ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

....ไม่ทันแน่นอนจ้า....สายไปแล้ว ไบโอดีเซลต้องใช้โซดาไฟ และสารเคมีอื่นๆเป็นวัตถุดิบ จึงได้คุณภาพคับแก้ว แบบที่ว่า...


โครงการอะไรๆของรัฐน่ะ...เขามีไว้แค่ การประชาสัมพันธ์เท่านั้น...โน่น..เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ สมัย ๒๕๑๘ ที อีเธอร์นาล นั่นแหล่ะครับ...

 

น้ำท่วมในหลายรัฐของเม็กซิโกหลังฝนตกหนัก

เม็กซิโก 9 ก.ค. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเกือบทั่วพื้นที่ของเม็กซิโก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายรัฐ

หน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของเม็กซิโก รายงานว่า แม่น้ำหลายสายได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ใน รัฐทาบาสโก รัฐเชียปาส และรัฐเว-ราครูซ ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้ชุมชนหลายแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ขณะที่ทางการได้แจ้งเตือนให้ประชาชนระมัด ระวังอันตรายในระดับสูงสุด เฉพาะในรัฐเวราครูซเพียงแห่งเดียวมีถึง 59 เมือง ที่ได้รับผลกระทบ มีชุมชนได้รับความเสียหายถึง 218 แห่ง บ้านเรือนกว่า 2,000 หลังถูกน้ำท่วม และแม่น้ำขนาดเล็ก 12 สาย มีน้ำล้นตลิ่ง
ขณะนี้ยังไม่มีรายงานจากทางการถึงจำนวนผู้เสียชีวิต แต่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานว่า สภาพอากาศเลวร้าย ทำให้ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 คน.-สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-07-09 10:06:38


ภัยพิบัติรุนแรง มีให้เห็นทั่วโลกเลย ตอนนี้ ถึงคิวเม็กซิโก แล้ว ต่อไปไม่รู้ประเทศไหนจะโดนอีก ของไทยมีคนทำนายเตือนไว้เดือนหน้าแล้ว ช่วยกันสวดมนต์นะคร้าบ...

<OBJECT style="WIDTH: 12px; HEIGHT: 17px" type=application/x-shockwave-flash height=17 hspace=10 width=12 data=../flvplayer.swf?file=http://news.mcot.net/flvvdo/14465.flv&autostart=true&showfsbutton=true align=left vspace=5 wmode="transparent"><embed src="../flvplayer.swf?file=http://news.mcot.net/flvvdo/14465.flv&autostart=true&showfsbutton=true" loop="false" width="320" height="260" allowScriptAccess="sameDomain" type="application/x-shockwave-flash" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" /></OBJECT>

 

โห....งั้น ต้องไปปลูกสบู่ดำไว้ใช้เอง แล้ว ล่ะ (smile)

 

ไม่เสียหายถ้าลองคุยกับอ.ไก่ดูครับ

 

น่าจะมีรายละเอียดว่า ใน กทม. เขตไหนต่ำเท่าไร ถ้าฝนตก 24 ชม. น้ำจะไหลไปทางไหน เขตไหนจะท่วมสูงกี่เมตร เพื่อเมื่อเกิดจริง ประชาชนจะได้รู้ว่าตรงบริเวณไหนที่ปลอดภัย

 

(deejai)ผมว่าใน กทม. น้ำคงไม่ไหลท่วมแบบธรรมชาติครับ ยกเว้นท่วมแบบสึนามิเข้า เพราะเท่าที่สงเกตุมาหลายปี ที่บ้านผมย่านบางกะปิ-รามคำแหง บางปีท่วมขัง จนน่ากลัวว่าจะท่วมทุกปี เพราะเป็นก้นกระทะ แต่กลับเป็นว่า ฝนตกแล้วท่วมนิดหน่อยเอง แล้วก็แห้ง แต่ย่านอื่นๆ ดันท่วมขังนานหลายวัน ทั้งๆที่บ้านผมแห้งแล้ว

แสดงว่าเอาแน่นอนไม่ได้ ถ้าดูจากความสูงของระดับพื้นดินเท่านั้น มันขึ้นกับ factor อื่นๆ โดยเฉพาะ factor สส. สก. สข. และ ผู้ว่ากทม ท่านสั่งคำเดียวน้ำแห้งได้ภายใน 4 ชม. ทั้งๆที่ท่วมขัง 4 วัน 4 คืน พอโวยบอกสื่อมวลชน แล้วไปเข้าหูท่านผู้ว่า - น้ำลดได้อย่างอัศจรรย์

แต่ที่ค่อนข้างแน่ๆ ว่าจะท่วมหนักในเกือบทุกกรณี คือบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับ (deejai)

 

ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับข้อมูลนี้ไหม ถ้าลงซ้ำก็ขออภัยด้วยครับ

ระวัง ! กรุงเทพฯ จมน้ำ จาก สิงหาคม ถึง พฤศจิกายน 4 เดือนอันตราย

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ภัยธรรมชาติปีนี้ดูน่ากลัวและรุนแรงกว่าทุกปี หลายประเทศทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา ต่างประสบภาวะภัยพิบัติกันถ้วนหน้า ทั้งน้ำท่วม พายุถล่ม คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่เอเชียก็เพิ่งเผชิญกับภัยพิบัติครั้งรุนแรงจากพายุไซโคลนนาร์กีส หรือจีนเองก็สูญเสียอย่างหนักจากแผ่นดินไหวถึงน้ำท่วม

ประเทศไทยเอง หลังโศกนาฏกรรม สึนามิที่ภาคใต้ มีความพยายามรับมือหายนะจากภัยธรรมชาติไม่มากก็น้อย แต่ไม่มีใครให้ความมั่นใจได้ว่า เหตุการณ์ สึนามิจะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ?

ก่อนหน้านี้ นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เจ้าของคำทำนายเตือนภัยพิบัติจากสึนามิ ออกทำนายรอบใหม่ว่า อีกไม่นานน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ !!!

