ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากการที่แกนโลกกำลังรั่ว และน่าจะมากอย่างมีนัยสำคัญ จนเริ่มมีการออกข่าวเรื่องนี้กันแล้ว ทำให้นึกถึงทฤษฐีการกลับขั้วสนามแม่เหล็กที่ซีไอเอเคย ปกปิดไว้ ที่ว่า "เห็นได้ชัดว่าเมื่อทุกๆสองสามพันปีที่สสารที่เป็นกลางหนีออกจากแกนในรัศมี 860 ไมล์สู่แกนนอกหลอมเหลวหนา 1,300 ไมล์และเกิดระเบิดในแบบปรมาณูอย่างแท้จริงในโลก การระเบิดในชั้นพลังงานสูงและโครงสร้างแม่เหล็กทั้งในแกนนอกและชั้นหลอมเหลวหนา 60 ไมล์ด้านนอก"
    ---
    ขั้วโลกเหนือของโลกกำลังผกผันขึ้นมาพร้อมความกลัวที่จะเกิดความโกลาหลทั่วโลก
    ... การเปลี่ยนขั้วสนามแม่เหล็กโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แมกมาของเยลโลว์สโตนและการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก - เร็ว ๆ นี้
    เห็นได้ชัดว่าเมื่อทุกๆสองสามพันปีที่สสารที่เป็นกลางหนีออกจากแกนในรัศมี 860 ไมล์สู่แกนนอกหลอมเหลวหนา 1,300 ไมล์และเกิดระเบิดในแบบปรมาณูอย่างแท้จริงในโลก การระเบิดในชั้นพลังงานสูงและโครงสร้างแม่เหล็กทั้งในแกนนอกและชั้นหลอมเหลวหนา 60 ไมล์ด้านนอก
    อ้างอิงมาจากหน้า 21 จากเอกสาร CIA ด้านล่าง
    เอกสารนี้ได้รับการจำแนกประเภทโดย CIA ในปี 2013 และอธิบายการทำลายล้างของโลกอย่างไรก็ตามหลายหน้าหายไป
    Earth's Magnetic North Pole Is Shifting, Prompting Fears of a Coming Global Chaos
    Crap is about to hit the fan, magnetic pole shift, climate change, Yellowstone magma, and crustal displacement - possibly coming soon.
    So apparently once every few thousand years neutral matter escapes from the 860-mile radius inner core into the 1300-mile thick molten outer core and there is a literal atomic explosion inside the earth. The explosion in the high energy layer and magnetic structure in both the outer core and the outer 60-mile thick molten layer.
    The quote is from page 21 from the CIA document below.
    This document was declassified by the CIA in 2013 and describes mass earth destruction, however, many pages were missing.
    https://www.disclose.tv/earths-magn...ompting-fears-of-a-coming-global-chaos-366044

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ๊ะ ...
    แผ่นดินไหวใน MG / Brazil
    อันตรายจากการแตกของเขื่อน

    FB_IMG_1562982447093.jpg

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    file-20190709-44472-1aja9tz.jpg
    วัสดุจากแกนกลางของโลกกำลังรั่วไหลลงไปในแมนเทิลผ่านกิจกรรมที่นำไปสู่การปะทุของภูเขาไฟ เช่น ช่วยในการก่อตัว(เกิดขึ้นของ) เกาะฮาวาย EPA/Bruce Omori/Paradise Helicopters

    แกนกลางของโลกรั่วมาหลายพันล้านปีแล้ว 9 กรกฎาคม, 2019 23.45 น. EDT

    Hanika Rizo, มหาวิทยาลัย Carleton, David Murphy, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์, Denis Andrault, มหาวิทยาลัย Clermont Auvergne

    สนามแม่เหล็กของโลกปกป้องและทำให้โลกของเราเป็นที่อยู่อาศัยโดยการหยุดอนุภาคพลังงานสูงที่เป็นอันตรายจากอวกาศ รวมทั้งจากดวงอาทิตย์ แหล่งที่มาของสนามแม่เหล็กนี้ เป็นแกนกลางของดาวเคราะห์ของเรา

    แต่แกนกลางนั้นยากมากที่จะศึกษา เป็นเพราะมันเริ่มที่ความลึกประมาณ 2,900 กิโลเมตร ทำให้มันลึกเกินไปที่จะสุ่มตัวอย่างและตรวจสอบโดยตรง

    แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยที่ค้นพบวิธีรับข้อมูลเกี่ยวกับแกนกลางของโลกพร้อมรายละเอียดที่เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ในตัวอักษรมุมมองธรณีเคมี

    อ่านเพิ่มเติม: เราสร้างแผนที่การเคลื่อนของเปลือกโลกของภูมิทัศน์ Game of Thrones

    ตรงนั้นมันร้อน

    แกนกลางเป็นส่วนที่ร้อนแรงที่สุดในโลกของเรา ด้วยอุณหภูมิแกนกลางถึงอุณหภูมิที่มากกว่า 5,000 ℃ สิ่งนี้จะต้องส่งผลกระทบต่อแมนเทิลมากเกินไปและคาดว่า 50% ของความร้อนจากภูเขาไฟมาจากแกนกลาง

    file-20190709-44437-lazrcy.png
    ชั้นของโลกจากเปลือกโลกชั้นนอกไปจนถึงแกนในชั้นใน Shutterstock / VRVector

