ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อ.แม่สอด น้ำท่วมฉับพลัน เหตุน้ำในอ่างเก็บล้นสปิลเวย์

    [​IMG]

    ตาก 1 พ.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สอด บ้านหัวฝาย ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก ล้นสปิลเวย์ และไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ตำบลรอบนอกของ อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างรวดเร็ว เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (1 พ.ย.)

    โดยเฉพาะหมู่บ้านหัวฝาย แม่ตาวใหม่ ตำบลพระธาตุผาแดง และอีกหลายหมู่บ้านของตำบลแม่กุ มีระดับน้ำท่วมสูง ประชาชนต้องรีบขนย้ายทรัพย์สิน และอพยพออกจากหมู่บ้าน ล่าสุด น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองแม่สอด โดยเฉพาะย่านการค้า ส่งผลให้ร้านค้าหลายแห่ง ต้องนำกระสอบทรายมาปิดกั้น ป้องกันความเสียหายอย่างเร่งด่วน

    อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 และทหารจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33 อ.แม่สอด ได้ระดมเจ้าหน้าที่และเรือท้องแบนเข้าไปให้ความช่วยเหลือราษฎรเบื้องต้นแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2008-11-01 10:13:07

    ฝนตกหนักในสกลนครทำนาข้าวเสียหาย

    [​IMG]

    สกลนคร 1 พ.ย. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักใน จ.สกลนคร ทำให้นาข้าวหลายแห่งที่เริ่มแก่จัดและรอการเก็บเกี่ยว ได้รับความเสียหาย

    นอกจากในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สกลนคร หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักเช่นกัน โดยเฉพาะในเขต อ.เมือง ปริมาณน้ำฝนวัดได้มากกว่า 70 มิลลิเมตร ส่งผลให้นาข้าวที่เริ่มแก่จัดสุกงอม รอการเก็บเกี่ยว ถูกกระแสลมพัดหักโค่น จมน้ำได้รับความเสียหาย ชาวนาต้องเร่งเก็บเกี่ยว เพื่อไม่ให้ข้าวเน่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ผลจากความเปียกชื้น ทำให้ชาวนาหลายคนออกปากว่า คงจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการจำนำข้าว ที่น่าจะได้ราคาต่ำกว่าราคาประกัน

    ทั้งนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.สกลนคร ระบุว่า นอกจากภาวะฝนตกหนักที่เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงแล้ว ประชาชนที่นั่นยังจะต้องเผชิญกับภาวะสภาพอากาศหนาวเย็นที่เริ่มขึ้นแล้วด้วย. - สำนักข่าวไทย

    2008-11-01 02:16:01

    ประเทศไทยยังมีฝนตกหนักในระยะนี้

    [​IMG]

    กรมอุตุฯ 1 พ.ย. - ประเทศไทยโดยเฉพาะตอนบนของประเทศ ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้

    หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคกลางได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคเหนือด้านตะวันตกแล้ว เช้าวันนี้ (1 พ.ย.) และคาดว่าจะเข้าสู่ประเทศพม่าในระยะต่อไป สำหรับร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลางพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ทางตอนบนของประเทศมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก ลำพูน ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยภูมิ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

    นอกจากนั้น ทางตอนบนของภาคเหนือยังมีอากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร. - สำนักข่าวไทย

    2008-11-01 08:04:15

    คาดเงินบาทมีโอกาสแตะ 35.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 1 ต.ค. - บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 34.70-35.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังเงินบาท สัปดาห์นี้ร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้ (27-31 ต.ค.) เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากแรงเทขายสินทรัพย์ของนักลงทุน นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันจากความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐ ของผู้นำเข้าน้ำมันและทองคำอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เงินบาทสามารถฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงต่อมา หลังจากเงินดอลลาร์สหรัฐ เผชิญแรงเทขายทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ตลอดจนแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอื่นๆ ช่วยบรรเทาความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก

    อย่างไรก็ตาม เงินบาทร่วงลงอีกครั้งเช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ และแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน ที่ระดับประมาณ 35.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 ต.ค.) เนื่องจากมีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ จากผู้นำเข้า ตลอดจนความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสิ้นเดือน ขณะที่ ปัญหาการเมืองในประเทศก็เป็นปัจจัยลบของเงินบาทด้วยเช่นกัน
    ในสัปดาห์หน้า (3-7 พ.ย. ) คาดว่าเงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบประมาณ 34.70-35.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ประกอบด้วย ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางออสเตรเลีย ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงาน ดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนตุลาคม ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) รายจ่ายด้านการก่อสร้าง ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่ง เดือนกันยายน และข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 3/2551.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชาววิไล จะเกิดหลังจากนี้ไป
    โดยคุณ 1redstar<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1608829", true); </SCRIPT> สมาชิก

    [​IMG]

