ประมูล ปิดคืนนี้อาทิตย์15ก.พ.58 22.00น พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน+ทรายทอง น.สุดท้าย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kayasid, 26 ตุลาคม 2012.

  1. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีตอนค่ำครับ ขอบคุณที่เสนอราคาเปิดประมูลให้ครับ ^_^

    ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โปรดคุ้มครองให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข เจริญรุ่งเรือง ยิ่งๆขึ้นไปนะครับ


    ขอปรับราคาประมูล ตามกติกานะครับ เสนอเพิ่มครั้งละ 100 บาท ขอปัดเป็น 7,000 บาท นะครับ
     
  2. คนชานเมือง

    คนชานเมือง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +1,250
    รายการ 463 ร่วมประมูล 7100 ครับ
     
  3. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    ขอบคุณครับ

    ขอปิดประมูล

    รายการที่ 463 ล็อคเก็ตพระพุทโธคลัง รุ่นแรกปี2554 วัดสารนาถฯ จ.ระยอง องค์นี้พิมพ์แจกกรรมการสร้างน้อย(สร้าง3องค์ครับ) ด้านหลังบรรจุผงมวลสารพระมงคลมหาลาภผงโสฬสมหาพรหม ศิลาน้ำเม็ดใหญ่1เม็ด ผงอัฐิและเกศาคุณแม่บุญเรือน เม็ดพริกไทยและพลอยอธิษฐานครับ มาพร้อมตลับเงินลงยาอย่างดีครับ

    ให้กับคุณ คนชานเมือง ที่ 7,100 บาท ยินดีด้วยครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2014
  4. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 464 ปิดรายการครับ

    รายการที่464 พระมงคลมหาลาภ ปี2499 พิมพ์วัดตะไกร เนื้อดินเผา

    รับประกันความแท้ 100 % ตลอดชีพนะครับ

    ปกติให้บูชา 1,500 บาท

    องค์นี้ขอเปิดประมูลที่ 300 บาท เริ่มเสนอราคาประมูลได้ตั้งแต่ 400 บาท ขึ้นไปครับ (เสนอเพิ่มครั้งละ100 บาท )

    +ทรายทองอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน


    รายการนี้ปิดประมูลวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 57 เวลา 22.00 น.ตามเวลาในเวปพลังจิตครับ

    พระรุ่นนี้ ปลุกเสกโดยคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ และ คณาจารย์หลายท่านเช่น
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
    หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม เป็นต้น
    ****ทั้งนี้ได้รับการปลุกเสก ซ้ำที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยองอีกครั้งโดยนิมนต์พระสายระยองและสายกรรมฐานเช่น
    หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    หลวงพ่อลี วัดป่าคลองกุ้ง
    อาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
    โดยทั้งหมดเพื่อจัดสร้างและสมโภชน์พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ในขณะที่คุณแม่บุญเรือน เป็นประธาน
    จัดสร้างและคุมงานเอง


    กติกาในการประมูลครับ

    รายการนี้ขอเปิดประมูลที่ 300 บาท เริ่มเสนอราคาประมูล ได้ตั้งแต่ 400บาท ขึ้นไปโดยไม่มีเศษสตางค์ครับ

    เสนอราคาประมูล ได้ครั้งละ 100 บาท ขึ้นไปครับ

    ท่านใดเสนอราคาสูงสุดภายใน 22.00 น. เป็นผู้ชนะ ถ้าเสนอราคาเท่ากัน ให้ผู้ที่เสนอราคาเข้ามาก่อนเป็นผู้ชนะครับ *

    "ผู้ประมูลได้ กรุณาเพิ่มค่าจัดส่ง แบบems 50 บาท และกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันครับ "

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014
  5. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการประมูลตั้งแต่รายการที่ 463 จะหักไว้รายการละ 10 % เพื่อนำปัจจัยนี้ไปทำร่วมทำบุญต่างๆ เพื่อถวายกุศลนี้แด่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมครับ

    -ยอดปัจจัยเดิมยกมาจำนวน 660 บาท
    -รายการที่ 463 คุณ คนชานเมือง ชนะประมูลที่ 7,100 บาท หัก 10 % จำนวน 710 บาท


    รวมยอดปัจจัยไว้ทำบุญทั้งสิ้น 1,370 บาท

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูลด้วยครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2014
  6. Nipon 57

    Nipon 57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +355
    400 ครับ
     
  7. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ ขอบคุณที่เสนอราคาเปิดประมูลให้ครับ ^_^

    ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โปรดคุ้มครองให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข เจริญรุ่งเรือง ยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
     
  8. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ ขอปิดประมูล

    รายการที่ 464 ให้กับคุณ Nipon 57 ที่ 400 บาท ยินดีด้วยครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014
  9. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    ระลึกถึงคุณแม่บุญเรือน วันคล้ายวันวายชนม์ 7 กันยายน 2557

    สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน เนื่องจากเดือนกันยายน นี้ เป็นเดือนวาระที่สำคัญของคุณแม่บุญเรือน เดือนหนึ่ง เนื่องจากวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันวายชนม์ ของคุณแม่บุญเรือนครับ (7 ก.ย. 2507)

    ปีนี้คุณแม่บุญเรือนได้วายชนม์ครบ 50 ปีแล้ว เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของคุณแม่บุญเรือน ผมจึงขอจัดรายการประมูลรายการพิเศษขึ้นครับ เพื่อให้ลูกศิษย์ของคุณแม่บุญเรือน ได้มีส่วนร่วมในการระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน และได้ของอันเป็นมงคลสูงสุด เป็นสุดยอดปรารถนาที่หายาก ของลูกศิษย์คุณแม่บุญเรือนครับ นั่นคือ ธาตุนิพพาน ปี07 ของคุณแม่บุญเรือนนั่นเองครับ โดยเป็นองค์อัฐิ ของคุณแม่บุญเรือน ที่ผมแบ่งมาจากตลับธาตุนิพพานของคุณแม่บุญเรือนมาส่วนหนึ่งครับ มีคุณค่า และเป็นของอันเป็นมงคลสูงยิ่งครับ (ตลับธาตุนิพพานบรรจุอัฐิของคุณแม่บุญเรือน ได้แจกให้ลูกศิษย์คุณแม่บุญเรือนได้ไปบูชาเป็นที่ระลึก เมื่องานวันทำบุญครบ100วันวายชนม์ ของคุณแม่บุญเรือน เมื่อปี 2507 ครับ ปัจจุบันหายาก และให้บูชากันที่หลักหมื่นกลางๆครับ)

    ท่านใดร่วมประมูลวัตถุมงคลของคุณแม่บุญเรือน และเป็นผู้ชนะการประมูล ผมขอมอบธาตุนิพพานปี07 คุณแม่บุญเรือนให้ 1 ชุดครับ (มีทั้งหมด 7 ชุด ครับ อัฐิองค์เล็ก3องค์-5 ชุด อัฐิองค์ใหญ่2องค์-2ชุด)


    ท่านใดสนใจ ขอเชิญร่วมประมูลนะครับ ห้ามพลาดครับ :cool::cool::cool:

    ประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม (บางส่วนครับ)


    ฆราวาสผู้เปี่ยมด้วยธรรม

    คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 4 ปีมะเมียขึ้น 15 ค่ำเวลา 11.20 น. หรือตรงกับวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2437 ท่านได้กำเนิดในครอบครัว ที่มีฐานะค่อนข้างยากจน มีนายยิ้ม กลิ่นผกา เป็นบิดา และมี นางสวน กลิ่นผกา เป็นมารดา สถานที่เกิดอยู่ที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร

    ต่อมาบิดามารดาของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี อยู่ในละแวกบ้านชาวสวน และมีฐานะเป็นชาวสวนในเวลาต่อมา คุณแม่บุญเรือน ท่านก็ได้เติบโตมาในละแวกบ้านชาวสวน ที่ตำบลบางปะกอกใหญ่นั่นเอง

    นายยิ้ม บิดาของคุณแม่บุญเรือน มีภรรยาทั้งสิ้น 3 คน คนแรกก็ได้แก่ นางสวน มีบุตรด้วยกันสองคน คนโตคือ นางทองอยู่ ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว คนที่สองก็ได้แก่ คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกานั่นเอง

    ภรรยาคนที่สอง ชื่อนางเทศ มีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ นายเนื่อง นางทองคำ และนางทิพย์ ซึ่งทั้งสามคนนี้ ถือเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน
    ภรรยาคนที่สาม ไม่มีใครจำชื่อได้ และไม่มีใครยืนยันว่า นายยิ้ม ได้มีบุตรกับภรรยาคนนี้หรือไม่

    การศึกษาเล่าเรียนและชีวิตในครอบครัว

    ชีวิตในวัยเยาว์ คุณแม่บุญเรือน เป็นผู้ได้รับความรักความทะนุถนอมจากบิดามารดา เป็นอันมาก พอเหมาะสมกับฐานะของครอบครัว ท่านได้รับการศึกษาให้รู้ภาษาไทย พออ่านออกเขียนได้ และเชื่อว่าท่านได้รับการฝึกสอน จากบิดามารดา ให้มีความรอบรู้ และ สามารถทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเป็นอย่างดี พอเหมาะสมกับสมัย เนื่องจากปรากฏต่อมาในภายหลังว่า คุณแม่บุญเรือน มีความสามารถในการทำกับข้าวมีรสอร่อยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก อาหารจำพวกแกง และ ต้ม ท่านก็สามารถทำได้อย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการเย็บจักร ตัดเสื้อผ้าได้

    เหล่านี้เป็นความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์แก่คนที่รู้จักทุกคน

    ฝึกหัดเป็นหมอนวดและสนใจในงานบุญ

    เมื่ออายุราว ๆ 15 ปี ท่านได้รับการฝึกสอนจากในครอบครัว ให้รู้จักการนวด ซึ่งท่านได้ให้ความสนใจอยู่เป็นอันมาก จนในที่สุด ท่านได้รับครอบวิชาหมอนวด และ ตำราหมอนวด จากปู่ของท่าน คืออาจารย์กลิ่น ซึ่งในขณะนั้นถือว่า เป็นหมอนวดผู้มีชื่อเสียง

    จากการได้รับมอบตำราหมอนวด ทำให้ท่านได้ศึกษาวิธีการนวด จากตำราดังกล่าวจนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นแม่หมอผู้มีชื่อเสียงในการนวดต่อมาในภายหลัง

    ขณะเป็นวัยรุ่น ท่านได้รู้จักกับคุณลุงของท่าน คือหลวงตาพริ้ง ซึ่งเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดบางปะกอก ด้วยความคุ้นเคยกับหลวงตาพริ้ง ผู้เป็นลุงนั่นเอง ท่านได้เริ่มนำอาหารไปถวายอยู่บ่อย ๆ ทำให้ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้จักธรรมะ และ คุณธรรมในการดำเนินชีวิต ตามแนวคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้เริ่มเลื่อมใสศรัทธา และมีใจรัก ในงานบุญงานกุศลมากขึ้นอันน่าจะถือได้ว่า นี่เป็นปฐมเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจเป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา หลวงตาพริ้ง จึงเป็นพระภิกษุที่คุณแม่บุญเรือนมีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และวัดบางปะกอกนี้ก็น่าจะเป็นวัดที่ทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จนนำไปสู่การบำเพ็ญภาวนาในเวลาต่อมา

    ชีวิตสมรสและบุตรธิดา

    เมื่อมีอายุพอสมควร ก็ได้ทำการสมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาที่ดีตลอดมา แต่ก็ไม่มิบุตรธิดาด้วยกัน และเนื่องจากไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน ทำให้คุณแม่ บุญเรือน โตงบุญเติมได้รับอุปการะเด็กหญิงชายอื่นบ้าง แต่มีผู้ที่ท่านรับอุปการะแต่มีอายุได้ 6 เดือนจนเติบใหญ่เป็นเวลายาวนานคนหนึ่งในฐานะบุตรบุญธรรมคือ นางอุไร คำวิเทียน จนกระทั่ง นางอุไร มีอายุ ได้ 19 ปีจึงได้สมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน นางอุไร กับ ร.ต.อ.เต็ม อยู่กินกันมาจนมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อว่า นิดา คำวิเทียน นับว่าเป็นหลานยายที่คุณแม่บุญเรือนให้ความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง

    ชีวิตสมรสระหว่างคุณแม่บุญเรือน และ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม อยู่กินกันมา จนกระทั่งในปี 2479 ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 42 ปี ส.ต.ท.จ้อย ได้ถึงแก่กรรมลง เนื่องจากได้เข้าไปช่วยดับเพลิง เมื่อครั้งเพลิงไหม้ใหญ่ตลาดน้อย อำเภอบางรัก ต่อจากนั้นมา คุรแม่บุญเรือนก็ได้ครองความเป็นโสด บำเพ็ญงานบุญ และได้ใช้นามสกุล โตงบุญเติม ของสามีตลอดมา และได้อุปการะเลี้ยงดูนางอุไร คำวิเทียน จนกระทั่งอายุ 19 ปี และได้สมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจประจำอยู่ที่โรงพักกลาง ดังนั้นจึงมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่คุณแม่บุญเรือน ได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักของทางราชการ ที่โรงพักกลาง

    ในระหว่างครองชิวิตร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม คุณแม่บุญเรือน ได้ประกอบอาชีพตัดเย็บผ้า เป็นการช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง และรับรักษาโรคโดยเป็นหมอนวด ซึ่งการเป็นหมอนวดเพื่อรักษาโรคนั้น ท่านทำเป็นการกุศลไม่มีสินจ้าง นอกจากนั้นท่านยังมีความสามารถในการทำคลอด หรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ซึ่งทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น

    ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักรท่านก็ทำได้อย่างดี จนทำให้ครอบครัวท่านมีฐานะที่มั่นคงพอสมควร ในระหว่างนี้ท่านก็ใช้เวลาในการบำเพ็ญบุญ ถือศีล สวดมนต์ ฟังธรรม ด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างแท้จริง ท่านได้ไปประกอบการบุญที วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประจำ และได้เริ่มฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่มีอายุประมาณ 30 ปี หลัง ส.ต.ท.จ้อย ถึงแก่กรรม ท่านได้ไปพักอยู่ที่โรงเรียนช่างกลสมบุญดี มักกะสันอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่ง นางอุไร คำวิเทียน บุตรบุญธรรม ได้ทำการสมรสแล้ว ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่ บ้านพักของทางราชการ ที่โรงพักกลางต่อไป

    ขณะที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้ไปฟังพระสวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งได้ฝึกหัดทำวิปัสสนากัมมัฐานที่วัดนี้ด้วย ต่อมา ส.ต.ท.จ้อย ผู้เป็นสามี ได้ลาอุปสมบท ที่วัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 1 พรรษา ทำให้คุณแม่บุญเรือน ได้มีความใกล้ชิดและผูกพันในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เมื่อสามีสึกออกมาแล้ว คุณแม่บุญเรือน ก็ได้ลาสามีบวชเป็นชีและอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัด สัมพันธวงศ์ ได้พากเพียรพยายามฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้อยู่ปฏิบัติที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ จนทำให้เกิดความเข้าใจ และ ปลอดโปร่งในธรรมะ รักความสงบประกอบการกุศลต่าง ๆ ช่วยปักหมอนสำหรับธรรมาสน์พระสวดปาฏิโมกข์เป็นต้น

