ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

*** แสดงตน ****

เราถือสัจจะ...เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
เราไม่ยุ่งทั้งฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว ฝ่ายขาว ฝ่ายดำ
เราไม่ยุ่งเกี่ยว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ใครไม่ทำก็ช่วยไม่ได้ ****

เราคนเดียว ทำอะไรไม่ได้หรอก
มันต้องทำทั้งประเทศ...

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สกลนคร-หวัด 2009 พุ่ง ตายแล้ว 5 คน​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดสกลนคร ระบาดหนักพบผู้ป่วย 118 คน เสียวิตแล้ว 5 คน

นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานการประชุมการป้องกันและแก้ไขการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ครั้งที่ 21/2553 พบว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในขั้นรุนแรงและน่าวิตก โดยพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายเฝ้าระวัง ต้องส่งเชื้อตรวจในห้องปฎิบัติการ รวม 575 คน พบมีผู้ติดเชื้อ รวม 118 คน ส่วนอำเภอที่พบมากที่สุด คือ อ.สว่างแดนดิน จำนวน 205 คน ในจำนวนนี้พบว่าเสียชีวิตแล้ว 5 คน ล่าสุดเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ ชาวอำเภออากาศอำนวย เสียชีวิตเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2553 สาเหตุ ไปเข้าค่ายลูกเสือที่อำเภอบึงกาฬ จ.หนองคาย ร่วมกับเพื่อนๆและติดเชื้อ รวม 17 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ทางจังหวัดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เบื้องต้นทราบว่าสถานการ์ไม่น่าไว้วางใจจึงสั่งการให้ อสม.เข้าเอกซเรย์พื้นที่ 1 ต่อ 10 หากพบว่าใครมีอาการก็ให้ยา หรืออาการหนักให้ไปพบแพทย์ สำหรับสถานการณ์นั้นช่วงนี้อากาศแปรปรวนจึงเป็นโอกาสที่ประชาชนจะติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งหากเป็นแล้วมีแนวโน้มเสียชีวิต 1-3 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นต้องรณรงค์ให้ออกกำลังกาย และรณรงค์ กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และจะต้องบิ๊กคลีนนิ่งในวันที่ 17 มีนาคม 2553 และที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของนักเรียน ได้สั่งการให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกแห่งให้ความสนใจร้านเกมอินเทอร์เน็ตให้กวดขันเรื่องรักษาความสะอาด หมั่นเช็ดถูโดยไม่ใช้ไม้ขนไก่เพราะจะทำให้เชื้อโรคกระจาย

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=17033<!-- google_ad_section_end -->

 

<TABLE id=post3066814 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3066814 class=alt1>ด่วนค่า !!!

มีข่าวฝากจากคุณจูนน์ น้องคุณปาริตา ว่า..



วันเสาร์ ที่ 13 มี.ค. (วันนี้) ทางทีมมูลนิธิพระสุรัสวดีจะมี พิธีอัญเชิญ และ ขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศพม่า โดยมีพิธีการตั้งแต่ 9.00 - 14.00 น.


เริ่มพิธีสวดมนต์ เวลา 9.00 น. ที่สำนักพระพุทธศาสนาโลก สวนเบญจกิติ ถนนสุขุมวิท ติดกับห้างเอ็มโพเลี่ยม


ประมาณ 13.00 น. อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุร่วมขบวนแห่ไปยังวัดธาตุทอง



ท่านใดที่สนใจเข้าร่วมพิธี เข้าร่วมงาน ขอได้โปรดแต่งกายด้วยชุดขาวล้วนค่ะ



หมายเหตุ :

ช่วงนี้ ระบบโทรศัพท์ที่ต่อกับเน็ทของอาจารย์คณานันท์มีปัญหา จึงไม่สามารถเข้ามาร่วมแสดงความเห็นกับเราได้ วันนี้ก็ปิดทำการ ต้องรอวันจันทร์นี้ หากสามารถเปิดทำการได้ (องค์การโทรศัพท์สาขาแถวบ้าน อ.คณานันท์ อยู่วงเวียนใหญ่ จุดรวมพลของผู้ชุมนุมพอดี ) ต้องลุ้นว่าทางองค์การโทรศัพท์ท่านจะมาช่วยแก้ไขปัญหาให้ได้เมื่อไหร่

ขอให้สถานการณ์คืนสู่ความสงบโดยไวด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมตตาเจโต @ บัวบาน

