ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64

    ใกล้เข้ามาแล้ว:cool:
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ภาพ เด็กหญิงโคนนี่ ลอยด์ วัย 2 ขวบ จากเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ กับจมูกรูปทรงปกติเหมือนคนทั่วไป หลังเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกสีแดงที่บวมขึ้นมาตรงจมูกตั้งแต่เกิด
    ทั้งนี้ เมื่อหนูน้อยเกิดมา เธอมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่ตรงจมูกนั้นกลับมาเนื้องอกสีแดงงอกขึ้นมา คล้ายจมูกของตัวตลก (Joker) และมันก็โตขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่ของเธอต่างรู้สึกประหลาดใจและสงสารเพราะ ทุกครั้งที่พาหนูน้อยออกไปเดินเล่น มักโดนคนอื่นล้อเลียนและตั้งฉายาให้
    ดังนั้น ทั้งสองจึงพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดเอาเนื้องอกนี้ออก ซึ่งแพทย์บอกว่า ถ้าโคนนี่เกาหรือถูตรงจมูกอาจถึงขี้นเลือดออกจนเสียชีวิต ดังนั้นทางแทพย์จึงได้ให้ยาโพรพาโนลอล เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกนี้ แม่ของโคนนี่จึงพยายามค้นหาคนที่จะมาผ่าตัดเจ้าเนื้องอกชิ้นนี้
    ในที่สุดโคนนี่ก็ได้รับการผ่าตัดโดย ดร. เอียน ฮัทชิสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมใบหน้าโดยเฉพาะ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เธอกลับมามีจมูกเหมือนคนอื่นๆ แม้ว่าจะมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่ก็ตาม
    Mthai News
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย [​IMG]
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]

    ภาพโคนนี่หลังเข้า้รับการผ่าตัด
    [​IMG]
    [​IMG]
    Photo :: swins.com

    [​IMG] อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงไอซีทีจะเน้นไปในเรื่องการครอบคลุมการให้ประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ในพื้นที่ห่างไกล การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นต้น ให้เป็นบริการสาธารณูปโภค
    ทั้งนี้แผนการดำเนินงานนั้น จะต้องเป็นไปตามแผนแม่บทกระทรวงไอซีทีฉบับที่ 2 ระหว่างปี 2552-2556 ซึ่งหลังจากรัฐบาลมีการแถลงนโยบายแล้วเสร็จ จะมีการเรียกหน่วยงานในสังกัดมาหารือ และกำกับดูแลให้เป็นไปตามภาพรวมของนโยบาย
    ขณะเดียวกัน แม้นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ จะเป็นแผนต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดเก่า แต่ต้องมีการปรังปรุงประยุกต์ให้ดียิ่งขึ้นด้วย โดยจะต้องมีโครงข่ายครอบคลุมประชากร 80% ในปี 2558 และในปี 2563 จะครอบคลุมได้ 95% ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาล ประชาชนจะต้องได้รับบริการภาครัฐอย่างทั่วถึง ทั้งด้านศึกษา สาธารณสุข การเตือนภัยพิบัติ รวมถึงให้ระบบไอซีทีช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านแข่งขันด้านอี-คอมเมิรส์
    ขณะที่นโยบายของกระทรรวงไอซีที จะแบ่งเป็น 5 หัวข้อสำคัญ คือ
    1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเร่งพัฒนาโครงข่ายสื่อสารความเร็วสูงให้ครอบคลุม ทั่วถึง เพียงพอ มีคุณภาพด้วยราคาที่เหมาะสม และการแข่งขันที่เป็นธรรมสนับสนุนการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมแห่งความรู้ ภูมิปัญญา นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองและชนบท สนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสาร ยกระดับคุณภาพการศึกษา เสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ส่งเสริมการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
    2. ส่งเสริมการเข้าถึงการใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ ที่มีการใช้งานตามความเหมาะสมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผลักดันให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ใช้กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยน์สาธารณะ
    พร้อมทั้งการจัดให้มีบริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามมาตรฐาน เพื่อให้บริการในพื้นที่สาธารณะ สถานที่ราชการ และ สถานศึกษาที่กำหนดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือ กำหนดเป็นเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการจัดให้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง
    3. ส่งเสริมการใช้คลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรของชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ อีกทั้งดำรงรักษาไว้ซึ่งสิทธิอันพึงได้ของประเทศในการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเหนือพื้นผิวโลก
    4. ส่งเสริมการใช้สื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน รวมทั้งการพัฒนาการปรับเปลี่ยนระบบการใช้เทคโนโลยีจากระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอล ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงการก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยผลักดันให้ กสทช. ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
    5. สนับสนุนการพัฒนาอุสาหกรรมซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และจัดให้มีกลไก สนับสนุนแหล่งทุนสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านไอซีที รวมทั้งพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพได้มาตรฐานและสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านไอซีทีในภูมิภาค

     
  3. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    =====================================


    24 ส.ค. 54


    ปัญหาของการเงิน

    เช้านี้ในนิมิต ผมเห็นคนชูป้าย ในแผ่นป้ายมีตัวหนังสือ scib rum

    ผมตีความหมายดังนี้ครับ scib น่าจะสื่อถึงธนาคารไทย ส่วน rum

    น่าจะเขียนทับศัพย์ ว่ารวม คงหมายถึงธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย

    ในนิมิตบอกผมว่าผู้คนกำลังแห่กันไปถอนเงินครับ







    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"
     
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    ระวังไว้อย่าง พวกที่มีเชื้อบ้า หรือมีอาการทางจิตประสาท ที่ชอบบอกว่า ได้ยินเสียงศาสดานั่นนี่ มาตรัสให้ฆ่าคนอย่างงั้นอย่างงี้ จะออกอาการ ช่วงบ้านเมืองวินาศสันตะโร เพราะภัยธรรมชาติถล่ม แล้วก็จะออกมาไล่ฆ่าคน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหว ทำหนุ่มมะกันคลั่ง ไล่แทงดับ 1 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 สิงหาคม 2554 </TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> หนุ่มสติเฟื่อง แก้ผ้าล้อนจ้อน ก่อเหตุอาละวาดไล่แทงผู้คนที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน มลรัฐนิวยอร์ก สังหารผู้บริสุทธิ์ไป 1 รายและบาดเจ็บ 4 คน เมื่อวันอังคาร(23) ไม่นานหลังเกิดแผ่นดินไหวเขย่าชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ขณะที่พยานเล่าว่าได้ยินคนร้ายเอาแต่พร่ำว่า "โลกกำลังดับสูญ"

    คริสเตียน ฟาเลโร วัย 23 ปี ควงมีดอาละวาดไปทั่วอาคารอพาร์ทเมนท์ที่ตนเองอาศัยอยู่ ณ ย่านริเวอร์ไซด์ ไดรฟ์ ในวอชิงตันไฮต์

    ขณะที่แหล่งข่าวตำรวจบอกว่า หนุ่มรายนี้ใช้วิธีเคาะประตูตามห้องต่างๆ และพอเหยื่อเปิดมาดูก็จะใช้มีดแทงคนเหล่านั้นทันที

    อิกนาซิโอ คอลลาโซ วัย 81 ปี และมาร์การิตา ภรรยาวัย 75 ปี เปิดประตูขานรับเสียงเคาะเวลาประมาณ 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ทันใดนั้น ฟาเลโร ก็ทิ่มมีดเข้าสู่ร่างกายพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

    ต่อมาสตรีวัย 60 ปีรายหนึ่งถูกแทงบริเวณหน้าอกกับตา และผู้หญิงอีกรายวัย 85 ปีถูกแทงได้รับบาดเจ็บหลายแผล นอกจากนี้เขายังชกวัยรุ่นหญิงวัย 22 ปีรายหนึ่งบริเวณหน้าด้วย

    ทั้งนี้ เหยื่อทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม อิกนาซิโอ คอลลาโซ ซึ่งถูกแทงหลายแผลบริเวณศีรษะและร่างกาย เสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. poplook

    poplook Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +51
    ผู้มีญาณ

    จากประสบการณ์ที่ผมได้ออกไปดูตามท้องถนน คุณรู้ไหมผมเจออะไรบ้าง มีทั้งสัมภเวสีที่เกาะลูกหลานตอนพิธีสารทจีน มีทั้งพวกที่มีจิตผูกพันธ์กับคนที่เห็นส่าน่าสงสาร ผมเลยอยากขอเตือนว่าถ้าคุณไม่อยากให้สิ่งเรานี้มาอยู่กับคุณ คุณต้องอย่าไปสนใจหรือใส่ใจมาเช่นถ้าเห็นคนถูกรถชนตายก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับอย่าไปยืนมุ่งดูถ้าคุณดวงตกจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณรู้ไหมพวกสัมภเวสีเมื่อเจอใครที่ชอบที่ใช่หรือเคยร่วมกันทำบาปทำเวรกันมาไม่ว่าชาติไหนก็จะเกาะคุณมีทางรักษาแต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อน เพราะช่วงนี้3โลกได้เปิดขึ้นแล้ว และช่วงนี้เห็นไหมว่านรกเปิดให้พวกเปรต อสูรกาย มาร สัมภเวสีขึ้นมาบนโลกมนุษย์เพื่อมารับของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ บางก็มาดีบางก็มาร้าย บางตนหลบหหนีมาเกิดพวกหนี้ไม่ได้ก็ไปเกาะร่างคนหรือรูปจำลองต่่างๆ จึงขอให้ทุกคนอย่าไปมองทางสามแพร่งหลบได้ก็หลบเลี่ยงออกมาได้ยิงดี พวกราวตากผ้าก็เช่นไม่ใช่สำหรับคนที่สักยันต์อย่างเดียวคนไม่สักก็ขอห้ามเช่นกัน นรกเปฺตั้งวันที่พระที่ผ่านมาแล้วและจะปิดอีกที่วันที่28ใครอยากทำบุญให้ถึงเร็วก็ช่วงนี้และเห็นไหมว่าช่วงนี้เข้ามีการทำบุญเทกระจาดจุดประสงค์ก็คือให้ทานสัมภเวสีแหละพวกไม่มีญาติ ถ้าเราอยากมีเพื่อนฦูงหรือมิตรแท้ที่ดีขอให้ร่วมกันคนละนิดคนละหน่อยทำบุญเทกระจาดกันนะครับ สงสัยติดต่อผมได้ถามฟรีครับถ้าไม่เหนือบากกว่าแรงจะช่วยให้ครับ เบอร์ 0816967407, 0869093363
     
  6. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงในระยะนี้ อีสาน-ตอ.-ใต้ มีฝน 60-70% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

    ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก อุตรดิตถ์ และ เพชรบูรณ์
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห่งบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>“ปู่อือลือ”โผล่ต่อหน้าคนหาปลาตกใจวิ่งป่าราบ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ฮือฮา! “ปู่อือลือ” พญานาคในบึงโขงหลง ปรากฏให้เห็น คนหาปลาตะลึงเผ่นกระเจิง เห็นเต็มตาตัวใหญ่เท่าลำเรือ ข่าวแพร่สะพัดชาวบ้านหลายพันแห่ไปรอชม ต่างสมหวัง
    วันนี้ (24 ส.ค.) อีกครั้งกับความฮือฮาของ “ปู่อือลือ” เมื่อผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬได้รับแจ้งจาก นายปราโมทย์ สุกทน ผู้อำนวยการโรงเรียนบึงโขงวิทยา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ว่า ได้ทราบเรื่องจากชาวบ้านที่ตระเวนหาปลา บริเวณริมแม่น้ำโขง ได้พบเห็น
    “ปู่อือลือ” พญานาค ที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำบึงโขงหลง ในเขตเทศบาลตำบลบึงโขงหลง ออกมาปรากฏกายให้เห็นหลายจุดในรอบบึง โดยการมาปรากฏกายแสดงตนในครั้งนี้ ไม่ได้สื่อสารผ่านร่าง พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้าน รวมทั้งผู้ที่มีความเชื่อ ศรัทธา สนใจ และผู้ต้องการพิสูจน์พบเห็นปู่อือลือ ต้องเดินทางออกจากบ้านมาดู หลายคนบันทึกภาพใส่กล้องมือถือได้

    นางกัลยา กรวิรัตน์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 180 หมู่ที่ 1 บ้านดอนกลาง ต.บึงโขงหลง ที่มีบ้านพักติดริมบึงโขงหลง อาชีพแม่ค้าขายของ ในตลาดสดเทศบาล กล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 23 ส.ค.ตนได้ยินเสียง นางหนู นาชัย ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กัน และเป็นคนหาปลาอยู่หน้าเขื่อน ร้องเสียงโหยหวนดังมาก นึกว่าโดนรถชน แต่พอตนวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้าน ก็เห็นนางหนูวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นจากริมแม่น้ำ วิ่งขึ้นมาด้วยอาการตกใจ แต่พอตนมองไปตามทางที่นางหนูวิ่งขึ้นมาก็เห็น “ปู่อือลือ เป็นงูใหญ่ลำตัวเท่าลำเรือหาปลา สีดำ ยาวประมาณ 30 เมตร กำลังว่ายน้ำจากทิศใต้ขึ้นเหนือ นานประมาณ 10 นาที

    “แปลกที่ไม่มีน้ำกระเพื่อมรอบตัวเหมือนงูธรรมดาว่ายน้ำจะต้องเห็นคลื่นน้ำรอบตัวงู” นางกัลยา กล่าวอย่างตื่นเต้น ระคนขนลุก

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เช้าของวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา พอข่าวพบ “ปู่อือลือ” มาแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นกระจายออกไป ทำให้มีประชาชาชนจำนวนมาแห่ไปรอดู ทำเอาสนามสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติแน่นไปด้วยผู้คนหลายพันคน จนถึงเวลา 17.59 น. ปู่อือลือก็ปรากฏกายนิมิตร่างให้เห็นเป็นครั้งที่ 5 โดยขึ้นมาลอยน้ำอยู่ใกล้ศาลาเฉลิมพระเกียรติห่างฝั่งประมาณ 70 เมตร ต่อหน้าผู้คนที่รอชมนาน 3 นาที ทำเอาคนที่รอชมต่างส่งเสียงอื้ออึง ทั้งเสียงไชโย ทั้งเสียงสาธุรอบบึง.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สาวใหญ่พบกบประหลาดมี 5 ขา </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สาวใหญ่พบกบประหลาดมี 5 ขา ชาวบ้านตื่น ตีเป็นเลขเด็ด

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(24 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่บ้านเลขที่ 167 บ้านตอนิมิตร หมู่ 8 ต.ร่องกาศ อ.สูงเม่น จ.แพร่ พบกบเพศเมียมีรูปร่างแปลกประหลาด โดยมีขาโผล่ขึ้นมาตรงก้นกบเพิ่มเป็นอีกหนึ่งขา ขาที่5แยกออกจากกันเป็นสองแฉก จึงได้ไปตรวจสอบพบนางจันดี กาวีวน อายุ 50 ปี และชาวบ้านจำนวนมาก กำลังมุงดูกบประหลาด อยู่พร้อมกับเก็งเป็นเลขต่างๆ นา นา

    นางจันดี ฯ เปิดเผยว่าเมื่อเช้านี้ตนได้ไปตลาดและซื้อกบที่ตลาดท้ายหมู่บ้าน เพื่อจะนำมาทำอาหาร จำนวน 1 ถุง มีกบ 4 - 5 ตัว ราคาถุงละ 50 บาท พอนำกลับมาถึงบ้านแกะถุงออกเพื่อนำกบไปแช่น้ำ ขณะที่กำลังเปลี่ยนน้ำ ได้สังเกตเห็นกบตัวหนึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากตัวอื่น จึงจับขึ้นมาดูพบว่าเป็นกบประหลาดมีขาโผล่ขึ้นมาอีกหนึ่งขา เป็น 5 ขา ตัวเองตกใจจึงเรียกให้สามีมาดู หลังจากนั้นได้บอกให้เพื่อนบ้านได้รับทราบจนแห่มาดูจำนวนมาก และเก็งเป็นหวยกันต่างๆนานา ตนได้ตกลงกับสามีว่าจะไม่ฆ่ากบตัวดังกล่าว แต่จะนำไปเลี้ยงเอาไว้เผื่อจะมีโชคลาภ เพราะก่อนหน้านี้ตนได้ไปดูดวง หมอดูทักว่าตนจะได้โชคกับสัตว์สี่ขา ซึ่งถ้ากบตัวนี้ให้โชคกับครอบครัว ตนก็จะสร้างตู้อะลูมิเนียมให้เป็นที่อยู่ของกบประหลาดตัวนี้ให้อยู่เสริมสิริมงคล และโชคลาภให้กับครอบครัว.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พิจิตรเตือนปชช.รับสถานการณ์น้ำเพิ่มขึ้น 2-3 วัน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่จ.พิจิตร หลังจากที่เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ หลากเข้าท่วมถนนทางหลวงหมายเลข 11 เขาทราย-สากเหล็ก

    ถูกน้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 75-76 สูงกว่า 80 ซม. เจ้าหน้าที่หมวดการทางทับคล้อ ได้ระดมเสริมกระสอบทรายป้องกันน้ำกัดเซาะผิวถนนพัง เป็นแนวยาวพร้อมทั้งติดป้ายเตือนน้ำท่วมทาง นอกจากนี้น้ำยังไหลเข้าท่วมหลายหมู่บ้าน ต.เขาทราย ต.ทับคล้อ โดยเฉพาะชุมชนตลาดใต้ ชุมชนสระหลวง ชุมชนสะพานสอง และชุมชนตลาดใต้ ในเขตทต.ทับคล้อ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ สูงประมาณ 60-70 ซม. ชาวบ้านย่านร้านค้าต่างขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ต้องนำอาหารออกแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย

