บทความ : คุณเชื่อหรือไม่ว่าสุดปลายแห่งสายน้ำคือทะเลอันกว้างใหญ่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย จันทร์เจ้า, 16 ธันวาคม 2008.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็บางสำนักครับ

    ถ้าสำนักไหนกายใจเข้า บริกรรม หายใจออก บริกรรม นี่คือ อาศัยลม

    แต่สำนักไหนยกดูรูป พองยุบ รูปท้องพองยุบ อันนี้จะเป็นการทำสติ
    ระลึกรู้รูป ถ้ายกตามที่มันเป็นเพื่อดูไตรลักษณ์ก็จะถูก

    แต่ถ้าทำขึ้น ก็เป็นอุบาย จะทุกขลักษณ อนิจจาลักษณ อนัตตาลักษณะ
    ก็เพื่ออุบายในการน้อมดูไตรลักษณ์ ช่วยให้จิตมันคุ้นเคยในการพิจารณา

    แต่ต้องวางลง หากทำ แล้วหมายว่า นี่คือการเข้าใจไตรลกัษณ์ ก็เรียบ
    ร้อย ไม่ไปถึงไหน
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อย่าไปค้นนะดีแล้วครับ สักกายทิฏฐิ กับ มานะ นั้นคนละตัว

    สักกายทิฏฐิ คือ สังโยชน์ข้อ 1

    มานะ น่าจะเป็น สังโยชน์ข้อ 8 หรือ 9
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็บอกตามความเห็น น่ะ
    ไม่รู้หรอก ว่าเป็นใคร
    เพียงแต่ว่า เวลาอ่านมันปรุงเข้าตัว ตามที่คิด มันก็ออกมาอย่างนี้แหละ

    แต่คนที่ทำ แล้วได้จริง เขาก็คงเห็นไปอีกแบบ เข้าใจไปอีกแบบ
    แต่พอได้อริยมรรค จริงแล้ว คนที่ได้ปฏิเวชเป็น อริยผล มันควรจะเหมือนกัน
    เช่นว่า หลวงปู่ ท่านได้อริยะผลแล้ว ย่อมละตัวตน เห็นอริยสัจจ์ ท่านเขียน
    ท่านอ่าน ท่านก็เข้าใจของท่าน แต่คนอื่นที่ยังไม่รู้อริยสัจจ์ ยังโง่เหมือนเรา
    มาอ่าน มาเทียบเอาของตนเองตามนิมิต แล้วคิดว่าผ่าน แต่ไม่มีอริยะผล
    ไม่เห็นความจริงของอริยสัจจ์ ยังมีตัวตน มันก็มีนะ

    ธรรม แท้ มันเหมือนเล่นกล นะ เห็นพลิกไปพลิกมา แต่สุดท้าย มันต้องเห็น
    เหมือนกัน ตรง อริยสัจจ์
     
  4. คน 1 กำลังดูอยู่

    คน 1 กำลังดูอยู่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +1

    ขี้เกียจกลับไปค้นว่าคุณพูดหรือไม่
    ส่วน สักกายะ กับมานะ ผมว่าคุณเองควรกลับไปเรียนรู้ให้มาก
    จะได้ไม่พูดธรรมประดุจว่าว่า โสดาบัน นั้นวิเศษนัก
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ตามสะบายเถิดครับ หากพอใจที่ ขี้เกียจ ก็ไม่ต้องค้น

    โสดาบัน นั้นวิเศษหรือไม่วิเศษ ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ

    แต่ก็ใช่ว่า อยากจะเป็น ก็กำหนดขั้นตอนเป็นเอาง่ายๆ มั่วๆ
    มันก็ไม่ควร ว่าไหม
     
  6. คน 1 กำลังดูอยู่

    คน 1 กำลังดูอยู่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +1
    แน่นอนครับ
    พวกไม่มั่วมีมาก เขาย่อมศึกษาต่อ เขาแค่ไม่อยากมายุ่งเท่านั้น

    ธรรมนั้น สมควรมีไว้ช่วยตน ไม่ควรยกข่มใคร จึงจะข่วยทั้งตนและเผื่อแผ่ไปยังคนอื่นได้
    ความดีนั้น สมควรมีไว้ช่วยคนอื่น ไม่ควรมีเฉพาะตน แล้วไม่ช่วยใคร สังคมจะอยู่ไม่ได้

    ขอตัวก่อน มีงานนะครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตามสบายครับ
     
  8. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อนุโมทนาค่ะ

    ขอบคุณทุกคนที่ได้คุยกัน เข้าใจแล้วว่า ไม่มีประโยชน์

    แต่ขอกล่าวหน่อยหนึ่งว่า คน ๆ หนึ่ง คิดว่าจะมีกัลยาณมิตร ที่จริงใจจริง ๆ ไว้ใจจึงบอกตามความรู้สึกต่าง ๆ คนอื่นเขาก็ตีความอีกด้านทันที และไม่รู้เท่าทันคนอื่น ว่าโลกตรงนี้เป็นอย่างไร คิดดูว่าเขาจะเสียใจหรือไม่ (หรือไม่คิดก็ไม่เป็นไร อ่านแล้วก็ผ่าน ๆ ไป)

    ข้อความสีแดงข้างบน บอกความรู้สึกได้หมดแล้ว ทื่แว๊ดเห็นที่นี่ ว่าเป็นอย่างไร และขอยุติการเสวนา ณ ตรงนี้ ขออโหสิกรรมกับทุกรูปทุกนาม

    ไม่เข้ามาคุยด้วยอีกแล้วค่ะ

    ขอบคุณ
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ใช่ครับถ้าการเห็นต้องใช้กำลังมาก เมื่อมันยังเห็นไม่พอ ก็สะสมกำลังกันไป ก็ในเมื่อกรรมฐานมีตั้งเยอะแยะ ก็เลือกมาช่วยก็ดี

