ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศบค.แถลง โควิด-19 วันนี้ ไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 35 ราย ในประเทศ 25 ราย ค้นหาเชิงรุก 8 ราย ผู้ป่วยใหม่ 17 ราย โดยตัวเลขค้นหาเชิงรุกแม้จะลดลงแต่ยังคงมีการตรวจอย่างต่อเนื่อง โดย จ.ประจวบฯ พบผู้ติดเชื้ออายุ 2 ปี และ มาจากต่างประเทศ 10 ราย พบเป็นชาวเมียนมา 4 ราย ที่ลักลอบเข้ามาผ่านเส้นทางธรรมชาติ

    สำหรับภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมามี 10 จังหวัด ส่วนคลัสเตอร์ จ.ปทุมธานี ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรวม 676 ราย

    #สถานการณ์โควิดวันนี้
    #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.แจงวัคซีนโควิดระยะแรกยังไม่เปิดให้ลงทะเบียนจองหรือขอรับวัคซีนที่ รพ.

    กระทรวงสาธารณสุขแจงฉีดวัคซีนโควิด 19 ระยะแรก เริ่มในกลุ่มเสี่ยงพื้นที่เสี่ยง โดยสถานพยาบาลจะคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ย้ำยังไม่มีการเปิดลงทะเบียนจอง หรือขอรับฉีดด้วยตนเอง ชวนประชาชนเพิ่มเพื่อนในไลน์ “หมอพร้อม” รับข้อมูลข่าวสารวัคซีนโควิด ติดตามอาการหลังฉีด

    วันที่ 3 มีนาคม นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ตั้งเป้าให้คนไทยทุกคนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ในระยะแรกที่วัคซีนมีจำกัด จะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เสี่ยงก่อน โดยวัคซีนโควิด 19 ของซิโนแวคที่ได้รับมา 2 แสนโดสแรก ได้กระจายไปยังพื้นที่เสี่ยงใน 13 จังหวัดแล้ว โดยจะฉีดใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ประชาชนที่เป็นโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการบำบัด เบาหวาน และโรคอ้วน 2.ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามหลักระบาดวิทยา เช่น พื้นที่ที่พบการระบาดของโรคจำนวนมาก เพื่อลดความรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต เช่น ตลาดพรพัฒน์ จ.ปทุมธานีที่มีการระบาด เป็นต้น 3.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน และ 4.บุคลากรอื่นๆ ที่เป็นด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมถึง อสม. โดยจะฉีดให้ 1 แสนคน คนละ 2 โดส ฉีดห่างกัน 21 วัน คาดว่าจะฉีดครบถ้วนทั้ง 2 เข็มภายใน 1 เดือนครึ่ง

    นายแพทย์โสภณ ยังกล่าวอีกว่า โรงพยาบาลจะเป็นผู้กำหนดกลุ่มเป้าหมายและจัดลำดับการได้รับวัคซีนก่อน-หลัง ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ และจะติดต่อกลุ่มเป้าหมายที่เข้าเกณฑ์เพื่อนัดหมายฉีดวัคซีน ดังนั้น ประชาชนใน 13 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ขอให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ “หมอพร้อม” เพื่อตรวจสอบรายชื่อ รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน และติดตามอาการภายหลังรับการฉีดวัคซีน สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม.ติดตามชี้แจง ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขยังไม่เปิดรับการลงทะเบียนจองคิว หรือไปขอรับการฉีดด้วยตนเอง หากประชาชนสงสัยว่าจะได้รับวัคซีนเมื่อไร ให้ตรวจสอบว่าตนเองอยู่ในจังหวัดที่ได้รับวัคซีน และเป็นกลุ่มเป้าหมายในระยะแรกหรือไม่ โดยโทรสอบถามโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่ หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพไทย ยอมรับแพทย์ทหาร ทุจริตฉีดวัคซีนปลอมให้กำลังพลในเซาท์ซูดานจริง ชี้ผิดวินัยร้ายแรง จะดำเนินการทั้งวินัยและอาญา เผยเป็นการกระทำส่วนตัวไม่กระทบต่อภารกิจทหารไทยโดยรวม

    วันที่ 2 มี.ค.2564 พล.ท.เชาวลิต สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วยพล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผอ.ศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหาร แถลงข่าวกรณีกำลังพล ร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน (UNMISS) ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพลเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกาในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19

    พล.ท.เชาวลิต กล่าวว่าตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับนายทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจที่เซาท์ซูดานถูกสอบสวนกรณีหลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศแอฟริกานั้น กองบัญชาการกองทัพไทย เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวจริง เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นนายทหารสัญญาบัตรยศร้อยโทตำแหน่งนายแพทย์โรงพยาบาลสนามระดับ 1 กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชากองกำลังภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน (UNMISS) และกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดทราบ พร้อมทั้งให้กำลังพลดังกล่าวจบภารกิจและส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2563

    โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทยและประเทศไทยในภารกิจร่วมสหประชาชาติ ต่อกรณีที่เกิดขึ้นกองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างทันท่วงที โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิด กองทัพบกในฐานะเป็นต้นสังกัดกำลังพลดังกล่าวได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และพิจารณาในประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมควบคู่กันไป

    สำหรับผลการสอบสวนสรุปว่า นายทหารท่านดังกล่าวได้กระทำผิดจริง มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บังคับบัญชาและกำลังพลให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายแพทย์ประจำภารกิจแต่กลับนำสารอื่นเข้าสู่ร่างกายกำลังพลแทน พร้อมทั้งได้เรียกเก็บเงินกำลังพลเป็นค่าวัคซีนด้วย แสดงถึงเจตนาทุจริตหลอกลวง พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงและประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง นายแพทย์คนดังกล่าวยอมรับกับ ผบ.ร้อยทหารช่างฯ ว่ากระทำคนเดียวไม่มีใครเกี่ยวข้องโดยจัดซื้อวัคซีนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทางยูเอ็นนำไปตรวจสอบพบว่าเป็นวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักไม่ใช่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา ส่วนกำลังพลที่เสียหายไม่ติดใจอะไรเนื่องจากจำนวนเงินที่เสียหายต่อคนประมาณแค่ 500 บาท รวมกำลังพลกว่า 200 นาย รวมแล้วประมาณ 1.7 แสนบาท ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนเงินมากมาย แต่สิ่งที่เราตระหนักคือเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม

    และระหว่างสอบสวนนายทหารคนดังกล่าวไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ และไม่สามารถติดต่อได้ หน่วยต้นสังกัดจึงได้ดำเนินการในฐานความผิดหนีราชการในเวลาประจำการ และเสนอปลดออกจากราชการ พร้อมกันนี้ศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ ในข้อหาหนีราชการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นได้มีหนังสือถึงแพทยสภาให้พิจารณา เพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเรียนว่าเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ผิดวินัยทหารและกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของกองทัพและประเทศชาติ กองทัพไทยได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบ และสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนทั่วไป

    สำหรับในส่วนของกำลังสหประชาชาติก็มีความเข้าใจในกระบวนการที่กองทัพไทยได้ดำเนินการต่อเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อภารกิจโดยรวมของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ซึ่งกำลังพลทุกนายยังทุ่มเทปฏิบัติงานด้านการช่างและการรักษาสันติภาพที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง

    ที่มา

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube ที่ https://bit.ly/2YDfyiK

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 6,387,285,900 บาท สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
    .
    สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 35 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมายการฉีดให้ประชากรไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2564
    .
    ทั้งนี้ โครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท AstraZeneca เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,673.67 ล้านบาท
    .
    ประกอบด้วย ค่าวัคซีนโควิด-19 จำนวน 5,302.50 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 371.17 ล้านบาท
    .
    นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อรองรับการฉีดวัคซีน จำนวน 713.61 ล้านบาท สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย
    .
    ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โยมีระยะเวลาการดำเนินงานช่วงเดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2564 นี้
    .
    สำหรับแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 แบ่งเป็นระยะที่ 1 เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ใน 18 จังหวัด และระยะที่ 2 เดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดส ในทุกจังหวัด รวมจำนวนวัคซีนที่ให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 63 ล้านโดส
    .
    “การได้รับวัคซีนโควิด-19 จะลดอัตราป่วย การเสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ และสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว” โฆษกรัฐบาล กล่าว

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.naewna.com/politic/556367
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvisi

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 3 , 2021 ไม่หยุดหารายได้เพิ่ม!! บินไทยเริ่มเปิดขาย “ครัวซองต์”วันนี้ ที่ภัตตาคารอร่อยล้นฟ้า
    .
    ภายหลังจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พยายามหารายได้ เพื่อมาเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับองค์กร ด้วยการขาย “ปาท่องโก๋ การบินไทย” ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก รวมถึงขายสินค้าหมวดแฟชั่น เช่น กระเป๋าที่ดัดแปลงจากเสื้อชูชีพ
    .
    ล่าสุดการบินไทย เกาะกระแสขนมอบยอดฮิตปีนี้อย่าง “ครัวซองต์” เพื่อมาเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรอีกหนึ่งชนิด พร้อมโพสต์เชิญชวนผ่านเฟสบุ๊ก THAI Catering โดยมีใจความระบุว่า พ่อจ๋าแม่จ๋า ครัวซองต์การบินไทยในตำนานกลับมาแล้วจ้า แถมรอบนี้ไม่ได้มาเฉยๆด้วยนะ แต่มากับนุ่นแล้วก็มากับโบว์ เอ๊ยย มากับท้อปปิ้งมากมายหลายชนิดเลยล่ะ
    .
    วันนี้ทางครัวการบิน มีโปรเจคต์สนุกๆมาให้ได้อร่อยกันอีกแล้วค่ะ กับ "DIY ครัวซองต์"
    .
    ครัวซองต์การบินไทยอร่อยแค่ไหน ใครก็รู้ แถมคราวนี้เรายังให้ทุกท่านเป็นผู้รังสรรค์ครัวซองต์ในแบบของคุณเอง กับกองทัพ topping ไม่ว่าจะเป็น Coconut sauce , Dark chocolate sauce, Lemon curd , Dulcey topping และ Almond sauce และสามารถเพิ่มความอร่อยเเละมิติของรสชาติไปอีกขั้นกับ Roasted Coconut, Almond Sliced, Crusted Macadamia, Hazelnut และ Cashew Nut จับคู่ ราดซอส สร้างเมนูใหม่ๆให้สนุกไปเล้ยย
    .
    -โดย Plain Croissant ราคา 75 บาท
    -และ DIY Topping อย่างละ 18 บาท
    .
    โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันนี้ ณ ภัตตาคารอร่อยล้นฟ้าไม่ต้องบินก็ฟินได้ ชั้น 2 , บริเวณโถงอาคาร 1 การบินไทยสำนักงานใหญ่, และสาขาการบินไทยสำนักงานสีลมแล้วนะคะ
    .
    #การบินไทย #ครัวซองต์ #Misterban #หารายได้

