ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc
สุดๆ!!ผู้โดยสารช่วยเข็นนกเหล็กรัสเซีย ล้อตายในสภาพอากาศติดลบ 52 องศาเซลเซียส



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการเปิดเผยคลิปวิดีโอ ภาพเหตุการณ์ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำหนึ่งของรัสเซียเกือบร้อยชีวิต ต้องลงมาช่วยกันเข็นปีกเครื่องบินทั้ง 2 ข้าง ที่ล้อติดแหง็กบนรันเวย์น้ำแข็ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ในสภาพภูมิอากาศติดลบ 52 องศาเซลเซียส

(
ชมคลิป <iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/V_-BR7CuJIE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

)





เหตุการณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร(25พ.ย.)ที่ผ่านมา ในสนามบินอิการ์กา ทางตอนเหนือของรัสเซีย เนื่องจากนักบินลืมปลดเบรคสำหรับจอด ในสภาพภูมิอากาศที่เย็นเยือกกว่า 24 ชม. จึงส่งผลให้ล้อของเครื่องบิน Tupolev 2-134 ของสายการบินคาเตคาเวียในเครือยูทีแอร์ ซึ่งกำลังจะเดินทางไปยังเมืองคราสโนยาร์ส ถูกน้ำแข็งจับจนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ แม้พวกเขาจะใช้รถลากก็ตาม ขณะที่ผู้โดยสารบนเครื่องกว่า 70 คน ที่ไม่มีใครอยากให้เครื่องดีเลย์ จึงลงแรงมาช่วยกันเข็นเครื่องบิน จนสามารถเคลื่อนตัวไปได้แล้วส่งต่อให้เป็นหน้าที่ของรถลากจูง จนในที่สุดเครื่องก็สามารถขึ้นบินได้ตามปกติ มุ่งสู่สนามบินปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ
ต่างประเทศ - สุดๆผู้โดยสารช่วยเข็นนกเหล็ก ล้อตายในสภาพอากาศติดลบ (ชมคลิป)

 

ปูตินสั่งกองกำลังทหารถึงสถานที่หลบภัยช่วงเวลาสงคราม; เตือน “ สงครามโลกใกล้จะเกิด ”

Putin Orders Troops To Wartime Bunker; Warns “Global War Is Near”
Posted by EU Times on Dec 1st, 2014
Putin Orders Troops To Crimea Passes, Warns NATO Of War | EUTimes.net

ปูตินสั่งกองกำลังทหารถึงสถานที่หลบภัยช่วงเวลาสงคราม; เตือน “ สงครามโลกใกล้จะเกิด ”

กระทรวงกลาโหม( MoD ) รายงานหมุนเวียนในเครมลินวันนี้กล่าวว่าประธานาธิบดีปูตินได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูง 2,000 นาย ให้เริ่มหน้าที่ที่ศูนย์ควบคุมป้องกันราชอาณาจักร ( NDCC ) ทันที ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ “ สำนักงานใหญ่ของรัฐบาลในช่วงเวลาสงคราม ” ของรัสเซียในมอสโคว์ เพราะว่า “ สงครามโลกใกล้จะเกิด ”

ตามรายงานนี้, คำสั่งของปูตินส่งมาทันทีหลังจากการประชุมของปูตินกับประธานาธิบดีตุรกี เรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ในอังการาก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องข้อตกลงในการเพิ่มการจัดส่งพลังงานของรัสเซียไปยังตุรกีที่เป็นสมาชิกนาโตในการแลกเปลี่ยนของข้อผูกมัดของสมาชิกนาโตของความเป็นกลางในความขัดแย้งใดๆในยูเครนในอนาคต.

สิ่งสำคัญที่ควรทราบตามรายงานนี้กล่าว คือจุดวิกฤตในการขนส่งแก๊ซผ่านยูเครนที่เป็นกุญแจสำคัญได้ทำให้การจัดส่งแก๊ซของรัสเซียไปยังตุรกีตกอยู่ในอันตรายเมื่อฤดูหนาวมาถึงอย่างรวดเร็ว,แต่ด้วยข้อตกลงนี้จะช่วยให้บรรเทาลง.

เช่นเดียวกับที่เราได้รายงานไปก่อนหน้านี้ด้วย,กระทรวงกลาโหมรายงานก่อนหน้าเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่ารัสเซียอยู่ในการเตรียมตัวสำหรับการโจมตีทางทหารอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้ชัยชนะเหนือภูมิภาคยูเครนตะวันออก,และเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบท่อส่งแก๊ซที่จำเป็นอย่างมากสำหรับความมั่นคงทางพลังงานของตุรกี.

และยิ่งเป็นลางบอกเหตุร้ายมากยิ่งขึ้น, ด้วยศูนย์ควบคุมป้องกันราชอาณาจักร( NDCC ) ถูกวางหน้าที่ให้พร้อมที่จะทำการสู้รบทันทีในวันนี้, ศูนย์ควบคุมช่วงระยะเวลาสงครามใหม่นี้ได้ถูกสั่งให้สร้างโดยปูตินในวันที่ 8 พฤษภาคม 2013, เป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่สำหรับเป็นศูนย์ควบคุมกองกำลังทางยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ที่ทำการตรวจสอบปัญหาของการใช้อาวุธอำนาจทำลายล้างสูง, และเมื่อรวมกับสถานที่เก็บซ่อนระเบิดอีก 5,000 แห่ง ที่ปูตินสั่งให้สร้างในมอสโคว์เสร็จสมบูรณ์ในปี 2012, ปรากฏให้เห็นว่ารัสเซียกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามที่ใกล้จะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่

ใครที่รัสเซียกำลังเตรียมการสำหรับสงครามกับปูตินได้ทิ้งข้อสงสัยไว้ในเดือนที่แล้วเมื่อปูตินกล่าวว่า “ ไม่ว่าสิ่งอะไรที่ประเทศตะวันตกบอกกับเรา, เราสามารถมองเห็นว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น. นาโตกำลังสร้างกองกำลังทหารในยุโรปตะวันออกอย่างโจ่งแจ้ง, รวมถึงพื้นที่บริเวณทะเลดำและทะเลบอลติก. การปฏิบัติการฝึกซ้อมการสู้รบและการปฏิบัติการทางทหารได้เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ.”

และทำไมระบอบโอบามาได้นำให้พันธมิตรตะวันตกยั่วยุรัสเซียให้ทำสงคราม.หนึ่งในคำอธิบายที่ดีที่สุดคือสิ่งที่เห็นได้ชัดในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยอดีตผู้ช่วยพิเศษของประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน และ เพื่อนร่วมรุ่นปัจจุบันที่สถาบันคาโต ( สถาบันคลังสมองชื่อดังที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ) ดั๊ก แบนดาว ผู้ซึ่งเตือนว่า :

“ สิ่งที่เป็นอันตรายหลักต่ออเมริกามาจากความอหังการ, ความเชื่ออย่างแรงกล้าและคววามเย่อหยิ่งของพวกชนชั้นอีลิทของอเมริกาซึ่งเชื่อว่าถูกเจิมแต่งตั้งโดยพระเจ้าให้ควบคุมโลก และการตั้งสมมติฐานของพวกเค้าว่าส่วนที่เหลือของโลกนี้ต้องการจะอยู่ใต้การจัดการของพวกเค้า. ด้วยเหตุผลนี้, วอชิงตันจึงปลุกปั่นความเป็นศัตรูอย่างต่อเนื่อง, สร้างความวุ่นวาย, สร้างความขัดแย้งให้รุนแรงมากขึ้น, พยายามวางแผนและควบคุมสังคม, และทำให้ประเทศอื่นๆเกิดการต่อสู้กันเอง "

เมื่อระบอบโอบามาได้เปิดสงครามเศรษฐกิจเต็มรูปแบบกับรัสเซียด้วยสิ่งที่สื่อข่าว การ์เดียน นิวส์ เซอร์วิส ของลอนดอน ( London’s Guardian News Service ) เตือนว่า เป็น
“ การพนันที่มีเดิมพันสูง ” เนื่องจากข้อตกลงลับระหว่างอเมริกาและซาอุดิอาราเบีย ทำให้โลกนี้ท่วมท้นด้วยน้ำมันที่มีราคาถูก, นักสื่อสารมวลชนอิสระ อเมริกา-เยอรมัน, และเป็น นักประวัติศาสตร์, นักวิจัยเศรษฐกิจ, วิลเลียม อิงก์ดาห์น ได้เตือนเพิ่มเติมในบทความที่ชื่อ ข้อตกลงของ อเมริกา-ซาอุดิอาราเบีย ที่โง่เขลาที่เป็นความลับในเรื่องซีเรีย :

การปรับเปลี่ยนจัดการราคาน้ำมันของ อเมริกา-ซาอุดิอาราเบีย มีเป้าหมายที่จะทำให้ฝ่ายที่มีความแข็งแรงอื่นๆที่อยู่ตรงกันข้ามกับนโยบายโลกานิยมของอเมริกาเกิดความไม่มั่นคง. เป้าหมายรวมถึง อิหร่าน และ ซีเรีย, ทั้งสองประเทศที่เป็นพันธมิตรของรัสเซียที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับอเมริกาที่เป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียว. อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักก็คือปูตินของรัสเซีย, ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวตอนนี้ต่ออิทธิพลของมหาอำนาจ.

