ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การดับไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนียกำลังจะเผชิญอุปสรรคจากคลื่นความร้อน

    [​IMG]

    ลอสแองเจลิส 7 ก.ค.- เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ จะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการจัดการกับไฟป่า แต่ขณะนี้สามารถควบคุมไฟป่าในสองจุดหลัก ๆ เอาไว้ได้แล้ว

    ขณะนี้ชาวบ้านในเขตซานตาบาบารากว่า 2,600 ครัวเรือน ได้รับคำสั่งให้อพยพ ส่วนอีก 850 ครอบครัวได้รับคำเตือนให้เตรียมพร้อมเช่นกัน แม้ว่าสภาพอากาศที่เย็นลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาช่วยให้การดับไฟป่าง่ายขึ้น แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้เพียงร้อยละ 28 เท่านั้น ในขณะที่คาดว่าอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ จะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนระลอกใหม่ คาดว่าในหลายพื้นที่อุณหภูมิจะพุ่งขึ้นไปถึง 38 องศาเซลเซียส

    นายอาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียให้ข้อมูลว่า ไฟป่าได้เริ่มปะทุมาตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. เผาผลาญบ้านเรือนไปแล้วอย่างน้อย 69 หลัง ทำลายพื้นที่ป่าไปถึง 520,000 เอเคอร์ หรือ 1.3 ล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเสียชีวิตไป 1 คน แม้จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้บางส่วนแล้ว แต่ที่เขตบิ๊ก เซอร์ ซึ่งเป็นชุมชนชายฝั่งทะเลมีบ้านเรือนเกือบ 1,700 หลังที่ยังเสี่ยงอันตราย หลังไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 72,000 เอเคอร์ หรือ 180,000 ไร่ และคำสั่งให้อพยพยยังคงมีผลอยู่ คาดว่ากว่าสถานการณ์ไฟป่าจะสงบลงคงต้องใช้เวลาจนถึงสิ้นเดือนนี้. -สำนักข่าวไทย

    2008-07-07 08:58:52

    ชี้แผ่นดินไหวใหญ่เสฉวนเพิ่มแรงดันให้รอยเลื่อนแถวนั้น

    [​IMG]

    วอชิงตัน 7 ก.ค.- คณะนักธรณีวิทยาสหรัฐชี้ว่า แผ่นดินไหวใหญ่ที่มณฑลเสฉวนของจีนเมื่อเดือน พ.ค. ทำให้รอยเลื่อนสำคัญในบริเวณนั้นเกิดแรงดัน เสี่ยงเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อกครั้งใหญ่ แม้แต่ในพื้นที่ที่ไกลออกไปถึง 240 กิโลเมตร

    คณะนักธรณีวิทยาที่ศูนย์วิจัยธรณีวิทยาสหรัฐเผยในวารสารเนเจอร์ว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.9 เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่มณฑลเสฉวนของจีนสร้างความเสียหายอย่างมากมาย แต่อาจไม่หยุดแค่นั้น เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาฟตอร์ช็อกใหญ่ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากแผ่นดินไหวได้เพิ่มแรงดันให้แก่รอยเลื่อนสำคัญทั้งในและรอบ ๆ ที่ราบเสฉวน ปกติแล้วการเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่ทิ้งช่วงหลายสิบปีหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในทุกพื้นที่ ดังนั้น การกำหนดพื้นที่เสี่ยงเกิดอาฟเตอร์ช็อกใหญ่ในอนาคตจึงเป็นประโยชน์มากต่อการดำเนินมาตรการบรรเทาภัยให้ถูกจุด

    แผ่นดินไหวที่เสฉวนสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านหยวน (ราว 5 ล้านล้านบาท) ประชาชน 10 ล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวตรวจจับอาฟเตอร์ช็อกได้อย่างน้อย 150 ครั้ง ความรุนแรงมีตั้งแต่ 4-6 และยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.9 ได้ นอกจากนี้แผ่นดินไหวครั้งนั้นยังทำให้เกิดรอยแยกเป็นระยะทางถึง 9 เมตร ตามแนวระหว่างภูเขาหลงเหมินกับที่ราบเสฉวนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

    2008-07-07 11:05:38

    เซี่ยงไฮ้เผชิญไฟฟ้าดับ ช่วงอากาศร้อนระอุ

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 7 ก.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    ยอมรับว่าต้นไม้ชีวิต แต่ก็คงไม่สามารถเวียนว่ายตายเกิดได้แน่นอน แล้วคนก็ไม่ได้ไปเกิดเป็นต้นไม้ด้วย เปรตคือต้นไม้ก็แปลก มนุษย์-สัตว์-ต้นไม้
    เวียนว่ายตายเกิด วนไปวนมา

    ถ้าต้นไม้จะมีจิตวิญญาณก็อาจเป็นรุกขเทวดา นางไม้ ไม่ใช่ของต้นไม้เอง

    แนะนำให้รีบไปหาครูบาอาจารย์ได้แล้วนะค่ะ[/quote]

    คุณหนุมานพูดความจริงที่คนไม่รู้...แต่อีกไม่นานก็จะได้เห็นสิ่งที่คุณหนุมาน
    พูดว่าเป็นความจริงครับ....
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณ Tadcha รู้สึกไปเช่นนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะไปบิดเบือนคำสอนใดๆ ในพระไตรปิฏกทั้งสิ้นครับ เนื่องด้วยกระทู้นี้ต้องการรวบรวมคำทำนาย จากทุกแหล่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายของศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือคำทำนายจากผู้รู้ในทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะสามารถหามาได้

    จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ให้คำทำนายนั้นๆ จะสอดแทรกความคิดความเชื่อในศาสนาของตัวเองเข้ามาด้วย อีกทั้งผมก็ได้บอกย้ำเอาไว้หลายครั้งหลายหนแล้วว่า ให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการรับรู้เรื่องเหล่านั้นให้มากๆ ว่าควรจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

    ท่านที่เข้ามาอ่านเป็นประจำตั้งแต่เริ่มเปิดกระทู้นี้ขึ้นมา คงจะเข้าใจในเจตนารมย์อันนี้เป็นอย่างดี มีก็แต่ผู้ที่เข้ามาอ่านใหม่ๆ เท่านั้น ที่จะรู้สึกขัดเคืองใจเอามากๆ กับความคิดความเชื่อที่ไม่ตรงกับของตัวเอง แต่ขอให้ดูว่าคนที่เข้ามาอ่านเป็นจำนวนมากในแต่ละวันนั้น เขาต้องการรับรู้ข่าวสารใหม่ๆ ที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากที่ใดๆ นอกจากที่แห่งนี้เท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการมาฟังใครถกเถียงกันในเรื่องความเชื่อของศาสนาต่างๆ ครับ

    กระทู้แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนชุมทางใหญ่ เป็นที่รวบรวบเอาความรู้เหล่านั้นมาให้ได้อ่านกัน และสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไปไม่ได้นั่นก็คือ ผู้ให้ความรู้เหล่านั้นจะแทรกความคิดความเชื่อของตัวเองเข้ามาด้วย เช่นถ้าเป็นแหล่งที่มาจากศาสนาคริสต์ก็จะเน้นเรื่องของพระเจ้าเป็นหลัก ถ้าเป็นแห่งมาจากฮินดูก็จะเน้นเรื่องของเทวดาเป็นหลัก คนที่เข้ามาอ่านที่นับถือศาสนาเหล่านั้นก็จะรู้สึกชอบใจมากๆ ส่วนคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาเหล่านั้นก็จะรู้สึกขัดเคื่องใจเอามากๆ

    ผมจึงอยากจะให้ท่านผู้ที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ตัดประเด็นในเรื่องเหล่านี้เอาไป อย่าได้เอามาเป็นอารมณ์เลยครับ ควรมุ่งมาสนใจที่เนื่อหาสาระสำคัญกันดีกว่า ว่าผู้ให้คำทำนายต่างๆ เหล่านั้นต้องการจะบอกอะไรให้พวกเราได้รับรู้กันครับ
     
  4. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 87 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6430 ข่าวสดรายวัน


    "โสมใต้"รับมือน้ำมันแพง




    เมื่อ 6 ก.ค. บีบีซีรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. เป็นต้นไป รัฐบาลเกาหลีใต้จะเริ่มต้นบังคับใช้มาตรการประหยัดน้ำมันและพลังงานใหม่ล่าสุด กำ หนดให้ยวดยานพาหนะส่วนราชการต้องใช้งานแบบวันเว้นวัน และปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ตามสถานที่ราชการให้เหมาะสม ไม่ใช่ร้อนหรือเย็นเกินไป วันเดียวกัน ชาวมาเลเซีย 5,000 คนจัดประท้วงที่สนามกีฬาเมืองเปตาลิง กดดันให้รัฐบาลกลางเร่งแก้ปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้าฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ทางการปล่อยให้ดำเนินการไปโดยสงบ
    [/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 1052 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6430 ข่าวสดรายวัน


    โลกแหกปากแสบแก้วหู จนมนุษย์ต่างดาวอาจได้ยิน




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นักดาราศาสตร์พบว่าโลกส่งเสียงร้องดังแสบแก้วหู เสียงนี้อาจดังจนมนุษย์ต่างดาวได้ยินก็ได้

    รังสีเป็นตัวการที่ทำให้เกิดเสียง ด้วยการนำอนุภาคในพายุสุริยะมาปะทะกับสนามแม่เหล็กของโลก ปรากฏการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเกิดของแสงเหนือ ที่ท้องฟ้าบริเวณใกล้กับขั้วโลกจะมีสีสันสวยงาม อย่างไรก็ตาม คลื่นวิทยุนี้ถูกสกัดด้วย "ไอโอโนสเฟียร์" ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นบนสุดของโลก ทำให้เสียงนี้ไม่สามารถทะลุเข้ามาบนโลกได้ นับเป็นการดีเพราะเสียงคลื่นวิทยุนั้นดังกว่าสัญญาณคลื่นของทหารกว่า 10,000 เท่า ถ้าทะลุเข้ามาแล้ว มันจะกลบคลื่นวิทยุทั้งหมดบนโลก

    สำนักงานอวกาศยุโรปศึกษาข้อมูลจากดาวเทียมพบว่า คลื่นวิทยุของโลกส่งเสียงออกมาจนผู้ที่อยู่บนดาวอื่นสามารถตรวจจับคลื่นนี้ได้ เสียงนี้เรียกว่า Auroral kilometric radiation (เอเคอาร์) เป็นเสียงที่พบเมื่อราว 30 ปีก่อน ฟังดูคล้ายกับเสียงของหุ่นยนต์อาร์ทูดีทูในเรื่องสตาร์วอร์

    ก่อนหน้านี้ ยานอวกาศยังพบแสงเช่นเดียวกับแสงเหนือรวมทั้งเอเคอาร์ออกมาจากดาวพฤหัสและดาวเสาร์ เป็นไปได้ว่า ในอนาคตกล้องโทรทรรศน์วิทยุจะสามารถนำสัญญาณนี้มาศึกษาหาแหล่งก๊าซรวมทั้งศึกษาถึงดาวต่างๆ ทั่วจักรวาล สำหรับโลกนอกจากจะส่งเสียงดังแสบแก้วหูแล้ว ยังส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมาด้วย ซึ่งเสียงอย่างหลังนี้น่าจะเกิดจากการหมุนของมหาสมุทรและบรรยากาศ
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 282 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6430 ข่าวสดรายวัน