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 3 ,2021 ราชกิจจาฯประกาศบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามติดต่อขอรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
    .
    เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนการจ่ายรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า
    .
    โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนการจ่ายรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย พ.ศ.2560 เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 เพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
    .
    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 (2) แห่งพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงวางระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนการจ่ายรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563”
    .
    ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 ของระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนการจ่ายรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย พ.ศ.2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    .
    ข้อ 5 ห้ามบุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ติดต่อขอรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ ประกาศ ณ วันที่ 8 ธ.ค. พ.ศ.2563 โดย พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
    .
    #สลากกินแบ่งรัฐบาล #หวย #ราชกิจจา #Misterban

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 2 , 2021 จีนกังวลปัญหาฟองสบู่ตลาดการเงินโลก พร้อมจับตาอสังหาฯในประเทศ
    .
    นายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน หรือ CBIRC เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน
    .
    โดยตลาดการเงินในสหรัฐและยุโรปอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดเหล่านี้กำลังอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีแนวโน้มว่า ตลาดจะเผชิญกับการปรับฐานในไม่ช้านี้
    .
    โดย CBIRC กำลังจับตาเม็ดเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ประเทศจีน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น แต่มั่นใจว่า ขนาดและความเร็วของเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่จีนนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้
    .
    แต่ปัญหาฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ซื้อบ้านเพื่อการลงทุน หรือซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก
    .
    การออกมาแสดงความกังวลของจีนในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความวิตกว่า จีนอาจจะใช้นโยบายควบคุมการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจ และยังเป็นปัจจัยที่ถ่วงตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ด้วย
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านการเงินของจีนกำลังเดินหน้าควบคุมความเสี่ยงภายในประเทศ โดย CBIRC ได้ให้คำมั่นเมื่อเดือนที่แล้วว่า ทางการจีนจะใช้มาตรการป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบต่อไป หลังจากที่ได้ควบคุมการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์, กวาดล้างธุรกรรมธนาคารเงา และประกาศชัยชนะในการสกัดกั้นการขยายตัวของธุรกิจการปล่อยกู้ระหว่างบุคคลกับบุคคล
    .
    #ฟองสบู่ #ตลาดการเงินโลก #Misterban #จีน

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 2 , 2021 ครม.เคาะงบ 6,387 ล้านบาท จัดหาวัคซีนโควิดเพิ่มเติมจากแอสตราเซเนก้า 35 ล้านโดส
    .
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติงบประมาณ รายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 64 (ต.ค.63-ก.ย.64) ดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม 35 ล้านโดส จำนวน 6,387 ล้านบาท จากบริษัทแอสตราเซเนก้า
    .
    โดยงบดังกล่าว แบ่งเป็น 5,600 ล้านบาท สำหรับการจัดหาวัคซีน ส่วนที่เหลือกว่า 700 ล้านบาท เป็นการบริหารจัดการวัคซีนและการเตรียมความพร้อมในระดับพื้นที่ คาดจะสามารถดำเนินการในการจัดหาวัคซีน ได้พร้อมๆ กับวัคซีน จำนวน 26 ล้านโดส และ วัคซีนของชิโนแวค 2 ล้านโดส
    .
    ดังนั้นภายในปีนี้ ไทยจะมีวัคซีน 63 ล้านโดส ครอบคลุม 60 % ของประชากรไทย พร้อมยังมีผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นที่ทยอยเข้าพูดคุย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการดูแลจัดหาวัคซีนต่อเนื่อง
    .
    #วัคซีน #โควิด #Covid #Misterban

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 2 , 2021 การบินไทยเปิดแผนฟื้นฟูหั่นพนักงานออก 14,000 – 16,000 คน พร้อมเตรียมเรียกประชุมเจ้าหนี้ 12 พ.ค.นี้ เริ่มบินพาณิชย์ไฟล์ทแรกไตรมาส 3
    .
    นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า การบินไทยได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เป็นที่เรียบร้อยตามที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 โดยหลังจากนี้จะเรียกประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 12 พ.ค.
    .
    ทั้งนี้โดยนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา การบินไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ ทั่วโลก โดยหลังแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยได้รับความเห็นชอบจากศาลล้มละลาย รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง การบินไทยก็พร้อมที่จะกลับมาประกอบธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
    .
    โดยจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และพัฒนาแบบองค์รวมภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ คือ สายการบินเอกชนคุณภาพสูง ที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ด้วยความแข็งแกร่งของอัตลักษณ์ความเป็นไทย เชื่อมโยงประเทศไทยสู่ทั่วโลก และสร้างผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1.เป็นสายการบินที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรกโดยออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า
    .
    2.เพิ่มศักยภาพด้านการพาณิชย์ ด้วยการปรับปรุงด้านการพาณิชย์ให้แข็งแกร่งขึ้น หารายได้มากขึ้น นำเสนอบริการเสริมเพื่อเป็นตัวเลือก
    .
    3.การบริหารต้นทุนให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินได้ เช่น การปรับปรุงสัญญาเช่าเครื่องบิน ลดขนาดฝูงบิน ให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของอุตสาหกรรมการบิน การลดจำนวนบุคคลากรให้เหลือ 1.3-1.5 หมื่นคนจากเดิม 2.9 หมื่นคน
    .
    4.เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงด้านการปฏิบัติการ และความปลอดภัยและการเป็นศูนย์กลางการเชี่อมต่อเครือข่ายสายการบินพันธมิตรมายังจุดบินต่างๆ ในประเทศไทย
    .
    การปรับโครงสร้างของสายการบินต่างชาติและการปฏิรูปธุรกิจต่างๆ คาดว่าจะทำให้การบินไทยเกิดกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ประมาณ 10% ภายในปี 2568
    .
    ส่วนการบริหารจัดการภาระหนี้สินการบินไทย จะมีการเรียกประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 12 พ.ค. ซึ่งยืนยันจะไม่ใช้วิธีการแฮร์คัท แต่ใช้วิธียืดหนี้ งดจ่ายหนี้ในช่วง 3 ปีแรกนอกจากนี้มีแผนที่จะระดมทุนเพื่อใช้เป็นสภาพคล่อง วงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาทภายใน 2 ปี ซึ่งอาจเลือกทั้งวิธีเพิ่มทุนหรือการกู้เงินเพิ่ม
    .
    ส่วนในเบื้องต้น คณะผู้ทำแผนเสนอให้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล เป็นผู้บริหารแผนที่จะบริหารและจัดการธุรกิจภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไป โดยผู้ทำแผนได้เตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามแผนเอาไว้เป็นอย่างดีและได้ดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงไปแล้วดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
    .
    #การบินไทย #ปลดคน #แผนฟื้นฟู #THAI #Misterban

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 2 , 2021 กองทัพไทยยอมรับมีแพทย์ทหารฉ้อโกงนำเกลือแร่ฉีดแทนวัคซีนให้ทหารในซูดานจริง ก่อนที่จะนำไปขาย
    .
    พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ยอบรับกรณีมีข่าวพบการทุจริตของนายทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในซูดาน ซึ่งมีพฤติกรรมฉ้อโกงนำเกลือแร่ไปฉีดเป็นวัคซีนและนำวัคซีนจริงไปขายให้พ่อค้า ว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2563
    .
    ซึ่งมีทหารยศร้อยโท นายแพทย์ ประจำโรงพยาบาลทหารระดับ 1 ซึ่งทำความผิดวินัยร้ายแรงในการนำวัคซีนที่ทำจากสารอื่นมาฉีดให้กำลังพล ทบ.ไทยที่ปฏิบัติภารกิจ ที่ซูดาน และถูกองค์การสหประชาชาติ (UN) ตรวจสอบได้และถูกสอบสวน ก่อนถูกส่งกลับไทย และหนีราชการจนถูกปลดออกจากราชการ โดยมีการตั้งกรรมการสอบสวนและรายงาน ผบ.กกล ฉก. ยูเอ็นทราบ โดยกองทัพบก ต้นสังกัดได้ตั้งกรรมการสอบสวนและส่งตัวกลับไทยทันทีเมื่อ มี.ค.2563
    .
    กรณีนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และกองทัพไทย โดยกองทัพไม่ปกป้องผู้กระทำผิด โดยได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและส่งเรื่องให้แพทยสภาตั้งกรรมการสอบคุณธรรม จริยธรรม เพราะเป็นแพทย์ และพบว่าทำผิดจริง หลอกลวงผู้บังคับบัญชา
    .
    ทั้งนี้จากการปฏิบัติดังกล่าว สืบเนื่องจากนายแพทย์ใหญ่สั่งว่ากำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่ต้องฉีดวัคซีนและนำสารอื่นเข้าร่างกาย และเรียกเงินค่าวัคซีน จากกำลังพลคนละ 500 บาท รวมกว่า 200 นาย เป็นเงิน 1.7 แสนบาท
    .
    เมื่อกลับไทยมา นายแพทย์ร้อยโท คนดังกล่าวได้ขาดการติดต่อ ทาง ทบ.จึงปลดออกจากราชการเพราะขาดหนีราชการ เมื่อ 9 เม.ย.2563
    .
    ขณะที่ ศาลทหารกรุงเทพ ได้ออกหมายจับ เพราะการหนีราชการ และส่งแพทยสภา ให้ถอดถอนใบประกอบวิชาชีพ แต่เจ้าตัวไม่มาให้ปากคำ แพทยสภาจึงยังถอดถอนไม่ได้
    .
    สำหรับการกระทำนี้ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคลที่สร้างความเสื่อมเสีย ร้ายแรง ต่อกองทัพ และประเทศชาติ ดังนั้น กองทัพไทย จึงได้ดำเนินการ ทันที
    .
    ขณะที่ความสัมพันธ์กับยูเอ็น โฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า ยูเอ็นเข้าใจกองทัพไทยดี
    .
    สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทราบขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยูเอ็นสังเกตพบว่า วัคซีนที่ฉีดนั้นมีลักษณะน้ำยาใส สีขุ่นและไม่มีฉลาก จึงนำน้ำยามาตรวจสอบ จนพบว่าเป็นยาป้องกันบาดทะยักหรือเกลือแร่ ซึ่งไม่ใช่วัคซีนจริง ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งซื้อมาจากอินเดีย
    .
    สำหรับการ ถอนใบอนุญาตฯ ถ้าแพทยสภา เรียกตัวไม่มา 2 ครั้งจึงจะดำเนินการลงมติถอนใบนุญาตได้
    .
    ส่วนการที่ บิดาของร้อยโทคนดังกล่าว ฟ้องร้องว่าลูกชายถูกกลั่นแกล้งนั้น จากผลการสอบสวนกำลังพลกว่า 200 นาย พบว่าไม่เป็นความจริงเลยที่ ร้อยโทนายแพทย์ผู้นี้ถูกกลั่นแกล้ง อีกทั้งการที่กองทัพบกตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายแพทย์ผู้นี้ก็ไม่เคยมาชี้แจงเลย นอกเสียจากเคยยอมรับว่ากระทำความผิดจริงกับผู้บังคับกองร้อยที่ซูดาน
    .
    ทั้งนี้ โฆษกกองทัพไทย ยอมรับว่า ร้อยโทนายแพทย์ผู้นี้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ซูดานโดยไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดกรองตามปกติ เนื่องจากเป็นการเดินทางไปอย่างเร่งรีบ โดยไปเป็นตัวแทนนายแพทย์คนก่อนหน้านี้ที่ต้องเดินกลับเดินทางกลับประเทศจึงไม่ได้ผ่านขั้นตอน ดังนั้นจึงถือเป็นบทเรียนว่าการคัดเลือกกำลังพลไปปฎิบัติหน้าที่จะต้องผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง
    .
    #ทหาร #โควิด #Covid #Misterban