    ภูเขาไฟเป็นกลไกสำคัญในการทำความเย็นของโลก ภูเขาไฟบางแห่งเช่นที่ยังคงก่อตัวเป็นเกาะภูเขาไฟของฮาวายและไอซ์แลนด์อาจถูกเชื่อมโยงกับแกนกลางด้วยกระจุกแม๊กมาแมนเทิลที่ถ่ายเทความร้อนจากแกนกลางสู่พื้นผิวโลก

    แต่ไม่ว่าจะมีการแลกเปลี่ยนวัสดุทางกายภาพระหว่างแกนกลางกับแมนเทิลหรือไม่นั้นเป็นประเด็นถกเถียงมานานหลายทศวรรษ

    การค้นพบของเราชี้ให้เห็นว่าวัสดุแกนกลางบางส่วนถูกถ่ายโอนไปยังฐานของกระจุกแม๊กมาแมนเทิลเหล่านี้และแกนกลางได้รั่วซึมวัสดุนี้มาเป็นเวลา 2.5 พันล้านปีที่ผ่านมา

    เราค้นพบสิ่งนี้โดยดูที่ความผันแปรเล็กน้อยในอัตราส่วนของไอโซโทปของธาตุทังสเตน (ไอโซโทปเป็นธาตุพื้นฐานของธาตุเดียวกันที่มีนิวตรอนจำนวนต่างกัน)

    ในการศึกษาแกนกลางของโลกเราจำเป็นต้องค้นหาตัวสืบหาทางเคมีของวัสดุแกนกลางในหินภูเขาไฟที่เกิดจากชั้นแมนเทิลลึก

    เรารู้ว่าแกนกลางมีคุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างกันอย่างมากซึ่งควบคุมโดยเหล็กและนิกเกิลรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ เช่น ทังสเตน ทองคำขาว และทองคำที่ละลายในโลหะผสมเหล็กนิกเกิล ดังนั้นองค์ประกอบที่ โลหะผสมเป็นทางเลือกที่ดีในการตรวจสอบร่องรอยของแกนกลาง

    การค้นหาไอโซโทปทังสเตน

    ทังสเตน (สัญลักษณ์ทางเคมี W) เป็นองค์ประกอบพื้นฐานมี 74 โปรตอน ทังสเตนมีไอโซโทปหลายชนิดรวมถึง 182W (มี 108 นิวตรอน) และ 184W (มี 110 นิวตรอน)

    ไอโซโทปของทังสเตนเหล่านี้มีศักยภาพที่จะเป็นตัวสืบหาข้อสรุปที่สำคัญที่สุดของวัสดุแกนกลางเนื่องจากแมนเทิลนั้นคาดว่าจะมีอัตราส่วน 182W / 184W สูงกว่าแกนกลางมาก

    นี่เป็นเพราะองค์ประกอบอื่น ๆ Hafnium (Hf) ซึ่งไม่ละลายในโลหะผสมเหล็กนิกเกิลและมีอยู่มากในแมนเทิล และมีไอโซโทป (182Hf) ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในตอนนี้ไปเป็น 182W สิ่งนี้จะช่วยให้แมนเทิล เพิ่มเติม 182W เมื่อเทียบกับทังสเตนในแกน

    แต่การวิเคราะห์ที่จำเป็นในการตรวจจับความแปรปรวนของไอโซโทปทังสเตนนั้นท้าทายอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากเรากำลังตรวจสอบความแปรปรวนของอัตราส่วน 182W / 184W ในส่วนต่อล้านส่วนและความเข้มข้นของทังสเตนในหินอยู่ในระดับต่ำถึงหมื่นชิ้นส่วนต่อพันล้าน มีห้องปฏิบัติการน้อยกว่าห้าแห่งในโลกที่สามารถทำการวิเคราะห์ประเภทนี้

    หลักฐานการรั่วไหล

    การศึกษาของเราแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอัตราส่วน 182W/184W ของแมนเทิลตลอดชีวิตของโลก หินที่เก่าแก่ที่สุดของโลกมี 182W/184W สูงกว่าหินส่วนใหญ่ในโลกสมัยใหม่อย่างมีนัยสำคัญ

    การเปลี่ยนแปลงในอัตราส่วน 182W / 184W ของแมนเทิลบ่งชี้ว่าทังสเตนจากแกนกลางถูกรั่วซึมในแมนเทิลเป็นเวลานาน [อัตราส่วน 182W / 184W ถ้าปกติ ก็ควรที่จะคงที่ การที่อัตราส่วนยิ่งน้อยลง ก็เป็นดัชนีหนึ่งที่แสดงว่าองค์ประกอบของแมนเทิลถูกแทรกซึม]

