ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

........
...หวัดดี..โจหงอย..ขอบคุณ..สำหรับข้อมูล...
............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว....
.............................
..................................................................
....แต่ก่อนจะไปเรื่องโน้น.....ผมขอมาว่า...เรื่อง...
......ไหนี้...มาอยู่ที่นี่..แบบธรรมชาติ..หรือ...ไม่ธรรมชาติ(..โดยฝีมือ..มนุษย์ก่อน..)
.........ที่จะพูดเรื่องนี้..เพราะมันเกี่ยวกับ..ลักษณะที่พบ......ตำแหน่งที่พบ.....
.............เพราะอะไรหลายอย่างนี้...เป็นข้ออ้างชนวนเหตุ...ให้มีการเอาประดาน้ำ..
ไปงม...แล้วไปพบไหอีก.....
.....เรื่องของเรื่องคือ..ผู้ที่เอาประดาน้ำมางมไห..นั้น..บอกทำนองให้ผู้ฟัง..คิดเหมือนกับว่า....
........................มันเป็นไป..โดยธรรมชาติ...น้ำพามา......เพราะว่า...น้ำท่วม..เข้ามาในวัด..
...ไห..เลยไหลเข้ามา...ด้วย....................................
(...ก็ลองดูคลิปที่ผมว่า..ได้..มีลูกส่ง..ลูกรับ..กันดี...........หลวงพี่บอก...นี่ก็คลองบางกอกน้อย
..แม่น้ำเจ้าพระยาเก่า..ไง....(ก็..แม่น้ำเจ้าพระยา..ไหลผ่านตัวเมืองอยุธยา..ไม่ห่างจาก..วัดใหญ่
ชัยมงคลเท่าไหร่....ผมว่านะ..คงอยากให้คนฟังนึกต่อเนื่องไปทำนองนี้).......
แล้วก็มีคนสติปัญญาล้ำเลิศจนไม่น่าเชื่อ..ถามว่า..
.....................แล้วที่วัดนี่น้ำท่วมรึเปล่า.......โอ้โห...พระเจ้าจ๊อดมันยอดมาก.....
....ในคลิป..บันทึกเดือนกุมภา..(หน้าแล้ง)...ผมมองไปด้านหลัง..ตอนที่หลวงพี่นั่ง..แล้วมีคน
กำลังเอาพระออกมาจากไห..นะ...ยังเห็นคลองบางกอกน้อย..และเห็นผิวน้ำเลย..
...แล้วน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ มันจะเหลือเรอะ....
....ผมว่า..ไปถามเด็กประถมที่ไม่ได้อยู่แถวนี้...เอามายืนที่นี่ซัก ๕ คน..ผมว่า..น่าจะตอบได้ถูก
..ไม่หมด..ก็..เกือบหมด....)......
......แถม..มีไสยศาสตร์..รู้เลยว่า..ยังมีอีก..แถวนี้.....แถมลงไป..ไม่เท่าไหร่ก็พบ...โอ้โห...
.....นี่มันหนังอินเดีย..รึเปล่านี่......ทำนองเดียวกับเลือกที่ๆ..จะตัดหญ้า..จุ่มลงไปก็..เพล้ะ..เลย
......................................
...นั่นเองเป็นที่มา..ที่..ผมจะมาวิเคราะห์..ให้ว่า..มันเป็นไปได้มั้ย.......
........เมื่อคุณ..ดูคลิป..และอ่านข้อมูลประกอบ....จะเห็นว่า..มีพระอยู่จำนวนมาก..และ..ตอนเอา
..เอาออกมาวาง..อยู่ในผ้าขาว..พระนี่..มีโคลน..หุ้มพอกอยู่เต็ม...(สังเกตให้ดี..ขึ้โคลนนี่แห้งผาก
เลย..แต่แห้งมานานเท่าไหร่..ผมไม่ทราบ)......
.................โดยไม่ต้องคิดเรื่องโน้นนี้..ถ้าเป็นจริงตามสภาพ....แสดงว่า....ตั้งแต่ก่อน..ไหจะแตก
...น้ำและโคลน..ก็ต้อง..เข้ามาอยู่ในไห..ก่อนหน้านี้แล้ว....นั่นก็คือ..ไหนี้..ไม่ได้ปิดสนิท...
..แบบน้ำเข้าไม่ได้(..ก็โดยทั่วไปจะต้องไป..ถึงทำขนาดนั้นเหรอ)...................
..........................แล้วผมถามว่า....ไอ้ไหใบนี้...มันจะลอยตามน้ำ..ได้ยังไง...พระ..ก็เยอะ...
..ไห..ก็..หนัก....ดังนั้น..ด้วยรูปการณ์...มันต้องจมลง..ก้นคลองอย่างเดียว.....แล้วคลองบางกอก
น้อย..นะ..ลึกตั้งกี่เมตร....แล้วเวลาน้ำท่วมนะ...น้ำมันควักของจากก้นคลอง..แล้วยกขึ้นมาข้าง
บนได้เรอะ...มีอย่างเดียวเท่านั้น..ที่จะเป็นไปได้..คือ..
.................ปาฎิหารย์....(คงเหมือน..ที่ไอ้ประดาน้ำดำไปเจออีก..นั่นแหละ)...
............ข้อสรุปของผมคือ...มันตามธรรมชาติ..ไม่ได้.......
.....................ต่อตอนหน้าครับ...................

 

..........
....นี่ผมสรุปเคร่าๆไปก่อนนะ..อย่าเพิ่งคิดมาก..ในส่วนที่มาตามธรรมชาติมั้ย..
..ยังไม่จบ...ยังมีเสริมตอนหน้าต่อ...

 

รออ่านตอนต่อไปครับอา

 

