ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เกาหลีเหนือกับความมั่นคงในภูมิภาค​

​

การพัฒนาขีปนาวุธระยะไกลของเกาหลีเหนือ มักจะเป็นข่าวอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ในต่างประเทศ อยู่สมํ่าเสมอ ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าความทะเยอทะยานของผู้นำเกาหลีเหนือ กับความโกธรแค้นจากการกระทำของญี่ปุ่นในอดีตที่เคยครอบครองเกาหลี มันเลยเป็นแรงดลใจให้เกาหลีเหนือสร้างขีปนาวุธรุ่นต่างๆ ที่มีขีดความสามารถที่ยิงได้วิถีไกลๆ

ข่าวล่าสุด ตอนนี้คุยกันให้แซดในวงการทูตปัจจุบัน คือขีปนาวุธใหม่ รุ่น 'แตปอดอง' ชนิดวิสัยกลางที่เกาหลีเหนือกำลังพัฒนานั้น สามารถยิงข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาในฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนียได้สบายๆ ฟังแล้วน่าตกใจ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ในขั้นอันตรายมากๆ เพราะไม่มีประเทศใดที่มีศักยภาพในการผลิตขีปนาวุธในระดับนี้ นอกจากจีนประเทศเดียวในเอเชีย น้อยคนที่รู้ว่าขีปนาวุธเกาหลีเหนือรุ่นนี้สามารถยิงถึงประเทศไทยและเมืองหลวงอื่นๆ ในอาเซียนด้วย

ที่น่าสนใจคือ มันมีสาเหตุอะไรที่เกาหลีเหนือจึงสามารถทำตัวเป็นอันธพาลอย่างนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ เป็นเวลาเกือบ 20 ปี โดยไม่ต้องกลัวใครทั้งสิ้น

ตั้งแต่ปี 1994 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และรัสเซีย พยายามลดขีดความสามารถในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ โดยการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานปรมาณูแบบที่ไม่เป็นอันตราย หรือสามารถแปรเป็นระเบิดนิวเคลียร์ได้ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ใช้เวทีการเมืองระหว่างประเทศอย่างเชี่ยวชาญ เพื่อเจรจาเอาตัวรอด เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องอาหารและยารักษาโรคที่ไม่เพียงพอ

สาเหตุหนึ่งที่เกาหลีเหนือทำเช่นนี้ได้เพราะในใจลึกๆ ของประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่อยากเห็นการล่มสลายของเกาหลีเหนือ เนื่องจากมันสามารถนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด การรวมตัวของสองเกาหลีนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะระดับความเจริญทางด้านเศรษฐกิจต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่เหมือนกับการรวมตัวของสองเยอรมันในปี 1990 ซึ่งมีความใกล้เคียงทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ

ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ 'คิม จอง อิล' ได้ใช้ความเกรงกลัวทางฝ่ายโลกตะวันตกต่อความเป็นไปได้ในการแตกสลายของประเทศตนนี้ มาใช้เป็นประโยชน์ในการต่อรองกับสหรัฐอเมิรกา ญี่ปุ่น และเกาหลี

การที่กรุงเปียงยางออกมาขู่ที่จะยิงขีปนาวุธวิสัยกลางข้ามทะเลญี่ปุ่น ต้องถือว่าเป็นยุทธศาสตร์การต่อรองทางการทูตชั้นเยี่ยม เพราะทำให้ประเทศทั่วโลกสนใจทันที อย่าลืมว่าเกาหลีเหนือเป็นเจ้าตำรับการเป็นประเทศอันธพาลที่แท้จริง จนมีประเทศอื่นเลียนแบบมาแล้ว เช่น พม่า ซิมบับเว มารีตาเนีย อิหร่าน เป็นต้น

ตอนนี้เศรษฐกิจภายในเกาหลีเหนือกำลังตกตํ่า ทำให้มีผู้คนอพยพออกนอกประเทศมาก จนทำให้ประเทศจีนซึ่งมีชายแดนติดต่อกับเกาหลีเหนือนั้น ต้องออกมานั่งภาวนาอย่าให้มีเหตุการณ์ที่ทำให้การเมืองของเกาหลีเหนือล่มสลาย ขณะนี้ในแต่ละวันมีคนเกาหลีเหนือแอบหนีออกนอกประเทศมาทางชายแดนจีน เพื่อหาทางไปสู่อิสรภาพและชีวิตในประเทศที่สามต่อไป

คนลี้ภัยเกาหลีเหนือร้อยกว่าคน ได้หลบหนีเข้ามาในไทยทางตะเข็บชายแดนไทยภาคเหนือที่ติดอยู่กับสามเหลี่ยมทองคำ ตอนนี้ติดคุกอยู่เกือบร้อยคนที่กองตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรอที่จะส่งตัวไปยังประเทศที่สาม ที่น่าแปลกคือ ทางสหรัฐอเมริกาได้รับคนลี้ภัยเหล่านี้เข้าไปหลายคนแล้ว