    ที่น่าสนใจในหินภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุดของโลกในช่วงเวลา 1.8 พันล้านปีไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในไอโซโทปทังสเตนของแมนเทิล สิ่งนี้บ่งชี้ว่าจาก 4.3 พันล้านปี เป็น 2.7 พันล้านปีก่อนวัตถุจำนวนน้อยหรือไม่มีเลยจากแกนกลางถูกย้ายเข้าสู่ส่วนบน

    แต่ในอีก 2.5 พันล้านปีต่อมาองค์ประกอบของไอโซโทปทังสเตนของแมนเทิลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เราสรุปว่าการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกไปจนถึงจุดสิ้นสุดของ Archean Eon เมื่อประมาณ 2.6 พันล้านปีที่แล้ว ก่อให้เกิดกระแสไหลขนาดใหญ่พอ ในแมนเทิลเพื่อเปลี่ยนไอโซโทปทังสเตนของหินยุคใหม่ (modern rocks) ทั้งหมด

    ทำไมถึงมีรอยรั่ว

    หากกระจุกแม๊กมาแมนเทิลขึ้นจากขอบแกนกลาง-แมนเทิลไปยังพื้นผิว มันจะติดตามวัตถุจากพื้นผิวโลกที่จะต้องลงไปในแมนเทิลที่อยู่ลึก

    Subduction, คำที่ใช้สำหรับหินต่างๆ จากพื้นผิวโลกลงไปในแมนเทิล, นำวัสดุที่อุดมด้วยออกซิเจนจากพื้นผิวไปสู่แมนเทิลที่อยู่ลึกเป็นองค์ประกอบสำคัญของการแปรสัณฐานแผ่นเปลือกโลก

    การทดลองแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของออกซิเจนที่ขอบเขตแกนกลาง-แมนเทิลอาจทำให้ทังสเตนแยกออกจากแกนกลางและกลายเป็นแมนเทิล

    อ่านเพิ่มเติม: 'ชีพจร' ของภูเขาไฟสามารถใช้ในการทำนายการระเบิดครั้งต่อไป

    นอกจากนี้การแข็งตัวของแกนในก็จะเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนของแกนนอกด้วย ในกรณีนี้ผลลัพธ์ใหม่ของเราสามารถบอกเราบางอย่างเกี่ยวกับวิวัฒนาการของแกนกลางรวมถึงที่มาของสนามแม่เหล็กของโลก
    file-20190709-44497-lulo62.png
    Cartoon แสดงความแตกต่างของอัตราส่วนไอโซโทปทังสเตนระหว่างแกนกลางของโลกและแมนเทิล และวิธีที่แกนกลางของโลกอาจกำลังรั่วไหลวัสดุลงไปในกระจุกแม๊กมาแมนเทิลได้อย่างไร Credit: Neil Bennett

    แกนกลางของโลกเริ่มต้นเป็นโลหะเหลวทั้งหมดและเย็นตัวลงและแข็งตัวบางส่วนเมื่อเวลาผ่านไป สนามแม่เหล็กถูกสร้างขึ้นโดยการหมุนของแกนของแข็งด้านใน เวลาของการตกผลึกในแกนด้านใน (inner core crystallisation)เป็นหนึ่งในคำถามที่ยากที่สุดที่จะตอบในวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์

    การศึกษาของเรา ทำให้เราตามรอยที่สามารถใช้ในการตรวจสอบการทำงานร่วมกันของแกนกลาง-แมนเทิล และการเปลี่ยนแปลงภายใน(internal dynamics) ของโลกของเรา และซึ่งสามารถเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น อย่างไร และเมื่อไร

    Our study gives us a tracer that can be used to investigate core-mantle interaction and the change in the internal dynamics of our planet, and which can boost our understanding of how and when the magnetic field was turned on.

    __

    Material from the Earth’s core has been leaking into the mantle through activity that led to volcanic eruptions such as that helped form the Hawaiian islands. EPA/Bruce Omori/Paradise Helicopters

    Earth’s core has been leaking for billions of years

    July 9, 2019 11.45pm EDT

    Hanika Rizo, Carleton University, David Murphy, Queensland University of Technology, Denis Andrault, Université Clermont Auvergne

    Earth’s magnetic field protects and makes our planet habitable by stopping harmful high-energy particles from space, including from the Sun. The source of this magnetic field is the core at the centre of our planet.

    But the core is very difficult to study, partly because it starts at a depth of about 2,900 kilometres, making it too deep to sample and directly investigate.

    Yet we are part of a research team that found a way to get information about Earth’s core, with details published recently in Geochemical Perspective Letters.

    Read more: We made a moving tectonic map of the Game of Thrones landscape
    --
    It’s hot down there

    The core is the hottest part of our planet with the outer core reaching temperatures of more than 5,000℃. This has to affect the overlying mantle and it is estimated that 50% of volcanic heat comes from the core.

    The layers of the Earth from the outer crust to the inner core.Shutterstock/VRVector

    Volcanic activity is the planet’s main cooling mechanism. Certain volcanism, such as that which is still forming volcanic islands of Hawaii and Iceland, might be linked to the core by mantle plumes that transfer heat from the core to Earth’s surface.

    Yet whether there is any exchange of physical material between the core and the mantle has been a subject of debate for decades.