..........
...หวัดดี...เขมทัต......
...............................
..ต่อจากตอนที่แล้ว.....
...............................
............................................................
.....นี่ที่ผมวิเคราะห์...โดยยึดว่า...ถ้าเป็นของจริง...และ..มีสภาพอย่างที่เห็น..นะครับ...
...มาดูที่..ไม่สมเหตุสมผล..กันต่อในเรื่องนี้..นั่น..คือ..สภาพตามที่..เห็นในคลิป..และ
คำบอกเล่าคือ...พระคลุกอยู่กับโคลน(..โคลนตะกอนแม่น้ำ..แดงๆ..ไม่ใช่โคลนดำ..)
....คือ..ถ้ามีฝาปิด..และน้ำซึมเข้าไปได้...มันคงจะไม่ถึงกับเป็นโคลน..คงเป็นแค่...
ตะกอนที่..ตก..และหุ้มอยู่.......
.....อย่างนี้..มันน่าจะเป็นกรณีที่..ฝาแตกไปบางส่วนรึเปล่า..เมื่อ..ไหจมอยู่ก้นคลองแล้ว
โคลนท้องน้ำ..ทะลักเข้าไป..หรือ..จะทำให้เป็นแบบ..ช่วงน้ำท่วม..น้ำปนโคลนไหลเข้า
ในช่องแตก..แล้วน้ำค่อยๆระเหยไป.....
......ปัญหาคือ..หลวงพี่..ไม่ได้เล่ารายละอียดเลยว่า...ฝาที่ปิดเดิม..เป็นยังไง..ไม่เห็นซากด้วย
...มีแต่ไหอย่างเดียว...หรือ..ไม่มีฝาเลย...ตรงนี้สำคัญนะครับ...เพราะจะบอกได้ว่า...
..ไหใบนี้..ปิด..ในสมัยไหน....ไหนะเก่า..แล้วฝาละ..เป็นอะไร..ทำด้วยอะไร....
..(ทำไม..ไม่โชว์ให้หมด...หรือ...ไม่มี...หรือ..ไม่อยากให้ใครเห็น..หรือ..เห็นว่าไม่สำคัญ
..แต่มันก็..เป็นของประกอบหลักฐานวัตถุพยานนะครับ...)
.......ถ้าท่านเห็นไห..(รูปที่เห็นชัดๆ..หาได้ไม่ยากในเน็ต..ที่บิ๊กแจ๊สถือโชว์..นั่นแหละ...
ชัดเลย..)...จะทราบว่า...เขาออกแบบมา..ไม่ใช่แบบ..ไหน้ำปลา...ไม่ได้ออกแบบให้มีการปิดฝา
...ลักษณะการใช้งาน..ไม่ใช่แบบ..ไหน้ำปลา..หรือ..ไหใส่ปลาร้า...
.....ถ้าเป็น..ยุคนั้นจริงๆ...และไม่อยากให้ฝาหลุด(..เพราะลักษณะไห..ปากบาน..และสอบเข้า
ส่วนที่เป็นคอ..)..จะต้อง..เป็นไม้ที่แข็งแรง..เลื่อยเป็นทรงกลม..และมีการบาก..หรือ..ทำเป็น
ที่ร้อยเชือก..ที่จะโยงเข้ามารัดที่คอไห..เพื่อ..จะได้กดให้แน่น..ไม่ให้ฝาหลุดออกไป...ถ้าจะไม่
ให้น้ำเข้า..เขาก็จะใช้..ชัน..(ที่ใช้..กับเรือ..)..อัดเข้าไปอีกที......
......ดังนั้น..ฝามัน..ต้องเก่าด้วย...และถ้า..อยู่ในน้ำมาเป็นร้อยๆปี..หรือ..จมอยู่ในดินก็เหอะ....
เชือกมันก็จะเปื่อย..หลุดหมด...ฝาก็น่าจะหลุดไปตั้งนานแล้ว...และไห..ก็ไม่มีโอกาศจะเดิน
ทาง..จากอยุธยามากรุงเทพ..ได้..เพราะ..จะจม..อยู่ใต้ก้นเจ้าพระยาซะก่อน....
...........นี่ผมก็พยายามพิจารณาอย่างเป็น..ธรรม..แล้วนะ...ยังไง..ซะมันก็ไม่สมเหตุสมผล..อยู่ดี
..ในกรณีที่..จะมาอยู่ที่นี่..เพราะน้ำพามา..ตามธรรมชาติ...
....................................................
.....แล้วถ้ามาพิจารณาว่า...ไหมาอยู่ที่นี่..เพราะ..คนเอามาฝังไว้..ปัญหาคือ...ฝังมาตั้งแต่เมื่อไหร่
...เหตุผล..อะไร..ที่นำมาฝัง...ทำไม..มาฝังถึงที่นี่....ฝังด้วยเจตนาดี..หรือ..เจตนาร้าย...แล้วทำไม
ฝังตื้นจัง...หรือ..อยากให้คนพบ..ได้ง่าย......
.....ผมจะพิจารณา..ในสมมุติฐานว่า..เป็นของแท้..ไว้ก่อน..เหมือนกรณีแรก...เพื่อให้ความเป็นธรรม
ว่า..สมเหตุสมผล..มั้ย..โดยพิจารณาแค่..ไหใบเดียว..ที่ฝังบนบกนี่แหละ..ไอ้ที่จมอยู่ในคลอง..
ไม่นับรวมด้วย.....
......เรื่องนี้..จะยาวหน่อย..เพราะต้องท้าวความถึง..พฤติกรรม..ของคนยุคก่อน..รวมทั้ง..พวก
หัวขโมยยุคเก่าด้วย.......
..................ต่อตอนหน้าครับ......................

 

มารออ่านความรู้ดี ๆ ครับพี่

 

อิิอิ มาปูเสื่อ ด้วยคนครับอ้ายมด

 

สวัสดีครับคุณลุง...เข้ามาสวัสดีและติดตาม...กำลังเข้มข้น...แต่บอกได้คำเดียว...ขุนแผนกรุนี้...หมูตายเป็นเล้า...อิอิอิ...(^๐๐^)"

 

สวัสดีครับคุณอา... มาติดตามอ่าน บทความดีๆมีสาระเหมือนเดิมครับ

 