คำถามคือ ถ้าเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของการบริหารราชการและ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทย จมน้ำสัก 2-3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้น ?

จากบทวิเคราะห์ล่าสุดของนายสมิทธชี้ว่า ปลายปีนี้อาจเกิดสภาวะน้ำท่วมขังในบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล จากอิทธิพลของการเกิดฝนตกหนัก น้ำเหนือไหลผ่าน และน้ำทะเลหนุน และจากอิทธิพลของการเกิดพายุเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่บริเวณจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย และบริเวณพื้นที่ของกรุงเทพฯและ ปริมณฑล

นอกจากนี้ยังมีลักษณะน้ำทะเลระดับสูงไหลทะลักในลักษณะ storm surge เข้ามาในปากแม่น้ำสำคัญของกรุงเทพฯและ จังหวัดใกล้เคียง เป็นเหตุให้พื้นที่ลุ่มส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯและปริมณฑลมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง และมีผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน

ฉะนั้นที่จะหนักในปีนี้ก็คือ storm surge หมายถึงการที่ระดับน้ำมากับพายุตรงและเคลื่อนตัวมาถึงก้นอ่าวไทย อาจจะทำให้ระดับน้ำตรงก้นพายุสูงขึ้น คล้ายกับการเกิดพายุไซโคลนนาร์กีสที่พัดถล่มประเทศพม่า

"ที่พวกเราตื่นเต้นและเป็นห่วงกันมาก เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา หรือที่อินเดียก็น้ำท่วม ด้วยสภาพที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น เมื่อน้ำทะเลอุ่นขึ้นก็จะมีไอระเหยไปรวมกับอากาศที่อยู่รอบข้าง ก็กลายเป็นลมและไหลมาเป็นพายุ ก็จะทำให้มีอันตราย

อย่างนาร์กีส ตอนเกิดใหม่ๆ ความเร็ว 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ตอนขึ้นฝั่งถล่มพม่ามีความเร็วถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง นักอุตุนิยมวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มสงสัยและกังวลกันว่า พายุไซโคลนที่มีมาในมหาสมุทรอินเดียไม่เคยรุนแรงแบบนี้มาก่อนเหมือนอย่างนาร์กีส นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์กันว่า ปีนี้การเกิดพายุในมหาสมุทรอินเดีย หรือมหาสมุทรแปซิฟิกก็ดี ประเทศที่ติดชายฝั่งจะได้รับผลกระทบไปด้วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเล่าว่า ช่วงนี้หากดูสถิติพายุเขตร้อนที่เคลื่อนตัว เข้าสู่ประเทศไทย ก็พบว่าประเทศไทยจะเริ่มได้ผลกระทบตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคม เดือนสิงหาคมจะมีพายุพัดผ่าน 19 ลูก กันยายน 45 ลูก ตุลาคม 49 ลูก และพฤศจิกายน 30 ลูก

"4 เดือนนี้ผมถึงบอกว่า ประเทศไทยเราจะมีผลกระทบจากพายุในปีนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯอยู่ใน 4 เดือนนี้ ทุกคนก็แตกตื่น ก็ด่าผม แล้วก็มีคนแย้งว่าน้ำก็ท่วมทุกปี แต่ผมบอกว่า ถ้าท่วมอย่างที่เคยเป็นมา วันสองวันน้ำลด ก็ดี แต่นี่ถ้าคล้ายลักษณะพายุนาร์กีส มันจะท่วมเป็นอาทิตย์ ไม่ได้ท่วมแค่วันหรือ 2 วัน แล้วมันก็จะมี ผลกระทบกับเศรษฐกิจ การสัญจรคมนาคมอย่างมาก"

ล่าสุดที่ผมและทีมงานทำสถิติไว้พบว่า เดือนสิงหาคมราววันที่ 11-20 ก็จะเริ่มมีพายุเข้ามาทางตอนเหนือของประเทศไทย จะมีฝนตกในบริเวณภาคเหนือมาก และปริมาณฝนที่ตกจะไหลมาบรรจบในกรุงเทพฯ เป็นน้ำเหนือเข้ามา

ถึงปลายเดือนสิงหาคม พายุก็ยังอยู่ในภาคเหนือ บางลูกก็ไหลเข้ามาในภาคอีสาน แล้วน้ำก็จะไหลมารวมกันในภาคกลาง ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ยิ่งเดือนกันยายน พายุจะเข้าในภาคเหนือมากขึ้น บางลูกอาจจะพัดผ่านเข้ามาถึงกรุงเทพฯก็มี

ถัดมาปลายเดือนกันยายน ร่องมรสุมก็จะลงมาทางใต้ ซึ่งตอนนี้เองโอกาสที่ภาคกลางจะได้รับปริมาณน้ำฝนมีมากที่สุด ถ้าฝนตกนานและมีกำลังแรงลมเหมือนนาร์กีส หรือน้องๆ นาร์กีส ซึ่งเรายังไม่เคยประสบเลย ก็จะทำให้มีปริมาณน้ำมาก

ถึงเดือนตุลาคม พายุก็จะลงไปทางใต้ แต่ที่ผมห่วงคือเวลาพายุพัดเข้าอ่าวแล้วทวีกำลังแรงลมขึ้นมาถึงก้นอ่าว กรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบมาก อีกสาเหตุหนึ่งก็คือในช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคมจะมีน้ำทะเลหนุนโดยธรรมชาติ ถ้าพายุเคลื่อนตัวเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็จะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯได้ เหมือนที่นาร์กีสพัดเข้าไปในปากแม่น้ำอิรวดี

นักวิชาการที่ร่วมงานด้วยบอกว่า ได้คำนวณว่าน้ำจะเข้ามาจากปากแม่น้ำถึงกรุงเทพฯลึกถึง 30 กิโลเมตร ซึ่งปัญหาของกรุงเทพฯคือการระบายออกจะช้า เมื่อผสมกับน้ำทะเลหนุนโดยธรรมชาติ ก็จะทำให้น้ำระบายออกคืนสู่ทะเลช้ายิ่งขึ้น ประกอบกับมีน้ำเหนือไหลเข้ามาสมทบ ฉะนั้นกรุงเทพฯก็จะมีน้ำท่วมขัง ถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะขัง 1-2 อาทิตย์

สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือ กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่มีดินทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะดินกรุงเทพฯเป็นดินเลนจะทรุดตัวอยู่แล้ว 5-8 เซนติเมตรต่อปี ที่รามคำแหงหรือที่เขตสวนหลวงทรุดไปแล้ว 1 เมตร หากเปิดประตูน้ำพระโขนงหรือสำโรง น้ำท่วมทันทีโดยที่ฝนไม่ตก เพราะบริเวณนั้นอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

หรือแถวสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ดินทรุดตัวหมด หากมีพายุเข้ามาแรง โรงงานแถวนั้นมี 3 หมื่นกว่าโรงอาจจะต้องปิดลง คน 3 แสนคนต้องหยุดทำงาน ตกงาน หากน้ำท่วมเป็นเดือน

มีนักวิชาการบางท่านเป็นห่วงว่า เมื่อ น้ำเข้ามา 30 กิโลเมตรจากปากอ่าว น้ำเค็มก็จะเข้ามาในคลองประปา คนกรุงเทพฯและคนปริมณฑล 8-10 ล้านคน อาจไม่มีน้ำจืดดื่ม จะเป็นน้ำประปาเค็มหมด ปัญหาคือเราจะเอาน้ำที่ไหนกิน

ที่พม่า คนตายเยอะ เพราะคนไม่มีน้ำดื่ม ต้องไปดื่มน้ำสกปรก ก็เป็นโรคตาย ผมก็บอกกับทาง กทม.ว่าให้เตรียมเรื่องน้ำดื่ม ไว้ด้วย

แน่นอนว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ น้ำก็จะท่วม 1-2 เมตร ฉะนั้นวิธีการป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียวขณะนี้คือ ต้องสร้างเขื่อนสูงสัก 5 เมตร เป็นคอนกรีต ทำแบบประเทศเนเธอร์แลนด์ สร้างให้หนา ข้างบนรถสามารถวิ่งได้ สร้างตั้งแต่นนทบุรีไปถึงปากคลองประปา เพราะน้ำทะเลจะหนุนไปถึงคลองประปา สร้างวิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาตลอดไปถึงสมุทรปราการ อ้อมไปถึงบางปะกง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง สร้างจากฝั่งธนบุรี อ้อมมาถึงพระประแดง ไปสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ก็อาจจะรักษากรุงเทพฯไม่ให้จมน้ำได้ แต่ก็ต้องเริ่มคิดเริ่มสร้างกันเดี๋ยวนี้

เชื่อมั้ยว่า ทุกครั้งที่ผมพูดหรือไปบรรยายที่ไหน คนส่วนใหญ่ก็มองว่า ผมสร้างความแตกตื่น ทำให้คนตกใจ นักธุรกิจก็ด่าผมว่าทำให้ธุรกิจเขาล้มละลาย ก็ต่อว่าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการใหญ่ๆ

สมิทธเล่าว่า ทุกครั้งที่ผมไปพูดหรือบรรยายที่ไหน ผมจะบอกว่า ผมไม่ใช่หมอดู หรือนักวิเคราะห์วิจารณ์ แต่เอกสารหรือสถิติที่ผมนำมาอ้างอิงหรือบรรยาย มาจากวิทยาศาสตร์ล้วนๆ โอกาสถูกก็มีมากกว่าผิด

"แต่คุณฟังผมแล้ว คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ฟังแล้วก็วิเคราะห์เสียก่อน ผมจะเรียนว่า จริงๆ แล้วกรม อุตุนิยมวิทยาเรามีศักยภาพดีมาก เรามีเครื่องมือพร้อม หากมีพายุ ภาพจาก ดาวเทียมหรือเครื่องมือที่เรามีอยู่ สามารถบอกเตือนล่วงหน้าประชาชนได้ 3-5 วัน แต่เราจะรอให้ถึงวันนั้นหรือ"

ด้าน นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" เกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนที่อาจจะเกิด น้ำท่วมว่า ทางกรมอุตุนิยมวิทยาต้องเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพราะเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ร่องความกดอากาศ ต่ำและร่องมรสุมพัดผ่านภาคเหนือของประเทศไทย

"ร่องมรสุมและร่องความกดอากาศต่ำพัดผ่านภาคเหนือในช่วงเดือนสิงหาคม จะทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนัก น้ำจะไหลลงแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน แล้วไหลเข้าสู่เจ้าพระยา ช่วงนั้นต้องมีการบริหารจัดการที่ดี หลังจากนั้นร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงมายังภาคกลางและภาคตะวันออก โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนตุลาคมที่ร่องความกดอากาศจะอยู่ที่ภาคกลางนั้น คงทำให้กรุงเทพมหานครและภาคตะวันออกมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น"

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาให้ความเห็น เพิ่มเติมว่า เดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม หากมีพายุจากทะเลจีนใต้เข้ามายังประเทศไทยก็จะทำให้มีโอกาสที่ปริมาณน้ำภาคกลางและกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น

"ประเด็นต่อมาคือ แผ่นดินกรุงเทพฯยุบตัว สูงกว่าระดับน้ำทะเลเล็กน้อย บางส่วนก็ใกล้เคียงกับระดับน้ำทะเล เพราะในอดีตเราใช้น้ำบาดาลเยอะ แผ่นดินจึงต่ำ สำคัญที่ 2 ฝั่งเจ้าพระยาที่น้ำลงมา และประชากรเพิ่มมากขึ้น ถนนหนทางและการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.อ่างทองจะทำให้น้ำไหล เร็วขึ้น