​

สร้างพลังแห่งเมตตา
เริ่มต้นสร้างความรู้สึกถึงคุณงามความดี ความรัก ความเมตตา
โดยมีศูนย์กลางที่ บริเวณลิ้นปี่กลางหน้าอก สร้างจนตัวเองรู้สึกได้ว่า
ชุ่มฉ่ำเต็มใจ เต็มจิต เต็มกาย มีความปิติ ที่จะมอบความเมตตา
ที่ชุ่มฉ่ำเย็นนี้ให้ผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาและใจ​

​

แผ่กระแสแห่งความเมตตา
ปล่อยความรู้สึกนี้ออกจากบริเวณลิ้นปี่ ออกจากฝ่ามือ
หรือออกจากทั่วตัว ทั่วทุกอณูสรรพางกาย ​

​

กำหนดอาณาเขตและตั้งเจตจำนง
กำหนดอาณาเขตให้กว้างไกล
สูงสุดสูงถึงพรหมโลก ต่ำสุดต่ำถึงนรกอเวจี กว้างสุดกว้าง ทุกภพภูมิไม่จำกัด ตั้งใจตั้งจิตขอให้สรรพชีวิตทั้งหลาย
ไม่เลือกเผ่า ไม่เลือกพันธุ์ ไม่เลือกภพ ไม่เลือกภูมิ ​

​

การอธิษฐานด้วยคำภาวนา
แผ่เมตตาให้ตนเอง ให้สว่างทั่วตัว
กำหนดความชุ่มเย็นอีกครั้ง แผ่ออกให้ทั่วกายตน
เพื่อให้ตนเองได้รับกระแสแห่งเมตตานั้นเช่นกัน ​

ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ที่ปราศจากความพยาบาทเบียดเบียน
พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง โรค และ ภัยทั้งปวง
จงเป็นผู้มีโอกาสได้สร้างกุศลกรรม โดยพ้นจากความลังเลสงสัย
ล่วงพ้นอวิชชา อันนำมาซึ่งความมืดบอด
ขอความเจริญในธรรมจงปรากฏแก่ข้าพเจ้า ​

​

การอธิษฐานด้วยคำภาวนา
สรรพสัตว์ ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ
จงเป็นผู้มีความสุข พ้นจากทุกข์
พ้นจากความพยาบาทเบียดเบียน
จงเป็นผู้ที่ก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น
แผ่ออกไป อย่างไม่มีกำหนดขอบเขตตามที่ตั้งจิตไว้ ​

​

​

ให้แผ่เมตตาให้ตัวเองไปเรื่อย ๆ จนจบสิ้นไปเอง
ถือว่าสำเร็จ เสร็จกิจการแผ่เมตตาในครานี้อย่างสมบูรณ์​

สำหรับท่านที่ยังไม่สามารถกำหนดจิตได้ชัดเจน
ลองนึกภาพการกำหนดแผ่ขยายเป็น องค์รวม : Holisitc
เริ่มจากกลางอก กลางใจตนเอง
ออกไปสู่คนใกล้เคียงก่อน (คนในครอบครัวเราเอง)
เริ่มเรื่อยไปสู่ญาติมิตร เพื่อนสนิท
เรื่อยไปสู่ชุมชน สังคม เมือง จังหวัด ภูมิภาค
ประเทศ ทวีป ทั่วโลก... โลกธาตุภพภูมิต่างๆ
สู่กรอบรอบจักรวาล​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.894283/[/MUSIC]​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศอ.รส.เตือน ปชช.ระวังคนแต่งกายเลียนแบบทหาร-ตร. ย้ำ จนท.ไม่พกอาวุธ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 มีนาคม 2553 08:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

ศูนย์ประสานงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ประสานงานผ่านสื่อมวลชน โดยชี้แจงย้ำ 3 เรื่อง คือ

1.ขอให้ประชาชนระวังผู้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในทั่วประเทศ

2.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ออกปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนนั้น ไม่มีการพกพาอาวุธและวัตถุระเบิดใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงอุปกรณ์ดูแลฝูงชนตามหลักสากลเท่านั้น

3. ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนโดยทั่วไปได้อย่างเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่พบเห็นความผิดปกติดังกล่าวข้างต้น หรือกลุ่มบุคคลต้องสงสัยลักษณะดังกล่าว ขอให้รีบแจ้งทหาร ตำรวจ ตามจุดตรวจร่วมทั่วประเทศ หรือแจ้ง ผบ.หน่วย ในพื้นที่ๆ พบเห็นความผิดปกติได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000035374

 

พลังเมตตา พลังความดี

ขอพลังจิตเมตตา..เกิดมีในผู้ที่อยู่ในประเทศไทยทุกคน
ขอพลังแห่งความดีทั้งหลาย..ช่วยให้ชาติรอดพ้นภยันตรายทั้งปวง..เทอญ​