กลยุทธ์นี้เหมือนกับที่อเมริกากับซาอุดิอาราเบียทำในปี 1986 เมื่อพวกเค้าทำให้น้ำมันของซาอุดิอาราเบียออกมาท่วมท้นโลก, ราคาน้ำมันล่วงลงมาต่ำกว่า 10 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และทำลายเศรษฐกิจของพันธมิตรโซเวียต , ซัดดัม ฮุสเซ็น ในอิรัก , และท้ายที่สุด เศรษฐกิจของโซเวียต, ปูทางไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต.

วันนี้, การหวังถึงการล้มละลายของรายได้จากน้ำมันของรัสเซีย รวมกับการคว่ำบาตรที่ออกแบบโดยสำนักงานของหน่วยข่าวกรองทางการเงินและการก่อการร้ายของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะทำให้เกิดความอ่อนแออย่างมหาศาลกับสิ่งที่สนับสนุนมากมายภายในประเทศของปูติน และสร้างเงื่อนไขในท้ายที่สุดเพื่อล้มล้างอำนาจของปูติน

มันถูกกำหนดให้ถึงวาระของการล้มเหลวด้วยหลายเหตุผล,และที่สำคัญก็คือเพราะรัสเซียของปูตินได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่สำคัญทางกลยุทธ์ร่วมกับจีนและชาติอื่นๆที่จะลดการพึ่งพาตะวันตก.ในความจริงอาวุธน้ำมันเป็นตัวเร่งการเคลื่อนไหวของรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ที่จะมุ่งเน้นอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีต่อผลประโยชน์ของประเทศและลดการพึ่งพาระบบดอลลาร์

ถ้าเงินดอลลาร์สิ้นสุดสภาพการเป็นสกุลเงินของการค้าขายของโลก โดยเฉพาะการค้าน้ำมัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯจะเผชิญกับความหายนะทางการเงินด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงเรียกสงครามน้ำมันของ เคอร์รี-อับดุลลาห์ ว่าเป็นยุทธวิธีที่โง่มาก.

จุดวิกฤติที่ต้องทราบเกี่ยวกับสงครามระบอบโอบามากับรัสเซียที่กำลังเกิดขึ้น เป็นเรื่องทหารสหรัฐฯและการบันทึการต่อสู้, สื่อข่าว เคาน์เตอร์ พันช์ นิวส์ เซอร์วิส ( Counter Punch News Service ) เขียนไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า :

อย่าลืมว่ากองทหารของสหรัฐฯที่รุ่งโรจน์ได้ใช้เวชา 13 ปีในการต่อสู้กับคนเลี้ยงแกะที่ใส่รองเท้าแตะในอาฟกานิสถาน ในความขัดแย้งที่เป็นลักษณะของสถานการณ์ที่เอาชนะกันไม่ได้ และตอนนี้ทำเนียบขาวต้องการที่จะต่อสู้กับรัสเซีย ? คุณสามารถชื่นชมกับความวิกลจริตของนโยบายนี้ได้หรือไม่ ?

และไม่เหมือนกับ “ ศัตรูที่ใส่รองเท้าแตะ ” ในอาฟกานิสถาน, สื่อข่าว เอเชีย ไทม์ส นิวส์ เซอร์วิส ( Asia Times News Service ) สัปดาห์นี้ เตือนถึงสิ่งที่ระบอบโอบามาจะต้องเผชิญในสงครามกับรัสเซีย :

ตอนนี้สำหรับภัยคุกคามของสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป – เป็นเรื่องหลอกลวงหรือเป็นอย่างอื่น.


เอา จี ดี พี ( GDP ) ที่ประกอบกันของ อเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เมื่อเปรียบเทียบกับรัสเซีย; มันเป็นชัยชนะชนิดถล่มทลาย จากนั้นตรวจสอบสถานการณ์นิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์ มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จี ดี พี เพียงอย่างเดียวไม่ได้ชนะสิ่งใด

พิจารณาบางส่วนของพื้นฐาน :

ขีปนาวุธข้ามทวีปหรือขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซีย ( Intercontinental Ballistic Missile หรือ ICBM ) กับจรวดติดตั้งหัวรบหลายหัวเพื่อยิงไปหลายเป้าหมาย ( multiple
independently targetable reentry vehicle MIRV ) เดินทางด้วยความเร็วประมาณ 18 มัค; นั่นเป็นความเร็วที่เร็วกว่าอาวุธใดในคลังแสงสหรัฐฯ และโดยพื้นฐานแล้วเป็นขีปนาวุธที่ไม่สามารถเทียบได้

S – 400 และ S – 500 ความยากลำบากเพิ่มเป็นสองเท่า. มอสโคว์ได้ตกลงขาย S – 400 ระบบยิงขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ ให้กับจีน. ส่วนที่สำคัญที่สุดคือสิ่งนี้จะทำให้ปักกิ่ง ด้วยอำนาจทางอากาศของอเมริกาไม่สามารถจะผ่านได้ด้วยขีปนาวุธข้ามทวีป ( ICBMs ) และ ขีปนาวุธติดยานขับ ( cruise missiles ). รัสเซียในส่วนของมันมุ่งเน้นที่ความล้ำยุคที่สุด S – 500 ซึ่งเป็นหลักที่ทำให้ระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตดูเหมือนจรวด V – 2 ( เป็นจรวดเชื้อเพลิงเหลว-ที่เป็นขีปนาวุธต่อสู้ขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการในระยะไกล ) จากสงครามโลกครั้งที่ 2

ขีปนาวุธ อิสกันดาร์ ( Iskander missile ) ของรัสเซียเดินทางด้วยความเร็ว 7 มัค – ด้วยระยะ 400 กิโลเมตร, บรรจุหัวรบ 700 กิโลกรัม หลากหลายชนิด, และมีความเป็นไปได้ของความผิดพลาดโดยรอบประมาณ 5 เมตร. ขีปนาวุธ อิสกันดาร์ เป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่ใช้ต่อต้านสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานของการส่งกองกำลังบำรุงทางทหาร ขีปนาวุธ อิสกันดาร์ สามารถเข้าถึงเป้าหมายลึกเข้าไปในยุโรป.

และก็ยังมี ซุคฮอย T – 50 PAK FA ( ครื่องบินรบ PAK FA T-50) เป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ). พูดเกี่ยวกับผู้เปลี่ยนแปลงเกมที่ใกล้เกิดในอนาคตที่เป็นจริง

อธิบายอย่างสั้นๆ, ทั้งมอสโคว์และปักกิ่งรู้ว่ากองทัพบนภาคพื้นราบของสหรัฐฯเก่าล้าสมัย – และไม่สามารถจะใช้สำหรับป้องกันได้. ระบบ S-400 และ S – 500 ไม่กี่พันก็เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ. คิดถึงชุดใหญ่ของ S – 400 s
ที่วางตำแหน่งเป็นวงล้อมคาลินินกราด, นั่นจะเปลี่ยนการปฏิบัติการณ์ทางอากาศของนาโตที่ลึกเข้าไปในยุโรปให้กลายเป็นฝันร้ายที่น่าสยดสยอง นอกเหนือจากนั้น, เครื่องบินขับไล่ไอพ่นที่ดีของนาโตเป็นต้นทุนของโชคชะตาด้วย.ลองจินตนาการถึงผลกระทบจากเครื่องบินขับไล่ไอพ่นที่ถูกทำลายหลายร้อยในสหภาพยุโรปซึ่งก็เป็นความเสียหายอย่างรุนแรงทางการเงินและความประหยัดอย่างเข้มงวดเป็นภัยพิบัติไปสู่ความตาย.

ถ้าประชาชนอเมริกาจะได้ตระหนักถึงหายนะของสงครามโลกที่ระบอบโอบามากำลังพยายามเปิดให้เกิดขึ้น แต่ยังคงไม่มีหลักฐาน, แต่จริงๆแล้วไม่เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจตั้งแต่ก่อนสงครามอิรักที่ผิดฏหมายได้เริ่มขึ้นโดยประธานาธิบดี บุช ที่ถูกเปิดเผยออกมาโดยเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ แคทเธอรีน กัน ในปี 2003 ( * ถ้าใครอยากรู้เรื่องนี้ให้เปิดอ่านในวิกิพีเดียได้ * ) , สื่อหลักของอเมริกายังคงปฏิเสธที่จะบอกความจริงแก่ประชาชนของพวกเค้า.

Putin Orders Troops To Wartime Bunker; Warns “Global War Is Near” | EUTimes.net
EUTIMES.NET

 

UN ระบุ อีโบลายังแพร่ระบาดในขั้นวิกฤต เสี่ยงติดเชื้อทั่วโลก
วันที่ 1 ธ.ค. 2557 เวลา 14:18 น.