    Our findings suggest some core material does transfer into the base of these mantle plumes, and the core has been leaking this material for the past 2.5 billion years.

    We discovered this by looking at very small variations in the ratio of isotopes of the element tungsten (isotopes are basically versions of the same element that just contain different numbers of neutrons).

    To study Earth’s core, we need to search for chemical tracers of core material in volcanic rocks derived from the deep mantle.

    We know the core has a very distinct chemistry, dominated by iron and nickel together with elements such as tungsten, platinum and gold that dissolve in iron-nickel alloy. Therefore, the metal alloy-loving elements are a good choice to investigate for traces of the core.

    The search for tungsten isotopes

    Tungsten (chemical symbol W) as the base element has 74 protons. Tungsten has several isotopes, including 182W (with 108 neutrons) and 184W (with 110 neutrons).

    These isotopes of tungsten have potential to be the most conclusive tracers of core material, because the mantle is expected to have much higher 182W/184W ratios than the core.

    This is because of another element, Hafnium (Hf), which does not dissolve in iron-nickel alloy and is enriched in the mantle, and had a now-extinct isotope (182Hf) that decayed to 182W. This gives the mantle extra 182W relative to the tungsten in the core.

    But the analysis required to detect variations in tungsten isotopes is incredibly challenging, as we are looking at variations in the 182W/184W ratio in parts per million and the concentration of tungsten in rocks is as low as tens of parts per billion. Fewer than five laboratories in the world can do this type of analysis.
    --
    Evidence of a leak

    Our study shows a substantial change in the 182W/184W ratio of the mantle over Earth’s lifetime. Earth’s oldest rocks have significantly higher 182W/184W than than most rocks of the modern-day Earth.

    The change in the 182W/184W ratio of the mantle indicates that tungsten from the core has been leaking into the mantle for a long time.

    Interestingly, in Earth’s oldest volcanic rocks, over a time frame of 1.8 billion years there is no significant change in the mantle’s tungsten isotopes. This indicates that from 4.3 billion to 2.7 billion years ago, little or no material from the core was transferred into the upper mantle.

    But in the subsequent 2.5 billion years, the tungsten isotope composition of the mantle has significantly changed. We infer that a change in plate tectonics, towards the end of the Archean Eon from about 2.6 billion years ago triggered large enough convective currents in the mantle to change the tungsten isotopes of all modern rocks.
    ___
    Why the leak?

    If mantle plumes are ascending from the core-mantle boundary to the surface, it follows that material from Earth’s surface must also descend into the deep mantle.

    Subduction, the term used for rocks from Earth’s surface descending into the mantle, takes oxygen-rich material from the surface into the deep mantle as an integral component of plate tectonics.

    Experiments show that increase in oxygen concentration at the core-mantle boundary could cause tungsten to separate out of the core and into the mantle.

    Read more: The 'pulse' of a volcano can be used to help predict its next eruption

    Alternatively, inner core solidification would also increase the oxygen concentration of the outer core. In this case, our new results could tell us something about the evolution of the core, including the origin of Earth’s magnetic field.

    Cartoon showing the differences in tungsten isotope ratios between the Earth’s core and mantle, and how the Earth’s core might be leaking material into the mantle plumes.Credit: Neil Bennett

    Earth’s core started as entirely liquid metal and has been cooling and partially solidifying over time. The magnetic field is generated by the spin of the inner solid core. The time of inner core crystallisation is one of the most difficult questions to answer in Earth and planetary sciences.

    Our study gives us a tracer that can be used to investigate core-mantle interaction and the change in the internal dynamics of our planet, and which can boost our understanding of how and when the magnetic field was turned on.

    https://theconversation.com/earths-core-has-been-leaking-for-billions-of-years-119395
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Next California Earthquake

    ข้อมูลจากเครื่องวัดความคืบ (creepmeters รอยเลื่อนรับความเค้น จะนำไปสู่การยืดตัว) แสดงให้เห็นว่าในความจริงแล้ว รอยเลื่อน San Andreas ได้เห็นระยะเลื่อนที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิดแผ่นดินไหว M7.1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ระยะเลื่อนตื้นๆ ไม่กี่มิลลิเมตรถูกวัดตามส่วนใต้สุดของ San Andreas ตามขอบของทะเล Salton

    เครื่องมือเหล่านี้จัดทำโดย Roger Bilham จากสถาบันความร่วมมือเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยโคโลราโด

    ดังนั้นสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ระยะเลื่อนถูกกระตุ้นเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่นแผ่นดินไหว Landers แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเสี่ยงทันที

    ภาพถ่ายโดย Gareth Funning

    FB_IMG_1562990202437.jpg FB_IMG_1562990205395.jpg
    Data from creepmeters show that the San Andreas Fault did in fact see some triggered slip during the M7.1 earthquake last week.

    A few millimeters of shallow slip were measured along the southernmost section of the San Andreas along the edge of the Salton Sea.

    These instruments were placed by Roger Bilham from the Cooperative Institute for Research in Environmental Sciences, which is affiliated with the University of Colorado.

    So what does this mean? Triggered slip has happened before, notably after other large events like the Landers Earthquake, but does not signify any immediate risk.