.............
.....หวัดดี..กำธรน้องรัก...
.....หวัดดี..พลศิริน้องรัก...
.....หวัดดี...SAmzuza....คนมีปัญญาเสียเงินเป็นแสน..อย่างพวกนี้..ขนหน้าแข็ง..ไม่ร่วงหรอก..โดนแล้ว..โดนอีกก็ไม่แปลก..เงินหามาง่าย....
.....หวัดดี..เฉียวฟงหลานรัก....
.............................................
....ต่อจากตอนที่แล้ว.....
.......................................
......................................................................
....จากการสอบถาม..ลุงขาซี้ผมที่สนามวัดมหาธาตุ(แกจะคุ้น..กับ..พวกนี้มาก)..และ..คนรุ่นเก่า
ที่คุ้นเคย..กับพวกนี้.....
....ผมเคยเล่าพฤติกรรม..ของคนเหล่านี้..มาหลายครั้ง..และต้องถึงอยู่เรื่อย..เมื่อตอนที่แล้ว..ก็
พูดถึง..พวกนี้...ว่า...สมัยก่อน...ยุครัชกาลที่ ๕ (ก่อนวิกฤต ร.ศ. ๑๑๒)...เขาไม่ได้..ขุดหาพระกัน
...เขาหา..ของมีค่า..แก้วแหวน..เงินทอง..สร้อยเครื่องประดับ..เครื่องใช้พวกทั้ง..ทองคำและ..เงิน
...มายุครัตนโกสินทร์ตอนต้น...ก็แถม..พระพุทธรูปบูชา..ด้วย..พวกหน้าตักไม่เกินศอก(..ยกได้
ง่าย)นี่เอาหมด..เพราะคนระดับชั้นบน..เจ้าสัว..เขาสะสม..เขาเล่นกัน......
............พระเครื่อง...ไม่มีความหมาย(ยกเว้น..ที่..ทำจากทอง..และ..เงิน)..อาจติดไปเป็นที่ระลึกบ้าง
..แต่เขาก็ไม่เอาติดตัวกัน..เพราะเป็นความเชื่อ..ที่สั่งสมกันมา..ว่าคนสมัยก่อนเขาสาปแช่งไว้...
.....................ผลก็คือ..ที่ผมเล่าไปแล้วเมื่อ..วิกฤต ร.ศ. ๑๑๒ คนเข้าไปขุดกรุหาพระเครื่องกัน..
เลยยังเหลือ..อยู่เพียบ..(ความจริงแทบไม่ต้องขุด..โดยเฉพาะภาคกลาง..เขาขุดไว้ให้แล้ว...
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ..แตกใหม่ๆ...ทั้งไทย..จีน..มอญ..หาสมบัติกันทั่ว)...แล้วเขาก็..เอาไปกันแค่..
พอฝาก..เผื่อญาติ..เพื่อนฝูง..ครอบครัว...เพราะแรกๆนั้น..ไม่มีราคาค่างวดอะไร.....
.........ผมจะยกตัวอย่าง..กรุภาคกลางที่ดังๆ ๓ กรุ..อยู่ในสุพรรณ...คือ..วัดพระรูป..วัดพลายชุมพล
(อยู่ติดกับ วัดพระรูป..เป็นที่มาของ..พระชุดกิมตึ๋ง)...และ..วัดบ้านกร่าง.....
.........ทั้ง ๓ วัดนี่..เจดีย์ถูกขุดมา..ตั้งแต่ยุคเสียกรุงใหม่ๆ..แล้ว..เขาหาอะไร..ก็อย่างที่ผมบอก...
สมบัติ..อย่างเดียว..คือ..อะไรที่..เอาไปขายได้นั่นแหละครับ....คราวนี้..ก็แล้วแต่..สภาพกรุ..และ
ของในกรุ..รวมถึงนิสัยสันดานคนขุดด้วย...คือ...
...........สมัยนั้นใช้..ไต้..แทนไฟฉาย...โดยเฉพาะ..พวกวัดที่อยู่ในเมือง..หรือ..ชุมชน..จะไปขุดกัน
..กลางวัน..แบบเจดีย์ร้าง..กลางทุ่ง..หรือที่รกๆ..ก็ไม่ได้...เพราะมีผู้คนอยู่..ต้องรอให้มืดก่อน..
...และการขุด..จะไปเอ้อระเหย..ก็ไม่ได้..ยิ่งตอนพระเจ้าตาก..ยังกู้ชาติไม่ได้...เพราะ..คนขุด..
ไม่ได้มีอยู่พวกเดียว..ทุกคน..ก็ต้องแย่งกันทั้งนั้น.....ในความคิดผม..เพราะผมว่าตามที่ได้ข้อมูล
ท่านที่เอ่ยมา..รูปแบบการขุดในยุดในยุคต้นรัตนโกสินทร์..คงไม่ต่างกันเท่าไหร่....
...................เมื่อลงในกรุได้แล้ว...ก็ต้องรีบ...อากาศก็อับ..จะมาประดิษฐ์ประดอย..ค่อยๆคุ้ยหา
ก็คงไม่ได้...ถ้าของอยู่ปนกัน..ก็รีบโกยๆรวมกันใส่กระชุ...แล้วส่งให้เพื่อน..ที่ปากกรุคัดเลือกกัน
..ทยอยไปเรื่อย...พวกที่คัดเลือก..ข้างนอกก็..คงหาเหมือนข้าวเปลือก..ในข้าวสาร..นั่นแหละครับ
...เพราะต้องรอบคอบ...บางที..พวกแหวน..ต่างหู..เล็กๆ..นี่..อาจกระจายปน..อยู่ก็ได้.....
.......หลายท่านอาจสงสัย..ว่า..อ้าวของมีค่า..เขาไม่แยกกันเหรอกับพระ..นะ...อย่าลืมนะครับ..
..พวกที่ขุดเข้าเป็นพวกแรก..นั่นแหละ..ที่จะได้ของดีไป...เหลือเผื่อเลือก..ก็จะมาถึง..พวกชุด
หลังๆ..ดังนั้น..ของเลย..มีโอกาศ..ปนมั่วไปกับพระได้...ที่ผมกล่าวถึงนี่..ก็พวกขุดหลังๆ..
.....ผลก็คือ....พระบางส่วน..ถูกโยนทิ้งอยู่ด้านนอก...เพราะติดใน..กระชุ..มาด้วย...
.......เพราะตามประวัติแล้ว...มีคนคนพบพระ..ทั้ง ๓ กรุนี้..ออกมาอยู่นอกกรุ..กัน..ตั้งแต่ก่อนยุค
รัชกาลที่ ๕ แล้ว...ยิ่งกรุวัดพระรูป..กับวัดพลายชุมพล..นี่ขุดกันเละ..ขี้ดงขี้ดิน..ออกมาปนกับพระ
ด้วย...ก็เลยเป็นปรากฎการณ์ที่..พอฝนตกเยอะๆ...ฝนชะขิ้ดิน..พอหลังฝนหยุดใหม่ๆ..พระขุนแผน
..หรือชุดกิมตึ๋ง..พวกนี้..ก็จะโผล่..มาให้เห็นเรื่อยๆ...ยิ่งวัดพลายชุมพลนี่..เป็นวัดร้างมาตั้งนานแล้ว
...ก็ยิ่งโดนทำลายจาก..การขุด..จนไม่เหลือซาก....ส่วนวัดบ้านกร่าง..พระขุนแผน..ก็..กระจาย..
ออกมา..เต็มลานวัด..เช่นกัน.....
..............ต่อตอนหน้าครับ..............

 

