ถ้าภัยพิบัติมาถึง

เข้ามหิดลปี ๒๔ เจ้าข้า
แหม วางท่าน่าเกรงขาม นึกว่าแก่กว่าตั้งหลายปี ที่แท้ปีเดียวเอง ฮะโห ฮะโห
สามีบอกว่าผู้ชายสง่าสุดตอน ๔๐ + ท่านพี่จึงมีราศีในชุดเทวดาใช่ไหมคะ

 

ทำไปทำมารู้จักกันที่เตรียมซะแล้วพี่ๆเรา

 

แซวคุณหนั่นหลายหน ไม่เห็นตอบโต้บ้างเลย
ถ้าเกิดเหตุก็อยากเรียกพวก DVI ทั้งชุดนี่แหละมาช่วย แต่เขาก็คงม่วนกับความเสียหายในบ้านเขา หรือไม่ก็ลาโลกไปแล้ว
บ้านเราคงไม่ได้เก็บศพมาห่อผ้าหรอกค่ะ เอาลงหลุมเลย
อ้อ คณะโยธาอย่าลืมแพ็คถุงมือดำกับบู๊ตยาง ตอนเก็บศพมาลงหลุมไง ไม่งั้นจะปล่อยไว้ได้อย่างไร
ดิฉันไม่ได้ dark humor นะคะ อยากให้เข้าใจ อยากให้เห็นภาพ (สำหรับคนไม่มีนิมิต) จะได้เตรียมใจกับความรุนแรงของเหตุที่จะเกิดค่ะ

 

ท่านพี่รีบเอาชุดเทวดาออกเสียแล้ว เขาใช้คำว่าน่าเลื่อมใสหรอกนะ

ไม่ได้แกล้งว่า สามีน่ะตอนนี้เขา ๕๐+ แล้ว เขาบอกว่าตอนหนุ่มๆคิดว่าคนสี่สิบน่ะแก่ เดี๋ยวนี้เขาอยากสี่สิบอีก ชายหนุ่มวัยสี่สิบเขาเรียก prime merchandise ค่ะ

พูดเรื่องจริงก็ไม่เชื่อ ไม่รู้จะว่ายังไงแฮะ

 

มาเชียร์ชายวัยเลยแจ้งวัฒนะผู้สง่างามด้วยจ้า เผื่อจะได้อานิสงส์ ฮิๆ

 

พี่ตั้มมีแฟนคลับเยอะครับผม

 

ตำราทำเนื้อเจอร์กี้

ฝรั่งมีตำราทำเนื้อตากแห้ง กินได้เลยไม่ต้องทอด เรียก เนื้อเจอร์กี้ (เจอร์กี้แปลว่าตึ๋งหนืด)
เอาตำรามาฝาก ลองทำดูเผื่อใช้ได้ ตัวเองจะลองสัปดาห์หน้าค่ะ

เครื่องปรุง
เนื้อไม่ติดมัน ๘ ขีด
ซีอิ้วขาว ๑/๔ ถ้วยเปียก
ซ็อสไก่งวง ๑ ช้อนชา
ผงหอมใหญ่ ๑/๒ ช้อนชา
พริกไทยป่น, ผงกระเทียม อย่างละ ๑/๔ ช้อนชา
ซีอิ้วดำ /๑๔ ช้อนชา
น้ำมันพืช

วิธีทำ
เอาเนื้อใส่ช่องแข็งจนแข็งตัวแต่ไม่ใช่แข็งโป๊ก หั่นเป็นชิ้นหนา ๑/๘ หรือ ๑/๔ นิ้ว เอาส่วนผสมที่เหลือเว้นน้ำมันพืชผสมในชามมีฝาปิดให้เข้ากัน เอาเนื้อใส่ชาม ผสมจนเนื้อแต่ละชิ้นเปียกทุกส่วน ปิดฝาใส่ตู้เย็นอย่างน้อย หก ชั่วโมง คนเป็นระยะทุก ๒ ชั่วโมง<o></o>
เอาน้ำมันพืชทาตะแกรงโปร่ง วางตะแกรงบนถาดมีขอบ เอาชิ้นเนื้อมาเขย่าให้น้ำหมักหยดออกหมด วางเนื้อใกล้กันบนตะแกรง ตั้งเตาอบไฟอ่อนๆ ที่ ๑๐๐-๑๒๕ องศาเซลเซียส อบ ๔-๖ ชม.จนเนื้อปริแต่ไม่หักเมื่อบิออกหลังจากทิ้งให้เย็น ๕ นาที เนื้อจะเป็นสีน้ำตาลเข้มและมีลักษณะเหมือนเนื้อเค็มย่างอีสาน