    กิเลสโกรธ เกิดจากอยากแล้วไม่ได้ ส่วนอยากมันยังเกิดจากความพอใจ เพลินเพลิน

    ไอ้ความเพลิดเพลิน ความชอบใจนี่สิ ของยาก

    ขึ้นชื่อว่าเกิด ทุกข์ ทั้งนั้น ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2008
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ่าว... ไปซะแระ ขออโหสิกรรม เช่นกันค่ะ
    ชอบใจ ขัดใจ ไม่พอใจ ล้วนเกิดจาก ความรัก ความหวงแหน ในตัวตน
    ความยึดมั่น ใน ทิฏฐิ ความเห็น อัตตาตัวตน ถ้าเห็นได้ ก็เป็นกุศล ของตนเอง

    จะรู้อื่น หมื่นแสน ทั่วแดน ในโลก ไหนๆ
    ก็ไม่สู้ รู้กายใจ กิเลส ในตัวตน
    รู้ทันจิตตน ย่อมมีโอกาสจะหลุดพ้น
    วังวน สังสารวัฏ ที่มัดเราไว้
    ด้วยตัวตนผูกมัดตัวเราเอง
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อนุโมทนา สาธุ เจ้าค่ะ

    อยากแล้ว ไม่สมอยาก ก็เป็นทุกข์ (ชั่วคราว)
    อยากแล้ว สมอยาก ก็เป็นสุข (ชั่วคราว)
     
  12. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ผมได้ขอสรุปแล้วครับ
    สรุปว่า เช่นนั้นเอง...

    เราไปหมายมั่นมันไปเองว่าต้องอย่างนั้น อย่างนี้
    รู้เฉยๆ หรือว่า ทวนไปด้วย
    มันก็บัญญัติขึ้นมา
    เราจะต้องไปอะไรกับมันล่ะ
    ที่คุยกันมาทั้งหมด กิเลสทั้งนั้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2008
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อะไรก็ตามที่ ส่งใจไปรับรู้ที่อื่น เช่น รับรู้ว่าคนอื่นเขาพูดอย่างนั้น แล้วเรามารู้สึกหรือเข้าใจไปว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการส่งจิตออกนอกทั้งสิ้น ไม่ได้ออกด้วยธรรม เพราะไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น

    คนนี้เข้าถึง คนนั้้นเข้าไม่ถึง คนนี้พูดจาวกวน คนโน้นพูดจาดี คนนี้พูดมีธรรม แบบนี้เป็นการส่งจิตออกนอกทั้งสิ้น

    ทีนี้ การไม่ส่งจิตออกนอกคือ การเห็นธรรมขึ้นในความนั้นๆ ที่คนเขียนเขาเขียน นี่ธรรมปรากฎในใจเราเอง ก็ไม่ได้มีการส่งจิตไปที่อื่น

    เมื่อเราส่งจิตออกนอกบ่อยๆ ไปเรียกว่า เป็นนิสัย เป็นอกุศลจิตที่ดองไว้ ก็ต้องถามตัวเองว่า เราดีแค่ไหน ที่จะไปวิจารณ์ว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้น คำพูดคนนี้ไม่ดีอย่างนี้ ตัวเราเองไม่เคยพูดอะไรที่เป็นธรรมที่ออกจากใจ แล้วจะไปมองคนอื่นทำไม

    ดูว่ามีข้อธรรมหรือไม่ในคำพูดคนอื่น ส่วนเรื่องความรู้สึกของเราที่ไปกระทบว่าเขาดีไม่ดี ให้ละทิ้ง เอาแต่ข้อธรรม แต่เราไม่เป็นอย่างนั้น เราไปรู้สึกไปเอาอวิชชา มากกว่าไปเอาข้อธรรม มันก็จะหลงเอาแต่อวิชชาเรื่อยไป

    ไม่ใช่ปากก็บอกว่า เช่นนั้นเอง แต่ไม่รู้จักเช่นนั้นเองที่แท้จริง ถ้าเช่นนั้นเองก็ต้องเช่นนั้นเองกับ กิเลส ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นไม่เอาถ่านเพราะอะไรๆ ก็ไม่เอา เราต้องเอาธรรม และ ตถตากับสิ่งที่เราเห็นว่าไม่ดี เพราะอะไรที่เราคิดว่าไม่ดีมันเกิดจากกิเลสของเราเองนั้นแหละ

    ถ้าธรรมแล้วจะมีแต่บอกว่า แบบนี้ถูกต้อง แบบนี้ยังไม่ถูก แบบนี้ถูกในระดับหนึ่ง แบบนี้ผิดในระดับหนึ่ง คือรู้ตามความเป็นจริงไป เป็นระดับ
    ฝากเอาไว้ให้พิจารณา
     
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อนุโมทนา ^-^
     
  15. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    ขอโมทนาครับ ผมขออ่านอย่างเดียวโดยไม่แสดงความเห็นนะครับ
    เพราะเกรงว่าผมจะไปปรามาสใครเข้าโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมแค่ฝึกให้
    มีสติทุกลมหายใจก็ยังไม่ดีพอเลย หากผมสามารถมองทุกสิ่งด้วยใจ
    ที่บริสุทธิ์มากกว่านี้ หวังว่าผมจะมีโอกาสได้พิจารณาธรรมของทุกท่าน
    อย่างละเอียดอีกครั้ง ขอบคุณครับ
     
  16. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอบคุณครับที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
    ทำให้ผมได้เถียงธรรมกับท่านนิวรณ์
    ทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้น
    ขอบคุณครับ...qsqu
     

แชร์หน้านี้

Loading...