..........
...ต่อจากตอนที่แล้ว.....
................................
........................................................
.....คนรุ่นหลังที่..เคยได้ยินมาบ้าง...อาจนึกว่า...พูดไปเรื่อย..แต่..ขอโทษครับ...นี่คือ..เรื่องจริง
...ขนาดตอนหลัง..วิกฤต ร.ศ. ๑๑๒ แล้ว...ก็ยัง..มีพระเหลือ..กระจายอยู่บางส่วน..เพราะ..
ชาวบ้าน..ก็..มาเก็บเอาไปแค่..ตัวเอง..เพื่อน..และ..ครอบครัว..และที่มา..เก็บ..ก็เป็นชาวบ้าน
แถบๆนั้น..เป็นส่วนใหญ่...พระเครื่อง..ไม่มีราคาค่างวดอะไร.....ที่เหลือ...เด็กๆก็เอามาเล่น
ทอยกอง..กัน..เอามาขว้างกันมั่ง....
....................................................................
.....ที่เกริ่นให้ทราบ..เรื่องนี้..เพื่อปูทางให้ท่านผู้อ่าน..มีความเข้าใจ..ในเรื่องสมัยก่อน......
..........สำหรับ..วัดใหญ่ชัยมงคล...ก็ไม่พ้นชะตากรรม..ตอนหลัง..กรุงแตกเช่นกัน...แล้วอีกอย่าง
..คนในอยุธยาและใกล้เคียง...ใครๆก็ทราบว่า..นี่คือวัดกษัตริย์สร้าง...เจดีย์ใหญ่..สร้างโดย
พระเนรศวร.....ความคิดของ..คนก็ย่อมแน่นอน..ที่นี่..น่าจะเป็นแหล่งเก็บวัตถุของมีค่า...มหาศาล
..แน่นอน...ดังนั้น..เมื่อขโมยเริ่มเข้าไปเจาะขุดกรุ..ในช่วงบ้านแตก..สาแหรกขาดนั้น.....ก็คงได้
ของมีค่าไป..ไม่น้อย..และ..ก็คงมีกัน..หลายเจ้าทยอยตามกันไป...พระขุนแผนเคลือบ..ก็อาจติดไม้
ติดมือ..ไปบ้าง..ด้วยอีกอย่างนึงคือ..ความสวยงามที่ไม่เหมือนพระอื่น...เพราะมีการเคลือบ...
..แต่ก็เช่นกัน..ก็คงเก็บเอาไปเพราะสวยดี..แปลก..เอาไปฝากเพื่อน..ญาติ..ทำนองนี้..และที่บอกไป
ตอนที่แล้ว..พระจากกรุ..ในยุคนั้น..เขาไม่เอาติดตัวกัน..เขากลัวคำแช่ง..คงแค่เก็บไว้..เก็บไว้ที่บ้าน
......อย่างเก่ง..แต่ละคน..ก็เอาไป..สัก ๑๐ กว่าองค์......เพราะไม่มีราคาอะไร....ไม่ใช่วัตถุประสงค์
ในการขโมย..ขุดกรุ...ขนไปเยอะ..ทำไม..หนักเปล่าๆ
.......ตามจำนวนที่พบที่วัดอัมพวัน..จึงตัดเรื่องนี้..ไปได้เลย.....เพราะ...มากเกินปกติ...ไม่สมเหตุ
สมผล......
..........สรุปได้เช่นกัน..ว่า..พระถูกนำออกมาจากกรุ...ตอนหลังกรุงแตก..รวมถึง..ต้นยุครัตนโกสินทร์
..มาจำนวนมากขนาดนี้..แล้วเอาไว้ที่นี่..ในความเห็นผม..ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน..ไม่สมเหตุสมผล..
..........ถ้ามาดูในกรณี..ที่พูดกันเรื่องการฝากกรุ..นั้น...มีหลายท่าน..ยังเข้าใจกัน..ไม่หมด...
..คำว่า.."ฝากกรุ"..ในความหมายจริงนั้น...จะหมายถึง...พระที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกัน..แล้วแบ่ง
ส่วนนึง...ไป..บรรจุกรุ..ที่วัดอีกแห่ง......
...............สำหรับ..ในยุครัตนโกสินทร์...ก็มีบ้าง..แต่ใน...สมัยอยุธยา...ก็อาจจะมีแต่คงน้อย...
..ถ้าเรามาดู...พระขุนแผนเคลือบวัดใหญ่ฯ..นั้น..โอกาศเป็นไปได้แทบไม่มี...เพราะการสร้างและ
เจตนา..เป็นของพระเนรศวร...ท่านมีเจดียใหญ่ของพระองค์ท่านสร้างไว้เพื่อรองรับ..อยู่แล้ว..
..วัดอยู่ในความอารักษ์ของพระองค์ท่าน..มีเหรอ..ที่พระองค์..จะเอาไปวัดที่อื่น..ที่พระองค์ไม่มี
โอกาศรักษาดูแลได้..ของๆใครๆ..ก็คงไม่อยากให้ใครมาทำลาย..หรือ..ขโมยไป.....
.............พระราชอำนาจพระองค์ท่าน..ยิ่งใหญ่..ขนาดนั้น..พสกนิกรเกรงในพระราชอำนาจนี้ทุกคน
...ไอ้เรื่อง..จะมีการแอบแบ่งเอา..ไปเอง..ในยุคนั้น..มันตอแหลชัดๆ..เป็นไปไม่ได้..เลย...
.........ผมจึงสรุปให้ว่า..ในความคิดผม...เรื่องการที่จะนำพระออกไป...ตั้งแต่ในวาระเดียวกัน
..ที่บรรจุกรุที่วัดใหญ่ฯนั้น...เป็นไปไม่ได้...มันไม่สมเหตุสมผล..ด้วยประการทั้งปวง
.......................แต่คำว่า"ฝากกรุ"ที่ใช้ในปัจจุบัน..นี่รวมหมด..รวมถึงของที่ขโมยขุดมา..ปล้นมา...
..แล้วเมื่อแก่..ใกล้ตาย..สำนึกผิด..เอาไปคืนวัดกลัวบาป..ทำนองนี้เยอะครับ....ในสมัยก่อน...
...คนรุ่นเก่าบอกผม..จะเอาไปคืนให้ที่พระสงฆ์..ก็กลัวความแตก..แอบเอาไปคืนกัน..ตามที่ขุดไว้
มั่ง...บางคนก็..เจาะขุดฐานเจดีย์เอา..พระของตัวเอง..ไปใส่ไว้....โดยเฉพาะพวกเจดีย์บรรจุกระดูก
ของผู้มีฐานะ..และ..มียศศักดิ์..ที่มีอยู่ในบริเวณวัด.....รวมทั้งตัวคหบดี..หรือเจ้านายเอง..ที่รู้ว่าตัวเอง
ครอบครอง..ของ..ขโมยจากวัดมา..สั่งลูกหลายไว้ก่อนตาย..ให้เอาไปบรรจุรวมกับอกระดูกตัวเอง
ในเจดีย์..ที่สร้างขึ้น...ขนาดมาถึงรุ่นผมนี่..ก็ยังถือกันเลย..ของที่เอามาจากวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต
นี่บาปหนา......
...........ต่อตอนหน้าครับ................

 