 

อยากเรียกร้องให้เกิดความสงบเรียบร้อยไร้ความรุนแรง โดย
ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐพบนายกฯ

เมื่อเวลา 08.30 น. (12 มี.ค.) นายเคิร์ต แคมป์เบล ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ ในกิจการเอเชียแปซิฟิก เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาเยือนหลายประเทศในภูมิภาค โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม. จากนั้นนายเคิร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่นายบารัก โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนในสัปดาห์หน้า ซึ่งตอนนี้ไทยกำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก ตนหลังจากพบนายกฯ แล้วตนจะเดินทางไปพบผู้นำฝ่ายค้านต่อไป นายเคิร์ต กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศพม่าว่า ตนรู้สึกผิดหวัง น่าเสียใจที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ซึ่งตนจะปรึกษากับภาคส่วนต่างๆ ของพม่าว่า ก้าวต่อไปจะทำอย่างไร โดยสิ่งที่ต้องการคือ อยากเห็นการกระตุ้นให้เกิดการเจรจาในพม่า เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศ ทั้งนี้ตนอยากคุยกับรัฐบาลพม่าเองด้วย
แหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์
______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
<TABLE style="BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; WIDTH: 200px; BORDER-COLLAPSE: collapse; BORDER-TOP-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none" id=ctl00_ContentPlaceHolder1_gvType2 border=0 cellSpacing=0 align=left><TBODY><TR><TD>








</TD></TR></TBODY></TABLE></B>

กษิตร่อนหนังสือยูเออีให้'ทักษิณ'ยุติเคลื่อนไหวการเมือง


กทม.(กรุงเทพธุรกิจ) : "กษิต"ขอความร่วมมือยูเออีไม่ให้ "ทักษิณ"ใช้เป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมือง
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังเชิญอุปทูตของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รับหนังสือขอให้ยุติ ไม่ให้มีการใช้ประเทศดูไบเป็นฐานความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของเราเองก็ได้แจ้งไปยังสถานทูตของเราที่อาบูดาบีรับทราบแล้ว ขณะนี้ก็คงต้องรอ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ก็ได้พูดคุยกับทางอุปทูตและเอกอัครราชทูตยูเออีมาตลอดเพื่อให้เขารับทราบว่า การที่ให้ที่พักพิงกับบุคคลๆ หนึ่งเราไม่ได้ขัดขวาง แต่เมื่อมีพฤติกรรมในทางการเมืองอย่างมากมายจนเป็นที่ประจักษ์ ถึงขั้นที่อาจจะเคยใช้ความรุนแรงมาแล้วในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมกันทั้งประเทศทุกฝ่ายก็ทราบกันดี ก็คิดว่าทางเอกอัครราชทูตคงตระหนักดีในเรื่องความเป็นไปของประเทศไทย โดยเฉพาะมีความเกี่ยวโยงกับพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอให้พิจารณาในสิ่งที่ควรพิจารณา ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติสากล
“การให้ที่พักพิงกับุบคคลที่ 3 ในประเทศใดประเทศหนึ่ง มีหลักสากลปฏิบัติร่วมกันว่าจะต้องไม่มีพฤติกรรมทางการเมือง แต่เมื่อวันใดที่เขามีพฤติกรรมทางการเมืองอย่างเด่นชัดก็ต้องมีการพิจารณา ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่อยากที่จะคาดการณ์ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ทุกคนก็น่าจะทราบดีว่าพฤติกรรมของคุณทักษิณ ชัดเจนในการเข้ามามีบทบาททางการเมืองในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ตัวก็อยู่ที่ยูเออี” นายกษิต กล่าว <O></O>
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาต้องตระหนักในภาพรวม อย่างปีที่ผ่านมาเราก็เคยให้การสนับสนุนยูเออีเป็นที่ตั้งระหว่างประเทศของสถาบันว่าด้วยการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งยูเออีก็ชนะเยอรมัน<O></O>
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้ผลประโยชน์ในด้านการค้า การท่องเที่ยว และการรักษาพยาบาลชาวยูเออี เรียกว่าสิ่งที่สองประเทศได้ประโยชน์ระหว่างกันนั้นมหาศาล แล้วเขาจะยอมให้พฤติกรรมของคนเพียงคนเดียวที่เขาให้ที่พักพิงมาทำลายระบบการเมืองในระบอบรัฐสภาของประเทศไทยอย่างนั้นหรือ <O></O>
เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าจะกลายเป็นปัญหาเดียวกับกัมพูชา รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราต้องให้ความเคารพกับการตัดสินใจของประเทศต่างๆ ส่วนพฤติกรรมของกัมพูชานั้นมันไม่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างกับประเทศอื่นๆ ได้ ในส่วนของการทำความเข้าใจกับประเทศอื่นๆ ในเรื่องสถานการณ์การชุมนุมขณะนี้นั้น ก็ได้มีการเชิญทุกๆ ประเทศมาชี้แจงทำความเข้าใจแล้วหลายครั้ง<O></O>
เมื่อถามว่าถึงความเคลื่อนไหวครอบครัวของพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปต่างประเทศช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นายกษิต หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องวิเคราะห์คิดว่าทุกคนก็ทราบดี <O></O>
เมื่อถามว่าการข่าวรายงานหรือไม่ว่าอดีตนายกฯ จะมาเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้านของไทย นายกษิต กล่าวว่า “ยังไม่ทราบ”<O></O>