นายแอนโธนีย์ แบนเบอรี่ หัวหน้างานฉุกเฉินขององค์การสหประชาชาติ เพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ยังอยู่ในขั้นวิกฤต และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อื่นๆทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีป "แอฟริกาตะวันตก" มีรายงานผู้ติดเชื้อ 200-300 คนต่อสัปดาห์ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 7,000 คนแล้ว และมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า16,000 คน

นอกจากนั้น นาย "แอนโธนีย์" ยังเผยถึงความล้มเหลวในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสอีโบลา โดยเป้าหมายเดิมคือภายในเดือนธันวาคม ผู้ติดเชื้อ 70 เปอร์เซ็นต์ จะต้องได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้
ขณะที่ "จีน" เริ่มทดลอง กรด"นิวคลีอิก" ที่พัฒนาโดยสถาบันศึกษาทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ทางทหารของจีน พร้อมจดสิทธิบัตรทางการแพทย์แล้ว เนื่องจากผลการทดลองกรดดังกล่าว ในอาสาสมัครที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลา 1,700 คนใน "เซียร์ร่า ลีโอน" พบว่าอาสาสมัครราว 850 คนมีอาการดีขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มความหวังในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสอีโบลาให้กับโลกอีกก้าวหนึ่ง

http://news.ch7.com/…/un_%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%…

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย

วันที่ 1 ธ.ค.57 รัสเซีย จีน ขนอาวุธออกมาโชว์สมรรถภาพกันใหญ่



หลังจากอเมริกา รู้ข่าวว่าโอเปค และสวิทเซอร์แลนด์ จะเอาใจออกห่าง จึงข่มขู่โดยการยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ (SLBM) จำนวน 3 ลูก มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท ไปยังพื้นที่ตะวันออกไกล



รัสเซีย จึงตอบโต้ทันควันโดยการ ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป จากเรือดำน้ำ RSM-56 Bulava ประสบความสำเร็จด้วยดี และเปิดตัวเครื่องบินรบใหม่ล่าสุด TA-50 PAK FA ฉายาว่า " ซุปเปอร์ เวพเพิน " สร้างโดย ซูคอย บริษัท ผลิตเครื่องบินรบ ยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ราคาลำละ 1,600 ล้านบาท



เครื่องบินรุ่นนี้มีประสิทธิภาพความคล่องตัว การออกอาวุธ และพิสัยการโจมตี ใช้เทคโนโลยีเสตลธ์ หลบหลีกการถูกตรวจจับด้วยเรดาห์



อีกทั้งในทะเลจีนใต้ พบความเคลื่อนไหว ของกองทัพจีนอย่างคึกคัก ทั้งเครื่องบินรบ และเรือรบ หลายประเภท ท่ามกลางข่าวกรองว่า อเมริกาจะโจมตีรัสเซีย แบบสายฟ้าแล่บ ผ่านทางยูเครน

@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 1 ธ.ค.57 เกิดเหตุประหลาด น้ำทะเลเป็นสีเขียว หาดเกาะเต่า สุราษฎร์



เกิดปรากฏการณ์ประหลาด น้ำทะเลกลายเป็นสีเขียว ที่บริเวณชายหาด เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี ซึ่งน้ำทะเลที่เคยใสสะอาดก็กลายเป็นสีเขียว สร้างความงุนงง และตกใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้คนบนเกาะ ล่าสุดตอนนี้น้ำเริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิมบ้างแล้ว

นี่คือผลจากการแผ่รังสีจากนอกโลก เข้ามากระทบสนามแม่เหล็กโลก ทำให้สนามแม่เหล็กโลก เปลี่ยนแปลงไปด้วย โลกเกิดภาวะโซเซ แต่สัตว์และพืชทะเล ทะเลพวกนี้มันมีชีวิตมาก่อนมนุษย์หลายสิบล้านปี

พวกมันจึงเกิดปฏิกริยาเคมีขึ้น ไม่นานมานี้ก็เพิ่งเกิดปรากฎการณ์น้ำทะเลสีแดง ที่อเมริกา และที่จีน จากสาหร่ายพิษ สิ่งที่เห็นเป็นสีเขียวที่เกาะเต่านี้ น่าจะเป็นสาหร่ายบางชนิด ที่มีการเคลื่อนที่เขามาใกล้ชายฝั่ง ท่วมกลางปรากฎขึ้น ของพายุงวงช้างในบริเวณนี้เมื่อไม่นานมานี้

มนุษย์ไม่ว่าจะฉลาดล้ำเลิศเพียงใด แต่สัญชาติญาณเอาตัวรอด จะไม่มีวันสู้สัตว์และพืชทะเลดึกดำบรรพ์ได้

@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ฮูกระตุ้นจีนแก้ปัญหาเอดส์จริงจัง
วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2557 เวลา 19.15 น.



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อวันที่ 1ธ.ค.ว่าองค์การอนามัยโลก หรือฮูหน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลจีนจัดการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสเอชไอวี/เอดส์อย่างจริงจัง ขณะที่ตัวเลขของรัฐบาลจีน ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อมรณะนี้หรือเริ่มต้นป่วยจากการติดเชื้อเอชไอวีแล้วเกือบ5 แสนคนโดยยังมีอีกนับแสนคนที่ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยโรคเบิร์นฮาร์ด ชวาร์ทแลนเดอร์ผู้แทนฮูประจำจีนเขียนบทความแสดงความคิดเห็นลงในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีย์ ของทางการจีนว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จีนต้องจัดการกับปัญหาดังกล่าวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีให้ดีกว่านี้

ชวาร์ทแลนเดอร์เขียนว่า บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องไม่ตราหน้าและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีและต่อประชาชนกลุ่มเสี่ยงเช่นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย,ผู้ค้าบริการทางเพศและผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีดผู้แทนฮู ระบุด้วยว่าเขาเคยเห็นเพื่อนร่วมงานในสาขาอาชีพแพทย์ของเขาบางคนไม่ใส่ใจผู้ป่วยเพราะพวกเขาไม่เป็นเห็นด้วยกับรสนิยมทางเพศของบุคคลกลุ่มนี้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้และต้องหยุดพฤติกรรมเช่นนี้

ทั้งนี้บทความของชวาร์ทแลนเดอร์ถูกเผยแพร่ในวันเอดส์โลกหนึ่งวันหลังจากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขและวางแผนครอบครัวแห่งชาติของจีน ระบุว่า ภายในสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมามีประชาชนในจีนทั้งสิ้น497,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์ตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศเมื่อปี2528 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มจากเดือนก.ย.2556ที่มีประชาชนในจีนติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์434,000 คนแต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวนี้เป็นเพราะการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือมีการวินิจฉัยผู้ป่วยมากขึ้น

คณะกรรมาธิการดังกล่าวระบุด้วยว่า ในช่วง 30ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตเพราะโรคเอดส์แล้ว 154,000 คน

ฮูกระตุ้นจีนแก้ปัญหาเอดส์จริงจัง | เดลินิวส์

 

กบง.ฉวยจังหวะลอยตัว'แอลพีจี'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 3 ธันวาคม 2557 10:05



กบง.ยกเลิกอุดหนุนแอลพีจีทุกประเภท ส่งผล"ภาคครัวเรือน-ขนส่ง-อุตฯ"ราคาเดียว 24.16 บาท/กก.

พร้อมขยับเอ็นจีวีอีก 1 บาท "ณรงค์ชัย"เผยรอจังหวะลอยตัวน้ำมัน หลังเงินกองทุนมีมากพอรักษาเสถียรภาพ คาดน้ำมันโลกทรงตัวระดับต่ำอีก 1 เดือน ขณะพาณิชย์ชี้ส่งผลทางจิตวิทยามากกว่าต้นทุนจริง ด้านไอเอ็มเอฟชี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตัดสินใจยกเลิกการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ทำให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด โดยหลังการปรับราคา จะทำให้แอลพีจีภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง และอุตสาหกรรม มีราคาเท่ากันที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม และปรับขึ้นก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) อีก 1 บาทต่อกิโลกรัม

การปรับราคาก๊าซเป็นไปตามนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งกบง.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่กบง.ปรับราคาครั้งนี้ถือว่าก่อนกำหนดเดิมที่คาดว่าจะปรับหลังปีใหม่ และเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้มากยิ่งขึ้น นั่นคือ ราคาตลาด

ที่ผ่านมา กบง.ได้ทยอยปรับราคาก๊าซและน้ำมันมาโดยตลอด ตามเป้าหมายให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งหลังการปรับราคาก๊าซในครั้งนี้ จะทำให้เหลือการปรับภาษีน้ำมันดีเซลและการปรับเอ็นจีวีที่ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อกก. โดยหลังจากนั้นจะสามารถปล่อยราคาลอยตัวตามตลาดได้

แต่ก่อนจะประกาศลอยตัวราคาเชื้อเพลิงทุกประเภท กบง.รอจังหวะราคาและยอดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนให้ได้ระดับหนึ่ง เพื่อใช้รักษาเสถียรภาพราคาไม่ให้ขึ้นเร็วเกินไปในช่วงขาขึ้น แต่ไม่ใช้เพื่ออุดหนุนในลักษณะประชานิยม

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่การกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกบง. กล่าวว่ามติปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) เพิ่มขึ้น 1.03 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาแอลพีจีสะท้อนต้นทุนและเป็นราคาเดียวทั้งภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรม ที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม

ขั้นตอนต่อไปจะมีการทยอยปรับสูตรราคาแอลพีจีเพื่อสะท้อนต้นทุนตลาดโลก จากปัจจุบัน คำนวณจากราคานำเข้า 40% โรงแยกก๊าซ 40% และโรงกลั่นน้ำมัน 20% ซึ่งราคาตลาดโลกอยู่ที่ 558 ดอลลาร์ต่อตัน บวกค่าขนส่ง 93 ดอลลาร์ต่อตัน อยู่ที่ 651 ดอลลาร์ต่อตัน โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาเพื่อปรับสูตรราคาอ้างอิง เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลก

ปรับเอ็นจีวีอีก1บาท/กก.

