เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ขอบคุณครับ

คุณหมอบอกผมได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ต้องทานลูกยอบ่อยๆ ถึงจะขยัน...

ผมเล่าได้ไม่เหมือนกับคุณพนมเทียนดอกครับ เพราะต้นทุนผมไม่มี ผมหมายถึงการผจญภัย

คณะของผมไม่มีอาจารย์เสพกามเหมือนของคุณพนมเทียน
ผู้นำคณะก็พี่นิ่ม ไม่ได้หวังจะตัดเอาไปขายมากไปกว่านำไปทำพระเครื่องถวายวัดฯ กับคุ้มครองผู้ใช้งาน ต่างจากคุณหมอในเรื่องที่เขียน

การผจญภัย การแย่งชิง การเล่นละคร ฯลฯ เลยไม่มีให้เขียน
ความลับก็ไม่มี อยากรู้อะไรก็ถามๆกัน ไม่ปิดบังกันเลย แต่ก็ใช่ว่าในคณะที่ไปตัดเหล็กในชุดของผม จะมีจิตใจขาวสะอาดกันทุกคน อย่างน้อยผมก็เห็นสภาพจิตของตัวเองตอนอยู่ในถ้ำ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้ตัวผมเองยังแขยงตัวเองเลยครับ หลังเหตุการณ์

ความโลภเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่เมื่อเราอยู่ในสภาวะของโมหะหรือโลภะครอบงำ เราไม่รู้สึกตัว ยิ่งฝึกมาไม่ดี จะไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ความน่ารังเกียจเหล่านั้นเลย...

....................


ผมเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ ที่อยุธยา มาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมบวชอยู่ที่อ่างทอง พระลูกวัดด้วยกันเล่าให้ฟังถึงคุณวิเศษในตัวท่าน แต่ผมอ่านหนังสือของคุณพนมเทียนมาก่อน เลยเฉยๆ

2543 ก่อนจตุคามจะดังเปรี้ยงปร้าง หลวงพ่อหวล ขึ้นชื่อเรื่องตัดเหล็กไหลอยู่เหมือนกัน แต่ก็พร้อมๆกันกับที่ผมได้รู้มาว่า มีการซื้อขายสูตรการหุงเหล็กไหล

เป็นการหุงเพื่อหลอกลวงจากคณะมิจฉาชีพ โดยการเสนอขายสูตรที่ราคา 2แสนบาท

ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้ และแยกไม่ออกถึงความแตกต่างระหว่างแร่เหล็กไหล กับแร่ที่ไม่ใช่เหล็กไหล ....เป็นคุณจะแยกอย่างไร เพราะดูด้วยตาเปล่าแล้วมันไม่แตกต่างกันเลย

ถ้าจะให้เหมือนกับคุณพนมเทียนเขียน คุณต้องมีเงินเป็นล้านหรือสิบล้านถึงเป็นเจ้าของได้ แต่ของหลวงพ่อหวล ท่านฯจำหน่ายในราคาย่อมเยาว์

แต่ราคาย่อมเยาว์ก็อีกแหละ... ขนาดเสธหน่อง ยังกระซิบบอกผมเองเลย ว่าต้องรับกับมือ อ้าว.....

ถ้าเรารับกับมือท่านฯ เราก็วางใจได้ แต่คนอื่นที่มารับกับมือเรา เค้าจะวางใจได้อย่างไร....

ลืมบอก ของหลวงพ่อหวล ท่านฯก็ใช้วิธีหุงขึ้นหุ่นเหมือนกันครับ จะให้เป็นรูปองค์พระฯหรือสัณฐาน ก็ทำได้ตอนนั้นเลย

*** ผมไม่เคยบอกว่า เหล็กไหลที่ไหนเป็นของจริงหรือของปลอมนะครับ เพราะผมแยกไม่ออก และไม่มีวิธีการแยกด้วย ดังนั้น โปรดฟังเอาเพลินเพียงอย่างเดียว เชื่อถือผมไม่ได้(ทุกเรื่อง)

...................