    "โลกร้อน"สาเหตุทำไวรัสระบาดสัตว์




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากอากาศบนโลกเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความแห้งแล้งไปจนถึงน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคระบาดในปศุสัตว์และสัตว์ป่า

    นายเครก แพ็กเกอร์ นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ตัวอย่างการระบาดของโรค เช่น เชื้อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัส ที่คร่าชีวิตสิงโตที่อุทยานแห่งชาติซีเรนเกตติ ประเทศแทนซาเนีย เมื่อพ.ศ.2537 และที่แอ่งโงรองโกโร เมื่อพ.ศ.2544 สิงโตมีอาการชักอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ฟันกระทบกันดังกึกๆ น้ำลายฟูมปาก การชักกินเวลา 2-3 นาที แล้วก็ชักใหม่ แม้สิงโตบางตัวรอดชีวิต แต่สุขภาพร่างกายก็เปลี่ยนแปลง มันผอมลง ซึม อ่อนเพลียเพราะโลหิตจางลง ต่อมน้ำเหลืองโต ครั้งนั้นมีสิงโตตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด"

    นางลินดา มันสัน นักพยาธิวิทยาสัตว์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส กล่าวว่า "ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีไวรัสระบาดในระบบนิเวศ สาเหตุที่ไวรัสระบาดเมื่อพ.ศ.2537 และพ.ศ.2544 น่าจะมาจากก่อนหน้านี้พื้นที่ทั้งสองแห่งแล้งจัด กระทั่งต่อมาฝนตก ควายเคปซึ่งเป็นเหยื่อของสิงโตมีร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อจากเห็บ เมื่อสิงโตไปกินควายเคปมันจึงติดเชื้อนี้ เลือดมันก็ติดเชื้อปรสิตด้วย เมื่อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัสเข้าไปกดระบบภูมิคุ้มกันของสิงโตที่เลือดติดเชื้อปรสิต สิงโตจึงชักและตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผึ้งที่หายหน้าหายตาไปยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง พวกมันอาจติดเชื้อเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง ผึ้งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการผสมเกสรของแอปเปิ้ล ส้ม มะนาวเป็นอย่างมาก"
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 44 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6430 ข่าวสดรายวัน


    ขายชื่อพันธุ์สิ่งมีชีวิต


    หมุนก่อนโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เจฟฟ์ กู๊ดฮาร์ตซ์ เป็นหนุ่มโสดวัย 55 ปี ไม่มีลูก แต่เมื่อเขาจากไป เขาต้องการให้นามสกุลยังคงอยู่คู่โลก จึงยอมจ่ายเงิน 5,000 เหรียญ หรือราว 160,000 บาท เพื่อที่จะให้ชื่อหนอนทะเลใหม่มีชื่อเหมือนกับนามสกุลคือ "กู๊ดฮาร์ตโซรุ่ม"

    หนอนทะเล "กู๊ดฮาร์ตโซรุ่ม" มีสีใส มีปุยสีฟ้า อาศัยอยู่ตามป่าโกงกางของประเทศเบลิซ การที่กู๊ดฮาร์ตซ์อาจารย์สอนคณิตศาสตร์เอานามสกุลมาเป็นชื่อหนอนได้ก็เพราะโครงการสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปส์ เปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่จ่ายเงินนำชื่อของตนเองมาเป็นชื่อพันธุ์สัตว์ได้ เพื่อนำเงินมาเป็นทุนในงานวิจัยด้านสมุทรศาสตร์

    นายแอนดรูว์ โพลาสเซค นักกีฏวิทยาจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติกรุงลอนดอน มีความเห็นว่า การที่เงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อสัตว์พันธุ์ใหม่อาจทำให้เกิดการหลอกลวงว่า มีการค้นพบสัตว์พันธุ์ใหม่ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ สำหรับโลกเราแล้ว คาดว่ามีสัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตราว 30 ล้านสายพันธุ์ แต่ปัจจุบันมีการระบุและตั้งชื่อเพียง 1.8 ล้านสายพันธุ์เท่านั้น

    ที่ผ่านมา มีการตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตตามชื่อคู่สมรส บุตร เพื่อนของผู้ค้นพบ รวมทั้งตั้งชื่อตามผู้ที่มีชื่อเสียง แต่ไม่กี่ปีมานี้ การตั้งชื่อตามผู้ที่บริจาคเงินหรือผู้ที่ได้รับประมูลมีความนิยมขึ้นเรื่อยๆ พันธุ์สิ่งมีชีวิตที่หาไม่ยากก็ราคาไม่แพง แต่ถ้าหายากแล้ว ราคาก็สูงตาม

    นายดัฟ แยนเนกา นักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ต้องการให้มีสถาบันหนึ่งมาชำระพันธุ์สิ่งมีชีวิต ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการรวบรวม เพื่อหาว่ามีพันธุ์สัตว์ที่ตั้งชื่อซ้ำหรือไม่ ส่วนความเห็นด้านการขายชื่อพันธุ์สิ่งมีชีวิตนั้นถ้านักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือขายนับว่าไม่เป็นไร แต่เกรงว่ามิจฉาชีพจะหาโอกาสเข้ามาสวมรอย ขณะที่สถาบันประชากรสิ่งมีชีวิตในทะเล หรือ The Census of Marine Life เพิ่งระบุว่า มีสิ่งมีชีวิตในทะเลอยู่ 122,500 สายพันธุ์ และมี 56,400 สายพันธุ์ที่ตั้งชื่อซ้ำกัน