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ICELAND - ภูเขาไฟเรคยาเนสใกล้จะปะทุ

    แผ่นดินไหว 12,000 ครั้งใน 1 สัปดาห์
    และยังไม่จบ .... แมกมาที่เพิ่มสูงขึ้น!
    FB_IMG_1614754525763.jpg
    วันนี้ (1 มีนาคม 2564) ได้รับการยืนยันว่าภูเขาไฟเรคยาเนสกำลังมีการฉีดแมกมาขนาดใหญ่จากความลึกลงไปในชั้นที่ตื้นกว่าของเปลือกโลก ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวในขณะนี้ ในการเขียนบทความนี้ดูเหมือนว่าหินหนืดจะอยู่ที่ความลึกประมาณ 6 กม. ตรวจพบการกระจัดจากการบันทึก GPS ขณะนี้มีมากกว่า 30 ซม. ตามข่าวและนักวิทยาศาสตร์

    สภาวิทยาศาสตร์แห่งการคุ้มครองสาธารณะได้กล่าวถึงแผ่นดินไหวใน Reykjanesskagi และได้รับการตรวจสอบรวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม (InSAR) ที่ได้รับ

    ขบวนจากภาพเหล่านั้นแสดงโพสต์มากกว่าที่เคยพบในพื้นที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการปะทุกำลังก่อตัวขึ้นภายใต้พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    https://icelandgeology.net/

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ANALYSIS] - ทำไมอัตราดอกเบี้ยและการกู้ยืมเงินถึงทำให้เกิดวัฏจักรตลาดหุ้น ? อะไรทำให้หุ้นเป็น #ขาขึ้น หรือ #ขาลง ?

    Ray Dalio ได้เคยมาอธิบายให้เราเข้าใจกันได้ง่ายๆแล้ว

    ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานักลงทุนทุกท่านคงจะได้ยินข่าวกันแล้วว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว (Bond Yield) อายุ 10 ปีของสหรัฐที่พุ่งขึ้นมาแตะสูงถึง 1.6% เป็นประเด็นหลักที่กำลังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่

    ทำให้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า "#ทำไมตลาดหุ้นถึงต้องขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำด้วย" ?

    ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้น และไม่มีปัจจัยสำคัญไปมากกว่านี้แล้ว โดยถึงแม้ตลาดตราสารหนี้ (การกู้ยืมเงิน) อาจจะไม่ได้เป็นที่พูดถึงกันบ่อยเท่าตลาดหุ้น แต่เงินที่ไหลเวียนอยู่ในตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกนั้นใหญ่กว่าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมกันถึงกว่า 3-4 เท่าเลยทีเดียว !

    ในปีที่ผ่านมาหลายท่านอาจจะได้ยินคำพูดที่ว่า "ช่วงนี้มีเงินไหลเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้นเยอะ ทำให้ราคาหุ้นขึ้นง่ายๆ" เงินที่เราพูดถึงกันเหล่านี้ก็คือเงินที่ไหลมาจากตลาดตราสารหนี้นั้นแหละครับ ที่เกิดจากการที่ดอกเบี้ยต่ำติดดินทั่วโลกทำให้เงินไหลออกมาหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

    ทั้งหมดนี้ทำให้วงจรของการกู้ยืมเงินนั้นมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและต่อราคาของสินทรัพย์ (ราคาหุ้น) เป็นอย่างมาก และ Ray Dalio ก็เรียกวงจรของการกู้ยืมเงินว่าเป็น "ตัวกำหนดวัฏจักรของการขึ้นลงของราคาสินทรัพย์ทั่วโลกเลยทีเดียว"

    โดยอธิบายให้พวกเราฟังว่า

    1️⃣ #หากโลกนี้ไม่มีการกู้ยืมเงิน ราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร ?

    จริงๆแล้วการเติบโตของผลผลิตรวมของโลกเรานั้นตามทฤษฎีแล้วมันควรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงเพราะไม่มีเงินอัดฉีดเข้ามาทำให้เร่งการผลิตเพิ่มขึ้นได้ ใครผลิตได้เท่าไหนก็ได้เท่านั้น และการผลิตจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ และไม่ควรจะมีการลดลง

    โดยราคาหุ้นซึ่งสะท้อนถึงผลผลิตรวมนั้นตามทฤษฎีแล้วควรจะมีแต่ค่อยๆขึ้นเป็นเส้นตรงตามภาพที่วงเลข 1 ไว้ด้านล่างเลยครับ การผลิตรวมของโลกนั้นจะเติบโตไปเรื่อยๆ จะไม่มีขาลงเพราะทุกๆฝ่ายก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตต่อไป ไม่ได้มีใครมีปัญหาอะไร

    #แต่การกู้ยืมเงินนั้นจะทำให้โลกของเราซับซ้อนมากขึ้นเยอะ

    2️⃣ เพราะโลกจริงๆของเรานั้น"มีการกู้ยืมเงิน"

    การกู้ยืมเงินนั้นทำให้ผลผลิตของคนบางคน ธุรกิจบางธุรกิจ หรือ ประเทศบางประเทศ นั้นสามารถเติบโตได้เร็วกว่าที่อื่นและเป็นการสร้างให้เกิด "การโตที่เร็วกว่าธรรมชาติได้" ฟังเผินๆอาจจะดูเหมือนการกู้เงินเป็นสิ่งที่ดีอย่างเดียว เพราะสามารถทำให้โลกขยายการผลิตธุรกิจที่กำลังมีความต้องการสูงได้

    แต่แน่นอนว่า #เหรียญนั้นมีสองด้านเสมอ

    เมื่อมีการกู้ยืมมาก็ต้องมีการคืนเงิน แปลว่าวันนึงหากธุรกิจที่เติบโตเร็วกว่าธรรมชาตินั้นไม่ได้เป็นอย่างที่มองไว้เหมือนเดิม ธุรกิจไม่ได้โตได้ดังที่เคยคาดหวังไว้ ปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในวันที่คน หรือบริษัท หรือประเทศเหล่านั้นต้องนำเงินไปคืน และหากพวกเขาไม่สามารถคืนเงินได้ หรือเกิดหนี้เสีย... ความซับซ้อนก็จะเริ่มเกิดขึ้น

    3️⃣ การกู้เงินทำให้ราคาสินทรัพย์ (ราคาหุ้น) เพิ่มเร็วขึ้นกว่าธรรมชาติ

    เพราะราคาหุ้นก็คือสินค้าอย่างนึง เป็นสินค้าที่ขึ้นลงตาม Demand/Supply ได้อย่างดี ทำให้พอมีการกู้ยืมเงิน คนที่มีเงินเยอะก็จะเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นของกิจการที่กำลังทำกำไรได้ดี ทำให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์เหล่ามีมูลค่าสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วเกินธรรมชาติ การขยายผลผลิตก็สามารถทำได้เร็วขึ้นเกินธรรมชาติจากเงินทุนต่างๆที่ไหลเข้ามาจากการกู้ยืมเงิน

    การกู้ยืมเงินเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้นักลงทุน VI หลายท่านต้องบ่นว่าทำไมราคาหุ้นถึงแพง ทำไม P/E Ratio ของหุ้นธุรกิจดีๆหลายตัวถึงสูงเกินกว่าจุดที่อยากเข้าซื้อ

    4️⃣ ตราบใดที่เงินกู้ในตลาดยังเยอะอยู่ราคาของสินทรัพย์ก็จะอยู่สูงกว่าราคาธรรมชาติ

    จากกราฟในรูปใหญ่สีฟ้า จะเห็นได้ว่าราคาของหุ้นที่เป็นเส้นทึบนั้นจะอยู่สูงกว่าเส้นตรงที่เป็นเส้นเบอร์ 1 ที่เกิดจากผลผลิตตามธรรมชาติอยู่เสมอ (ถ้ายังไม่ถึงขาลงที่จะอธิบายในข้อ 8) เพราะเหตุผลที่ได้เล่าไปแล้วว่าเงินที่มาจากการกู้นั้นเข้ามาเร่งผลผลิต โดยหากระบบการเงินไม่มีปัญหาราคาหุ้นอาจจะคงอยู่สูงกว่าเส้นเบอร์ 1 นี้ไปได้เรื่อยๆ

    นี่คือเหตุผลที่ทำไม "ราคาหุ้นในปัจจุบันถึงอาจดีดสูงขึ้นเกินกว่าสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงไปแล้ว"

    เพราะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกและการอัดฉีดสภาพคล่องนั้นก็เสมือนกับเป็นการให้ตลาดกู้เงินครั้งใหญ่อีกรอบ

    5️⃣ แต่เกมส์และวงจรนี้อาจจบลงได้ หากว่าเกิดหนี้เสียเยอะจนระบบวงจรการกู้เงินนั้นพังทลายลง

    นี่เป็นปัญหาที่ธนาคารกลางทั่วโลกพยายามต่อสู้มาโดยตลอด ยกตัวอย่างเมื่อปี 2008 การลดดอกเบี้ยและเข้าซื้อสินทรัพย์ (ให้กู้) ครั้งใหญ่นั้นทำให้เศรษฐกิจโลกรอดมาได้อีกครั้ง ระบบวงจรการกู้ยืมนั้นยังไม่พังเพียงแต่ "หนี้ในอนาคตกำลังเพิ่มสูงขึ้น"

    วิกฤตไวรัสโควิดในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากว่าระบบการกู้ยืมเงินยังคงสามารถหนีพ้นวิกฤตหนี้เสียไปได้และระบบยังไม่ล้ม เศรษฐกิจก็ยังจะเดินหน้าไปต่อและราคาสินทรัพย์ก็จะยังขึ้นสูงต่อไปได้ ต่อให้ทุกคนคิดว่าราคาจะแพงเกินไปก็ตาม เพราะการกู้ยืมเงินยังไม่สิ้นสุดนั้นเองครับ

    หวังว่ามาถึงจุดนี้คงพอจะตอบโจทย์ทุกท่านได้แล้วว่าทำไมการกู้ยืมเงินถึงมีความสำคัญมากต่อราคาสินทรัพย์ และทำไมในตลาดปัจจุบันถึงยังเป็นขาขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี

    แต่เมื่อไหร่ล่ะที่วงจรการกู้ยืมนี้จะจบลง ?