ทางองค์กรข้าหลวงผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ได้ให้ความช่วยเหลือแบบเงียบๆ แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากกลุ่มนี้ เพราะไม่ต้องการให้ผู้ลี้ภัยได้ใจ

สหรัฐอเมริกาต้องการเห็นเกาหลีเหนือมีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้ระบบเลนินนิสต์อย่างเดิมก็ตาม ยิ่งดีใหญ่ถ้าผู้นำเกาหลีเหนือมีความยืดหยุ่นแบบประธานาธิบดีกัลดัฟฟี ซึ่งตอนนี้กลับเป็นที่โปรดปรานของโลกตะวันตก

ถ้าเกาหลีเหนือยังอยู่โดดเดี่ยวแบบทุกวันนี้ มันส่งผลเสียต่อความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งอาศัยเสถียรภาพเป็นตัวดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ไม่แปลกใจที่เกาหลีใต้พยายามช่วยพี่น้องสายเลือดเดียวกัน จนทำให้สายสัมพันธ์ทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และความมั่นคงในกรอบกว้างนั้น ต้องสั่นคลอนไปด้วย

ในอนาคตโอกาสพอมีที่โลกตะวันตกจะสามารถชักจูงให้ผู้นำเกาหลีเหนือยอมรับเงื่อนไข ไม่พัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยอมรับในตัวผู้นำของเกาหลีเหนือ มีสัญญาสันติภาพระหว่างสหรัฐอเมริกากับเกาหลีเหนือ และกรอบความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในคาบสมุทรเกาหลี เป็นต้น

บทความจากเนชั่น สุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2549

ที่มา http://www.nationweekend.com/2006/07/07/NW14_448.php

 

รูปสุดท้าย เหมือนมนุษย์ต่างดาว กำลังขึ้นจากน้ำ เห็นหัวโตๆ

 

*** เหนือโลก เหนือความคิดมนุษย์ ****

โลกุตตระธรรม...คือ ธรรมเหนือโลก
โลกุตตระธรรม...คือ พระไตรปิฎก
โลกุตตระธรรม....คือ การรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
โลกุตตระธรรม...คือ ตัวกระทำของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
องค์โลกุตตระ....คือ ผู้นำพาให้พระพุทธเจ้าพบหลักสัจจะธรรม
องค์โลกุตตระ...จะปรากฏเป็นอะไรก็ได้ เพื่อสอนพระพุทธเจ้า
โลกุตตระธรรม....เมื่อปรากฏเป็นมนุษย์ คือ มนุษย์เหนือโลก
มนุษย์เหนือโลก...ผู้รอบรู้ในทุกย่างก้าวของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์
บรมาจารย์ของพระพุทธเจ้าแท้จริง....คือ พระธรรม เป็นพระไตรปิฎกที่อยู่รอบๆตัวเรา
ไม่ว่าสัตว์โลกจะทำอะไร...โลกุตตระจึงรู้เห็นโดยตลอด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

กาชาดสากลเรียกร้องประชาคมโลกรักษาน้ำในช่วงสงคราม​

​

อิส ตันบูล 16 มี.ค. – กาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี) เรียกร้องประชาคมโลกให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อรักษาน้ำและระบบสุขาภิบาลใน ช่วงที่เกิดสงคราม ก่อนจะมีการประชุมนานาชาติว่าด้วยน้ำ และการจัดการทรัพยากรที่ขาดแคลน

นายโรเบิร์ต มาร์ดินี หัวหน้าหน่วยน้ำและแหล่งที่อยู่อาศัยของกาชาดสากล แถลงว่า น้ำ ระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งสถานพยาบาลต่าง ๆ มักเป็นสิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบเมื่อมีสงครามเกิดขึ้น การที่ระบบสาธารณูปโภคเหล่านี้ล้มเหลวก็จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลน และทำให้เกิดโรคระบาดอย่างรวดเร็วจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ดังเช่น ในอิรัก ฉนวนกาซา ศรีลังกา และโซมาเลีย โดยคนในประเทศที่เกิดสงครามคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากร 1,200 ล้านคนที่ไม่มีน้ำดื่มสะอาด และร้อยละ 15 ของประชากร 2,600 ล้านคนที่ไม่มีระบบสุขาภิบาลที่ดี ดังนั้นไอซีอาร์ซี จึงตั้งเป้าใช้เวทีประชุมน้ำโลก หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นเป็นวาระระดับโลกเพื่อย้ำเตือนให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ตระหนักถึงความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว

การประชุมน้ำโลกครั้งที่ 5 จะเปิดฉากในนครอิสตันบูล ของตุรกีในวันนี้ และดำเนินไปถึงวันที่ 22 มีนาคม โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 20,000 คน จาก 107 ประเทศเข้าร่วม ในจำนวนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล บุคคลในภาคธุรกิจ และกลุ่มประชาสังคม เพื่อหารือในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ. -สำนักข่าวไทย

2009-03-16 08:56:49
------------------------------------------------------



แบบนี้ก็หมายความว่ากำลังจะเกิดสงคราม

"แต่เกิดสงครามแล้วใช้น้ำกันอย่างระมัดระวังหน่อยนะ"