    Photo by Gareth Funning

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    บางคนกำลังมีวันที่เลวร้าย ...
    ... และนี่คือ #Barry
    ปลอดภัยทุกคน!
    #Turn_Around_Dont_Drown!

    ---------------
    พายุ #BARRY ในลองบีช มิสซิสซิปปี อยู่ด้านหน้าพายุโซนร้อนแบร์รี่ที่จะเข้าหาแผ่นดิน ในต้นวันเสาร์
    12 กรกฎาคม 2019

    ขนาดใหญ่ของ Barry และการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มีกระแสน้ำไหลไปตามชายฝั่งแล้วซึ่งวิ่งไป 1-2.5 ฟุตเหนือพื้นดินแห้งปกติ
    FB_IMG_1562993313911.jpg
    Somebody's having a bad day...
    ...and this is the #Barry
    Be safe everyone !
    #Turn_Around_Dont_Drown !

    ---------------
    STORM #BARRY in Long Beach, Mississippi well ahead of Tropical Storm Barry’s landfall early Saturday.
    12July2019

    Barry’s large size and slow forward motion already has tides along the coast already running 1-2.5feet above normally dry ground.

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    พวยน้ำที่บิดเบี้ยวผ่านอากาศ ที่อยู่สูงเหนือทะเลสาบ Pontchartrain ในนิวออร์ลีนส์เมื่อพายุโซนร้อนแบร์รี่ใกล้เข้าสู่แผ่นดิน
    A waterspout twists through the air high above Lake Pontchartrain in New Orleans as Tropical Storm Barry nears landfall
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำขึ้นจากพายุ
    คลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่ง
    300px-Surge-en.svg.png
    ผลกระทบของน้ำขึ้นจากพายุ

    น้ำขึ้นจากพายุ[1] (อังกฤษ: storm surge หรือ tidal surge) คือคลื่นที่เกิดจากการยกตัวขึ้นของน้ำทะเลนอกชายฝั่งด้วยอิทธิพลของความกดอากาศต่ำและอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อน น้ำขึ้นจากพายุขั้นตอนแรกเกิดจากลมความเร็วสูงที่พัดผลักดันผิวมหาสมุทร ลมจะทำให้น้ำยกตัวสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลปกติ ขั้นตอนที่สองคือความกดอากาศต่ำที่ศูนย์กลางพายุ (ตาพายุ) มีผลเพิ่มยกระดับน้ำขึ้นอีกเล็กน้อย และอีกสาเหตุคือชั้นความลึก (bathymetry) ของน้ำทะเล ผลกระทบรวมจากปรากฏการณ์ความกดอากาศต่ำร่วมกับการพัดของลมพายุเหนือทะเลน้ำตื้นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของอุทกภัยจากน้ำขึ้นจากพายุ คำว่า "storm surge" ในภาษาอังกฤษยังมีคำอื่น ๆ ที่ใช้แบบไม่เป็นทางการ (ไม่ใช่ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์) คือ "storm tide" (น้ำขึ้นหนุนจากพายุ) นั่นเพราะมันเกี่ยวโยงกับการยกขึ้นของน้ำทะเลจากพายุ, ภาวะน้ำขึ้นหนุน (plus tide), คลื่นเคลื่อนยกตัว (wave run-up), และการท่วมหลากของน้ำจืด เมื่อเอ่ยถึงอ้างอิงความสูงของน้ำขึ้นจากพายุ สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของจุดอ้างอิง จากรายงานพายุหมุนเขตร้อนของศูนย์พายุหมุนแห่งชาติ (National Hurricane Center, NHC) รายงานอ้างอิงน้ำขึ้นจากพายุจากความสูงของระดับน้ำที่สูงเหนือจากระดับน้ำขึ้นของอุตุพยากรณ์ และความสูงของระดับน้ำที่ถูกพายุยกขึ้นเหนือจากสถิติระดับน้ำทะเลที่อ้างอิงใน พ.ศ. 2472 (NGVD-29)


    กลไก

    352px-Storm_surge_graphic.svg.png
    ภาพกราฟิกแสดงน้ำขึ้นจากพายุ
    อิทธิพลที่มีผลต่อการการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในระหว่างเกิดพายุมีอย่างน้อย 5 อิทธิพล ได้แก่ อิทธิพลความกดอากาศ, อิทธิพลโดยตรงจากลมพายุ, อิทธิพลของการหมุนตัวของโลก, อิทธิพลของคลื่น, และอิทธิพลของปริมาณน้ำฝนที่ตก[2]

    อิทธิพลความกดอากาศของพายุหมุนเขตร้อนจะทำให้ระดับของน้ำในทะเลเปิดยกตัวสูงขึ้นในเขตที่บรรยากาศมีความกดอากาศต่ำ และลดระดับต่ำลงในเขตบรรยากาศมีความกดอากาศสูง ระดับน้ำที่ยกตัวสูงขึ้นจะแปรผกผันกับความกดอากาศที่ต่ำลง เพื่อที่จะทำให้ความกดโดยรวมที่ระนาบของใต้ผิวน้ำคงที่ ผลกระทบนี้ทำให้ประมาณได้ว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร (0.4 นิ้ว) ต่อทุก ๆ 1 มิลลิบาร์ที่ลดลงของความกดอากาศ[2]