........
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
..........................
.......................................................
.....และด้วย..จำนวนพระที่มาก..และ..บรรจุในไห...แม้ในช่วง..วิกฤต..ร.ศ. ๑๑๒ ใหม่ๆ..หรือจะพูดว่า
...ในช่วงรัชสมัย รัชกาลที่๕..เช่นกัน..ก็เรียกว่ายากมาก..เพราะ..คนยังใช้พระเครื่องกันน้อย....
..ดูจากที่ผมพูดถึง..เมื่อคราวก่อน..ที่ว่าถึง..วิวัฒนาการการนิยมพระเครื่อง...ประกอปกับ..ตัวอย่าง
ที่ผมยก..เรื่อง ๓ กรุ..ของสุพรรณ.....ก็จึงพอสรุปว่า...
.........ในยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ พระจะถูกขนมาจาก..กรุวัดใหญ่ฯ...เป็นจำนวนมาก..เช่นนี้..ก็..
ไม่สมเหตุสมผล..เช่นเดียวกัน......ถ้าไปเปรียบกับ...ที่พบที่วัดเชิงท่า...และ...วัดบ้านกลิ้ง อยุธยา
...(ซึ่งผมเอง..ก็ไม่ยืนยัน...ว่าต้นตอมาจากวัดใหญ่...ก็คุณดู..จากพวกเซียน..เวลาขายบอก..แน่นอน
...แต่ตัวเอง...ไม่เอามาขึ้นคอหรอก...ปล่อยอย่างเดียว..)...ผมจะไม่พูดว่า..ทั้ง ๒ ที่นี่..ของจริงรึเปล่า
..และ..ไม่ต้องมาถามผมด้วย...แต่ดูสถานที่ๆพบ..และ..จำนวนที่พบ..มันยังดูดีกว่า..ที่นี่..เป็นไหนๆ
....วัดเชิงท่าอยู่ในกรุ...วัดบ้านกลิ้งก็ยังดี..เพราะอยู่ใต้ฐานเจดีย์รอบโบสถ์..และจำนวนไม่มาก..
แค่ประมาณ ๒๐ องค์ได้ (..กรณีวัดบ้านกลิ้งนี้..อาจจะใช้เหตุผล..ของการสำนึกผิด..ก็เลย..แอบ
เอามาใส่..รวมกับของ..และ..พระอย่างอื่นได้).....
.............แต่ที่วัดอัมพวัน..นี่จะเอาฝังไว้ในดิน..หรือ..จะเรียกว่า..เอาทิ้งก็ได้..และไม่มีเจตนาที่จะไม่
ให้คนเห็น..เพราะฝังตื้นมาก(อย่าลืมนะครับว่า..ผมตัดทิ้งไปแล้วเรื่องการมาโดยธรรมชาติ)...
...อย่างนี้..เขาเรียกว่าซ่อนเหรอ....และ..ไอ้ที่เรียกกันว่า.."กรุ"นี่..ขอร้องเลย...มัน..กรุ..ตรงไหน...
...อย่างวัดเชิงท่า..วัดบ้านกลิ้ง..ก็ยังเรียกว่า..กรุ..ได้...แต่ที่นี่....ไม่ใช่.......
..............................................
...ผมก็มาเข้าเรื่อง..ที่เหตุกาลต่อมาหลังรัชสมัย ร.๕ แล้ว.....คนเริ่มมีการเล่นการสะสมกัน...
......(อย่างวัดบ้านกลิ้ง..ถ้าเป็นของจริง..ก็เป็นไปได้..สำหรับ..ในยุคหลังนี่)....
.............แต่ต้องเข้าใจ..อย่างนึงว่า...วัดใหญ่ชัยมงคล...อยู่กลางเมือง..และอยู่ในเกาะเมืองอยุธยา..
...การขุดขโมยยุคหลัง...มันก็ไม่ใช่ง่ายๆ..เพราะ..เมืองอยุธยาก็พัฒนาขึ้น..วัดก็ไม่ใช่วัดร้าง....
..ไม่ใช่แบบ..วัดพระราม..วัดพระศรีสรรเพชร..หรือ..วัดราชบูรณะ...ดังนั้น..การแอบขุด..ต้อง
แอบทำ..แบบรวดเร็ว..เป้าหมายเป็นอะไร..ก็เอาอันนั้น..ถ้าเป็นของอื่นต้องน่าสนใจจริงๆ...
.............ผมถามว่า...ถ้าคุณเป็นขโมย...จะเอาพระเครื่อง..แล้วคุณต้องรีบเอาออกไป...คุณจะไป
จนไห..ที่หนัก..เอาไปเป็น..วัสดุใส่พระด้วยเรอะ(...อันนี้..ผมพูดในกรณี..ว่า..ไหนี้..อยู่ในกรุ..
ซึ่งจริงรึเปล่า..ไม่มีใครทราบ...)...เราก็โกยพระ..ใส่กระสอบ..ไม่สะบายกว่าเหรอ..เอาไหไป
ด้วยทำไม.......ให้หนัก..ขนไปไม่ระวัง...แตก..ก็หมดราคาเลย......
...........หรือ..คุณไปขุดกรุ..ทั้งที..คุณไม่หาอะไร..ที่ไปใส่ของที่ขุดได้..เตรียมไว้ด้วยเหรอ...
....หรือ..จะบอกว่า...เอาพระมาใส่ไห..ในภายหลัง...จากขุดได้แล้ว...ผมบอกได้คำเดียวว่า...
ปัญญาอ่อน..เพราะ...ไห..นะมันมีราคาสูง...ขายง่าย..ขายที่ไหนก็ได้..ทั้งในอยุธยา..หรือใน..
พระนคร....ทำไม..ไม่เอาใส่...ไหน้ำปลา..หรือ..ไหปลาร้าไปซะ...แล้วจะมาทำหากินแบบนี้
..ทำไม...ถ้าไม่ขายของที่ออกตัวง่าย....
...ถ้าจะบอกว่า...เอาของมีค่าด้วย...ก็ทำไม..ไม่เอาไห..ไปขายซะ..เพราะราคา..ไม่ใช่ถูก..แถม
ขายง่ายกว่า..มากๆ...เอาใส่พระ..แล้วเอาไปฝังดิน..ทำไม.....แล้วฝังตื้นๆแบบ..นี้..เขาเรียกว่า..
ซ่อน..ไม่ให้ใครพบง่ายๆ...ผมจะไม่ถามต่อ..จะหัวเราะอย่างเดียว...
..........ถ้ากลัวบาป..ไปพบจากที่อื่นมา..เลยแอบมาคืนวัด....ถ้ายังงี้...สู้แอบเอามาวาง..ซะในมุม
เปลี่ยวๆ..ในวัดก็ได้...ไม่จำเป็นต้องเอามาฝังตื้นๆแบบนี้หรอก.....เมื่อยเปล่า....
............................แต่ถ้าบอกว่า..ก็เจตนา..อยากให้เจอง่าย..และ..เอาไหโบราณ..มาช่วยเสริม..
สร้างความน่าเชื่อถือ..ละก็..อย่างนี้...ยัง..โอเค.....มีเหตุมีผล..คุยกันได้...
...............ต่ออตนหน้าครับ......................
..................................................

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_
ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะครับ ^__^

 

...............
...หวัดดีMastertest....
...........................
..ต่อจากตอนที่แล้ว....
........................
..................................................
....ก็ต้องให้ผู้อ่านลองย้อยกลับไปเปิดLink..ที่เดิมอีกครั้ง..ประกอบ..คำบรรยายของผม..
.....เพราะ..ตอนนี้..เราจะมาว่า..เรื่อง...ตั้งแต่พอขุดพบ...แล้วแจ้งข่าวให้สื่อ(ผมไม่ทราบว่า
ใครเหมือนกัน..เป็นคนให้ข่าว)..เข้ามาทำข่าวครั้งแรก..ในเดือนกุมภา..ที่เป็นที่มาของ..คลิป
วิดีโอนี้.....ว่า...เวลามัน..ห่าง..หรือกระชั้น..ขนาดไหน...เพราะมันมีเรื่อง..ผิดสังเกต..เยอะ...
......ที่เกี่ยวพัน..ไปกับการเตรียมตัวของ..ทางวัด..ในการพบนักข่าวครั้งนี้.....
...........คือถ้าจะบอกว่า...มันแปลกตรงที่..อย่างอย่างการพบพระในวัดที่อื่น..นั้น...ข่าวจะมาเร็ว
..และ..ทางวัดส่วนใหญ่..ก็..ยังไม่ค่อยจะทราบว่า..จะดำเนินการยังไงดี..จะเก็บไว้ก่อน..รอการ
ตรวจสอบ..รอปรึกษา..คนโน้น..คนนี้ก่อน..แล้วว่ากันอีกที..อะไรทำนองนี้.....
.........มันมีเรื่องไม่เข้าท่า..เยอะ......
๑. ในคลิป..มีการจุดธูปขอขมา..แล้วหยิบพระออกมา...ถ้าไม่มีข้อมูล..ประกอบเรื่อง..
ดูแต่คลิปอย่างเดียว....คนทั่วไปก็ต้อง...นึกว่า...โอ้..นี่เพิ่งพบซิงๆเลย...ไหก็อยู่ในหลุม...มี
การขอขมานำพระออกจากไห...............แต่....เปล่า...จริงๆมันคนละเรื่อง....
.........เพราะหลวงพี่..ที่ให้ข่าวในวันนั้น...ก็บอกว่า...ท่านนำพระ..ออกมาจากไห...มาดูแล้ว
(อ่านข้อมูลในLinkประกอบได้เลย)...บอกมีพระเยอะ...แล้วเอามาล้างทำความสะอาด...ถึง
ทราบว่า..เป็นขุนแผนเคลือบ...แล้วยังทราบด้วยว่า...พระส่วนใหญเป็นขุนแผนเคลือบ...(นี่บอกว่า
ติดกันแน่นในไห..ติดดิน..ติดเลน..)..ก็แสดงว่า..ท่านแซะ..พระออกจนหมดแล้ว..ถึงได้ทราบ..
..และก็ต้องล้างเลนออกไปแล้ว..ถึงจะแน่ใจบอกยังงั้นได้........
......ก็ทำกันขนาดนี้แล้ว.....จะมาจุดธูปขอขมา..ทำหอกอะไร...พระล้างไปแล้ว...ยังมีขี้โคลนกลับ
มาหุ้มใหม่อีก..และ..พระก็แยกออกจากกันจนหมด..แล้ว..ล้วงสะดวกเลย...(ท่านบอกว่า..พระติด
กับโคลนอยู่แน่นตอนที่พบใหม่ๆ...นี่แสดงว่า..อำนวยความสะดวกไว้ให้แล้ว)
...เอาพระ..ออกมาวางบนผ้าขาว..อย่างเขรอะเลย...ถ้าไม่ใครบอก..ดูจากคลิป..นึกว่า..บ้านกร่าง
คลุกขี้โคลน...
...........ตกลงนี่..จริงๆจะให้..คนนึกว่าพึ่งเจอเหรอ...หรือยังไงกันแน่....พึ่งเจอหรือ..เปล่าก็มาดู
ข้อ ๒ ต่อ
๒. พี่รูปหล่อ..ดูคล้ายเซียน..สวมเสื้อแขนยาว..ถามข้อมูลกับ..หลวงพี่..ให้สังเกตว่า..
นี่เหตุการณ์..ต่อเนื่องในวันเดียวกัน..นะครับ..
.......พี่เซียนถามว่า..อยากจะทำบุญ..จะคิดยังไง.....หลวงพี่ตอบแบบ..ไม่ต้องคิดเลย...
..............................องค์ละ ๓ แสน..............................
....พูดไม่ติด..ไม่อึกอักเลย..พูดเรียบๆ.......ยังกะ..องค์ละ ๓ ร้อย.......
....โอ้โห.....ตกลง..หลวงพี่ท่านเป็น...เซียนเก่าด้วยรึเปล่า.............แสดงว่า..ตัวเลขราคา..คิดไว้
ก่อนล่วงหน้านานแล้ว...ถึงได้ตอบได้ทันที..แบบนั้น.....นี่เจอมา..เกิน ๑ อาทิตย์..แล้วมั้ง..แถม
ต้อง..มีเซียน..เป็นที่ปรึกษา...ดูแล้ว..มั่นใจแน่...แล้วมาตีว่า..น่าจะองค์ละเท่าไหร่ดี.....ราคา
..ขนาดไหนดี..ถึงจะปล่อยออก....
...................๓ แสน....พระ ๕๐ องค์..ก็ ๑๕ ล้าน....สบายไปเลย.........
....มาถึงตรงนี้...เรื่องเวลา..จะเข้ามา..ถ้าเรามองกัน..อย่างบริสุทธิ์ใจ..และตาม..สมมุติฐานเบื้องต้น
ว่า....เป็นของแท้...การพบเป็นอย่างนั้นจริงๆ...เวลา..ก่อนที่ข่าวจะออก..แล้วมีการทำคลิปนี้...
....ควรจะต้อง..เป็น ๑ อาทิตย์..ผ่านมา......
.........แต่ปัญหามัน..อยู่ที่ว่า..ความลับ..มันมีในโลกพระเครื่องเหรอ......
.....ที่ผ่านมา..ที่ไม่มีปัญหา..หรือ..มีปัญหาก็ตาม...ไม่เกิน ๒ วัน..คนก็แห่..กันไปเต็ม...
.....แล้วอย่าลืมว่า..นี่เมืองนนท์..เซียนแก่..เซียนเด็ก..พวกวิ่งพระ..เต็มไปหมด..ตาสัปปะรด..
จมูกมดทั้งนั้น....
..........แล้ว..ทำไมต้องทำให้..มันลับ..มากมายขนาดนั้น...มันลับได้จริงรึเปล่า..ถ้ามันมีความ
สมเหตุสมผล....
.....................ต่อตอนหน้าครับ...................