แต่เชื่อเถอะ ด้วยจิตคิดทำลายล้างกันในกลศึกสงคราม ก็ต้องมีผู้ใช้ประโยชน์นี้ในการสงครามตัดน้ำให้ฝ่ายตรงข้าม อด หรือทำให้น้ำเป็นพิษปนเปื้อน

ไทยเราก็อย่าได้ประมาทในการเก็บกัก รักษ์น้ำเอาไว้อย่างที่ผมได้เตือนตั้งแต่ต้นปีเอาไว้แล้ว ว่าน้ำจะแล้งและขาดแคลนกัน

 

ในอนาคตมนุษย์เดินทางข้ามกาลเวลาได้ ?​

​

​

ของฝากจากอนาคต​

พบแคปซูลโลหะที่ฝังรวมอยู่กับโบราณสถานเก่าแก่ ทางตอนเหนือของกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ.1989

ภายในบรรจุวิทยุ เตาปิ้งขนมปัง นาฬิกา และ หนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น ฉบับเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.2023 ซึ่งหมายความว่าสิ่งของในแคปซูลนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่ในอนาคต อาจเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่าในอนาคต มนุษย์เดินทางย้อนเวลาได้

ที่มา http://board.bodinzone.com/view.php?id=4358&page=3

พบนาฬิกาสวิสในสุสานเก่าแก่อายุ 400 ปี​

​

นักโบราณคดีในประเทศจีนรู้สึกมึนงงหลังจากค้นพบนาฬิกาสวิสขนาดจิ๋วในสุสานอายุ 400 ปีแห่งหนึ่ง <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>

นาฬิกาแหวนวงนี้ถูกค้นพบในขณะที่นักโบราณคดีกำลังทำสารคดีเรื่องหนึ่งร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อีก 2 คนจากเมืองชางสี <O></O>

“เมื่อเราพยายามนำดินที่เกาะติดหีบศพใบหนึ่งออกก็มีหินก้อนหนึ่งหลุดออกมาทันทีและตกลงสู่พื้นมีเสียงกระทบพื้นดังเหมือนเสียงโลหะ” เจียง ยานยู (Jiang Yanyu) อดีตผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ในเขตปกครองตนเองกวนสี กล่าว <O></O>

“เราได้หยิบวัตถุนั้นขึ้นมาและพบว่า มันคือ แหวน หลังจากแกะดินที่ปกคลุมแหวนวงนี้ออกและตรวจตราดู เรารู้สึกช็อคที่พบว่า มันเป็นนาฬิกาแหวน” <O></O>

เวลาที่แสดงบนหน้าปัดนาฬิกาคือ เวลา 10.06 น. และด้านหลังของเรือนสลักตัวอักษรคำว่า “สวิส” หนังสือพิมพ์ People’s Daily รายงาน <O></O>

ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นบอกว่า พวกเขารู้สึกสับสนเนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า สุสานแห่งนี้ไม่เคยถูกรบกวนใดๆ เลย ตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เมื่อ 400 ปีที่แล้ว <O></O>

ตอนนี้ทางทีมงานนี้ได้พักการขุดเอาไว้ก่อนเพื่อรอให้ผู้เชี่ยวชาญเดินทางจากปักกิ่งเพื่อมาช่วยพวกเขาเปิดเผยความลี้ลับนี้ <O></O>

ที่มา http://www.ananova.com/news/story/sm_3122542.html

Time Machine : จักรกลข้ามเวลา ​

​

นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้มีการนำเรื่องนี้ไปเปิดประเด็นถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนมีนิยาย หนังสือ รวมไปถึงภาพยนตร์ที่มี ไทม์ แมชชีนเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่มากมาย

มันเป็นความฝันสำหรับนักวิทยาศาตร์ และ ความอยากรู้อยากเห็นของบรรดาผู้อยากที่จะรู้อดีต ทำนายอนาคต เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ยังคงรอการพิสูจน์ และทำให้มันเป็นจริงขึ้นมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กับ เครื่องจักรพิศวง ไทม์ แมชชีน

บรรดานักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ของโลกที่กำลังทุ่มเทการวิจัยเรื่องนี้กันอย่างหนัก ก็เริ่มมีเค้าของความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นมากสำหรับเรื่อง ไทม์ แมชชีน หรือ การท่องเวลา ออกมากันบ้างแล้ว โดยบรรดานักวิจัยจากแคลิฟอร์เนียและกรุงมอสโควเค้าประกาศออกมาแล้วว่า การท่องเวลา (Time Travel) นั้น มีความเป็นไปได้อยู่ทีเดียว !!