ได้เนื้อเจอร์กี้ ๔ ขีดค่ะ บริโภคได้เลยไม่ต้องทอดนะคะ
จาก About.com Home cooking

 

สงสัยผมจะหิวเนื้อเจอกี้ของเจ๊ สุธาทิพย์ จนลงแดงตาย ก่อนเจอภัยพิบัติ ล่ะ ครับ........อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่ได้กินมา 10 ปี เพิ่งรู้สูตรวันนี้เอง

อนุโมทนา.....สาธุ ครับ

 

อย่างนี้แสดงว่ามีคนการันตีว่าอร่อยแน่ๆครับ เอามาให้ชิมด้วยครับ

พูดถึงอาหารที่ทำแห้งเก็บเอาไว้ได้นาน นั้น

หลวงพ่อวิชญ์จุฑาเคยให้ผมได้ทานเภสัชห้า อาหารที่เก็บเอาไว้ได้ตลอดเวลา(ปกติอาหารนั้นพอข้ามวันพระท่านต้องสละ) เภสัชห้าที่ว่า ได้แก่ น้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้น นำมากวนเข้าด้วยกันเป็นก้อนสีน้ำตาล แห้ง เก็บเอาไว้ได้นาน แถมอร่อยเค็มๆมันๆ ให้พลังงานสูงมากครับ ไว้จะลองสอบถามท่านดูอีกครั้งหนึ่ง ที่จำได้ท่านว่าทั้งห้าอย่างจำนวนเท่าๆกัน เนยใสท่านใช้เนยจริง ส่วนเนยข้นท่านใช้ชีสครับ

ส่วนตัวผมเองเท่าที่พอมีความรู้เรื่องซับพรีเมนท์ อาหารเสริมต่างๆ เนยใสที่พระพุทธเจ้าท่านหมายถึงน่าที่จะหมายถึง เวย์โปรตีนหรือหางนมที่มีลักษณะใสได้มาจากการทำเนย เป็นแหล่งโปรตีนเข้มข้นร่างกายดูดซึมเร็ว เพราะตัวหางนมนี้มีพลังในการสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกันที่สูงมาก หากใช้เป็นเวย์โปรตีนจะได้เป็นอาหารแห้งที่เข้มข้นสุดๆทางด้านสารอาหารที่ครบถ้วนมากๆแทบทุกด้าน

วิตามินจากน้ำผึ้ง พลังงานจากน้ำตาล โปรตีนจากเนยใส แคลเซี่ยมและไขมันจากชีส

แถมเป็นอาหารที่ดูดซึมทันที แทบไม่ต้องย่อย แต่กินได้นิดหน่อยเพียงครั้งละหัวแม่โป้งใหญ่ๆเท่านั้นพอ

 

สัญญาว่าจะลองซ้อมมือแล้วไปชิมงานพุทธภูมิดีไหม ตั้งบูท อาหารพลังจิตพิชิตภัยพิบัติไงคะ คุณนิวารนาต้องไปด้วยนา

 

กวนผลไม้ เพื่อถนอมอาหาร ขณะกวนก็ภาวนาไปด้วย ตั้งสติพร้อมให้ธาตุทั้ง 6 (ดินน้ำลมไฟอากาศและวิญญาณ)ให้ได้สัดส่วนกัน ข้าวเหนียวกวนก็เช่นกัน เก็บไว้ได้นานในภาชนะท ี่เป็นรูปทรงพีรามิด