    ผลสำเร็จของงานบุญ

    ในระหว่างที่บวชเป็นชีนี่เอง ด้วยความตั้งใจจริง ในการบำเพ็ญเพียร หัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำใจให้สงบระงับ ฝึกใจให้แข็งแกร่งแก่กล้า มองเห็นธรรมอันวิเศษของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังผลให้เป็นที่ทราบในหมู่ผู้ร่วมวิปัสสนาด้วยกัน ว่าคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จแล้วอย่างแท้จริง คือสำเร็จใน จตุตถฌาน หรือ ฌาน4 อันประกอบด้วย

    ปฐมฌาน หมายถึง ฌาน ขั้นแรก มีองค์ 5 คือ ยังมีตรึก เรียกว่า วิตก และ ตรอง เรียกว่า วิจารณ์ เหมือนอารมณ์แห่งจิตของคนสามัญ ซ้ำยังมีปิติ คือ ความอิ่มใจ มีความสุข คือความสบายใจ เกิดแต่ความวิเวก คือ ความเงียบสงบ ประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไปได้ เรียกว่า “ เอกัคตา”

    ทุติยฌาน หมายถึง ฌาน ชั้นสอง ซึ่งละวิตกและวิจารณ์ ในปฐมฌานลงไปได้ คงเหลือแต่ ปิติ และ สุขอันเกิดแก่สมาธิกับเอกัคตา

    ตติยฌาน เป็น ฌาน ชั้นสาม คงเหลือแต่องค์สอง คือละปิติเสียได้ คงเหลือแต่สุขและเอกัคตา

    จตุตถฌาน เป็น ฌานสำคัญชั้น 4 มีองค์ 2 คือละสุขเสียได้กลายเป็น อุเบกขาคือวางเฉย คู่กับเอกัคตา ฌาน 4 จัดเป็นรูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าไปในรุปาวจรภูมิ

    ฌานทั้ง 4 นี่แหละที่เชื่อกันว่า แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ได้บำเพ็ญเพียรฝึกปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุที่ปรากฏต่อมาว่า แม่ชีบุญเรือน มีความเชี่ยวชาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนสามารถจะเข้าวิปัสสนาเมื่อใดก็ได้ และไม่จำเป็นต้องยึดสิ่งมีรูปเป็นอารมณ์ ทั้งอาจเข้าวิปัสสนาโดยลืมตาก็ได้โดยเร็วพลันด้วยเหตุนี้ ทางด้านอรูปฌาน ก็เชื่อว่าท่านสันทัดและบรรลุโดยลักษณะเดียวกัน

    ด้วยความสำเร็จใน จตุตถานนั่นเอง เป็นเหตุให้แม่ชีบุญเรือน เป็นนักเสียสละชั้นยอด มีอารมณ์วางเฉย เป็น อุเบกขา สละความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นคนที่รู้จักแม่ชีบุญเรือนมาก่อนก็ดี หรือเพิ่งจะมารู้จักก็ดี จะทราบคติธรรมข้อหนึ่งว่า “ คนที่จะไปหาท่าน จงไปหาด้วยการเป็นผู้รับ ส่วนท่านเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้บริการ” ท่านไม่ต้องการสิ่งใดของใคร แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน ทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทั้งสิ้น

    บรรลุอภิญญา 6

    นอกเหนือจากการสำเร็จใน ฌาน ทั้ง4 แล้ว แม่ชีบุญเรือน ได้เพียรพยายามฝึกจิต และสมาธิอย่างแรงกล้า ทั้งได้ประกอบการบุญอันเป็นอานิสงศ์แห่งชีวิตอย่างสูงส่ง จนกล่าวว่าท่านสำเร็จรอบรู้ใน อภิญญา 6 กล่าวคือ

    1. อิทธิวิธี คือแสดงฤทธิ์ได้ ปรากฏว่าแม่ชีบุญเรือนได้กระทำมาแล้วหลายวิธี เช่น อธิษฐานต้นมะม่วง ต้นเล็ก ๆ ให้ออกดอกได้ภายในคืนเดียว ย่นหนทางยาวให้สั้น เดินตากกลางฝนไม่เปียก เรียกฝนให้ตกได้ ขอให้ฝนหยุดตกได้ เป็นต้น

    2. ทิพโสต หรือที่เรียกว่าหูทิพ แม่ชีบุญเรือน สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่คนอยู่ใกล ๆ พูดกัน ให้คนใกล้ชิดท่านฟังได้อย่างถูกต้อง

    3. เจโตปริยญาณ อันได้แก่การกำหนดจิตให้แก่ผู้อื่น ในเวลาที่แม่ชีบุญเรือน สนทนากับใคร ไม่ว่าใครจะคิดหรือจะพูดอะไรกับแม่ชี ท่านก็สามารถทราบได้ด้วย ฌานวิเศษของท่าน

    4. บุพเพนิวาสานุสสติ ได้แก่การระลึกชาติได้ เรื่องนี้แม่ชีบุญเรือนได้เคยเล่าเรื่องราว ชาติภพก่อน ๆ ของท่าน ให้ลูก ๆ และคณะศิษย์ ได้ฟัง รวม 3 ชาติ หากจะว่าไปแล้วเรื่องระลึกชาติ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่เห็นว่า แม่ชีบุญเรือนเป็นผู้ยึดมั่นในศีล 5 ละปฏิบัติธรรม เป็นอาจินต์ ก็ทำให้เชื่ออย่างมั่นคงว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง

    5. ทิพจักษุ หรือตาทิพย์ การมองเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พึงประสงค์ แม้ว่าวิ่งนั้นจะอยู่ห่างใกล ต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม แต่เรื่องตาทิพย์นี้ แม่ชีบุญเรือน ได้บอกเล่าให้ลูก ๆ ละคณะศิษย์ฟังว่าแม้นว่าท่านจะได้ไว้ แต่ท่านก็คืนให้ไป มิได้นำมาใช้ ทั้งนี้เพราะหากใช้ตาทิพย์แล้ว จะมองเห็นสิ่งปฏิกูลมากมาย ท่านจึงงดเว้นเสีย โดยถือว่าคืนให้ทางธรรม จะมีการนำมาใช้บ้างในยามจำเป็นเท่านั้น
    6. อาสวักขยญาณ คือ ทำให้พ้นจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทำให้ตนพ้นจากสิ่งอันไม่เป็นมงคลทั้งปวง ผู้พ้นจากอาสวะ ย่อมหมายถึงปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง แม่ชีบุญเรือนได้สำเร็จในข้อนี้ จะเห็นได้จากผู้ที่เดินทางมาหาท่านไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะยากดีมีหรือจน ก็จะได้รับความปรานีเสมอเท่าเทียมกัน