    ที่อ.เมือง อ.ตะพานหิน อ.บางมูลนาก น้ำแม่น้ำน่านทะลักเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจ ถนนหลายสายในเขตเทศบาล

    โดยเจ้าหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมรับน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ที่จะมาถึงอีก 1-2 วัน สำหรับอ.วชิรบารมี อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง และอ.โพทะเล ยังคงมีพื้นที่ท่วมจากแม่น้ำยมอยู่


    นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าฯพิจิตร กล่าวว่า ได้เร่งแจ้งเตือนให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม ที่จะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกใน 2-3 วันนี้

    โดยจะมีมวลน้ำมากกว่าน้ำที่ท่วมขังอยู่เดิมอีก 3 เท่าตัว โดยมาจาก 6 ทิศทางไหลสมทบเข้าจ.พิจิตรประกอบด้วย 1.น้ำในแม่น้ำน่านจากเขื่อนสิริกิตติ์ และเขื่อนแควน้อย 2.น้ำจากแม่น้ำยมตอนบน 3.น้ำที่ยังคงเหลือสะสมอยู่ตามท้องไร่นาบริเวณตอนบนของ จ.พิจิตร 4.น้ำป่าจากด้านเขาเพชรบูรณ์ด้านตะวันออก 5.น้ำป่าจากแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร ด้านตะวันตก 6.น้ำฝนที่ตกในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ตลอด 120 กิโลเมตร ทั้งฝั่งแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยมเต็มไปด้วยน้ำ และมาสมทบที่พิจิตรภายใน เพื่อชะลอตัวลงสู่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ จะส่งผลให้น้ำที่ท่วมแช่ขังเดิมขั้นวิกฤตอยู่ก่อนหน้านี้ วิกฤตหนักต่อไปอีก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชาวบ้านเมืองเก่ากว่า300 บุกนำกระสอบทรายกั้นถนน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเวลา 21.00 น.คืนที่ผ่านมา ชาวบ้าน ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร กว่า 300 คน รวมตัวกันนำกระสอบทรายมากั้นน้ำ ซึ่งในแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งและล้นข้ามถนนสายวังจิก-รังนก ระยะทางยาวกว่า 500 เมตร

    โดยก่อนหน้านี้ทางราชการพยามเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาหาข้อยุติตกลงกัน แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากฝ่ายชาวบ้านย่านยาว หมู่ 8 อ.โพธิ์ประทับช้าง ไม่ยอมให้กั้นกระสอบทรายเนื่องจากเกรงว่าน้ำจะท่วมบ้านจนนอนบนบ้านไม่ได้ แต่ชาวบ้าน ต.เมืองเก่า ก็คัดค้าน เพราะหากปล่อยให้น้ำเข้าท่วมจะมีที่นาและสวนนับ 10,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหาย โดยเฉพาะสวนส้มโอพันธุ์ท่าข่อย

    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    ทั้งนี้ชาวบ้าน ต.เมืองเก่า จำนวนมาก ได้นำรถกระเช้าสำหรับซ่อมไฟฟ้าขององค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า บรรทุกทรายไปกองและกรอกกระสอบทรายใส่ถุงนำไปกั้นริมถนนเพื่อไม่ให้น้ำข้ามไปอีกฝั่ง ในขณะที่ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ มีเพียงผู้หญิงประมาณ 50 คน ได้แต่ยืนด่าทอเท่านั้น โดยกล่าวหาว่าชาวบ้าน ต.เมืองเก่าเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ชีวิตของคนที่จะจมน้ำ ขณะนี้ มีทั้งเด็กและคนแก่อยู่ ในบ้านและเกรงว่าจะได้รับอันตราย
    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    นางถวิล อัครพล อายุ 60 ปี เปิดเผยว่า ชาวบ้าน ต.เมืองเก่า ไม่มีน้ำใจห่วงแต่ข้าวของตนเองจะเสียหาย แต่ไม่ห่วงชีวิตคนที่จะจมน้ำตาย โดยเฉพาะชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะมีทั้งเด็กและคน
    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    ในขณะที่นายพิทักษ์ชัย คลังเพชร แกนนำชาวบ้าน ต.เมืองเก่า กล่าวว่า ไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างการประชุม เพราะชาวบ้านย่านยาวไม่ยอม จึงต้องรวมตัวกันมากั้นกระสอบทราย โดยชาวบ้านเมืองเก่า ยินยอมที่จะช่วยเหลือเยียวยา ชาวบ้านย่านยาวที่เดือดร้อน เพราะต้องรักษานาข้าวและสวนผลไม้ไว้ ไม่ให้เสียหาย เพราะหากเสียหาย ก็จะไม่มีเงินแม้จะมาช่วยชาวบ้านย่านยาว โดยหากชาวบ้านย่านยาวต้องการอะไรก็ขอให้แจ้งกับชาวบ้านได้ตลอดเวลา ชาวบ้านตำบลเมืองเก่าจะยินดีเข้ามาช่วย
    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    หลังจากที่มีการกั้นกระสอบทราย ผู้สื่อข่าวก็เดินทางไปตรวจสอบว่าชาวบ้านที่บอกว่าจะได้รับความเดือดร้อนขนาดไหน ก็พบว่าที่บ้านของนายมานิตย์ จันทร์ไพโรจน์ ซึ่งปลูกบ้านอยู่ติดกับแม่น้ำยม ระดับน้ำได้ท่วมจนถึงพื้นบ้านนายมานิตย์ไม่สามารถนอนได้ต้องหนุนตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน เพียงเพื่อให้หลับอาศัยได้เท่านั้น
    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    นายมานิตย์ จันทร์ไพโรจน์ อายุ 44 ปี กล่าวว่า หลังจากนี้ ตนเองก็คงอยู่ที่บ้านไม่ได้ เพราะกั้นน้ำแล้วระดับจะสูงขึ้น ซึ่งในขณะนี้สูงกว่าพื้นบ้านแล้ว โดยชาวบ้านเมืองเก่า ไม่สนใจชีวิตของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ในขณะที่ทางฝ่ายราชการก็ไม่เข้ามาดูและความเดือดร้อนของชาวบ้านและยังพาชาวบ้านมากั้นถนนอีก ทั้งที่ หากน้ำท่วมสวนราชการก็ชดเชยให้ หรือปลูกใหม่ก็ได้ แต่บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม ราชการไม่มาดูแล แม้แต่ขอไม้มาหนุนเตียงเพื่อพอนอนได้ ราชการกลับบอกได้คำเดียวว่าไม่มีงบประมาณ



    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] ชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ศรุตยา มากสง

    ตำรวจตามไปรวบตัวได้ที่ ชัยภูมิ สารภาพ ทำเพราะอยากหาเงินกลับบ้าน ล่าสุดสั่งปิดศูนย์บำบัดยาเสพติดแล้ว
    25 ส.ค.จากกรณีคดีอุกฉกรรจ์ ที่คนร้ายทราบ คือ นายศรุตยา มากสง อายุ 21 ปี ชาว จ.สงขลา ผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด ของศูนย์เบิกอรุณในประเทศไทย สาขาขอนแก่น ในจ.ขอนแก่น ที่หลบหนีออกจากศูนย์บำบัดเข้าไปก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ราตรี กิมสร และ ด.ญ.พิมพ์นพัฒน์ พิมดีต เด็กหญิงวัย 2 ขวบ โดยตรวจสอบทราบภายหลังว่า น.ส.ราตรี กำลังท้องอยู่ด้วย
    ทั้งนี้ ตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ที่ขโมยไปมุ่งหน้าไปทางจ.ชัยภูมิ จึงได้ประสานสถานีตำรวจใกล้เคียงช่วยตรวจสอบสกัดจับ จนช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 ส.ค.ตำรวจพบนายศรุตยา พบ นายศรุตยา ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณหน้าร้านลี่คาราโอเกะ บ้านราษฎรดำเนิน ต.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ จึงได้เรียกจอดเพื่อจับกุมตัว แต่ นายศรุตยา ทิ้งรถและวิ่งหลบหนีเข้าไปด้านหลังร้านทันที ตำรวจวางกำลังปิดล้อมกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
    สำหรับการสอบสวน นายศรุตยา ให้การว่า ผู้ปกครองพามาบำบัดอยู่ที่ศูนย์ได้ประมาณ 1 เดือน แต่ปรับตัวไม่ได้ เกิดความเครียดหวาดระแวงตลอดเวลา จึงหลบหนีเพราะเกิดอาการอยากเสพยาอย่างหนัก ตั้งใจมาหาขโมยของเพื่อเอาเงินไปซื้อยาเสพติดและจะเดินทางกลับบ้านที่ อ.หาดใหญ่ จนมาถึงบ้านเลขที่ 224 เห็นว่าเป็นบ้านที่อยู่นอกหมู่บ้านออกไป เป็นบ้านหลังโดดเดี่ยว จึงย่องขึ้นไปเพื่อค้นหาทรัพย์สิน
    ขณะนั้น นางราตรี เจ้าของบ้านมาเห็นและได้ร้องโวยวาย ด้วยความโมโหจึงใช้ท่อนเหล็กที่เก็บได้ข้างทางกระหน่ำฟาดเข้าที่ใบหน้าจนเสียชีวิต ต่อมา ด.ญ.พิมพ์ลภัส ร้องให้ไม่หยุดอยู่ข้างศพแม่ ตนเกิดความรำคาญ จึงอุ้มขึ้นมาแล้วทุ่มลงพื้นก่อนที่จะจับขาเหวี่ยงฟาดกับเสาบ้านเสียชีวิต แล้วค้นเอาทรัพย์สินหลบหนีไป
    เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์ ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยวางกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้กว่า 100 นาย เพื่อกันไม่ให้ญาติของผู้ตายรุมประชาทัณฑ์ แต่ชาวบ้านมาเฝ้ารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นจำนวนมาก ตำรวจไม่สามารถต้านทานแรงโกรธแค้นของชาวบ้านที่ตรงเข้ารุมประชาทัณฑ์ขณะ นายศรุตยา กำลังเดินออกมาจากบ้าน จนตกบันได ตำรวจต้องหามตัว นายศรุตยา ขึ้นรถอย่างเร่งด่วน
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ศูนย์บำบัดยาเสพติดเบิกอรุณในประเทศไทย สาขาขอนแก่น ได้ถูกสั่งปิดแล้ว โดยมีการเรียกตัวผู้ปกครองให้มารับบุตรหลานกลับบ้าน หรือย้ายไปที่ศูนย์บำบัดแห่งอื่น
    ขอบคุณภาพจจาก mcot
    Mthai News
     
  9. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

    ผงะ! เชื้อตัวใหม่ “มือ เท้า ปาก” แรงถึงตาย สธ.เตรียมตั้งวอร์รูมรับมือหวั่นระบาด

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320><TBODY><TR><TD vAlign=top width=320 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>กรมควบคุมโรค เผย ตรวจพบโรคมือ เท้า ปาก เจอเชื้อตัวใหม่ เอนเทอโรไวรัส 71 ไม่เคยพบในไทย รุนแรงถึงตาย เผยตายแล้ว 5 ราย ทั่วประเทศป่วยแล้วกว่า 8 พันราย กทม.มากสุด 1,500 ราย สธ.เตรียมตั้งวอร์รูมรับมือ หวั่นระบาด ด้านกรมควบคุมโรคสั่งปิดศูนย์เด็กเล็กทันที หากพบเด็กป่วย

    วานนี้ (24 ส.ค.) นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก อย่างต่อเนื่อง แต่ในปีนี้มีการตรวจพบผู้ป่วยเกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ที่ไม่เคยตรวจพบในประเทศไทยมาก่อนแต่มีรายงานการระบาดในต่างประเทศ ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ทั้งนี้ ส่วนมากในประเทศไทยผู้ป่วยมักเกิดจากเชื้อคอกซากี ซึ่งผู้ที่ได้รับเชื้อ และมีอาการจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

    นพ.มานิต กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในทุกจังหวัดดำเนินการมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังที่เข้มข้นมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยออกเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังโรค หากพบเด็กเล็กป่วยและมีอาการน่าสงสัยให้รีบนำไปพบแพทย์ทันที อีกทั้งควบคุมสถานเลี้ยงเด็ก หรือสถานที่ที่มีเด็กเล็กมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ถ้าพบเด็กมีอาการป่วยให้แยกเด็กที่ป่วยออกและปิดสถานรับเลี้ยงเด็กหรือศูนย์เด็กเล็กเป็นการชั่วคราวทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการควบคุมโรค

    ด้านนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปากแล้ว 5 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 หรือ เชื้อคอกซากี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานข้อมูลเฝ้าระวังโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-22 ส.ค.2554 พบผู้ป่วย 8,405 ราย จาก 76 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 13.23 ต่อแสนประชากร กรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด จำนวน 1,513 ราย ส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด 5 อันดับ แรกคือ สมุทรสงคราม ระยอง เชียงราย พัทลุง และ ปราจีนบุรี ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคกลาง 19.20 ต่อแสนประชากร พบมากในกลุ่มอายุ 0-27 วัน (1,019 ราย), 1 ปี (861 ราย), 2 ปี (666 ราย), ภาคเหนือ 15.98 ต่อแสนประชากร พบมากในกลุ่มอายุ 1 ปี (600 ราย), 2 ปี (553 ราย), 3 ปี (326 ราย), ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8.44 ต่อแสนประชากร พบมากในกลุ่มอายุ 1 ปี (568 ราย), 2 ปี (524 ราย), 3 ปี (331 ราย), ภาคใต้ 6.71 ต่อแสน พบมากในกลุ่มอายุ 1 ปี (195 ราย), 2 ปี (152 ราย), 3 ปี (108 ราย),

    รายงานข่าวระบุว่า ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ คาดว่า กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมือ เท้า ปาก หรือวอร์รูมในระดับกระทรวง เพื่อดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการเฝ้าระวังและควบคุมโรค เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการเมื่อเกิดโรคระบาดต่างๆ เช่น ไข้หวัดนก หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    สำหรับโรคมือ เท้า ปาก ส่วนใหญ่มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หลังติดเชื้อ 3-5 วัน จะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหารร่วมด้วย พบจุดนูนแดงๆ หรือมีน้ำใสอยู่ข้างใต้ขึ้นตามเยื่อบุปาก ลิ้น และ เหงือก ต่อมาจะแตกกลายเป็นแผลตื้นๆ บางรายจะมีผื่นขึ้นที่มือและเท้า หรือแก้มก้น และกลายเป็นตุ่มน้ำเล็กๆตามมา ส่วนใหญ่มักหายได้เอง ในรายที่เป็นรุนแรง ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย อาจมีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนรุนแรง ซึม ไม่ค่อยรู้ตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง หรือหายใจหอบเหนื่อย


    </TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000106719
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2011
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชงลดเบนซิน7.50บาทดีเดย์1ก.ย. </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พลังงานชง กพช.ลดเบนซิน 7.50 บาท ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ ระยะเวลา 6 เดือน


    วันนี้ (24 ส.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงได้เตรียมข้อมูลให้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันที่ 26 ส.ค.นี้ สามารถประกาศลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3 ชนิด ประกอบด้วย เบนซิน 91 ลดลง 6.70 บาทต่อลิตร, เบนซิน 95 ลดลง 7.50 บาทต่อลิตร และดีเซลลดลง 2.80 บาทต่อลิตร โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. เป็นระยะ 6 เดือน

    “เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทางบัญชีมีอยู่ 15,000 ล้านบาท ให้บริหารไปก่อน แล้วเดือน ธ.ค.จึงจะมาดูว่าจะกู้หรือไม่อย่างไร โดย รมว.พลังงาน ยังยืนยันหลักการเดิม ที่จะยังไม่มีมาตรการดูแลส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์ ขณะเดียวกัน ก็จะตรึงราคาแอลพีจีภาคขนส่ง และเอ็นจีวีไปก่อน แต่ระยะเวลายังไม่กำหนดตายตัว ซึ่งส่วนหนี้ ปตท.คงจะต้องแบกรับภาระไประยะหนึ่ง แล้วจึงมาดูรายละเอียด”

    นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า

    คงต้องรอนโยบายรัฐว่าจะลดเงินเข้ากองทุนฯ ในวันใด แต่หลักการ ธพ.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเช็คสต็อกน้ำมันช่วงเวลา 24.00- 6.00 น. ก่อนที่ราคาน้ำมันใหม่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะชดเชยราคาให้กับผู้ค้า ดังนั้น ยืนยันว่า จะไม่มีการขาดแคลนน้ำมันอย่างแน่นอน.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชุดเพาะเห็ดสำเร็จรูป มีวางจำหน่ายแล้ว...
    [​IMG]

    สถานีเห็ด Mushroom Station

    สถานีเห็ด...ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเพาะเห็ดแนวใหม่แบบครบวงจร ตั้งแต่ดำเนินการผลิต แปรรูป จัดจำหน่าย และเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมการเพาะเห็ดแนวใหม่ ที่ใช้พื้นที่ในการเพาะน้อย แต่ได้ผลผลิตที่ดี มีการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นด้วยเทคโนโลยีระบบน้ำอัตโนมัติที่ทันสมัย

    เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ได้บริโภคเห็ดที่สดและสะอาด ปลอดภัย และในวันนี้เราก็จะมารู้จักกับนวัตกรรมใหม่ในการเพาะเห็ด ที่จะทำให้เรื่องของการเพาะเห็ดเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็สามารถที่จะเพาะเห็ดที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเพาะเพื่อไว้รับประทานเองที่บ้าน หรือแม้แต่การเพาะเพื่อเป็นรายได้เสริม

    การเพาะเห็ดแนวใหม่ สไตล์ สถานีเห็ด

    ชุดเพาะเห็ดขนาดเล็ก สามารถถอด ประกอบ เคลื่อนย้ายได้
    * ไม่ว่าใครก็สามารถเพาะเห็ดได้
    * สามารถเพาะเห็ดเพื่อรับประทาน-งานอดิเรก-อาชีพเสริม-อาชีพหลัก
    * ลงทุนน้อย คุ้มทุนเร็ว
    * สามารถประมาณการดอกเห็ดที่ผลิตได้ บริหารจัดการได้ดี
    * เป็นการเรียนรู้การเพาะเห็ดแบบครบวงจร
    * ทำความสะอาดง่าย ไม่ปนเปื้อนโรคและแมลง
    * สวยงาม ประดับตกแต่งบ้านและสวนได้เป็นอย่างดี

    สถานีเห็ด Mushroom Station
    เลขที่ 99 ซ.คลองสาม 2/1 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
    โทร. 02-504-0404 แฟกซ์. 02-504-1307 มือถือ 081- 342-1727 , 080-949-0011​


    หมายเหตุ

    ชุดเพาะเห็ดนี้ ผมเห็นว่าจะมีประโยชน์อย่างมาก ในช่วงเวลาที่อาหารขาดแคลนและมีราคาแพง ยิ๋งเวลาที่เกิดภัยพิบัติเช่น สงคราม หรือ น้ำท่วม จนเราไม่สามารถเดินทางออกไปหาอาหารนอกบ้านได้ ถ้าเราได้เพาะปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้ตามรั้วบ้าน ระเบียงบ้าน ชั้นดาดฟ้า หรือปลูกเอาไว้ในกระถางด้วย ก็จะยิ่งมีประโยชน์อย่างมากในยามที่เกิดภัยพิบัติ เพราะจะได้นำเห็ดกับพืชผักที่เราปลูกนี้มาทำอาหาร ก็จะได้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเราครับ

    ประโยชน์ของเห็ดนานาชนิด

    [​IMG]

    เห็ด เป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการประสานเส้นใยจำนวนมากของเชื้อราชั้นสูง และถึงแม้เห็ดจะขาดกรดอะมิโนบางตัวไปบ้าง แต่ในเรื่องของรสชาติและเนื้อสัมผัสนั้น รับรองว่าเห็ดไม่เป็นรองใครในยุทธจักรอาหารอย่างแน่นอน ที่สำคัญเห็ดยังให้คุณค่าทางโภชนาการและมีสรรพคุณทางยา ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น

    เห็ดจัดเป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เมื่อเทียบกับผักอีกหลายชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติและกลิ่นที่ชวนรับประทาน ซึ่งรสชาติที่โดดเด่นนี้ มาจากการที่เห็ดมีกรดอะมิโนกลูตามิคเป็นองค์ประกอบ โดยกรดอะมิโนตัวนี้ จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นประสาทการรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ ไวกว่าปกติ และทำให้มีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์ นอกจากนี้เห็ดยังอุดมไปด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม (ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร

    ในส่วนของเกลือแร่ เห็ดจัดเป็นแหล่งเกลือแร่ที่สำคัญ โดยมีเกลือแร่ต่างๆ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โปแตสเซียม ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ สมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต ส่วนทองแดง ทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของธาตุเหล็ก

    และที่สำคัญ เห็ดมีองค์ประกอบของพฤกษเคมีที่ชื่อว่า “โพลีแซคคาไรด์”(Polysaccharide) จะทำงานร่วมกับแมคโครฟากจ์ (macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์คุ้มกันขนาดใหญ่ ที่ออกจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อและจะไป จับกับโพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหาร และนำไปส่งยังเซลล์คุ้มกันตัวอื่นๆ โดยจะช่วยกระตุ้นวงจรการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เสริมและช่วยเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพของเซลล์คุ้มกันธรรมชาติ ให้ทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงพวกไวรัสและแบคทีเรียอื่นๆ ด้วย

    เห็ดที่มีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์สูง คือ เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะ เห็ดนางรม เห็ดหูช้าง และเห็ดกระดุม เป็นต้น และเห็ดอื่นๆ ที่นิยมนำมารับประทาน ได้แก่ เห็ดหลินจือ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดกระดุมหรือแชมปิญอง เห็ดโคน และเห็ดเข็มทอง เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังสามารถใช้เห็ดเป็นยาได้อีกด้วย ซึ่งสรรพคุณทางยาของเห็ดมีมากมายเช่น ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และระบบไหลเวียนของโลหิต เนื่องจากชาวจีนจัดเห็ดเป็นยาเย็น เพราะมีสรรพคุณช่วยลดไข้ เพิ่มพลังชีวิต ดับร้อนใน แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย ลดระดับน้ำตาล และคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดความดัน ขับปัสสาวะ ช่วยให้หายหงุดหงิด บำรุงเซลล์ประสาท รักษาอาการอัลไซเมอร์ และที่สำคัญ คือ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

    ประโยชน์ทางการแพทย์ของเห็ดชนิดต่างๆ มีดังนี้

    [​IMG] 1. เห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะ
    เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง พอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”

    [​IMG] 2. เห็ดหูหนู
    เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต

    [​IMG] 3. เห็ดหลินจือ
    มีสารสำคัญ เบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูง

    [​IMG] 4. เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง
    รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนใน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย

    [​IMG] 5. เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า และเห็ดเป๋าฮื้อ
    เห็ดสามอย่างนี้อยู่ตระกูลเดียวกัน เจริญเติบโตเป็นช่อๆ คล้ายพัด เห็ดนางรมมีสีขาวอมเทา เห็ดนางฟ้ามีสีขาวอมน้ำตาล ขณะที่เห็ดเป๋าฮื้อ จะมีสีคล้ำและเนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์ มากกว่า เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และโรคกระเพาะ

    [​IMG] 6. เห็ดฟาง เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย
    นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ให้วิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล

    [​IMG] 7. เห็ดหลินจือ
    นอกจากใช้รับประทานแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์อีกด้วย เพราะมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย รวมทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัส

    [​IMG] 8. เห็ดเข็มทอง
    เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง

    [​IMG] 9. เห็ดโคน
    ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่า น้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบาง ชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์

    ท่านผู้อ่านก็คงเคยรับประทานเห็ดกันอยู่บ่อยๆ นะคะ และคงจะรู้ซึ้งถึงรสชาติที่สุดแสนอร่อยของมัน เป็นอย่างดี วันนี้ท่านก็ได้รับทราบประโยชน์ของเห็ดมากมาย ซึ่งแต่ละชนิดก็มีประโยชน์แตกต่างกันไป หากชอบเห็ดชนิดใดเป็นพิเศษก็หาซื้อมารับประทานกันได้ตามใจชอบนะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น อย่าลืมหาซื้อมาประกอบอาหารกันนะคะ “เด็กก็ทานได้ ผู้ใหญ่ก็ทานดี” วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน เอาไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

    โดย ชฎาพร นุชจังหรีด

    ที่มา http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1393

    <TABLE BODER><TBODY><TR><TD width=200>อาหารจากเห็ด</TD></TD><TD width=200>ข้อมูลทั่วไป
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD width=200>น้ำพริกตาแดงเห็ด</TD><TD width=200>น้ำพริกมะม่วงผัดเห็ด</TD><TD width=200>น้ำพริกหนุ่มเห็ดฟาง</TD></TR><TR><TD width=200>น้ำพริกเห็ดเผาสามรส</TD><TD width=200>น้ำพริกอ่องเห็ด</TD><TD width=200>ยำเห็ดภูฐานทรงเครื่อง</TD></TR><TR><TD width=200>ต้มยำเห็ดไก่อบ</TD><TD width=200>แกงส้มแป๊ะซะเห็ดฟางกุ้งสด</TD><TD width=200>แกงเขียวหวานเห็ดเผาะ</TD></TR><TR><TD width=200>แกงคั่วเห็ดนางรม</TD><TD width=200>เห็ดหูกวางต้มแซบ</TD><TD width=200>แพนงเห็ดกุ้งสด</TD></TR><TR><TD width=200>ผัดพริกเต้าหู้</TD><TD width=200>เห็ดหอมใส้กุ้งทอด</TD><TD width=200>เห็ดหอมสดหน้ากุ้ง</TD></TR><TR><TD width=200>ผัดเห็ดเปรี้ยวหวานรวมมิตร</TD><TD width=200>ผัดเห็ดหน้ากุ้ง</TD><TD width=200>เห็ดตุ๋น</TD></TR><TR><TD width=200>เห็ดผัดสะตอ</TD><TD width=200>ผัดเห็ดเซี่ยงไฮ้</TD><TD width=200>สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา</TD></TR><TR><TD width=200>เห็ดหูหนูผัดขิง</TD><TD width=200>เกี๊ยวสอดไส้เห็ด</TD><TD width=200>ห่อหมกรวมมิตรเห็ดทะเล</TD></TR><TR><TD width=200>แหนมเห็ดนางรม</TD><TD width=200>ตะโก้เห็ด</TD><TD width=200>เยลลี่เห็ด</TD></TR><TR><TD width=200>วุ้นเห็ดกะทิ</TD><TD width=200>ขนมปังหน้าเห็ด</TD><TD width=200>ข้าวเกรียบเห็ด</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1171.jpg
      IMG_1171.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63 KB
      เปิดดู:
      4,826
    • IMG_1214.jpg
      IMG_1214.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      507
    • IMG_1216.jpg
      IMG_1216.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.6 KB
      เปิดดู:
      439
    • DSCN0892.jpg
      DSCN0892.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      3,389
    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      323
    • 2011_04_01_021231_0_CMOEdBkO.jpg
      2011_04_01_021231_0_CMOEdBkO.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.9 KB
      เปิดดู:
      316
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2011
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>น้ำท่วมภูเก็ตแล้ว-"ป่าตอง"จมบาดาลหนัก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบภาวะน้ำท่วมที่หาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อของประเทศไทย

    พบว่า ถนนสายหลักสองสายจมบาดาล ทำให้นักท่องเที่ยวต้องลุยน้ำอย่างทุลักทุเล ขณะที่ร้านค้าหลายแห่งเร่งทำคันดินเพื่อป้องกันน้ำท่วมไม่ให้ทะลักเข้าท่วมภายในร้านตนเอง ทั้งนี้เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องตลอดคืนวันที่ 24 ส.ค. 2554 ถึงเช้าวันที่ 25 ส.ค. 2554 ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภูเก็ต และภาวะน้ำท่วมขังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ มีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลป่าตอง มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 เซนติเมตร จนทำให้รถทุกขนาดไม่สามารถสัญจรไปมาได้

    นอกจากนี้ น้ำยังไหลบ่าเข้าไปท่วมชั้นใต้ดินและภายในโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้และพนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง สนับสนุนอำนวยการจราจรและแจ้งญาติ พี่น้องผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ที่อยู่ในตัวเมืองภูเก็ตแทน

    ด้านพื้นที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลป่าตอง ถนนผังเมืองสาย ก. ถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี

    เช่นเดียวกับถนนทวีวงศ์หรือถนนสายหน้าหาดป่าตองมีน้ำท่วมขังเนื่องจาก ในช่วงที่น้ำฝนท่วมขัง ยังมีน้ำทะเลหนุนเพิ่มเติม ทำให้คลองบางใหญ่ ไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้ทัน เป็นต้นในขณะที่ทางพนักงาน เจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองป่าตองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแจ้งเตือนปัญหาน้ำบ่าไหล่หลากและดินโคลนถล่มในชุมชนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณไหล่เขา

    ถนน 50ปี, ซอยพระบารมี 5, ซอยพระบารมี 7 และพื้นที่ใกล้เคียงของควนเขาป่าตองที่เชื่อมโยงกับเทือกเขานาคเกิดและแนวเทือกเขากมลาที่มีผู้อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินให้คนงานเข้าไปใช้รถแบคโฮขุดตักหน้าดินเพื่อเตรียมพื้นที่สร้างสิ่งปลูกสร้างตามโครงการสร้างบ้านพักตากอากาศ หรือโรงแรมรีสอร์ต รวมทั้งการสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออกและทิศใต้ของอ่าวป่าตองด้วย

    นอกจากนี้มีรายงาน ว่า ในหลายพื้นที่ของ จังหวัดภูเก็ตมีปัญหาน้ำท่วมขัง

    เช่น บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านหัวควน ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ ที่ตั้งบ้านเรือน ใกล้ลำคลองและใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซีได้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนประมาณ 10 หลังคาเรือน โดยมีน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านต้องขนสิ่งของจากบ้านเรือนไปเก็บไว้ในจุดปลอดภัยส่วนตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตมีน้ำท่วมขังในหลายๆจุด โดยเฉพาะที่บ้านม่านตากแดด ซอยหลวงพ่อช่วง มีน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 10หลังคาเรือนเช่นเดียวกัน

    ขณะเดียวกันนายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกะทู้

    ได้รับแจ้งว่าเหตุดินถล่มบ้านพังจึงสั่งการให้นายนพรัตน์ ชัยสุวรรณ ช่างโยธาเทศบาลเทศบาลเมืองกะทู้ พร้อมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยรุดไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือพบว่าสุดซอยสี่กอ หมู่ 6 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้มีบ้านพักของทางโรงงานซักรีด ไอแลนด์ ที ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนเนินเขาติดกับโรงงาน ดินได้เกิดยุบตัวถล่มลงมาทำให้บ้านพังทั้งหลัง และรถยนต์กระบะที่จอดอยู่ในโรงรถได้รับความเสียหาย

    นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า จากการที่ฝนตกสะสมมาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา

    ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าวันที่25สิงหาคมส่งผลให้ถนนหลายสายของป่าตองประสบกับปัญหาน้ำท่วมขัง ประกอบกับน้ำทะเลหนุนและทางเทศบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปแก้ปัญหาในการขุดลอกคลองและระบายน้ำในจุดต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากได้มีน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือน รวมถึงในส่วนของโรงพยาบาลป่าตองอีกส่วนหนึ่งด้วย

    “น้ำสำหรับปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองป่าตองครั้งนี้นับว่าหนักสุดในรอบ 7-8 ปี หลังจากที่เกิดปัญหาธรณีพิบัติภัยสึนามิ เนื่องจากสาเหตุหลายๆ อย่างนอกจากเรื่องของธรรมชาติแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์ โดยเฉพาะการสร้างสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ หรือการถมทางน้ำ เมื่อประกอบกับปริมาณน้ำฝนสะสมและน้ำทะเลหนุนจึงทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและในขณะนี้ได้เร่งทำการแก้ไขเพื่อระบายน้ำออกไปให้ได้โดยเร็ว แต่อย่างที่กล่าวแล้วเนื่องจากระยะนี้น้ำทะเลหนุนจึงทำให้ระบายน้ำได้ยาก รวมทั้งในพื้นที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง” นายชัยรัตน์กล่าว

    นอกจากนี้ที่บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เกิดฝนตกหนักครอบคลุมพื้นที่เช่นเดียวกัน

    และทำให้มีน้ำท่วมขังสูงถึงประมาณ 30 เซนติเมตร โดยเฉพาะที่บริเวณอาคารคาร์โก้ที่ตั้งอยู่ ด้าน ตอนใต้ของท่าอากาศยาน ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จำเป็นจะต้องไปรับส่งสินค้าหรือสิ่งของ ต้องนำยานพาหนะไปจอดนอกรั้วแทน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    ช่วงนี้แผ่นดินไหว ถี่จริงๆ ไม่ทราบว่าเป็นสัญญาณบอกอะไรหรือเปล่า
     
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] โรคมือเท้าปาก

    26ส.ค.54 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (25ส.ค.)นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกแถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับผู้แทนกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ในเด็กเล็กแล้วเสร็จ ว่า
    ปีนี้ถือเป็นปีแรกในรอบ 5 ปีที่พบผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ซึ่งที่ผ่านมาไทยจะพบเชื้อมือ เท้า ปาก ชนิดที่เรียกว่า ค็อกซากี (Coxsackie) ไวรัส ชนิดเอ 16 แต่จากการเฝ้าระวังการระบาดตั้งแต่ปี 2554 พบว่ามีเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Entero Virus 71) หรืออีวี 71 ที่ทำให้สถานการณ์ของโรคดังกล่าวระบาดรุนแรงขึ้น
    ปกติโรคดังกล่าวจะระบาดเฉพาะเด็กอายุตั้งแต่ 3ขวบขึ้นไป แต่ครั้งนี้เด็กอายุต่ำกว่า 2ปี ก็มีการระบาดอยู่ด้วย โดย 1 ในผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วอายุเพียง 1 ปี 8 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้การที่อายุของการระบาดต่ำลงทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแล เพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกความผิดปกติได้เท่าเด็กโต ทำให้อาการทรุดหนักและเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
    การระบาดที่รุนแรงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากระบบเฝ้าระวังบกพร่อง แต่เกิดจากลักษณะของเชื้อที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น รวมทั้งเด็กมีอายุน้อยลง ทำให้ภูมิต้านทานลดลง การควบคุมโรคทำได้ยาก ดังนั้นกรมควบคุมโรคจะสืบประวัติของผู้ป่วยเด็กเล็กที่มีอาการหนักและเสียชีวิตในห้องไอซียู และผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงย้อนหลัง เช่น มีแผลในปาก มีการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจรุนแรง มีอาการชัก เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังต่อไป” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