 

อยากแนะนำสูตรอาหารที่ง่ายที่สุดและคงอยู่ได้จริง

ก็มีแต่ น้ำผึ้ง + ยาหอม และ น้ำเปล่า เท่านั้น

พระปฏิบัติองค์หนึ่งทางลพบุรี ท่านแนะนำไว้ เมื่อท่านไปปฏิบัติธรรมในถ้ำ
ท่านสามารถเจริญกรรมฐานได้นานถึง 16 วัน โดยไม่ฉันท์อย่างอื่นเลย

สมาชิกท่านใดได้ไปลองวิธีนี้ ช่วยแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทราบด้วย จะขอบคุณยิ่ง

 

เสบียงแบบโบราณ ที่ท่านเรียกพริกกับเกลือ จริงๆแล้วประกอบด้วยส่วนประกอบอีกหลายๆอย่าง พร้อมปรุงรส คั่วเข้าด้วยกัน สามารถเก็บได้นาน อย่างข้าวเม่าหมี่ก็จัดอยู่ในประเภทนี้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1.ประเภทกินได้เลยอย่างข้าวเม่าหมี่ เหมาะสำหรับกิจกรรมที่อาจไม่มีเวลาหุ่งต้ม และต้องประกอบด้วยข้าว ถั่ว งา หรือธัญญพืช เป็นหลักเพื่อให้อิ่มท้อง ซึ่งธัญญพืชหลายชนิดจะแข็งมาก ต้องนำไปหุ่ง หรือต้ม ตากให้(เกือบ)แห้ง แล้วจึงนำมาคั่วปรุงรสเข้าด้วยกัน

ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาตำรา มีอะไรใกล้มือ ก็สามารถนำมาคั่วเป็นพริกกับเกลือได้ทั้งนั้น ลองทำดูก็ได้ เช่น ข้าวและข้าวโพด ให้นำไปหุ่งก่อน พอให้เกือบสุก นำไปตาก หรืออบใต้ไฟหลอดมีใส้แบบเก่า แล้วนำมาคั่วกับถั่ว งา ปรุงรสด้วย พริกแห้ง หอมซอย-กระเทียมสับ ขิง ข่า ใบมะกรูด ใบกระเพรา หรือเครื่องเทศอื่นๆ ที่ชอบ อาจใส่พวกเนื้อเค็มตากแห้ง หมูแผ่น หรือกุ้งแห้งด้วยก็ได้ ยกจากไฟแล้วจึงนำมาคลุกกับเกลือและน้ำตาล ส่วนคนใต้อาจจะยังต้องใส่พริกป่นเข้าไปอีก

อย่าลืมจัดลำดับก่อนหลังดีๆ บางอย่างสุกเร็ว บางอย่างสุกช้า พวกสุกช้ามากๆ ก็ควรต้องทำให้สุกก่อนต่างหาก แล้วค่อยนำมาคั่วด้วยกัน หรือถ้าสุกเร็วมากๆ ก็อาจทำให้สุกเป็นเอกเทศก่อนเช่นกัน แล้วค่อยนำมาคลุกทีหลังพร้อมเกลือและน้ำตาล แต่งาจะนิยมใส่หลังสุดเวลาคั่วเพราะไหม้ง่าย แต่ก็ต้องคั่วด้วยกันเพราะจะทำให้หอมเข้าเนื้อทั้งหมด

ถ้าในกรณีที่ไม่ค่อยมีเนื้อที่เก็บ เช่นต้องนำติดตัวในสมรภูมิ จะนิยมใช้ส่วนประกอบหลักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง น้ำหนักต่อปริมาตรมาก เช่น ถั่วและงา แต่ถ้าพอมีที่เก็บก็อาจใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบหลัก

2.ประเภทกินกับข้าว มีน้ำพริกประเภทต่างๆ เป็นต้น พวกนี้จะปรุงรสเข้มข้น เพื่อกินกับข้าว สำหรับกรณีที่มีเวลาหุ่งต้ม ซึ่งควรทำในลักษณะคั่วแห้งเช่นกันเพื่อไม่ให้เสียง่าย มี พริกขิง เป็นตัวอย่าง

 

เราเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น จะกินอะไรในภัยพิบัติ ดีไหมคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ค่ะ
ใครทำข้าวตากเป็นบ้างไหมคะ บอกวิธีทำให้เด็กเมืองหน่อยค่ะ

 

อยู่ในการทำพริกกับเกลือแล้วครับ

สมัยก่อน หากข้าวเหลือกินมากเกินว่าจะนำไปเลี้ยงสัตว์ ก็จะนำไปตากเพื่อแปรรูปเป็นอาการที่เก็บได้นานๆ หรือถ้ามีข่าวศึกสงคราม หรือจะเดินทางรอนแรม ก็อาจตั้งใจหุ่งข้าวในแต่ละมื้อให้เหลือกิน เพื่อจะนำไปตากแห้ง แปรรูปเป็นเสบียงประเภทพริกกับเกลือ

ว่างๆ หาซื้อข้าวเม่าหมี่มาทานซิครับ จะได้พิจารณาส่วนประกอบได้

 

ข้าวตาก แบบไหนง่ะ

ถ้าข้าวตากทั่วไป ก็เอาข้าวตังก้นหม้อไปตากแดดจนแห้ง แล้วเอามาทอดในน้ำมันร้อนๆ ข้าวจะพองบานน่ากิน

ถ้าชอบเป็นขนมคลุกน้ำตาล งาคั่ว เกลือนิดหน่อย และมะพร้าวขูดอร่อย อร่อย
ถ้าชอบแบบน้ำตาลปี๊บเคี่ยวเหนียวราดหน้าอย่างสวยงาม
ราดหน้าด้วยน้ำพริกเผาโรยหมูหยองแล้วเอาไปอบ หรือย่างอีกทีก็ใช่หยอก
หรือจะใส่ธัญญพืชแล้วราดด้วยครีมน้ำตาลอบแห้ง สำหรับชาวมังสวิรัตก็ได้พลังงานแบบสุดๆ

หรือถ้าเป็นเสบียงสมัยสงครามก็เอามาย่างให้พองคล้ายๆข้าวเกรียบ ถ้าไม่มีหุงหาระหว่างเดินทัพ ก็ใช้วิธีอมไว้ในปากแล้วดื่มน้ำตามมันก็จะ พอง พอง พอง บานเต็มท้องอิ่มพอดี

ข้างตังตากแห้ง ก็สามารถเอามาทำน้ำข้าวตัง ดื่มหอมกลิ่นข้าวชื่นใจได้อีกแบบ

จะเอาแบบไหนหล่ะคุณพี่ ที่จริงข้าวตากนี้ มีกลุ่มแม่บ้าน OTOP เค้าขายแบบยังไม่ทอดเป็นโล สนใจสั่งซื้อไว้ได้เลย ม่ายต้องทำ สบ๊ายสบาย..

 

หิว...จัง

 

ขอเบอร์กลุ่มแม่บ้านได้ไหมคะ ที่ทำข้าวตากนะค่ะ

วันนี้ไปร้านเจ้เล้งมา ใกล้สนามบินดอนเมือง พบผลไม้อบแห้ง มีหลายชนิด ดูชั้นสามสุดตึก ครึ่งโลราคาราว ๙๐-๑๒๐ บาท นับว่าไม่แพงค่ะเพราะเป็นมะม่วง แคนทาลูป สับปะรด ขิง ผลไม้รวม

มีพวกสาหร่ายทะเลและเครื่องดื่มธัญญพืชต่างๆให้เลือกมากชนิด น้ำมันปลาชั้นหนึ่งราคาพิเศษ ๒ ขวดไม่ถึง ๕๐๐ ตุนไว้ก็ดีค่ะ

เดี๋ยวลองทำเนื้อเจอร์กี้แล้วจะแจ้งผลนะคะ