เคยได้ยินชื่อ พระอาจารย์ยิ้มไหม? (ช่วงเวลาเกิดเหตุใกล้ๆกัน)
ไม่ใช่อาจารย์ผมนะ แต่เนื่องจากเป็นพระอายุน้อย และบวชได้ไม่นาน เลยลงโฆษณาเป็นพระอาจารย์ฯประมาณนั้น

นี่ก็ใช้วิธีตัดเหล็กไหลแบบหุงเหมือนกัน มีรูปทรงสัณฐานเหมือนในหนังสือ มีหลายขนาดหลายราคา ผ่านการควบคุมคุณภาพ แต่ไม่ผ่าน มอก.

ลงขายในหนังสือนะโมทุกฉบับ เรียกแขกได้ดีกว่า ผอ.สอรส ซะอีก
มีภาคประสพการณ์เยอะแยะ รวมทั้งประสพการณ์ของน้าชายผมด้วย

น้าชายผมชวนไปกราบ อ.ยิ้ม เห็นว่าผมชอบทางนี้
ผมนะชอบทางนี้ แต่ผมมีเซ็กส์เซ็นต์ เห็นหน้าแล้วไปกราบไม่ลง ขอบาย

น้าชายไปกราบทั้งที ต้องเอาให้คุ้ม ฝังเหล็กไหลที่ท้องแขนด้วย จ่ายไปกี่บาทไม่รู้ เช่าหามาอีกต่างหาก

กลับมาบ้านก็ชื้อหวยตามปรกติ งวดนั้นถูกได้มาหลายหมื่น...ศรัทธาเกิด!
ต้องย้อนกลับไปทำบุญ โดนทางวัดฯถ่ายรูปของบันทึกเป็นประสพการณ์ ยิ้มหน้าบานขึ้นคอลัมภ์หนังสือนะโม... เรียกแขกได้อีก

ไม่นานนัก อ.ยิ้มโดนจับสึก ยอมรับว่าเบิกเนตรผู้ศรัทธาแบบไม่ลืมหูลืมตา
สร้างฐานะตัวเองมากกว่าสร้างประโยชน์ให้ชุมชน

พอขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ดังกว่าตอนลงนะโม น้าชายก็เผ่นไปหาหมอ ขอให้ผ่าออก

หมอผ่าเสร็จก็สงสัย ยอมเจ็บตัวไปฝังมา แล้วทำไมยอมเสียตังค์ผ่าออก แพงกว่าตอนฝังเสียอีก

น้าชายจะยอมรับว่าโดนหลอก ก็เสียเชิง
พูดให้น่าเชื่อ "..ไม่ไหวครับหมอ ผู้หญิงมาติดเยอะเหลือเกิน เอาไม่ไหว..."
หมอตาโต..."งั้น..หมอขอนะ!..."

***อย่าคิดว่าเรียนมาสูง ไอคิวดีๆ แล้วจะรอด!

..................

ได้ยินมาว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อน คุณยิ้มยังอยู่ในแวดวงพระเครื่อง (ทำการตลาดฯ)
และอาจจะไม่ใช่แมนฯ 100เปอร์เซ็นต์อีกด้วย

 

เกาะคริสต์มาส, มหาสมุทรอินเดีย



เรื่องเล่า : เล่ห์เหลี่ยมการรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒



ตอน : กองบินผีโจมตีกองเรือญี่ปุ่นฯ


ขอบรรยายภาพก่อนเข้าเรื่อง ภาพบนสุดเป็นภาพแสดงอณาเขตบริเวณใต้เกาะชวาของอินโดนีเซียลงมา ซึ่งเป็นมหาสมุทรอินเดีย และที่ต่ำกว่า

นั้น เป็นเกาะเล็กๆ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Cristmas Island หรือที่คนไทยชอบพูดทับศัพย์ว่า เกาะคริสต์มาสไอแลนด์ เป็นเกาะที่อยู่

ใต้เกาะชวาลงไปประมาณ 500 กิโลเมตร หรือประมาณ 300 ไมล์ทะเล ถ้าใครชอบดูสารคดีคงเคยผ่านตาเกี่ยวกับเกาะนี้บ่อยๆ เช่นรายการ

ท่องโลกกว้าง จะเคยเสนอเรื่องการอพยพของปูแดง เพราะปูพวกนี้มีสีแดง เมื่อถึงเวลานั้น เกาะทั้งเกาะจะมีสีแดง ลองเปิด Google ดูประกอบ

จะพบความประทับใจ..................................