<!-- ข่าวแบบที่3 -->
<!-- ข่าวแบบที่4 -->
<!-- ข่าวแบบที่5 -->



นำแหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์

 

*** โลกุตตระภูมิ ****

สัจจะ ยินดีต้อนรับโอบาม่า


- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หนุมาน เป๋นปางอวตาร ของพระศิวะ เพื่อมาช่วยพระนารายณ์ นี่นา จะเป็นกลางได้อย่างไร ก็ต้องปราบพวกมารสิ อิอิ

 

*** หนุมาน ****

เรามาช่วย... ด้วยโลกุตตระธรรม
มาให้ทำลายล้าง....กิเลสนิสัยสันดานตนเอง
เอาสัจจะมาส่งให้พิจารณา...จะได้ทำกันจริงจัง
ผลที่ทำได้....จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ไปในทางที่ดีได้เอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** มาร ****

คือ นิสัยสันดาน มันอยู่ในใจของทุกคน
ถ้าเราทำทุกอย่างเมือนเดิม บ้านเมืองก็แตกแยกพังทลาย เหมือนในอดีตทุกประการ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ย้อนอดีต ****

ทุกวันนี้ เราก็ยังเดินทางรอยเก่าๆ ไปศึกษาอดีตกันได้
ไม่มีสัจจะ ไม่มีการกระทำใหม่เข้ามาในชีวิต

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

“เนื่องจากดินบริเวณรอบเขื่อนจะยิ่งอิ่มน้ำ และอ่อนตัวลง”

มณฑลหูเป่ย จะกลายเป็นหูเปื่อยก็ตอนนี้แหละ

 

เขตของพระเจ้าห้าพระองค์ คนจะมาพึ่งบารมีมาก ​

รูปภาพพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปป์นี้​

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Aunyasit

โชคดี ที่คณะของผมได้บารมีของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ คุ้มหัว ไม่งั้นเมื่อถึงเวลาภัยมาก็คงจะไม่รอดเหมือนกัน ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านบอกผมว่า "ให้รีบเฮ็ดพระเจ้าห้าพระองค์ ป้องกันภัยพิบัติ ต่อไปเขตของพระเจ้าห้าพระองค์ คนจะมาพึ่งบารมีมาก จะไม่มีที่ให้คนอยู่ " หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่า "เมื่อเหตุเกิดให้รีบมาที่พระเจ้าห้าพระองค์ แล้วจะรอดจากภัยพิบัติ"

ขณะนี้ผมเตรียมที่ดินในเขตพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ได้แล้ว 37 ไร่ หากมีเงินก็จะซื้อขยายเพิ่มอีก เอาไว้ให้คนมีบุญเขาได้อยู่อาศัยเมื่อภัยธรรมชาติมา

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขออนุโมทนาบุญกับหมู่คณะของคุณ Aunyasit ด้วยครับ รบกวนคุณอัญญาสิทธิ์ ช่วยแจ้งสถานที่ให้ชัดเจนอีกสักหน่อยได้ไหมครับ ว่าอยู่ที่ไหน จะเดินทางไปได้อย่างไรบ้าง เพื่อที่สมาชิกท่านใดที่สนใจ จะได้ไปร่วมมือกันสร้างสถานที่หลบภัยพิบัติต่อไปในอนาคตครับ

สวัสดีครับ คุณเกษม

สถานที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ อยู่ ณ พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ต.สีกาย อ. เมือง จ. หนองคาย ทางไป อ. โพนพิสัย(ที่คนเขาไปดูบั้งไฟพญานาค) อยู่ห่างจากเมืองหนองคาย ประมาณ 20 กม. ข้างหน้าทางเข้ามีป้ายพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ขนาดใหญ่ ครับ