กบง. มีมติปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) อีก 1 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 11.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 12.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ภาคขนส่งก็มีการปรับขึ้นราคาเช่นกัน ส่งให้ราคาจาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 9.50 บาทต่อกิโลกรัม

"สาเหตุของการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าราคาแตกต่างจากต้นทุนมากเกินไป ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องการให้สะท้อนต้นทุนที่ 16 บาทต่อกิโลกรัม"

นายณรงค์ชัย กล่าวว่ากระทรวงพลังงานมีแนวทางการช่วยเหลือภาคขนส่ง คือ 1. บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถตู้ร่วม ขสมก. ในเขต กทมและปริมณฑล จำนวน 166,216 ราย (ณ วันที่ 31 ต.ค.57) 2. บัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวี ได้แก่ กลุ่มรถโดยสาร มินิบัส สองแถวร่วม ขสมก. และรถโดยสาร รถตู้ร่วม บขส. จำนวน 19,075 ราย (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 57)

นอกจากนี้ที่ประชุม กบง. ยังมีมติเรียกเก็บเงินจากกลุ่มเบนซินและดีเซล เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตร และในส่วนของผู้ค้าน้ำมันเตรียมประกาศปรับลดลงราคาหน้าสถานีบริการในกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตร (ยกเว้นอี85) และดีเซลปรับลดราคาขายปลีก 40 สตางค์ต่อลิตร โดยจากเก็บเงินเข้ากองทุนในครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนมีรายรับกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน

ณ วันที่ 30 พ.ย. ฐานะกองทุนเป็นบวก 7.9 พันล้านบาท จากเมื่อเดือนพ.ค. 2557 ติดลบ 7.4 พันล้านบาท

เตรียมลอยตัวราคาน้ำมัน

นายณรงค์ชัย กล่าวว่ากระทรวงพลังงานยังคงต้องการทยอยเก็บเงินในช่วงน้ำมันขาลงในระดับหนึ่ง เพื่อใช้เป็นเงินรักษาเสถียรภาพราคาพลังงาน เมื่ออยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว จะปล่อยให้ราคาน้ำมันลดลงตามตลาดโกลต่อไป โดยเชื่อว่าราคาน้ำมันยังคงอ่อนตัวอย่างน้อยอีก 1 เดือน

“การทยอยปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งนี้ ถือเป็นการทำให้โครงสร้างราคาพลังงานของประเทศไทยสะท้อนต้นทุนตามกลไกตลาด รวมทั้งจะเป็นการสร้างความพร้อมในการเปิดรับเออีซีในอนาคต ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้ยกเลิกการอุดหนุนราคาพลังงานเช่นเดียวกัน จะเป็นผลดีที่จะทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำด้านราคาพลังงาน ส่งสัญญาณให้ลดการใช้แบบผิดประเภท รวมทั้งลดปัญหาการลักลอบขนส่งข้ามประเทศในอนาคตด้วย”รมว.พลังงาน กล่าว

สำหรับแผนขยายสถานีบริการเอ็นจี บมจ.ปตท.แจ้งว่าจะขยายทั้งในส่วนของสถานีบริการ และแนวท่อ โดยในส่วนของสถานีบริการเอ็นจีวีจะเพิ่มขึ้น 12 แห่ง แบ่งเป็นสถานีเอ็นจีวีสำหรับรถบรรทุก 4 แห่ง และเอ็นจีวีปกติ 8 แห่ง จากปัจจุบัน 487 แห่ง คาดว่าจะสามารถบริการรถยนต์ได้รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากสามารถดึงรถบรรทุกที่เคยเข้ามาใช้บริการในสถานีเอ็นจีวีและต้องใช้ระยะเวลาเติมนาน เข้ามาใช้สถานีบริการเฉพาะสำหรับรถบรรทุกมากขึ้น

พาณิชย์ชี้ส่งผลทางจิตวิทยา

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมการค้าภายในจัดทำผลกระทบก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี ว่าการปรับเพิ่มขึ้นราคาแอลพีจีจากกก.ละ 21.38 บาท เพิ่มเป็นกก.ละ 22 บาท นั้น จะทำให้ก๊าซมีราคาเพิ่มขึ้นกก.ละ 0.62 บาท ส่วนผลกระทบหากปรับเพิ่มราคาเป็นกก.ละ 24 บาท นั้นกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาผลกระทบ

เบื้องต้นจะทำให้ราคาก๊าซเพิ่มขึ้นจากผลศึกษาเดิมประมาณ 3 เท่า โดยผลกระทบหากราคาอยู่ที่กก.ละ 22 บาท จะไม่มีผลต่อต้นทุนการขนส่งสินค้าเนื่องจากรถบรรทุกขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล และใช้ก๊าซเอ็นจีวี อยู่ที่ 4.45% ของรถบรรทุกทั้งหมด

ผลกระทบทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นวันละ 2.55 บาท และรถแท็กซี่เพิ่มขึ้น วันละ 12.75 บาท ต่อกะ

อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบทางจิตวิทยาทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่มีผลต่อต้นทุนการขนส่งและราคาสินค้า

กระทบต้นทุนรถส่วนบุคคล

ส่วนก๊าซเอ็นจีวี สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลปัจจุบันราคา กก.ละ 10.50 บาท จะเพิ่มเป็น 11.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น กก.ละ 1 บาท รถโดยสารสาธารณะ คงราคาไว้ที่ กก.ละ 8.50 บาท ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งจะใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลักในการคำนวณ มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นวันละ 6 บาท แต่จะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาของประชาชนเรื่องค่าครองชีพเช่นกัน

“โดยส่วนใหญ่การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานจะไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและการขนส่ง ทำให้ไม่มีเหตุให้ต้องปรับขึ้นราคาสินค้า รวมถึงราคาอาหารปรุงสำเร็จ เพราะสัดส่วนต้นทุนต่อการผลิตน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจรู้สึกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งต้องเร่งทำความเข้าใจและป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคา โดยกรมจะเร่งทำผลศึกษาราคาพลังงานใหม่ตามมติกบง.ต่อไป” รายงานข่าวระบุ

ไอเอ็มเอฟชี้น้ำมันลดเป็นผลดีศก.โลก

นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่าราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งลงตั้งแต่เดือนมิ.ย. อาจส่งผลเสียต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แต่โดยรวมแล้วเป็นสิ่งดีสำหรับเศรษฐกิจโลก เพราะผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะเสียเงินค่าพลังงานน้อยลง

นางลาการ์ดกล่าวว่ามีแนวโน้มที่เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมจะขยายตัวเพิ่มอีก 0.8% เพราะประเทศเหล่านี้ล้วนนำเข้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป หรือจีน

ทั้งนี้ เมื่อเดือนต.ค. ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะเติบโตเพียง 3.3% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 3.8% เพราะภาวะชะงักงันในยุโรปกับญี่ปุ่น ส่วนตลาดเกิดใหม่ก็มีเศรษฐกิจชะลอตัว

http://www.bangkokbiznews.com/…/กบง…

 

ให้3ขรก.ตุลาการพ้นตำแหน่ง-เรียกคืนเครื่องราชฯ โพสต์เมื่อ : 03 ธ.ค. 2557, 14:33 น.



โปรดเกล้าฯให้ 3 ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมพ้นจากตำแหน่ง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตําแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ความว่า

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตําแหน่งเนื่องจากถูกลงโทษ ให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32 (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ข้าราชการตุลาการดังกล่าวได้รับพระราชทานตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 จํานวน 3 ราย ดังนี้

1. นายเอกวิโรจน์ มณีธนวรรณ พ้นจากตําแหน่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย

2. นายประโลม คเชนทร์ พ้นจากตําแหน่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย

3. นายชูวงศ์ ละอองศิริวงศ์ พ้นจากตําแหน่ง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลจังหวัดมีนบุรีและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือกประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานสาเหตุที่ทำให้ ผู้พิพากษาทั้ง 3 ราย ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการให้ประกันตัวจำเลยคดีมียาบ้าไว้ในครอบครองและเพื่อจำหน่าย 2,000 เม็ด ซึ่งเกินกว่าที่ระเบียบกำหนด โดย จำเลยอ้างว่า ถูกพนักงานสอบสวนซ้อม ทั้งนี้นายชูวงศ์เป็นผู้ไต่สวนคดี ส่วนนายประโลมเป็นผู้ให้ประกันตัว ขณะที่นายเอกวิโรจน์ เป็นหหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี จากนั้นจำเลยได้หลบหนีไป

latest breaking news headline

 

เป็นงง! ตัวอย่างมันสมองกว่า 100 ก้อน หายลึกลับจาก มหา’ลัยเทกซัส
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ธ.ค. 2557 02:29


(ภาพ: ANDREW WINNING / AFP)

ตัวอย่างสมองจำนวนกว่า 100 ก้อน หายไปจากมหาวิทยาลัยเทกซัส สหรัฐอเมริกา สร้างความงุนงงให้กับบรรดาคณาจารย์อย่างมาก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ว่า เกิดเหตุการณ์ชวนฉงน เมื่อตัวอย่างสมอง จำนวน 100 ก้อน ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในขวดโหลบรรจุก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งใช้สำหรับเก็บถนอมรักษาตัวอย่างทางชีววิทยา หายไปจากมหาวิทยาลัยเทกซัส ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในนั้นคาดว่ามีตัวอย่างมันสมองของ 'ชาร์ลส์ วิตแมน' ฆาตกรสุดเหี้ยมที่ก่อเหตุสังหารหมู่ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เมื่อปี 1966 รวมอยู่ด้วย

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ 'ออสติน อเมริกัน-สเตตส์แมน' สมองที่หายไปเป็นจำนวนกว่าครึ่งของตัวอย่างสมองทั้งหมด ที่เก็บรักษาไว้ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นักศึกษาอาจเป็นคนขโมยสมองเหล่านี้ไป "อาจเป็นไปได้ว่านักศึกษาปริญญาตรีได้พูดคุยกันเรื่องตัวอย่างสมอง และผู้คนทั่วไปถือโอกาสเข้ามาฉกสมองเหล่านี้ไปเป็นเครื่องประดับตกแต่งในห้องนั่งเล่น หรือเล่นตลกกันในเทศกาลฮาโลวีน" ศาสตราจารย์ ลอว์เรนซ์ คอร์แม็ก อาจารย์ด้านจิตวิทยา กล่าว