ส่วนภาพต่ำลงมาจะเป็นบริเวณของเกาะชวา ส่วนที่เป็นทะเลด้านใต้ของเกาะชวา เคยเป็นที่กองเรือรบของญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางสำหรับนำกอง

เรือรบผ่านไปทางตะวันตก เพราะเป็นทะเลที่กว้างและคาดว่าจะเดินทางสะดวก โดยทำการสำรวจไว้แล้ว และอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่าย

ญี่ปุ่นหมดแล้ว เหตุที่เลือกเส้นทางนี้ก็เพราะหลีกเลี่ยงที่จะใช้เดินทางผ่านช่องแคบมะละกา เพราะช่องแคบมะละกาเสี่ยงจากการโจมตีของฝ่าย

พันธมิตร(คนละพวกกับฝ่ายเสื้อเหลือง) ช่องแคบมะละกาชื่อมันแคบแต่ความจริงไม่แคบ หรือถ้าจะมีความแคบก็เฉพาะบริเวณหน้าสิงคโปร์เท่า

นั้น แต่ในช่วงสงครามช่องแคบนี้ญี่ปุ่นยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้นการที่จะเอากองเรือออกไปทางตะวันตกจะเป็นพม่า

หรือ อินเดีย ญี่ปุ่นจึงไม่เสี่ยงที่จะผ่านช่องแคบมะละกา................

ส่วนภาพที่ต่ำลงมาเป็นอันดับ 3 คือช่องแคบมะละกา ก็เป็นช่องระหว่างพื้นที่ของประเทศอินโดนีเซียกับประเทศสิงค์โปร์ และระหว่างประเทศ

อินโดนีเซียกับประเทศมาเลเซีย ช่องแคบนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แคบ แต่ถ้าเป็นสงครามก็ถือว่าแคบในระดับหนึ่ง ถ้าพากองเรือรบผ่านก็เสี่ยงที่จะ

ถูกโจทตีโดยกำลังทางอากาศ โดยฝ่ายพันธมิตรมีโอกาสที่จะส่งเครื่องบินขึ้นจากสนามบินไหนก็ได้.........................

เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมีแผนการที่จะเคลื่อนแสนยานุภาพกองเรืออันเกรียงไกร จากทางด้านตะวันออกสู่ตะวันตกเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียฯ ได้ทำการ

สำรวจตรวจสอบข้อมูลต่างๆ รวมทั้งประเมินการกองกำลังของฝ่ายพันธมิตรแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินทางโดยไม่ผ่านช่องแคบมะละกา แต่จะเดิน

ทางผ่านไปทางด้านใต้ของประเทศอินโดนีเซีย ผ่านทางด้านใต้ของเกาะชวา อันเป็นที่ตั้งเมืองหลวง"จาการ์ตา"ของอินโดนีเซีย เนื่องจากมั่นใจ

ว่าไม่มีกองกำลังของฝ่ายพันธมิตรที่จะเข้าโจมตีทางอากาศ เพราะได้ยึดครองทางภาคพื้นดินในส่วนนี้ไว้หมดแล้ว เมื่อกองเรือเคลื่อนขบวนผ่าน

หมู่เกาะต่างๆ ทั้งของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียในตอนต้นทางไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อกองเรือผ่านเข้าสู่ทางด้านใต้เกาะชวาเข้าเท่านั้นเอง ก็

ปรากฏว่ากองเรือญี่ปุ่นได้ถูกโจมตีทางอากาศจากฝูงบินของฝ่ายพันธมิตรอย่างไม่อาจที่จะลืมหูลืมตาได้ เหมือนเป็นฝูงบินของกองทัพผี หรือฝูง

บินผีก็ไม่ทราบได้ เพราะตรวสอบอย่างไรก็ไม่พบว่ามีเครื่องบินหรือสนามบินไหนส่งเครื่องบินมาโจมตีกองเรือของญี่ปุ่นเลย และก็ไม่มีเรือ

บรรทุกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรอยู่ในบริเวณหรือระยะที่จะทำการได้ สร้างความงุนงงและสงสัยให้กับกองทัพของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ไม่มีคำ

ตอบในทฤษฎีใดๆ มาเฉลยได้ว่า กองบินที่เข้าโจมตีกองเรือญี่ปุ่นมาจากไหน? ครั้งนี้กองเรือรบญี่ปุ่นสูญเสียเป็นอย่างมาก และจนแล้วจนรอดก็

ไม่มีคำอธิบาย.........................