ขณะนี้กำลังดำเนินการถมดินเพื่อสร้างมหาเจดีย์และมหาปราสาท ประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เมื่อถึงเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติ พระแก้วมรกตจะเสด็จมาทางนภากาศ มาอยู่ในเขตพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ครับ
<!-- google_ad_section_end --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
<!-- google_ad_section_end -->

 

"ซิมบับเว"อดอยาก ชาวบ้านแล่ช้างทั้งตัวเหลือแต่กระดูก​

​

​

ภาพโดย เดลี่ เมล (www.dailymail.co.uk)​

ชาวบ้านในประเทศซิมบับเวผู้หิวโหย ต่างแย่งกันแล่เนื้อช้างที่เสียชีวิตแล้วอย่างดุเดือด เพื่อนำไปเลี้ยงครอบครัว โดยเพียง 1 ชม. 47 นาที ช้างทั้งตัวก็เหลือแต่กระดูก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 มี.ค. เพียง 15 นาที หลังจากที่ชายชาวซิมบับเวรายหนึ่งขี่จักรยานผ่านมาพบซากช้าง ชาวบ้านในอุทยานแห่งชาติโกนาเรซูผู้หิวโหย ที่ทราบข่าวกว่าหลายร้อยคนได้พากันออกมาแล่เนื้อช้างเพื่อนำไปเลี้ยงครอบครัว

อุปกรณ์ที่ชาวบ้านใช้มีทั้ง มีดพร้า,ขวานและมีดที่ทำจากเศษกระป๋อง โดยทั้งหมดต่างพากันรุมแย่งแล่เนื้อช้างขนาด 6 ตัน อย่างดุเดือดจนเกิดการวิวาทกัน แต่ในที่สุดหลังจากผ่านไป 1 ชม. 47 นาที ก็เหลือแต่โครงกระดูกช้างให้เห็น โดยทุกส่วนของช้างถูกแล่ไปทำอาหารไม่ว่าจะเป็นงวงหรือหู แม้แต่กระดูกก็ยังมีคนเก็บไปต้มซุป

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/oversea/70284

หมายเหตุ

ที่ผมได้นำข่าวนี้มาโพสต์ ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงความอดอยากหิวโหย ของคนในประเทศซิมบับเว ผมไม่ได้มีเจตนาจะสื่อเรื่องของการทารุณสัตว์แต่อย่างใดนะครับ เพราะเขากินเนื้อช้างที่ตายตามธรรมชาติ ไม่ได้ไปฆ่าช้างเพื่อนำมาเป็นอาหารแต่อย่างใด โปรดเข้าใจตามนี้ด้วยครับ

 

"พระแก้วมรกต"
จะทรงแสดงปาฎิหาริย์เพื่อเตือนภัย​

​

มีพระอริยสงฆ์ทางอีสานได้บอกไว้ว่า จะมีเมือง ๆ หนึ่งที่ท่านเคยไปมา จะถูกทำลายจนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย(อย่าถามนะครับว่าเป็นเมืองไหน เพราะท่านผู้ที่เล่าให้ฟังไม่ยอมบอกเหมือนกันครับ) แต่ท่านมีสิ่งที่สังเกตให้ทราบว่าจะมีเหตุการณ์นั้นเมื่อไหร่ มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้บอกไว้ว่า

" ให้ดูพระแก้วมรกตให้ดี เมื่อไหร่ก็ตามที่พระแก้วมรกต เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดงเมื่อไหร่ ให้รีบหนีทันที ท่านบอกว่าต้องไกลอย่างน้อยจังหวัดพิษณุโลกขึ้นไปถึงปลอดภัย "

โดยคุณ เทพ เทวา เมื่อวันที่ 26/7/2548

ที่มา http://www.buddha-dhamma.com

ขณะนี้กำลังดำเนินการถมดินเพื่อสร้างมหาเจดีย์และมหาปราสาท ประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เมื่อถึงเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติ พระแก้วมรกตจะเสด็จมาทางนภากาศ มาอยู่ในเขตพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ครับ

โดยคุณอัญญาสิทธิ์

ที่มา http://palungjit.org/threads/เตือนอีก11ปี-น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ.189136/page-3


