานขาว
    นึกว่าเป็นนักดนตรี คนขับสามล้อสมัยนี้ไฮเทคเนาะ เล่นเวป แชทอีกตะหาก

    ไปแก้วิชาล่ะมั้ง นะ ปลดใครไม่ทราบออกมาสี่ท่าน

    มีงานอดิเรกแปลกๆนะ

    ๕๕๕ ไอ้เราก็ยืนงง บ๊ะ เมื่อกี้วิ่งมาเหมือนกะจะกัดกูให้ตาย
    พอมายืนตรงหน้า ทำไมมันไม่ดุวะ ตลกจัง

    มีหน้าตาเป็นอาวุธเปล่าจ๊ะ หมายังไม่กล้า

    เราก็หัวเราะชอบใจ ที่บันไดท่าน้ำวัดราชาธิวาส ตอนสามสี่ทุ่ม คนเดียว หึหึหึ บ้าไม๊

    น่าจะบ้า อยู่นะ ว่าแต่หัวเราะแล้วหงายหน้าขึ้นฟ้าด้วยป่ะ ถ้าใช่คงบ้าอ่ะ

    ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วเอาหางจุ่มแม่น้ำ แล้วสูดลมหายใจลึกๆ
    งอแขนสองข้าง แล้วกำหมัดด้วยป่ะ

    สงสัยเรียกใช้กสิณลมกับน้ำพร้อมกันล่ะมั้ง นะ เดาส่งเดช มั่วปนโม้นะครับ
    พอเรียกพลังได้ที่ ก็หาวออกมาเป็นดาวเล็กๆ ระยิบระยับ ลอยล่องท่องฟ้า

    กสิณลมกับกสิณแสงและกสิณอากาส เรียกลมหมุนในตัว ผสมกสิณน้ำ สร้างพายุพลังงาน เปิดประตูมิติ
    รวมเป็นพลัง แล้วปล่อยบอลกสิณลมผสมกสิณแสงเล็กๆ มีแสงสว่างเหมือนดวงดาว
    คล้ายๆ พญานาคพ่นลูกไฟ แต่ไม่ใช้ความร้อน ใช้ความเย็น
    การจุ่มหางลงน้ำ แค่ถ่ายเทพลังงาน ออก
    วิชาของหนุมาน มั่วเอานะ มั่วปนโม้

    วูบเดียวที่ดาวแทรกร่าง พวกท่านก็สว่างขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมก็เปลี่ยนไปในพริบตา
    เหมือนพวกนักรบนะ แต่ไม่ใช่ชุดเต็มยศเตรียมออกศึก เหมือนเครื่องแบบมากกว่า

    แก้วิชา แบบเล่นของสูง มนต์ก็คลาย จิตนักรบก็ตื่น
    แล้วไม่กลายเป็นลูกไฟลอยขึ้นฟ้าเหรอ

    แหม..ไม่อยากเล่าเลย เล่าแล้วมันยาว เหมือนบุญชูเค้าเล่าเลย ๕๕๕
    ลังเลลังเล อยู่นานหลายเดือน ไม่รู้ต้องเล่ารึเปล่า วันนี้ก็เหมือนกัน
    ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยออกมา คงมีเหตุผลอะไรล่ะมั้ง นะ หึหึหึ

    ขอบพระคุณที่เล่า เรื่องหนุมาน

    แล้วอะไรอีกอันน๊า คิดว่าเสียไอเท็มไปห้าอันนะ จำไม่ได้แล้ว ๕๕๕
    หาเจอแล้วบอกด้วยนะ เผื่อวันหลังจะยืมมาใช้บ้าง
    แว่นส่องทางไกล ไม่ต้องส่องมาแถวนี้นะ กลัว 555

    ป.ล. ว่างๆมาหาวให้ดูบ้างนะ อยากเห็นกับตาจะจะ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...