    ด้านนายเกร็ก เราส์ เจ้าหน้าที่จากสถาบันสคริปส์ และเป็นผู้ค้นพบหนอนทะเล "กู๊ดฮาร์ตโซรุ่ม" อธิบายว่า "เราจะไม่ขายชื่อสิ่งมีชีวิตจนกว่าเราจะแน่ใจว่าไม่มีการตั้งชื่อซ้ำ ส่วนหนอนกู๊ดฮาร์ตโซรุ่มผมพบมันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะไปดำน้ำที่เบลิซ นอกจากจะเป็นสายพันธุ์ใหม่แล้ว มันยังเป็นสกุลใหม่ของหนอนเบลิซเฟทเธอร์เวิร์มด้วย"

    ที่ผ่านมาสถาบันที่ขายชื่อสิ่งมีชีวิตได้มากที่สุดคือ "ไบโอแพต" ของเยอรมนี และเมื่อ 3 ปีที่แล้วสมาคมคุ้มครองสัตว์ป่าได้เงิน 21 ล้านบาทจากการขายชื่อลิงพันธุ์ใหม่ในโบลิเวีย ผู้ที่ประมูลได้คือ กาสิโนทางอินเตอร์เน็ต GoldenPalace.com ซึ่งชื่อของลิงตามภาษาละตินคือ Callicebus aureipalatii แปลว่า "โกลเด้นพาเลซ" หรือ "พระราชวังสีทอง" ตามชื่อของเว็บไซต์กาสิโน ส่วนนักวิทยาศาสตร์นั้นนิยมเรียกชื่อ "ลิงโกลเด้นพาเลซดอทคอม" มากกว่า
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 447 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6423 ข่าวสดรายวัน


    ห้องสมุดธรรมะแนวใหม่ อิงธรรมชาติ-ดึงวัยรุ่นเข้าวัด


    สดจากหน้าพระ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>มีการสำรวจจากหลายหน่วยงาน และหลายครั้งพบว่าเด็กและเยาวชนไทยอ่านออกเขียนได้มีจำนวนน้อยมาก และที่สำคัญไม่ค่อยสนใจในการอ่านมีจำนวนมากจนน่าตกใจ หลายฝ่ายจึงหาวิธีในการสนับสนุนการอ่านให้มากขึ้น

    โดยจัดให้มีห้องสมุดทางน้ำ ห้องสมุดเคลื่อนที่ และห้องสมุดชุมชนขึ้น

    เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดแนวใหม่ถวายแด่วัดพุทธปัญญา จ.นนทบุรี จากห้องเก็บหนังสือถูกเนรมิตให้เป็น "ห้องสมุดธรรมะ" แนวใหม่ที่มีความทันสมัย แต่แฝงไว้ด้วยความสงบ ร่มเย็น สามารถดึงดูดให้เยาวชนเข้าวัดด้วยความสนใจ และซึมซับธรรมะโดยไม่รู้ตัว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พิธีถวายห้องสมุดแนวใหม่แด่วัดพุทธปัญญา จัดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีพระอาจารย์ศรีธวัช เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา ร่วมพิธีรับมอบห้องสมุด ซึ่งจัดสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงและผู้นิยมฟังการบรรยายธรรมได้ใช้ประโยชน์จากห้องสมุดให้เป็นแหล่งความรู้แห่งใหม่ โดยเฉพาะเยาวชนไทยได้ใกล้ชิดธรรมะมากขึ้น

    ประชาชนที่เข้าร่วมพิธีเปิดห้องสมุดในครั้งนี้ ต่างให้ความสนใจบริเวณที่นั่งอ่านหนังสือ ซึ่งออกแบบให้นั่งอ่านหนังสือบนอาสนะทรงกลม ปูด้วยเสื่อตาตามิ โอบล้อมด้วยม่านไหมญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกสงบ และให้ความเป็นส่วนตัว มีมุมสำหรับนั่งสมาธิ หรือจะฟังธรรมะจากเครื่องบันทึกเสียง ส่วนบรรยากาศโดยรอบมีการจัดแสงให้เหมาะกับการอ่านหนังสือ โดยใช้แสงธรรมชาติจากภายนอกที่ลอดมาจากหน้าต่างผ่านม่านลูกปัดที่ร้อยเรียงทิ้งตัวลงมาในบรรยากาศกลิ่นอายแบบตะวันออก และตกแต่งด้วยม่านต้นไผ่ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกร่มรื่นแบบสวนป่าธรรมชาติ

    การดำเนินกิจกรรมจัดสร้างห้องสมุดแห่งนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการจัดกิจกรรมการตลาด (Event Marketing) ซึ่งได้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญด้านการพัฒนาองค์ความรู้ หรือการศึกษาซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

    ดังนั้น การจัดสร้างห้องสมุดวัดพุทธปัญญา จึงเป็นหนึ่งในแนวทางของบริษัทที่สามารถส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ใช้ห้องสมุดอย่างคุ้มค่า และใครที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศ หรือพาลูกหลานไปเยี่ยมชมห้องสมุดแห่งนี้ สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกวัน
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 1142 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6146 ข่าวสดรายวัน


    เยือน"วัดศิมาลัยทรงธรรม" สักการะพระบรมสารีริกธาตุ


    สดจากหน้าพระ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นประตูสู่ภาคอีสานมีอาณาเขตติดต่อกับผืนป่าดงพญาเย็นประกอบกับพื้นที่ราบสูง สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปเย็น

    "วัดศิมาลัยทรงธรรม" ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สร้างเมื่อ พ.ศ.2484 เป็นวัดตั้งอยู่ในหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ มีถ้ำขนาดใหญ่สำหรับปฏิบัติธรรมปากทางเข้าถ้ำอยู่บนเขามีลานหินและพระพุทธรูป

    ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม ตกแต่งพื้นที่สำหรับนั่งสมาธิภาวนาเป็นชั้นๆ บนยอดเขาประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งอยู่บนเรือสุพรรณหงส์ ตกแต่งลวดลายอ่อนช้อยงดงาม โดยทีมงานช่างโบราณ

    ทางขึ้นภูเขาสู่ยอดพระบรมธาตุเจดีย์ตกแต่งเป็นบันไดพญานาคจำนวน 227 ขั้น มีฝ่าพระหัตถ์จำลอง และกุฏิหลังเล็กๆ ตามแมกไม้บนภูเขา ด้านล่างของวัดมีฝ่าพระพุทธบาทจำลองล้อมรอบด้วยพญานาคและพระอริยเจ้าทั้ง 4 ทิศได้แก่ หลวงปู่ทวด สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี, หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย และหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตรย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปัจจุบันพระอธิการฉัตรชัย อนาลโย (หลวงปู่โต) เป็นเจ้าอาวาสวัด ท่านเกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2514 เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี เกิดในตระกูลจาระเกษม เป็นศิษย์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และหลวงปู่บุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข จ.อุบลราชธานี แต่เดิมชีวิตท่านท่านชอบธุดงค์ตามถ้ำ มีนิสัยชอบธรรมชาติ ปฏิบัติธรรมแล้วทำให้เกิดความสงบ ใช้ชีวิตปฏิบัติธรรม กรรมฐาน ตามถ้ำต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น ถ้ำพระพุทธ จ.ศรีสะเกษ, ถ้ำเขาลูกช้าง จ.สงขลา และถ้ำพระอรหันต์ (เขาสามยอด) จ.ลพบุรี เป็นต้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท่านจะต้องรับศิษยานุศิษย์ด้วยความเต็มใจ ทุกฐานะไม่ว่าจนหรือมั่งมีเป็นกันเอง เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา ยินดีช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ท่านจะสอนให้นั่งสมาธิ ภาวนา ปฏิบัติธรรมให้เกิดพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ด้วยความที่ท่านได้มีนิมิตว่า "ให้สร้างพระเบญจภาคี ถวายเป็นพุทธบูชา สร้างเอง เผาเอง เป็นจำนวนมาก" และปัจจุบันนี้ท่านได้สร้างพระดินเผาจำนวนมากนำไปบรรจุตามสถูปเจดีย์ ทั่วจตุรทิศทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย นอกจากนี้วัดศิมาลัยทรงธรรม ยังเปิดกว้างให้หน่วยงานราชการ, เอกชน ห้างร้าน บริษัท ที่สนใจจะมาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ภาวนา จะเป็นหมู่คณะหรือครอบครัว ทางวัดยินดีต้อนรับแต่ขอให้แจ้งทางวัดให้ทราบล่วงหน้า

    พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย (หลวงปู่โต) ขอฝากทิ้งท้ายว่า "ทุกข์เกิดที่จิต สงบจิตระงับทุกข์"

    การเดินทางไปวัด ตามถนนธนะรัชต์ มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 12 กิโลเมตรจะมีป้ายบอกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตรก็ถึงวัดศิมาลัยทรงธรรม

    พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย (หลวงปู่โต) เป็นพระสุปฏิปันโนที่แท้จริง ที่น่ายกย่องเลื่อมใสเพียบพร้อมด้วยศิลาจารวัตรอันงดงามพร้อมมอบการถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาต่อไป

    ขณะนี้ทางวัดศิมาลัยทรงธรรม กำลังดำเนินการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมแปดเหลี่ยม และบันไดทางขึ้น

    พระบรมสารีริกธาตุ ร่วมทำบุญได้ที่ พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย (หลวงปู่โต) โทร.08-9776-6163
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>พระองค์นี้ผมเจอมาครับใครไม่สบายไปให้ท่านเคาะหัวแล้วจะหายครับแบบว่าผมนั่งสมาธินานจนเป็นตุ่มขึ้นมา
    บริเวณก้นกบท่านเคาะหัวแล้ววันรุ่งขึ้นหายทันที่ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ท่าทางสนามแม่เหล็กโลก คงจะเริ่มเปลี่ยนแล้วจริงๆ
    ดูว่าคนจะเริ่มเครียด และคิดมาก กันเยอะขึ้นนะคะ
    ขอแนะนำให้เจริญสติ ในขณะที่ออกกำลังกายด้วย dencee

    ^-^^-^^-^
     
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ขอบคุณข่าวจากคุณ wawa ค่ะ
     
  8. YourWifeKeeper

    YourWifeKeeper สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    [FONT=Tahoma,]เผยเครื่องบินใหม่ เหมือน"ยูเอฟโอ"



    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>ศ.สุบราตา รอย นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ออกแบบเครื่องบินใหม่ไม่มีปีกหรือ "Wingless electromagnetic air vehicle (WEAV)" ถ้าบินได้จริง เครื่องบินนี้ก็จะเป็นแบบของเครื่องบินยุคใหม่ สำหรับการทดลองจะมีขึ้นในอีก 4 เดือนข้างหน้า และเมื่อประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขนาดเครื่องบินให้ใหญ่ขึ้น