    <TABLE class=tborder id=post1608829 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 26-10-2008, 03:34 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#8 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>1redstar<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1608829", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: เมื่อวานนี้ 05:27 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    สถานที่: อมฤตาลัย
    ข้อความ: 414
    ได้ให้อนุโมทนา: 27
    ได้รับอนุโมทนา 1,470 ครั้ง ใน 300 โพส
    พลังการให้คะแนน: 129 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1608829 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ชาววิไล จะเกิดหลังจากนี้ไป เมื่อการกวาดล้างอธรรมอย่างนองเลือดครั้งใหญ่บังเกิดขึ้น

    เหลือแต่คนดีมีศีลธรรมรอดชีวิตจากการกวาดล้างที่กำลังจะมีขึ้นไม่เกินกลางปี ๒๕๕๒

    เมื่อเรามีผู้นำที่ดี มีวิสัยทัศน์ นำพาชาติรอดพ้นวิกฤติตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงและการเมืองใหม่ที่สุจริตโปร่งใส เอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลาอย่างถูกต้อง

    เศรษฐกิจพอเพียงมีเสถียรภาพกว่าระบบทุนนิยมเสรี ซึ่งนายทุนเป็นใหญ่ คนจนตกเป็นทาสนายทุน

    เศรษฐกิจพอเพียงทำให้คนจนลืมตาอ้าปากได้

    เศรษฐกิจพอเพียงยืนอยู่บนฐานของคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง

    ดังนั้นสมบัติบาปๆ ก็ไม่รู้จะไปแสวงหามาทำไมกันให้เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=154691
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 214.jpg
      214.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.5 KB
      เปิดดู:
      1,832
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลกุตตระ สัจจะธรรม ****

    โลก...กำลังเย็นลง
    เพราะ มีน้ำมาเติมเพิ่มมากขึ้น ที่ไซบีเรีย
    ช่วงนี้หิมะ ฝนจะตกมาก
    น้ำจะไหลลงทะเลมากขึ้น
    น้ำทะเลจะค่อยๆ สูงขึ้น
    เกาะจะท่วมเป็นล้านๆ เกาะ
    สุดท้าย ...โลกจะสมบูรณ์
    เหมือนในอดีต

    ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
    กายวาจาใจ ตรงกันเป็นสัจจธรรม
    สัจจะ คือหนทางสร้างการกระทำเที่ยง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  4. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    อืมมมมมมมมมมมม
     
  5. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ถูกต้องนะครับท่าน โลกกำลังเย็นลง ไม่ใช่โลกร้อน

    สวัสดี ครับท่านหนุมารฯ

    ปล. ในที่สุดสตอมเซิร์จที่ท่านทั้งหลาย หวั่นเกรงก็ผ่านไปแล้วนี่ครับ เชื่อผมเสียแต่ทีแรกก็หมดเรื่อง ไปเชื่อทำไมพวกกระต่ายตื่นตูมพรรค์อย่างนั้น ฮ่าๆๆ
     
  6. namjaii

    namjaii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +276
    นู้น เดือนธันวาคมสตอมเซิร์จที่ ถึงจะหมดโน่น ไม่เห็นเป็นไรเลยระวังตัวไว้ก่อน แต่อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ได้ จริงมั๊ย
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กฎแห่งกรรม


    [​IMG]

    ปัจจุบันคนเริ่มสงสัยในเรื่องกฎแห่งกรรม และบางคนก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้ ถึงกับมีคนเขียนเป็นคำกลอนว่า คนทำดีได้ดีมีที่ไหน คนทำชั่วได้ดีมีถมไป ในเรื่องกฎแห่งกรรมได้กล่าวถึงอันตรายที่เกิดแก่สัตว์โลก ๕ อย่างคือ


    ๑. กิเลสันตราย อันตรายที่เกิดจากกิเลส

    ๒. กัมมันตราย อันตรายที่เกิดจากความชั่วที่ทำในปัจจุบัน


    ๓. วิปากัมตราย อันตรายที่เกิดจากวิบาก คือผลของกรรมที่ทำในอดีต


    ๔. ทิฏันตราย อันตรายที่เกิดจากทิฐิที่ผิด

    ๕. อริยูปวันตราย อันตรายที่เกิดจากการจ้วงจาบพระอริยเจ้า

    พระพุทธศาสนาสอนว่า บุคคลจะได้ดี หรือชั่ว ได้รับสุข หรือทุกข์ ก็เพราะกรรม หรือการกระทำของตนเองทั้งสิ้น หากเราไม่ดำเนินตามทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ แม้จะสวดมนต์ หรือวิงวอนขอร้อง ก็ไม่อาจจะช่วยให้เราพบความดี และความสุขได้ ถ้ามนุษย์จะมีความสุขได้ด้วยความภักดี และวิงวอน มนุษย์เราก็คงไม่ต้องทำอะไร

    ความเชื่อในเรื่องกรรม

    ตามคำสอนในพระพุทธศาสนา ชาวพุทธควรมีศรัทธา ๔ อย่างคือ

    ๑.ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคณ และพระมหากรุณาธิคุณ

    ๒. กัมมสัทธา เชื่อเรื่องกรรม คือเชื่อว่ากรรมมีจริง

    ๓. วิปากสัทธา เชื่อเรื่องผลของกรรม คือเชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำไม่ว่าดีหรือชั่วย่อมให้ผลเสมอ