    ความสำเร็จในการบำเพ็ญเพียรครั้งแรก

    การบำเพ็ญเพียร ในพระพุทธศาสนา จนสำเร็จ จตุตถฌาน และ อภิญญาฌาน ปรากฏว่าท่านได้ทำสำเร็จครั้งแรก ตั้งแต่ยังบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ และ ได้ผลเป็นอิทธฤทธิ์อันเกิดจากการอธิษฐานเป็นครั้งแรกเมื่อราววันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2470 โดยในวันดังกล่าว แม่ชีบุญเรือน ได้กลับไปที่บ้านพักข้าราชการ ที่สถานีตำรวจสัมพันธวงศ์ คืนนั้นเข้านอนไม่หลับจนดึก สามีและบุตรบุญธรรมหลับมีอาการกัดฟันและกรน รู้สึกเกิดธรรมสังเวช และนึกเบื่อ จึงตั้งสัตย์อธิษฐานเข้าไปในศาลา พอสิ้นคำอธิษฐาน ตัวแม่ชีบุญเรือนก็เข้าไปอยู่ในศาลา ดังคำอธิษฐาน โดยที่ตัวท่านเองก็ไม่ทราบว่า ได้ออกจากห้องทางไหน และ เข้าศาลาทางไหน ในครั้งนั้นเพื่อนแม่ชีด้วยกัน ไม่ค่อยจะเชื่อกันนัก จนต่อมา อุบาสิกาฟัก ขอให้อธิษฐานใหม่ และได้ให้นางเล็ก นางคำ นางเทียบ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนแม่ชีดูเป็นพยาน ได้ใส่กลอนประตูหน้าต่างศาลาเสียในคืนวันแรม 1 ค่ำเดือน 6 เวลาดึกสงัดปีเดียวกันนั้นเอง แม่ชีบุญเรือนก็ได้อธิษฐานจากสถานีตำรวจสัมพันธวงศ์เข้าไปศาลาได้เช่นเดียวกับคราวก่อน พวกที่คอยดูก็พากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน

    ต่อมา แม่ชีบุญเรือน ได้อธิษฐาน ไปเขาวงพระจันทร์ พบพระผู้วิเศษ ขอพระธาตุท่าน ๆ ก็ให้มา 1 องค์ แล้วได้กลับมาที่เดิมตามคำอธิษฐานพร้อมพระธาตุ การสามารถทำปากิหารย์ดังกล่าวที่ปรากฏขึ้นได้เป็นผลแห่งความสำเร็จครั้งแรก ทำให้ท่านอฺธิษฐานเมื่อเข้าสมาธิ ผ่านที่ปิดล้อม หรือไปที่ ไกล ๆ ได้ชั่วระยะเวลาลัดนิ้วมือเดียว ในขณะนั้นท่านมีอายุเพียง 33 เท่านั้น


    การอธิษฐานของคุณแม่บุญเรือน

    1. การอธิษฐานด้วยสัจจวาจา ด้วยความที่แม่ชีเป็นผู้บรรลุ ฌาน 4 และอภิญญา 6 ทำให้วาจาของท่านมีอิทธฤทธิ์ ที่จะพูดหรือสั่งการสิ่งใดในทางที่ชอบเกิดผงได้ เช่น อธิษฐานให้หายโรค ให้ร่ำรวยในทางที่ชอบ ให้ปลอดภัยจากอันตราย หรืออาจอธิษฐานให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของท่านได้ เช่น ให้ฝนตก หรือให้ฝนหยุด อธิษฐานถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

    2. อธิษฐานสิ่งของทั่วไป ได้แก่การนำสิ่งของต่าง ๆ มาให้ท่านอธิษฐาน เช่น น้ำ ปูน ไพลเกลือ พริกไทย การอธิษฐานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้ได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อธิษฐานปูนกินหมาก ให้เป็นยาทิพย์ รักษาโรคให้หาย แก้โรคนา ๆ ชนิด เช่น มะเร็ง วัณโรค โรคไต เป็นต้น

    3. อธิษฐานของพิเศษเป็นครั้งคราว เช่น อธิษฐาน กรวด ทราย กันไฟไหม้ อธิษฐานก้อนหิน ศิลาน้ำ เพื่อใช้ป้องกันภัยบางประการ โดยเฉพาะศิลาน้ำ ใช้แทนของอธิษฐานของท่าน เวลาวายชนม์ไปแล้ว เมื่อใช้ศิลาน้ำใส่ในน้ำ ก็กลายเป็นน้ำอธิษฐาน ไว้รับประทานแก้และป้องกันโรค ทั้งใช้ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย

    ณ โรงพักกลางนี่เอง ท่านได้ปวารณาตัวในทำนอง ขอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้พ้นจากโรคร้าย และท่านได้เริ่มแนะนำ สั่งสอนธรรม แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ท่านได้แสดงความปรารถนาที่จะไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั่วประเทศ ด้วยเหตุนี้ ราว พ.ศ. 2472 ท่านได้ไปอยู่เชียงใหม่ชั่วคราว

    การไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านไปพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ท่านได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญการบุญ และช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนของผู้มาขอร้อง และได้ช่วยรักษาโรคด้วยการอธิษฐาน ปูนและน้ำ พริกไทย และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นมีอยู่คนหนึ่ง อุจจาระผูกมาเป็นแรมปี ถ่ายอุจจาระไม่ออก รักษาแผนปัจจุบันและแผนโบราณเป็นเวลานานก็ไม่หาย ได้มาหาท่าน คุณแม่บุญเรือนได้อธิษฐานพริกไทยให้รับประทาน 3 เม็ดรุ่งขึ้นปรากฏว่า อุจจาระถ่ายคล่อง หายเป็นปกติ ด้วยการบำเพ็ญตัวที่จังหวัดเชียงใหม่นี่เอง ส่งผลให้ชื่อเสียง และเกียรติคุณของคุณแม่โด่งดังเป็นอันมาก จนมีหนังสือพิมพ์นำท่านไปลงข่าวอยู่หลายครั้ง

    กลับกรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่บ้านวิสุทธิกษัตริย์

    ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือน ต้องทำการบุญ และอธิษฐานจิตอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรดาสานุศิษย์เห็นว่าเมื่อกลับจากเชียงใหม่แล้ว จะไปอยุ่ที่โรงพักกลางอีกคงไม่เหมาะสม ทั้งไม่สะดวก เมื่อเวลามีผู้ไปหาบำเพ็ญการบุญกับท่าน เป็นการสมควรที่จะอยู่อย่างเอกเทศ ในที่สุด คุณนายพัธนี ได้ร่วมกับศิษย์ที่ใกล้ชิดช่วยกันเป็นผู้สร้างอาคารหลังเล็กขึ้นมาหลังหนึ่ง ในที่ดินคุณนายพัธนีเอง ณ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ อยู่ใกล้กับโรงพิมพ์วิบูลย์กิจ บ้านอยู่ลึกจากถนนไป 2 ถึง 3 เส้น เป็นที่สงัดเงียบ และมีบริเวณกว้างขวางเพียงพอ

    อาคารที่สร้างขึ้นนี้เป็นเรือนไม้มีขนาดพอสมควร มีห้องนอน ห้องพระ ห้องครัว ห้องโถงสำหรับผู้บำเพ็ญการบุญ จะร่วมสวดมนต์จำนวนราว 50 คนได้
    เมื่อสร้างเสร็จได้เชิญคุณแม่ให้มาอยู่หลังจากท่านกลับมาจากเชียงใหม่ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านวิสุทธิกษัตริย์ เมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2492

    ก่อตั้งสามัคคีวิสุทธิ

    เนื่องจากผู้มาร่วมการบุญกับท่านที่บ้านนี้มากมาย มีผู้เจ็บป่วยที่มาขอให้ท่านรักษา จนหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นจำนวนมาก คนจำนวนมาก จึงมายอมตัวเป็นศิษย์ เป็นลูก เป็นหลาน ฟังธรรมคำสั่งสอนจากท่าน เมื่อปฏิบัติตามก็ปรากฏว่า ได้รับความสุขทางใจอย่างประหลาด ผู้คนที่มาหาจึงคับคั่งขึ้นตามลำดับ และเพื่อให้ผู้ร่วมการบุและสานุศิษย์ มีความเป็นปึกแผ่น มีชื่อเรียกที่เหมาะสม คุณแม่บุญเรือนจึงขนานนามคณะของท่านว่า “ สามัคคีสุทธิ” และเรียกบ้านที่ท่านอยู่ว่า บ้านสามัคคีวิสุทธิ แต่คนที่คุ้นเคยบางคนจะเรียกว่า”บ้านวิสุทธิกษัตริย์” ก็มี