    WEAV ใช้เครื่องยนต์ที่เรียกว่า "แมกนีโตไฮโดรไดนามิกส์" อย่างที่กัปตันมาร์โค เรเมียส บังคับการเรือดำน้ำในภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ ฮันต์ ฟอร์ เดร อ็อกโทเบอร์" เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีส่วนใดๆ หมุน เพราะใช้อิเล็กโทรดที่แตกเป็นประจุในน้ำ ทำให้เรือดำน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ในกรณีของ WEAV ใช้อิเล็กโทรด 2 ชุด โดยชุดแรกวางไว้ข้างบนและข้างใต้ของเเครื่องบิน เพื่อทำให้เครื่องบินยกตัวขึ้นลงได้ ส่วนชุดที่ 2 วางไว้ตรงด้านข้าง เพื่อให้เครื่องบินเครื่องที่ไปข้างหน้า

    นายแอนโทนี่ โคลอสซ่า นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเกลนน์ขององค์การนาซ่า กล่าวว่า เมื่อ 8 ปีก่อนนาซ่าทำการทดลองบินโดยใช้วิธีการเดียวกันนี้ ซึ่งต้องใช้อากาศรวมทั้งสนามแม่เหล็ก ถึงทำให้เครื่องบินบินได้ และเป็นไปไม่ได้ที่ WEAV จะกลายเป็นยานที่เดินทางระหว่างดวงดาว เพราะการหนีแรงโน้มถ่วงของโลกจะต้องออกแบบแตกต่างไปจากนี้
    [/FONT]
     
  9. YourWifeKeeper

    YourWifeKeeper สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    [FONT=Tahoma,]เผยเครื่องบินใหม่ เหมือน"ยูเอฟโอ"



    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>ศ.สุบราตา รอย นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ออกแบบเครื่องบินใหม่ไม่มีปีกหรือ "Wingless electromagnetic air vehicle (WEAV)" ถ้าบินได้จริง เครื่องบินนี้ก็จะเป็นแบบของเครื่องบินยุคใหม่ สำหรับการทดลองจะมีขึ้นในอีก 4 เดือนข้างหน้า และเมื่อประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขนาดเครื่องบินให้ใหญ่ขึ้น

    WEAV ใช้เครื่องยนต์ที่เรียกว่า "แมกนีโตไฮโดรไดนามิกส์" อย่างที่กัปตันมาร์โค เรเมียส บังคับการเรือดำน้ำในภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ ฮันต์ ฟอร์ เดร อ็อกโทเบอร์" เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีส่วนใดๆ หมุน เพราะใช้อิเล็กโทรดที่แตกเป็นประจุในน้ำ ทำให้เรือดำน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ในกรณีของ WEAV ใช้อิเล็กโทรด 2 ชุด โดยชุดแรกวางไว้ข้างบนและข้างใต้ของเเครื่องบิน เพื่อทำให้เครื่องบินยกตัวขึ้นลงได้ ส่วนชุดที่ 2 วางไว้ตรงด้านข้าง เพื่อให้เครื่องบินเครื่องที่ไปข้างหน้า

    นายแอนโทนี่ โคลอสซ่า นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเกลนน์ขององค์การนาซ่า กล่าวว่า เมื่อ 8 ปีก่อนนาซ่าทำการทดลองบินโดยใช้วิธีการเดียวกันนี้ ซึ่งต้องใช้อากาศรวมทั้งสนามแม่เหล็ก ถึงทำให้เครื่องบินบินได้ และเป็นไปไม่ได้ที่ WEAV จะกลายเป็นยานที่เดินทางระหว่างดวงดาว เพราะการหนีแรงโน้มถ่วงของโลกจะต้องออกแบบแตกต่างไปจากนี้.1
    [/FONT]
     
  10. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    นานๆโพสทีขี้เกียจล๊อกอิน
    ผมว่าอาจจะมีความนัยที่ต้องเเปลก็ได้ ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นคุณหนุมานพูดมั่วๆนะ
    ทางที่ดีวางตัวเป็นกลางอย่าเพิ่งไปว่าเค้าดีกว่า ลองดูไปเรือ่ยๆ น่าจะดีกว่า

    คุนหล่อก็เหมือนกันชอบหาเรื่องคนอื่นซะวุ่นวายไปหมดเฮ้อ..อายุทำไหร่เนี่ยเรา
    อายเด็กรึป่าว หรือว่าเป็นเด็กเหมือนกันเหอๆ
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    (good)(good)(good)<TABLE class=tborder id=post1335818 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>เกษม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1335818", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุน กิตติมศักดิ์

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 06:04 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 2,931
    Groans: 9
    Groaned at 22 Times in 21 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 11,959
    ได้รับอนุโมทนา 44,309 ครั้ง ใน 2,770 โพส
    พลังการให้คะแนน: 3287 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1335818 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Tadcha [​IMG]
    ฉันเห็นคุณชอบโพสบิดเบือนเอาพระไตรปิฎกมาตีรวมกับโลกุตตระ พระเจ้า ผู้สร้างโลก มาก็พอสมควรแล้ว แต่ครั้งนี้มันอดไม่ไหวจริง ๆ <O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณ Tadcha รู้สึกไปเช่นนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะไปบิดเบือนคำสอนใดๆ ในพระไตรปิฏกทั้งสิ้นครับ เนื่องด้วยกระทู้นี้ต้องการรวบรวมคำทำนาย จากทุกแหล่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายของศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือคำทำนายจากผู้รู้ในทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะสามารถหามาได้

    จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ให้คำทำนายนั้นๆ จะสอดแทรกความคิดความเชื่อในศาสนาของตัวเองเข้ามาด้วย อีกทั้งผมก็ได้บอกย้ำเอาไว้หลายครั้งหลายหนแล้วว่า ให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการรับรู้เรื่องเหล่านั้นให้มากๆ ว่าควรจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