    ๔. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน คือเชื่อว่าผลที่เราได้รับ เป็นผลแห่งการกระทำของเราเอง ซึ่งอาจจะเป็นกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติหรืออดีตชาติ

    จะเห็นได้ว่าความเชื่อหรือศรัทธา ๔ อย่าง เป็นความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับกรรม กฎแห่งกรรมจึงเป็นคำสอนที่สำคัญในพระพุทธศาสนา ผู้เป็นชาวพุทธทุกคนจึงควรเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ควรพยายามศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ชาวพุทธที่ไม่เชื่อกฎแห่งกรรมหาใช่ชาวพุทธที่แท้จริงไม่ เขาเป็นเพียงชาวพุทธแต่เพียงในนาม ศาสนาพุทธมีประโยชน์แก่เขาเพียงใช้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อไม่ให้ถูกว่าเป็นคนไม่มีศาสนาเท่านั้นเอง

    คนที่เชื่อในเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ คนที่เชื่อเรื่องกรรมย่อมสามารถอดทนรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ร้ายที่เกิดแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมาแต่อดีต ไม่ตีโพยตีพายว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำดีแล้วไม่ได้ดี คนที่เชื่อในเรื่องกรรมจะยึดมั่นอยู่ในการทำความดีต่อไป จะเป็นผู้สามารถให้อภัยแก่ผู้อื่น และจะเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ

    คนที่ประกอบกรรมทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ส่วนใหญ่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องบุญและบาป ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้เกิดมาจึงมุ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติและความสุขสบายให้แก่ตัว โดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สมบัติหรือความสนุกสนานที่ตนได้มาถูกหรือผิด และทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่

    สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ และเราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น จะโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เช่น เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรอโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้ แม้ผู้นั้นจะยินดีรับโอนกรรมชั่วของเราก็ตาม กรรมดีก็เช่นเดียวกัน ผู้ใดทำกรรมดี กรรมดีย่อมเป็นของผู้ทำโดยเฉพาะ จะจ้างหรือวานให้ทำแทนกันหาได้ไม่ เช่นเราจะเอาเงินจ้างผู้อื่นให้ประกอบกรรมดี แล้วขอให้โอนกรรมดีที่ผู้นั้นทำมาให้แก่เราย่อมไม่ได้ หากเราต้องการกรรมดีเป็นของเรา เราก็ต้องประกอบกรรมดีเอง เหมือนกับการรับประทานอาหาร ผู้ใดรับประทานผู้นั้นก็เป็นผู้อิ่ม

    มนุษย์เรามีภาวะความเป็นไปต่าง ๆ กัน เช่น ดีหรือชั่ว รวยหรือจน เจริญหรือเสื่อม สุขหรือทุกข์ ก็เนื่องจากกรรมของตนเองทั้งสิ้น และกรรมใดที่ทำลงไปจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมให้ผลตอบแทนเสมอ และย่อมติดตามผู้ทำเสมือนเงาติดตามตน หรือเหมือนกับล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคไปฉะนั้น ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย หากเราทำกรรมดีเราก็ได้รับความสุขความเจริญ กรรมดีจึงเหมือนกัลยาณมิตรที่คอยให้ความอุปการะ และส่งเสริมให้เราประสบแต่ความสุขและความเจริญ แต่ถ้าเราทำกรรมชั่ว กรรมชั่วก็คอยล้างผลาญเราให้ประสบแต่ความทุกข์และความเสื่อม

    พระธรรมเทศนาโดย พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

    ที่มา http://www.pranippan.com/new/board/index.php?showtopic=238&mode=linear

    หมายเหตุ

    หลวงพ่อเจริญ แห่งวัดป่ามะม่วง ก็คือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม พระอริยเจ้าผู้ปฎิบัติดึปฎิบัติชอบ ผู้ใดกล่าววจีกรรมจ้วงจาบ ในคำพยากรณ์ประเทศไทยของท่าน รวมทั้งคำพยากรณ์ของพระอริยเจ้าองค์อื่นๆด้วย โปรดระวังวิบากกรรมจะมาถึงตัวท่าน อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จงหยุดการกระทำของท่านและรีบขอขมาเสียโดยเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หาทางปกป้องตนเองจากกรรม ****

    โลกุตตระธรรม...มาสอนในเรื่องที่เหนือกฎแห่งกรรม
    คือ ....เรื่องสัจจธรรม และหนทางพ้นทุกข์

    สัจจะ...เป็นคำสอนของโลกุตตระธรรม
    ถ้าไม่เชื่อ สัจจะ....ก็ไม่มีทางรอดพ้นกรรมไปได้
    ตัวกระทำจากสัจจะ...มีผลตอบแทน แน่นอน
    สัจจะ....เป็นสื่อระหว่าง ตัวของเรา กับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เจ้าหน้าที่เร่งช่วยชาวบ้านที่ จ.ตากหลังน้ำป่าไหลหลากท่วมหมู่บ้าน