ถ้าน้ำจากทะเลหนุน กรุงเทพฯก็จะได้รับผลกระทบ การบริหารจัดการน้ำกับปริมาณน้ำฝนจากภาคกลางและภาคตะวันออกจะส่งผลกระทบกับกรุงเทพฯ อาจจะต้องมีการเตรียมการเครื่องสูบน้ำ ระบายน้ำ โดยเฉพาะลักษณะพื้นที่กรุงเทพฯ เรามีการก่อสร้าง ปัญหาระบายน้ำต้องเตรียมการ ให้ดี การจราจรจะมีผลกระทบ"

นอกจากนี้ นายศุภฤกษ์ยังกล่าวว่า ที่บางขุนเทียนมีปัญหาคลื่นซัด หากการระบายน้ำไม่ดีจะเกิดน้ำท่วมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยในขณะนั้นว่ามีฝนตกต่อเนื่องหรือไม่ มีพายุหรือไม่ น้ำเหนือไหลบ่าหรือไม่ และจะมีปริมาณมากในช่วงไหน มีน้ำทะเลหนุนด้วยหรือไม่ ซึ่งคงต้องมองอีกทีหนึ่ง

"ภาพรวมของประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่ม ช่วงนี้ปรากฏการณ์ลานินญาค่อยๆ หายไป จึงทำให้เกิดฝนตก เราประมาท ไม่ได้เรื่องของฝน อยู่ที่ช่วงเวลานั้นว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้น้ำเพิ่มขึ้นมาก แค่ไหน ซึ่งกรุงเทพมหานครเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ฝนตกค่อนข้างมาก ประกอบกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกค่อนข้างมากและรุนแรง ในส่วนของกรมอุตุนิยมวิทยาก็จะมีการแจ้งเตือนปริมาณ น้ำฝนในพื้นที่เขตประเทศไทย แจ้งว่ามีพายุเข้ามาหรือไม่

ดังนั้นเรื่องการบริหารจัดการก็ต้องให้หน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบร่วมกันประสานให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน กรุงเทพฯต้องเตรียมพร้อม แก้ปัญหาน้ำท่วมเพราะ ผู้อาศัยมาก หากจราจรติดขัดก็จะเสียหายต่อเศรษฐกิจ"

ขณะที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) เชื่อมั่นว่า ระบบเตือนภัยจะทำให้คนกรุงเทพฯรู้ล่วงหน้าว่าพายุจะเข้ามาเมื่อใด และมีเวลาเตรียมรับมือ

แต่ที่ยากจะรับมือก็คือ หากกรุงเทพฯต้องเจอน้ำท่วมนานเป็นเดือน งานนี้ตัวใครตัวมัน...

 

ไม่เข้าใจความหมายครับ
ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ

 

คงต้องอ่านแบบเอา คำมาเทียบอะครับ ผมไปเจอ มา

อย่าง

พ = พ่อ,พา,พาล

อะครับ ผมไม่รู้

 

ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับข้อมูลนี้ไหม ถ้าลงซ้ำก็ขออภัยด้วยครับ

ระวัง ! กรุงเทพฯ จมน้ำ จาก สิงหาคม ถึง พฤศจิกายน 4 เดือนอันตราย

<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>
</td></tr></tbody></table>ภัยธรรมชาติปีนี้ดูน่ากลัวและรุนแรงกว่าทุกปี หลายประเทศทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา ต่างประสบภาวะภัยพิบัติกันถ้วนหน้า ทั้งน้ำท่วม พายุถล่ม คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่เอเชียก็เพิ่งเผชิญกับภัยพิบัติครั้งรุนแรงจากพายุไซโคลนนาร์กีส หรือจีนเองก็สูญเสียอย่างหนักจากแผ่นดินไหวถึงน้ำท่วม

ประเทศไทยเอง หลังโศกนาฏกรรม สึนามิที่ภาคใต้ มีความพยายามรับมือหายนะจากภัยธรรมชาติไม่มากก็น้อย แต่ไม่มีใครให้ความมั่นใจได้ว่า เหตุการณ์ สึนามิจะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ?

ก่อนหน้านี้ นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เจ้าของคำทำนายเตือนภัยพิบัติจากสึนามิ ออกทำนายรอบใหม่ว่า อีกไม่นานน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ !!!

คำถามคือ ถ้าเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของการบริหารราชการและ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทย จมน้ำสัก 2-3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้น ?

จากบทวิเคราะห์ล่าสุดของนายสมิทธชี้ว่า ปลายปีนี้อาจเกิดสภาวะน้ำท่วมขังในบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล จากอิทธิพลของการเกิดฝนตกหนัก น้ำเหนือไหลผ่าน และน้ำทะเลหนุน และจากอิทธิพลของการเกิดพายุเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่บริเวณจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย และบริเวณพื้นที่ของกรุงเทพฯและ ปริมณฑล

นอกจากนี้ยังมีลักษณะน้ำทะเลระดับสูงไหลทะลักในลักษณะ storm surge เข้ามาในปากแม่น้ำสำคัญของกรุงเทพฯและ จังหวัดใกล้เคียง เป็นเหตุให้พื้นที่ลุ่มส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯและปริมณฑลมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง และมีผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน

ฉะนั้นที่จะหนักในปีนี้ก็คือ storm surge หมายถึงการที่ระดับน้ำมากับพายุตรงและเคลื่อนตัวมาถึงก้นอ่าวไทย อาจจะทำให้ระดับน้ำตรงก้นพายุสูงขึ้น คล้ายกับการเกิดพายุไซโคลนนาร์กีสที่พัดถล่มประเทศพม่า

"ที่พวกเราตื่นเต้นและเป็นห่วงกันมาก เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา หรือที่อินเดียก็น้ำท่วม ด้วยสภาพที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น เมื่อน้ำทะเลอุ่นขึ้นก็จะมีไอระเหยไปรวมกับอากาศที่อยู่รอบข้าง ก็กลายเป็นลมและไหลมาเป็นพายุ ก็จะทำให้มีอันตราย