    วัตรปฏิบัติทั่วไปที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ วันธรรมดา คุณแม่ จะสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทำกัมมัฏฐาน และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ผู้ป่วยที่มาหา

    วันเสาร์ จะอธิษฐานด้วยสัจจวาจา และสิ่งของให้ผู้ป่วย เช่น ปูน ไพล ผลไม้ พริกไทย หลังจากนั้น 14.00 น.ท่านจะนำสานุศิษย์สวดมนต์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นทำ กัมมัฏฐานเป็นเวลา 15 นาที กว่าจะเสร็จก้ประมาณ 15.00 น. เป็นเช่นนี้ทุกวันเสาร์ ตลอดช่วงเวลาที่คุณแม่มีชีวิตอยู่

    งานบุญสำคัญที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ

    คุณแม่อยู่ที่บ้านสามัคคีวืสุทธิ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ถึง พ.ศ.2489 เป็นเวลา 7 ปี นอกจากการบำเพ็ญการบุญธรรมดาแล้ว ท่านยังได้อธิษฐานธรรมประกอบงานบุญสำคัญ ๆ อีกมากมายหลายครั้ง เช่น

    1.ก่อนวันขึ้นปีใหม่ทุกปี คุณแม่จะอธิษฐานธรรมอวยพรให้บรรดา สานุศิษย์ ผู้ร่วมประกอบการบุญกับท่าน

    2. ท่านได้อธิษฐานธรรมประจุพระพุทธรูป และ พระเครื่องสำคัญรวมทั้งร่วมสร้างด้วย คือ

    ก. พระพุทโธองค์ใหญ่ ซึ่งได้จัดทำพิธีหล่อสร้างที่วัดสัมพันธวงศ์ จนถวายพระประธานสำเร็จ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 แล้วสมโภช ต่อมาได้สมโภชที่วัดสัมพันธวงศ์อีก เมื่อวันที่ 4 ถึง 13 มีนาคม พ.ศ. 2499 อัญเชิญไปวัดสารนาถธรรมาราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พงศ. 2499 เคลื่อนกระบวนเวลา 06.09 น. ถึงวัดสารนาถธรรมารามเวลา 16.00 น.ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดสารนาถธรรมารามจนถึงปัจจุบัน คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมในการก่อสร้างรวมทั้งการนำไปประดิษฐานโดยตลอด

    ข.พระพุทโธองค์เล็ก ซึ่งได้แก่พระเครื่องที่สร้างขึ้นที่วัดอาวุธกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี คุณแม่ได้ร่วมสร้าง และทำพิธีอธิษฐาน เมื่อ 11-12-13 กันยายน พ.ศ. 2494 รวมจำนวน 100,000.องค์

    พระทั้งสองอย่างนี้ปรากฏว่าได้กลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ในระยะต่อมาเป็นอันมาก ทั้งด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย แคล้วคลาด เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย ( นอกจากโรคกรรมโรคเวร )

    3. อธิษฐานถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ แก่ลูก ๆ และ สานุศิษย์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2498
    นอกจากนี้ก็ยังมีการสรงน้ำพระพุทโธที่บ้านในวันสงกรานต์ทุกปี

    การช่วยรักษาโรคร้ายสำคัญ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ แผลปวดบวมต่าง ๆ อัมพาต ในทุกภาคของประเทศไทย จนชื่อเสียงของท่านกระจายไปอย่างกว้างขวาง

    ไปอยู่บ้านนาซาจังหวัดระยอง

    ราวเดือนมีนาคม พ.ศ. 2498 คุณแม่ได้พาพวกลูก ๆ ไปพักอยู่ที่บ้านพักของนางสาววาย วิทยานุกรณ์ ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อปฏิบัติธรรมและอธิษฐานธรรมบางประการ ได้ห้ามสานุศิษย์จากกรุงเทพฯตามไปจนกว่าจะครบเวลา 1 ปี

    และเมื่อวันที่ 8 มียาคม พ.ศ. 2499ลูกหลานและศิษย์ได้ไปรับท่านกลับ โดยไปที่วัดสารนาถธรรมาราม ได้เช่ารถยนต์โดยสารขนาดใหญ่จำนวน 2 คันไปกันประมาณ 80 คน ได้ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่นั่น ค้างที่วัด 1 คืน รุ่งเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2499 เวลา 06.00 น . จึงได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ

    อยู่บ้านพระโขนง

    หลวงแจ่มวิชาสอน เจ้าของบริษัทยาสีฟันวิเศษนิยม ได้สร้างบ้านใหม่ เป็นอาคารไม้หลังใหญ่ มีบริเวณกว้างขวาง เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมให้คุณแม่ที่บ้านพระโขนง หลังกลับจากบ้านนาซา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง คุณแม่ก็ได้เข้าอยู่ที่บ้านหลังใหม่ในวันที่ 10 มีนาคม และทำพิธีเปิดป้ายเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2499 หลังจากนั้น คุณแม่ท่านก็ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งถึงวันวายชนม์

    ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างมากมายที่บ้านหลังนี้ เช่น อธิษฐานธรรมบรรจุที่พระพุทโธองค์กลาง ให้ลูก ๆ และศิษย์ร่วมกันสร้าง พระพุทธรูปทองเหลืองหน้าตักกว้าง 6 นิ้ว

    และยังมีพิธีเก็บศิลาน้ำ เมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2499 อธิษฐานศิลาน้ำศักดิ์สิทธืเพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ซึ่งในวันดังกล่าวมีผู้ไปร่วมงานประมาณ 400 คน
    กิจกรรมต่าง ๆ เช่นการอธิษฐาน การรักษาโรค ท่านทำให้โดยที่ไม่เคยเรียกร้องใด ๆ และกระทำอย่างนี้เรื่อยมาเป็นเวลา 20 กว่าปี บรรดาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็ได้บรรดาเหล่าสานุศิษย์และลูก ๆ ช่วยกันถวายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

    ช่วงท้ายของชีวิต

    ในปี พ.ศ. 2501 ท่านเริ่มปฏิญาณไม่รับรักษาโรคด้วยวิธีการนวดให้แก่ผู้ชาย เว้นไว้แต่ธรรมจะบันดาล การรักษาโรคในระยะนี้จะเป็นการรักษาโดยอธิษฐานเพียงอย่างเดียว ส่วนการสั่งสอนและอบรมธรรมะยังคงปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันก่อนที่ท่านวายชนม์ 1 วัน

    ประมาณปี พ.ศ. 2506 ท่านเริ่มมีอาการป่วยบ้าง หายบ้าง แต่ก็ยังคงบำเพ็ญการบุญอย่างต่อเนื่อง

    การวางสังขารทิ้งร่างวายชนม์

    นับแต่เดือน มกราคม พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา คุณแม่มีอาการป่วยเป็นโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกันมาเป็นลำดับ อาการมีแต่ทรงกับทรุด ท่านไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์ แม้ว่านายแพทย์ปรีดา ล้วนปรีดา กับ แพทย์หญิงวัฒนา ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดได้อ้อนวอนขอให้รับการรักษาจากแพทย์ โดยวีฉีดยา ให้น้ำเกลือ และกลูโคส และให้รับประทานยาแผนปัจจุบันบ้างเป็นครั้งคราว ท่านก็ไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลท่านก็ไม่ไป ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา 9 เดือน

