ต่างกันยังไงระหว่างวิริยาธิกะพิเศษกับวิริยาธิกะ

แล้วยิ่งมาในปัจจุปันดันมาเป็นผู้ตรวจสอบด้านคุณภาพงานด้านการโครงสร้างรวมทั้งท่อขนส่งแรงดันสูงก๊าสธรรมชาติและน้ำมันเข้า เลยรูู้จักระดับความมาตรฐานว่า

หนึ่งระดับทั่วๆไป
สองระดับมาตรฐาน มีการรับรองจากองค์การ หรือสถาบันต่างๆ
สามระดับเหนือกว่ามาตรฐาน คือดีแล้วแต่เติมความระเอียดปราณีตเข้าไปอีก
สี่ระดับสูงสุด Latent เหนือความคาดหมาย หากเป็นคนก็สวยเกินบรรยาย

และพรุ่งนี้เอง15มิถุนายน2557จะไปถอดไอ้ท่อส่งก๊าสจากโรงแยกก๊าส อำเภอจะนะส่งไปมาเลเซีย ออกมาตรวจสอบสภาพภายใน ทั้งสองแห่งคือที่โรงแยกก๊าสที่จะนะ และที่ด่านสะเดาเป็นท่อเมนหลักทั้งสองท่อ ที่หยุดเครื่องจักรทำการซ่อมบำรุงใหญ่

และที่โรงไฟฟ้าจะนะอันนี้ติดตั้งส่วนขยายโครงสร้าง นี่ดันมาเป็นผู้ตรวจงานแบบนี้เข้าอีกมันเลยเข้าใจเรื่องความแตกต่างของมาตรฐาน

แต่ในเรื่องของการปรารถนาพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะ แล้วเติมความเป็นพิเศษนั้นขอให้ถือว่าเป็นความรักชอบโดยส่วนตัว ขออย่าเอาไปเปรียบเทียบวัดกันว่าอะไรดีกว่าอะไร อันนี้ส่วนของผม ผมถือว่าเด็ดขาดไม่วัดกับใครให้มันเป็นเวรภัย และเกิดการมานะถือตัวตนที่เป็นอันตรายมาก หากว่าหลงผิดคิดว่าของตัวดีเด่นเกินกว่าใครเขา คุณธรรมของพุทธภูมิ คือขันติ และโสรัจจะ หากนึกไม่ออกก็ดูแบบอย่างพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย พระองค์ท่านวิริยาธิกะเต็มแล้ว ดูพระราชจริยาวัตรของพระองค์ท่าน

คำว่าพิเศษของผมย้ำอีกครั้งคือหาของที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ทำได้ให้กับหมู่คณะญาติมิตร คำว่ามิตรก็คือทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต มีจิตความรู้สึกและและสิ่งของที่ไม่มีจิตความรู้สึก

นี่โรงไฟฟ้าจะนะเอาแค่นี้นะครับมันเกี่ยวกับความมั่นคง แก้วใหญ่ไปช่วยดูแลด้วยนี่ตอนไปสำรวจวางแผนก่อนหยุดเครื่องจักร

 

นี่เป็นท่อส่งก๊าสขนาดใหญ่ส่งจากไทยไปมาเลเซีย จะถอดออกมามาตรวจสภาพภายในท่อ ทั้งที่ต้นทางการส่งที่โรงแยกก็าส และปลายทางสุดท้ายที่อำเภอสะเดาติดชายแดนมาเลเซียก่อที่ท่อจะมุดรอดแผ่นดินไทย ไปโผล่ในเขตมาเลเซีย ความมั่งคั่งของไทยในอนาคต

คือใต้ผืนแผ่นดินแผ่นน้ำมีทั้งแร่ธาตุ และน้ำมัน ในปัจจุบันเราแค่เอาไอระเหยของน้ำมันมาใช้คือก๊าส ตัวน้ำมันจริงๆตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกมันยังไม่ได้นำขึ้นมามากนัก ก็ขอภาวนาให้คนไทยจงรีบเป็นคนดีมีใจเป็นไทย พ่อปู่พระภูมิเจ้าที่ท่านจะได้เปิดให้เห็นแร่เห็นน้ำมัน จะได้รีบนำขึ้นมาใช้