เกาะคริสต์มาส,ออสเตรเลีย

ภายหลังจึงมีคำเฉลยออกมาว่า ฝ่ายพันธมิตรรู้เรื่องแผนที่เดินเรือของญี่ปุ่นที่ใช้อยู่เป็นอย่างดี เรียกง่ายๆ ว่ารู้ความลับในระดับหนึ่ง จึงทำแผนที่

ขึ้นมาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น แล้วส่งไปใช้ตามรือต่างๆ ที่วางแผนจะให้ญี่ปุ่นเข้าตรวจจับ และจะได้เอาแผนที่ของเรือที่ถูกจับเอาไปด้วย ซึ่งเรือเหล่า

นั้นจะเป็นทั้งเรือประมง และเรือสินค้า ปรากฏว่าได้ผลปลางับเหยื่อ ญี่ปุ่นได้แผนที่ไปจริงๆ สำรวจตรวสอบแล้วเชื่อถือได้ มีของเก่านำมาเปรียบ

เทียบ สังเกตรูปแรก ที่เป็นเกาะคริสต์มาส เราจะเห็นแต่ตัวหนังสือไม่เห็นเกาะฯ เพราะเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วนของแผนที่ และ

ทางฝ่ายพันธมิตรก็รู้ว่าแผนที่ของญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ ไม่มีตำแหน่งหรือเกาะคริสต์มาสอยู่ในแผนที่ จึงอาศัยช่องว่างตรงนี้มาทำกลลวง โดยทำแผนที่

ขึ้นมาใหม่แบบว่าทันสมัยและถูกต้อง โดยคงยังไม่ใส่เกาะคริสต์มาสคือปล่อยว่างไว้อย่างเดิม พร้อมทั้งทำการสร้างสนามบินบนเกาะคริสต์มาส

สำหรับให้เครื่องบินฝ่ายพันธมิตรเตรียมเอาไว้ต้อนรับกองเรือญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อทางญี่ปุ่นเชื่อแผนที่ดังกล่าว ว่าเป็นแผนที่ซึ่งเป็นการสำรวจอย่าง

ทันสมัยจึงนำมาใช้(ถึงไม่นำมาใช้ก็ไม่เป็นไร เพราะแผนที่เดิมก็ใช้ได้ แต่เกิดความมั่นใจมากกว่าเดิมว่า ไม่มีอะไรใหม่!!!) จึงเป็นเหตุให้ถูก

โจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว เสียหายยับเยิน ถ้าหลอกมากกว่านี้ก็คงไม่ได้ผล ต้องหลอกแบบพอดีๆๆ เจ็บนี้อีกนาน..............

ขอขอบคุณครูบาอาจารย์...ที่ได้เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือนาวิกศาสตร์ ปีไหนผมก็จำไม่ได้ แต่เกิน 30 ปี และอาจารย์ที่เขียนชื่ออะไรผมก็

จำไม่ได้ แต่ขอให้อาจารย์ทราบว่าผมนำมาหากินด้วยการเล่า ในทุกๆ ครั้งที่ผมไปทำงานที่เกาะนี้ ที่เกาะนี้ไม่ใหญ่ไปกว่าเกาะล้าน นอกจากจะมี

ปูแดงที่โด่งดังไปทั่วโลกแล้วก็มีประชากรนกอีกที่สร้างชื่อฯ ที่สำคัญคือมีแร่ธาตุ POTASSIUM เป็นจำนวนมาก เรียกว่าเกาะนี้ขุดดินขุดภูเขา

ขาย มีภูเขาขนาดใหญ่ชื่อว่า POTASS HILL โปแตท เป็นส่วผสมของปุ๋ย คือ ส่วนผสมของปุ๋ยประกอบด้วย ไนเตรท,โปแตท,และฟอสเฟต ใน

ยุคหนึ่งผมจะเดินเรือเอาสินค้าจากไทยไปส่งญี่ปุ่น แล้วเดินทางไปรับ Phosphate จากรัสเซียเอามาส่งที่ มาเลเซีย และเดินทางผ่านช่องแคบ

ซุนดรา ไปเกาะคริสต์มาสเพื่อรับ Potassium กลับมาส่งที่มาเลเซีย จึงทำให้รู้จักเกาะนี้พอสมควร..............