ตัวอย่างมันสมองเหล่านี้ ถูกส่งให้กับมหาวิทยาลัยเทกซัส โดยโรงพยาบาลออสตินเมื่อ 28 ปีก่อน ภายใต้ข้อตกลงการครอบครองชั่วคราว จากการเปิดเผยของ นายทิม สกอลเลิร์ต เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลการเก็บรักษามันสมอง กล่าวว่า ห้องปฏิบัติการทางจิตวิทยา มีพื้นที่สำหรับเก็บรักษาตัวอย่างมันสมองได้เพียง 100 ก้อนเท่านั้น ที่เหลือจึงถูกส่งไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินของศูนย์วิจัยทรัพยากรสัตว์ของมหาวิทยาลัยเทกซัส และต่อมาเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามันหายไปจากห้องใต้ดิน

มหาวิทยาลัยเทกซัส ระบุในแถลงการณ์ว่า พวกเขาจะสืบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวอย่างมันสมองเหล่านี้ ตั้งแต่พวกมันถูกส่งมาเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน และทางคณะจะดูแลตัวอย่างสมองเหล่านี้ด้วยความเคารพ ส่วนตัวอย่างมันสมองที่เหลืออยู่ จะใช้มันเป็นเครื่องมือในการสอนนักศึกษา และสัญญาว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อตัวอย่างมันสมองเหล่านี้ด้วยความเคารพ

ทั้งนี้ ข้อตกลงที่ทางมหาวิทยาลัยทำร่วมกับโรงพยาบาลออสติน เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยต้องลบข้อมูลใดๆที่อาจระบุตัวผู้เป็นเจ้าของสมอง อย่างไรก็ตาม นายสกอลเลิร์ต เปิดเผยว่า สมองของฆาตกรสังหารหมู่สุดเหี้ยม ชาร์ล วิตแมน อาจเป็นหนึ่งในตัวอย่างสมองที่ถูกขโมยไป

ส่วนตัวอย่างสมองอีก 100 ก้อนที่เหลือ ถูกส่งไปที่อาคาร 'นอร์แมน แฮกเกอร์แมน' ในมหาวิทยาลัยเทกซัสแล้ว เพื่อทำการสแกนด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (เอ็มอาร์ไอ: MRI) โดยภาพที่ได้จะมีความละเอียดสูงเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับการสอนและการวิจัย และไม่ทำให้สมองเกิดความเสียหายด้วย

อนึ่ง ชาร์ล วิตแมน เป็นอดีตทหารเรือชาวอเมริกันผู้มีปัญหาทางจิต ฆาตกรรมภรรยาและแม่ของตัวเอง ก่อนไปก่อเหตุสังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยเทกซัส เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 ส.ค. ปี 1966 โดยมีผู้ยิงเสียชีวิตภายในอาคารหลักของมหาวิทยาลัยเทกซัส หรือ 'เดอะ ทาวเวอร์' 3 คน ก่อนที่นายวิตแมนจะขึ้นไปยังชั้นสังเกตการณ์บนชั้น 28 ของเดอะ ทาวเวอร์ และกราดยิงลงมาเบื้องล่างทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 11 ราย ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เป็นงง! ตัวอย่างมันสมองกว่า 100 ก้อน หายลึกลับจาก มหา’ลัยเทกซัส - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รอดูกันดีกว่าครับ อีกไม่กี่วันแล้วครับ

โกหกทั้งเพ! อย่าเชื่อข่าวลือ นาซาเตือนโลกมืด 6 วัน ใกล้สิ้นปี
โดย ข่าวต่างประเทศ 2 ธ.ค. 2557 17:56



ยันเป็นเรื่องโกหก... หลังมีข่าวลือแพร่สะพัดหนัก อ้าง นาซา เตือนโลกจะตกอยู่ในความมืดมิดนานถึง 6 วัน ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. จากการเกิดพายุสุริยะครั้งใหญ่สุดในรอบ 250 ปี

สื่อต่างประเทศรายงาน กรณีมีข่าวลือที่กำลังสร้างความตื่นตระหนกและแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ราวกับไฟลามทุ่งว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ได้ประกาศเตือนโลกจะตกอยู่ในความมืดมิดนานถึง 6 วัน ในช่วงใกล้สิ้นปี เนื่องจากปรากฏการณ์พายุสุริยะจากดวงอาทิตย์นั้น แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องเหลวไหล ไม่เป็นความจริง

‘นี่เป็นเรื่องโกหก ถึงแม้ว่าพายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นปรากฏการณ์จากผิวดวงอาทิตย์เกิดการระเบิด ปล่อยอนุภาคประจุไฟฟ้าออกมาจำนวนมหาศาล ไม่ใช่เกิดฝุ่นหรือเศษซากสกปรกจากห้วงอวกาศ’


---
@ภาพที่เว็บไซต์นำมาลง อ้างว่าหัวหน้านาซาประกาศเตือนโลกจะมืดถึง 6 วัน
---
โดยสื่อต่างชาติได้ระบุว่า เรื่องโกหกนี้ ใช้วิธีดึงเสียงพูดมาใส่ในคลิปวิดีโอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้งเสียงของ ชาร์ลส์ โบลเดน หัวหน้าองค์การนาซา ก็เป็นคลิปเสียง ตอนที่โบลเดนพูดเตือนให้ชาวอเมริกันอยู่ในความสงบเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉิน จากการเกิดภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดแผ่นดินไหว หรือพายุเฮอริเคน ซึ่งเป็นหายนภัยทางธรรมชาติที่เกิดในสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ มีเว็บไซต์ต่างชาติได้รายงานข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวโลกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ยืนยันว่า ทั่วโลกเกือบทั้งหมดจะตกอยู่ในความมืดมิด นานถึง 6 วัน ระหว่างวันที่ 16-22 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เนื่องจากอิทธิพลจากการเกิดพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดฝุ่นและเศษซากของอวกาศจำนวนมาก บดบังแสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องมายังโลกถึง 90%

นอกจากนั้น เว็บไซต์ดังกล่าวยังชี้ว่า นี่คือภาพถ่ายของหัวหน้านาซา นายชาร์ลส์ โบลเดน ขณะประกาศเรื่องนี้ และขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เนื่องจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์จากพายุสุริยะครั้งใหญ่สุดในรอบ 250 ปี และจะเกิดเป็นระยะเวลานาน 216 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโลกจะตกอยู่ในความมืดนานถึง 6 วัน เจ้าหน้าที่นาซายังคงชี้ว่า โลกจะไม่เกิดปัญหาใหญ่ๆ แต่อย่างใด

โกหกทั้งเพ! อย่าเชื่อข่าวลือ นาซาเตือนโลกมืด 6 วัน ใกล้สิ้นปี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

วิจัยออกซ์ฟอร์ดชี้ แผนคุมเอดส์ได้ผล
โดย ทีมข่าวต่างประเทศ 3 ธ.ค. 2557 05:15



มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษเผยแพร่ผลวิจัยเนื่องในวันเอดส์โลก เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.พบว่า การติดเชื้อเอชไอวีในคนที่ทำให้เป็นโรคเอดส์เริ่มช้าลง อันตรายถึงแก่ชีวิตน้อยลง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสเอชไอวีที่อาจช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ได้

ขณะที่นักดนตรีจากอังกฤษและสหรัฐฯ ทั้งบรูซ สปริงทีน ศิลปินอเมริกัน, คริส มาร์ติน นักร้องวงโคลด์เพลย์ ฝั่งอังกฤษ, วงดิเอจ, ลาร์รี่ มูลเล็น จูเนียร์, คานยี เวสต์และแคร์รี่ อันเดอร์วูด ร่วมแสดงในคอนเสิร์ต “ยูทู ไมนัส 1” ที่ย่านไทม์ สแควร์ ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เพื่อรณรงค์ต่อต้านเอดส์ ขณะที่ “โบโน” นักร้องนำวงยูทู ผู้รณรงค์จัดงาน ไม่อาจมาร่วมแสดงได้เพราะต้องพักฟื้นอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจักรยานล้ม.

วิจัยออกซ์ฟอร์ดชี้ แผนคุมเอดส์ได้ผล - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อีโบลาคร่าคน เกือบเรือนหมื่น
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 ธ.ค. 2557 08:01



องค์การอนามัยโลกแจ้งด่วนว่า โรคระบาดมฤตยูอีโบลาได้สังหารผู้คนไปถึง 6,928 คนแล้ว

ยอดผู้เสียชีวิตได้สูงขึ้นเกินเรือนพัน เมื่อองค์การได้รายงานเมื่อหนที่แล้ว ซึ่งรวมยอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดเมื่อก่อนหน้าที่ไม่มีการแจ้งด้วย แม้ว่ายอดผู้ป่วยในไลบีเรียจะลดลง แต่ในเซียร์ราลีโอนกลับสูงขึ้น หากคิดรวมกัน ยอดผู้ป่วยในกินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ก็เกิน 16,000 รายไปแล้ว.