    ความแรงที่พื้นผิวลมเป็นสาเหตุโดยตรงของความสูงชันของพายุลม ปรากฏการณ์นี้รู้จักกันในชื่อ "เกลียวเอ็กมาน" (Ekman spiral) มีข้อเท็จจริงที่ว่าความกดดันของลม (wind stress) เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์การก่อตัวของลม นั่นคือมีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะยกเพิ่มในด้านทิศเดียวกับกระแสลมที่พัดเข้าฝั่ง และระดับน้ำจะลดลงในด้านตรงกันข้าม เพราะเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่พายุจะพัดน้ำซัดอ่าวในทิศทางไปของพายุ เพราะเหตุว่าเกลียวเอ็กมานมีผลจากการแผ่ในแนวฉากของลมที่ผ่านน้ำ และผลกระทบนี้จะแปรผกผันกับความลึกของน้ำ อิทธิพลความดันและการก่อตัวของลมในทะเลเปิดจะผลักดันน้ำเข้าสู่อ่าวในแนวเดียวกับอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง

    อิทธิพลของการหมุนของโลกเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์คอริออลิส (Coriolis effect) ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะทำให้ทิศทางกระแสน้ำเบี่ยงโค้งไปทางขวาในซีกโลกเหนือ และเบี่ยงโค้งไปทางซ้ายในซีกโลกใต้จากอิทธิพลของการหมุนของโลก เมื่อโค้งของกระแสน้ำเข้าพุ่งปะทะกับชายฝั่งในแนวตั้งฉากจะไปเพิ่มขยายคลื่นที่ยกตัวให้เพิ่มขึ้น และหากโค้งของกระแสน้ำหันออกจากชายฝั่งมีผลให้คลื่นที่ยกตัวนั้นลดลง

    อิทธิพลของคลื่น ขณะที่คลื่นได้รับกำลังจากลม โดยเฉพาะจากพลังของลมพายุ ลมที่มีพลังจะยกคลื่นให้ใหญ่และแรงในทิศทางเดียวกันกับแนวการเคลื่อนที่ของลม แม้กระนั้นก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ผิวคลื่นเพียงเล็กน้อยในทะเลเปิด (ทะเลลึก) แต่มันจะมีผลให้คลื่นขยายตัวใหญ่และแรงขึ้นคลื่นนั้นเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง เมื่อแนวคลื่นที่กำลังแตกตัวขนานกับหาดมันนำน้ำจำนวนมากซัดตรงเข้าสู่ฝั่ง ขณะที่คลื่นแตกตัวอนุภาคของน้ำที่เคลื่อนเข้าฝั่งนั้นมีโมเมนตัมจำนวนมาก จนอาจซัดกระเซ็นขึ้นไปตามความชันของหาดจนสูงเหนือระดับน้ำทะเลและคลื่นที่ตามมาในลูกที่สองถูกซัดสูงขึ้นก่อนที่มันจะแตกกระจาย

    ปริมาณน้ำฝนที่ตกมีอิทธิพลมากตรงบริเวณชะวากทะเล (บริเวณที่น้ำจืดกับน้ำเค็มบรรจบกัน) ในพื้นที่เปิดเฮอริเคนสามารถสร้างปริมาณน้ำฝนได้ถึง 12 นิ้วใน 24 ชั่วโมง และอาจจะสูงกว่าในพื้นที่ปิด ผลที่ตามมาคือ สันปันน้ำ (watersheds) (ร่องเขาที่เป็นแนวร่องน้ำ) น้ำจะไหลบ่าอย่างเร็วระบายสู่แม่น้ำ นี่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงในระดับสูงสุดของระดับน้ำขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ เป็นเพราะพายุขับดันคลื่นยกตัวจากมหาสมุทรและน้ำฝนที่ไหลมาจากชะวากทะเล


    การวัดการยกตัว

    การวัดการยกตัวสามารถทำได้โดยตรงที่สถานีวัดน้ำขึ้นน้ำลงชายฝั่ง (coastal tidal stations) โดยวัดความแตกต่างของระดับน้ำขึ้นพยากรณ์การระดับยกตัวที่สังเกตได้[3] ข้อสารสนเทศนี้สามารถดูในขณะเกิดจริงได้ที่เว็บไซต์น้ำขึ้นน้ำลงและกระแสน้ำของ NOAA (NOAA Tides and Currents website) ตลอดเวลาที่ทำการรายงาน[4]

    การวัดการยกตัวอีกวิธีหนึ่งที่เริ่มนำมาใช้โดย NHC เมื่อ พ.ศ. 2548 โดยทีมงาน USGS ที่ใช้การติดจั้งตัวแปรสัญญาณความกดอากาศไปตามชายฝั่งทะเลก่อนที่พายุหมุนจะมาถึง ซึ่งเป็นการทดลองใช้ครั้งแรกกับพายุหมุนริตา (Hurricane Rita) [5]กรรมวิธีนี้ได้นำมาตรวจสอบความถูกต้องกับกรรมวิธีอื่นที่ใช้กับริตาด้วย และต่อมาได้ใช้กีบพายุหมุนเออร์เนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2549 อีกครั้ง เครื่องรับรู้ประเภทนี้สามารถนำไปติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่จะถูกน้ำท่วมโดยสามารถวัดความสูงของน้ำส่วนบนได้[6]