ก็หนีผีมาหาสงคราม...หวังว่าคงแก้เหงาได้บ้าง คงต้องมีการรอกันบ้าง เพราะเขียนไปมีธุระไป ก็ต้องทิ้งการเขียนไปทำงานนอกบ้าน กลับมาก็

เขียนต่อ ขอขอบคุณที่มีคนกด Like มาให้ตั้งแต่เรื่องยังไม่เป็นเรื่อง ผมเขียนย่อไปมากเพราะอยากจบเร็ว จะได้ไม่รบกวนหน้ากระทู้มากนัก ขอ

ขอบคุณครับ...สวัสดีครับ

ปล.เกาะคริสต์มาสไม่ใช่เกาะที่ค้นพบหรือพบใหม่ มีประวัติว่าพบราวๆ ปี ค.ศ. 1643 ก่อนเรื่องนี้ประมาณ 300 ปี แต่ไม่ปรากฏในแผนที่

ของชาวเอเซีย อาจจะไม่มีความสำคัญพอในสมัยก่อน หรืออย่างไรผมก็ไม่ทราบ

 

ลำดับที่ 54 รับสิทธิ์จองพระปิดตาปั้น(จตุพิธพรชัย) องค์ละ 500 บาท 1 องค์ และ 800 บาท 1 องค์ ครับ

 

ลำดับที่ 12 โอนเรียบร้อยแล้วครับ

 

ลำดับที่ 51 ขอยืนยันสิทธิ์จองพระปิดตาปั้น(จตุพิธพรชัย) องค์ละ 500 บาท 1 องค์และ 800 บาทอีก 1 องค์ และขอแจ้งการโอนเงินจำนวน 1400.51 บาท วันที่ 25/02/57 เวลา 15.00 น. ขอบคุณพี่ทิพย์และขออนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยครับ

 

ลำดับที่ ๙ (ไม่แน่ใจเห็นมีหลายคน) โอนให้แล้ว ตามรายละเอียด
........................................
เวลาที่สั่งทำรายการ : 25/02/2014 18:27
วันที่ทำการโอนเงิน : 25/2/2014
หมายเลขอ้างอิง : 25021457402014225
บัญชีที่โอน : นาย.... A/C No. : 3...
บัญชีผู้รับโอน : KBNK: MR. MANCHAI PENGJAMSRI A/C No. : 6042XXXXX2
จำนวนเงินที่โอน : THB 1,360.06
ค่าธรรมเนียม : THB 25.00
...................................
โมทนาและตรวจสอบดูครับ

 

คุณพ่อประดู่ฯ เล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่สอง

ยุคนั้นราชวีของญี่ปุ่นยิ่งใหญ่มาก ประกาศศักดาด้วยการจมกองเรือของจีน ของรัชเซีย
จมเรือPrince of Wales (ผู้ถล่ม Bismarck) อันเป็นความภาคภูมิใจของราชนาวีอังกฤษ

แม้ญี่ปุ่นมีกำลังผลิตเพียง 10เปอร์เซ็นต์ของอเมริกา ก็ยังกล้าที่จะแหย่หนวดเสือ ในวันเดียวกับที่ยกพลขึ้นบกที่ประจวบ

ญี่ปุ่นมีวิวัฒกรรมทางทหารที่น่าทึ่งหลายอย่าง ตั้งแต่เครื่องบินซีโร่(เครื่องบินโจมตีที่เบาที่สุด) จนมาถึงเรือดำน้ำ(ที่ใหญ่ที่สุด)ที่บรรทุกเครื่องบินโจมตีได้ถึง3ลำ

ญี่ปุ่นมีเรื่องน่าแปลกใจเยอะ แต่ผมสงสารนายพลคนเก่งอย่าง นายพลยามาโมโต มากที่สุด

เพราะเก่งพอที่จะประเมินสถานการณ์ผลดีผลเสียของสงครามได้ แต่ไม่ได้รับความสนใจพอที่จะระงับสงครามที่จะสร้างความสูญเสีย