ความมั่งคั่งทั้งบนผืนดินที่ไม่มีประเทศใหนในโลกเสมอเหมือน คือความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญยาหาร ก็ขอให้พวกเราหูตาสว่าง รู้จักรักษาทรัพย์ รักษามรดกที่บรรพบุรุษของเราได้ร่วมกันรักษาไว้ให้มาจนถึงทุกวันนี้

 

นี่ผมยืนเฝ้าดูก๊าสมันใหลหวิวๆอยู่นี่ ตายจากชาตินี้ ชาติต่อไปเลยฝันว่าจะมาเป็นเจ้าของสักหน่อย น้องนางบ้านนา บ้านไร่ ในเมืองก็ตามที หากจะมาร่วมงานกับผม ก็รีบเรียนหนังสือ เรียนจบแล้ว ในชาติต่อไปมาทำงานด้วยกันกับพี่PCOสักชาติสองชาติ หากไปทำงานด้วยยานพาหนะแบบนี้ พ่อน้องนางคงไม่ว่า เมื่อก่อนพี่PCOเขาให้นั่งไอ้แมงปอนี้ไปทำงานแทบทุกวัน งานกรรมกรนี่แหละ

 

เป็นการจินตนาการ+เพ้อ ของคนบางคนนะครับ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสพระบารมีไว้ในพระไตรปิฎกว่ามี ๓ ระดับ คือ
บารมีต้น
อุปบารมี
ปรมัตถบารมี

ทั้ง ๓ ระดับนี้เป็นสุดยอด+++ทั้งปัจจุบัน อดีตนานแสนนานจนนับประมาณมิได้ และอนาคตจนนับประมาณมิได้​

แต่ก็ยังทำกันไม่ได้เลย....!!!

 

5555555

 

เคยอ่านคำถาม-ตอบเรื่อง"พุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษ"ของหลวงพี่เล็กท่านเหมือนกัน
อ่านแล้วก็สงสัยว่าพุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษนั้นมีไหม หรือว่าไม่มี?
เพราะท่านตอบแค่ว่า"นอกตำราเกินไป"และ"ไม่เคยได้ยิน"เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าไม่มี
และการตอบนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนถาม และสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อสารให้ผู้ถามเท่านั้น
ดังนั้นบางอย่างมันเฉพาะบุคคล เวลา และสถานที่นั้นๆ ทำให้รู้สึกว่ายังไม่เคลียร์เท่าไหร่

ดังนั้นเลยขอมองกลางๆก่อนละกันสำหรับเรื่องนี้ ขอหาคำตอบก่อนว่าคำว่า"พิเศษ"ของคนถาม กับคำว่า"พิเศษ"ของคนที่ปรารถนานั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ฉะนั้นตอนนี้ขอสรุปก่อนว่า"พิเศษ"น่าจะหมายถึงการทำบารมีบางอย่างเพื่อสมมติพิเศษที่พระโพธิสัตว์องค์นั้นๆต้องการเมื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าจ้า

 

ที่ผมอยากรู้ว่ามันต่างกันยังไงก็เคยอ่านเจอที่หลวงพ่อฤๅษีฯวัดท่าซุงท่านเล่าให้สูกหลานฟังว่าสมเด็จองค์ปัจจุบันท่านกล่าวไว้ว่าท่านศรี(พระศรีอาริย์ฯ),ท่านราม(พระรามะพุทธะ)หากไม่ต้องการพิเศษจะมาตรัสรู้ก่อนท่าน(สมเด็จองค์ปัจจุบัน)เพราะบำเพ็ญบารมีมาก่อนแล้วก็มาเห็นในเว็บนี้แว๊บๆนี้แหละว่ามีบางท่านปรารถนาวิริยาธิกะพิเศษ(แต่ไม่ใช่พี่PCOนะครับ)เลยสงสัยว่าเป็นวิริยาธิกะประเภทไหนกัน?