 

สุดยอดครับพี่ modpong

อยากให้คนไทยทุกๆ คนได้มีโอกาสอ่านบทความลักษณะนี้ ซึ่งสามารถปลูกฝังอุปนิสัยในการคิดวิเคราะห์ใช้เหตุผล จะทำให้มีการพัฒนาการทางสมองมากขึ้น

ไม่ได้พูดเล่นไม่ได้พูดประชดใครนะครับ เป็นความคิดเห็นจากใจจริง เพราะปัจจุบันคนไทยเราโดยเฉพาะในยุคอินเตอร์เน็ตนี้ ใช้สมองคิดกันไม่เป็น ได้ยินได้ฟังอะไร ได้เห็นได้อ่านอะไร ไม่เคยคิดไตร่ตองอะไร ก็เชื่อเสียแล้ว ก็กดไลค์ กดแชร์กันใหญ่ นิ้วไวจนสมองตามไม่ทัน หรือไม่เคยใช้สมองมานานจนสมองเฉื่อยชา มาอ่านบทวิเคราะห์ของพี่ modpong ในวันนี้ ก็จะได้รู้เห็นกระบวนการในการคิดวิเคราะห์ว่า เขาคิดกันอย่างไร

สุดยอดครับพี่

 

อ่านแล้วคิดตามไปด้วย ได้ความรู้มากเลยครับอา

 

ผมก้อติดตามมาอ่านเช่นกันครับ...ขอขอบคุณสำหรับสาระดีๆ....จะติดตามอ่านต่อไปครับ...

 

......
...ขอบคุณสำหรับคำชม..น้องThongchat...ผมเคยบอกเสมอ..
อยู่แล้วว่า...บทความของผม..อ่านไปต้องคิดไปด้วย..นั่นคือจุดประสงค์ของผมอยู่แล้ว..อ่านไม่เข้าใจก็ซ้ำอีกรอบ..๒ รอบ..ไม่ต้องการให้อ่านผ่านไปเฉยๆ..แล้วไม่คิดอะไร....

 