ซึ่งพวกเค้าได้สร้างห้องแล็ปที่เรียกว่า TARDIS ขึ้นมา และเริ่มทดลองโดยนำพื้นฐานมาจากสมการของนักฟิสิกส์เอกของโลก อัลเบิร์ท ไอนสไตน์ (Albert Einstein) นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้กล่าวว่ามันอาจยากมากในการวิจัยและทดลองให้มันเป็นจริงหรือใกล้ความจริง แต่ก็มีความเป็นไปได้มากทีเดียว

บางทีอาจจะดูเหมือนเป็นการฝืนกฎของธรรมชาติ ที่บัญญัติเอาไว้ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องดำเนินครรลองไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำตัวเหนือธรรมชาติอย่างนี้ แน่นอนว่าธรรมชาตินั้นมีสิทธิ์ขาดในการดูแลจัดสรรปันส่วนทุกอย่างบนโลกนี้ได้อย่างลงตัวและถูกต้องมากที่สุดแล้ว กระนั้นมนุษย์เราก็ยังอาจหาญที่จะฝืนธรรมชาติในกฎเกณฑ์หลายๆ อย่าง เช่น การตัดต่อพันธุกรรมซึ่งกระทำตนประดุจเป็นพระเจ้า และเริ่มจะสร้างเครื่องข้ามเวลาและการคิดค้นยาอายุวัฒนะ ซึ่งเป็นกฎเหล็กของธรรมชาติที่มนุษย์เราไม่ควรฝ่าฝืน

การท่องเวลานั้นบางทีฟังดูเหมือนว่ามันจะเป็น สิ่งที่ขัดแย้งกันเอง (Paradoxes) อยู่ในหลายๆ ด้าน คุณลองจินตนาการดูว่าวันหนึ่งเรานั้นสามารถที่จะประดิษฐ์เครื่องไทม์ แมชชีนได้สำเร็จและเดินทางย้อนไปยังอดีต และเกิดนึกสนุกขึ้นมาทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเราไม่ได้พบกัน และทำให้เราไม่ได้เกิดขึ้นมา และพอเรากลับมายังอนาคต ซึ่งเราก็ยังเป็นตัวเราอยู่ ดูแล้วมันออกจะแปลกๆ ในเมื่อเราในอดีตไม่ได้เกิดมา แล้วตัวเราในอนาคตหรือในขณะนี้นั้นเป็นใคร ?? เป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะมีอนาคตของหลายๆ มิติอนาคต ซึ่งจะแยกย่อยออกไปตามเหตุการณ์ที่เจอหรือเกิดขึ้นตามแต่ละมิติเวลาในช่วงนั้น

จากความคิดตรงนี้เองที่ทำให้มันดูเหมือนว่า การย้อนเวลาขัดแย้งกันเองด้วยกฎของธรรมชาติ อย่างที่ว่าไป ถ้าคิดในอีกแง่หนึ่งก็คือ อดีต เป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ เราไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้แล้ว อาจจะคิดได้ในแง่ว่าช่วงเวลาของอดีตหรือของอนาคตที่มีนั้นมีอยู่เพียงมิติเดียว แต่ถ้ามีอยู่หลายมิติเวลาล่ะก็เป็นอีกเรื่องนึง!!!

ที่มา http://artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=3611

 

คนและสัตว์กับการทำนายการเกิดแผ่นดินไหว ​

​

ในหน้าประวัติศาสตร์ มีคนหลายคนที่อ้างเกี่ยวกับความสามารถในการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าในมนุษย์ ชายอเมริกันพื้นเมืองที่ชื่อโชโตลา (Shotola) ได้เตือนนักร้องโอเปร่าชาวอิตาลีผู้โด่งดังชื่อเอนริโก คารูโซ (Enrico Caruso) ให้ย้ายออกจากเมืองซานฟรานซิสโกก่อนการเกิดแผ่นดินไหวและไฟไหม้เมืองในปี 1906 โชโตลาอ้างว่าเขาสามารถได้ยินเสียงแผ่นดินไหวก่อนที่มันจะเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ไม่เคยบันทึกผู้ที่ทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ถูกต้องแม่นยำเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้น ประสาทสัมผัสของมนุษย์ดูเหมือนจะไม่สามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าครับ

มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความสามารถในการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวบางแบบในสัตว์ นักฟิสิกส์และเคมีชาวเยอรมันชื่อเฮลมุท ทริบุท์ช (Helmut Tributsch) กล่าวว่า สัตว์มีความสามารถในการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างไม่ต้องสงสัยและชาวกรีกโบราณเป็นผู้พบเห็นความสามารถนี้เป็นชาติแรก หลายชั่วโมงหรือวันก่อนการเกิดแผ่นดินไหว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสัตว์สามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้เช่น

* สัตว์แสดงพฤติกรรมผิดปกติออกมา สัตว์ในเมืองของประเทศเปรูจะพฤติกรรมผิดปกติก่อนที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นคือ ไก่จะไม่กลับมายังเล้า แม่แมวจะคาบลูกออกจากบ้านไปยังพื้นที่โล่ง วัวจะร้องด้วยเสียงแปลกเรื่อยๆ