อย่างนาร์กีส ตอนเกิดใหม่ๆ ความเร็ว 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ตอนขึ้นฝั่งถล่มพม่ามีความเร็วถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง นักอุตุนิยมวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มสงสัยและกังวลกันว่า พายุไซโคลนที่มีมาในมหาสมุทรอินเดียไม่เคยรุนแรงแบบนี้มาก่อนเหมือนอย่างนาร์กีส นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์กันว่า ปีนี้การเกิดพายุในมหาสมุทรอินเดีย หรือมหาสมุทรแปซิฟิกก็ดี ประเทศที่ติดชายฝั่งจะได้รับผลกระทบไปด้วย <table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>
</td></tr></tbody></table>

อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเล่าว่า ช่วงนี้หากดูสถิติพายุเขตร้อนที่เคลื่อนตัว เข้าสู่ประเทศไทย ก็พบว่าประเทศไทยจะเริ่มได้ผลกระทบตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคม เดือนสิงหาคมจะมีพายุพัดผ่าน 19 ลูก กันยายน 45 ลูก ตุลาคม 49 ลูก และพฤศจิกายน 30 ลูก

"4 เดือนนี้ผมถึงบอกว่า ประเทศไทยเราจะมีผลกระทบจากพายุในปีนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯอยู่ใน 4 เดือนนี้ ทุกคนก็แตกตื่น ก็ด่าผม แล้วก็มีคนแย้งว่าน้ำก็ท่วมทุกปี แต่ผมบอกว่า ถ้าท่วมอย่างที่เคยเป็นมา วันสองวันน้ำลด ก็ดี แต่นี่ถ้าคล้ายลักษณะพายุนาร์กีส มันจะท่วมเป็นอาทิตย์ ไม่ได้ท่วมแค่วันหรือ 2 วัน แล้วมันก็จะมี ผลกระทบกับเศรษฐกิจ การสัญจรคมนาคมอย่างมาก"

ล่าสุดที่ผมและทีมงานทำสถิติไว้พบว่า เดือนสิงหาคมราววันที่ 11-20 ก็จะเริ่มมีพายุเข้ามาทางตอนเหนือของประเทศไทย จะมีฝนตกในบริเวณภาคเหนือมาก และปริมาณฝนที่ตกจะไหลมาบรรจบในกรุงเทพฯ เป็นน้ำเหนือเข้ามา

ถึงปลายเดือนสิงหาคม พายุก็ยังอยู่ในภาคเหนือ บางลูกก็ไหลเข้ามาในภาคอีสาน แล้วน้ำก็จะไหลมารวมกันในภาคกลาง ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ยิ่งเดือนกันยายน พายุจะเข้าในภาคเหนือมากขึ้น บางลูกอาจจะพัดผ่านเข้ามาถึงกรุงเทพฯก็มี

ถัดมาปลายเดือนกันยายน ร่องมรสุมก็จะลงมาทางใต้ ซึ่งตอนนี้เองโอกาสที่ภาคกลางจะได้รับปริมาณน้ำฝนมีมากที่สุด ถ้าฝนตกนานและมีกำลังแรงลมเหมือนนาร์กีส หรือน้องๆ นาร์กีส ซึ่งเรายังไม่เคยประสบเลย ก็จะทำให้มีปริมาณน้ำมาก

ถึงเดือนตุลาคม พายุก็จะลงไปทางใต้ แต่ที่ผมห่วงคือเวลาพายุพัดเข้าอ่าวแล้วทวีกำลังแรงลมขึ้นมาถึงก้นอ่าว กรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบมาก อีกสาเหตุหนึ่งก็คือในช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคมจะมีน้ำทะเลหนุนโดยธรรมชาติ ถ้าพายุเคลื่อนตัวเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็จะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯได้ เหมือนที่นาร์กีสพัดเข้าไปในปากแม่น้ำอิรวดี

นักวิชาการที่ร่วมงานด้วยบอกว่า ได้คำนวณว่าน้ำจะเข้ามาจากปากแม่น้ำถึงกรุงเทพฯลึกถึง 30 กิโลเมตร ซึ่งปัญหาของกรุงเทพฯคือการระบายออกจะช้า เมื่อผสมกับน้ำทะเลหนุนโดยธรรมชาติ ก็จะทำให้น้ำระบายออกคืนสู่ทะเลช้ายิ่งขึ้น ประกอบกับมีน้ำเหนือไหลเข้ามาสมทบ ฉะนั้นกรุงเทพฯก็จะมีน้ำท่วมขัง ถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะขัง 1-2 อาทิตย์

สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือ กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่มีดินทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะดินกรุงเทพฯเป็นดินเลนจะทรุดตัวอยู่แล้ว 5-8 เซนติเมตรต่อปี ที่รามคำแหงหรือที่เขตสวนหลวงทรุดไปแล้ว 1 เมตร หากเปิดประตูน้ำพระโขนงหรือสำโรง น้ำท่วมทันทีโดยที่ฝนไม่ตก เพราะบริเวณนั้นอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

หรือแถวสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ดินทรุดตัวหมด หากมีพายุเข้ามาแรง โรงงานแถวนั้นมี 3 หมื่นกว่าโรงอาจจะต้องปิดลง คน 3 แสนคนต้องหยุดทำงาน ตกงาน หากน้ำท่วมเป็นเดือน

มีนักวิชาการบางท่านเป็นห่วงว่า เมื่อ น้ำเข้ามา 30 กิโลเมตรจากปากอ่าว น้ำเค็มก็จะเข้ามาในคลองประปา คนกรุงเทพฯและคนปริมณฑล 8-10 ล้านคน อาจไม่มีน้ำจืดดื่ม จะเป็นน้ำประปาเค็มหมด ปัญหาคือเราจะเอาน้ำที่ไหนกิน

ที่พม่า คนตายเยอะ เพราะคนไม่มีน้ำดื่ม ต้องไปดื่มน้ำสกปรก ก็เป็นโรคตาย ผมก็บอกกับทาง กทม.ว่าให้เตรียมเรื่องน้ำดื่ม ไว้ด้วย