    Mthai News

    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> กรมควบคุมโรคยอมรับ"เชื้อมือ เท้า ปาก"ตัวใหม่"อีวี 71" แรงขึ้น </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

    แถลงข่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้แทนกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ในเด็กเล็ก ว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่พบผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก โดยเริ่มพบการระบาดของโรคตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระหว่างขาขึ้นของการระบาด

    นพ.สุวรรณชัยแถลงว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยจะพบเชื้อมือ เท้า ปาก ชนิดที่เรียกว่า ค็อกซากี (Coxsackie) ไวรัส ชนิดเอ 16

    แต่จากการเฝ้าระวังรอบการระบาดในปี 2554 พบว่ามีเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Entero Virus 71) หรืออีวี 71 มีความสัมพันธ์กับการทำให้สถานการณ์ของโรคระบาดรุนแรงขึ้น อีกทั้งการระบาดที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป แต่ครั้งนี้พบการระบาดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดย 1 ในผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วอายุเพียง 1 ปี 8 เดือน ทั้งนี้ การที่อายุของการระบาดต่ำลงทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแล เพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกความผิดปกติได้เท่าเด็กโต ทำให้อาการทรุดหนักและเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

    "การระบาดที่รุนแรงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากระบบเฝ้าระวังบกพร่อง แต่เกิดจากลักษณะของเชื้อและความรุนแรงของเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเด็กมีอายุน้อยลง ทำให้ภูมิต้านทานลดลง การควบคุมโรคทำได้ยาก ดังนั้นกรมควบคุมโรคจะสืบประวัติของผู้ป่วยเด็กเล็กที่มีอาการหนักและเสียชีวิตในห้องไอซียู และผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงย้อนหลัง เช่น มีแผลในปาก มีการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจรุนแรง มีอาการชัก เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังต่อไป" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

    นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า สำหรับเด็กที่เสียชีวิตอีก 3 รายอยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเป็นเชื้ออีวี 71 หรือไม่ ต้องใช้เวลาเป็นเดือน

    นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอีก 1 ราย จึงขอให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวถามว่า ในต่างประเทศมีการระบาดของโรคนี้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ล่าสุดมีข้อมูลจากประเทศเวียดนาม พบผู้ป่วยกว่า 23,000 ราย เสียชีวิตกว่า 80 ราย ซึ่งพบเชื้ออีวี 71 ปะปนอยู่เช่นกัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> มะกันผวาหนักอาฟเตอร์ช็อกซ้ำเปรูไหวรุนแรง7.0 </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>คนอเมริกันระทึกเกิดอาฟเตอร์ช็อกสั่นสะเทือนอีก ในพื้นที่เวอร์จิเนีย พบรอยร้าวเพิ่มเติม ด้านบนของยอดอนุสาวรีย์วอชิงตัน ส่วนที่เปรูแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริคเตอร์ สั่นสะเทือนไปเกือบทั่วอเมริกาใต้

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกหรือแรงสั่นสะเทือนตามหลังแผ่นดินไหว วัดได้ 4.5 ริคเตอร์ ที่รัฐเวอร์จิเนียและพื้นที่โดยรอบกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก หลังจากที่เพิ่งจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 5.8 ริคเตอร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยศูนย์ข้อมูลแผ่นดินไหวแห่งชาติของสหรัฐแจ้งว่า อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.07 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 12.07 น. วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย จุดศูนย์กลางอยู่ห่างมาแค่ 8 กม.ทางทิศใต้ของเมืองไมนีรัล รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งแรก ไม่มีรายงานความเสียหาย แต่พบรอยร้าวเพิ่มเติมด้านบนของยอดอนุสาวรีย์วอชิงตัน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งด้วยว่า เมื่อเวลา 12.46 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 00.46 น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาในประเทศไทย

    ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริคเตอร์ ทางภาคตะวันออกของประเทศเปรู และ ยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนไปได้ไกล 480 กม. รวมไปถึงในเมืองหลวงกรุงลิมา และยังมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างเอกวาดอร์ กับ บราซิล สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมือง ปูคอลปา ไปทางใต้ 80 กม. ยังไม่มีรายงานความเสียหายและประกาศเตือนภัยสึนามิ ขณะเดียวกันที่นอกชายฝั่งของเกาะวานูอาตู ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.2 ริคเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 10 กม. และ ห่างจากเมืองหลวง กรุงพอร์ตวิลา ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 77 กม. และยังไม่มีรายงานความเสียหาย.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> สหรัฐเตือนภัยพายุเฮอร์ริเคนไอรีน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สหรัฐได้ยกเลิกเที่ยวบินและการจัดงานต่าง ๆ ในขณะที่พายุเฮอร์ริเคนไอรีน เคลื่อนตัวเข้าใกล้และคาดว่า พายุอันตรายลูกนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง , ไฟฟ้าดับ ฝนตกหนักและน้ำท่วมตั้งแต่นอร์ธ คาไรไลนา ไปจนถึงนิว อิงแลนด์

    <DD>
    ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ ได้ประกาศเตือนภัยพายุเฮอร์ริเคนไอรีน ที่มีความแรงลมในระดับ 3 ในพื้นที่ชายฝั่งของนอร์ธ คาโรไลน่า

    ตั้งแต่ ลิตเติล รีเวอร์ อินเทล ไปจนถึงพรมแดนด้านที่ติดกับรัฐเวอร์จิเนีย โดยขณะนี้ เฮอร์ริเคนกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางเหนือ ด้วยความเร็วลม 14 ไมล์ต่อชั่วโมง และคาดว่าจะมุ่งหน้าจากหมู่เกาะบาฮาม่าส์ ไปทางเหนือในช่วงเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น
    <DD>
    บริษัทรถไฟแอมแทร็คและสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐ ได้เริ่มยกเลิกการเดินรถและเที่ยวบินโดยสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์

    ได้ยกเลิกเที่ยวบิน 126 เที่ยว เมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินออกจากไมอามี่ และบาฮาม่าส์ และคาดว่าจะยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มอีกในวันนี้ ส่วนการจัดพิธีรำลึกถึงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ที่กำหนดจะมีขึ้นในกรุงวอชิงตัน วันอาทิตย์นี้ ก็ถูกเลื่อนออกไปเดือนหน้า
    <DD>
    นายเบอร์เวอรี่ เพอร์ดู ผู้ว่าการรัฐนอร์ธ คาโรไลน่า ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายเขตทางตะวันออกของอินเตอร์ สเตท ไนน์ตี้ไฟว์

    และเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงมหันตภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่า พายุไอรีน จะพัดเข้าสู่นอร์ธ คาโรไลน่า เอ๊าเตอร์ แบงค์ ในวันเสาร์นี้ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ในนอร์ธอีสต์ ในวันอาทิตย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงในเขตเมืองต่าง ๆ ในนอร์ธอีสต์ นอกจากนี้ อิทธิพลของพายุ ยังจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ 5-10ฟุต ในพื้นที่เตือนภัยพายุเฮอร์ริเคน รวมทั้ง อับเบอมาเล่ และแพมลิโก้ ซึ่งเกรงว่า จะทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริกว้าง รวมถึงอันตรายจากคลื่นด้วย

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>นาโต้ช่วยล่า'กัดดาฟี'ค่าหัว60ล. </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เอพีรายงานว่า จากการเปิดเผยของนายเลียม ฟ็อกซ์ รมว.กลาโหมอังกฤษ หน่วยสืบราช การลับของนาโต้มีบทบาท

    ไล่ล่าหาตัว พ.อ. โมอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งกองกำลังกบฏลิเบียตั้งค่าหัวไว้ 1.7 ล้าน ก่อนเพิ่มเป็น 2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 60 ล้านบาท หลังจากที่กบฏบุกยึดบ้านของกัดดาฟีไว้ได้ แต่อดีตผู้นำลิเบียหนีไปได้ ทางกลุ่มกบฏเล็งเป้าหมายบ้านเกิดของกัดดาฟีที่เมืองเซิร์ตว่าน่าจะเป็นแหล่งซ่อนตัวมากที่สุด ขณะที่การสู้รบยังปะทุรอบพื้นที่เมืองหลวง ซึ่งยังคงมีฐานที่มั่นของฝ่ายผู้ภักดีต่อผู้นำลิเบีย

    ด้านมุสตาฟา อับเดล จาลิล ประธานคณะกรรมการรัฐบาลรักษาการแห่งชาติ หรือเอ็นทีซี กล่าวเน้นว่า

    กองทัพของกัดดาฟีจะไม่ยุติการต่อต้านจนกว่าผู้นำจะถูกจับกุมหรือสังหาร โดยเอ็นทีซีได้ยื่นข้อเสนอที่ได้รับความร่วมมือจากบรรดาพ่อค้าและนักธุรกิจ ที่ช่วยลงขันตั้งเงินรางวัลให้แก่บุคคลใดก็ตามที่สามารถสังหารหรือจับกุมตัวผู้นำลิเบียได้

    ขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ติดอยู่กลางวงล้อมของการปะทะภายในโรงแรมริซอสในกรุงตริ โปลี หนีออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยรถตู้และรถแวนของหน่วยงานกาชาดสากลช่วยนำผู้สื่อข่าวต่างชาติกว่า 30 ชีวิต ออกจากโรงแรม รีซอสไปยังโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความ ยินดีของผู้สื่อข่าวทุกคนที่ต่างพากันสวมกอดเพื่อนร่วมงาน หลายคนถึงกับร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

    ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวต้องติดค้างอยู่ในโรงแรมรีซอสนานกว่า 5 วัน

    โดยขาดแคลนทั้งอาหาร ไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกท่ามกลางการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย มีรายงานว่ากองกำลังของกัดดาฟีควบคุมตัวผู้สื่อข่าวกลุ่มดังกล่าวไว้ในโรงแรมเพื่อหวังเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงใช้เป็นโล่มนุษย์ป้องกันการโจมตีของฝ่ายต่อต้านและกอง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอิีีนเตอร์เน็ต ไม่เี่กี่ยวข้องกับข่าว)
    MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ค สหรัฐ สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะที่เฮอริเคนไอรีน เคลื่อนตัวสู่ตอนเหนือ ถือเป็นเฮอริเคนลูกแรก ที่พัดกระหน่ำมหานครนิวยอร์ค ในรอบกว่า 25 ปี
    ทั้งนี้ นายบลูมเบิร์ก ได้กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า การอพยพจะต้องแล้วเสร็จภายในวันศุกร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะอพยพคนออกจากบ้านพักคนชราและโรงพยาบาลก่อน และเจ้าหน้าที่ทางการนครนิวยอร์ค ต้องตัดสินใจภายในเช้าวันเสาร์ (27ส.ค.) ว่าจะสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอื่นๆหรือไม่
    นอกจากนี้ นครนิวยอร์คอาจต้องปิดระบบขนส่ง ทันทีที่เฮอริเคนพัดกระหน่ำในคืนวันเสาร์ไปจนถึงเช้าวันจันทร์ (29ส.ค.) ซึ่งขณะนี้ได้ยกเลิกเที่ยวบินแล้ว
    ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนไอรีน เคลื่อนตัวเข้าใกล้และคาดว่า พายุอันตรายลูกนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายถ้วนหน้า อาจเกิดไฟฟ้าดับ ฝนตกหนักและน้ำท่วมตั้งแต่รัฐนอร์ธ คาโรไลน่าไปจนถึงเขตนิวอิงแลนด์
    ทางด้านศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ ประกาศเตือนภัยพายุเฮอริเคนไอรีน ที่มีความแรงลมในระดับ 3 ในพื้นที่ชายฝั่งรัฐนอร์ธ คาโรไลน่า ตั้งแต่ ลิตเติล รีเวอร์ อินเทล ไปจนถึงพรมแดนด้านที่ติดกับรัฐเวอร์จิเนีย และขณะนี้ เฮอริเคนกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางเหนือ ด้วยความเร็วลม 14 ไมล์ต่อชั่วโมง คาดว่าจะมุ่งหน้าจากหมู่เกาะบาฮามาส์ ไปทางเหนือในช่วงเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น
    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐอีก 4 รัฐ ได้แก่ คอนเน็คติกัต เวอร์จิเนีย นิวเจอร์ซีย์ และแมรี่แลนด์ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วเช่นกัน
    Mthai News

    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลิเบียได้เผยภาพและคลิปอุโมงค์ลับใต้ดิน บริเวณฐานที่มั่นบับ อัล-อาซิซิยา ในกรุงทริโปลี ซึ่งเชื่อว่า พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ใช้เป็นที่หลบภัย ฐานบัญชาการ และเส้นทางหลบหนี
    โดยอุโมงค์ดังกล่าวมีความสูงขนาดเท่าตัวคน และกว้างพอขนาดสองคนเดินพร้อมกัน ผนังอุโมงค์ก่อด้วยคอนกรีตหนา มีประตูเหล็กปิดแน่นหนา แบ่งเป็นห้องต่างๆ และพบหน้ากากกันแก๊สในถุงพลาสติก และที่ซ่อนอาหาร , น้ำดื่ม , คุกกี้ และทูน่า รวมไปถึง ตู้เย็นเปล่า ถูกวางไว้ตามมุมต่างๆ อักทั้งพบรถกอล์ฟที่นายกัดดาฟีมักใช้ขับไปมา อยู่ในสภาพยับเยินจอดอยู่ในอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์

    [​IMG]

    <OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=560 height=345>
























    <embedwidth="560" height="345" type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.youtube.com/v/YX_vz32Aexc?version=3&hl=en_US&rel=0" allowFullScreen="true" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" /></OBJECT></P>
    แท็ก : กัดดาฟี, ลิเบีย, อุโมงค์ลับใต้ดิน, อุโมงค์ใต้ดิน

    [​IMG]
    MThai News : สำนักข่าวของจีนเปิดเผยเรื่องราวน่าสลดของ นายถังจูหัว อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ที่มณฑลฉงชิง ทางใต้ของจีน เขาป่วยเป็นโรคทางจิต เมื่ออายุได้ 17 ปี ชอบทำลายข้าวของและฉีกทึ้งเสื้อผ้า
    ทั้งนี้ นางเสี่ยวอันหลง ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจล่ามตัวเขาไว้กับผนังบ้าน และไม่ให้ใส่เสื้อผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เขาฉีกมันทิ้งอีก เธอดูแลป้อนข้าว อาบน้ำ รวมทั้งตัดผม ดูแลเขาเป็นอย่างดี และผลจากการถูกล่ามโซ่ไว้ ทำให้ขาของจูหัวไม่มีแรง จนเดินไม่ได้ ต้องนอนที่พื้น เพราะไม่มีแรงจะปีนขึ้นเตียง
    จนถึงวันนี้ผ่านไป 23 ปีแล้ว นางอันหลงในวัย 76 ปี จึงอยากได้คนใจบุญสักคนมาช่วยดูแลลูกชาย เผื่อในอนาคตที่เธอไม่ได้อยู่แล้วจะได้สบายใจ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    Photo :: China Foto Press/Barcroft Media
    แท็ก : จีน, ป่วยทางจิต, ล่ามโซ่
     
  16. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    วันนี้เหนือสุดในสยามฝนตกหนักน้ำท่วม.
     
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทั่วปท. รวมกทม.ปริมณฑลฝนชุก-หนักบางแห่งเฉลี่ยร้อยละ70-80ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย ตาก และ พิษณุโลก
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา
    อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
    อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
    อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา
    ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา
    ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
    ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>น้ำป่าซัดถนนเข้าหมู่บ้านจ.ลำปางพัง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center>ภาพข่าวจาก INN</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เกิดน้ำป่าซัดทางหลวงชนบท ถนน บ้านเอื้อม-บ้านแม่ต๋ำ ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง จ.ลำปาง พังเสียหายไปครึ่งช่องทาง เสาไฟฟ้าล้ม การไฟฟ้าตัดไฟ 3 หมู่บ้าน

    ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
    ในเขต จ.ลำปาง ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้มีน้ำป่าได้เกิดไหลหลากลง สู่ลำน้ำแม่ต๋ำ ในเขต ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง จ.ลำปาง จึงทำให้น้ำในลำห้วยแม่ต๋ำ ไหลแรงและเชี่ยวกราก น้ำยังได้กัดเซาะแนวถนน ริมตลิ่งถนน ทางหลวงชนบท ถนน บ้านเอื้อม-บ้านแม่ต๋ำ พังเสียหายไปครึ่งช่องทาง

    ส่วนแนวถนน ที่วางเสาไฟฟ้าในจุดนี้ หลังจากถนนทรุดตัวจากน้ำที่กัดเซาะ แล้วยังส่งผลทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงในจุดนี้ ล้มลงหลายต้น ทำให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าภูมิภาคลำปาง เร่งเข้าทำการซ่อมแซม

    และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าการไฟฟ้า ต้องตัดกระแสไฟฟ้าออก ส่งผลให้ไฟฟ้าในพื้นที่ 5 หมู่บ้าน ของ ต.บ้านเอื้อม ไม่มีไฟฟ้าใช้ชั่วคราว ส่วนการไฟฟ้าแจ้งว่า คาดว่า ช่วงเย็นนี้จะทำการเปิดกระแสไฟฟ้าให้ชาวบ้านได้ใช้ ตามปกติ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>หวั่นวิกฤติน้ำกวง ทะลักเข้าชุมชน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    สถานการณ์น้ำกวง เพิ่มระดับต่อเนื่อง ประชาชนเชียงรายหวั่นทะลักเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด

    สถานการณ์ระดับน้ำที่ จ.เชียงราย ยังน่าเป็นห่วง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำแม่สาย เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และย่านเศรษฐกิจ ทั้งฝั่งพม่าและฝั่ง จ.เชียงราย ทำให้ประชาชน และเจ้าของร้านค้าภายในตลาดสายลมจอย หวั่นกับระดับน้ำที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด

    ส่วนเขตเทศบาลตำบลแม่จัน ขณะนี้น้ำท่วมขังอยู่บนถนนสูงกว่า 50 เซนติเมตร แล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมเส้นทางเดินรถไฟ ที่ต้องประกาศงดเดินรถในเส้นทางสายยาว เพราะรางรถไฟใน จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง เสียหาย ทำให้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาที่สถานีรถไฟ จ.พิจิตร เพื่อโดยสารขบวนรถไฟลงสู่ภาคกลาง และ กทม.

    ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำกวงขณะนี้ กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอุตุนิยมวิทยาลำพูน ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขา และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ ซึ่งจากการวัดระดับน้ำแม่กวง ของทางชลประทานลำพูน พบว่า ระดับน้ำอยู่ที่ 4.40 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    โดยห่างจากจุดวิกฤติที่จะไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ 2 ฝั่งแม่น้ำ ที่ระดับ 5 เมตร เพียง 60 เซนติเมตร เท่านั้น ซึ่งคาดว่าในคืนนี้ ปริมาณน้ำน่าจะล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรอย่างแน่นอน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทั้ง"ดีเซล-เบนซิน" "ลด"วันนี้! ถูกลงลิตรละ3-8บาท </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center>น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    งดเก็บ"กองทุนน้ำมัน" สั่งปรับลงค่าโดยสาร ขสมก.-บขส.-เรือเมล์ ทองขยับบาทละ1,050

    ลดราคาน้ำมันทันทีมีผลเช้าวันนี้ เบนซิน 95 ลด 8 บาท เบนซิน 91 ลด 7 บาท ส่วนดีเซลลดลง 3 บาท หลัง "ยิ่งลักษณ์" ประชุมกพช.ชะลอเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกประเภท คมนาคมเด้งรับสั่งรถเมล์-บขส.-เรือลดค่าโดยสารด้วย ด้านผู้ประกอบการน้ำมันห่วงกระทบแก๊สโซฮอล์เนื่องจากราคาเบนซินปรับลดลงมาใกล้เคียงกัน ส่วนราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 1,050 บาท

    "ปู"เรียกประชุมลดราคาน้ำมัน

    เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

    จากนั้นเวลา 14.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิด เผยภายหลังการประชุม ว่า ได้ให้นโยบายต่อที่ประชุมว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไว้ในเรื่องการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่ในรายละเอียดจะดำเนินการอย่างไรนั้น ได้มอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณาว่าจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซลในอัตราเท่าใด รวมทั้งให้ดูปัญหาและผลกระทบโดยรวมที่จะมีต่อน้ำมันแก๊สโซฮอล์และให้นำมาเสนอต่อไปด้วย

    ภายหลังการประชุม กพช.เสร็จสิ้น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ได้เรียกประชุม กบง. ในทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

    ลดทันทีวันนี้"8-3 บ."-เว้นโซฮอล์

    จากนั้นนายพิชัยแถลงว่า ที่ประชุมมีมติตามที่ กพช.อนุมัติให้ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเป็นการชั่วคราว จากน้ำมัน 3 ประเภท คือ เบนซิน 95 ที่จัดเก็บอยู่ที่ 7.50 บาทต่อลิตร รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 8.02 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 จัดเก็บอยู่ที่ 6.70 บาทต่อลิตร รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 7.17 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล จัดเก็บอยู่ที่ 2.80 บาทต่อลิตร รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 3 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดการจัดเก็บเงินดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาหน้าสถานีบริการน้ำมันปรับลดลงทันที ในวันที่ 27 ส.ค. หลังเวลา 06.00 น.

    ราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 39.32 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 34.77 บาทต่อ ลิตร และดีเซล อยู่ที่ 26.99 บาทต่อลิตร โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการใช้มาตรการนี้ และจะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งว่าจะกลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่มีกำหนดว่าจะใช้มาตรการนี้ไม่เกิน 1 ปี

    "การลดการจัดเก็บเงินดังกล่าวจะทำให้รายได้ของกองทุนน้ำมันหายไป 6,160 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากน้ำมันเบนซิน 1,530 ล้านบาท น้ำมันดีเซล 4,629 ล้านบาท แต่เนื่องจากกองทุน มีรายได้จากส่วนอื่นด้วย จึงทำให้รายได้กองทุนจะหายไปจากการลดราคาน้ำมันครั้งนี้เพียง 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันได้เตรียมเงินไว้สำหรับการชดเชยน้ำมันที่คงค้างในสถานีบริการประมาณ 3,000 ล้านบาท"นายพิชัยกล่าว

    เตรียมตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บ.

    นายพิชัยกล่าวถึงการกำหนดเพดานน้ำมันดีเซลว่า มีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงเดือนก.ย.นี้ จึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปพิจารณาว่า หากราคาสูงขึ้นจะเกินกว่า 30 บาทต่อลิตร ต้องไปดูความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่งว่าจะคงเพดานเดิมหรือไม่ หรือจะหามาตรการอื่นมาตรึงไม่ให้ราคาดีเซลสูงขึ้น

    "ฐานะกองทุนน้ำมันที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้สามารถที่จะใช้ไปได้ถึงสิ้นปีนี้ โดยที่ไม่ต้องกู้เงิน แต่คาดว่าจะเริ่มใช้เงินกู้ในกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท ในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยคาดว่าวงเงินกู้ 20,000 ล้านบาทจะใช้ดูแลราคาน้ำมันประมาณ 6 เดือน"นายพิชัยกล่าว

    ส่วนผลกระทบกับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ นายพิชัยกล่าวว่า คงต้องติดตามว่า การลดราคาน้ำมันเบนซินลงครั้งนี้จะมีผลต่อการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ลดลงอย่างไร โดยขอรอดู 1-2 สัปดาห์ก่อน แต่อยากให้ประชาชนใช้แก๊สโซฮอล์ต่อไป เพราะมาตรการดังกล่าวรัฐบาลต้องการช่วยกลุ่มเกษตรกรเป็นอันดับแรก โดยระหว่างนี้ยังไม่มีมาตรการอะไร ขอรอดูข้อมูลที่แท้จริงก่อน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

    รมว.พลังงานกล่าวอีกว่า หลังราคาน้ำมันลดลงแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเข้าไปดูต้นทุนสินค้าและบริการที่ลดลง และจะต้องปรับลดราคาตามความเป็นจริง โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคมจะเข้าไปดูต้นทุนด้านขนส่ง ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปตรวจสอบราคาสินค้าว่าจะลดลงได้อย่างไร

    "การลดราคาน้ำมันเบนซินลงจะช่วยให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 10 ล้านคันลดรายจ่ายลงได้ 20% และรถยนต์เก่าที่ใช้แก๊สโซฮอล์ไม่ได้อีก 1 ล้านคัน ขณะที่ดีเซลช่วยลดรายจ่ายได้อีก 7 ล้านคัน การดำเนินการครั้งนี้ทำได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตั้งใจให้เห็นภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ทำตาม นโยบายที่หาเสียงไว้โดยเร็วที่สุด" นายพิชัยกล่าว

    ราคาลงมาใกล้เคียงแก๊สโซฮอล์

    รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับการตรวจสต๊อกน้ำมันที่คงค้างอยู่ในสถานีบริการ จะปล่อยคารา วานเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต๊อกน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 17,000 สถานีบริการ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 26 ส.ค. จนถึง 06.00 น. ของวันที่ 27 ส.ค. ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับสถานีบริการน้ำมัน และผู้ค้าน้ำมัน โดยนายพิชัยจะเป็นประธานปล่อยคาราวานด้วย ที่กระทรวงพลังงาน ถ.วิภาวดีรังสิต ในเวลา 22.00 น.ด้วย

    รายงานข่าวระบุว่า สถานะกองทุนน้ำมันขณะนี้มีเงินสดประมาณ 15,613 ล้านบาท มีหนี้สิน 14,617 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินสดสุทธิ 808 ล้านบาท ส่วนเงินไหลเข้าปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 7,346 ล้านบาท มีเงินไหลออก 4,604 ล้านบาท กองทุนมีฐานะเป็นบวกเดือนละ 2,742 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ จะดูแลราคาน้ำมันได้จนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งในเวลานั้นอาจจะต้องมีการพิจารณากู้เงินหรือออกพันธบัตร

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลดราคาน้ำมันเบนซินลงมาครั้งนี้ทำให้มีราคาขายปลีกใกล้เคียงกับแก๊สโซฮอล์ ซึ่งราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 95 ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 37.04 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 34.54 บาท/ลิตร โดยหลายฝ่ายห่วงว่า จะทำให้นโยบายที่สนับสนุนสินค้าเกษตรที่นำมาผลิตเป็นพืชน้ำมันได้มีผลกระทบ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ที่นำมาผลิตเป็นแก๊สโซฮอล์

    ปตท.แนะรีบเช็กสต๊อกน้ำมัน

    ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายทันที แต่เห็นว่าควรเช็ก สต๊อกน้ำมันคงค้างก่อนและหลังมาตรการมีผล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งเชื่อว่าแนวทางรักษาส่วนต่างราคาระหว่างเบนซินกับแก๊สโซฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินจากกองทุนน้ำมัน หรือการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันเพราะเป็นมาตร การระยะสั้นเท่านั้น หากรัฐบาลยังคงต้องการตรึงราคาเอ็นจีวีให้อยู่ที่ระดับ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมต่อไป จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมมาสนับสนุน เพราะในช่วงปลายปีนี้ สถานีบริการเอ็นจีวีของ ปตท. จะขยายเป็น 500 แห่งทั่วประเทศ และจะมีการใช้มากขึ้นกว่า 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากไม่มีมาตรการรองรับ จะทำให้ปตท.ต้องแบกรับภาระขาดทุนมากขึ้น

    นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกสัปดาห์หน้า มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตร จึงมีโอกาสที่ปตท. อาจพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันอีก 40-50 สตางค์ต่อลิตร แต่จะต้องรอให้การปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันมีความชัดเจนก่อน

    บางจากหวั่นกระทบโซฮอล์

    ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนักใจมากกับนโยบายลดกองทุนน้ำมันของรัฐบาล ที่จะกระทบต่อยอดขายแก๊ซโซฮอล์ที่ต้องลดลงแน่นอน โดยบางจากมีปั๊มน้ำมันที่ไม่ได้ขายน้ำมันเบนซิน 600 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปั๊มของดีลเลอร์เกือบทั้งหมด บางจากต้องหามาตรการเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือดีลเลอร์เหล่านี้ให้อยู่ได้ก่อน โดยในสัปดาห์หน้าบางจากจะเตรียมออกมาตรการทางการตลาดมากระตุ้นยอดขายแก๊สโซฮอล์ น่าจะรวมถึงบริษัทน้ำมันอื่นๆ ที่ไม่มีการขายเบนซินในปั๊มด้วย

    นายอนุสรณ์กล่าวว่า หากยอดขายแก๊สโซฮอล์ลดลงจะส่งผลกระทบไปถึงแผนการซื้อ เอทานอลในช่วงไตรมาส 4 ที่จะต้องลดลง จะกระทบต่อผู้ผลิตเอทานอล นโยบายที่ออกมาในครั้งนี้คงจะเห็นผลกระทบชัดเจนในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ที่คนใช้แก๊สโซฮอล์จะแห่ไปเติมเบนซินแทนแก๊สโซฮอล์ เพราะมีราคาต่างกันไม่มาก ทั้งที่ปกติราคาเบนซินควรแพงกว่าแก๊สโซฮอล์ 2.50 บาท/ลิตร จึงจะจูงใจให้ใช้ รู้สึกเสียดายกับการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ที่ทำมากว่า 10 ปี และสามารถสร้างความมั่นใจในการใช้มากขึ้น มองว่า หากคนหันไปใช้เบนซินอีกครั้ง การจะกลับมาใช้แก๊สโซฮอล์คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

    เชลล์แนะไม่ควรใช้เกิน 3 เดือน

    นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า นโยบายยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซลนั้น จะส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์แน่นอน ดังนั้น มาตรการนี้จึงไม่ควรใช้เกิน 3 เดือน ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์บ้าง เพราะที่ผ่านมาก็มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนมาตลอด ซึ่งเชลล์ขายแก๊สโซฮอล์มา 5 ปีแล้ว และปัจจุบันคิดจากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ก็มีสัดส่วนสูงถึง 70% ของกลุ่มผู้ใช้เบนซิน ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูง ดังนั้น รัฐบาลควรให้การดูแลผู้ใช้กลุ่มใหญ่นี้ด้วย

    นางพิศวรรณกล่าวต่อว่า การลดราคาน้ำมันเฉพาะเบนซินจะทำให้มีการนำเข้าน้ำมันมากขึ้น ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ อยากให้รัฐบาลทบทวนว่าจะยังคงนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ต่อหรือไม่ เพื่อให้เอกชนได้มีเวลาปรับตัวได้ทัน

    คมนาคมรับลูกลดค่าโดยสาร

    วันเดียวกัน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวว่า หลังจากกพช.มีมติปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ดีเซลปรับลดลงลิตรละ 3 บาท ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่อยู่ในความดูแล ไปดำเนินการปรับลดอัตราค่าโดยสารลงทันทีตามขั้นตอน ได้แก่ รถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถโดยสารประจำทางของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ส่วนรถร่วมเอกชนของ ขสมก. และ บขส. ส่วนค่าโดยสารเรือซึ่งเป็นผู้ประกอบการ เอกชน คงจะต้องหารือและขอความร่วมมือต่อไป

    "สั่งการไว้แล้วว่าเรื่องค่าโดยสารรถเมล์ของ ขสมก.และรถ บขส. มีกรอบกติกาตกลงกันไว้อย่างไรให้ยึดตามนั้น ยิ่งเป็นหน่วยงานของเราเอง ต้องปรับลดลงโดยเร็วที่สุด แต่ต้องไปดูขั้นตอนดำเนินว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ได้สั่งให้ทำทันที" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

    ลดราคาหมดรถเมล์-บขส.-เรือ

    นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงลิตรละ 3 บาท อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องปรับลดค่าโดยสารลง ซึ่งในการประชุมหารือ เพื่อรับมอบนโยบายการทำงานในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค. จะนัดหารือเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน แต่ต้องไปดูในกรอบเงื่อนไขตารางขั้นบันไดในการปรับลดหรือเพิ่มค่าโดยสาร หากจะต้องปรับคงต้องดำเนินการทันที

    นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังผู้ประกอบการเรือทุกประเภท คือ เรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ และเรือข้ามฟากเพื่อให้ปรับลดราคาลง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการได้ตกลงกับคณะกรรม การเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทางที่ระบุว่า หากราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่าลิตรละ 29 บาท ผู้ประกอบการจะต้องปรับลดราคาลงทันที ซึ่งผู้ประกอบการเรือคลองแสนแสบได้ตอบตกลงที่จะปรับลดราคาลงทันที ส่วนผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือข้ามฟาก ขอไปพิจารณา และจะกลับมาหารืออีกครั้งในสัปดาห์หน้า เนื่อง จากระบุว่า ต้นทุนการบริหารต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไป เช่น ค่าแรง ค่าอะไหล่ ไม่ใช่มีเฉพาะราคาน้ำมันเท่านั้น ซึ่งกรมได้ยืนยันว่า จะต้องปรับลดราคาลง

    เผยรถเมล์ขสมก.ลดได้ 1 บาท

    นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า อัตราค่าโดยสารของ ขสมก.ในปัจจุบันคิดบนฐานราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 24 บาท ต่ำกว่าค่าโดยสารของรถร่วมบริการ ขสมก. ซึ่งจัดเก็บค่าโดยสารบนฐานราคาน้ำมันที่ลิตรละ 27 บาท เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นไม่อนุมัติให้ ขสมก.ขึ้นค่าโดยสาร ทั้งนี้ในหลักการเมื่อราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงลิตรละ 3 บาท อัตราค่าโดยสารก็ต้องปรับลดลงอย่างน้อย 1 บาท แต่ขสมก.จะต้องนำเสนอแนวทางการปรับอัตราค่าโดยสารผ่านไปยังคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และรมว.คมนาคมก่อน

    นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการ บขส. กล่าวว่า บขส.เป็นหน่วยงานแรกที่จะนำ ร่องในการปรับลดอัตราค่าโดยสาร เพื่อให้สอด คล้องกับนโยบายปรับลดราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาล โดยขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปคำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะสามารถประกาศและบังคับใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ได้ในวันที่ 29 ส.ค.นี้

    ธปท.ห่วงราคาทองผันผวน

    ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองคำนั้น นาย จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เชิญตัวแทนสมาชิกสมาคมกว่า 10 ราย มาหารือถึงการบริหารความเสี่ยงและมาตรการรองรับสถานการณ์ราคาทองคำที่ผันผวนมาก ซึ่งสมาคมยืนยันว่าร้านค้าทองคำ รวมถึงผู้นำเข้าและส่งออกทองคำรายใหญ่มีมาตรการป้องกันและบริหารความเสี่ยงอยู่แล้ว รวมทั้งติดตามสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกอย่างใกล้ชิดทุกนาที