    บรรดาศิษย์ได้พากันอ้อนวอนว่า “ คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมด้วยสัจจวาจา รักษาโรคร้ายของลูก ๆ หลาน ๆ และคนอื่นให้หายได้ ทำไมเล่าคุณแม่จึงไม่อธิษฐานเพื่อตนเองบ้าง”

    ท่านตอบว่า “ ถ้าแม่อธิษฐานเพื่อตนเอง ก็เท่ากับว่าแม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากมีความสุข อยากพบสิ่งใหม่ ๆ บนพื้นพิภพล้วนเป็นกิเลส แม่ทำเช่นนั้นไม่ได้”
    บรรดาบุคคลในคณะสามัคคีวิสุทธิ์ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านแล้ว เต็มไปด้วยความเศร้าใจ สะเทือนใจอย่างคาดไม่ถึง นี่ละคือผู้สิ้นอาสวะกิเลศ ผู้บรรลุ อาขยญาณโดยแท้ สมแล้วที่ท่านเป็นนักบุญ เป็นผู้นำในงานบุญของชาวคณะ สามัคคีวิสุทธิ์ที่ท่านก่อตั้งขึ้นมา

    เมื่อวันที่ 3-4-5 กันยายน พ.ศ. 2507 ท่านมีอาการอ่อนเพลียมาก เหนื่อยในเวลาพูด เบื่ออาหาร มีเสมหะเหนียว ๆ ในลำคอ รับประทานอาหารได้เพียง 2-3 คำเท่านั้น

    ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2507 คุณแม่ก็ยังคงทักทายทุกคนอย่างแจ่มใส การสวดมนต์ก็ยังคงปฏิบัติกันเป็นปกติ ไม่เคยมีใครรู้สึกสงสัย และเอะใจเลย ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ในเวลา 11 นาฬิกาเศษทั้งสองเรือน โดยท่านให้เหตุผลว่า “หนวกหู”

    แล้ววันสำคัญที่ชาวคณะสามัคคีสุทธิ ได้ประสบความเศร้าโศกรันทดใจ อย่างใหญ่หลวงก็มาถึง เพราะในเวลา 11.20 นาฬิกา ของวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้วางสังขารทิ้งร่างจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

    คุณบุญเนื่อง ชิตะโสภณ ได้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว ไว้ด้วยความเศร้าสลดดังนี้

    “ เช้าวันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 ก่อนเวลา 11.00 น.คุณแม่ยังพูดคุยกับคุณอุไรและหลานนิดาอย่างเคย แต่อาหารไม่ยอมรับประทาน เวลาประมาณ 10.00 น.พี่ละมัย มาเยี่ยมพบว่าอาการอ่อนเพลียมาก หายใจตื้น ไม่คุยหลับตา เอามือขวากุมศีรษะ หายใจช้าลง ชีพจรอ่อนคลำไม่พบ หายใจออกกว่าเข้าระยะสั้น หยุดหายใจสนิทเมื่อเวลา 11.20 นาฬิกา โดยปราศจากอาการทุรนทุรายแต่ประการใด นับว่าท่านไปอย่างสงบจิง ๆ ไม่มีการสั่งเสียใด ๆ”

    เมื่อคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วายชนม์แล้ว บรรดาคณะสามัคคีวิสุทธิรับแจ้งข่าว ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลมากราบศพ เคารพศพ สวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลที่บ้านพระโขนงทุกคืน ได้ร่วมแห่ขบวนศพไปวัดธาตุทอง วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2507 เวลา 13.00 น. และร่วมบำเพ็ญกุศลศพถึงวันที่ 13 กันยายน และต่อมาทุกวันอาทิตย์อย่างคับคั่งตลอดมาจนกระทั่ง วันที่ 23-24และวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2507 อันเป็นวันประชุมเพลิง

    ที่มา อนุสรณ์ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม หน้า 105-132 หจก.เกษมการพิมพ์ พระนคร
    ที่มา http://kumarntalk.net/webboard-id10494.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014
  10. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 465 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 465 พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่หลังยันต์นะอะระหัง เนื้อผงพุทธคุณ ปี2499กรุวัดอาวุธฯ สภาพสวยไม่ผ่านการบูชา ขนาดองค์พระ กว้าง 1.7 ซ.ม. สูง 2.8 ซ.ม.

    แตกกรุปี53 พร้อมกับพระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี94,พระประจำวัน,พระสมเด็จมงคลมหาลาภ2499 ครับ


    +มอบธาตุนิพพานอัฐิองค์เล็ก 3 องค์ , ทรายทองอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน

    องค์นี้ขอเปิดประมูลที่ 4,800 บาท เริ่มเสนอราคาประมูลได้ตั้งแต่ 4,900 บาท ขึ้นไปครับ (เสนอเพิ่มครั้งละ100 บาท )


    กติกาในการประมูลครับ

    รายการนี้ขอเปิดประมูลที่ 4,800 บาท เริ่มเสนอราคาประมูล ได้ตั้งแต่ 4,900บาท ขึ้นไปโดยไม่มีเศษสตางค์ครับ

    เสนอราคาประมูล ได้ครั้งละ 100 บาท ขึ้นไปครับ

    ท่านใดเสนอราคาสูงสุดภายใน 22.00 น. เป็นผู้ชนะ ถ้าเสนอราคาเท่ากัน ให้ผู้ที่เสนอราคาเข้ามาก่อนเป็นผู้ชนะครับ *

    "ผู้ประมูลได้ กรุณาเพิ่มค่าจัดส่ง แบบems 50 บาท และกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันครับ "

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  11. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการประมูลตั้งแต่รายการที่ 463 จะหักไว้รายการละ 10 % เพื่อนำปัจจัยนี้ไปทำร่วมทำบุญต่างๆ เพื่อถวายกุศลนี้แด่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมครับ

    -ยอดปัจจัยเดิมยกมาจำนวน 660 บาท
    -รายการที่ 463 คุณ คนชานเมือง ชนะประมูลที่ 7,100 บาท หัก 10 % จำนวน 710 บาท
    -รายการที่ 464 คุณNipon 57 ชนะประมูลที่ 400 บาท หัก 10 % จำนวน 40 บาท -รอโอน ปิดประมูล 14 ก.ย.57


    รวมยอดปัจจัยไว้ทำบุญทั้งสิ้น 1,410 บาท

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูลด้วยครับ ^_^
     
  12. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ ขอบคุณที่เสนอราคาเปิดประมูลให้ครับ ^_^

    ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โปรดคุ้มครองให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข เจริญรุ่งเรือง ยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
     
  13. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ ขอปิดประมูล

    รายการที่ 465 พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่หลังยันต์นะอะระหัง เนื้อผงพุทธคุณ ปี2499กรุวัดอาวุธฯ สภาพสวยไม่ผ่านการบูชา ขนาดองค์พระ กว้าง 1.7 ซ.ม. สูง 2.8 ซ.ม.

    แตกกรุปี53 พร้อมกับพระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี94,พระประจำวัน,พระสมเด็จมงคลมหาลาภ2499 ครับ

    +มอบธาตุนิพพานอัฐิองค์เล็ก 3 องค์

    ให้กับคุณ Robert ที่ 4,900 บาท ยินดีครับ ^_^
     
  14. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ ได้รับเงินโอนแล้ว ขอบคุณมากครับ :cool:
     
  15. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 466 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 466 พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็กหลังยันต์พุทโธ เนื้อดินเผาปี2494 สภาพสวยคมชัดไม่ผ่านการบูชา แต่พระมีเนื้อบิ่นเดิมบริเวณเศียรพระเล็กน้อย และด้านหลังยอดบนเล็กน้อย ขนาดองค์พระ กว้าง 1.4 ซ.ม. สูง 2.5 ซ.ม.