<CENTER>ประวัติพระแก้วมรกต....โดย พระอาจารย์มั่น</CENTER><CENTER></CENTER>

คำบอกเล่าของหลวงปู่มั่น เรื่องประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต เรื่องนี้อัตถุปัตติเหตุเกิดขึ้นเมื่อครั้ง พระอาจารย์มั่น พักอยู่วัดป่าบ้านหนองผือ พระอุปัชฌาย์อุ่น (พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตฺตโม) วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร) ได้ไปกราบนมัสการฟังเทศน์ และได้นำรูปพระแก้วมรกตขนาด 20 นิ้ว เป็นภาพพิมพ์ใส่กรอบไปถวายท่านพระอาจารย์ แต่ดูท่านจะลืมทำความสะอาด เพราะมีฝุ่นจับอยู่ ท่านพระอาจารย์ก็น้อมรับด้วยความเคารพ ​

หลังจากท่านอุปัชฌาย์อุ่นลาลงกุฏิไปแล้ว ท่านพระอาจารย์ได้ทำความสะอาด โดยนำผ้าสรงน้ำของท่านฯ มาเช็ดถู ผู้เล่า (หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ) เอาผ้าเช็ดพื้นเข้าไปช่วยทำความสะอาดด้วย เพราะเห็นว่าผ้ายังสะอาดอยู่ ท่านหันมาเห็นเข้า พูดว่า ​

“อะไรกัน นั่นรูปพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังเอาผ้าเช็ดพื้นมาถูได้” ​

ผู้เล่าสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะความโง่เขลาปัญญาอ่อน ท่านฯ ก็เลยทำความสะอาดเอง เสร็จแล้วก็มีเพื่อนภิกษุทยอยกันขึ้นไป รวมทั้งท่านอาจารย์วิริยังค์ด้วย ท่านเลยเทศน์ถึงความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต ท่านว่า ​

“พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม” ​

ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า พระแก้วมรกตหล่อที่ลังกาทวีป ผู้เป็นประธานหล่อคือ พระจุลนาคเถระ เป็นชาวลังกา หล่อเมื่อศาสนาล่วงมาได้ 300 ปี ส่วนแก้วนั้น ท่านเล่าเชิงปาฏิหาริย์ พอเริ่มจะหล่อไม่ได้ตั้งใจจะเอาแก้วมรกตเพราะเป็นของหายาก บอกบุญตามแต่ศรัทธา จะเป็นแก้วอะไรก็ได้ ร้อนถึงพระอินทร์อยู่บนสวรรค์ มาอาสาเป็นช่างหล่อ และพระองค์มีแก้วอยู่ดวงหนึ่ง ขออนุโมทนาเป็นกุศลด้วย พระอินทร์ไม่ได้เป็นช่าง แต่ช่างคือเทพบุตรชื่อ วิษณุกรรม ส่วนแก้วก็ไม่ใช่ของพระอินทร์ แต่เป็นแก้วอยู่ในถ้ำจิตรกูฏหรืออินทสารนี้ละ ผู้เล่า (หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ) ไม่มั่นใจ ​

ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่า เป็นแก้วหน่อเนื้อพุทธางกูร ประจำภัทรกัปป์ เหลืออยู่ 2 ลูก มียักษ์รักษา พระอินทร์ไปขอแก้วดวงใหญ่ ซึ่งสุกใสกว่าจากยักษ์ตนนั้น แต่ยักษ์ไม่ให้ บอกว่าไม่ใช่ของเจ้า จึงให้แก้วดวงเล็กมา พระอินทร์นำมาหล่อเป็นผลสำเร็จ แต่ยังมีแก้วเหลือค้างอยู่ที่เรียกว่าแก้วก้นเตา เผาอย่างไรก็ไม่ละลาย พระจุลนาคเถระจึงอธิษฐานบรรจุไว้ใต้ฐาน ปรากฏว่าเป็นกระปุกระปะ ไม่เรียบ ​

หล่อเสร็จมีการสมโภช ท่านจุลนาคเถระ ได้อธิษฐานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน 5 แห่ง คือระหว่างพระขนง 1 แห่ง พระอังสาทั้งสอง 2 แห่ง พระเมาลี 1 แห่ง และพระนาภี 1 แห่ง ท่านฯ ว่าอย่างนี้ ​

การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคในประเทศนั้น และด้วยความรัก ​

ท่านพระอาจารย์เล่าต่อว่า ได้มีการอัญเชิญจากกรุงลังกาสู่นครศรีธรรมราชโดยทางเรือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่า (คำว่า เถรเจ้าป่า หมายความถึง พระกัมมัฏฐานที่ชอบออกปฏิบัติภาวนาอยู่ตามป่าเขา) อยู่นครศรีธรรมราชก็ไม่ได้กำหนดว่านานเท่าไร ต่อจากนั้นจึงอัญเชิญไปสู่นครวัด นครธม ประเทศเขมร เพื่อเผยแผ่พระศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่าอีกนั่นแหละ ​