* ปลาเปลี่ยนรูปแบบการอพยพย้ายถิ่น ชาวประมงในประเทศญี่ปุ่นได้จดจำมานานแล้วถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการอพยพของปลาก่อนเกิดแผ่นดินไหว รายงานสถิติในปี 1932 ในเรื่องการจับปลาแมกเกอเรล (mackerel) ใกล้กับแหลมอิซุ (Izu) ดูเหมือนจะเป็นการยืนยันเรื่องนี้กล่าวคือ ขนาดของปลาที่จับได้ในช่วงปี 1920 จะแตกต่างกัน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิดแผ่นดินไหว ยิ่งกว่านั้น ชายฝั่งน้ำตื้นใกล้กับเมืองมิยากิ (Miyagi) เต็มไปด้วยฝูงปลาซาดีน (โดยปกติจะหายากในมหาสมุทรแปซิฟิก) ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวใกล้กับบริเวณนั้นในปี 1933

กระนั้น ความเชื่อของชาวญี่ปุ่นกล่าวว่าปลาสามารถพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวได้ ก่อนการเกิดแผ่นดินไหวในกรุงโตเกียวในปี 1855 ชาวประมงสังเกตเห็นปลาดุก (catfish) จำนวนมากกระโดดขึ้นเหนือน้ำอย่างบ้าคลั่ง เมื่อนึกถึงความเชื่อและตระหนักว่าปลาดุกมักเป็นปลาที่สงบและชอบหากินตามพื้นดินใต้น้ำ ชาวประมงจึงรีบกลับบ้านและขนข้าวของออกจากบ้านก่อนที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้น

​

ตามเรื่องเล่าของชาวญี่ปุ่น แผ่นดินไหวเกิดจากปลาดุกยักษ์ (Namazu) ที่อาศัยอยู่ใต้เกาะประเทศญี่ปุ่น ในรูปเป็นฉากที่ชาวเมืองเอโดะ (Edo) หรือโตเกียวในปัจจุบันกำลังลงโทษปลาดุกยักษ์สองตัวที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในเมืองอันเซอิ (Ansei) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1855

* หนูย้ายถิ่น ภัตตาคารชื่อ House of Rats ในเมืองนาโกย่าประเทศญี่ปุ่นจะปล่อยให้หนูอยู่อย่างอิสระในนั้น ในวันที่ 29 ตุลาคม 1991 หนึ่งวันหลังจากหนูจะหายไปได้เกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงประมาณ 7.9 ริกเตอร์ขึ้น และหนึ่งวันก่อนการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ซานเฟอร์นันโดวัลเลย์ (San Fernando Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนียในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1971 ตำรวจรายงานว่ามีหนูฝูงใหญ่วิ่งผ่านถนนหลายสาย

* งูย้ายถิ่น เกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรง 7.3 ริกเตอร์ในจังหวัดเหลียวหนิง (Liaoning) ในประเทศจีนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1975 เหตุการณ์ครั้งนี้ควรจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักและมีคนตายจำนวนมาก แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่ตายเพราะคนส่วนใหญ่ได้อพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย คนเหล่านี้ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของสัตว์หลายชนิดก่อนการเกิดแผ่นดินไหว 2 เดือนรวมถึงงูออกจากการจำศีลในฤดูหนาวเพื่ออพยพหนีและตายบนหิมะจำนวนมาก

* ค้างคาวบินตอนกลางวัน ก่อนการเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรง 7.0 ริกเตอร์ในปี 1976 ในประเทศอุซเบกิสถานและต่อมาที่โซเวียต ผู้คนสังเกตเห็นฝูงค้างคาวบินไปมาในตอนกลางวัน ในประเทศตุรกี หน่วยงานรัฐบาลใช้การบินของค้างคาวในตอนกลางวันเป็นสัญญาณเตือนการเกิดแผ่นดินไหว

​

* นกไม่กลับรัง ก่อนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นที่เมือง Friuli ในประเทศอิตาลีในเดือนพฤษภาคม 1976 ชาวเมืองรายงานการพบเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของสัตว์หลายชนิดรวมถึงนกร้องเสียงแปลกๆ และนกที่ทำรังไม่ยอมกลับเข้ารัง

* วัววิ่งขึ้นที่สูง ในเดือนมีนาคม 1964 คนเลี้ยงวัวในเกาะโคดิแอก (Kodiak Is.) ในรัฐอะแลสกาตัดสินใจพาฝูงวัวขึ้นไปยังที่สูงตามลางสังกรณ์จากพฤติกรรมของวัว เขาพาฝูงวัวของเขาไปกินหญ้าตามเส้นทางเดิมเป็นเวลาหลายปี อยู่มาวันหนึ่งวัวของเขาหยุดกินหญ้าและเริ่มวิ่งไปยังที่สูง ด้วยความงงงัน คนเลี้ยงวัวจึงตามฝูงวัวของเขาไป สองชั่วโมงหลังจากนั้น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เมือง Anchorage พังราบคาบ นี่ช่วยให้คนเลี้ยงวัวและฝูงวัวรอดจากคลื่นยักษ์ที่ถาโถมมายังพื้นที่ต่ำที่เขาและฝูงวัวเพิ่งจากมาอีกด้วย