อีโบลาคร่าคน เกือบเรือนหมื่น - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ชวนเที่ยวน้ำตกสวย ทำ 'สปาเท้า'​ โดยปลานับแสนตัว
โดย ทีมข่าวภูมิภาค 4 ธ.ค. 2557 04:08



ททท.ชวนเที่ยวน้ำตกที่สวยที่สุดในภาคอีสานตอนล่าง ‘น้ำตกห้วยหลาง’ ใน อช.ภูจองนายอย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี เผยมีอันซีนไทยแลนด์ ทำ ‘สปาปลา’ โดยปลาเล็กปลาน้อยที่อาศัยในธรรมชาตินับแสนตัว ...

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายวิชุกร กุหลาบศรี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี ได้นำคณะสื่อมวลชน เข้าสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ น้ำตกห้วยหลวง หรือ น้ำตกบักเตว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ซึ่งถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด และงดงามที่สุดของภาคอีสานตอนล่าง

โดยน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าสมบูรณ์ ไหลจากหน้าผาสูงชัน สูงกว่า 45 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ พื้นน้ำใส สะอาด มีหาดทรายขาวสะอาด และลานหินที่สวยงาม สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอธรรมชาติอย่างแท้จริง


---
@น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา
---
ทั้งนี้ ที่ถือได้ว่า เป็น ‘อันซีนไทยแลนด์’ อีกอย่างหนึ่ง ของน้ำตกแห่งนี้ คือบริเวณแอ่งน้ำที่ใส สะอาด นักท่องเที่ยวจะมองเห็นตัวปลานับแสนตัว แหวกว่ายกันเป็นฝูง ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อนักท่องเที่ยวได้ลงมาเล่นน้ำ หรือนำเท้ามาแช่น้ำปลาเล็ก ปลาน้อย จะพากันมาแทะเล็มผิวหนังชั้นนอก หรือหนังกำพร้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำสปาเท้า เพื่อรักษาผิวและขจัดเซลล์ผิวเก่าตายแล้วให้หลุดลอกออกไปจากร่างกายด้วย

นายวิชุกร กล่าวว่า สำหรับปลาเล็กปลาน้อยที่เห็นอยู่ในน้ำตกห้วยหลวง เป็นปลาพื้นบ้าน โดยชาวบ้านเรียกว่า ปลาจาด ซึ่งปลาจาดกลุ่มนี้ นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารได้ และแช่เท้าทำสปาปลา ได้อย่างใกล้ชิด ไม่เป็นอันตราย โดยในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ปริมาณน้ำตกอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำ และชมความของน้ำตกที่สวยที่สุดในภาคอีสานกันอย่างต่อเนื่อง


น้ำตกที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด ในอีสานตอนล่าง
"น้ำตกห้วยหลวง เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 45 เมตร การเดินทางลงสู่เบื้องล่างนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าลงไปชมน้ำตกกว่า 272 ขั้น มีจุดชมวิวเหนือน้ำตก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมน้ำตกห้วยหลวงได้อย่างเต็มตา รวมทั้งทัศนียภาพของป่าไม้ที่สวยงามตามแนวชายแดนกัมพูชา และ สปป.ลาว อันอุดมสมบูรณ์ มีพรรณไม้หายากนานาชนิด อาทิ ต้นตะเคียนทอง ประดู่ ยาง กระบาก ปู่จ้าว พะยูง มะค่า มะจอง และต้นแกแล เป็นต้น นอกจากนี้ ในเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ยังมีน้ำตกสราญรีภิรมย์ แก่งกะเลา และน้ำตกจุ๋มจิ๋ม หรือน้ำตกประโอนละออ ซึ่งเกิดจากสายน้ำที่ไหลลดระดับจากน้ำตกห้วยหลวงด้วย"


---
@สปาปลา
---
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี ถนนเขื่อนธานี อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โทรศัพท์ 0-4524-3770 , 0-4525-0714 หรือ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย โทรศัพท์ 0-4541-1515-6.

ชวนเที่ยวน้ำตกสวย ทำ 'สปาเท้า'​ โดยปลานับแสนตัว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ชาวนิวยอร์กยัวะลูกขุนไม่ฟ้องตำรวจรัดคอชายผิวสีจนตาย



ชาวนิวยอร์กพากันมารวมตัวที่จัตุรัสไทม์สแควร์แสดงความไม่พอใจหลังคณะลูกขุนใหญ่พิจารณาไม่สั่งฟ้องตำรวจผิวขาวรัดคอชายผิวสีจนเสียชีวิตขณะจับกุม

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/Evb7YIpAtJo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันพฤหัสบดี 4 ธันวาคม 2557 เวลา 08:47 น.
สำนักข่าวบีบีซี รายงานจานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ว่า คณะลูกขุนใหญ่มีคำพิจารณาไม่สั่งฟ้องร้องเอาผิดนายแดเนียล แพนทาเลโอ เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวจากสำนักงานตำรวจนิวยอร์ก ซิตีของสหรัฐ หลังเขาเข้าจับกุมนายอีริค การ์เนอร์ ชายผิวสีวัย 43 ปี ฐานค้าบุหรี่เถื่อนโดยการกอดรัดคอจนนายการ์เนอร์หายใจไม่ออก และในที่สุดจึงเสียชีวิตเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา



หลังคำพิจารณาของคณะลูกขุนชาวนครนิวยอร์กได้พากันมารวมตัวกันที่จัตุรัสไทม์สแควร์ใจกลางเมืองเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการพิจารณาดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐออกมาเปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้จัดชุดสืบสวนเพื่อสอบสวนในคดีดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว



ในคลิปวิดีโอที่แสดงภาพเหตุการณ์ขณะมีการเข้าจับกุมนั้น นายการ์เนอร์ได้ตะโกนใส่ตำรวจที่เข้าจับกุมเขาหลายนายว่า เขาหายใจไม่ออก โดยวิดีโอนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มีผู้ไม่พอใจการทำงานของตำรวจเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การพิจารณาไม่สั่งฟ้อง มีขึ้นหลังจากคณะลูกขุนในรัฐมิสซูรีพิจารณาไม่สั่งฟ้องตำรวจผิวขาวที่ยิงนายไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสีจนเสียชีวิตเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ยิ่งทำให้ประเด็นเหยียดผิวในสหรัฐปะทุมากขึ้น



อย่างไรก็ตาม นายปีเตอร์ คิง สมาชิกรัฐสภาของนิวยอร์กออกมาปกป้องการกระทำของตำรวจ เนื่องจากในภาพวิดีโอ นายการ์เนอร์เป็นฝ่ายดิ้นรนขัดขืนการจับกุม ทำให้ตำรวจยิ่งต้องใช้กำลังมากขึ้น

ชาวนิวยอร์กยัวะลูกขุนไม่ฟ้องตำรวจรัดคอชายผิวสีจนตาย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เด็กโปแลนด์2ขวบพ้นอันตรายหลังเกือบแข็งตายนอกบ้าน



เด็กชายชาวโปแลนด์วัย2ปี ที่ถูกพบนอนหมดสตินอกบ้านที่อุณหภูมิต่ำว่าจุดเยือกแข็ง และสวมเสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้น มีอาการดีขึ้นพ้นขีดอันตรายแล้ว

วันพฤหัสบดี 4 ธันวาคม 2557 เวลา 00:27 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่4ธ.ค.ว่า นายแพทย์จานุสซ์ สคัลสกี้ ศัลยแพทย์หัวใจ แห่งโรงพยาบาลเด็กคราเคาว์ โปแลนด์แถลงอาการเด็กชายอดัม วัย2ปี ที่ถูกพบว่านอนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ลำธารในหมู่บ้านรัคลาวิซ ใกล้กับเมืองคราเคาว์ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เด็กชายอดัมมีการการดีขึ้นและพ้นภาวะวิกฤติแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าสมองของเด็กอาจถูกทำลายอย่างถาวร ทั้งนี้เด็กสามารถขยับแขนขา ลืมตาได้บางครั้ง และอวัยวะภายในดูเหมือนว่ากำลังกลับมาทำงานตามปกติแล้ว แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่

ขณะที่เด็กชายอดัมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พบว่าอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่เพียง1ครั้งต่อเวลาหลายสิบวินาที และมีอุณหภูมิร่างกาย12องศาเซลเซียสเท่านั้น หลังนอนหมดสติอยู่นอกบ้านที่อุณหภูมิต่ำถึง-7องศาเซลเซียสเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยสวมเพียงถุงเท้าและเสื้อชุดนอน ก่อนตำรวจจะมาพบและนำตัวส่งโรงพยาบาล

ด้านพ่อแม่ได้มาเฝ้าอาการของลูกอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ขณะคืนที่เกิดเหตุเด็กได้อยู่กับยาย ซึ่งเธอไม่ทราบว่าเด็กชายอดัมออกจากบ้านไปตอนไหน โดยสื่อโปแลนด์รายงานว่า ผู้เป็นยายยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากยังอยู่ในอาการช็อก

เด็กโปแลนด์2ขวบพ้นอันตรายหลังเกือบแข็งตายนอกบ้าน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

แพทย์อินเดียพลึกใช้ที่สูบลมจักรยานทำหมันหญิง



แพทย์อินเดียสุดพิลึก ใช้ที่สูบลมจักรยานสูบลมเข้าท้องผู้หญิงก่อนผ่าตัดทำหมัน จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเมื่อสุดสัปดาห์ ล่าสุดระงับการใช้แล้ว