จากนครวัด นครธม สู่กรุงจันทบุรีศรีสัตตนาคนหุต (ประเทศลาว) ปัจจุบันคือเวียงจันทน์ สาเหตุเกิดกลียุคแย่งราชสมบัติ เถรเจ้าป่าท่านเห็นว่าพระแก้วจะไม่ปลอดภัย จึงได้เอาผ้าห่อแล้วบรรจุลงในบาตร (คงจะเป็นบาตรขนาดใหญ่) เพื่ออำพรางผู้ทุศีลไม่ให้แย่งชิงไป เถรเจ้าป่าองค์นั้นไปอยู่ที่เวียงจันทน์ก็ไม่มีกำหนดปีเหมือนกัน ​

จากนครเวียงจันทน์ก็ได้เสด็จสู่นครลำปาง และนครเชียงใหม่ ด้วยสาเหตุแห่งความรัก เนื่องจากเจ้าผู้ครองเวียงจันทน์ได้บุตรเขยเป็นชาวเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะนำบุตรีสู่เชียงใหม่ บิดาให้พรบุตรีว่าอยากได้อะไรก็จะให้ บุตรีจึงขอพระแก้วมรกตไปด้วย ด้วยความรักของบิดาก็จำยอมยกให้ ​

พอไปถึงลำปาง ช้างที่นั่งไปไม่ยอมไปเอาดื้อๆ จะขับไสอย่างไรช้างก็ไม่ไป ตกลงกันว่าองค์พระแก้วมีพระประสงค์จะประทับที่ลำปางแน่ พระแก้วก็เลยประดิษฐานที่ลำปางก่อน นานพอสมควรจึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านก็ไม่ได้บอกว่ากี่ปี ต่อมาบุตรเขยก็เสียชีวิตลง บุตรีเจ้าผู้ครองนครก็กลับสู่เวียงจันทน์ และนำพระแก้วมรกตกลับมาด้วย จึงประดิษฐานอยู่ที่เวียงจันทน์อีกเป็นครั้งที่สอง ​

ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า ไทยคือลาว ลาวคือไทย เป็นชาติเดียวกัน แต่ครั้งอยู่ราชคฤห์ แต่หนีตายมาคนละสาย มาบรรจบกันที่แม่น้ำใหญ่ๆ 4 สาย คือ แม่น้ำโขง เจ้าพระยา สาละวิน และแม่น้ำตาปี ​

ต่อมาเหตุการณ์บ้านเมืองในลาวเปลี่ยนแปลง เกิดกลียุค ราชวงศ์และราชบุตรเป็นศัตรูกัน ราชบุตรมักถูกรังแกใส่ความ ทนไม่ไหวจึงอพยพครอบครัวข้ามโขงมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง (ปัจจุบัน คือ จังหวัดหนองบัวลำภู) ราษฎรก็ทยอยติดตามมา โดยมีพระตา น้องชายราชบุตรเป็นหัวหน้า ราชวงศ์ยังยกกองทัพมารังแกข่มเหงอีก ​

ฝ่ายพระตาและพระวอก็ได้ถอยร่นลงมาสู่ดอนมดแดง คืออุบลราชธานีในปัจจุบันอย่างทุลักทุเล บังเอิญกองทัพทางเวียงจันทน์เสบียงขาดแคลนลง จึงต้องยกทัพกลับ หลังจากนั้นก็ได้ยกทัพมาตีอีกครั้งที่สอง ชาวดอนมดแดงได้ต่อสู้ถวายหัวเต็มกำลังความสามารถ ​

พระตาสวรรคตในสนามรบอย่างสมพระเกียรติ พระวอเห็นท่าไม่ได้การ ได้ให้ม้าเร็วนำสาส์นขอกองกำลังจากบางกอกไปช่วย สมัยนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ จึงส่งกองทัพม้าเป็นทัพหน้าเดินทางไปก่อน กองทัพหลวงนำโดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกตามไป ชาวดอนมดแดงก็มีกำลังใจสู้ถวายหัว พอกองทัพหลวงยกมาถึง กองทัพทางเวียงจันทน์จึงแตกพ่ายกลับไป ​

ทั้งทัพม้าศึกและทัพหลวงแห่งบางกอก พร้อมกองอาสาสมัครแห่งดอนมดแดง ก็ติดตามไล่ตีไม่ลดละ จนถึงฝั่งโขง และข้ามโขงเข้ายึดนครเวียงจันทน์ได้ทั้งหมด หลังจากชนะศึกแล้ว ชาวลาวได้ยินยอมพร้อมใจมอบพระแก้วมรกตและพระบาง ให้มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ นี่คือสาเหตุที่พระแก้วมรกตมาประดิษฐานในประเทศไทย ​