* ลิงชิมแพนซีอยู่ไม่สุข ณ ศูนย์ศึกษาลิงแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งมีนักวิจัยมีการศึกษาพฤติกรรมลิงชิมแพนซี ในปี 1975 พวกเขาสังเกตว่าก่อนที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นหลายวัน ลิงชิมแพนซีจะมีอาการอยู่ไม่สุข กระนั้น หลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองโลมาพรีตา (Loma Prieta) ใกล้กับซานฟรานซิสโกในเดือนตุลาคมปี 1989 มีการบันทึกว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ เกิดขึ้นกับสัตว์ก่อนเกิดแผ่นดินไหวตัวอย่างเช่น ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเมืองมอนเตอเรย์ (Monterey) นักประดาน้ำสองคนสังเกตเห็นปลาหยุดว่ายรวมกลุ่มกันก่อนเกิดแผ่นดินไหว และกลับมารวมกันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว

นี่เป็นเพียงรายงาน การสังเกตพฤติกรรมที่แปลกจากปกติ ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขึ้นครับ ตอนนี้ลองมองดูสิ่งมีชีวิตรอบตัวคุณสิครับ ว่ามันมีพฤติกรรมแปลกๆ หรือไม่? บางที...อาจจะเป็นนักพยากรณ์ก็ได้นะครับ

ที่มา http://www.electron.rmutphysics.com/science-news/index.php?Itemid=1&id=114&option=com_content&task=view

 

ไอบีเอ็มเปิดแผนกบริการการจัดการน้ำ, มุ่งสร้าง
"โลกอัจริยะ"

นอกจากพีซีที่ไอบีเอ็มเป็นคนปั้นขึ้นมากับมือแล้ว ช่วงๆ หลังๆ บริษัททำงานให้คำปรึกษาในด้านอื่นๆ มากขึ้น (เนื่องจากทำเงินได้ดีกว่ามาก) ล่าสุดบริษัทก็ออกมาเปิดบริการการจัดการน้ำ

บริการนี้จะเน้นที่การลดการใช้คนในการจัดการคุณภาพน้ำ ทำให้บริษัทผลิตน้ำประปาสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำได้ตลอดเวลา และยังอาจจะประมวลผลหาตำแหน่งของขยะที่ก่อให้เกิดมลภาวะกับน้ำ

เมื่อปีที่แล้วไอบีเอ็มก็ได้ส่งมอบทุ่นตรวจสอบคุณภาพน้ำให้กับสถาบัน วิจัยในไอร์แลนด์ ในโครงการ SmartBay ที่ต้องการตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณอ่าว Galway

คาดว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ใน 5 ปีข้างหน้า

ที่มา - http://jusci.net/node/906
​

 

เยอรมนีกำลังทดลองพลังงานถ่านหินสะอาด
​

ขึ้นชื่อว่าถ่านหินแล้ว นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลกคงจะอี๋ในเรื่องความสกปรกและการทำลายสิ่งแวด ล้อม แต่น่าเสียดายว่าพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ถูกมาก เหมาะสำหรับช่วงเศรษฐกิจถดถอย ถ้าหากว่าเราเอาถ่านหินมาทำให้สะอาดได้ ก็คงเป็นเรื่องดี ทั้งสะอาด ทั้งถูก

ประเทศเยอรมนีนำโดยบริษัทพลังงาน E.ON Energie กำลังจะก้าวไปในทิศทางนี้ บริษัทกำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าใกล้เมืองแฟรงเฟิร์ต โรงไฟฟ้านี้จะใช้เครื่องดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากบริษัท Siemens เครื่องนี้มีชื่อว่า carbon capture and sequestration (CCS) ซึ่ง Siemens โม้ว่ามันจับคาร์บอนไดออกไซด์จากถ่านหินได้ถึง 90%

เทคนิคที่ใช้คือให้คาร์บอนไดออกไซด์เกิดปฏิกิริยากับสารเอมีน (amine) เกิดเป็นสารละลาย เมื่อสารละลายนี้โดนความร้อน มันจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกคืนมา (ซึ่งเราจะมาดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ตรงนี้ในโซนปิด) ส่วนตัวสารละลายนั้นนำกลับไปใช้ใหม่ได้

คาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จะเก็บลงใต้ดิน โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้สร้างอยู่ใกล้กับแหล่งขุดเจาะก๊าซเดิมอยู่แล้ว

ที่มา - http://jusci.net/node/902

 

ขอขอบพระคุณสำหรับข่าวสารดีๆที่มีมาให้อ่านค่ะ...ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

 

ตอนนี้ญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากๆ ไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจจะสร้างไทม์ แมชชีน สำเร็จขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นไปได้

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หุ่นยนต์แฟชั่นโชว์พร้อมขึ้นแคทวอล์กปลาดิบ</TD></TR></TBODY></TABLE></B>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 มีนาคม 2552 10:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