    บันทึก

    น้ำขึ้นจากพายุที่สูงที่สุดที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เกิดจากพายุหมุนมาฮินา (Cyclone Mahina) ที่อ่าวแบเทิสต์ (Bathurst Bay) ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2442 ซึ่งประมาณว่าสูงถึง 13 เมตร แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 ให้ข้อสังเกตว่าสาเหตุเหตุหลัก ๆ น่าจะเกิดจากคลื่นเคลื่อนยกตัวมากกว่าเนื่องจากความชันของพื้นใต้ชายฝั่งทะเล[7] บันทึกของน้ำขึ้นจากพายุที่สูงที่สุดเกิดจากพายุหมุนแคทรินาเมื่อ พ.ศ. 2548 ซึ่งทำให้คลื่นยกตัวสูงขึ้นถึงระดับ 7.6 เมตร[8][9] รอบ ๆ อ่าวเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซิสซิปปี, ในชุมชนเวฟแลนด์, ตัวอ่าวเซนต์หลุยส์, ไดมอนด์เฮด, และช่องแคบคริสเตียน โดยมีคลื่นยกตัวสูงถึง 8.5 เมตรที่ช่องแคบคริสเตียน[10] บันทึกน้ำขึ้นจากพายุอีกรายหนึ่งเกิดในบริเวณเดียวกันจากพายุหมุนคามิลเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2512 โดยมีคลื่นยกตัวสูงสุดถึง 7.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลสูงสุดซึ่งเกิดที่ช่องแคบคริสเตียนเช่นกัน [11] น้ำขึ้นจากพายุที่เลวร้ายที่สุดในแง่ของการเสียชีวิตของผู้คนเกิดจากพายุไต้ฝุ่นโภลา (Bhola cyclone) เมื่อ พ.ศ. 2513 ที่อ่าวเบงกอลและโดยทั่วไป อ่าวเบงกอล ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่เกิดภัยจากน้ำขึ้นจากพายุชุกมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ

    เหตุการณ์น้ำขึ้นจากพายุในประเทศไทย
    ในอดีตประเทศไทยก็เคยเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นจากพายุ เมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากพายุโซนร้อนแฮเรียต มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 300 กิโลเมตร ความเร็วลม 180 - 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วในการเคลื่อนที่ 92.622 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกิดคลื่นยักษ์สูงประมาณยอดต้นสน (20 เมตร) สร้างความเสียหายให้ 9 จังหวัดในภาคใต้เป็นอย่างมาก สถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือน โรงเรียน วัด ถูกพายุพัดพังระเนระนาด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ไม่สามารถติดต่อกันได้ เรือที่ออกทะเลเสียหายมากมาย ต้นยาง ต้นมะพร้าว และต้นไม้อื่น ๆ ล้มพินาศมหาศาล สวนยางนับแสน ๆ ต้นโค่นล้มขวางเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 911 คน, สูญหาย 142 คน, บาดเจ็บสาหัส 252 คน,ไม่มีที่อยู่อาศัย 10,314 คน, บ้านเสียหาย 42,409 หลังคาเรือน,โรงเรียน 435 หลัง


    สโลช (SLOSH)

    220px-Sloshrun.gif
    ตัวอย่างการเดินแบบจำลองสโลช (SLOSH run)
    ดูบทความหลักที่: การพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อน
    ศูนย์พายุหมุนแห่งชาติได้พยากรณ์ไว้ว่าน้ำขึ้นจากพายุโดยใช้แบบจำลองสโลช หรือ SLOSH ซึ่งย่อมาจาก "น้ำขึ้นจากพายุในทะเลสาบและบนแผ่นดิน" ในภาษาอังกฤษ คือ Lake and Overland Surges from Hurricanes. แบบจำลองนี้มีความแม่นยำภายใน 20 percent.[12] ข้อมูลสโลชรับเข้า (input) รวมถึงความกดอากาศส่วนกลางของพายุหมุนเขตร้อน, ขนาดของพายุ, การเคลื่อนตัวของพายุ, เส้นทางการเคลื่อนตัว, และความเร็วลมคงที่สูงสุด นอกจากนี้ยังต้องนำเอาลักษณะภูมิประเทศท้องถิ่น, การหันเหทิศทางของอ่าวและแม่น้ำ, ความลึกของก้นทะเล, การขึ้นลงเชิงดาราศาสตร์ของน้ำ (น้ำขึ้นน้ำลง) , รวมทั้งรูปโฉมทางกายภาพอื่น ๆ เข้ามานับร่วมกันเพื่อการกำหนดกริดหรือตารางล่วงหน้าที่เรียกว่า "แอ่งสโลช" (SLOSH basin) แล้วจึงนำแอ่งสโลชมาทับซ้อนสำหรับเส้นแนวชายฝั่งทะเลด้านใต้และตะวันออกของแผ่นทวีปอเมริกา[13]ในการจำลองพายุบางครั้งอาจใช้แอ่งสโลชมากว่า 1 แอ่ง เช่นการเดินแบบจำลองสโลชแคทรินาซึ่งใช้ทั้งแอ่งทะเลสาบพอนชาร์เทรน/นิวออร์ลีนส์ และ แอ่งมิสซิสซิบปีซาวด์ร่วมกันเพื่อใช้กับการขึ้นฝั่งของพายุ (landfall) ของอ่าวเม็กซิโก