    ท่านที่เข้ามาอ่านเป็นประจำตั้งแต่เริ่มเปิดกระทู้นี้ขึ้นมา คงจะเข้าใจในเจตนารมย์อันนี้เป็นอย่างดี มีก็แต่ผู้ที่เข้ามาอ่านใหม่ๆ เท่านั้น ที่จะรู้สึกขัดเคืองใจเอามากๆ กับความคิดความเชื่อที่ไม่ตรงกับของตัวเอง แต่ขอให้ดูว่าคนที่เข้ามาอ่านเป็นจำนวนมากในแต่ละวันนั้น เขาต้องการรับรู้ข่าวสารใหม่ๆ ที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากที่ใดๆ นอกจากที่แห่งนี้เท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการมาฟังใครถกเถียงกันในเรื่องความเชื่อของศาสนาต่างๆ ครับ

    กระทู้แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนชุมทางใหญ่ เป็นที่รวบรวบเอาความรู้เหล่านั้นมาให้ได้อ่านกัน และสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไปไม่ได้นั่นก็คือ ผู้ให้ความรู้เหล่านั้นจะแทรกความคิดความเชื่อของตัวเองเข้ามาด้วย เช่นถ้าเป็นแหล่งที่มาจากศาสนาคริสต์ก็จะเน้นเรื่องของพระเจ้าเป็นหลัก ถ้าเป็นแห่งมาจากฮินดูก็จะเน้นเรื่องของเทวดาเป็นหลัก คนที่เข้ามาอ่านที่นับถือศาสนาเหล่านั้นก็จะรู้สึกชอบใจมากๆ ส่วนคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาเหล่านั้นก็จะรู้สึกขัดเคื่องใจเอามากๆ

    ผมจึงอยากจะให้ท่านผู้ที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ตัดประเด็นในเรื่องเหล่านี้เอาไป อย่าได้เอามาเป็นอารมณ์เลยครับ ควรมุ่งมาสนใจที่เนื่อหาสาระสำคัญกันดีกว่า ว่าผู้ให้คำทำนายต่างๆ เหล่านั้นต้องการจะบอกอะไรให้พวกเราได้รับรู้กันครับ






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทำถูกแล้วครับ..สู้ต่อไปครับขอเป็นกำลังใจให้พี่เกษมด้วยครับผม..:VO:VO:VO
     
  12. Chart072

    Chart072 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +258
    คนที่คิดว่าไร้สาระ โกหก เพ้อเจ้อเหลวไหล ก็ไม้ควรจะเข้ามาอ่านเรื่องนี้ อยากรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไร ทำไมไม่ลองฝึกมโนมยิทธิ ให้ได้อนาคตังสญาน ให้ได้อภิญญาแล้วลองดูเองก็แล้วกัน เรื่องนี้ในหมู่ผู้ได้อภิญญา เขารู้กัน อย่าปรามาสผู้รู้จริง จะเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว นะ สิบอกให้
     
  13. nuttapont

    nuttapont Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,043
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอบคุณความรู็้ทั้งหลายครับ รู้ไว้ใช่ว่า ดีกว่า รู้แล้วไม่เตรียมตัวมาเสียใจทีหลัง
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ข้อมูล อัพเดทใหม่มาของนักวิทยาศาสตร์จากนาซ่าครับ

    ข้อสรุปกล่าวว่า ภัยพิบัติจากปัญหาโลกร้อนนั้น เกิดอัตราเร่งอย่างน่าตกใจ จากที่เคยบอกกันตอนสมัยแรก 3-4 ปีก่อนว่า มีเวลาอีก 20ปีบ้าง 5-60 ปีบ้าง

    ต่อมาก็มาบอกว่า 12ปี จนปีนี้จึงมาเปิดเผยว่าเหลือเวลาอีก แค่ฤดูร้อนนี้ น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายจนหมด

    ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยพูดเอาไว้เมื่อปีที่แล้วจากที่พระท่านบอกเอาไว้ว่า มีปัจจัยที่นักวิทยาศาสตร์ได้คาดคำนวณเอาไว้เป็นตัวแปรที่สร้างอัตราเร่งของมหันตภัยให้เร็วยิ่งขึ้น


    ตอนนี้มีข้อมูลออกมา ว่า ที่บริเวณวงแหวนอาร์กติก มีก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีพลังในการทำลายชั้นบรรยากาศ สูงกว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า เมื่อน้ำแข็งที่อาร์กติกเซอร์เคิ้ลละลายก็ปลดปล่อย ก๊าซมีเทนออกมา ซึ่งมีการประมาณการว่า มีสูงถึง 400 กิกกะตัน

    หรือ 400,000,000,000,000 ตัน

    ดังนั้นไม่น่าแปลกใจ หากปีนี้จะเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ เมก้าสตอร์ม น้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อน โรคระบาด รวมไปถึงเกิดเขตเด้ดโซน ในมหาสมุทรอย่างกว้างขวางขึ้น


    ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ กล่าวถึงกันแต่ ผู้ฝึกสมาธิได้ไปพบเห็นตรงกันหลายท่านโดยไม่ได้นัดหมายก็คือ เกิดการปริแตกในมหาสมุทรหลายแห่งทั่วโลก ลาวา ไหลออกสู่รอยแตกนั้น ก่อตัวเป็นภูเขาไฟใต้ทะเล ซึ่งพร้อมจะระเบิดได้ ในเวลาอันใกล้

    เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการที่ภาวะเรือนกระจกปล่อยรังสีบางสเปคตรัมผ่านชั้นบรรยากาศลงมา และทำการแผดเผา โลกจากภายใน ทำให้เกิดการเดือดและแรงดันจากของเหลวที่หลอมละลายอยู่ใต้ผิวโลก