 

คือว่าในหมู่ลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เท่าที่ผมได้ยินได้ฟังมาแล้วก็บอกกะชาวบ้านเขาว่าตัวเองปราถนาพระโพธิญาณ ในแบบวิริยาธิกะพิเศษนั้นมีสองคน หนึ่งคือผม และอีกคนหนึ่งอายุเขาน้อยกว่าผม ช่วยงานอยู่ที่วัดท่าซุงนั่นแหละ ไม่เคยคุยกันกับผม คนที่เขียนลงในหนังสือลูกศิษย์บันทึกของวัดท่าซุง เขาสุภาพเรียบร้อยกว่าผมเยอะ ไอ้ผมมันลูกทุ่งลีลามันก็แบบนี้ ที่ว่าเห็นแว๊ปๆ ใช่คนที่วัดนั่นแหละ

 

คำว่าพิเศษสำหรับผมยืนยันอีกครั้งคือความสูงสุดเป็นพิเศษของหมู่คณะ นั่นก็หมายความว่าหากจะมี จะได้ อะไรกับใครเขา ก็ขอจงมีจงได้ในระดับแก้วมณีรัตน เช่นนางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว แม้มีเพื่อนก็ขอจงได้ที่เป็นเพื่อนแก้วทำนองนี้ครับ ส่วนตัวเองนั้นหากลำพังแล้วชอบในลีลาที่มักน้อยสันโดษขี้เล่นอารมณ์ดี หากว่าผมปรารถนาสาวกลีลาของผมก็แบบเดียวกับหลวงพ่อขี้วัว

แต่ความที่หลักสูตรพุทธภูมิ จึงต้องมีทุกบุคคลิค จะเป็นคนมาดเดียว สไตรเดียวก็ไม่เหมาะไม่ควร นี่ว่าอย่างสั้น

ส่วนที่มีคนเคยถามหลวงพี่เล็กแล้วท่านตอบมาอย่างนั้น แล้วผมก็ลีลาฉวัดเฉวียนพูดเฉียดนรกไปเฉียดมาอยู่นี่ ความจริงผมรู้จักท่านเป็นอย่างดี บวชมาไล่เรี่ยกัน อายุก็ไล่ๆกัน ลีลาก็แบบที่เห็นกันนี่แหละ เป็นแมงกะไซก็ไม่ค่อยจะกลัวแหกโค้งกันสักเท่าไร สมัยนั้นพระทั้งหมดของวัดท่าซุงผมพบปะพูดคุยมากก็กับหลวงพี่เล็กนี่แหละ องค์อื่นๆแม้แต่หลวงพี่พระครูเจ้าอาวาสก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะทุกองค์ไม่มีคำว่าว่าง ทั้งคันถะธุระ และวิปัสนาธุระกันตลอดเวลา อารมณ์ใจไม่มีใครว่างไปจากฌาณสมาบัติที่แต่ละท่านทรงได้ จึงไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน และอีกอย่างที่พวกเราเกรงกันเป็นหนักหนา

ไม่ว่าจะทำอะไรตรงใหน คิดอะไร หลวงพ่อรู้หมดไม่มีอะไรปิดท่านได้เลย ผมเองในตอนนั้นก็มีกำลังใจมากที่ไม่ว่าจะทำอะไรหลวงพ่อรู้หมด เราจึงมีความมุมานะแบบไม่กลัวอะไร ยิ่งลับหลังท่านก็ทำกันแบบเอาเป็นเอาตาย คันถะธุระของผมเอง หลวงพ่อยังบอกว่าสมกับเป็นช่างแท้ คำนี้เป็นอะไรที่ล้ำค่าสุดประมาณ เป็นคำยืนยันโดยหลวงพ่อล้ำค่ามากสำหรับผม หากใครอยู่ใกล้ก็บอกหลวงพี่ว่าที่หลวงพี่บอกว่านอกตำราเกินไปนั้น ไอ้คนที่นอกตำราน่ะเมื่อก่อนอยู่วัดศรีมณีวรรณ มโนรมณ์ ห่มจีวรออกแดงๆ

เพราะที่วัดนั้นเขาห่มออกสีแบบนั้น จนหลวงพ่อเรียกทักผมว่าลิงแดง บอกว่าคุณก็เอากับเขาบ้างซิห่มจีวรแดงๆเป็นลิงแดง แหมมันครึ้มคิดว่าในอีกไม่ช้าคงจะทรงอภิญญาตามแบบฉบับลิงกับท่านบ้าง เพราะลิงคณะท่านทรงอภิญญาทั้งหมด ก็มีพระที่อุปฐากหลวงพ่อที่ตึกรับแขกใหม่ท่านก็ได้ยิน