    [​IMG]

    ตาก 1 พ.ย.-เจ้าหน้าที่ได้เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ประสบน้ำป่าไหลหลากหลังฝนตกติดต่อกันหลายวัน

    นางจันทร์เพ็ญ คำแดง ชาวบ้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว หลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด.และหน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือนำตัวออกมาจากบ้านซึ่งถูกน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมและติดอยู่ในบ้านนานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ได้เกิดเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดกระแสน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ของอำเภอแม่สอด และเขตเทศบาลเมือง ส่งผลให้มีผู้ที่ติดอยู่ในบ้านหลายสิบคน

    เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ออกเร่งระดมนำเรือท้องแบนออกให้การช่วยเหลือ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ และส่วนราชการทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่เป็นการด่วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-01 12:47:29

    ที่มา http://news.mcot.net

    นครสวรรค์- อุตุฯ เตือนพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

    [​IMG]

    อุตุฯ นครสวรรค์ เตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน หลังจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยว ห้ามลงเล่นน้ำในพื้นที่เสี่ยงอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หวั่นเกิดน้ำป่าไหลหลาก

    หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคกลาง ได้เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตกแล้วในเช้าวันนี้(1 พ.ย. 51)และคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศพม่าในระยะต่อไป ​

    สำหรับร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลาง พาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะดังกล่าวจะยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก ลำพูน ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลกนครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยภูมิ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ ​

    ขณะที่ สถานีอุตุนิยมวิทยา จังหวัดนครสวรรค์ เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ระวังน้ำท่วมเฉียบพลันและน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ เนื่องจากช่วงนี้ในพื้นที่ของจังหวัดนครสวรรค์ มีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ ​

    จึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ และประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงภัยในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เพราะอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากได้ พร้อมเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติ ก่อนช่วงนี้เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตราย เนื่องจากฝนตกติดต่อกัน อาจทำให้น้ำป่าทะลักเข้าท่วมได้ ​

    (01/11/51)

    ที่มา http://www.tv3.co.th/becnews/data/regional.html

    <TABLE style="FILTER: progid:DXImageTransform.Microsoft.Gradient(startColorStr=#C0FFFFCC, endColorStr=#10FFFFFF, gradientType=0)" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: gray 1px solid; BORDER-LEFT: gray 1px solid" align=middle width="100%" colSpan=3>
    ประกาศเตือนภัย
    "หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง"

    ฉบับที่ 12 (390/2551) ลงวันที่ 01 พฤศจิกายน 2551
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" align=middle width="100%" colSpan=3>
    หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคกลาง คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศพม่าในระยะต่อไป สำหรับร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลางยังคงพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุก และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก


    ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองคาย เลย และชัยภูมิ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

    ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

    ออกประกาศ เวลา 11.00 น.

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนกิน "กลอย" หน้าฝนเจอพิษ "ไดออสคอรีน" ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทสัมผัส </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 พฤศจิกายน 2551 13:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]หัวกลอย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักวิจัยเตือนไม่ควรกินกลอย ช่วงหน้าฝน ชี้พบสาร "ไดออสคอรีน" มีฤทธิ์กดระบบประสาทสัมผัส ทำให้คันปาก อาเจียน ใจสั่น ตาพร่ามัว ถึงขั้นเป็นลม เตือนประชาชนระวัง ควรบริโภคจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากกรณีที่พนักงานบริษัทแอดเดอรานไทย จำกัด ตำบลเสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 20 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เนื่องจากเกิดอาการมึนและปวดหัวอย่างรุนแรงรวมทั้งอาเจียนไม่หยุดหลังจากรับประทานกลอยนึ่งคลุกมะพร้าวในช่วงพักกลางวันนั้น

    ดร.เฉลิมพล เกิดมณี หัวหน้าห้องปฏิบัติการสรีระวิทยาและชีวเคมีด้านพืช ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า กลอย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dioscorea hispida ในหัวกลอยมีแป้งมากและมีสารพิษที่ชื่อว่าไดออสคอรีน (Dioscorine) พิษชนิดนี้จะมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งประสาทส่วนกลางมีผลต่อการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัสทางกาย

    ดังนั้นคนที่รับประทานกลอยที่มีสารพิษเข้าไปจึงมักมีอาการ คันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน และเมื่อประสาทส่วนกลางบีบหัวใจทำให้เกิดอาการ มึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า อึดอัด และเป็นลมได้ในที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษ ความต้านทานของแต่ละคน