แน่นอนว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ น้ำก็จะท่วม 1-2 เมตร ฉะนั้นวิธีการป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียวขณะนี้คือ ต้องสร้างเขื่อนสูงสัก 5 เมตร เป็นคอนกรีต ทำแบบประเทศเนเธอร์แลนด์ สร้างให้หนา ข้างบนรถสามารถวิ่งได้ สร้างตั้งแต่นนทบุรีไปถึงปากคลองประปา เพราะน้ำทะเลจะหนุนไปถึงคลองประปา สร้างวิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาตลอดไปถึงสมุทรปราการ อ้อมไปถึงบางปะกง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง สร้างจากฝั่งธนบุรี อ้อมมาถึงพระประแดง ไปสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ก็อาจจะรักษากรุงเทพฯไม่ให้จมน้ำได้ แต่ก็ต้องเริ่มคิดเริ่มสร้างกันเดี๋ยวนี้

เชื่อมั้ยว่า ทุกครั้งที่ผมพูดหรือไปบรรยายที่ไหน คนส่วนใหญ่ก็มองว่า ผมสร้างความแตกตื่น ทำให้คนตกใจ นักธุรกิจก็ด่าผมว่าทำให้ธุรกิจเขาล้มละลาย ก็ต่อว่าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการใหญ่ๆ

สมิทธเล่าว่า ทุกครั้งที่ผมไปพูดหรือบรรยายที่ไหน ผมจะบอกว่า ผมไม่ใช่หมอดู หรือนักวิเคราะห์วิจารณ์ แต่เอกสารหรือสถิติที่ผมนำมาอ้างอิงหรือบรรยาย มาจากวิทยาศาสตร์ล้วนๆ โอกาสถูกก็มีมากกว่าผิด

"แต่คุณฟังผมแล้ว คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ฟังแล้วก็วิเคราะห์เสียก่อน ผมจะเรียนว่า จริงๆ แล้วกรม อุตุนิยมวิทยาเรามีศักยภาพดีมาก เรามีเครื่องมือพร้อม หากมีพายุ ภาพจาก ดาวเทียมหรือเครื่องมือที่เรามีอยู่ สามารถบอกเตือนล่วงหน้าประชาชนได้ 3-5 วัน แต่เราจะรอให้ถึงวันนั้นหรือ"

ด้าน นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" เกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนที่อาจจะเกิด น้ำท่วมว่า ทางกรมอุตุนิยมวิทยาต้องเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพราะเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ร่องความกดอากาศ ต่ำและร่องมรสุมพัดผ่านภาคเหนือของประเทศไทย

"ร่องมรสุมและร่องความกดอากาศต่ำพัดผ่านภาคเหนือในช่วงเดือนสิงหาคม จะทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนัก น้ำจะไหลลงแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน แล้วไหลเข้าสู่เจ้าพระยา ช่วงนั้นต้องมีการบริหารจัดการที่ดี หลังจากนั้นร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงมายังภาคกลางและภาคตะวันออก โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนตุลาคมที่ร่องความกดอากาศจะอยู่ที่ภาคกลางนั้น คงทำให้กรุงเทพมหานครและภาคตะวันออกมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น"

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาให้ความเห็น เพิ่มเติมว่า เดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม หากมีพายุจากทะเลจีนใต้เข้ามายังประเทศไทยก็จะทำให้มีโอกาสที่ปริมาณน้ำภาคกลางและกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น

"ประเด็นต่อมาคือ แผ่นดินกรุงเทพฯยุบตัว สูงกว่าระดับน้ำทะเลเล็กน้อย บางส่วนก็ใกล้เคียงกับระดับน้ำทะเล เพราะในอดีตเราใช้น้ำบาดาลเยอะ แผ่นดินจึงต่ำ สำคัญที่ 2 ฝั่งเจ้าพระยาที่น้ำลงมา และประชากรเพิ่มมากขึ้น ถนนหนทางและการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.อ่างทองจะทำให้น้ำไหล เร็วขึ้น

ถ้าน้ำจากทะเลหนุน กรุงเทพฯก็จะได้รับผลกระทบ การบริหารจัดการน้ำกับปริมาณน้ำฝนจากภาคกลางและภาคตะวันออกจะส่งผลกระทบกับกรุงเทพฯ อาจจะต้องมีการเตรียมการเครื่องสูบน้ำ ระบายน้ำ โดยเฉพาะลักษณะพื้นที่กรุงเทพฯ เรามีการก่อสร้าง ปัญหาระบายน้ำต้องเตรียมการ ให้ดี การจราจรจะมีผลกระทบ"

นอกจากนี้ นายศุภฤกษ์ยังกล่าวว่า ที่บางขุนเทียนมีปัญหาคลื่นซัด หากการระบายน้ำไม่ดีจะเกิดน้ำท่วมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยในขณะนั้นว่ามีฝนตกต่อเนื่องหรือไม่ มีพายุหรือไม่ น้ำเหนือไหลบ่าหรือไม่ และจะมีปริมาณมากในช่วงไหน มีน้ำทะเลหนุนด้วยหรือไม่ ซึ่งคงต้องมองอีกทีหนึ่ง

"ภาพรวมของประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่ม ช่วงนี้ปรากฏการณ์ลานินญาค่อยๆ หายไป จึงทำให้เกิดฝนตก เราประมาท ไม่ได้เรื่องของฝน อยู่ที่ช่วงเวลานั้นว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้น้ำเพิ่มขึ้นมาก แค่ไหน ซึ่งกรุงเทพมหานครเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ฝนตกค่อนข้างมาก ประกอบกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกค่อนข้างมากและรุนแรง ในส่วนของกรมอุตุนิยมวิทยาก็จะมีการแจ้งเตือนปริมาณ น้ำฝนในพื้นที่เขตประเทศไทย แจ้งว่ามีพายุเข้ามาหรือไม่

ดังนั้นเรื่องการบริหารจัดการก็ต้องให้หน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบร่วมกันประสานให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน กรุงเทพฯต้องเตรียมพร้อม แก้ปัญหาน้ำท่วมเพราะ ผู้อาศัยมาก หากจราจรติดขัดก็จะเสียหายต่อเศรษฐกิจ"

ขณะที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) เชื่อมั่นว่า ระบบเตือนภัยจะทำให้คนกรุงเทพฯรู้ล่วงหน้าว่าพายุจะเข้ามาเมื่อใด และมีเวลาเตรียมรับมือ

แต่ที่ยากจะรับมือก็คือ หากกรุงเทพฯต้องเจอน้ำท่วมนานเป็นเดือน งานนี้ตัวใครตัวมัน...