วันพุธ 3 ธันวาคม 2557 เวลา 22:20 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย เมื่อวันที่3 ธ.ค.ว่าพบแพทย์อินเดียทำหมันให้สตรีชาวอินเดียสุดพิลึกใช้ที่สูบลมจักรยานสูบลมเข้าท้องของผู้หญิงเพื่อให้ท้องพองขึ้นโดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในรัฐโอริสสาอย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐแห่งนี้ก็ได้ระงับการทำหมั้นหมู่ที่ศูนย์สุขภาพแล้วหลังจากมีการพบว่า แพทย์ชื่อว่า ดร.มาเฮชจันทรา รูต ใช้วิธิการทำหมันสุดแปลกด้วยการใช้ที่สูบลมจักรยานกับผู้หญิงวัย56ปีคนหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่าในรัฐโอริสสามักมีการใช้ที่สูบลมทำหมันเป็นเรื่องปกติ

เจ้าหน้าที่ของรัฐกล่าวว่า คาร์บอนไดออกไซด์ควรถูกใช้สำหรับกระบวนการทำหมันแต่การใช้ที่สูบลมก็อาจก่อให้เกิดอัตรายได้

เมื่อเดือนที่แล้วเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นหลายครั้งจากปัญหาเรื่องการทำหมันเมื่อมีผู้หญิงเสียชีวิตไป15 คนหลังการผ่าตัดทำหมันในรัฐฉัตติสครห์ซึ่งในเวลาต่อมา ตรวจสอบพบว่ามีการใช้ยาปนเปื้อนจนทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรง

ทั้งนี้อินเดียมีการตั้งศูนย์ทำหมันตามหมู่บ้านในรัฐต่างๆ เพื่อทำหมันหมู่ให้กับผู้หญิงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการควบคุมประชากรที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

รายงานระบุว่าดร.รูตใช้ที่สูบจักรยานเพื่อทำให้ท้องของผู้ป่วยหญิงพองขึ้นซึ่งเป็นกระบวนการรักษาของเขาจนทำให้เกิดความไม่พอใจเมื่อกระแสข่าวดังกล่าวแพร่งพรายออกไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ระหว่างการผ่านตัดทำหมันท้องผู้ป่วยจำเป็นต้องถูกทำให้พองขึ้นเพื่อทำให้เกิดช่องว่างสะดวกในการใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการผ่าตัดแต่อาราตี อาฮูจาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของรัฐโอริสสากล่าวว่า การผ่าตัดทำหมันในรัฐโอริสสานั้นขณะนี้ถูกจัดขึ้นในโรงพยาบาลที่มีเครื่องไม้เครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่แล้วแพทย์จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อมาตรฐานความปลอดภัยที่นานาชาติยอมรับเพื่อป้องกันความเป็นไปได้ในการติดเชื้อ

แพทย์อินเดียพลึกใช้ที่สูบลมจักรยานทำหมันหญิง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เด็กออสเตรียเล่นไฟฉายเลเซอร์ทำตาบอดเกือบสนิท



เด็กชายชาวออสเตรียวัย12ปีได้รับบาดเจ็บนัยน์ตาทั้ง2ข้าง “อย่างรุนแรงและถาวร” จากการเล่นไฟฉายเลเซอร์ ทำให้ความสามารถในการมองเห็นภาพลดลงถึงร้อยละ60

วันพุธ 3 ธันวาคม 2557 เวลา 21:44 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่3ธ.ค.ว่า นายแพทย์ยูซัฟ อัล-ชาบราวี หัวหน้าแพทย์ประจำคลีนิกคลาเกนฟู อัม เวอร์เธอร์ซี ทางตอนใต้ของออสเตรียเชื่อว่า เด็กชายลูคัสวัย12ปีที่ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาทั้ง2ข้างน่าจะนำไฟฉายเลเซอร์มาส่องเล่นกับกระจก ทำให้แสงเลเซอร์สะท้อนเข้าที่นัยน์ตาของเขา ส่งผลให้สูญเสียความสามารถในการมองเห็นภาพถึงร้อยละ60 อย่างถาวร ซึ่งอาการบาดเจ็บดังกล่าวไม่สามารถรักษาให้หายได้ มากที่สุดทำได้แค่ให้ดวงตาเยียวยาอาการด้วยเอง

ทั้งนี้พ่อของเด็กชายลูคัสได้ซื้อไฟฉายเลเซอร์จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งโฆษณาว่าเป็นของเล่นใช้เล่นกับแมว หลังจากนั้น1สัปดาห์ต่อมา เด็กชายลูคัสบ่นว่ามองเห็นภาพจุดสีดำ

นายแพทย์อัล-ชาบราวีกล่าวว่า ไฟฉายเลเซอร์ดังกล่าวติดป้ายไว้ว่ามีค่ากำลังของแสงเลเซอร์อยู่ที่ระดับ2 ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมของสหภาพยุโรป(อียู) แต่ไม่มีใบรับรองมาตรฐานของอียู ที่เรียกว่า “อีเอ็น สแตนดาร์ด”

ไฟฉายเลเซอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งบางรุ่นมีลำแสงรุนแรงมาก ถึงขั้นส่องทะลุผ่านกระจกเครื่องบินเข้าไปในห้องนักบินได้ โดยในปี2556สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ รายงานว่าเฉพาะที่สหรัฐมีคนใช้ไฟฉายเลเซอร์ส่องเข้ามาในห้องนักบินของเครื่องบินถึง99ครั้ง

เด็กออสเตรียเล่นไฟฉายเลเซอร์ทำตาบอดเกือบสนิท | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

นาโตเห็นชอบช่วยเหลือยูเครนครั้งใหม่-ประณามรัสเซีย



นาโตเห็นชอบสนับสนุนยูเครนครั้งใหม่ และประณามรัสเซียกรณีให้การสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดน และยังลงนามในภารกิจฝึกครั้งใหม่ในอัฟกานิสถานด้วย



วันพุธ 3 ธันวาคม 2557 เวลา 18:51 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่3ธ.ค.ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต เห็นชอบให้การสนับสนุนครั้งใหม่ต่อยูเครนและประณามรัสเซียกรณีให้การสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนขณะเดียวกันนาโตก็ลงนามในภารกิจการฝึกครั้งใหม่ในอัฟกานิสถานโดยแถลงการณ์จากรัฐมนตรีต่างประเทศนาโตและนายปาฟโล คลิมคินรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนซึ่งเข้าร่วมประชุมวิดีโอลิงก์ด้วยระบุว่าเราขอประณามอย่างรุนแรงต่อรัสเซียที่ยังบ่อยทำลายเสถียรภาพในภาคตะวันออกของยูเครนละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นายจีนส์สตอลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโตกล่าวว่าพวกเขาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือทางการเงินในหลายด้านต่อยูเครนทั้งปรับปรุงด้านการส่งกำลังบำรุง,สงครามไซเบอร์,การให้บริการทางการแพทย์และสนับสนุนทหารยูเครนที่ได้รับบาดเจ็บด้วย

นอกจากนี้นาโตยังผลักดันให้รัสเซียเคารพข้อตกลงสันติภาพในกรอบกว้างๆ ที่ตกลงกันในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาในกรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุสโดยระบุว่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในยูเครนซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว4,300คน“รัสเซียต้องใช้อิทธิพลที่มีเหนือกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในการรับประกันว่าพวกเขาต้องหยุดโจมตีและยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง”แถลงการณ์ระบุ

นาโตเห็นชอบช่วยเหลือยูเครนครั้งใหม่-ประณามรัสเซีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

ดาวพฤหัสบดีวิกลคติเพื่อที่จะพักร์ (ถอยหลัง) วันที่ ๔-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ราศีกรกฎ ที่ ๒๘ องศา ๓๓ ลิปดา



ปฏิทินโหรประจำปี ๒๕๕๗ ตามแนวทางท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ระบุว่า ดาวพฤหัสบดีจะวิกลคติพักร์ ในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยดาวพฤหัสบดีจะวิกลคติอยู่ประมาณ ๑๐ วัน จึงจะพักร์องศา

ดาวพฤหัสบดีแทน กระบวนการยุติธรรม ศาล กฏหมาย การศาสนา นักบวช โดยทางสากลยังสามารถแทนได้กับ การเงิน การธนาคาร ตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ ดังนั้นในช่วงที่ดาวโคจรผิดปกตินี้ เราท่านจะได้เห็นความผิดปกติ ความไม่ชอบมาพากล ความวุ่นวาย ในความหมายดังกล่าว

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเกษตร์ราศีธนูและราศีมิน ดังนั้นจึงเป็นตนุลันค์ของผู้ทีมีลัคนาในราศีทั้งสอง โดยเมื่อดาวประจำตัวโคจรไม่ปกติเช่นนี้ เจ้าชาตาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังให้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลัคนาราศีธนู เพราะตนุลัคน์จรไปอยู่เรือนมรณะ

ในขณะที่ดาวโคจรพักรอยู่นั้น ดาวจะเคลื่อนที่เข้าใกล้โลก โดยจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดและจะเกิดปรากฎการณ์ "ดาวพฤหัสบดีเพ็ญ" ในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งดาวจะมีกำลังมากในช่วงที่พักร์องศานี้ โดยผลจะร้ายหรือดีมากหรือไม่อย่างไรนั้น จะต้องดูดาวอื่นในดวงมาประกอบด้วย

ในดวงชาตาอดีด...ผู้ที่ชอบกล่าวว่าข้าพเจ้าจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว โดยท่านมีลัคนาอยู่ราศีมินและมีดาวเสาร์อยู่ร่วมลัคนา โดยท่านได้เสียชีวิตในช่วงที่ดาวพฤหัสบดีวิกลคติ แล้วตำแหน่งไปตรงกับลัคนาของท่านพอดี ซึ่งดาวพฤหัสบดีจะกลายเป็นนิจน์เมื่อได้รับแสงจากดาวเสาร์