​

​

นักวิจัยญี่ปุ่นเปิดตัวหุ่นยนต์ซูเปอร์โมเดลปากนิดจมูกหน่อยสำหรับขึ้นเวทีแฟชั่นโชว์ที่โตเกียววันที่ 23 มีนาคมนี้ มาพร้อมส่วนสูง 158 ซม.แต่น้ำหนักเพียง 43 กิโลกรัมรวมแบตเตอรี่แล้ว ทุนการพัฒนาอยู่ที่ 200 ล้านเยนหรือประมาณ 70 ล้านบาท

หุ่นยนต์ซูเปอร์โมเดลนี้มีชื่อว่า HRP-4C ถูกเปิดตัวต่อสื่อมวลชนที่สถาบันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติญี่ปุ่น (National Institute of Advanced Industrial Science and Technology : AIST) ด้วยการแสดงความสามารถในการเคลื่อนไหวเลียนแบบท่าทางของนางแบบตัวจริง ทีมวิจัยระบุว่าการแสดงท่าทางเหล่านี้เป็นผลงานของมอเตอร์ควบคุมการเคลื่อนไหวจำนวน 42 ตัว ซึ่งติดตั้งภายในหุ่นซึ่งสร้างให้มีใบหน้าสไตล์ภาพในการ์ตูนญี่ปุ่น"มังงะ (manga)" แต่มีช่วงตัวเป็นโลหะสีเงิน

ชูจิ คาจิตะ (Shuji Kajita) ผู้นำทีมการวิจัย HRP-4C ระบุสาเหตุที่พัฒนาช่วงตัวโลหะสีเงินและใบหน้าสไตล์การ์ตูนให้หุ่นยนต์นางแบบสาว ว่าหากหุ่นยนต์มีลักษณะเหมือนมนุษย์เกินไปก็อาจจะสร้างความรู้สึกแง่ลบต่อหุ่นยนต์ได้ สำหรับเหตุผลที่พัฒนาให้ HRP-4C มีส่วนสูง 158 เซนติเมตรหรือ 5 ฟุต 2 นิ้ว เพราะตัวเลขดังกล่าวคือความสูงเฉลี่ยของหญิงชาวญี่ปุ่นชาวอายุ 19-29 ปี

ทีมวิจัยระบุว่า HRP-4C นั้นมีเป้าหมายในการพัฒนาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมความบันเทิงเป็นหลัก โดยยังไม่มีแผนการจำหน่ายในขณะนี้

ระหว่างการเปิดตัว HRP-4C สามารถทำหน้าที่นางแบบท่ามกลางเสียงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพได้ดีระดับหนึ่ง สามารถยิ้มและโพสต์ท่าตามคำขอของตากล้องได้เพราะเซ็นเซอร์วิเคราะห์เสียงไร้สายเทคโนโลยีบลูธูท แต่พบการทำงานผิดพลาดเล็กน้อยเพราะหุ่นยนต์สับสนระหว่างเสียงแฟลชและเสียงพูด

HRP-4C มีกำหนดการขึ้นเวทีแฟชั่นโชว์ในกรุงโตเกียววันที่ 23 มีนาคมนี้ คาดว่าจะสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมงานได้มากเป็นพิเศษ

ที่มา http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000030265

 

*** ตัวตนที่แท้จริง แต่มองไม่เห็น ****

ตัวกระทำ...ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
คือ....ตัวตนของการกระทำที่แท้จริง

The Action never die.
ทุกการกระทำที่เกิดขึ้น ไม่ตาย ไม่สูญสลาย
ยังคงติดตามตัวผู้กระทำ เหมือนเงาตามตัว
ตัวกระทำ นี้มองไม่เห็น แต่มีอยู่จริง

The Action never lost.
ทุกการกระทำ ไม่สูญสลายหายไปไหน
คงอยู่กับผู้กระทำ ไปตลอด นานแสนนาน

ตัวกระทำมีผลตอบแทน
เพราะเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลในเรื่องต่างๆ
เรื่องกฎแห่งกรรม
เรื่องการเกิด การดับ
เรื่องการหลุดพ้นทุกข์ การไม่กลับมาเกิดใหม่

พระพุทธเจ้า...จึงใช้ หลักสัจจะธรรม
ธรรมเที่ยง ในธรรมชาตินี้
เป็นหลักการในการหลุดพ้นทุกข์ พ้นจากการเกิดใหม่
คือ หลุดพ้นไปจากโลก
ได้ด้วย ....การขจัดนิสัยที่มี ให้หมดสิ้นไป
ด้วยการสร้าง การกระทำใหม่ขึ้นมาในชีวิต
ให้เป็น...การกระทำเที่ยง
ที่ปราศจาก การใช้นิสัยตนเองในการตัดสินใจกระทำ
ทั้ง กาย วาจา ใจ
คือ .......การปฏิบัติตนด้วย สัจจะ
เรียกว่า.......สัจจะทำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** หลักการ หลุดพ้น สู่พระนิพพาน ****

แรงโน้มถ่วง...คือ แรงดึงดูด
คือ สัญญา....คือ พันธะ

หลุดพ้น...คือ ไร้แรงโน้มถ่วง
ไร้แรงดึงดูด....คือ หมดความผูกพัน
หมดสัญญา...หมดพันธะ