    เมื่อไหร่ที่ระบบนี้จะล้มลง ?

    และเราจะเห็นราคาหุ้นโดนเทขายครั้งใหญ่ไหม ?

    6️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินนั้นแบ่งออกเป็น #ระยะสั้น และ #ระยะยาว

    ก่อนจะตอบคำถามด้านบนได้นั้น ต้องเข้าใจวงจรทั้ง 2 ระบบก่อน อธิบายสั้นๆคือวงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้นคือวงจรปัญหาที่ธนาคารกลางทั่วโลกสามารถรับมือและแก้ไขได้ และเราได้ผ่านวงจรหนี้ระยะสั้นมากว่า 7-8 ครั้งแล้วนับตั้งแต่ The Great Depression ในปี 1930s ไม่ว่าจะเป็นช่วง วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

    เวลาที่วงจรหนี้ระยะสั้นจบลงหรือเกิดหนี้เสียจนล้นระบบนั้น ทางธนาคารกลางยังสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยการลดดอกเบี้ย แต่วงจรหนี้ระยะยาวนั้นคือเมื่อ "การลดดอกเบี้ยไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกต่อไป"

    ลองมาทำความรู้จักผลกระทบของทั้ง 2 วงจรต่อราคาสินทรัพย์กันเลยครับ

    7️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้น = ภาพที่วงเลข 2 ด้านล่าง

    เมื่อคนที่กู้ยืมเงินมาอาจไม่สามารถผลิตผลออกมาคืนเป็นเงินได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ถ้าธุรกิจเกิดขาดทุน ลูกหนี้ไม่สามารถคืนเงินได้ แน่นอนราคาของสินทรัพย์และผลผลิตต่างๆก็จะหดตัวลง การที่หุ้นไม่สามารถทำตามความคาดหวังได้ก็จะเกิดการเทขาย

    แต่ผู้ที่ควบคุมดอกเบี้ยของการกู้ยืมทั่วโลกคือรัฐบาลกลางต่างๆของโลก ถ้าหนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถคืนได้ มีหนี้เสียเยอะ เศรษฐกิจฝืดเคืองทางรัฐบาลก็จะลดดอกเบี้ยลงมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษกิจใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็จะขึ้นดอกเบี้ยหากว่าการโตของเศรษฐกิจจะดูเร็วเกินไปต้องมีการดึงเงินออกนอกระบบ

    การกำหนดอัตตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกนั้นจึงทำให้เกิดช่วงที่ผลผลิตโตเร็วและผลผลิตโตช้า สับๆกันไปเป็นรูปคลื่นดั่งรูปที่ 2 ด้านล่าง ส่งผลให้ราคาหุ้นหรือผลผลิตรวมของโลกนั้นมีช่วงขึ้นและลงจากแกนกลาง

    ตามเวลาเฉลี่ยแล้ววัฏจักรของวงจรหนี้ระยะสั้นจะอยู่ที่ 5-8 ปี (หรือแต่ระรอบของ Recession นั้นเอง)

    8️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินระยะยาว = ภาพที่วงเลข 3 ด้านล่าง

    ถึงแม้การขึ้นลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะแก้ปัญหาได้เป็นรอบๆ แต่จะต้องมีวันนึงที่หนี้ในระบบนั้นเสียเยอะเกินกว่าการขึ้นลงดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ หากดอกเบี้ยนั้นต่ำมากจนลดไม่ได้แล้ว คนให้ยืมเงินก็จะไม่ยอมให้ยืมอีก เงินที่จะไหลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปนั้นก็จะหมดไป เราเรียกสถานการณ์นี้ว่า "ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ" หรือ "Depression"

    มันคือช่วงเวลาที่ตรงกันข้ามกับการกู้ยืมเงิน "มันคือช่วงเวลาที่คนไม่ยอมให้ยืมเงินแล้ว" เพราะฉะนั้นการผลิตที่เราเคยได้อยู่สูงกว่าการผลิตอย่างธรรมชาตินั้นจะต้องหยุดลง และแม้แต่การผลิตตามธรรมชาติก็ทำไม่ได้ เพราะคนต้องนำบริษัทหรือสินทรัพย์นั้นขายกลับคืนไปสู่เจ้าของ ผลผลิตในโลกจะน้อยมากๆ สภาพคล่องก็หาไม่ได้ คนก็จะต้องเทขายหุ้นกลับไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา

    สถานการณ์ Depression แบบนี้ที่ธนาคารกลางช่วยเหลือไม่ได้จะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรทุกๆประมาณ 50-60 ปีครั้งในอดีต

    9️⃣ หากเรานำเลขที่วงไว้ทั้ง 3 เลขมาประกอบกันเราก็จะได้เป็นวัฏจักรตลาดหุ้นนี่เอง !

    วัฏจักรตลาดหุ้นที่มีการขึ้นลงรอบเล็กๆและรอบใหญ่ๆ แต่โดยรวมแล้วราคาหุ้นอย่างไรก็จะโตในระยะยาวเพราะผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องดูและหาจังหวะในการลงทุนที่ดี

    จะเห็นได้ว่าการกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางนั้นมีความสำคัญมาก หากดอกเบี้ยยังสามารถลดได้เราก็อาจจะผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ไปได้โดยยังไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Depression)

    สถานการณ์ปัจจุบันของวิกฤตไวรัสโควิดทำให้เรากำลังอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร ?

    จากที่เราเห็นราคาสินทรัพย์ที่ดีดตัวสูงขึ้นมาหลังจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางโดยเฉพาะ FED ทำให้เราควรเชื่อก่อนว่าตอนนี้เราก็ยังอยู่ในแค่ช่วงวงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้นเท่านั้นที่ติดขัด ธนาคารกลางน่าจะยังช่วยดันให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยหนี้ที่ใหญ่ขึ้น

    แต่นั้นก็มาบนสมมุติฐานที่ทาง IMF และนักลงทุนต่างๆมองว่า GDP โลกปีนี้จะกลับมาโตที่ +5% กว่าๆและหลังจากการโตอย่างต่อเนื่องนั้นธนาคารกลางจึงจะค่อยๆลดสภาพคล่องในตลาดลงโดยการขึ้นดอกเบี้ย แต่หากไม่เป็นตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้และเศรษฐกิจกลับล้มลง วงจรหนี้ระยะยาวก็อาจจะสิ้นสุดลงก่อนได้

    1️⃣1️⃣ แล้ววงจรการกู้ยืมเงินระยะยาวจะจบลงเมื่อไหร่ ?

    คำถามนี้นั้นยังไม่มีใครรู้แม้แต่ตัว FED เอง เพราะทาง FED เองก็ยังไม่แน่ใจถึงพลังและความสามารถที่ตัวเองมีต่อตลาด นี่เป็นครั้งแรกที่ FED พยายามออกมาอุ้มหนี้มากมายและพิมพ์เงินออกมามากที่สุดในประวัติศาสตร์ และหากการทำเช่นนี้ได้ผลวงจรการกู้ยืมเงินระยะยาวอาจจะอยู่ไปได้ยาวกว่าในอดีตที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 ปีก่อนจะมี FED และระบบการเงินปัจจุบันก็เป็นได้ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้

    #สิ่งที่สำคัญที่อยากสรุปให้นักลงทุนทราบคือ

    วงจรของการกู้ยืมนั้นสำคัญมาก มันคือจังหวะในการตั้งแผนการลงทุนระยะยาว การแบ่งเงินทุนไว้เข้าซื้อเมื่อวงจรหนี้ระยะสั้นนั้นสิ้นสุดลง การเตรียมแผนรับมือตลาดตกอย่างรุนแรงหากวงจรหนี้ระยะยาวจะสิ้นสุดลง

    ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตมาเกือบ 100 ปี ตั้งแต่ Great Depression ในปี 1930s นั้น หากไม่มีการกู้ยืมราคาสินทรัพย์และการผลิตของโลกจะไม่มีวันมายืนอยู่ในระดับที่สูงและเร็วขนาดนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้นทางออกจะมีเพียงแค่ 2 ทางในอนาคตคือ

    1️⃣ โลกเราอาจสามารถผ่านทุกวิกฤตระยะสั้นไปได้ แต่ผลตอบแทนสินทรัพย์ในอนาคตคต่อปีจะเริ่มหดลงจนเส้นการผลิตตามธรรมชาติจะค่อยๆไต่ขึ้นมาจนชนกับราคาสินทรัพย์ได้ในอนาคต

    2️⃣ โลกเราไม่สามารถรับมือกับวิกฤตที่เข้ามาหนักกว่าที่คาดไว้และวงจรหนี้ระยะยาวต้องจบสิ้นลง และราคาของสินทรัพย์ก็จะต้องหล่นกลับไปอยู่ในระดับของเส้นที่ 1 หรือต่ำกว่า

    ซึ่งหากข้อ 2 นั้นเกิดขึ้นจริงๆก็จะน่ากลัวมากๆสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลก

    ✅ ไม่ว่าทางออกของตลาดหุ้นจะเป็นแบบที่ 1 หรือ 2 ก็สามารถติดตามอัพเดทและบทวิเคราะห์จากทางเราได้

    แนะนำให้กดตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนของเพจให้เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด” ไว้เลยครับ จะได้ไม่ปล่อยให้ Facebook ซ่อนโพสต์ของเรา

    ส่วนนักลงทุนท่านใดสนใจมาร่วมกลุ่ม LINE เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนข่าวสารเรื่อง "การลงทุนในต่างประเทศ" ไปกับเราโดยเฉพาะ
    เพียงแค่แชร์โพสต์จากเพจ 3 โพสต์แล้วส่ง Inbox - Screenshot รูปที่แชร์ทั้งหมดเข้ามา พร้อมกับบอกว่าอยากเข้ากลุ่ม "กองทุนต่างประเทศ" เดี๋ยวทางเราจะส่ง Invite เข้าไปครับ

    หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อนักลงทุนทุกท่านนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรามาตลอดครับ ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยครับ ขอบคุณครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ANALYSIS] - ทำไมอัตราดอกเบี้ยและการกู้ยืมเงินถึงทำให้เกิดวัฏจักรตลาดหุ้น ? อะไรทำให้หุ้นเป็น #ขาขึ้น หรือ #ขาลง ?

    Ray Dalio ได้เคยมาอธิบายให้เราเข้าใจกันได้ง่ายๆแล้ว

    ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานักลงทุนทุกท่านคงจะได้ยินข่าวกันแล้วว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว (Bond Yield) อายุ 10 ปีของสหรัฐที่พุ่งขึ้นมาแตะสูงถึง 1.6% เป็นประเด็นหลักที่กำลังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่

    ทำให้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า "#ทำไมตลาดหุ้นถึงต้องขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำด้วย" ?

    ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้น และไม่มีปัจจัยสำคัญไปมากกว่านี้แล้ว โดยถึงแม้ตลาดตราสารหนี้ (การกู้ยืมเงิน) อาจจะไม่ได้เป็นที่พูดถึงกันบ่อยเท่าตลาดหุ้น แต่เงินที่ไหลเวียนอยู่ในตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกนั้นใหญ่กว่าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมกันถึงกว่า 3-4 เท่าเลยทีเดียว !

    ในปีที่ผ่านมาหลายท่านอาจจะได้ยินคำพูดที่ว่า "ช่วงนี้มีเงินไหลเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้นเยอะ ทำให้ราคาหุ้นขึ้นง่ายๆ" เงินที่เราพูดถึงกันเหล่านี้ก็คือเงินที่ไหลมาจากตลาดตราสารหนี้นั้นแหละครับ ที่เกิดจากการที่ดอกเบี้ยต่ำติดดินทั่วโลกทำให้เงินไหลออกมาหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

    ทั้งหมดนี้ทำให้วงจรของการกู้ยืมเงินนั้นมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและต่อราคาของสินทรัพย์ (ราคาหุ้น) เป็นอย่างมาก และ Ray Dalio ก็เรียกวงจรของการกู้ยืมเงินว่าเป็น "ตัวกำหนดวัฏจักรของการขึ้นลงของราคาสินทรัพย์ทั่วโลกเลยทีเดียว"

    โดยอธิบายให้พวกเราฟังว่า

    1️⃣ #หากโลกนี้ไม่มีการกู้ยืมเงิน ราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร ?

    จริงๆแล้วการเติบโตของผลผลิตรวมของโลกเรานั้นตามทฤษฎีแล้วมันควรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงเพราะไม่มีเงินอัดฉีดเข้ามาทำให้เร่งการผลิตเพิ่มขึ้นได้ ใครผลิตได้เท่าไหนก็ได้เท่านั้น และการผลิตจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ และไม่ควรจะมีการลดลง

    โดยราคาหุ้นซึ่งสะท้อนถึงผลผลิตรวมนั้นตามทฤษฎีแล้วควรจะมีแต่ค่อยๆขึ้นเป็นเส้นตรงตามภาพที่วงเลข 1 ไว้ด้านล่างเลยครับ การผลิตรวมของโลกนั้นจะเติบโตไปเรื่อยๆ จะไม่มีขาลงเพราะทุกๆฝ่ายก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตต่อไป ไม่ได้มีใครมีปัญหาอะไร

    #แต่การกู้ยืมเงินนั้นจะทำให้โลกของเราซับซ้อนมากขึ้นเยอะ

    2️⃣ เพราะโลกจริงๆของเรานั้น"มีการกู้ยืมเงิน"

    การกู้ยืมเงินนั้นทำให้ผลผลิตของคนบางคน ธุรกิจบางธุรกิจ หรือ ประเทศบางประเทศ นั้นสามารถเติบโตได้เร็วกว่าที่อื่นและเป็นการสร้างให้เกิด "การโตที่เร็วกว่าธรรมชาติได้" ฟังเผินๆอาจจะดูเหมือนการกู้เงินเป็นสิ่งที่ดีอย่างเดียว เพราะสามารถทำให้โลกขยายการผลิตธุรกิจที่กำลังมีความต้องการสูงได้

    แต่แน่นอนว่า #เหรียญนั้นมีสองด้านเสมอ

    เมื่อมีการกู้ยืมมาก็ต้องมีการคืนเงิน แปลว่าวันนึงหากธุรกิจที่เติบโตเร็วกว่าธรรมชาตินั้นไม่ได้เป็นอย่างที่มองไว้เหมือนเดิม ธุรกิจไม่ได้โตได้ดังที่เคยคาดหวังไว้ ปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในวันที่คน หรือบริษัท หรือประเทศเหล่านั้นต้องนำเงินไปคืน และหากพวกเขาไม่สามารถคืนเงินได้ หรือเกิดหนี้เสีย... ความซับซ้อนก็จะเริ่มเกิดขึ้น

    3️⃣ การกู้เงินทำให้ราคาสินทรัพย์ (ราคาหุ้น) เพิ่มเร็วขึ้นกว่าธรรมชาติ

    เพราะราคาหุ้นก็คือสินค้าอย่างนึง เป็นสินค้าที่ขึ้นลงตาม Demand/Supply ได้อย่างดี ทำให้พอมีการกู้ยืมเงิน คนที่มีเงินเยอะก็จะเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นของกิจการที่กำลังทำกำไรได้ดี ทำให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์เหล่ามีมูลค่าสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วเกินธรรมชาติ การขยายผลผลิตก็สามารถทำได้เร็วขึ้นเกินธรรมชาติจากเงินทุนต่างๆที่ไหลเข้ามาจากการกู้ยืมเงิน

    การกู้ยืมเงินเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้นักลงทุน VI หลายท่านต้องบ่นว่าทำไมราคาหุ้นถึงแพง ทำไม P/E Ratio ของหุ้นธุรกิจดีๆหลายตัวถึงสูงเกินกว่าจุดที่อยากเข้าซื้อ

    4️⃣ ตราบใดที่เงินกู้ในตลาดยังเยอะอยู่ราคาของสินทรัพย์ก็จะอยู่สูงกว่าราคาธรรมชาติ

    จากกราฟในรูปใหญ่สีฟ้า จะเห็นได้ว่าราคาของหุ้นที่เป็นเส้นทึบนั้นจะอยู่สูงกว่าเส้นตรงที่เป็นเส้นเบอร์ 1 ที่เกิดจากผลผลิตตามธรรมชาติอยู่เสมอ (ถ้ายังไม่ถึงขาลงที่จะอธิบายในข้อ 8) เพราะเหตุผลที่ได้เล่าไปแล้วว่าเงินที่มาจากการกู้นั้นเข้ามาเร่งผลผลิต โดยหากระบบการเงินไม่มีปัญหาราคาหุ้นอาจจะคงอยู่สูงกว่าเส้นเบอร์ 1 นี้ไปได้เรื่อยๆ

    นี่คือเหตุผลที่ทำไม "ราคาหุ้นในปัจจุบันถึงอาจดีดสูงขึ้นเกินกว่าสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงไปแล้ว"

    เพราะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกและการอัดฉีดสภาพคล่องนั้นก็เสมือนกับเป็นการให้ตลาดกู้เงินครั้งใหญ่อีกรอบ

    5️⃣ แต่เกมส์และวงจรนี้อาจจบลงได้ หากว่าเกิดหนี้เสียเยอะจนระบบวงจรการกู้เงินนั้นพังทลายลง

    นี่เป็นปัญหาที่ธนาคารกลางทั่วโลกพยายามต่อสู้มาโดยตลอด ยกตัวอย่างเมื่อปี 2008 การลดดอกเบี้ยและเข้าซื้อสินทรัพย์ (ให้กู้) ครั้งใหญ่นั้นทำให้เศรษฐกิจโลกรอดมาได้อีกครั้ง ระบบวงจรการกู้ยืมนั้นยังไม่พังเพียงแต่ "หนี้ในอนาคตกำลังเพิ่มสูงขึ้น"

    วิกฤตไวรัสโควิดในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากว่าระบบการกู้ยืมเงินยังคงสามารถหนีพ้นวิกฤตหนี้เสียไปได้และระบบยังไม่ล้ม เศรษฐกิจก็ยังจะเดินหน้าไปต่อและราคาสินทรัพย์ก็จะยังขึ้นสูงต่อไปได้ ต่อให้ทุกคนคิดว่าราคาจะแพงเกินไปก็ตาม เพราะการกู้ยืมเงินยังไม่สิ้นสุดนั้นเองครับ

    หวังว่ามาถึงจุดนี้คงพอจะตอบโจทย์ทุกท่านได้แล้วว่าทำไมการกู้ยืมเงินถึงมีความสำคัญมากต่อราคาสินทรัพย์ และทำไมในตลาดปัจจุบันถึงยังเป็นขาขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี

    แต่เมื่อไหร่ล่ะที่วงจรการกู้ยืมนี้จะจบลง ?

    เมื่อไหร่ที่ระบบนี้จะล้มลง ?

    และเราจะเห็นราคาหุ้นโดนเทขายครั้งใหญ่ไหม ?

    6️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินนั้นแบ่งออกเป็น #ระยะสั้น และ #ระยะยาว

    ก่อนจะตอบคำถามด้านบนได้นั้น ต้องเข้าใจวงจรทั้ง 2 ระบบก่อน อธิบายสั้นๆคือวงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้นคือวงจรปัญหาที่ธนาคารกลางทั่วโลกสามารถรับมือและแก้ไขได้ และเราได้ผ่านวงจรหนี้ระยะสั้นมากว่า 7-8 ครั้งแล้วนับตั้งแต่ The Great Depression ในปี 1930s ไม่ว่าจะเป็นช่วง วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

    เวลาที่วงจรหนี้ระยะสั้นจบลงหรือเกิดหนี้เสียจนล้นระบบนั้น ทางธนาคารกลางยังสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยการลดดอกเบี้ย แต่วงจรหนี้ระยะยาวนั้นคือเมื่อ "การลดดอกเบี้ยไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกต่อไป"

    ลองมาทำความรู้จักผลกระทบของทั้ง 2 วงจรต่อราคาสินทรัพย์กันเลยครับ

    7️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้น = ภาพที่วงเลข 2 ด้านล่าง

    เมื่อคนที่กู้ยืมเงินมาอาจไม่สามารถผลิตผลออกมาคืนเป็นเงินได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ถ้าธุรกิจเกิดขาดทุน ลูกหนี้ไม่สามารถคืนเงินได้ แน่นอนราคาของสินทรัพย์และผลผลิตต่างๆก็จะหดตัวลง การที่หุ้นไม่สามารถทำตามความคาดหวังได้ก็จะเกิดการเทขาย

    แต่ผู้ที่ควบคุมดอกเบี้ยของการกู้ยืมทั่วโลกคือรัฐบาลกลางต่างๆของโลก ถ้าหนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถคืนได้ มีหนี้เสียเยอะ เศรษฐกิจฝืดเคืองทางรัฐบาลก็จะลดดอกเบี้ยลงมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษกิจใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็จะขึ้นดอกเบี้ยหากว่าการโตของเศรษฐกิจจะดูเร็วเกินไปต้องมีการดึงเงินออกนอกระบบ

    การกำหนดอัตตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกนั้นจึงทำให้เกิดช่วงที่ผลผลิตโตเร็วและผลผลิตโตช้า สับๆกันไปเป็นรูปคลื่นดั่งรูปที่ 2 ด้านล่าง ส่งผลให้ราคาหุ้นหรือผลผลิตรวมของโลกนั้นมีช่วงขึ้นและลงจากแกนกลาง

    ตามเวลาเฉลี่ยแล้ววัฏจักรของวงจรหนี้ระยะสั้นจะอยู่ที่ 5-8 ปี (หรือแต่ระรอบของ Recession นั้นเอง)