    "ธปท.เป็นห่วงราคาทองคำที่ปรับขึ้นและลงอย่างรุนแรง จึงเกรงว่าร้านค้าทองคำจะมีมาตร การดูแลความเสี่ยงอย่างไรหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าร้านค้าทองรายใหญ่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบบนาทีต่อนาที เพราะถ้าไม่รีบจัดการผู้ค้าก็มีโอกาสขาดทุน และยืนยันว่าการตั้งราคาซื้อขายทองคำในประเทศนั้น สมาคมได้ประชุมกันก่อนตั้งราคาอย่างรอบคอบทุกวัน โดยเฉพาะมีความระมัดระวังอย่างมากในช่วงที่ราคาทองคำผันผวนขึ้นลงเร็ว โดยอ้างอิงกับราคาในต่างประเทศ และค่าเงินบาทในช่วงเวลานั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ไม่ใช่นายกสมาคมพอใจจะตั้งราคาเท่าไหร่ก็ได้" นายจิตติ กล่าว

    สมาคมค้าทองเตือนนักลงทุน

    นายจิตติ ยอมรับว่า ขณะนี้นักลงทุนทั่วโลกกำลังแห่เข้าซื้อทองคำจำนวนมาก จนตลาดทองคำในต่างประเทศเริ่มเกิดภาวะทองคำขาดตลาด และเกิดภาวะตื่นทองคำ ซึ่งบางช่วงราคาทองคำอาจปรับสูงขึ้นแบบไม่มีเหตุมีผล โดยในช่วง 40 วันที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นบาทละประมาณ 5,000 บาท แต่ภายใน 2 วัน ราคาทองคำก็ปรับลดลงกว่า 2,000 บาท และมองว่าราคายังมีโอกาสที่จะลดลงได้อีก จึงอยากเตือน นักลงทุนและประชาชนทั่วไปให้เพิ่มความระมัด ระวัง ศึกษาข้อมูลและติดตามการเคลื่อนไหวราคาทองคำอย่างใกล้ชิดก่อนลงทุน อย่าเชื่อข่าวโคมลอย

    "ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกองทุนขนาดใหญ่หลายรายเข้าเทกโอเวอร์เหมืองทองขนาดใหญ่หลายแห่ง จึงเกิดการเก็งกำไร ทำให้ทองคำในตลาดต่างประเทศเริ่มขาดตลาด ผู้นำเข้าทองคำก็ไม่มีทองมาขายในประเทศ บางร้านต้องแจกบัตรจองไว้ก่อน แล้วจึงให้ลูกค้ามารับทองในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะผู้ค้าทองคำผลิตไม่ทัน ทางสมาคมยืนยันว่าไม่เคยบอกให้ใครหยุดขายหรือกักตุนทองแน่นอน โดยประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงผันผวนต่อไปขึ้นอยู่กับภาวะตลาด" นายจิตติกล่าว

    เผยปรับขึ้นบาทละ 1,050 บ.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากราคาทองคำในประเทศร่วงลงแรงถึงบาทละ 1,800 บาท เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งเกิดจากตลาดซื้อขายโกลด์ฟิว เจอร์สของ COMEX ในนิวยอร์กซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุด ได้ปรับเพิ่มอัตราเงินประกันขั้นต่ำ (มาร์จิ้น) ในการซื้อขาย ทำให้นักลงทุนเทขายออกมา ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ราคาได้ดีดขึ้นตลอดวันจนปิดตลาดราคาขึ้นมา 1,050 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 25,400 บาท ขายออกบาทละ 25,500 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 25,029.16 บาท ขายออกบาทละ 25,900 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่สหรัฐประกาศตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐ จึงหันกลับมาลงทุนในทองคำ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำอีกครั้ง

    พัลลภ-ชัยสิทธิ์-โอฬารกุนซือนายกฯ

    เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครม.วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ครม.แต่งตั้งข้าราชการการเมือง 7 ตำแหน่ง รวม 32 ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอ ประกอบด้วย 1.ที่ปรึกษานายกฯ จำนวน 4 ราย คือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายโอฬาร ไชยประวัติ นายสุชน ชาลีเครือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร 2.รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง 5 ราย คือ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน(ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ) นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล(นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ) นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ นายนิรุตติ คุณวัฒน์ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง

    3.ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกฯ 4 ราย คือ นายสุชน ชามพูนท(นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย) พล.ต.ต.บุญเลิศ นันทวิสิทธิ์(ร.ต.อ.เฉลิม) ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ(พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ) พล.ต.ต.ไพฑูรย์ เชิดมณี(นายกิตติรัตน์) ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 1 ราย คือนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ(น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ)

    ครม.ยังเห็นชอบแต่งตั้งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ 3 ราย คือ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ และนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา ตำแหน่งเลขานุการรมต.ประจำสำนักนายกฯ 2 ราย คือ นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ(นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ) นายวิม รุ่งวัฒนจินดา(น.ส.กฤษณา) ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ 13 ราย คือ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายเบญจพล สวัสดิ์พาณิชย์ นายอิทธิ์ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช นายวีระ ชูสถาน นายจักรพงษ์ แสงมณี นายชวรัชต์ อุรัสยะนันทน์ นางไพจิตร อักษรณรงค์ นายธนกฤต ชะเอมน้อย นายรังษี เสรีชัยใจมุ่ง พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ นายอรรถชัย อนันตเมฆ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2554 เป็นต้นไป

    มท.ยุทธแบ่งงานชูชาติ-ฐานิสร์

    เมื่อวันที่ 26 ส.ค.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนลงนามแบ่งงานรมช.มหาดไทยเรียบร้อยแล้ว โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ตนจะกำกับดูแลสำนักงานรมว.มหาดไทย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค งานนโยบายและงานบริหารงานบุคคล และเรื่องที่ต้องเสนอนายกฯ และครม.

    นายยงยุทธกล่าวอีกว่า ส่วนนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย รับผิดชอบกรมการพัฒนาชุมชน กรมที่ดิน การประปานครหลวง และองค์การตลาด นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย รับผิดชอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร การประปาส่วนภูมิภาค และการประสานงานส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตามพ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553

    นายยงยุทธกล่าวถึงตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรมว.และรมช.มหาดไทย ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพราะพรรคเพื่อไทยมอบหมายนายกฯ และตนเป็นผู้พิจารณาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะหารือกันสัปดาห์หน้า

    นายยงยุทธกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย ทดแทนผู้ที่เกษียณอายุ 20 กว่ารายในเดือนก.ย.นี้ ว่า เริ่มหารือกับนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทยเบื้องต้นแล้ว ค่อยๆ พิจารณาไปเพราะยังมีเวลา ทั้งนี้การย้ายผู้บริหารระดับสูงต้องใช้ระบบคุณธรรม ที่ผ่านมาการโยกย้ายมี 2 ระบบคือ ระบบคุณธรรมและระบบอุปถัมภ์ ตนยืนยันว่าจะใช้ระบบคุณธรรม

    ผู้สื่อข่าวถามว่าการโยกย้ายมีเรื่องสิงห์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะนายยงยุทธ จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หรือสิงห์ดำ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนมีสิทธิ์เลือกใช้ใครก็ได้ แต่จะไม่แบ่งแยกเรื่องสถาบันอย่างแน่นอน เพราะหากมีความรู้ความสามารถที่จะทำงานกับตนได้ ก็ไม่มีผลไม่ว่าจะมาจากสถาบันใด ขณะนี้คนที่ทำงานอยู่กับตนก็เป็นคนเก่าที่แต่งตั้งจากรัฐบาลที่แล้ว ดังนั้นอดีตจะเป็นตัวบอกปัจจุบัน ยังมีอีกหลายคนที่เป็นสิงห์แดงแล้วอยู่กับตนมาหลายปี ตนไม่เคยยึดติดกับเรื่องนี้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. chan2

    chan2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +23
    คำทำนายที่ถูกหลายข้อและคาดว่าน่าจะมีถูกอีก


    คำทำนายปี2554 จากโหรใหญ่
    โหร ภิญโญ เตือนจับตาต้นปี 4 ม.ค.54 เป็นต้นไป

    เค้าลางความวุ่นวายจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงพฤษภาคม ปีนี้มีอุปราคาเกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง ให้ระวังปัญหาไฟไหม้ครั้งใหญ่ การวางเพลิง การก่อกวน คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ภัยสงคราม โรคระบาดใหม่ และการสูญเสียบุคคลสำคัญในระดับสูง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แล้ง-ท่วม หนักกว่าปี 2553

    เกิดสุริยุปราคา 6 ครั้ง
    สูญเสียผู้นำศาสนา-อุบัติภัย

    อาจารย์ ภิญโญ พงศ์เจริญ ผู้บุกเบิกการทำนายชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทยผนวกกับการเกิดอุปราคาในบอกว่าปี 2554 นี้จะเกิดปรากฏการณ์ อุปราคา ถึง 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำและไฟ ปัญหาอุบัติเหตุหมู่ โดยเฉพาะการเกิดอุปราคาในครั้งแรกวันที่ 4 ม.ค.54 จะเป็นการเกิดอุปราคาเป็น สุริยุปราคา จะเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดี เช่นจะมีเหตุการณ์การเกิดการสูญเสียผู้นำในวงการศาสนา เกิดปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนิกายต่างๆ เกิดพายุครั้งใหญ่ เกิดมีอุบัติเหตุครั้งสำคัญ มีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศและมีปัญหาเกี่ยวกับดินแดนอาณาเขตที่มีแนว โน้มจะบานปลาย

    บ้านเมืองไม่สงบตั้งแต่ต้นปี
    ดวงชะตาบ้านเมืองในปี 2554 จะเกิดปัญหาบ้านเมืองไม่สงบ เกิดปัญหาการนัดหยุดงาน เกิดการประท้วง ตั้งแต่ต้นปี ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน 2554 จากนั้นเมื่อดาวพฤหัสฯ ย้ายออก บ้านเมืองจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนพฤษภาคม แต่จะต้องจับตาว่าวงการการเมืองจะรัฐบาลจะสามารถกุมอำนาจได้ต่อไปหรือไม่ เพราะหากหาทางออกที่ดีได้บ้านเมืองจะก้าวเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็กินเวลาเพียงแค่ 4 เดือนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2554

    เกิดพายุหมุน
    เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม 2554 รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมเรื่องสาธารณภัยเพราะปีนี้จะเกิด ปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่และจะมีความรุนแรงกว่าปีที่แล้วมาก โดยเฉพาะปัญหาการเกิดพายุหมุน พายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะมีให้เห็นในปีนี้

    เกิดปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าท่วมหนักกว่าปี 2553 และจะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ เรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น จะกระทบกระเทือนการดำรงชีวิตของประชาชน

    โรคระบาดหนักปลายปี
    ผลจากปัญหาภัยธรรมชาตินี้จะเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึง ปลายปี ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคทางปากและทางเท้า จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บระบาด มีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้น ประชาชนจะเจ็บป่วย มีโรคภัยไข้เจ็บแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลและผู้นำระดับสูงจะออกมาแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่เช่นนั้น จะถูกชุมนุมกดดันประท้วงอย่างหนัก

    ระวัง มิ.ย. อุบัติภัยรุนแรง
    แม้ประเทศไทยจะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนหลายแห่ง แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ดีทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตมากนัก แต่คนที่อยู่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคกลางบางส่วนต้องระวัง จะพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากการโคจรของดวงจันทร์ที่จะเกิดจุดจันทร์ดับในวันที่ 2 มิถุนายน เวลา 04.03 น.ถือเป็นสุริยุปราคา จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุดและถล่ม อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ต้องแก้ไข

    เกิดโรคภัยระบาดมีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป จนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชนชั้นมากขึ้น เกิดปัญหาว่างงาน การประท้วง นัดหยุดงานครั้งใหญ่ ธุรกิจและการงานประสบกับปัญหา เช่น การขาดทุน งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด

    ภัยทะเล-อากาศ
    ที่ต้องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับการเกิดอุปราคาครั้งนี้ คือจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ อากาศยานตกได้รับความเสียหาย บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศแดนไกลและดินแดนอาณาเขต เนื่องจากเป็นจันทรุปราคาในเรือนศุภะ จึงควรดูแลสุขภาพอนามัยของผู้นำทางจิตวิญญาณและสตรีผู้สูงศักดิ์ให้ดี เพราะจะเจ็บป่วยหรือสูญเสีย นำความเศร้าโศกมาสู่ประชาชนได้

    สูญเสียบุคคลสำคัญการเงิน
    สุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลอับโชค นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และผู้นำในระดับสูง รวมไปถึงผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม การเงินของประเทศจะถูกกระทบกระเทือนได้รับความเสียหาย บังเกิดความล้มเหลวทางการเงินและการค้าครั้งใหญ่ อาจเกิดขึ้นส่งผลกระทบไปทั่ว ธนาคารและสถาบันทางการเงินตกอยู่ในฐานะคับขัน เกิดความผันแปรในทางภาษีอากร นายธนาคารหรือนักการเงินผู้มีอิทธิพลถึงแก่กรรม

    พฤศจิกายน ระวังน้ำท่วมใหญ่
    เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคมจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม จะหนักกว่าปี 2553 พอย่างสู่เดือนพฤศจิกายนเหตุการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีอยู่และจะท่วมหนักกว่า เดิมเนื่องจากในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.10 น จะเกิดสุริยุปราคาอีกครั้ง โดยบังเกิดขึ้นในราศีพิจิกรูปแมงป่อง เวลากลางวัน ราศีพิจิกเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิตราศี มีผลคงอยู่ได้นาน จะส่งผลทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต เกิดโรคภัยระบาด มีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม

    เจอสึนามิ
    อุปราคาเกิดขึ้นในราศีพิจิกซึ่งเป็นธาตุน้ำ ก่อเกิดปัญหาวาตภัยและอุทกภัยที่รุนแรง ในเดือนนี้ประเทศไทยอาจจะพบกับ สึนามเกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวน เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำทะเลมหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อาชีพเกี่ยวกับน้ำ น้ำเมา ของเหลวมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บยังระบาดอย่างหนักทำให้คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำและ ของเหลว การค้าและเกษตรกรรมเสียหาย

    อาถรรพ์หมายเลข 8
    ที่สำคัญการเกิด อุปราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การตาย ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรัฐบาล ถ้าเป็นสุริยุปราคาจะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรมหรือไม่ก็เป็นผู้ อยู่ในราชตระกูล ชนชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญหรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพของประชาชนของประเทศเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาด ประชาชนเจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง เกิดความปั่นป่วนในวงการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดก กฎหมายมรดก ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาลจะถูกเปิดเผย
    // นายกเลข8


    จับตาอุปราคาครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 6 เกิดในวันที่ 1ธันวาคม 2554 เวลา 21.38 น.จะส่งต่อการเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การพังทลายของดิน อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าขาย การเกษตรกรรม พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรยังเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป

    เกิดเหตุเศร้าโศก
    บันเทิงสะดุด
    แต่อุปราคาครั้งนี้มีดาวหนุนส่งการติดต่อค้าขายระหว่างถิ่น มีคนไปมาหาสู่มากมายมิได้ขาด เช่น เปิดโรงมหรสพ สถานเริงรมย์ บาร์ ไนต์คลับ โรงแรม สโมสร ภัตตาคาร คอฟฟี่ช็อป สถานบริการ อาบอบนวด ธุรกิจการบันเทิง โรงภาพยนตร์ ศิลปิน นักแสดง ตลาด ศูนย์การค้า เปิดกิจการนำเที่ยว

    แต่เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้ งานบริการงานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง และเกิดปัญหาขาดทุน ทั้งในกิจการศูนย์การค้า ภัตตาคาร โรงแรม สถานบริการอาบอบนวด ภาพยนตร์ วิดีโอ ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หยุดชงัก เกิดความความสูญเสียบุคคลในวงการบันเทิง

    ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย



    เดือนมกราคม
    เกิดอุปราคาในวันที่ 4 มกราคม ทำให้ทั้งเดือนมีแต่ความยุ่งยากสลับซับซ้อน เกิดความยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องกรรมกรผู้ใช้แรงงาน มีการนัดหยุดงาน เป็นห้วงเวลาที่เกิดการประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การติดต่อสื่อสาร การขนส่ง เช่น กระทรวงคมนาคม กรมกองต่างๆ การขนส่ง การสื่อสาร การรถไฟ เป็นต้น

    เดือนกุมภาพันธ์
    เกิดอุปราคาในช่วงต้นปียังส่งผลอยู่ จะทำให้ผู้ปกครองประเทศปวดหัวกับปัญหา อาชญากรรมที่เกิดขึ้น รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บในคนและสัตว์ระบาดอย่างหนัก เกิดความยุ่งยากในวงการศาสนา วงการการศึกษา กฎหมาย และการแพทย์ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งทางทะเล ทางพื้นดินและทางอากาศ ดังนั้นการเดินทางจึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง

    เดือนมีนาคม
    จะเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดลมพายุทำลายล้างที่รุนแรง หนาวจัด การเดินทาง การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร การบินเกิดปัญหา รัฐสภาจะตกต่ำถูกครอบงำโดยผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ มีปัญหายุ่งยากในการร่างกฎหมาย กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา คณะพรรคการเมืองมีการแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนเมษายน
    ปัญหาความขัดแย้งจะเกิดขึ้นกับรัฐบาล ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม และนำความยุ่งยากให้กับผู้นำ บุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ตลอดจนประชาชน ในเดือนนี้ทำให้เกิดความผันแปรครั้งสำคัญทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการค้าได้รับผลกระทบกระเทือน

    เดือนพฤษภาคม
    เป็นเดือนที่เกิดความยุ่งยากอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร โลกธุรกิจถูกก่อกวนหรือถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนนิยมตกต่ำลงเพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลังสุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบ กระเทือน อำนวยความอับโชคให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และบางครั้งกับผู้นำในระดับสูง

    เดือนมิถุนายน
    มีอุปราคาถึง 2 ครั้ง ระวังจะเกิดไฟไหม้ครั้งสำคัญ มีเรื่องทำให้จิตใจของพวกผู้ชายวุ่นวาย เกิดเหตุฆาตกรรมสำคัญ บางครั้งเกิดการปะทะของกองกำลังต่างๆ อาจเกิดภัยสงคราม เกิดการตายของประชาชนและบุคคลสำคัญในระดับสูง อากาศยังร้อนจัด ฝนแล้ง มีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ประชาชนถูกกระทบกระเทือนในการดำรงชีวิต

    เดือนกรกฏาคม
    กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา พรรคการเมืองเกิดการแตกแยกอย่างชัดเจน มีปัญหายุ่งยากกับประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถูกรบกวนและผันแปร เกิดปัญหาเกี่ยวกับสนธิสัญญาหรือพันธไมตรีกับมิตรประเทศ ผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม

    เดือนสิงหาคม
    ปัญหาทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ การคมนาคม การติดต่อสื่อสารจะยังคงมีปัญหา ส่วนกองทัพกองกำลังมีการเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด จะมีปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน นำความอับโชค ความเศร้าโศก ความเสื่อมโทรมมาสู่สังคม โรงพยาบาล โรงงาน สถานการกุศล อาจถูกกระทบกระเทือน มีอาชญากรรมลึกลับซับซ้อนเกิดขึ้น

    เดือนกันยายน
    เกิดปัญหาและความยุ่งยากเกี่ยวกับการการเงิน ธนาคาร การส่งออกจะมีปัญหา และในช่วงนี้อาจจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการค้นพบขุมทรัพย์ใต้ดินโดยบังเอิญ

    เดือนตุลาคม
    การเดินทาง การติดต่อ การขนส่ง การสื่อสาร และจะเกิดปัญหาความยุ่งยากในวงการสื่อสารมวลชน การขนส่งมวลชน วงการการศึกษา หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ นักเขียน ผู้พิมพ์โฆษณาและนักจัดรายการทางสื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งคนในวงการที่กล่าวมาแล้วให้ระวังจะอุบัติเหตุ

    เดือนพฤศจิกายน
    เดือนนี้จะเกิดวิวาทะ มีความคิดเห็นที่รุนแรง พร้อมกับการใช้กำลังอาวุธ มีปัญหาด้านการเงินและความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความศรัทธา ความคิด เกิดการเป็นปฏิปักษ์ต่อวงการศาสนา ปรัชญา นักบวชเกิดการแตกแยก เป็นต้น

    เดือนธันวาคม
    คนวงการบันเทิง ศิลปินมีปัญหา เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการ ธุรกิจและการงานด้านบันเทิงประสบกับการขาดทุน งานบริการ งานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดปัญหาค่าครองชีพ มีการแตกต่างชนชั้น มีการนัดหยุดงาน คนว่างงานมากขึ้น ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย

    รู้เท่าทันเพื่อรับมือ
    อาจารย์ภิญโญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การรู้อนาคตจึงมีประโยชน์ ทำให้สามารถเตรียมพร้อมทั้งกายใจในการรับมือกับอนาคต จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของอนาคต คือรับมือได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีจะได้เตรียมพร้อมในการป้องกันแก้ไขและลดโอกาสความล้มเหลวอันไม่ พึงประสงค์ สิ่งที่ดีจะได้ช่วยเพิ่มโอกาสให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เมื่อสำเร็จแล้วจะได้ใช้ความสุขุมรอบคอบในการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น ในอนาคตได้อย่างชาญฉลาด

    ตรวจคำทำนาย

    คำทำนายของ อ.ภิญโญ เมื่อปลายปี 2552 ในนิตยสาร POSITIONING พบว่า

    เดือนเมษายน จะเกิดความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการผันแปรทางการเมือง พรรคการเมืองแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนพฤษภาคม 2552 ทำนายว่า จะเกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน น้ำอุปโภคบริโภค ปรากฏว่าช่วงเวลาดังกล่าวเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ในขณะเดียวกันก็ทำนายการเมืองว่าจะถูกก่อกวนและกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนตกต่ำ ก็เกิดเหตุการ นปช. ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศชะงัก

    ตุลาคม-พฤศจิกายน เคยพยากรณ์ว่า ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม- 29 พฤศจิกายน 2553 จะเกิดอุบัติภัยและภัยธรรมชาติเกี่ยวกับน้ำและลมครั้งยิ่งใหญ่ มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เกิดอุบัติภัยเกี่ยวกับดิน เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม เครื่องบินตกและทำให้คนตายจำนวนมาก
     
  19. chan2

    chan2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +23
    คำทำนายที่ถูกหลายข้อและคาดว่าน่าจะมีถูกอีก


    คำทำนายปี2554 จากโหรใหญ่
    โหร ภิญโญ เตือนจับตาต้นปี 4 ม.ค.54 เป็นต้นไป

    เค้าลางความวุ่นวายจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงพฤษภาคม ปีนี้มีอุปราคาเกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง ให้ระวังปัญหาไฟไหม้ครั้งใหญ่ การวางเพลิง การก่อกวน คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ภัยสงคราม โรคระบาดใหม่ และการสูญเสียบุคคลสำคัญในระดับสูง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แล้ง-ท่วม หนักกว่าปี 2553

    เกิดสุริยุปราคา 6 ครั้ง
    สูญเสียผู้นำศาสนา-อุบัติภัย

    อาจารย์ ภิญโญ พงศ์เจริญ ผู้บุกเบิกการทำนายชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทยผนวกกับการเกิดอุปราคาในบอกว่าปี 2554 นี้จะเกิดปรากฏการณ์ อุปราคา ถึง 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำและไฟ ปัญหาอุบัติเหตุหมู่ โดยเฉพาะการเกิดอุปราคาในครั้งแรกวันที่ 4 ม.ค.54 จะเป็นการเกิดอุปราคาเป็น สุริยุปราคา จะเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดี เช่นจะมีเหตุการณ์การเกิดการสูญเสียผู้นำในวงการศาสนา เกิดปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนิกายต่างๆ เกิดพายุครั้งใหญ่ เกิดมีอุบัติเหตุครั้งสำคัญ มีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศและมีปัญหาเกี่ยวกับดินแดนอาณาเขตที่มีแนว โน้มจะบานปลาย

    บ้านเมืองไม่สงบตั้งแต่ต้นปี
    ดวงชะตาบ้านเมืองในปี 2554 จะเกิดปัญหาบ้านเมืองไม่สงบ เกิดปัญหาการนัดหยุดงาน เกิดการประท้วง ตั้งแต่ต้นปี ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน 2554 จากนั้นเมื่อดาวพฤหัสฯ ย้ายออก บ้านเมืองจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนพฤษภาคม แต่จะต้องจับตาว่าวงการการเมืองจะรัฐบาลจะสามารถกุมอำนาจได้ต่อไปหรือไม่ เพราะหากหาทางออกที่ดีได้บ้านเมืองจะก้าวเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็กินเวลาเพียงแค่ 4 เดือนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2554

    เกิดพายุหมุน
    เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม 2554 รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมเรื่องสาธารณภัยเพราะปีนี้จะเกิด ปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่และจะมีความรุนแรงกว่าปีที่แล้วมาก โดยเฉพาะปัญหาการเกิดพายุหมุน พายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะมีให้เห็นในปีนี้

    เกิดปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าท่วมหนักกว่าปี 2553 และจะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ เรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น จะกระทบกระเทือนการดำรงชีวิตของประชาชน

    โรคระบาดหนักปลายปี
    ผลจากปัญหาภัยธรรมชาตินี้จะเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึง ปลายปี ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคทางปากและทางเท้า จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บระบาด มีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้น ประชาชนจะเจ็บป่วย มีโรคภัยไข้เจ็บแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลและผู้นำระดับสูงจะออกมาแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่เช่นนั้น จะถูกชุมนุมกดดันประท้วงอย่างหนัก

    ระวัง มิ.ย. อุบัติภัยรุนแรง
    แม้ประเทศไทยจะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนหลายแห่ง แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ดีทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตมากนัก แต่คนที่อยู่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคกลางบางส่วนต้องระวัง จะพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากการโคจรของดวงจันทร์ที่จะเกิดจุดจันทร์ดับในวันที่ 2 มิถุนายน เวลา 04.03 น.ถือเป็นสุริยุปราคา จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุดและถล่ม อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ต้องแก้ไข

    เกิดโรคภัยระบาดมีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป จนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชนชั้นมากขึ้น เกิดปัญหาว่างงาน การประท้วง นัดหยุดงานครั้งใหญ่ ธุรกิจและการงานประสบกับปัญหา เช่น การขาดทุน งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด

    ภัยทะเล-อากาศ
    ที่ต้องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับการเกิดอุปราคาครั้งนี้ คือจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ อากาศยานตกได้รับความเสียหาย บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศแดนไกลและดินแดนอาณาเขต เนื่องจากเป็นจันทรุปราคาในเรือนศุภะ จึงควรดูแลสุขภาพอนามัยของผู้นำทางจิตวิญญาณและสตรีผู้สูงศักดิ์ให้ดี เพราะจะเจ็บป่วยหรือสูญเสีย นำความเศร้าโศกมาสู่ประชาชนได้

    สูญเสียบุคคลสำคัญการเงิน
    สุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลอับโชค นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และผู้นำในระดับสูง รวมไปถึงผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม การเงินของประเทศจะถูกกระทบกระเทือนได้รับความเสียหาย บังเกิดความล้มเหลวทางการเงินและการค้าครั้งใหญ่ อาจเกิดขึ้นส่งผลกระทบไปทั่ว ธนาคารและสถาบันทางการเงินตกอยู่ในฐานะคับขัน เกิดความผันแปรในทางภาษีอากร นายธนาคารหรือนักการเงินผู้มีอิทธิพลถึงแก่กรรม

    พฤศจิกายน ระวังน้ำท่วมใหญ่
    เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคมจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม จะหนักกว่าปี 2553 พอย่างสู่เดือนพฤศจิกายนเหตุการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีอยู่และจะท่วมหนักกว่า เดิมเนื่องจากในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.10 น จะเกิดสุริยุปราคาอีกครั้ง โดยบังเกิดขึ้นในราศีพิจิกรูปแมงป่อง เวลากลางวัน ราศีพิจิกเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิตราศี มีผลคงอยู่ได้นาน จะส่งผลทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต เกิดโรคภัยระบาด มีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม

    เจอสึนามิ
    อุปราคาเกิดขึ้นในราศีพิจิกซึ่งเป็นธาตุน้ำ ก่อเกิดปัญหาวาตภัยและอุทกภัยที่รุนแรง ในเดือนนี้ประเทศไทยอาจจะพบกับ สึนามเกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวน เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำทะเลมหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อาชีพเกี่ยวกับน้ำ น้ำเมา ของเหลวมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บยังระบาดอย่างหนักทำให้คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำและ ของเหลว การค้าและเกษตรกรรมเสียหาย

    อาถรรพ์หมายเลข 8
    ที่สำคัญการเกิด อุปราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การตาย ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรัฐบาล ถ้าเป็นสุริยุปราคาจะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรมหรือไม่ก็เป็นผู้ อยู่ในราชตระกูล ชนชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญหรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพของประชาชนของประเทศเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาด ประชาชนเจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง เกิดความปั่นป่วนในวงการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดก กฎหมายมรดก ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาลจะถูกเปิดเผย
    // นายกเลข8


    จับตาอุปราคาครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 6 เกิดในวันที่ 1ธันวาคม 2554 เวลา 21.38 น.จะส่งต่อการเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การพังทลายของดิน อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าขาย การเกษตรกรรม พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรยังเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป

    เกิดเหตุเศร้าโศก
    บันเทิงสะดุด
    แต่อุปราคาครั้งนี้มีดาวหนุนส่งการติดต่อค้าขายระหว่างถิ่น มีคนไปมาหาสู่มากมายมิได้ขาด เช่น เปิดโรงมหรสพ สถานเริงรมย์ บาร์ ไนต์คลับ โรงแรม สโมสร ภัตตาคาร คอฟฟี่ช็อป สถานบริการ อาบอบนวด ธุรกิจการบันเทิง โรงภาพยนตร์ ศิลปิน นักแสดง ตลาด ศูนย์การค้า เปิดกิจการนำเที่ยว

    แต่เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้ งานบริการงานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง และเกิดปัญหาขาดทุน ทั้งในกิจการศูนย์การค้า ภัตตาคาร โรงแรม สถานบริการอาบอบนวด ภาพยนตร์ วิดีโอ ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หยุดชงัก เกิดความความสูญเสียบุคคลในวงการบันเทิง

    ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย



    เดือนมกราคม
    เกิดอุปราคาในวันที่ 4 มกราคม ทำให้ทั้งเดือนมีแต่ความยุ่งยากสลับซับซ้อน เกิดความยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องกรรมกรผู้ใช้แรงงาน มีการนัดหยุดงาน เป็นห้วงเวลาที่เกิดการประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การติดต่อสื่อสาร การขนส่ง เช่น กระทรวงคมนาคม กรมกองต่างๆ การขนส่ง การสื่อสาร การรถไฟ เป็นต้น

    เดือนกุมภาพันธ์
    เกิดอุปราคาในช่วงต้นปียังส่งผลอยู่ จะทำให้ผู้ปกครองประเทศปวดหัวกับปัญหา อาชญากรรมที่เกิดขึ้น รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บในคนและสัตว์ระบาดอย่างหนัก เกิดความยุ่งยากในวงการศาสนา วงการการศึกษา กฎหมาย และการแพทย์ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งทางทะเล ทางพื้นดินและทางอากาศ ดังนั้นการเดินทางจึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง

    เดือนมีนาคม
    จะเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดลมพายุทำลายล้างที่รุนแรง หนาวจัด การเดินทาง การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร การบินเกิดปัญหา รัฐสภาจะตกต่ำถูกครอบงำโดยผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ มีปัญหายุ่งยากในการร่างกฎหมาย กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา คณะพรรคการเมืองมีการแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนเมษายน
    ปัญหาความขัดแย้งจะเกิดขึ้นกับรัฐบาล ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม และนำความยุ่งยากให้กับผู้นำ บุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ตลอดจนประชาชน ในเดือนนี้ทำให้เกิดความผันแปรครั้งสำคัญทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการค้าได้รับผลกระทบกระเทือน

    เดือนพฤษภาคม
    เป็นเดือนที่เกิดความยุ่งยากอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร โลกธุรกิจถูกก่อกวนหรือถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนนิยมตกต่ำลงเพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลังสุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบ กระเทือน อำนวยความอับโชคให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และบางครั้งกับผู้นำในระดับสูง

    เดือนมิถุนายน
    มีอุปราคาถึง 2 ครั้ง ระวังจะเกิดไฟไหม้ครั้งสำคัญ มีเรื่องทำให้จิตใจของพวกผู้ชายวุ่นวาย เกิดเหตุฆาตกรรมสำคัญ บางครั้งเกิดการปะทะของกองกำลังต่างๆ อาจเกิดภัยสงคราม เกิดการตายของประชาชนและบุคคลสำคัญในระดับสูง อากาศยังร้อนจัด ฝนแล้ง มีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ประชาชนถูกกระทบกระเทือนในการดำรงชีวิต

    เดือนกรกฏาคม
    กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา พรรคการเมืองเกิดการแตกแยกอย่างชัดเจน มีปัญหายุ่งยากกับประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถูกรบกวนและผันแปร เกิดปัญหาเกี่ยวกับสนธิสัญญาหรือพันธไมตรีกับมิตรประเทศ ผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม

    เดือนสิงหาคม
    ปัญหาทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ การคมนาคม การติดต่อสื่อสารจะยังคงมีปัญหา ส่วนกองทัพกองกำลังมีการเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด จะมีปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน นำความอับโชค ความเศร้าโศก ความเสื่อมโทรมมาสู่สังคม โรงพยาบาล โรงงาน สถานการกุศล อาจถูกกระทบกระเทือน มีอาชญากรรมลึกลับซับซ้อนเกิดขึ้น

    เดือนกันยายน
    เกิดปัญหาและความยุ่งยากเกี่ยวกับการการเงิน ธนาคาร การส่งออกจะมีปัญหา และในช่วงนี้อาจจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการค้นพบขุมทรัพย์ใต้ดินโดยบังเอิญ