 

ระวัง มันจะมาโดยไม่รู้ตัว

 

ตอนนี้ยังซื้อคะตะลิสต์ได้ในบ้านเราค่ะ
หลังภัยคงต้องเริ่มทำสบู่จากน้ำด่าง แบบบ้านเล็กในป่าใหญ่
เดี๋ยวส่งรายละเอียดไปให้ตอนปลายสัปดาห์ค่ะ

 

ขวดน้ำมีคุณค่าอย่าทิ้ง
ใช้ใส่ข้าวสาร อาหารแห้งกันน้ำได้
ไอเดียจากอาจารย์คลิก​

​

ข้าวสารกับการบรรจุในวัสดุกันน้ำที่หาได้ง่าย โดยไม่ใช้งบประมาณ มีแบบนี้ก็นอนเย็นใจจาก มด มอด ปลวก

โยนลงน้ำไว้สักสองวัน ก็ยังเก็บมาหุงกินได้ ถ้ามันหนักบ่ามากเวลาเดินลุยน้ำก็ใช้เชือกลากหรือทำเป็นทุ่นลอยน้ำก็สนุกกันไปอีก เด็ก ๆ ได้ เฮ....

เวลาแจกก็สบายใจ ไม่ต้องตัก ตวง ยกให้ไปเลย ข้าวหมดก็เก็บไว้ใส่น้ำ หรือไม่ก็ทำทุ่นให้เด็ก ๆ เล่นน้ำ ถ้ามีมากเกินไปก็กรอก ดิน ทราย ใส่ก่อเป็นผนังถ้ำได้อีก หรือเอาไปหลอมทำน้ำมันเชื้อเพลิงก็ยังได้

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=132819&page=3<!-- / message --><!-- attachments -->

 

- "สิ่งชั่วร้ายต่างๆ" ก็หมายถึง กิเลส อกุศล(โลภะ,โทสะ,โมหะ) ที่เข้าสิงใจมนุษย์เรา ให้คิดชั่วกระทำแต่ความชั่วร้ายต่างๆ ออกมาทางร่างกาย ทางวาจา ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นครับ
- เกิดจากความหลงผิด(อวิชชา) ของคนเราครับ
- วิธีป้องกันและต่อสู้ ก็คือต้องปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า(ศีล,สมาธิ,ปัญญา) ครับ
- เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติแน่นอน เพราะกระแสจิตของมนุษย์เรามีผลโดยตรงต่อธรรมชาติ(ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ) ครับ

อกุศลมูล 3​

อกุศลมูล 3 หมายถึงต้นเหตุของความชั่ว 3 ประการ ซึ่งก็คือกิเลสในจิตใจของคน ซึ่งแสดงออกมาทางกายด้วยการทำชั่ว แสดงออกมาทางวาจาด้วยการเจรจาชั่ว กิเลสทั้ง 3 ประการนี้เป็นแห่งความทุกข์ความเดือดร้อนได้แก่

1. โลภะ คือความโลภความอยากได้ในสิ่งต่างๆ ที่เกินความพอดีกว่าฐานะของตน ผู้มีความโลภอยู่ในตัวจะทำให้เกิดทุกข์ได้ เพราะเมื่อเกิดความโลภในใจแล้ว ผู้นั้นมักจะหาทางทำการทุจริต ลักขโมย ฉกชิงวิ่งราว หรือทำความผิดอื่นๆก่อให้เกิดความเดือดร้อนให้กับสังคม ผู้ที่ไม่โลภคือผู้ที่แสวงหาทรัพย์สินหรือเกียรติยศชื่อเสียง ในทางที่ถูกที่ควรมีลักษณะดังนี้

<DIR><DIR>** รู้จักความพอดีหรือรู้จักประมาณตน**

** มีความละอายหรือเกรงกลัวต่อการทำชั่ว**

** เป็นผู้ที่มีสติรู้จักผิดชอบชั่วดี**

ถ้าเราสามารถละความโลภและมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ รู้จักบังคับจิตใจไม่ให้แสวงหาเอาสิ่งของมาโดยวิธีไม่ชอบธรรม ตนเองจะมีความภูมิใจและมีความสุข

</DIR></DIR>2. โทสะ คือความโกรธ ความรู้สึกขุ่นเคืองใจ เมื่อพบกับสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจ ก่อให้เกิดการทำร้าย ในสิ่งที่ทำให้ตนเองโกรธทำให้ขาดสติ คนที่มีความโกรธถือว่าเป็นคนชั่วน่ารังเกียจ ทำให้ผู้อื่นและสังคมเดือดร้อน การระงับความโกรธต้องฝึกจิตใจของตนเอง ให้มีจิตคิดเมตตา รู้จักการให้อภัย อดทนอดกลั้น ต่อความทุกข์ความไม่พึงพอใจ

3. โมหะ คือความหลง หรืออยู่ในสภาวะไม่รู้จริง ได้แก่การอยู่ในสภาพไม่รู้ไม่เข้าใจ ประมาทมัวเมาเลินเล่อเผลอขาดสติ ความหลงเป็นเหตุให้คนทำชั่วทำความผิดร้ายแรง เช่นทำร้ายผู้มีพระคุณ ลบหลู่คุณคน ไม่เอาใจใส่หน้าที่ ทำงานไม่รอบคอบ หลงใหลในอบายมุข คนมีโมหะเป็นคนที่ขาดสติปัญญามักทำการเหมือนคนงมงาย หน้ามืดตาบอด มีความคิดเห็นผิดทำนองคลองธรรม ผู้ที่มีโมหะต้องหมั่นปฏิบัติด้วยการ ศึกษามาก ฟังมาก หมั่นตรึกตรองหาเหตุผลในสิ่งต่างๆ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ รู้จักแยกแยะสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว


ที่มา http://education.s.phetburi2.net/Tum2/akusol1.htm

 

อิหร่านทดลองขีปนาวุธพิสัยยิงไกลถึงอิสราเอล ​

​

เตหะราน 9 ก.ค.