    8️⃣ วงจรการกู้ยืมเงินระยะยาว = ภาพที่วงเลข 3 ด้านล่าง

    ถึงแม้การขึ้นลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะแก้ปัญหาได้เป็นรอบๆ แต่จะต้องมีวันนึงที่หนี้ในระบบนั้นเสียเยอะเกินกว่าการขึ้นลงดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ หากดอกเบี้ยนั้นต่ำมากจนลดไม่ได้แล้ว คนให้ยืมเงินก็จะไม่ยอมให้ยืมอีก เงินที่จะไหลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปนั้นก็จะหมดไป เราเรียกสถานการณ์นี้ว่า "ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ" หรือ "Depression"

    มันคือช่วงเวลาที่ตรงกันข้ามกับการกู้ยืมเงิน "มันคือช่วงเวลาที่คนไม่ยอมให้ยืมเงินแล้ว" เพราะฉะนั้นการผลิตที่เราเคยได้อยู่สูงกว่าการผลิตอย่างธรรมชาตินั้นจะต้องหยุดลง และแม้แต่การผลิตตามธรรมชาติก็ทำไม่ได้ เพราะคนต้องนำบริษัทหรือสินทรัพย์นั้นขายกลับคืนไปสู่เจ้าของ ผลผลิตในโลกจะน้อยมากๆ สภาพคล่องก็หาไม่ได้ คนก็จะต้องเทขายหุ้นกลับไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา

    สถานการณ์ Depression แบบนี้ที่ธนาคารกลางช่วยเหลือไม่ได้จะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรทุกๆประมาณ 50-60 ปีครั้งในอดีต

    9️⃣ หากเรานำเลขที่วงไว้ทั้ง 3 เลขมาประกอบกันเราก็จะได้เป็นวัฏจักรตลาดหุ้นนี่เอง !

    วัฏจักรตลาดหุ้นที่มีการขึ้นลงรอบเล็กๆและรอบใหญ่ๆ แต่โดยรวมแล้วราคาหุ้นอย่างไรก็จะโตในระยะยาวเพราะผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องดูและหาจังหวะในการลงทุนที่ดี

    จะเห็นได้ว่าการกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางนั้นมีความสำคัญมาก หากดอกเบี้ยยังสามารถลดได้เราก็อาจจะผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ไปได้โดยยังไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Depression)

    สถานการณ์ปัจจุบันของวิกฤตไวรัสโควิดทำให้เรากำลังอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร ?

    จากที่เราเห็นราคาสินทรัพย์ที่ดีดตัวสูงขึ้นมาหลังจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางโดยเฉพาะ FED ทำให้เราควรเชื่อก่อนว่าตอนนี้เราก็ยังอยู่ในแค่ช่วงวงจรการกู้ยืมเงินระยะสั้นเท่านั้นที่ติดขัด ธนาคารกลางน่าจะยังช่วยดันให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยหนี้ที่ใหญ่ขึ้น

    แต่นั้นก็มาบนสมมุติฐานที่ทาง IMF และนักลงทุนต่างๆมองว่า GDP โลกปีนี้จะกลับมาโตที่ +5% กว่าๆและหลังจากการโตอย่างต่อเนื่องนั้นธนาคารกลางจึงจะค่อยๆลดสภาพคล่องในตลาดลงโดยการขึ้นดอกเบี้ย แต่หากไม่เป็นตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้และเศรษฐกิจกลับล้มลง วงจรหนี้ระยะยาวก็อาจจะสิ้นสุดลงก่อนได้

    1️⃣1️⃣ แล้ววงจรการกู้ยืมเงินระยะยาวจะจบลงเมื่อไหร่ ?

    คำถามนี้นั้นยังไม่มีใครรู้แม้แต่ตัว FED เอง เพราะทาง FED เองก็ยังไม่แน่ใจถึงพลังและความสามารถที่ตัวเองมีต่อตลาด นี่เป็นครั้งแรกที่ FED พยายามออกมาอุ้มหนี้มากมายและพิมพ์เงินออกมามากที่สุดในประวัติศาสตร์ และหากการทำเช่นนี้ได้ผลวงจรการกู้ยืมเงินระยะยาวอาจจะอยู่ไปได้ยาวกว่าในอดีตที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 ปีก่อนจะมี FED และระบบการเงินปัจจุบันก็เป็นได้ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้

    #สิ่งที่สำคัญที่อยากสรุปให้นักลงทุนทราบคือ

    วงจรของการกู้ยืมนั้นสำคัญมาก มันคือจังหวะในการตั้งแผนการลงทุนระยะยาว การแบ่งเงินทุนไว้เข้าซื้อเมื่อวงจรหนี้ระยะสั้นนั้นสิ้นสุดลง การเตรียมแผนรับมือตลาดตกอย่างรุนแรงหากวงจรหนี้ระยะยาวจะสิ้นสุดลง

    ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตมาเกือบ 100 ปี ตั้งแต่ Great Depression ในปี 1930s นั้น หากไม่มีการกู้ยืมราคาสินทรัพย์และการผลิตของโลกจะไม่มีวันมายืนอยู่ในระดับที่สูงและเร็วขนาดนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้นทางออกจะมีเพียงแค่ 2 ทางในอนาคตคือ

    1️⃣ โลกเราอาจสามารถผ่านทุกวิกฤตระยะสั้นไปได้ แต่ผลตอบแทนสินทรัพย์ในอนาคตคต่อปีจะเริ่มหดลงจนเส้นการผลิตตามธรรมชาติจะค่อยๆไต่ขึ้นมาจนชนกับราคาสินทรัพย์ได้ในอนาคต

    2️⃣ โลกเราไม่สามารถรับมือกับวิกฤตที่เข้ามาหนักกว่าที่คาดไว้และวงจรหนี้ระยะยาวต้องจบสิ้นลง และราคาของสินทรัพย์ก็จะต้องหล่นกลับไปอยู่ในระดับของเส้นที่ 1 หรือต่ำกว่า

    ซึ่งหากข้อ 2 นั้นเกิดขึ้นจริงๆก็จะน่ากลัวมากๆสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลก

    ✅ ไม่ว่าทางออกของตลาดหุ้นจะเป็นแบบที่ 1 หรือ 2 ก็สามารถติดตามอัพเดทและบทวิเคราะห์จากทางเราได้

    แนะนำให้กดตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนของเพจให้เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด” ไว้เลยครับ จะได้ไม่ปล่อยให้ Facebook ซ่อนโพสต์ของเรา

    ส่วนนักลงทุนท่านใดสนใจมาร่วมกลุ่ม LINE เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนข่าวสารเรื่อง "การลงทุนในต่างประเทศ" ไปกับเราโดยเฉพาะ
    เพียงแค่แชร์โพสต์จากเพจ 3 โพสต์แล้วส่ง Inbox - Screenshot รูปที่แชร์ทั้งหมดเข้ามา พร้อมกับบอกว่าอยากเข้ากลุ่ม "กองทุนต่างประเทศ" เดี๋ยวทางเราจะส่ง Invite เข้าไปครับ

    หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อนักลงทุนทุกท่านนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรามาตลอดครับ ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยครับ ขอบคุณครับ

    #ทันโลกกับTraderKP



     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หญิงไทยในอังกฤษตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลังได้รับวัคซีนเข็มแรกช่วงสิ้นปี

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิธีรักษา "ไข้ใจ" เมื่อความรักคือโรคร้ายที่เยียวยาได้ด้วยการแพทย์ในยุคกลาง
    14 กุมภาพันธ์ 2021

    "ความรักคือโรคา บันดาลตาให้มืดมน" เป็นบทกวีที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยครั้ง ผู้คนยังมักกล่าวกันว่าความรักทำให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน และหลายคนก็เกิดอาการเจ็บป่วยทางกายขึ้นมาจากเหตุความรักไม่สมหวังได้จริง ๆ ในยุคหนึ่งบรรดาผู้รู้มองว่า "ไข้ใจ" ชนิดนี้ สามารถจะรักษาให้หายขาดได้ด้วยเทคนิควิธีทางการแพทย์

    ในยุคกลางของยุโรป เมื่อราวศตวรรษที่ 5 ถึงปลายศตวรรษที่ 15 นั้น ไข้ใจหรือโรคคลั่งรักเป็นความเจ็บป่วยที่ส่งผลกระทบรุนแรงทางกายด้วย และในบางครั้งหากไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

    ดร. ลอรา คาลาส ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีและการแพทย์ยุคกลางจากมหาวิทยาลัยสวอนซีของสหราชอาณาจักร ได้เขียนบทความว่าด้วยการวินิจฉัยโรคไข้ใจและวิธีรักษาด้วยการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งลงเผยแพร่ในเว็บไซต์วิชาการ The Conversation ไว้ดังนี้

    "ความเชื่อเก่าแก่ที่ว่าความรักความผูกพันทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นได้นั้น ในปัจจุบันแวดวงวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้รับรองแล้วว่าเกิดขึ้นได้จริง โดยอิทธิพลจากความแปรปรวนของสารสื่อประสาทในสมอง เช่นโดพามีน อะดรีนาลิน และเซโรโทนิน ทำให้คนที่อยู่ในห้วงรักมีอาการเจ็บปวดไม่สบายกายขึ้นมาได้เช่นกัน"

    "แต่วิชาการแพทย์ในยุคกลางนั้น ถือว่ากายและใจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลวที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกาย 4 ชนิด หรือที่เรียกว่าฮิวเมอร์ (Humour) จะต้องอยู่ในภาวะสมดุลเพื่อให้มีสุขภาพดี หากของเหลวทั้ง 4 ซึ่งได้แก่เลือด เสมหะ น้ำดีดำ และน้ำดีเหลือง เกิดเสียสมดุลระหว่างกันไป ความเจ็บป่วยและโรคภัยต่าง ๆ จะมาเยือนในทันที"

    ภาพประกอบจากหนังสือ Roman de la Rose เล่าถึงตำนาน "พิกเมเลียน" ประติมากรที่ล้มป่วยด้วยไข้ใจเพราะหลงรักรูปปั้นหญิงงามที่ตนเองสร้างขึ้น
    ที่มาของภาพ,NLW / WIKIMEDIA COMMONS
    คำบรรยายภาพ,

    "ตำราของกาเลน (Galen) แพทย์ชาวกรีกผู้พัฒนาวิธีวินิจฉัยและรักษาโรคตามหลักสมดุลของฮิวเมอร์ระบุว่า คนที่มีนิสัยเจ้าทุกข์มักมีแนวโน้มจะฟูมฟายโศกเศร้ากับความรัก รวมทั้งล้มป่วยด้วยไข้ใจได้ง่าย เนื่องจากมีน้ำดีดำอยู่มากเกินไป จนทำให้ภายในร่างกายเย็นและแห้ง"