.......
..หวัดดี..หลานเขมทัต..
...หวีดดี..และ..ยินดีต้อนรับครับ..คุณbormtobe1...
.................................
...ต่อจากตอนที่แล้ว..........
............................
.....ถ้าเรามาเริ่ม..พิจารณา..จุดเริ่มก่อน.....
๑. เมื่อหลวงพี่..สั่ง..พระหรือเณร..ไปตัดหญ้า...แล้วพบ..ไห..บรรจุพระ...ที่นั้นเป็นที่ๆ..
ไม่ได้..ลึกลับอะไร..มองเห็นได้..เกือบจะทุกทิศ..ยกเว้นหลังกอกล้วย.....
....การพบ..คือกลางวัน....ยกเว้นถ้าพบกลางคืน...ใครคงไม่เห็น
......จุดแรก..คือ..ตามปกติ..คนเรา..ถ้าเป็นลูกน้องเขา..ก็ต้องตะโกนเรียกหัวหน้า..ให้มาดูอะไรนี่
หน่อย.......เรื่องแบบนี้..ถ้ามีคนอยู่ใกล้เคียง..ก็..คงต้องเรียกความสนใจแล้ว..แต่พระน้อย...
วัดไม่ค่อยมีคนเข้ามา..ก็ไม่เป็นไร..
..........อย่างน้อย..ตอนนั้น..คนที่พบ..มี ๒ คน(ขอเรียกแบบนี้..นะครับ..)...แล้ว..ก้มๆเงยๆ..
..แซะ..ก้อกๆ..แก็กๆ..อยู่ตรงนั้น...ผมก็ว่า..น่าจะใช้เวลาพอสมควร..ก่อนจะเอาไห..ออกไป
(อย่าบอกนะครับ..ว่า..ไหอยู่ที่นั่นมาตลอด...เพราะคำให้การเองก็บอกว่า..พระติดแน่น...การเอา
พระออกมันคงทำ..จากจุดนั้นไม่ได้ง่าย..แล้วไม่กลัวคนมาพบเหรอ)......ก็..น่าจะมีคนเห็นผิด..
สังเกต..หรือเดินเข้ามาดู..มาช่วยมั่ง..เพราะหลวงพี่..ก็ทำการแทน..เจ้าอาวาสอยู่แล้ว...พระลูกวัด
ก็น่าจะมามั่ง....ก็พอดี..ตอนนั้นไม่มีใครเห็น..ก็แล้วไป......
.......จุดที่พบ..ไม่ได้..ใกล้กับ...กุฏิสงฆ์..หรือ..ศาลาการเปรียญ...เมื่อยกไห..ออกมา..เพื่อจะเอา
พระออกจากไห....ก็คงทำตรงนั้น..ไม่ได้..แถมต้องล้างขี้โคลนขี้เลนออกด้วย...ก็คงต้องไป..
ที่ๆสะดวกหน่อย...ตอนนั้น..อาจจะเอาไปล้างเลย..หรือ..เก็บไว้ก่อน..ค่อยล้างทีหลัง...ยังไง
ก็ตามก็ต้อง..เดินหอบไห..ออกไป..แล้วดูขนาดไห..จะก่อน..มันใหญ่กว่า..ไหหระเทียม..ไหน้ำปลา
..เห็นๆ...ไอ้ช่วงที่..เดินเข้าไป...หรือ..เดินไปเก็บ..ก็น่าจะมีคนเห็นบ้าง...ถ้าทำอย่างเปิดเผย...
.........บางท่านอาจคิดว่า..ท่านอาจจะซ่อนไว้แถวนั้นก่อน..กลัวเป็นเรื่องแตกตื่น..ก็โอเค..ครับ..
...แต่ไอ้ตอน..เอาขบวนการเอาพระออกจากไห..ที่ท่านบอกว่ายากเย็น...แล้วก็โคลนเต็มไปหมด
นะ..คงไม่ถึง..ขนาดไปทำ..ในห้องน้ำส่วนตัว...เพราะ..ในห้องน้ำคงมีแต่ขี้โคลน...
......ดังนั้น..จุดที่เริ่มเอา..พระออก..และ..เอาพระออกมาล้าง..(อย่าลืมนะครับ..ท่านเป็นคนให้
สัมภาษณ์เอง..ว่าเอาพระออกมาล้าง..และพบว่าส่วนใหญ่เป็นขุนแผนเคลือบ..และ..ที่อยู่ในนั้น
ไม่ใช่ ๑๐-๒๐ องค์ )....ที่ล้างมันก็ต้องอยู่ภายนอกแน่ๆ...
..........ถ้าเอาไปล้างที่..แถวท่าน้ำของวัด..ก็ยิ่งคนเห็นง่าย...เอาไปล้างบริเวณ..ที่ล้างจาน..ตามกุฎิ
....หรือ..ศาลาการเปรียญ...ไม่ว่ากลางวัน..หรือ..กลางคืน..มันก็มีโอกาศ..คนเห็นได้มาก..เพราะ
เป็นที่..มีคน...ยกเว้น..ไปทำกัน..หลังเที่ยงคืน..ทุกคนนอนกันหมดแล้ว...
...........คือถ้าทุกอย่างเป็นไป..เพื่อป้องกัน..ไม่ให้ใครทราบ..เพราะเจตนาดี..ก็คงไม่เป็นอะไร..
...ก็คง..ทำทุกอย่างแบบหลบซ่อนไม่ให้ใครเห็น...มีคนที่ทราบและ..ต้องช่วยมาตลอดคือ..คนที่
พบ..ซึ่งก็อาจกำชับ..ให้อย่างดี..ในการรักษาความลับ...
........จนเมื่อ..หลวงพี่...เอาเรื่องไปปรึกษา..เจ้าอาวาสที่ป่วยอยู่....
......ไอ้ตอน..ที่..จะพิสูจน์พระว่า..แท้ไม่แท้..และจะตั้งราคา..ขนาดนั้น...
.......มันก็..ต้องมีบุคคลที่สาม..มาให้ความเห็น..ก็คงต้องเรียกว่า..เซียน..หรือ..ก็เกือบเซียน..
มันก็ต้องอยู่ในแวดวง....และ..ถ้าเป้นอย่างนั้น..จริง..ให้มายืนยันยังไง..ผมก็ไม่เชื่อ..ว่า..ความลับ
ไม่รั่วไหล....ก็เรียกว่า..อย่างน้อยไอ้พวกใกล้ชิดเซียนคนนั้น..ก็ต้องรู้แน่...
...เพราะมันเป็นเรื่อง..เงินมหาศาล..ที่ตัวเซียนเอง..และ..พรรคพวกจะมีโอกาศได้สัมผัส...
.....................มาถึงตรงนี่...ไม่ว่าคิดทางไหน..ความลับก็ต้องเริ่มรั่ว..ออกไปแล้ว.....
......แล้วถ้าผมคะเนว่าเมื่อหลวงพี่...คิดจะเอาเงินที่ได้จากการเอาพระออกจำหน่าย..เพื่อนำมาใช้กับ..กิจการ
ทุกอย่างเกี่ยวกับวัด....และ..ตัวท่านเอง..ก็ทำหน้าที่เจ้าอาวาสอยู่..ถ้าไม่ผิดปกติเกินไป..ขั้นตอน
ต่อจากนี้...มันก็ต้องไปเชื่อมกับ..บุคคลที่๔ ..ก็คือ..มรรคทายก..หรือ..กรรมการวัด..เพราะมัน
เป็น..ขั้นตอนปกติ...ไม่ว่า..ทำอะไร..ที่เกี่ยวข้องกับวัด..มรรคทายก..หรือกรรมการวัดต้องรับรู้..
ไม่เช่น..นั้น..มีปัญหา..ผู้ที่ดำเนินการไปก็จะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง........
....................ต่อตอนหน้าครับ..................

 