 

เพิ่มเติมข่าวครับ

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สหรัฐยัวะ!อิหร่านยิงขีปนาวุธข่มขู่ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อ 9 ก.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกดีดตัวกลับขึ้นมาอีก

เมื่ออิหร่านทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ "ชาฮับ 3" พิสัยทำการไกล 2,000 กิโลเมตร ทำให้รัฐบาลสหรัฐไม่พอใจมากและว่าอาจนำไปสู่สงคราม ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ตึงเครียดขึ้นอีก ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นที่ 138 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังช่วง 2 วันก่อนเพิ่งลดลงไปต่อเนื่องเกือบ 10 ดอลลาร์

นายกอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐขอประณามการทดสอบอาวุธครั้งนี้ของอิหร่าน

และเรียกร้องให้อิหร่านยุติโครงการขีปนาวุธทั้งหมด เพราะถือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่น่าวิตกคือ ขีปนาวุธนี้อาจติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย การซ้อมยิงขีปนาวุธของกองทัพอิหร่านจำนวน 9 ลูก เป็นชาฮับ 3 ลูกหนึ่ง เจตนาตอบโต้อิสราเอล มีขึ้นตั้งแต่ช่วง 8 โมงเช้า โดยภาพทางทีวีแสดงให้เห็นเป็นเขตทะเลทราย พล.อ.อ.ฮอสเซน ซาลามี แห่งกองทัพอิหร่าน แจ้งว่า การซ้อมยิงขีปนาวุธครั้งนี้ต้องการให้ประเทศปรปักษ์ที่มีแผนโจมตีแหล่งที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านก่อนได้ประจักษ์ว่า อิหร่านพร้อมจะป้องกันตนเอง ขีปนาวุธของอิหร่านตอบโต้ได้รวดเร็วและแม่นยำ ดังนั้นศัตรูจะได้ไม่ตัดสินใจอะไรผิดพลาด

วันเดียวกัน รัสเซียข่มขู่ว่า จะใช้เทคโนโลยีทางทหารพัฒนาอาวุธใหม่ๆ ขึ้นมาตอบโต้หากสหรัฐติดตั้งโล่ป้องกันขีปนาวุธ บริเวณประเทศที่ติดกับชายแดนของรัสเซีย

หลังจากดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ลงนามในข้อตกลงกับนายคาเรล ชวาร์เซนเบิร์ก รมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก ให้สหรัฐเข้าไปติดตั้งระบบเรดาร์บริเวณชายแดนเช็ก ซึ่งสหรัฐอ้างว่าเพื่อป้องกันการคุกคามจากโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดย :พังจูดี้ (สมาชิก) โพสเมื่อ [ วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม 2551 เวลา 08:08 น.] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รายงานเรื่องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์
โดยคุณ tamsak<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1334719", true); </SCRIPT> สมาชิก​

​

ยอดเงินทำบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ "สมเด็จองค์ปฐม" ณ วันที่ 06/07/08 มีจำนวน 83,722.10 บาท​

ขณะนี้รวบรวมปัจจัยได้ถึงครึ่งทางแล้ว จากยอดค่าสร้างพระทั้งหมด 150,000 บาท (ค่าสร้างพระ 100,000 บาท ค่าปิดทองทั้งองค์ประมาณ 50,000 บาท) เมื่อรวบรวมครบแล้วผมจะนัดวันที่จะนำไปถวายแด่หลวงพี่วิรัช ที่วัดธรรมยาน ในโอกาสต่อไปครับ​

ผมตั้งใจไว้ว่า หากรวบรวมได้ครบ 100,000 บาท เท่าราคาสร้างองค์พระแล้วจึงจะนำไปถวายหลวงพี่วิรัช เพื่อให้ท่านนำไปจ่ายให้แก่ช่างครับ ส่วนค่าปิดทององค์พระอีกจำนวน 50,000 บาท ค่อยๆ รวบรวมในภายหลัง รวบรวมได้ครบเมื่อไรค่อยว่าจ้างไปปิดทองอีกทีหนึ่ง​

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยนะครับ​

http://palungjit.org/showthread.php?t=119096&page=6​

หมายเหตุ ตอนนี้ยอดรับบริจาคใกล้จะครบ 100,000 บาทแล้ว พวกเราช่วยกันเติมยอดเงินให้เต็มกันเร็วๆ จะได้ร่วมกันนำไปถวายหลวงพี่วิรัช ที่วัดธรรมยานกันเป็นงวดแรก เพื่อเติมบุญเต็มบารมีของพวกเราให้เต็มเปี่ยมกันโดยเร็วครับ​

 

เป็นคําพูดของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช น่ะครับ



"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้
ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป
เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

---------------

ส่วนลายเซ็นต์ผม เป็นคําพูดของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล ตอนที่ญาติโยมมาถามเรื่องการดูพระอรหันต์

ซึ่งก็คล้ายกับที่ หลวงปู่ทวด ท่านพูดไว้

หลวงปู่ทวดบอกว่า " พูดมาก เสียมาก
พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย พระโพธิสัตว์"

หลวงพ่อจง พุทธสโร ก็บอกเช่นกันว่า "จริง ไม่พูด พูด ไม่จริง"