    "นักบวชและแพทย์คนสำคัญในศตวรรษที่ 11 คอนสแตนติน ดิ แอฟริกัน (Constantine the African) ชี้ว่าไข้ใจนั้นเป็นโรคที่สัมผัสกับเนื้อสมอง บางครั้งสาเหตุของโรคนี้คือความต้องการตามธรรมชาติที่รุนแรงเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องหาทางขับฮิวเมอร์ส่วนเกินออกมา ทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกและกระสับกระส่าย"

    "วรรณกรรมในยุคกลางกล่าวถึงอาการป่วยทางกาย ซึ่งเกิดจากความคิดถึงคะนึงหาคนรักอยู่บ่อยครั้ง เช่นในบทกวี Confessio Amantis หรือคำสารภาพของคู่รัก ซึ่งประพันธ์โดยจอห์น โกเวอร์ ในศตวรรษที่ 14 ชายผู้หนึ่งพร่ำรำพันอ้อนวอนต่อเทพีวีนัสว่า เขาต้องล้มป่วยและทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพราะความรัก จนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จึงทำให้เทพีเห็นใจและนำยาทามาแต้มรักษาบาดแผลที่หัวใจ ขมับ และไตของเขา บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างสาหัสเหมือนไฟเผาลงได้"

    "อาการของโรคไข้ใจที่ปรากฏในตำราแพทย์ยุคกลางนั้น เริ่มตั้งแต่มีความรู้สึกหดหู่หม่นหมอง นอนไม่หลับ สิ้นหวังหมดกำลังใจ เบื่ออาหาร ไปจนถึงมีอาการใจสั่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก เป็นลมหมดสติหรือลมชักกำเริบ"

    หนังสือ Roman de la Rose เป็นที่นิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 14 รวบรวมบทกวีและศาสตร์แห่งรักเป็นภาษาฝรั่งเศสโบราณ
    ที่มาของภาพ,NLW / WIKIMEDIA COMMONS
    คำบรรยายภาพ,

    "ตำราโบราณในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ระบุว่า การปักใจหลงใหลและหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่บุคคลผู้เป็นที่รัก ทำให้อาการเจ็บป่วยยิ่งฝังลึกและยากที่จะรักษาได้ เพราะความเศร้าตรมจะทำให้ร่างกายเย็นลงเรื่อย ๆ และความเย็นจะยิ่งทำให้อารมณ์หม่นหมองลงไปอีกเป็นทวีคูณ"

    "ดังนั้นวิธีรักษาไข้ใจจึงต้องทำให้ผู้ป่วยสงบสติอารมณ์ พักผ่อนและสูดยาดมช่วยผ่อนคลาย รวมทั้งต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เช่นออกไปอาบแดดหรือรับแสงแดดในสวน อาบน้ำอุ่นที่ผสมพืชมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้น เช่นดอกบัวหรือดอกไวโอเล็ต"

    "อาหารที่แนะนำสำหรับคนป่วยไข้ใจ ได้แก่เนื้อแกะ ไข่ ปลา ผักกาดหอม ผลไม้สุก และรากของต้นเฮลเลบอร์ (Hellebore) ส่วนน้ำดีดำในร่างกายที่มีมากเกินไป อาจขจัดออกได้ด้วยการกินยาระบายหรือยาถ่ายชนิดค่อนข้างแรง รวมทั้งใช้วิธีกรีดเลือด (Bloodletting) เพื่อถ่ายเลือดเสียออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์ในยุโรปนิยมใช้รักษาโรคหลายชนิดในยุคโบราณ"

    "ถ้าหากวันวาเลนไทน์ปีนี้คุณรู้สึกไม่ค่อยสบาย หรือรู้สึกเจ็บปวดเพราะความรักกำลังทิ่มแทงหัวใจ จนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว อาจลองใช้วิธีรักษาแบบยุคกลางดูบ้างก็ได้"

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > เกิดคำถามกึ่งดราม่าว่าการที่ "พิมรี่พาย" ยูทูปเบอร์ชื่อดังไปติดตั้งโซลาร์เซลล์ในชุมชนคลองเตย ย่านถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นการส่งเสริมการบุกรุกที่เอกชนหรือไม่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของการท่าเรือฯ และอยู่ระหว่างการเจรจาขอคืนพื้นที่เพื่อมาทำโครงการสมาร์ทคอมมูนิตี้ มีทั้งหมด 4 เฟส

    2 > การท่าเรือฯ ให้เหตุผลว่าต้องการแก้ปัญหาความแออัดของชุมชนคลองเตยที่มีคนเข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2510 โดยโครงการนี้มีแผนดำเนินงานปี 2562-2581 งบประมาณ 9,856.7 ล้านบาท เฟสที่ 1 จะก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยและอาคารบริวาร วงเงิน 2,351 ล้านบาท โดยจะออกแบบเสร็จในเดือนสิงหาคม 2564 ก่อสร้างปี 2566 แล้วเสร็จในปี 2568

    3 > จากการสำรวจชุมชนรอบท่าเรือกรุงเทพ 2,600 ครัวเรือนจากทั้งหมด 13,000 ครัวเรือน 26 ชุมชน พบว่าเลือกอยู่อาศัยในอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ 59% ต้องการย้ายไปยังที่ดินหนองจอก 6% และรับเงินชดเชยเพื่อกลับภูมิลำเนา 26%

    4 > สำหรับพื้นที่ชุมชนคลองเตยทั้งหมดเป็นที่ดินการท่าเรือและพื้นที่โครงการ 129 ไร่ มี 26 ชุมชน และอีก 5 ชุมชนที่อาศัยอยู่ใต้ทางด่วน แต่ยังไม่รวมชุมชนอื่นที่้อยู่ในบริเวณเดียวกันอีก ซึ่ง สัญชัย ยำสัน หนึ่งในผู้นำในชุมชน 70 ไร่ ระบุว่าในชุมชนคลองเตยทั้งหมดมี 44 ชุมชน

    5 > การติดตั้งโซลาร์เซลล์ส่องสว่างนั้นมีทั้งหมด 200 ดวง ราคาดวงละ 1,250 บาท รวมเป็นเงิน 250,000 บาท ไฟเปิดปิดอัตโนมัติ ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งอยู่บริเวณล็อกที่ 1-3 ที่เป็นทางเดินและสนามฟุตบอล ส่วนที่อยู่อาศัยห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร คือชุมชนเชื้อเพลิง

    6 > สำหรับปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินมีข้อพิพาทกันมานานหลายปี และมีการฟ้องร้องคดีกันจนศาลตัดสินให้ชาวบ้านย้ายออก แต่ชาวบ้านไม่ยอมย้ายออก เพราะอยู่อาศัยกันมากว่า 40 ปี ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานไม่ทั่วถึง

    7 > ชุมชนคลองเตยหรือที่มักถูกเรียกว่าสลัมคลองเตยนั้นบ้านมีสำเนาทะเบียนบ้าน มีการขอมิเตอร์น้ำ-มิเตอร์ไฟได้ตามปกติ แต่ที่ผ่านมาไม่มีไฟส่องสว่างตามทางเดิน และสนามเด็กเล่น ทำให้เด็กๆ ต้องเล่นในที่ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ

    8 > ชุมชนแห่งนี้พัวพันการค้ายาเสพติดโดยมีภาพตำนาน "ภาพ 70 ไร่" หรือ สุภาพ ทรัพย์วรสิทธิ์ ฉายา ‘ภาพ 70 ไร่’ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ย่านคลองเตยที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี คดีฟอกเงินค้ายาบ้า 200-500 ล้านบาท เมื่อปี 2558

    9 > อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งมีเรื่องเล่าจากเว็บไซต์พันทิป เมื่อปี 2560 มีสมาชิกโพสต์ไว้ในหัวข้อ “สลัมบุกรุกที่ดิน กลุ้มใจไม่มีใครช่วย วอนขอความคิดเห็นสังคม” ระบุว่า ที่ดินเป็นของคุณแม่ ซื้อมาตั้งแต่สาวๆ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ สภาพที่ดินเป็นบ่อน้ำท่วมทั้งปี ถมดินแล้วให้บริษัทป้ายโฆษณาเช่า

    10 > ผู้โพสต์เล่าว่า สมัยแรกๆ มีคนยากคนจนมาขออยู่อาศัยตรงส่วนพื้นที่ว่างบางส่วน คุณแม่ก็ได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ตั้งที่อยู่ชั่วคราว แต่นานๆ เข้า ก็เริ่มปลูกรุกล้ำเข้ามา แต่คุณแม่ก็มีเก็บค่าเช่าบ้างตามแต่จะให้ แต่ผ่านไปหลายปีปัจจุบันโดนบุกรุกเกือบ 1 ใน 4 ของที่ดิน

    11 > เจ้าของโพสต์ยังระบุว่า ในชุมชนแบ่งออกสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ดีกับคุณแม่มาตลอดจ่ายค่าเช่า ไม่ปลูกสร้างเพิ่มเติม กับอีกกลุ่มที่สร้างบ้านใหม่จนเป็นโครงสร้างถาวรและดื้อแพ่งไม่ยอมฟัง และก่อสร้างบ้านรุกล้ำไปเรื่อยๆ

    12 > จากเนื้อหาส่วนหนึ่งจากโพสต์ดังกล่าวนี้ทำให้เข้าใจว่าที่ดินบริเวณชุมชนคลองเตยมีหลายแปลงและมีหลายเจ้าของ ซึ่งที่ผ่านมามีเอกชน มูลนิธิและประชาชนที่้มีกำลังทรัพย์เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและด้านอื่นๆ

    13 > สัญชัย ยำสัน หัวหน้าโครงการพัฒนาเด็กและชุมชนมูลนิธิดวงประทีปคลองเตย ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชน 70 ไร่ เคยเล่าไว้ว่า มีคนเข้ามาช่วยเหลือหลายรูปแบบ ทั้งคนที่เข้าใจว่าพวกเราต้องการอะไร และคนที่ไม่เข้าใจพวกเรา แต่ถ้าช่วยให้ตรงตามต้องการของคนในชุมชนมากที่สุดก็จะดีกว่า

    14 > อย่างไรก็ตาม ปัญหาความหนาแน่นจนเกิดเป็นชุมชนแออัดไม่ใช่ปัญหาของปัจเจกที่เป็นผู้อยู่อาศัย แต่เป็นปัญหาทางด้านโครงสร้างทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเอื้ออำนวยให้กับเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้มีผู้ใช้แรงงานต้องเดินทางเข้ามาในเมืองเป็นจำนวนมากเพื่อแลกค่าแรง

    15 > เมื่อเวลาผ่านไปครอบครัวขยายมากขึ้นจึงเกิดเป็นพื้นที่แออัด และในที่สุดถูกนิยามให้เป็นพื้นที่ที่สกปรก อันตราย เป็นที่น่ารังเกียจของคนภายนอก เป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ทำให้คนในชุมชนเข้าถึงบริการของรัฐได้ยาก และมีปัญหาการไล่รื้อที่อยู่อาศัยจากเจ้าของที่ดิน เป็นต้น