    +มอบธาตุนิพพานอัฐิองค์เล็ก 3 องค์ , ทรายทองอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน

    องค์นี้ขอเปิดประมูลที่ 4,800 บาท เริ่มเสนอราคาประมูลได้ตั้งแต่ 4,900 บาท ขึ้นไปครับ (เสนอเพิ่มครั้งละ100 บาท )


    กติกาในการประมูลครับ


    รายการนี้ขอเปิดประมูลที่ 4,800 บาท เริ่มเสนอราคาประมูล ได้ตั้งแต่ 4,900บาท ขึ้นไปโดยไม่มีเศษสตางค์ครับ

    เสนอราคาประมูล ได้ครั้งละ 100 บาท ขึ้นไปครับ

    ท่านใดเสนอราคาสูงสุดภายใน 22.00 น. เป็นผู้ชนะ ถ้าเสนอราคาเท่ากัน ให้ผู้ที่เสนอราคาเข้ามาก่อนเป็นผู้ชนะครับ *

    "ผู้ประมูลได้ กรุณาเพิ่มค่าจัดส่ง แบบems 50 บาท และกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันครับ "

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2014
  16. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการประมูลตั้งแต่รายการที่ 463 จะหักไว้รายการละ 10 % เพื่อนำปัจจัยนี้ไปทำร่วมทำบุญต่างๆ เพื่อถวายกุศลนี้แด่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมครับ

    -ยอดปัจจัยเดิมยกมาจำนวน 660 บาท
    -รายการที่ 463 คุณ คนชานเมือง ชนะประมูลที่ 7,100 บาท หัก 10 % จำนวน 710 บาท
    -รายการที่ 464 คุณNipon 57 ชนะประมูลที่ 400 บาท หัก 10 % จำนวน 40 บาท
    -รายการที่ 465 คุณRobert ชนะประมูลที่ 4,900 บาท หัก 10 % จำนวน 490 บาท


    รวมยอดปัจจัยไว้ทำบุญทั้งสิ้น 1,900 บาท

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูลด้วยครับ ^_^
     
  17. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    4,900 บาทค่ะ
     
  18. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    ขอบพระคุณมากครับ ที่เปิดประมูลให้
    thaxx
     
  19. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    ขอบคุณครับ ขอปิดประมูล

    รายการที่ 466 พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็กหลังยันต์พุทโธ เนื้อดินเผาปี2494 + มอบธาตุนิพพาน

    ให้กับคุณ sereenon ที่ 4,900 บาท ยินดีด้วยครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2014
  20. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 467 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 467 ล็อคเก็ตพระพุทโธคลัง รุ่นแรกปี2554 วัดสารนาถฯ จ.ระยอง (สร้างเพียง100 เหรียญ) ด้านหลังบรรจุผงมวลสารพระมงคลมหาลาภผงโสฬสมหาพรหม เหรียญเงินพระพุทโธคลังหมายเลข 96 1เหรียญ ผงอัฐิและเกศาคุณแม่บุญเรือน พลอยอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน 3เม็ด ครับ มาพร้อมตลับเงินครับ

    ปกติให้บูชาที่ 8,500 บาท

    นำมาแบ่งประมูล เปิดประมูลที่ 6,400 บาท เสนอประมูลได้ตั้งแต่ 6,500 บาท ขึ้นไปครับ (เสนอเพิ่มครั้งละ100บาท)

    +มอบธาตุนิพพานชุดที่4อัฐิองค์เล็ก 3 องค์ , ทรายทองอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน

    ปฐมเหตุแห่งการสร้างพระพุทโธคลัง
    วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ.2501 ตรงกับวันแรม 5 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ขณะที่คุณแม่บุญเรือนกำลังเก็บดอกไม้ ได้นิมิตบทเพลงส่งลงมาจากสวรรค์ มีเนื้อความว่า

    "บุญปลอดยอดยิ่งหญิงสยาม มีใจงามเก็บดอกไม้ได้ส่งเสริม ถิ่นไทยเดิมอุดมสมสมัย ทั้งหญิงชายรักชาติศาสนา แต่ก่อนไรไทยเฟื่องฟ้า กู้ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ฯ"

    ต่อมา วันอังคาร คุณแม่บุญเรือนได้อธิษฐานไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พบพระสงฆ์ชั้นพรหมมาสวดมนต์ที่ลานพระมหาเจดีย์จุฬามณี 60 องค์ เทวดาบอกแก่คุณแม่บุญเรือนว่า พระท่านมาสวดในโอกาสที่จะมีการสร้างพระพุทโธคลังขึ้นมาในโลกมนุษย์(เบื้องบนกำหนดและเตรียมการสร้างไว้ล่วงหน้าแล้ว) พิธีสวดมนต์มีตั้งแต่วันศุกร์ของโลกมนุษย์ สวดมนต์จบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ตรงกับวันแรม 12 ค่ำเดือน 9 ปีจอ


    พระพุทโธคลัง พระพุทโธคลัง เป็นพระพุทธรูปหล่อประทับนั่งปางสมาธิ หน้าตักประมาณ ๗ นิ้ว พุทธลักษณะคล้ายพระพุทธรูปเชียงแสน แบบสิงห์ ๓ ฐานบัวคว่ำบัวหงาย มีเกษรบัวประดับโดยรอบ รองรับด้วยฐานเขียงหกเหลี่ยม ล่างสุดมีอักษรจารึกกำกับไว้ด้วย

    พระพุทโธคลังนี้ เป็นพระพุทธรูปสำคัญยิ่งองค์หนึ่งซึ่งคุณแม่บุณเรือน โตงบุญเติม ได้อธิษฐานสร้างถวายไว้แด่วัดสารนาถธรรมาราม อัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้บนยอดมหาอุโบสถในพระบรมธาตุเจดีย์ ผินพระพักตร์ออกสู่ทะเล

    คุณแม่บุญเรือนได้กล่าวไว้ในครั้งนั้นว่า พระพุทโธคลังนี้อธิษฐานไว้สำหรับเรียกเงินทองเข้าประเทศบัดนี้ เมื่อกาลเวลาได้ล่วงมาถึง ๕๐ ปีแล้ว ความจริงก็ได้เป็นที่ประจักษ์แจ้ง แสดงออกถึงซึ่งความรุ่งเรืองของเมืองระยอง เพียบพร้อมทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ที่นำรุดหน้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาในกาลก่อนจนกล่าวได้ว่า “ระยองเป็นเมืองทองของไทย”