เป็นนายพลไม่กี่คนที่คัดค้านการเปิดสงครามแล้วไม่โดนลอบสังหาร
เป็นนายพลที่ได้รับการอารักขา(จับตา) จากกองทัพบก

การเมืองของญี่ปุ่นยุคนั้นน่ากลัว มีการสร้างกระแสคลั่งจักรวรรดินิยม
ใครต่อต้านหรือไม่เห็นด้วย ก็โดนอุ้มไปเฉยๆ
ประเทศไทยจับเด็กนักเรียนไถหัวจนเกรียน ก็เลียนแบบญี่ปุ่น (ขอบคุณท่านผู้นำ)

นายพลยามาโมโต เป็นตัวอย่างของคนที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่สามารถใช้ความยิ่งใหญ่สร้างความสุขหรือกระทำการเพื่อความสุขของตัวเองได้ และจบชีวิตห่างบ้าน

สู้อยู่อย่างเรียบง่าย แล้วใช้ชีวิตให้กับคนที่รัก น่าจะเป็นสุขกว่า

 

สวัสดีครับพี่หนุ่มทิพย์และพี่ๆทุกท่าน

วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบุญพระปิดตาปั้นเรียบร้อยแล้วครับ จำนวน 1,000 บาท

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยครับผม

 

สวัสดีครับ

โอนผ่านมือถือ....อย่างเท่ห์

โมทนาและขอขอบคุณครับ ส่วนที่โอนมาเกิน ผมขอเลยนะครับ

............

เดือนหน้านี้ จะนิมนต์พระอาจารย์พิจารณ์มาฉันเพลที่บ้าน น่าจะตรงกับวันพุธ แต่พุธไหนจะนัดอีกที ใครสะดวกก็ขอเชิญครับ

 

อาจารย์มาวันไหนบอกด้วย จะไปด้วย

 

พระปิดตาจตุพิธพรชัย(ปิดตาปั้น)
สมทบทุนจัดสร้างที่พักสามเณรฤดูร้อน
วางศิลาฤกษ์ วันที่ 16 เมษายน 2557



ตรวจสอบรายชื่อกรรมการกิตติมศักดิ์ ที่ข้อความที่ #10094

(คุณไชยรอผมสัปดาห์นี้นะครับ จะจัดส่งให้ครบ เว้นพระปิดตาปั้น/และก็ยังไม่ว่างซักที ขออภัย)

โปรดตรวจสอบความถูกต้องและทักท้วงได้ทันทีครับ

 

มาวันพุธที่5 มีนาคม ศกนี้ครับ
น่าจะถึงประมาณ 10.30 น.

 

วันนี้นิมนต์พระอาจารย์พิจารณ์มาฉันเพลที่บ้าน วันพุธที่5
ถ้าใครสะดวกจะแวะเข้ามากราบเยี่ยมก็ยินดี

ได้คุยกับท่านฯเรื่องเหล็กไหลต่อ เพราะช่วงนี้มีคนมาขอดูที่วัดฯอยู่ตลอด
ความว่า เหล็กไหลดำที่ได้มา น่าจะเป็นรังเหล็กไหล เพราะมีลักษณะคล้ายแร่ และเปราะ

แต่ถึงอย่างนั้น แร่ชนิดเดียวกันนี้ อ.ไข่ เคยได้สะสมมาประมาณ100กิโลกรัม แล้วนำไปจ้างทำการบดละเอียดเพื่อใช้ผสมทำพระเครื่อง ก็ปรากฏว่า มีอยู่ก้อนหนึ่ง ไม่แหลกละเอียดไปด้วย กลับคงสภาพกลมสมบูรณ์อยู่

เมื่อลองนำไปบดใหม่ด้วยสากจนแบนแล้ว ไม่นานก็คืนตัวกลับมากลมดังเดิมได้
สันนิฐานกันว่า เหล็กฯที่พบนั้น น่าจะเป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่หลงอยู่ในรัง

................