.......
....ต่อจากตอนที่แล้ว....
............................
................................................................
......ผมก็ไม่ทราบ..เหมือนกัน..ว่าในส่วนนี้...จะมีการรับทราบกัน..หรือไม่.....
...หรือ..พยายามไม่ให้..ไปเข้าหูคนเหล่านี้...เพื่อ..ความลับ..จะได้ไม่แพร่..ไป.....
..............สิ่งที่มำให้ขัดข้องใจ..คือ...จะทำให้..ความลับไปตกอยู่ที่..คนภายนอก..เหรอ....
...แล้ว..มั่นใจยังไง...ว่า...ความลับ..จะไม่แพร่ออกไปก่อน.....
................มันไม่สมเหตุสมผล..อย่างยิ่ง...ถ้าเราจะคิดว่า..ทุกอย่างตรงไปตรงมา..นี่สมมุติฐาน
ที่ผมตั้งไว้..ผ่านมา..คือ..ถือว่า..นี่เป็นของจริง...
................ถ้าผม..มาตั้งไว้ก่อน..ว่า..ไม่ใช่ของจริง..มันก็พิจารณา..ง่ายกว่านี้เยอะ..และ..สมเหตุ
สมผล..ไปหมด....
.....คือ..เรื่องนี้..เฉพาะ..แค่ไหแรก..บนบก...ก็ยังขนาดนี้แล้ว.....
..ผมถึง..บอกท่านว่า....มันผิด(สังเกตุ)..มาตั้งแต่แรก..แล้ว...เรียกว่า..เหตุการณ์..หลังจากเป็นข่าว
ครั้งแรกก็ไม่ต้องพูดถึง..เพราะมันคึกโครมมาก....พวกท่านเองก็ประมวลเอาเอง...กับ..เหตุผล
ที่อ้างประกอบที่ผ่านมา.......
...แต่หลังจาก..เป้นเรื่องใหญ่โตกัน...และ...มีการพิสูจน์..ทางวิทยาศาสตร์กัน..ก็ไม่ยอมรับกันอีก
...ขนาดอดีดผบ.ตร. คนดังทำขนาดนี้..เพื่ออยากให้ทุกคนทราบ..เพราะท่านเองก็ต้องรู้ภายใน..
ว่า..อะไร..คือ..อะไร..แต่พูดออกมาโต้งๆไม่ได้...นี่ถ้า..นายหมา..นายแมว..ที่ดังน้อยกว่านี้..นี่..
ไม่ยิ่งกลายเป็นเรื่องโจ๊ก..ให้คนพวกนี้..หัวเราะ..กันท้องแข็งเรอะ..อาจถูกประนาม..เผลอๆ..
อาจโดนฟ้องศาล..อีก.............
........ใครๆในวงการก็ต้องทราบว่า..คุณเพรียวพันธ์..เล่นพระมาแต่หนุ่ม..มีพระเครื่องชั้นยอด
มากมาย..ของขลังชอบมาก..และเชี่ยวชาญ..ทั้งพระ..และ..ของขลัง..ขนาดทำหนังสือที่เรียกว่า
..ได้มาตรฐาน..ออกมาเลย...ผมว่า..แกรู้เรื่องพระ..ดีกว่า..บิ๊กแจ๊ส(ถือไห)..ที่เป็นรุ่นน้องอีก.....
....แล้วพระองค์..ที่แกเอาไปตรวจสอบนั้น..แกก็พยายามให้เห็นว่า..ที่มาต้องเป็นของที่กลุ่มดัง
กล่าวยอมรับอยู่แล้ว..เพราะเก๋าขนาดนี้..แกเอง..ก็ต้องป้องกันข้อครหาอยู่แล้ว...ก็ยังไม่วาย..
......ผมเขียนบทความหนึ่ง..ก่อนหน้านี้ไม่นาน..แต่ลงในห้องอื่น...บางท่านอ่านแล้ว..แต่เชื่อว่า
หลายท่านยังไม่ได้อ่าน..ผมจะ..ตัดตอน..เอามาลงบางส่วนและแก้ไขบางประการ..เพื่อความเหมาะสม
เพื่อคิดว่า..หลายท่านคงจะพอเข้าใจ..สังคมพระดีขึ้น..
....................................................................
...นิทานเรื่องนี้เริ่ม..มานมนานกาเลแล้ว....
........เมื่อวงการพระเริ่มเกิด..มีสังคม..ขึ้นมา...ก็ย่อมมีกลุ่มที่ทรงอำนาจ
และ..อิทธิพล..ที่กระแอมครั้งใด..ก็ต้องมี..คนหันมาเหลียวมอง...
....คนเหล่านี้..มีความน่านับถือ..และ..มีระดับขึ้นมาได้..ก็เพราะ..สิ่งสำคัญ..ที่
ทุกคนต้องยอมรับ..อย่างหนึ่ง..คือ..เขามีความรู้..เขาศึกษามาก่อน..เขาอวุโส..
..เขาแก้ข้อข้องใจได้..(แม้บางครั้ง..เขาก็มั่ว..ก็ไม่มีใครนึกว่า..เขามั่ว)..
...บัณฑิต..ย่อมคบหา..บัณฑิต..ฉันใด..ก็..ฉันนั้น..เขาจึงเกาะกลุ่มกัน..
..แลกเปลี่ยนความรู้กัน..พวกเขาเลยรู้มากกว่าใคร...เมื่อมีคนนับถือ..
อำนาจในสังคม..ก็ตามมา..ใครอยากจะเป็นอย่างเขา..ก็ต้องไปประจบประแจง..
..ขอแบ่งปัน..ความรู้..เพื่อความเชื่อถือ..จะได้ตามมาด้วย..ที่สำคัญ..ก็จะเป็นโอกาศ..ที่จะเข้ากลุ่ม..
เพื่อยกฐานะตนเอง..........
.....แต่คนกลุ่มนี้..ขยายตัวมากขึ้น..มันก็เป็นไปไม่ได้..ที่จะเป็นคนดี..ทั้งหมด...เพราะ..
หลายคนที่อยากจะเข้ากลุ่ม..เพราะมีเจตนาไม่ดีแฝงไว้ตั้งแต่ต้น..
..เมื่อได้มาซึ่งอำนาจ..ได้เข้ากลุ่ม..รู้จักคนเยอะ..ก็เข้าเป้าหมาย....
...การสร้างบุญคุณ..หรือ..ทำโน่น..ทำนี่ให้กับผู้อวุโส..ในกลุ่มนั้น..มันก็เหมือนเป็นเครื่องผูกมัด
..ให้เขาเรียกว่า..น้องอย่างจริงใจ..ขณะเดียวกัน..ก็หาพันธมิตร..ในกลุ่มที่ออก..แนวเดียวกัน..
จับมือ..สร้างสัมพันธ์ที่แนบแน่นไว้..สร้างเครือข่ายชั้นล่างไว้..เพื่อ..เป็นตัวช่วยผลักดัน
..โดยอาศัย..พลังของคนในกลุ่ม..เป็นตัวแบ็คอัพ......
....นเหล่านี้..ก็สามารถ..ผลักดัน..กระแสอย่างที่ตัวเองต้องการได้..ผู้อวุโส..ที่ดีๆ..ถึงเวลาก็พูดไม่ออก
..เพราะเป็นน้อง..แล้วก็มีบุญคุณกันอยู่..แถมใครๆก็ทราบว่า..เป็นกลุ่มเดียวกัน
..มันก็กลืนไม่เข้า..คายไม่ออก..ก็เลยนิ่งๆซะ..หรือไม่ก็เลยตามเลย...
.....ยิ่งเวลานานไป..พวกนี้ก็เก๋าขึ้น..อำนาจมากขึ้น..ผู้อวุโสในกลุ่มรุ่นเก่า..ก็
..เริ่มนอนอยู่กับเตียงเป็นหลัก..บางท่านก็ตายไป...พวกนี้ก็ได้ขึ้นเป็น..แกนในกลุ่มแทน..นานต่อมา..ก็กลายเป็นผู้อวุโสไปเอง....
....ดังนั้น..คนกลุ่มนี้จึงมีอำนาจ..พอที่..บังคับทิศทางของพระ..และ..แนวการเล่น..เป็นไปตามที่ต้องการได้..
.......ซึ่งที่ผ่านมา..มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว..คนในวงการก็รู้กันดี..แต่ไม่มีใครพูด..เพราะจะเข้าตัวเอง
....................ทำตัวเฉยๆ..ตามน้ำไปดีกว่า.....
.........ความจริง..ใครที่เล่นพระมานาน..อาจน้อยกว่าผมนิดหน่อย..นี่มัน..เชื่อว่า..
คงจะก็ทราบอยู่แล้วนะครับ..เรื่องนี้มันเริ่มมีมาตั้งแต่..ก่อนจะมีสนามวัดมหาธาตุอีก...
แต่ทุกอย่างมันยังไม่พร้อม..จนสังคมพระ..เริ่มเป็นธุรกิจชัดเจน
เมื่อปี ๒๕๑๒ นั่นแหละ..กลไก..มันจึงเริ่มหมุนเต็มที่...
...............................................................
....ตอนหน้า..ผมจะมาพูดถึงเรื่องที่มีคน..มาแย้ง..ในกรณีที่คนเล่นพระทั่วไป..เขาบอกว่า
..ดูพิมพ์จริงๆแล้วไม่เหมือนวัดใหญ่..แล้วแย้งว่า..ถ้าส่วนอื่นทำได้ขนาดนี้แล้ว..แค่พิมพ์ทำไม
จะทำให้เหมือนไม่ได้..มันเพราะเหตุอื่นนะ...
............ต่อตอนหน้าครับ...............

 

ขอบคุณครับอา รอติดตามต่อครับ