 

อย่างที่คุณtutongเล่ามาให้ฟังนั้นก็ได้อ่านมาเหมือนกันค่ะ
ซึ่งตอนนั้นก็เข้าใจว่า"ความพิเศษ"ของวิริยาธิกะพิเศษนั้นจะต้องมีอะไรที่มากไปกว่านั้นอย่างแน่นอน
และวันนี้คุณPCO ก็ได้อธิบายความ"พิเศษ"ให้เข้าใจแล้วว่าความพิเศษที่ว่านั้นเป็นอย่างไร
ก็ต้องขอขอบคุณ คุณtutong เจ้าของกระทู้ที่ได้ตั้งกระทู้ที่ดีและน่าสนใจเช่นนี้
และคุณPCO ที่ปรารถนาความเป็นพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะพิเศษที่ได้มาอธิบายสร้างความเข้าใจด้วยนะคะ
ขออนุโมทนากับทั้ง 2 ท่าน และท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.3181890/' width=350>

ขอนอกเรื่องฮ๊าฟ
น้องคนนี้ มายืนข้างโอ่ง สงสัยกำลังจะบอกว่า

ตอนเล็กๆ เคยอาบโอ่งนี้ โตขึ้นมาเลยอาบโอ่งใหญ่ ใช่ไม่ใช่?

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.3181891/' width=350>

ส่วนภาพนี้ ที่บ้านมีหอกระจายข่าว พร้อมสระโบก

แสดงให้เห็นสถานะ ว่าเป็น ผู้ใหญ่ในบ้าน ใช่ไม่ใช่ :'(

 

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.3182029/' width=350>

ภาพนี้ เค้าเรียกท่ออะไรครับ ลุงผู้ใหญ่..!!??

คาบูเรเตอร์ แมงกะไซด์ หรือป่าวฮ๊าฟ

ไม่เคยเห็น
--------
อ๋อ...ท่อส่งก๊าซ ลืมอ่าน

 

วิริยาธิกะพิเศษ กับ วิริยาธิกะ ?

อันที่จริงก็คงทราบว่าคือ วิริยาธิกะพระพุทธเจ้า เหมือนกัน
แต่คำว่าพิเศษนั้น ซึ่งหากลองพินิจพิจารณาดู ท่านคิดว่าพิเศษที่สิ่งใด?

- ต่างกันที่ระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น ?
ระยะเวลาบำเพ็ญต่างกันอันนั้น ระยะระดับหลายอสงไขย
ไม่มีทางจะเท่ากันเป๊ะๆ หรอกครับ .. ระดับหลายอสงไขย
เป็นระดับคราวๆ ประมาณเท่านั้น

หากพิจารณาการแบ่งประเภทพระพุทธเจ้านั้นที่แบ่งเป็น
ปัญญาธิกะ, ศรัทธาธิกะ, วิริยะธิกะ จะพบว่าแบ่งตามลักษณะความเด่น
แม้ว่าตัวแปรเรื่องเวลาจะสัมพันธ์ด้วยก็ตาม

ดังนั้นหากว่าบำเพ็ญด้วยระยะเวลาที่มากกว่า วิริยะธิกะ
จะเรียกความเด่นว่าอะไรได้อีก .. มันก็ง่ายนะถ้าจะบอกว่า เพิ่มต่อท้ายด้วยพิเศษ
ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร

- อันที่จริง พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ มีความเด่นของคุณลักษณะที่ต่างกัน
ตัวอย่างพระพุทธเจ้าทีจะอุบัติขึ้นพระองค์หนึ่งที่มีแสงสว่างโชติช่วงประหนึ่ง
ดวงอาทิตย์อีกดวง ก็เป็นเพราะมีชาติหนึ่งที่ท่านจุดไฟเผาตัวเองบูชา
เจดีย์พระพุทธเจ้าในขณะนั้น เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นว่าด้วยบุญและลักษณะของการบำเพ็ญ ที่ต่างกันก็มีความละเอียด
ปลีกย่อยที่ต่างกันครับ

และหากได้เคยพิจารณาชื่อพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
ก็ล้วนมีความหมายแปลทั้งสิ้น ซึ่งก็ล้วนหมายถึงคุณลักษณะพิเศษของพระองค์ท่าน
นั้นเอง ใช่หรือไม่?