วันไหว้ครูของพระอาจารย์พิจารณ์ ตรงกับวันที่ 27 เมษายน ศกนี้
ท่านฯจะทำพระเครื่องเนื้อแร่เหล็กไหล 1,000 องค์ จำหน่ายและแจกในงานอย่างละครึ่ง

ใครอยากได้ฟรี ก็รีบมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ในวันดังกล่าว
วันนั้นจะได้เจอพระอาจารย์พิจารณ์ และหนุ่มทิพย์ตัวเป็นๆ

พระเครื่องชุดดังกล่าว ผมกราบเรียนท่านฯแล้ว ให้เร่งทำ ผมจะนำเข้าพิธีฯใหญ่ที่ผมกับพี่นิ่มเตรียมไว้ด้วย

หลังกราบเป็นศิษย์กันแล้ว ก็เรียนท่านฯด้วย ว่ายามท่านฯเดือดร้อน ให้นึกถึงศิษย์คนแรก (ย้ำด้วยว่าคนแรกๆ ก่อนถึงเรา) เพราะยามที่เราเดือดร้อน เราจะนึกถึงอาจารย์คนแรกเหมือนกัน

...ถ้าโดนถีบกลับมา แปลว่า "เจิม..."

 

ขอบคุณครับ

 

โอนเงินร่วมบุญเรียบร้อยครับ
เป็นค่า พระปิดตา 3 องค์ 500 +(800*2)= 2100 บาท
ค่าปู่ฤๅษี 1 องค์ 900 บาท + ค่าจัดส่งครับ

ที่อยู่เเจ้งทาง PM นะครับ ขอบคุณครับ
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

 

สวัสดีครับพี่ทิพย์
แจ้งการโอนเงินลำดับที่ 77 จำนวน 2499.99 บาท
ส่วนเกินขอร่วมโมทนาบุญกับพี่ทิพย์ครับ
ขอบคุณครับ.

 

ช่วงนี้ใช้กรรมสะเดาะเคราะห์อยู่

เดี๋ยวว่างจะเข้ามาเขียนข่าวโม้.....

..................


อ่านข่าว เจอคนเก่งสองคนท้าเจรจากันอยู่

แต่สำนักข่าวเขียนไม่เหมือนกัน

ฉบับหนึ่งเขียน... ท้าเจรจาสองต่อสอง
อีกสำนักฯ.... ท้าเจรจาตัวต่อตัว

ตัวต่อตัว กับ สองต่อสอง มันเหมือนหรือต่างกันไหม?
.

 

ช่วงนี้มีเหตุให้ต้องเสียตังค์ทำ/ซ่อม พันธุ ซึ่งผมแปลไม่เก่ง เลยแปลว่า ถ้าไม่ซ่อมบ้าน ก็ต้องซ่อมรถ
เรื่องอะไรจะรอให้เกิดอุบัติเหตุแล้วค่อยเสียตังค์ซ่อม ชิงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ต่อประกัน เปลี่ยนยาง เปลี่ยนอะไหล่ซะก่อนดีกว่า
เสียตังค์แล้วจะได้สบายใจ อย่างน้อย ยานพาหนะจะได้อยู่ในสภาพปลอดภัย

เมื่อคืนทบทวนกับพระอาจารย์พิจารณ์ ว่าติดค้างจารตะกรุดให้เพื่อนสมาชิกอยู่
เมื่อแรกว่าจะจารยันต์โสฬสให้ แต่แผ่นตะกั่วมันเล็กไปหน่อย จะใช้ยันต์ตัวอื่นแทน
ดัดแปลงจารหลังด้วยยันต์ที่พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชยใช้ประจำ คือยันต์กันเสื่อม

จารเสร็จแล้วจะนำเข้าพิธีฯ แล้วเอามาแจกเพื่อนสมาชิกตามที่รับปาก
จบภารกิจนี้ จะขอเคลียร์กับพี่นิ่มซะหน่อย ขอพักบ้าง

.......................