    "จากรายงานการศึกษาพบว่าปริมาณสารพิษของหัวกลอยในแต่ละฤดูกาลจะแตกต่างกัน และยังพบอีกว่ากลอยจะมีพิษมากในช่วงที่กลอยออกดอก คือช่วงหน้าฝนประมาณเดือนสิงหาคม – ตุลาคม และจะลดลงเมื่อกลอยเริ่มลงหัวในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนเมษายน"

    ดร.เฉลิมพล กล่าวต่อว่า แม้หัวกลอยจะมีพิษ แต่ก็มีการนำหัวกลอยมาใช้เป็นอาหาร อาทิ ใช้นึ่งกับข้าวเหนียว ทำแกงบวด หรือทอดคล้ายถั่วลิสงชุบแป้งทอด เป็นต้น เนื่องด้วยสารไดออสคอรีนเป็นสารพิษที่สามารถละลายน้ำได้ดี

    ดังนั้นหากเอาน้ำละลายสารพิษออกมาได้หมดก็สามารถรับประทานได้ ซึ่งคนสมัยก่อนมีวิธีการล้างพิษกลอยด้วยการฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆแล้วนำมาแช่น้ำไหล เช่น ในลำธาร ซึ่งต้องใช้เวลาชะล้างสารพิษนานไม่ต่ำกว่า 7 วัน หรืออีกวิธีหนึ่งคือนำไปแช่ในน้ำเกลือเข้มข้น โดยเกลือจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารไดออสคอรีนในแผ่นกลอยได้เร็วขึ้น แต่ต้องถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง และใช้เวลาแช่ไม่ต่ำกว่า 3 วัน

    ส่วนการแช่น้ำไว้หลายวัน จนกว่าเมือกที่ผิวกลอยจะหมดนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันได้ 100% ว่าจะไม่มีพิษเหลือยู่ เพราะสารพิษที่ยังอยู่ภายในเนื้อกลอยอาจยังซึมออกมาข้างนอกไม่หมดก็เป็นได้

    "อย่างไรก็ดีปัจจุบันเรายังไม่มีระบบการตรวจสอบสารไดออสคอรีนในกลอยก่อนออกจำหน่ายแก่ผู้บริโภค ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนพึงระวังคือไม่ควรรับประทานกลอยในช่วงฤดูฝน และหันมารับประทานในช่วงฤดูร้อนซึ่งจะปลอดภัยกว่า และควรบริโภคจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือได้ มีการแจ้งแหล่งผลิตชัดเจน ตรวจสอบได้ และที่สำคัญหากรับประทานแล้วเกิดอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที นอกจากนี้แนะนำว่าไม่ควรให้เด็กรับประทานกลอยจะดีที่สุด เนื่องจากเด็กมีน้ำหนักตัวน้อย สารพิษกระจายตัวในร่ายกายเร็วกว่าผู้ใหญ่ อีกทั้งเวลาที่เกิดอาการข้างเคียงเด็กจะไม่เข้าใจ หรือสงสัย และด้วยรสชาติกลอยที่มีรสมันเหมือนกินถั่ว ทำให้รู้ตัวเมื่อแสดงอาการมากแล้ว จึงค่อนข้างอันตรายสำหรับเด็ก"ดร.เฉลิมพล กล่าว

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000129714

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235

    อย่า ครับท่าน อย่าทำเป็นลิ้นสองแฉก เยี่ยงนี้

    กระทู้คำทำนาย โดยด๊อกฯ บอกว่า สค. กย. ตค. ปี 2551
    จะเกิดสตอมเซิร์จ ที่ฝั่งทะเล .. ขี้เกียจสาธยายหว่ะ ให้เขามาบอกเองก็แล้วกัน

    เบื่อ พวกกระต่ายตื่นตูม จริงๆ นะขอรับท่าน
     
  12. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 63 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 62 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2> หล่อลากดิน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ^
    ^
    หลบกันเข้าไป เด๋วเจอดีแน่ ... หึหึ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "กฎแห่งกรรม" ไม่เคยยกเว้นให้ผู้ใด

    [​IMG]
    พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกริยา

    วิบากกรรมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เกี่ยวกับเรื่องของวจีกรรม

    กรรมที่ต้องกระทำทุกรกิริยา

    ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทราบว่าพระกัสสปะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้กล่าวว่า "การตรัสรู้ของสมณะโล้น จักมีมาแต่ที่ไหน"

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ แม้ในภพสุดท้ายก่อนจะได้ตรัสรู้ พระองค์ยังต้องหลงเดินทางผิด บำเพ็ญทุกรกิริยาทรมานพระองค์เองด้วยวิธีการต่างๆ อันเป็นวัตรของเดียรถีย์ มีการอดอาหาร เป็นต้น จนสรีระผอมเหลือแต่กระดูก ได้รับทุกขเวทนากล้าอันเกิดจากความเพียรเป็นเวลานานถึง ๖ ปี กว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่

    ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้าว่า "เป็นสมณะทุศีล"

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา

    เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคลลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา

    ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุอันใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฏีในพระเชตวัน เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกาจึงนำท่อนไม้มาผูกติดเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้

    ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามหาชนเป็นอันมากแน่นอน

    พระอินทร์ทราบความ จึงแปลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไป เมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจีมหานรก

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา

    ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนี้ว่า "ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้บริโภคกาม" และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม

    ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี

    เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดที่จะทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ต่อมา จึงใช้ให้นางสุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกา จากนั้นได้ว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชาจึงมีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า "เหล่าศากยะสมณะร่วมกันฆ่านาง" พระอานนท์ทูลความให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง

    ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเหล่าเดียรถีย์คุมตัวไปเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า "พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของเหล่าศากยสมณะ" จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด

    ชื่อว่า กรรม แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เมื่อถึงวาระที่กรรมนั้นให้ผล แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในไตรภพ ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ด้วยประการฉะนี้

    ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๓ อรรถกถาพุทธวรรค พุทธาปทาน, ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓

    ที่มา http://www.gumara.com/node/228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2008
  14. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    โมทนาครับ อ่านแล้วดีมากครับ
    ส่วนตัวแม้ว่าไม่พอใจใครอย่างมาก ๆ ก็จำต้องเก็บไว้ เพราะอะไรก็ไม่ทราบ มันเป็นมาแต่กำเนิด
    แต่กรณีนี้เชื่อว่า แม้ว่าจะเป็นธรรมที่มาตักเตือนก้น ก็ไม่สามารถ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ คงต้องรอให้รู้และเห็นเองว่า แม้ใครจะผิดอย่างไร ไม่ถูกใจเราอย่างไร เราก็ไม่มีหน้าที่ ที่จะตำหนิหรือใช้ถ้อยคำในทางไม่ดี
    นอกจากตักเตือน หน้าที่ของเราคือดูที่เรา เท่านั้น คงพูดได้เท่านี้
    เมื่อถึงเวลาก็เขาคงเข้าใจเอง ว่า ไม่ควรทำอย่างนั้น
     
  15. กิตฺติคุโณ

    กิตฺติคุโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +61
    โลกเย็นลงก็เป็นผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนครับ
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877

    ผมได้อ่านบทความวิชาการเชิงวิเคราะห์จากนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ปรากฏการณ์โลกร้อนที่กำลังดำเนินอยู่นี้ สภาวะบรรยากาศและอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็จริง แต่กินระยะเวลาไม่นาน ตรงกันข้ามบรรยากาศและภูมิอากาศของโลกจะเย็นลงครับ และจะลดลงอย่างกระหันทันและรุนแรงมากกว่าครับ
     
  17. ปุณกะ

    ปุณกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +5,058
    "ถึงจะอย่างไร...สุดท้ายไทยก็ยังเป็นไทย แผ่นดินสุวรรณภูมิ....แผ่นดินธรรม...แผ่นดินทอง...แผ่นดินของไทย"
     
  18. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    จับลูกเลี้ยงวัย11 ฆ่าโหดแม่เศรษฐินี สารภาพสิ้นนำเงินไปเสพยา หมวด &raquo; ข่าว &raquo; ข่าวทั่วไป

    [​IMG]

    เศรษฐิ นีเจ้าของโรงไม้ เจอฆาตกรรมโหดตีด้วยแป๊บเป็นศพในบ้านตัวเอง ทรัพย์สินมีค่าในตัวถูกฉกไป ญาติๆ สงสัยฝีมือลูกเลี้ยงวัย 11 ของผู้ตายเอง อุตส่าห์รับมาเลี้ยงดูแต่เล็กแต่น้อย เพราะเห็นว่ากำพร้าแม่ แล้วพ่อติดคุกด้วย

    พ่อชักโตเป็นวัยรุ่นก็เริ่มทำตัวเสเพล หนีออกจากบ้าน ขโมยข้าวของเป็นประจำ ต่อมาตร.ตามตะครุบลูกเลี้ยงต้องสงสัยได้ทันควัน สารภาพลงมือตีแม่เลี้ยงด้วยแป๊บจนตายคามือ เพราะดุด่าตอนกำลังย่องเข้ามาขโมยของ

    เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 ต.ค. ร.ต.ต.ศุภฤกษ์ เคหะทุ่ม ร้อยเวร สภ.เมือง จ.หนองคาย รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกฆ่าตายภายในบ้านเลขที่ 148 ริมถนนสายหนองคาย-โพนพิสัย หมู่ 10 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย

    หลังรับแจ้ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุจินต์ นาวาเรือน รองผกก.ป. พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.ณัฏฐพนธ์ พะยอมใหม่ สว.สป. พ.ต.ต.วิเศษ ลานอุ่น สวป. พ.ต.ท.ประเวศ ภูบุญเต็ม เจ้าหน้าที่วิทยาการ และแพทย์เวร ร.พ.หนองคาย รุดไปที่เกิดเหตุ

    ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านข้างเปิดเป็นโรงไม้ชื่อ โรงไม้บ้านชัยอำนวย ภายในห้องนอนพบศพ น.ส.ศิริรัตน์ โค้วศรีวงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 2 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย เจ้าของบ้าน

    นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นห้องนอน สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตสีแดง นุ่งกางเกงวอร์มขายาวสีกรมท่า ที่หน้าผากถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ และกลางศีรษะอีกแผลจนกะโหลกแตก เลือดไหลนองเต็มพื้น คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง

    ตรวจสอบภายในห้องนอนพบท่อแป๊บเปื้อนเลือดยาว 1 เมตร อยู่ใต้เตียง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และทราบอีกว่า สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเครื่อง กำไลทองคำหนัก 3 บาท ที่ผู้ตายใส่อยู่หายไป

    จากการสอบสวน ด.ญ.รุ่งรัศมี โค้วศรีวงษ์ อายุ 12 ปี หลานสาวผู้ตาย เป็นผู้พบศพคนแรก ให้การว่า พักอาศัยอยู่กับผู้ตายที่มีศักดิ์เป็นป้า หลังเลิกเรียนกลับมาบ้านเห็นประตูหน้าบ้านปิดล็อกลูกบิดประตู ปกติน.ส.ศิริรัตน์จะไม่ปิดล็อกหน้าบ้าน

    จึงใช้มีดทำครัวงัดลูกบิดประตู แล้วเปิดเข้าไปในบ้าน ก็ได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดคละคลุ้ง พอเดินเข้าไปในห้องนอน ต้องตกใจเมื่อเห็นน.ส.ศิริรัตน์ถูกฆ่าตายไปแล้ว จึงวิ่งไปบอกญาติพี่น้องมาดู และแจ้งตำรวจ

    ส่วนนางอัจฉราพร สิงหารา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 10 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย พี่สาวของผู้ตายให้การว่า ผู้ตายเป็นโสด ไม่มีสามีและลูก จึงรับด.ช.ตุ้ย อายุ 11 ปี ซึ่งเป็นเด็กไม่มีแม่ และพ่อติดคุก เดิมอยู่บ้านละแวกเดียวกัน

    นำมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่อายุได้เพียง 3 เดือน ส่งเสียให้เรียนและเลี้ยงดูอย่างดี แต่พอเริ่มโตเป็นหนุ่มก็ไปคบหาเพื่อนต่างวัยในละแวกใกล้เคียงกันที่มีนิสัย เกเรเป็นอันธพาล ดื่มเหล้า ติดยา แล้วชักชวนกันออกเที่ยวเตร่ช่วงกลางคืนบ่อยครั้ง

    นางอัจฉราพร ให้การต่อว่า เมื่อกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ด.ช.ตุ้ยเริ่มหนีออกจากบ้าน ขโมยรถจักรยานยนต์หายออกไปจากบ้านนาน 3 วัน ผู้ตายก็เที่ยวออกตามหาด้วยความเป็นห่วง พอเจอตัวก็พากลับบ้าน แต่วันต่อมา ด.ช.ตุ้ยก็พาเพื่อนแอบปีนเข้าบ้านขโมยเงินของผู้ตายไป 7,000 ดอลลาร์

    และอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดหายไป ทุกครั้งที่ขโมยของนั้นผู้ตายไม่อยู่บ้าน จากนั้นผู้ตายก็ออกตามหาตามบ้านเพื่อน และตามตัวกลับบ้าน เป็นอย่างนี้บ่อยครั้ง

    พี่สาวผู้ตายให้การด้วยว่า จนล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ด.ช.ตุ้ยขโมยรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวกลางดึกอีกและไม่กลับบ้าน พอตอนเช้าผู้ตายบอกว่าจะออกไปตามหาด.ช.ตุ้ยเหมือนเคย ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเคยเตือนหลายครั้งแล้วว่าให้ระวังตัว เพราะด.ช.ตุ้ยเริ่มติดยา คบเพื่อนเกเร มีนิสัยขี้ขโมยบ่อยครั้ง

    อาจทำร้ายร่างกายสักวัน แต่ผู้ตายก็ไม่เชื่อ จนมาเกิดเหตุในครั้งนี้ขึ้น เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของด.ช.ตุ้ยที่อาจพาเพื่อนมาขโมยของ แต่ปรากฏว่าผู้ตายอยู่ภายในบ้านพอดี ขณะที่จะขโมยของผู้ตายอาจเข้ามาห้ามจึงถูกฆ่าตาย

    พ.ต.ท.ฉกาจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุอาจเป็นด.ช.ตุ้ย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ขณะนี้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกตามหาตัวด.ช.ตุ้ยในบรรดากลุ่มเพื่อน ทั้งหมดที่มี เพราะเชื่อว่าจะหนีไปได้ไม่ไกล และจะเร่งค้นหาตัวมาสอบสวนให้เร็วที่สุดเพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์