ดาวพฤหัสบดีจะกลับมาโคจรในวิถีจักรปกติในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘

ในช่วงระยะเวลาที่ดาววิกลคตินี้เป็นที่น่าสังเกตุว่ายังเกาะนวางค์ขาดอีกด้วย ดังนั้นผลร้ายน่าจะมีมากว่าดี โดยเหตุการณ์โดยทั่วๆไปในโลกใบนี้ มีโอกาสเกิดภัยธรรมชาติ ภัยทางน้ำได้เช่นกัน ดังนั้นเราท่านทั้งหลายพึงไม่ประมาทในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

admin ดิลก แสงอุทัย

ปล. รูปเทวดาพระพฤหัสบดี จาก internet

ในมติโหรฯ...ดาวพฤหัสฯ เป็นดาวศุภพระเคราะห์ ที่มีกำลังมากที่สุด สามารถต้านทาน ดาวบาปพระเคราะห์ได้ทุกดวง / เมื่อ...ดาวพฤหัสฯ มา"วิกลคติพักร" และ"เดินถอยหลัง" ในระหว่างนวางค์ขาด ราศีกรกฏ เช่นนี้ จึงน่าจับตามอง สำหรับผู้สนใจ ในศาสตร์แห่งโหรฯ!!! - สัมพรรค์

 

ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

ว่ากันด้วยเรื่อง "ปฏิทินโหราศาสตร์ฺ" ตอนที่ ๑

ผู้ร่ำเรียนวิชาโหร ผู้ที่สนใจวิชาโหรและนักโหราศาสตร์ทั้งหลาย สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี การคำนวณ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ จะก้าวหน้าไปอย่างมาก สิ่งนั้นก็คือ "ปฏิทินโหราศาตร์"

ในอดีดนั้น วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ใช้กันอยู่แต่ในรั้วในวัง เป็นวิชาที่ทางหมู่โหรทั้งหลายจะสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นสืบทอดให้เฉพาะเหล่าลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเท่านั้น

ซึ่งโหราศาสตร์ที่แท้จริงท่านจะแบ่งเป็น ๓ ภาคด้วยกัน ผู้ที่เป็นโหรหรือจะมีผู้ยกย่องว่าเป็นโหรจะต้องเจนจบทั้ง ๓ ภาค กล่าวคือ "ภาคคำนวณ ภาคพยากรณ์และภาคพิธีกรรม" ซึ่งจะเห็นได้ว่า ภาคคำนวณเป็นภาคพื้นฐานที่มีสำคัญมากและจัดให้อยู่ในภาคแรกของผู้ที่จะเรียนวิชาโหร

ปฏิทินโหราศาสตร์จัดเป็นหนึ่งในวิชาที่สำคัญของภาคคำนวณที่จะบอกว่าดาวเดือนเคลื่อนคล้อยไปอย่างไร วิกลคติ พักร์ เสริด หรือมนฑ์ เมื่อใด สมผุสของดาวอยู่ที่องศา ลิปดาเท่าไร เข้าเกาะนวางค์บาทฤกษ์อะไร จันทร์เข้าและออกฤกษ์เมื่อเวลาใด ฯลฯ

ครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่าที่จัดทำปฏิทินโหราศาสตร์มาให้เป็นแบบอย่างในอดีดเช่น ท่านคุณหลวงอรรถวาทีธรรมประวรรต (วิเชียร จันทร์หอม) ท่านทำปฏิทินที่ใช้การคำนวณแบบสุริยยาตร์ที่ใช้กันในสมัยโบราณมาเผยแพร่ ต่อมาท่านพระยาบริรักษ์เวชชการ อดีดนายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นยุคที่เจริญรุ่งเรื่องมากที่สุดของสมาคมโหร โดยท่านได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์และดาราศาสตร์โดยท่านพบว่าสูตรคำนวณที่ใช้กันแต่โบราณไม่ได้มีการชำระและทบทวนกันมานาน ดังนั้นท่านจึงปรับสูตรให้ตรงกับทางดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นที่มาของปฏิทินโหราศาสตร์แบบดาราศาสตร์ที่ตรงกับความเป็นจริงบนท้องฟ้าในปัจจุบัน

ย้อนกลับมาที่ภาคคำนวณซึ่งไม่เป็นที่เผยแพร่และมีผู้รู้มากนักในอดีด ดังนั้นผู้ที่ตั่งตนเป็นครูบาอาจาย์ในบางสำนักจึงมีข้อจำกัด ในทางความรู้และการถ่ายทอด จึงเป็นที่มาของโหราศาสตร์ฉบับง่าย ๆ ไม่ต้องใช้สมผุสทั้งของดาวและลัคนา หรือที่เรียกกันว่าดวงอีแปะ ที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายในบ้านเรา ซึ่งสามารถดูดวงชาตาได้แบบคร่าวๆ เท่านั้น

เราท่านที่มีสติปัญญาลองพิจารณาไตร่ตรองกันดูเองเถิด เช่นดาวที่อยู่ห่างจากโลกมากเช่น ดาวเสาร์มีวิถีโคจร ๒ ปี ครึ่งต่อหนึ่งราศี โดยถ้าเราไม่ดูสมผุส หรือองศาของดาวแล้ว การทำนายก็เป็นแบบเหวี่ยงแห ไม่สามารถเจาะจงในช่วงเวลาสำคัญได้

ซึ่งผู้ที่มีปฏิทินโหราศาสตร์ที่ถูกต้องสมบูรณ์ สามารถตรวจสอบหาระยะสมผุสตลอดจนการโคจรที่ไม่เป็นปกติของดาว และสามารถทำนายเป็นช่วงระยะเวลาได้ โดย admin จะอธิบายให้เราท่านที่สนใจได้ทราบในตอนต่อไป

admin ดิลก แสงอุทัย

ว่ากันด้วยเรื่อง "ปฏิทินโหราศาสตร์" ตอนที่ ๒

สมผุสหรือตำแหน่งองศาของดาวนั้นสำคัญมากในการทำนาย เพราะจะบอกได้ว่าผลดีหรือร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

วิชาโหราศาสตร์ที่ใช้ทำนายดวงจรนั้น ไม่ว่าสายไหนๆ ก็มีพื้นฐานมา
จากตำแหน่งของดาวในดวงกำเนิดและดาวจรที่มากระทบ ซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาสามารถทราบได้เองว่า การทำนายโดยใช้สมผุสหรือตำแหน่งของดาวนั้นมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่า

หลักในการทำนายดวงจรนั้น นอกจากจะดูที่สมผุสหรือตำแหน่งของดาวว่าโคจรไปต้องดาวเดิมหรือไม่แล้ว วิถีการโคจรของดาวก็มีความสำคัญมาก เช่นดาวโคจรในวิถีจักรปกติ โคจรถอยหลัง (พักร์) โคจรช้า (มณฑ์) หรือโคจรเร็วกว่าปกติ (เสริด)

โดยจุดหรือตำแหน่งที่ดาวจะเปลี่ยนวิถีในการโคจรนั้นจะเรียกว่าจุด "วิกลคติ" ซึ่งเป็นไม้ตายไม้หนึ่งในการทำนาย ที่บุราณาจารย์ท่านได้สอนสั่งไว้และศิษย์ในสายท่าน อ.เทพย์ ที่แท้จริงนั้นใช้สืบทอดกันมาเป็นเวลานานแล้ว

นอกจากวิถีการโคจรของดาวแล้ว การที่ดาวโคจรไปร่วมราศี ไปกุมกัน ไปเล็งกัน หรือไปทำมุมต่างๆต่อกัน ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก
ในการทำนาย ถ้าดาวศุภเคราะห์มากุมกันย่อมเกิดผลดี ถ้าดาวบาปพระเคราะห์มากุมกันก็หาผลดีได้ยากเป็นต้น

โดยการกุมกันหรือเล็งกันของดาว ถ้าไปกระทำกับดาวอาทิตย์แล้ว จะเกิดปรากฎการณ์ "ดาวดับและดาวเพ็ญ" ที่มีผลมากในการทำนายเช่นกัน

เป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่า ไม่เคยได้ยินโหรมีชื่อทั้งหลายที่มีพื้นที่สื่อในบ้านเรากล่าวถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดวิกลคติ จุดดับ จุดเพ็ญ ฯลฯ

ซึ่งผู้ที่ร่ำเรียนวิชาโหรมาบ้าง จะสามารถประเมินภูมิความรู้ของโหรมีชื่อเหล่านั้นได้ไม่ยากนัก โดยส่วนใหญ่เห็นท่องโศลกมาทำนายกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง โดยมิรู้ว่าโศลกต่างๆนั้น มีเคร็ดลับที่ครูโหรท่านแฝงไว้มากมาย เช่นเรื่องดวงแตก ดวงพินธุบาทว์ เป็นต้น

ซึ่งปฏิทินโหราศาสตร์ที่ถูกต้องเช่น ปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปีตามแนวทางท่านอ.เทพย์ สาริกบุตรได้รวมรวมสิ่งที่กล่าวไว้ทั้งหมด

โดย admin จะอธิบายรายระเอียดต่างๆ นอกเหนือจากสมผุสดาวที่ระบุไว้ในปฏิทินโหรเช่นเรื่องดิถี เรื่องฤกษ์ ให้เราท่านได้ทราบกันในตอนต่อไป

admin ดิลก แสงอุทัย