    จากข้อมูลทั้งหมด คำแนะนำก็คือ

    ทางยูเอ็น ได้ส่งเอกสารเตือนไปยังเมืองต่างๆทั่วโลกที่อยู่ติดทะเลให้ย้ายเมืองออกไป โดยประมาณการว่า หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีก 6 เมตรจะทำอย่างไร

    ประเทศไทยเอง ที่กรุงเทพก็เช่นกัน ย้ายก่อน ที่จะย้ายไม่ทัน

    ประเทศอื่นที่จำเป็นต้องย้ายเพราะภัยธรรมชาติแล้วมีหลายประเทศ เช่น บังคลาเทศ อพพยพประชากร กว่า 100 ล้านคน
    จีนอพยพเป็นล้านคน

    บางประเทศที่เป็นเกาะในแปซิฟิค กำลังหายไปทั้งประเทศ

    เกาะมัลดิฟฟ์ สวรรค์ของที่ท่องเที่ยวก็กำลังจมลง

    ธรรมชาตินั้น สัตว์ที่ปรับตัวได้เร็วกับทุกสภาพแวดล้อม ย่อมอยู่รอด
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    และวันนี้ข่าวช่วงเย็น ทางช่องสาม ได้มีการสัมภาษณ์ อ. จากศูนย์ภัยพิบัติของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ออกมาย้ำเรื่องที่ ดร. สมิทธิได้ออกมาเตือนเมื่อเดือนก่อนเรื่องพายุที่จะมีโอกาสเข้าอ่าวไทยในช่วงนี้ไปถึง เดือน พฤศจิกายน โดย หากเข้าทางอ่าวไทย

    กรุงเทพจะรับไปเต็มๆ จะเกิดสภาวะที่ผืนน้ำทะเลยกตัว สูงประมาณ 3.6 เมตร พัดย้อนขึ้นไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เกิดน้ำท่วม ในระดับสูงและสร้างความเสียหายมหาศาล

    ใครช่วยนำมาลงหน่อยก็ดีครับ

    เพราะข้อมูลเริ่มเข้ามามากแล้วครับ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเองได้รับการร้องเรียนมาจากสมาชิกหลายๆท่าน

    เรื่องการก่อกวนในกระทู้นี้ครับ ซึ่งเพื่อความสงบสุขและการทำงานเพื่อส่วนรวม ผมจะลบกระทู้ ที่เข้าข่าย ก่อกวน ใช้วาจาไม่สุภาพ คุกคาม ด่าว่า หมิ่นประมาทผู้อื่น สร้างกระแสลบหรือความเกลียดชัง ยุแยงให้เกิดความแตกแยก

    ออกไปจากกระทู้ในห้องที่ทั้งหมดครับ

    เพื่อสงวนพื้นที่บนServer พลังจิตเอาไว้เพื่องานของส่วนรวมครับ
     
  17. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ถึงคุณคณานันท์ครับ
    ขอเสนอความเห็น
    ถ้าระบบ สามารถยินยอมให้สมาชิก
    ยกตัวอย่าง จำนวนมากกว่า5ท่านขึ้นไป
    มีสิทธิ์ สามารถลบความเห็นของสมาชิกที่เข้าข่ายดังกล่าวเบื้องต้น
    จะเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ดูแลดีไหม (เหมือนกับที่ระบบเวบพันทิพ ทำอยู่)
    ...
    แต่การทำแบบนี้ต้องไปกวน เว็บมาสเตอร์เขียนโปรแกรมเพิ่มอีกนะครับ
     
  18. taengmostudio

    taengmostudio สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +17
    เกิด "พายุหมุนงวงช้าง" ใกล้เกาะพีพี ไม่มีรายงานความเสียหาย <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="baseline" align="left">7 กรกฎาคม 2551 19:59 น.</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุงวงช้างภายในทะเลอันดามัน ระหว่างเกาะศรีบอยา กับเกาะพีพี จ.กระบี่ โดยพายุได้ก่อตัวจากก้อนเมฆครึ้ม และค่อยๆ ก่อตัวเป็นพายุหมุนงวงช้าง ลงมาถึงผิวน้ำและเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะศรีบอยา โดยตรวจสอบความเสียหายจากพายุลูกนี้ที่ขึ้นฝั่งแล้ว ไม่มีรายงานความเสียหาย โดยระยะเวลาในการเกิดพายุใช้เวลาประมาณ 12 นาที ก่อนจะสลายตัวไป ถึงแม้จะมีพายุลูกที่ 2 ตามมา และมีขนาดใหญ่กว่าลูกแรง แต่ก็สลายตัวไปก่อนที่จะก่อตัวลงมาจนถึงผืนน้ำ

    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000079958
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก
    โดยคุณ tZxiIqHHVdQ

    [​IMG]


    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่า การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์ ​

    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลา ที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมา จนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้ จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012

    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลง จนมีค่าเป็นศูนย์ หน่วยกาซและโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล

    [​IMG]


    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับพายุสุริยะ

    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง ​

    จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ

    >>>แต่ทว่าถึงโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆ มีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้น ไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลก ย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น

    สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้า อันมหาศาลสู่ที่ๆ มีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆ ที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    จากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์ จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน

    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อ แต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง

    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไร เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง.........

    หายนะที่ได้กล่าวมานี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดที่กล่าวมา (หรืออาจร้ายแรงกว่า) ขึ้นอยู่กับว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวนั้นจะใช้เวลานานขนาดใหน ขอให้ทุกคนโชคดีครับ


    ที่มา http://webboard.hitech.sanook.com/forum/?action=printpage;topic=2393875
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. tubeTronix

    tubeTronix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    ภัยพิบัติ ณ วันนี้ เราเสียดินแดน เขาพระวิหารให้ กัมพูชาแล้วครับ

    น่าเศร้าใจจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...