    ต่อมาเวลา 20.30 น. พ.ต.ต.วิเศษ ลานอุ่น สวป.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมตำรวจชุดสายฟ้า ได้ติดตามจับกุมตัวด.ช.ตุ้ย ได้ที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ด้านหลังศาลาแก้วกู่ บ้านสามัคคี ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย โดยเบื้องต้นด.ช.ตุ้ยให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือใช้เหล็กแป๊บตีน.ส.ศิริรัตน์จนตาย

    เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ตายดุด่าบ่อยครั้งจนเก็บกด ล่าสุดตนได้เข้าไปในบ้านและพบผู้ตายอยู่ภายในบ้าน ผู้ตายก็ดุด่าตนอีก ตนจึงโมโห คว้าเหล็กแป๊บตีจนตาย แต่ยังให้การสับสนถึงพฤติกรรมการก่อเหตุ

    อีกทั้งเหล็กที่ด.ช.ตุ้ยพาตำรวจไปเอาบริเวณหลังบ้านเพื่อนนั้น เป็นเหล็กคนละท่อนกับเหล็กที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ คาดว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีก ซึ่งจะได้สืบสวนต่อไป






    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก [​IMG]
    [​IMG]
    โดย: pOtAtoCheEsecAke
    ตั้งเมื่อ: <ACRONYM title="1 วัน 22 ชั่วโมงที่ผ่านมา">09:21 น. 31 ต.ค. 2008</ACRONYM>
    แท็ก: -
     
  19. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น้ำป่าทะลักท่วมตากชาวบ้านเดือดร้อนหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ฝนถล่ม จ.ตาก ส่งผลให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดตลาดแม่สอด ต้องปิดอย่างกระทันหัน หลังน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว




    จากที่ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม


    ในหลายพื้นที่ และระดับน้ำในเขตเทศบาลเมืองแม่สอด ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ ระดับน้ำได้ไหลเข้าท่วมถนนหลักสำคัญ


    หลายสาย ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 50-70 ซ.ม. ส่งผลให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ต้องปิดถนนถนนบางสาย


    ซึ่งจนถึงขณะนี้ ฝนก็กำลังตกอย่างต่อเนื่อง และระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น หากฝนยังไม่หยุดตก จะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูง


    จนสร้างความเสียหายอย่างหนัก และล่าสุดได้มีการปิดถนนสายกลาง ที่วิ่งผ่านตลาดเมืองแม่สอดทั้ง 2 สาย เพราะน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะรุนแรงอย่างต่อเนื่อง


    ขณะ นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่บรรเทา-สาธารณภัย นำกระสอบทรายไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ตามจุดที่เกิดน้ำท่วม เพื่อสร้างแนวกั้นป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมบ้าน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถิ่นกาขาว...มีแต่คนนุ่งขาวห่มขาว....ตอนนี้ก็มีชีอยู่แล้ว....คิดแล้วขนลุก...อนาคตจะมีชี....ที่ท่านไม่เชื่อว่าจะมีมากมายขนาดนั้นในบรรดาคนนุ่งขาวห่มขาว

    ชาวศิวิไลซ์.....ไลไม่ไลก็คอยดูแล้วกันว่าเมืองไทยจะมีคำว่า
    เศษกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอยหรือไม่

    เรื่องของประเทศ....รอยตีนมนุษย์ต่างดาวมันโผล่แล้ว...หากไม่รีบออกมาสารภาพ...จะจมดินไม่เหลือวิญญานเพราะประชาชนจะรุมบาทา...อ้าวเขียนได้หรือเปล่าเนี่ยะ....เป็นพระเทวทัตทีเดียว....ทั้งทางโลกและทางศาสนา....คงจะรอดทั้งสองทาง...เรามาทำทางให้ท่านแล้ว...หากท่านไม่เดิน....ไม่เชื่อก็ตามใจท่าน...ที่เห็นๆนั้นยังไม่เทวทัตนะจะบอกให้...เรื่องชาติไม่น่าห่วงเท่าไรแล้วแต่ก็อย่าประมาทเตรียมพร้อมกันไว้ทั้งภัยต่างๆที่เรากลัวๆกันมีไม่มีก็ต้องพร้อมไว้ก่อน...คนรู้ดีกว่าเรายังมีแก้กันคนละทางร่วมไม้ร่วมมือกันสามัคคีกัน...สำเร็จทุกทาง

    น้ำมันเหรอ....เวลายังมาไม่ถึงสักเรื่องเดียว....เรื่องใดบอกได้เป็นประโยชน์เราก็บอกนะ....เรื่องใดไม่เป็นประโยชน์....พระเดชพระคุณท่านบรรดาอาจารย์เยอะมาก....บอกเราว่าอย่าประมาท....ขอบคุณขอรับ

    โปรดพิจารณากระทู้ด้วยอย่าประมาทเป็นผลดีทั้งผู้ให้และผู้รับ....กราบขอบพระคุณท่านยิ่งแล้วที่ท่านนำกระทู้มาแสดง...ทำความเข้าใจแล้ว...และเพื่อความไม่ประมาทกระผมกำกับแล้วขอรับด้วยว่าอย่าประมาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...