.......วิธีหลุดพ้น สู่พระนิพพาน

 

*** อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ****

เรา ย้อนดูอดีตกันได้
คือดู ตัวกระทำ ที่เกิดขึ้นมา
แต่ ไม่สามารถแก้ไขการกระทำในอดีต
พยายามตังใจทำสิ่งที่ดี ในวันนี้...เพื่อผลตอบแทนที่ดี ในวันข้างหน้า
ความดี....คือ การตัดลดนิสัยตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เครื่องไทม์แมชชีน เป็นอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวที่จะไม่สามารถ สร้างขึ้นมาได้ สำเร็จอย่างเด็ดขาด
ผมอยากรู้ว่าระหว่างข้อดี กับข้อเสียของเครื่องมือประเภทนี้คืออะไร เท่าที่ผมตรองดูแล้ว ถ้ามีจริงนะครับ ถ้ามีตริง คงอันตรายมาก ถึงมากที่สุด ใช่มั้ยครับ
ทำไมถึงอยากให้มีกันนัก
ถ้ามีจริงทำไมมนุษย์ต่างดาวที่มีภูมิความรู้สูงกว่า เขาถึงไม่สร้างออกมาครับ
ถ้าประเทศผู้แพ้สงครามสรางขึ้นมาจริงแล้ว เกิดไปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกหล่ะครับ อะไรจะเกิด ทุกอย่างคงเปลี่ยน
เหมือนเล่านิทานนะครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน จะสร้างอุปกรณ์เร็วเท่าแสง เป็นไปได้ เคลื่อนย้ายมวลสาร ผ่านสถานที่ เป็นไปได้ แต่เครื่องย้อนเวลา หรือข้ามกาลเวลา เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ

 

*** Encyclopedia ****

Encyclopedia ของโลก...คือ หิน
หิน....จะบันทึกเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่กำเนิดโลก จนถึงปัจจุบัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** การเดินทาง ****

ไปทางช้างเผือก...
เดินเข้าไปในภูเขา....
ไปสอนโปรดผู้คนในฝัน...
เขาก็ไปด้วย....ตัวกระทำ
ตัวกระทำ...จากสิ่งที่ตัดลดนิสัยตนเอง ได้จริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พายุฤดูร้อนจ่อถล่ม20จว. เหนือ-อีสานโดนแน่ 18-22 มี.ค.
​

[18 มี.ค. 50 - 01:05]

​

มีรายงานว่า วานนี้ (17 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 4 ว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกพัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-22 มี.ค.2550 จะมีความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่เข้ามาปกคลุม ประเทศไทยตอนบน ขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้หลายพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือก่อน ได้แก่ บริเวณ จ.นครพนม มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร อุดรธานี เลย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ลำปาง และเพชรบูรณ์ รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในระยะต่อไป <o></o>
<o></o>
ราน งานระบุด้วยว่า ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดที่กล่าวมา ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยดูแลบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาให้มั่นคงแข็งแรง และไม่ควรใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะนำไฟฟ้าในบริเวณที่โล่งแจ้งขณะที่เกิด พายุฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันการเกิดฟ้าผ่าไว้ด้วย

สำหรับในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. 2550 ภาคใต้ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ลงไปถึง จ.สงขลา จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น

 

พายุฤดูร้อนจ่อถล่ม20จว. เหนือ-อีสานโดนแน่ 18-22 มี.ค.
​

[18 มี.ค. 50 - 01:05]

​

มีรายงานว่า วานนี้ (17 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 4 ว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกพัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-22 มี.ค.2550 จะมีความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่เข้ามาปกคลุม ประเทศไทยตอนบน ขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้หลายพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือก่อน ได้แก่ บริเวณ จ.นครพนม มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร อุดรธานี เลย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ลำปาง และเพชรบูรณ์ รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในระยะต่อไป <o></o>
<o></o>
ราน งานระบุด้วยว่า ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดที่กล่าวมา ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยดูแลบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาให้มั่นคงแข็งแรง และไม่ควรใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะนำไฟฟ้าในบริเวณที่โล่งแจ้งขณะที่เกิด พายุฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันการเกิดฟ้าผ่าไว้ด้วย

สำหรับในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. 2550 ภาคใต้ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ลงไปถึง จ.สงขลา จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น

---------------------------------------------------------------------
ที่มา - http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=40469

 

18 มี.ค. 52

เห็นมาก็เตือนไป

ท่านพระพายทำตัวเป็นลูกข่างยักษ์สีดำ ขว้างมาหลายลูก

 

พายุมา แถวบ้านผมเลย.....--__--. ถ้าลูกเห็บตกจะเก็บภาพมาฝากนะครับ แถวบ้านผมถ้าช่วงนี้ลูกเห็บตก ก็ปกติครับ เห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่นานๆทีตกนะครับ ขออนุโมทนา ครับ สำหรับคำเตือน