    เดือนตุลาคม
    การเดินทาง การติดต่อ การขนส่ง การสื่อสาร และจะเกิดปัญหาความยุ่งยากในวงการสื่อสารมวลชน การขนส่งมวลชน วงการการศึกษา หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ นักเขียน ผู้พิมพ์โฆษณาและนักจัดรายการทางสื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งคนในวงการที่กล่าวมาแล้วให้ระวังจะอุบัติเหตุ

    เดือนพฤศจิกายน
    เดือนนี้จะเกิดวิวาทะ มีความคิดเห็นที่รุนแรง พร้อมกับการใช้กำลังอาวุธ มีปัญหาด้านการเงินและความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความศรัทธา ความคิด เกิดการเป็นปฏิปักษ์ต่อวงการศาสนา ปรัชญา นักบวชเกิดการแตกแยก เป็นต้น

    เดือนธันวาคม
    คนวงการบันเทิง ศิลปินมีปัญหา เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการ ธุรกิจและการงานด้านบันเทิงประสบกับการขาดทุน งานบริการ งานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดปัญหาค่าครองชีพ มีการแตกต่างชนชั้น มีการนัดหยุดงาน คนว่างงานมากขึ้น ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย

    รู้เท่าทันเพื่อรับมือ
    อาจารย์ภิญโญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การรู้อนาคตจึงมีประโยชน์ ทำให้สามารถเตรียมพร้อมทั้งกายใจในการรับมือกับอนาคต จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของอนาคต คือรับมือได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีจะได้เตรียมพร้อมในการป้องกันแก้ไขและลดโอกาสความล้มเหลวอันไม่ พึงประสงค์ สิ่งที่ดีจะได้ช่วยเพิ่มโอกาสให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เมื่อสำเร็จแล้วจะได้ใช้ความสุขุมรอบคอบในการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น ในอนาคตได้อย่างชาญฉลาด

    ตรวจคำทำนาย

    คำทำนายของ อ.ภิญโญ เมื่อปลายปี 2552 ในนิตยสาร POSITIONING พบว่า

    เดือนเมษายน จะเกิดความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการผันแปรทางการเมือง พรรคการเมืองแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนพฤษภาคม 2552 ทำนายว่า จะเกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน น้ำอุปโภคบริโภค ปรากฏว่าช่วงเวลาดังกล่าวเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ในขณะเดียวกันก็ทำนายการเมืองว่าจะถูกก่อกวนและกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนตกต่ำ ก็เกิดเหตุการ นปช. ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศชะงัก

    ตุลาคม-พฤศจิกายน เคยพยากรณ์ว่า ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม- 29 พฤศจิกายน 2553 จะเกิดอุบัติภัยและภัยธรรมชาติเกี่ยวกับน้ำและลมครั้งยิ่งใหญ่ มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เกิดอุบัติภัยเกี่ยวกับดิน เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม เครื่องบินตกและทำให้คนตายจำนวนมาก
     
  20. chan2

    chan2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +23
    คำทำนายปี2554 จากโหรใหญ่
    โหร ภิญโญ เตือนจับตาต้นปี 4 ม.ค.54 เป็นต้นไป

    เค้าลางความวุ่นวายจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงพฤษภาคม ปีนี้มีอุปราคาเกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง ให้ระวังปัญหาไฟไหม้ครั้งใหญ่ การวางเพลิง การก่อกวน คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ภัยสงคราม โรคระบาดใหม่ และการสูญเสียบุคคลสำคัญในระดับสูง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แล้ง-ท่วม หนักกว่าปี 2553

    เกิดสุริยุปราคา 6 ครั้ง
    สูญเสียผู้นำศาสนา-อุบัติภัย

    อาจารย์ ภิญโญ พงศ์เจริญ ผู้บุกเบิกการทำนายชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทยผนวกกับการเกิดอุปราคาในบอกว่าปี 2554 นี้จะเกิดปรากฏการณ์ อุปราคา ถึง 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำและไฟ ปัญหาอุบัติเหตุหมู่ โดยเฉพาะการเกิดอุปราคาในครั้งแรกวันที่ 4 ม.ค.54 จะเป็นการเกิดอุปราคาเป็น สุริยุปราคา จะเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดี เช่นจะมีเหตุการณ์การเกิดการสูญเสียผู้นำในวงการศาสนา เกิดปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนิกายต่างๆ เกิดพายุครั้งใหญ่ เกิดมีอุบัติเหตุครั้งสำคัญ มีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศและมีปัญหาเกี่ยวกับดินแดนอาณาเขตที่มีแนว โน้มจะบานปลาย

    บ้านเมืองไม่สงบตั้งแต่ต้นปี
    ดวงชะตาบ้านเมืองในปี 2554 จะเกิดปัญหาบ้านเมืองไม่สงบ เกิดปัญหาการนัดหยุดงาน เกิดการประท้วง ตั้งแต่ต้นปี ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน 2554 จากนั้นเมื่อดาวพฤหัสฯ ย้ายออก บ้านเมืองจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนพฤษภาคม แต่จะต้องจับตาว่าวงการการเมืองจะรัฐบาลจะสามารถกุมอำนาจได้ต่อไปหรือไม่ เพราะหากหาทางออกที่ดีได้บ้านเมืองจะก้าวเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็กินเวลาเพียงแค่ 4 เดือนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2554

    เกิดพายุหมุน
    เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม 2554 รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมเรื่องสาธารณภัยเพราะปีนี้จะเกิด ปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่และจะมีความรุนแรงกว่าปีที่แล้วมาก โดยเฉพาะปัญหาการเกิดพายุหมุน พายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะมีให้เห็นในปีนี้

    เกิดปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าท่วมหนักกว่าปี 2553 และจะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ เรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น จะกระทบกระเทือนการดำรงชีวิตของประชาชน

    โรคระบาดหนักปลายปี
    ผลจากปัญหาภัยธรรมชาตินี้จะเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึง ปลายปี ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคทางปากและทางเท้า จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บระบาด มีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้น ประชาชนจะเจ็บป่วย มีโรคภัยไข้เจ็บแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลและผู้นำระดับสูงจะออกมาแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่เช่นนั้น จะถูกชุมนุมกดดันประท้วงอย่างหนัก

    ระวัง มิ.ย. อุบัติภัยรุนแรง
    แม้ประเทศไทยจะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนหลายแห่ง แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ดีทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตมากนัก แต่คนที่อยู่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคกลางบางส่วนต้องระวัง จะพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากการโคจรของดวงจันทร์ที่จะเกิดจุดจันทร์ดับในวันที่ 2 มิถุนายน เวลา 04.03 น.ถือเป็นสุริยุปราคา จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุดและถล่ม อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ต้องแก้ไข

    เกิดโรคภัยระบาดมีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป จนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชนชั้นมากขึ้น เกิดปัญหาว่างงาน การประท้วง นัดหยุดงานครั้งใหญ่ ธุรกิจและการงานประสบกับปัญหา เช่น การขาดทุน งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด

    ภัยทะเล-อากาศ
    ที่ต้องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับการเกิดอุปราคาครั้งนี้ คือจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ อากาศยานตกได้รับความเสียหาย บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศแดนไกลและดินแดนอาณาเขต เนื่องจากเป็นจันทรุปราคาในเรือนศุภะ จึงควรดูแลสุขภาพอนามัยของผู้นำทางจิตวิญญาณและสตรีผู้สูงศักดิ์ให้ดี เพราะจะเจ็บป่วยหรือสูญเสีย นำความเศร้าโศกมาสู่ประชาชนได้

    สูญเสียบุคคลสำคัญการเงิน
    สุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลอับโชค นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และผู้นำในระดับสูง รวมไปถึงผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม การเงินของประเทศจะถูกกระทบกระเทือนได้รับความเสียหาย บังเกิดความล้มเหลวทางการเงินและการค้าครั้งใหญ่ อาจเกิดขึ้นส่งผลกระทบไปทั่ว ธนาคารและสถาบันทางการเงินตกอยู่ในฐานะคับขัน เกิดความผันแปรในทางภาษีอากร นายธนาคารหรือนักการเงินผู้มีอิทธิพลถึงแก่กรรม

    พฤศจิกายน ระวังน้ำท่วมใหญ่
    เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคมจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม จะหนักกว่าปี 2553 พอย่างสู่เดือนพฤศจิกายนเหตุการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีอยู่และจะท่วมหนักกว่า เดิมเนื่องจากในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.10 น จะเกิดสุริยุปราคาอีกครั้ง โดยบังเกิดขึ้นในราศีพิจิกรูปแมงป่อง เวลากลางวัน ราศีพิจิกเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิตราศี มีผลคงอยู่ได้นาน จะส่งผลทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต เกิดโรคภัยระบาด มีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม

    เจอสึนามิ
    อุปราคาเกิดขึ้นในราศีพิจิกซึ่งเป็นธาตุน้ำ ก่อเกิดปัญหาวาตภัยและอุทกภัยที่รุนแรง ในเดือนนี้ประเทศไทยอาจจะพบกับ สึนามเกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวน เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำทะเลมหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อาชีพเกี่ยวกับน้ำ น้ำเมา ของเหลวมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บยังระบาดอย่างหนักทำให้คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำและ ของเหลว การค้าและเกษตรกรรมเสียหาย

    อาถรรพ์หมายเลข 8
    ที่สำคัญการเกิด อุปราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การตาย ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรัฐบาล ถ้าเป็นสุริยุปราคาจะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรมหรือไม่ก็เป็นผู้ อยู่ในราชตระกูล ชนชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญหรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพของประชาชนของประเทศเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาด ประชาชนเจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง เกิดความปั่นป่วนในวงการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดก กฎหมายมรดก ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาลจะถูกเปิดเผย note นายกเลข8

    จับตาอุปราคาครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 6 เกิดในวันที่ 1ธันวาคม 2554 เวลา 21.38 น.จะส่งต่อการเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การพังทลายของดิน อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าขาย การเกษตรกรรม พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรยังเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป

    เกิดเหตุเศร้าโศก
    บันเทิงสะดุด
    แต่อุปราคาครั้งนี้มีดาวหนุนส่งการติดต่อค้าขายระหว่างถิ่น มีคนไปมาหาสู่มากมายมิได้ขาด เช่น เปิดโรงมหรสพ สถานเริงรมย์ บาร์ ไนต์คลับ โรงแรม สโมสร ภัตตาคาร คอฟฟี่ช็อป สถานบริการ อาบอบนวด ธุรกิจการบันเทิง โรงภาพยนตร์ ศิลปิน นักแสดง ตลาด ศูนย์การค้า เปิดกิจการนำเที่ยว

    แต่เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้ งานบริการงานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง และเกิดปัญหาขาดทุน ทั้งในกิจการศูนย์การค้า ภัตตาคาร โรงแรม สถานบริการอาบอบนวด ภาพยนตร์ วิดีโอ ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หยุดชงัก เกิดความความสูญเสียบุคคลในวงการบันเทิง

    ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย



    เดือนมกราคม
    เกิดอุปราคาในวันที่ 4 มกราคม ทำให้ทั้งเดือนมีแต่ความยุ่งยากสลับซับซ้อน เกิดความยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องกรรมกรผู้ใช้แรงงาน มีการนัดหยุดงาน เป็นห้วงเวลาที่เกิดการประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การติดต่อสื่อสาร การขนส่ง เช่น กระทรวงคมนาคม กรมกองต่างๆ การขนส่ง การสื่อสาร การรถไฟ เป็นต้น

    เดือนกุมภาพันธ์
    เกิดอุปราคาในช่วงต้นปียังส่งผลอยู่ จะทำให้ผู้ปกครองประเทศปวดหัวกับปัญหา อาชญากรรมที่เกิดขึ้น รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บในคนและสัตว์ระบาดอย่างหนัก เกิดความยุ่งยากในวงการศาสนา วงการการศึกษา กฎหมาย และการแพทย์ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งทางทะเล ทางพื้นดินและทางอากาศ ดังนั้นการเดินทางจึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง

    เดือนมีนาคม
    จะเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดลมพายุทำลายล้างที่รุนแรง หนาวจัด การเดินทาง การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร การบินเกิดปัญหา รัฐสภาจะตกต่ำถูกครอบงำโดยผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ มีปัญหายุ่งยากในการร่างกฎหมาย กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา คณะพรรคการเมืองมีการแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนเมษายน
    ปัญหาความขัดแย้งจะเกิดขึ้นกับรัฐบาล ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม และนำความยุ่งยากให้กับผู้นำ บุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ตลอดจนประชาชน ในเดือนนี้ทำให้เกิดความผันแปรครั้งสำคัญทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการค้าได้รับผลกระทบกระเทือน

    เดือนพฤษภาคม
    เป็นเดือนที่เกิดความยุ่งยากอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร โลกธุรกิจถูกก่อกวนหรือถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนนิยมตกต่ำลงเพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลังสุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบ กระเทือน อำนวยความอับโชคให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และบางครั้งกับผู้นำในระดับสูง

    เดือนมิถุนายน
    มีอุปราคาถึง 2 ครั้ง ระวังจะเกิดไฟไหม้ครั้งสำคัญ มีเรื่องทำให้จิตใจของพวกผู้ชายวุ่นวาย เกิดเหตุฆาตกรรมสำคัญ บางครั้งเกิดการปะทะของกองกำลังต่างๆ อาจเกิดภัยสงคราม เกิดการตายของประชาชนและบุคคลสำคัญในระดับสูง อากาศยังร้อนจัด ฝนแล้ง มีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ประชาชนถูกกระทบกระเทือนในการดำรงชีวิต

    เดือนกรกฏาคม
    กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา พรรคการเมืองเกิดการแตกแยกอย่างชัดเจน มีปัญหายุ่งยากกับประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถูกรบกวนและผันแปร เกิดปัญหาเกี่ยวกับสนธิสัญญาหรือพันธไมตรีกับมิตรประเทศ ผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม

    เดือนสิงหาคม
    ปัญหาทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ การคมนาคม การติดต่อสื่อสารจะยังคงมีปัญหา ส่วนกองทัพกองกำลังมีการเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด จะมีปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน นำความอับโชค ความเศร้าโศก ความเสื่อมโทรมมาสู่สังคม โรงพยาบาล โรงงาน สถานการกุศล อาจถูกกระทบกระเทือน มีอาชญากรรมลึกลับซับซ้อนเกิดขึ้น

    เดือนกันยายน
    เกิดปัญหาและความยุ่งยากเกี่ยวกับการการเงิน ธนาคาร การส่งออกจะมีปัญหา และในช่วงนี้อาจจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการค้นพบขุมทรัพย์ใต้ดินโดยบังเอิญ

    เดือนตุลาคม
    การเดินทาง การติดต่อ การขนส่ง การสื่อสาร และจะเกิดปัญหาความยุ่งยากในวงการสื่อสารมวลชน การขนส่งมวลชน วงการการศึกษา หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ นักเขียน ผู้พิมพ์โฆษณาและนักจัดรายการทางสื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งคนในวงการที่กล่าวมาแล้วให้ระวังจะอุบัติเหตุ

    เดือนพฤศจิกายน
    เดือนนี้จะเกิดวิวาทะ มีความคิดเห็นที่รุนแรง พร้อมกับการใช้กำลังอาวุธ มีปัญหาด้านการเงินและความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความศรัทธา ความคิด เกิดการเป็นปฏิปักษ์ต่อวงการศาสนา ปรัชญา นักบวชเกิดการแตกแยก เป็นต้น

    เดือนธันวาคม
    คนวงการบันเทิง ศิลปินมีปัญหา เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการ ธุรกิจและการงานด้านบันเทิงประสบกับการขาดทุน งานบริการ งานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดปัญหาค่าครองชีพ มีการแตกต่างชนชั้น มีการนัดหยุดงาน คนว่างงานมากขึ้น ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย

    รู้เท่าทันเพื่อรับมือ
    อาจารย์ภิญโญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การรู้อนาคตจึงมีประโยชน์ ทำให้สามารถเตรียมพร้อมทั้งกายใจในการรับมือกับอนาคต จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของอนาคต คือรับมือได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีจะได้เตรียมพร้อมในการป้องกันแก้ไขและลดโอกาสความล้มเหลวอันไม่ พึงประสงค์ สิ่งที่ดีจะได้ช่วยเพิ่มโอกาสให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เมื่อสำเร็จแล้วจะได้ใช้ความสุขุมรอบคอบในการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น ในอนาคตได้อย่างชาญฉลาด

    ตรวจคำทำนาย

    คำทำนายของ อ.ภิญโญ เมื่อปลายปี 2552 ในนิตยสาร POSITIONING พบว่า

    เดือนเมษายน จะเกิดความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการผันแปรทางการเมือง พรรคการเมืองแตกแยกอย่างชัดเจน

    เดือนพฤษภาคม 2552 ทำนายว่า จะเกิดปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน น้ำอุปโภคบริโภค ปรากฏว่าช่วงเวลาดังกล่าวเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ในขณะเดียวกันก็ทำนายการเมืองว่าจะถูกก่อกวนและกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนตกต่ำ ก็เกิดเหตุการ นปช. ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศชะงัก

    ตุลาคม-พฤศจิกายน เคยพยากรณ์ว่า ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม- 29 พฤศจิกายน 2553 จะเกิดอุบัติภัยและภัยธรรมชาติเกี่ยวกับน้ำและลมครั้งยิ่งใหญ่ มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เกิดอุบัติภัยเกี่ยวกับดิน เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม เครื่องบินตกและทำให้คนตายจำนวนมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...