ปีนั้นบางกอกเกิดฝนแล้ง โหรหลวงทำนายว่า เพราะพระแก้วและพระบางมาอยู่รวมกันเป็นเหตุ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จึงส่งสาส์นแจ้งไปยังเจ้ามหาชีวิตลาว พระองค์ทรงยินดีรับคืน แต่ให้ส่งไปนครหลวงคือ กรุงศรีสัตตนาคนหุต ไทยได้ทำการสักการะจัดส่งอย่างสมพระเกียรติ ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าอย่างนี้ ตั้งแต่วันพระบางไปถึงกรุงศรีสัตตนคนหุต ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองหลวงพระบางมาจนบัดนี้ ​

ท่านฯ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมไม่ได้เรียกเมืองหลวงพระบาง เรียก “หลวงพระบ้าง” เพราะว่าทองที่หล่อนั้นเป็นทองหลายชนิด ผู้มีศรัทธาไปร่วมพิธีเททองหล่อนั้น มีทั้งสร้อยทองคำ ตุ้มหูทองคำ กำไลทองคำ เงิน ทองแดง นาถ ทองสัมฤทธิ์ เอาออกมาใส่ลงในเบ้าหล่อ โดยทุกคนก็กล่าวว่า ฉันบ้าง ข้าบ้าง กูบ้าง ข้าน้อยบ้าง เมื่อเป็นพระออกมาก็คงจะมีชื่ออย่างอื่น ชื่ออะไรท่านมิได้กล่าวๆ แต่คนนั้นก็ว่าพระบ้าง คนนี้ก็พระบ้าง ลักษณะชายจีวรบางแผ่ออกทั้งสองข้าง เป็นแผ่นบางๆ คนภายหลังมาเห็น เลยกลายจากบ้าง มาเป็นบาง จากพระบ้างมาเป็นพระบางไป ​

หลังจากสมเด็จเจ้าพระมหากษัตริย์ศึก ได้เสวยราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 แล้ว ได้ยกฐานะบ้านดอนมดแดงขึ้นเป็นเมืองให้ชื่อว่า เมืองอุบลราชธานี ตั้งพระวอเป็นพระวรวงศาธิราชครองเมืองอุบลฯ พระวรวงศาธิราชสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พ้นภัยพิบัติมาได้ จึงได้ประกาศเป็นทางการว่า แผ่นดินฝั่งขวาแม่น้ำโขงทั้งหมดขอขึ้นตรงต่อบางกอก ไม่ขึ้นตรงต่อเวียงจันทน์ ตั้งวันนั้นมาถึงปัจจุบันปรากฏอยู่ในแผนที่ประเทศไทยโดยสมบูรณ์ ​

ที่มาhttp://www.pantown.com/board.php?id=17708&area=3&name=board1&topic=423&action=view​

 

เอ...เห็นคำทำนายบอกไว้ว่าพระแก้วจะกลับสู่ที่ๆมา อันนี้จริงมั้ย จากอินตก

 

<object style="" data="/assets/dbozone-regular.swf" name="sIFR_replacement_0" id="sIFR_replacement_0" type="application/x-shockwave-flash" class="sIFR-flash" width="930" height="34"></object>ดินไหวอิเหนา 7 ริคเตอร์ ไร้เตือนสึนามิ​

เกิดเหตุแผ่นดินไหวทรงพลังขนาด7 ริคเตอร์ นอกเกาะมาลูกุฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย เบื้องต้นไม่มีการเตือนภัยสึนามิ ยังไม่พบรายงานความเสียหาย หรือสูญเสีย...

เอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวทรงพลัง วัดระดับแรงสั่นไหว 7.0 ริคเตอร์ นอกเกาะมาลูกุ ฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย ช่วงเช้ามืด 5.47 น.ของวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. (ตามเวลาไทย) เบื้องต้นยังไม่มีสัญญานเตือนภัยสึนามิ

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมและธรณีวิทยาแห่งชาติอินโดนีเซียเผยว่า ศูนย์กลางแรงสะเทือนห่างจากเมืองลาบูฮาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 132 กิโลเมตร ทิศเหนือของมาลูุกุ ลึกลงไป 56 กิโลเมตร ยังไม่พบรายงานความเสียหายหรือความสูญเสีย หลายพื้นที่รับความรู้สึกได้แต่ไม่รุนแรงมาก.


ที่มา : ดินไหวอิเหนา 7 ริคเตอร์ ไร้เตือนสึนามิ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์