เมื่อคืนได้คุยกับพระอาจารย์ฯ เรื่องทำพระกริ่งคลองตะเคียน
เราต้องใช้ดินขุยปู มานวดกับน้ำข้่าว จะผสมผงวิเศษก็ตอนนี้แหละ
เมื่อเนื้อดินได้ที่แล้ว ก็จะนำมาขึ้นพิมพ์เป็นองค์พระฯ จากนั้นคว้านเนื้อให้กลวง
นำเม็ดเหล็กไหลมาหุ้มด้วยนุ่นแล้วอัดลงไปในองค์พระฯให้แน่น จากนั้นปิดด้วยดินเนื้อเดียวกัน
ในขั้นตอนนี้ทั้งหมด จะต้องจารยันต์ในขณะที่เนื้อพระฯยังไม่แห้งด้วย
แล้วเสร็จก็เข้าเตาเผาเตาอบ ถ้าอบได้ดีก็จบ ถ้าอบแล้วเนื้อไม่ดำ ก็ใช้เขม่าหม้อดินมาทาองค์พระฯ
ความร้อนระหว่างการเผา จะทำให้นุ่นที่อยู่ในองค์พระฯไหม้ เกิดเป็นสุญญากาศ
ถ้าใครอุตริไปแกะดู จะเกิดปาฏิหารย์เม็ดกริ่งวิ่งออกจากองค์พระฯได้

ดูจากมวลสารและเม็ดเหล็กไหลแล้ว น่าจะพอทำได้ถึง 1,000 องค์

ก็ยุให้ท่านฯเร่งทำ เพราะที่เคยมีการทำครั้งล่าสุดแล้วมีประสพการณ์สูง ก็น่าจะเป็นที่เพชรบุรี
ทำแล้วจำหน่ายหาทุนมาสร้างโรงเรียนได้ง่าย

 

พี่ศนิวาร ช่วยเข้ามาอ่านให้นักเรียนฟังหน่อยครับ

 

เสธ.กือ (พันเอก ธิติกานต์ สุวรรณสกนธ์) เป็นคนเชื่อยาก ต้องพิสูจน์...

นับถือพระอาจารย์พิจารณ์มาก แต่เจอผมทีไร แกทักผมก่อนทุกที ผมต้องระวังตัว เวลาไปวัดผักไห่ ต้องชิงสวัสดีแกก่อน

แกถือว่าผมมารู้จักพระอาจารย์พิจารณ์ก่อน ต้องให้ความนับถือ แต่ผมนับถือคนมีสัมมาคารวะมากกว่า อย่างพี่ไพรัช ผมชงกาแฟให้แกทีไร แกยกมือไหว้ผมทุกที ทั้งที่อายุคราวพ่อ!

เข้าเรื่อง......

เสธฯ ได้ยินพระอาจารย์พิจารณ์ พูดถึงพระสมคิด วัดเนินสาธารณ์บ่อยๆ ก็เลยพาพวกพาน้องเข้าไปกราบเยี่ยม เพราะเป็นคนชอบทางนี้

ไปถึงก็เห็นแขกเหรื่ออยู่กันเต็มไปหมด ก็เลียบๆเคียงๆถาม อยากได้ตะกรุด
ท่านฯก็ว่าไม่เหลือแล้ว มีแต่ที่ยังไม่ม้วนและเป็นแผ่นใหญ่ขนาดบานหน้าต่าง ก็เช่าเอามา แต่อยากได้ตะกรุดด้วย ช่วยจารให้หน่อย

พระอาจารย์สมคิด ก็ติดแขกเหรื่อ จะจารให้ก็ไม่สะดวก ให้เขียนชื่อกับเบอร์โทรฯไว้ที่แผ่นทองแดงละกัน แล้วจะจารให้

เสธ.ฯ ไม่เรื่องมาก เขียนชื่อกับเบอร์โทรฯไว้ที่แผ่นทองแดงเปล่า ฝากไว้ก่อน วันหลังจะกลับเข้ามาเอา

ขับรถมาได้เกือบครึ่งชั่วโมง ก็มีสายเข้า รับสายแล้วถึงได้รู้ว่า อ.สมคิดโทรฯมา ถามว่าอยู่แถวไหน

เสธ.ฯบอกตำแหน่งแล้ว ท่านฯก็ว่าตะกรุดอยู่ที่ศาลาหน้านะ
เสธ.ฯบอกเลยศาลามาแล้วครับ .... "งั้นอยู่เสาไฟฟ้าหน้า..."

เสธ.ฯ จอดรถเสาไฟฟ้าหน้า ลงเดินไปเอาตะกรุดกับลูกน้อง เจอสอดอยู่ในเสาไฟฟ้า
หยิบออกมาดู เห็นมีลายเซ็นต์ตัวเองอยู่ที่ตะกรุด.......

........ เรื่องนี้ผมโม้