    16 > ที่น่าสนใจมากกว่าการติดโซลาร์เซลล์ก็คือ เมื่อปี 2559 สนามฟุตบอล ‘AP Unusual Football Field’ หรือ สนามซิกแซก 2 สนาม ซึ่งอยู่ในชุมชนคลองเตยได้รับรางวัลโฆษณาสร้างสรรค์ในหมวดการออกแบบ ผลงานของ CJ Worx เอเจนซีโฆษณาไทยที่ทำให้กับบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) และนิตยสารไทม์ยังเลือกให้เป็น 1 ใน 25 สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2559 ด้วย

    17 > แม้จะเป็นสนามฟุตบอลที่มีรูปร่างแปลกประหลาดที่สุดในโลกของวงการลูกหนังก็ตาม แต่ก็เป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ ที่นี่ได้เข้าถึงโอกาสเท่าที่จะเป็นไปได้

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้ำหินสลักม่ายจีซัน (麦积山石窟) ตั้งอยู่ในเมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู ถ้ำหินแกะสลักม่ายจีซัน เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์ มีประวัติการเจะ ขุด แกะสลัก ต่อเติม ขยายและปรับปรุงมานานมากกว่า 1,000 ปีมาแล้ว แต่ในปัจจุบันมีถ้ำน้อยใหญ่หลงเหลืออยู่ 194 ถ้ำ
    .
    ถ้ำแห่งนี้ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ ที่รวบรวมพระพุทธรูปและรูปแกะสลักมากกว่า 7,200 องค์ รวมถึงภาพวาดจิตกรรมฝาผนังตั้งแต่ยุคโบราณบนพื้นที่อีกกว่า 1,000 ตารางเมตร ความพิเศษของถ้ำแห่งนี้ คือปากถ้ำแต่ละแห่งขุดเจาะอยู่บนความสูง 40 – 80 เมตรจากพื้นดิน และที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อย คือดินที่นำมาปั้นยังคงสภาพเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เกิดการแตกหัก แม้ผ่านกาลเวลามามากกว่าพันปี ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น พิพิธภัณฑ์การปั้นดินเผาแห่งเอเชียตะวันออก (Oriental Clay Sculpture Museum)
    .
    และชื่อ “ม่ายจีซัน” ถูกตั้งชื่อตามลักษณะของภูเขาลูกนี้ที่เหมือนกับกองข้าวสาลี หรือ”ม่ายจีซัน”นั่นเอง และการมาเที่ยวที่นี่นอกจากจะได้ชมความงามจากผลงานการสรรสร้างจากน้ำมือมนุษย์แล้ว ยังจะได้ชื่นชมความงามทางธรรมชาติเป็นของแถมอีกด้วย ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่เหนือทะเลสาบ แม่น้ำ หุบเขา และป่าเขียวชอุ่มที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา พื้นที่เขตนี้เป็นจุดที่มีพืชพันธ์หายากอยู่มากมายและยังเป็นหนึ่งในหมู่พุทธสาคูหาจำหลักที่สำคัญที่สุดของจีนบนเส้นทางสายไหมอีกด้วย
    #ChinaStory #เที่ยวเมืองจีน #เล่าเรื่องจีน #สถาปัตยกรรมจีนโบราณ #เส้นทางสายไหม #ถ้ำหินสลักม่ายจีซัน

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงพบผู้เสียชีวิตรายแรก หลังฉีดวัคซีน Sinovac

    ฮ่องกงได้แถลงคืนวานนี้ว่า ได้มีชายวัย 63 ปี ซึ่งป่วยเป็นเบาหวานและโรคหลอดลมอักเสบ ได้เสียชีวิตลงหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac 2 วัน เขาได้รับวัคซีนในวันแรกที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนในฮ่องกง และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา

    ชายคนดังกล่าวได้ไปที่โรงพยาบาล Queen Elizabeth เมื่พบว่าเริ่มมีอาการหายใจลำบาก เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบ และมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยเข้าสู่อาการโคม่าและเสียชีวิตช่วงเช้าวันอาทิตย์ เวลา 6.00 น.

    แหล่งข่าวเผยว่าทีมแพทย์ไม่ได้ทราบว่าชายคนดังกล่าวมีประวัติได้รับวัคซีนโควิดมาหลังจากแอดมิทแล้ว และคาดว่าชายคนดังกล่าวติดเชื้อโควิด แต่หลังจากทำการตรวจสอบในระบบก็พบว่าเขาได้รับวัคซีนโควิด 2 วันก่อน

    การแถลงจากทางสาธารณสุขเมื่อคืน ไม่ได้มีการอธิบายว่าทำไมจึงแถลงเรื่องนี้ล่าช้า และบอกเพียงว่าจะทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับเคสนี้เพื่อทำการสืบสวนต่อไป ล่าสุดยังไม่แน่นอนว่าการเสียชีวิตของเขาเกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนโควิดหรือไม่

    David Hui Shu-cheong ที่ปรึกษา Covid-19 ของ SAR จาก Chinese University กล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ชายคนดังกล่าวสูบบุหรี่และป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวานซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เขาเสียชีวิต

    หากพิสูจน์ได้ว่าการเสียชีวิตของชายคนดังกล่าวมาจากวัคซีนโควิด เขาจะได้รับการคุ้มครองโดยกองทุนชดใช้ค่าวัคซีน ซึ่งมีงบประมาณรวม 1 พันล้านเหรียญฮ่องกง ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการเงินของสภานิติบัญญัติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    การเยียวยาผู้ได้รับวัคซีน
    หากมีอายุ 40 ปีขึ้นไป
    - หากมีการเสียชีวิต ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 2 ล้านเหรียญฮ่องกง
    - หากมีการเจ็บป่วยร้ายแรง จะได้รับเงิน 2.5 ล้านเหรียญฮ่องกง
    หากมีอายุต่ำกว่า 40 ปี
    - หากมีการเสียชีวิต ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 2.5 ล้านเหรียญฮ่องกง
    - หากมีการเจ็บป่วยร้ายแรง จะได้รับเงิน 3 ล้านเหรียญฮ่องกง

    ตัวเลขล่าสุดมีประชาชน 40,000 คนจากกลุ่ม priority ที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac โดสแรก จากจำนวนทั้งหมด 254,000 คนที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน

    ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
    สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.thestandard.com.hk/section-news/section/11/228018/Man-dies-two-days-after-Sinovac-jab

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน BioNTeach เพิ่มพรุ่งนี้ และขยายมาตรการ social-distancing อีก 2 สัปดาห์

    ฮ่องกงจะเปิดให้ลงทะเบียนรับการฉัดวัคซีน BioNTeach วันพรุ่งนี้ (3 มีนาคม 2021) และจะเริ่มทำการฉีดได้ในวันที่ 10 มีนาคม 2021

    ผู้ที่จะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ยังคงเป็นกลุ่ม priority ซึ่งรวมถึงกลุ่มแพทย์, ผู้ทำงานเสี่ยงกับการระบาดของโควิด (เช่น พนักงานทำความสะอาด, พนักงานขับรถ), ผู้สูงอายุและผู้ดูแล, และผู้พักอาศัยบ้านพักคนชรา,ผู้พิการรวมถึงผู้ดูแล

    นอกจากนี้ ยังได้ขยายมาตรการ social-distancing ไปอีก 2 สัปดาห์ ไปจนถึง 17 มีนาคม 2021 ซึ่งยังคงกำหนดให้ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะทั้งในร่มและนอกร่ม, รวมกลุ่มได้ไม่เกิน 4 คน และห้ามทานอาหารที่ร้านอาหารในช่วงเวลา 22.00 - 05.00 น.

    ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
    สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.thestandard.com.hk/brea...ioNTech-vaccines-up-for-grabs-this-Wednesday?, https://www.thestandard.com.hk/brea...al-distancing-measures-for-another-two-weeks?

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

    https://www.facebook.com/119537452088669/posts/757109014998173/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน BioNTeach เพิ่มพรุ่งนี้ และขยายมาตรการ social-distancing อีก 2 สัปดาห์

    ฮ่องกงจะเปิดให้ลงทะเบียนรับการฉัดวัคซีน BioNTeach วันพรุ่งนี้ (3 มีนาคม 2021) และจะเริ่มทำการฉีดได้ในวันที่ 10 มีนาคม 2021

    ผู้ที่จะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ยังคงเป็นกลุ่ม priority ซึ่งรวมถึงกลุ่มแพทย์, ผู้ทำงานเสี่ยงกับการระบาดของโควิด (เช่น พนักงานทำความสะอาด, พนักงานขับรถ), ผู้สูงอายุและผู้ดูแล, และผู้พักอาศัยบ้านพักคนชรา,ผู้พิการรวมถึงผู้ดูแล

    นอกจากนี้ ยังได้ขยายมาตรการ social-distancing ไปอีก 2 สัปดาห์ ไปจนถึง 17 มีนาคม 2021 ซึ่งยังคงกำหนดให้ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะทั้งในร่มและนอกร่ม, รวมกลุ่มได้ไม่เกิน 4 คน และห้ามทานอาหารที่ร้านอาหารในช่วงเวลา 22.00 - 05.00 น.

    ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
    สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.thestandard.com.hk/brea...ioNTech-vaccines-up-for-grabs-this-Wednesday?, https://www.thestandard.com.hk/brea...al-distancing-measures-for-another-two-weeks?

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

    https://www.facebook.com/119537452088669/posts/757109014998173/
     
  21. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงส่ังปิดพื้นที่ถ่ายรูปสุดฮิต “Instagram Pier” หลังกังวลความปลอดภัย

    ท่าเรือถ่ายรูปสุดฮิต “Instagram Pier” ที่ผู้คนต่างพากันไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น ถูกสั่งปิดไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปในพื้นที่ หลังกังวลในความปลอดภัย

    ทางเข้าได้ถูกปิดตั้งแต่เที่ยงวานนี้ โดยได้ระบุข้อความเตือนว่า “ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการคาร์โก้ไม่ควรเข้าไป”

    ทาง Marine Department เผยว่า “บริเวณพื้นที่แห่งนี้ มียานพาหนะและรถเครนขนาดใหญ่ทำงานอยู่ จึงไม่ใช่สถานที่ในการพักผ่อน และเพื่อความปลอดภัย ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจึงไม่ควรเข้าไป”

    ประชาชนบางส่วนผิดหวังกับการปิดบริเวณ เนื่องจากทำให้มีบริเวณชมพระอาทิตย์ตกน้อยลง แต่บางส่วนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

    ทางด้านแผนกขนถ่ายสินค้าที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้เตือนว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนบุกรุก "ท่าเรืออินสตาแกรม" ว่าอาจเสี่ยงต่อการถูกปรับ 2,000 เหรียญฮ่องกงและจำคุก 3 เดือน

    ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
    สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.thestandard.com.hk/sect...932/Covid-fears-close-pier-to-happy-snappers?

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

     

แชร์หน้านี้

Loading...