    ขออ้างหลักฐานในคำอธิษฐานธรรมเรื่องพระพุทโธคลังด้วยเพลงฉ่อย ของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่ท่านได้แต่งขึ้นไว้เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๐๑
    “ดำริจะสร้างพระพุทโธคลัง เพราะเป็นที่ตั้งของศาสนา เพราะว่าเป็นพระพุทธองค์ คนสร้างจะได้ยิ่งยงเป็นใหญ่ จะได้ประดิษฐานเอาไว้บนยอดอุโบสถ ในพระบรมธาตุเจดีย์ จะได้เป็นศรีของชาวไทย เพราะว่าเป็นอนุสรณ์ของการสร้าง แล้วจะได้ไม่อ้างว้างหัวใจ ทำให้ใจมีที่พึ่งเข้าถึงพระ เป็นการชนะภายใน เพราะว่าเป็นพุทธานุสติที่คณะดำริเอาไว้ ต่อไปจะได้อยู่ดีกินดี มีความสุข ก็เพราะยุคนี้เป็นยุคปลอดภัย เพราะว่าตั้งอยู่ที่สูง มีสง่าสูงเยี่ยมเทียมฟ้า สูงกว่าสิ่งใด พระบรมธาตุเจดีย์องค์นี้ก็เด็ด กว้างเจ็ดเมตรนับว่าใหญ่ ในประเทศสยามเพิ่งมีวัดนี้เรียกว่า เจดีย์ลอยฟ้า ถ้าใครได้สร้างแล้วมีวาสนายกใหญ่ ทำน้อยได้มาก มันไม่มีความยากอะไร มีจิตผ่องใสมีใจเมตตา ยกมือโมทนาก็ยังได้ ผลศีลผลทานของท่านคราวนี้ ที่ได้สร้างพระเจดีย์เอาไว้ พระเจดีย์ภายนอกนั้นหลอกตาให้หลงว่าสวย ที่แท้ก็ช่วยในด้านศรัทธา ไม่เหมือนเจดีย์ภายในอยู่ที่ใจกุลบุตรกุลธิดา ถ้าใครสร้างเจดีย์ไว้ภายใน ก็จะทำให้ใจมีสง่า จะไปทางไหนก็ไปดี เพราะว่ามีเจดีย์ภายใน ใครเห็นก็ต้อนรับขับสู้ เขาจะลบหลู่ก็ไม่ได้ เพราะเครื่องหมายมี สร้างพระพุทโธคลังไว้ จะได้กันภัยนานา ต่อไปประเทศไทยจะได้เจริญ พวกเราจะได้เดินก้าวหน้า วันนั้นเขานำกระจกไปที่วัด ฝนก็ยังซัดลงมาให้ คุณระวีเล่าว่าฟ้าร้องเสียงดังครืนใหญ่ ท่านอาจารย์ท่านกรุณาท่านจะหาร่มให้ นี้เป็นเครื่องหมาย ร่มเย็นใช่เล่นสาเมื่อไร ฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น จึงร้อนถึงเทวัญใช่ไหม โปรยปรายดอกไม้ทอง ก็เล่นน้ำนองพาดสาย…ฯลฯ”
    ทั้งหมดที่คุณแม่บุญเรือน ท่านได้ประพันธ์ไว้นี้ล้วนเป็นเรื่องของการสร้างมหาอุโบสถวัดสารนาถธรรมารามทั้งสิ้น เป็นส่วนที่เกี่ยวด้วยการประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์ และพระพุทโธคลังไว้บนยอดหลังคามหาอุโบสถ
    ตอนที่ว่า “วันนั้นเขานำกระจกไปที่วัด..” หมายถึงกระจกที่พระเดชพระคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ ไปขอบิณฑบาตมาจากท่านอดีตผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ที่เหลือจากการสร้างสถานีหัวลำโพง นำไปใช้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์บนยอดมหาอุโบสถ
    ส่วนคำว่า “ท่านอาจารย์ท่านกรุณา ท่านจะหาร่มให้…” หมายถึงพระเดชพระคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ “ผู้ชี้ทางธรรม” นำให้คุณแม่บุญเรือนได้ประสบความสำเร็จ ในการปฏิบัติธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

    ที่มา : หนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิสุทธิญาณ (ไฉน ฐิตาภิญฺโญ) วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อมูลจากคุณ พุทธวงศ์

    "พระพุทโธน้อย" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2494
    "พระพุทโธคลัง" สร้างแทนคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมครั้งแรกในปีพ.ศ. 2554
    ระยะเวลาห่างกัน "5 รอบ 60 ปี"อย่างพอดิบพอดี
    มิหนำ เดือนพุทธาภิเษกพระพุทโธคลังรุ่นแรก ยังตรงกับเดือน"กันยายน" ซึ่งเป็นเดือนเดียวกับที่คุณแม่บุญเรือนได้นิมิตจากเบื้องบนในการเริ่มสร้างพระพุทโธคลังเมื่อปีพ.ศ. 2501 อีกต่างหากด้วย..!!!!!!!!!!!
    นี้จะเป็นเรื่อง"บังเอิญ"หรือมีการ"ล็อคสเป็ค"ไว้ล่วงหน้าอย่างไรและหรือไม่ ขอได้โปรดพิจารณาเอาตามอัธยาสัยเทอญฯ

    "พระพุทโธคลังของวัดสารนาถฯนี้ เมื่อถึงเวลา จะมีคนมาสร้างเอง หากไม่ถึงเวลา จะสร้างไม่ได้อย่างเด็ดขาด และการสร้างพระพุทโธคลังนี้ จะต้องมีขึ้นแต่กลียุคที่ข้าวยากหมากแพงเท่านั้น เพื่อช่วยคนที่อดอยากทุกข์ยากให้พอเป็นไปได้เป็นการเฉพาะอีกด้วย..!!!!!!"
    คำประกาศิตที่คุณแม่บุญเรือนกล่าวไว้เมื่อครั้งกระนั้น และเพิ่งมีการเปิดเผยให้ได้ทราบตอนสร้างพระพุทโธคลังนี้อย่างไม่ได้คาดหมายหรือทราบความนัยนี้มาก่อนเลย

    "เหลือเชื่อจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่คุณเนาว์ได้มาทำพระพุทโธคลังในยามกลียุคตามที่มีคำพยากรณ์ล่วงหน้าของคุณแม่บุญเรือนที่ว่า"พระพุทโธคลังนี้ หากไม่ถึงเวลาจะสร้างไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อถึงเวลา จะมีคนมาสร้างเอง และพระพุทโธคลังจะอุบัติขึ้นแต่ในกลียุคเท่านั้น เพื่อช่วยคนให้พ้นภัย(ตามบุญวาสนา)เป็นการเฉพาะ"ได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่ตอนเริ่มคิดสร้าง น้ำยังไม่มีทีท่าว่าจะท่วมรุนแรงดังที่ปรากฏในปัจจุบันนี้เลย"

    "หากจะมองข้ามช็อตไป หลังน้ำลดลงแล้ว ผู้คนจะอดอยากลำบากยากยิ่งอย่างไม่ต้องพูด โรงงานนับร้อยปิด คนตกงานนับแสนนับล้าน ไร่นาปศุสัตว์ถูกทำลายอย่างย่อยยับแทบทั้งหมด ประชาชนชาวบ้านชาวเมืองจะทำอย่างไร จะเอาอะไรที่ไหนมาอยู่มากิน ช่างเป็นกลียุคอย่างที่คุณแม่บุญเรือนพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำที่สุดจริงๆ..!!!!"
    และ
    "น่าอัศจรรย์ พอผมได้บูชาพระกริ่งพระพุทโธคลังจากที่วัดตามที่คุณได้แนะนำ ก็มีออร์เดอร์เข้ามาในทันที ทั้งๆที่ตอนนี้ งานเงินหาได้ยากมากๆ นับว่าพอกู้สถานการณ์ส่วนตัวไปได้ในระดับหนึ่ง แปลกมากๆ..!!!!!"

    กติกาในการประมูลครับ

    รายการนี้ขอเปิดประมูลที่ 6,400 บาท เริ่มเสนอราคาประมูล ได้ตั้งแต่ 6,500บาท ขึ้นไปโดยไม่มีเศษสตางค์ครับ

    เสนอราคาประมูล ได้ครั้งละ 100 บาท ขึ้นไปครับ

    ท่านใดเสนอราคาสูงสุดภายใน 22.00 น. เป็นผู้ชนะ ถ้าเสนอราคาเท่ากัน ให้ผู้ที่เสนอราคาเข้ามาก่อนเป็นผู้ชนะครับ *

    "ผู้ประมูลได้ กรุณาเพิ่มค่าจัดส่ง แบบems 50 บาท และกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันครับ "

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...