 

หวังว่าคงไม่ใช่.. ท่อแก๊สลัดเลี้ยวไปถึงไหน เล่นเอาสาวๆหวาดเสียวหัวใจไปถึงที่นั้น

อิอิ

 

ท่อตรงจุดนี้เรียก Salegas meter หน้าที่ของมันก็คล้ายกับหัวจ่ายน้ำมันตามปั๊มทั่วไป เมื่อก็าสผ่านตรงนี้มาตรวัดมันจะขึ้นมาแสดงว่ามีก๊าสใหลผ่านไปจำนวนเท่าไรต่อวัน ซื้อขายกันเป็นลูกบาตรฟุต เท่าไรอันนี้บอกไม่ได้ครับ

อย่างว่านั่นแหละท่อมันเลี้ยวผ่านหน้าบ้านสาวใดไม่ค่อยมีใครเขารังเกียจ เพราะเขาคงคิดว่าไปสร้างความเจริญให้กับเขา อันนี้ไม่ใช่ฉะเพาะท่อ นักสร้างทาง รพช ข่าวว่าก็ไปสร้างอย่างอื่นให้เขาด้วยเรื่อยทางไป อันนี้เท็จจริงอย่างไรก็ไม่ยืนยันฟังแต่เขาลือกัน วันนี้ก็มีการประชุมจัดเตรียมเรื่องถอดท่อ เขาไม่อนุญาติให้นำกล้องเข้าไปเลยไม่มีรูปมาฝาก

 

แล้วถ้าอยากจะให้ในสมัยศาสนาที่ตนเองจะได้ตรัสรู้แล้วสั่งสอนสาวกหมดเดียรถีย์จะต้องบำเพ็ญอย่างไรครับ?

 

เด็กเส้นที่ยืนข้างโอ่งนี่ไม่ใช่แค่อาบโอ่งนี้ เขาลงไปในโอ่งเลยแล้วก็บังคับพ่อให้ตักน้ำมาใส่ให้ด้วย แล้วพ่อต้องยืนเฝ้าคอยรับใช้ แหมเขาแน่มาก แล้วไม่ว่าอยู่ที่ใหน พ่อต้องหาสระว่ายน้ำพิเศษเตรียมให้

ช่างสังเกตเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้านครับ พี่สาวแก้วใหญ่เอง แต่ไม่บอกที่ใหนนะครับ

ข้างหลังบ้านก็มีสระโบกอีกหนึ่งสระกลับมาบ้านกันเมื่อไรเป็นต้องลงไปเล่นน้ำกันเมื่อนั้น

 

แม่นอีหลี ^^

แต่พลาดไปหน่อยนึกว่า คุณPCO เป็นผู้ใหญ่บ้าน ซะเอง

บอกไม่ได้หรอครับว่าที่ไหน อยากไปโดนน้ำด้วย

10 ปีผ่านไปนี่ สระน้ำยังคงลึก เหมือนเดิมป่าวคับ

ว่าแต่ไม่เห็นมีปลาให้จับเลย เพราะปลาจะน่าชุม บ่อดูกว้างขวาง เห็นมีแต่เงือก

 

ตรงสเป๊กเลยอะดิ ..

"หากเป็นไปได้ .. พี่อยากจะขอลงโอ่งเดียวกับน้องจะได้ไหม"
"ส่วนบ่อน้ำใหญ่ๆ ปลาคงชุม .. พี่จะขอเป็นคนจับปลาให้น้องเอง"
"แต่ถ้าน้องอยากลงมาช่วยพี่จับปลา พี่จะยินดี .. แต่ถ้าพี่เผลอไปจับน้องหวังว่าน้องคงไม่ว่ากัน"

อิอิ

 

เด้วเจอ ลูกซองแฝด น๊า ไปจุ้น..กับหลานผู้ใหญ่ จะหาว่าไม่เตือน :'(