    การบรรเทา

    แม้การสำรวจทางอุตุนิยมจะเตือนภัยพายุหมุนหรือพายุร้ายแรงทั่ว ๆ ไปแล้วก็ตาม ในบางกรณีบางพื้นที่ที่มีความเสียงต่อน้ำท่วมชายฝั่งสูงเฉพาะที่บางแห่งจะมีการเตือนเกี่ยวกับน้ำขึ้นจากพายุเฉพาะเป็นครั้ง ๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน ได้มีการปฏิบัติจริงอยู่แล้วหลายแห่ง เช่นประเทศเนเธอร์แลนด์[14]สเปน,[15][16] สหรัฐ,[17][18] และ สหราชอาณาจักร.[19]

    กรรมวิธีเพื่อป้องน้ำขึ้นจากพายุเริ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทะเลเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2496โดยการสร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำท่วม (สันดอนกั้นน้ำขึ้นจากพายุ) ปกติจะเปิดให้น้ำและเรือผ่านเข้าออก แต่จะปิดเมื่อมีทีท่าว่าอาจถูกคุกคามจากน้ำขึ้นจากพายุ สันดอนกั้นพายุยกที่สำคัญได้แก่ โอสเตอร์สแค็ลเดอเกริง (Oosterscheldekering) และมาสลันต์เกริง (Maeslantkering) ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการงานดินดอนสามเหลี่ยม (Delta Works project) และสันดอนเทมส์ (Thames Barrier) ที่ใช้ป้องกันกรุงลอนดอน


    ดูเพิ่ม

    หมายเหตุ

    1. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2549, หน้า 504.
    2. 2.0 2.1 Harris 1963
    3. John Boon (2007). "Ernesto: Anatomy of a Storm Tide" (PDF). Virginia Institute of Marine Science, College of William and Mary. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    4. National Ocean Service (2008). "Tide Data - Station Selection". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    5. U.S. Geological Survey (2006-10-11). "Hurricane Rita Surge Data, Southwestern Louisiana and Southeastern Texas, September to November 2005". U.S. Department of the Interior. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    6. Automated (2008). "U20-001-01-Ti: HOBO Water Level Logger Specification". Onset Corp. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
    7. Jonathan Nott and Matthew Hayne (2000). ~How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf/$file/How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf "How high was the storm surge from Tropical Cyclone Mahina? North Queensland, 1899"Check |url= value (help) (PDF). Emergency Management Australia. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    8. FEMA (2005-11-01). "Mississippi Hurricane Katrina Surge Inundation and Advisory Base Flood Elevation Map Panel Overview" (PDF). Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    9. FEMA (2006-05-30). "Hurricane Katrina Flood Recovery (Mississippi)". Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    10. Knabb, Richard D (2005-12-20; updated 2006-08-10). "Tropical Cyclone Report: Hurricane Katrina: 23-30 August 2005"(PDF). National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ 2008-10-11. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help); Check date values in: |date= (help)
    11. Simpson, 1969
    12. National Hurricane Center (2008). "SLOSH Model". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
    13. NOAA (1999-04-19). "SLOSH Model Coverage". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    14. Rijkswaterstaat (2008-07-21). "Storm Surge Warning Service". สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
    15. Ports of the State (1999-03-01). "Storm surge forecast system". Government of Spain. สืบค้นเมื่อ 2007-04-14.
    16. Puertos del Estado (1999-03-01). "Sistema de previsión del mar a corto plazo" (in Spanish). Gobierno de España. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
    17. Stevens Institute of Technology (2008-08-10). "Storm Surge Warning System". New Jersey Office of Emergency Management. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    18. Donna Franklin (2008-08-11). "NWS StormReady Program, Weather Safety, Distaster, Hurricane, Tornado, Tsunami, Flash Flood..." National Weather Service. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
    19. National Flood Risk Systems Team (2007-04-14). "Current Flooding Situation". Environment Agency. สืบค้นเมื่อ 2007-07-07.

    อ้างอิง

    • Anthes, Richard A. (1982). "Tropical Cyclones; Their Evolution, Structure and Effects, Meteorological Monographs". American Meteorological Society. Ephrata, PA. 19 (41): 208.
    • Cotton, W.R. (1990). Storms. Fort Collins, Colorado: *ASTeR Press. p. 158. ISBN 0962598607.
    • Dunn, Gordon E. (1964). Atlantic Hurricanes. Baton Rouge, LA: Louisiana State University Press. p. 377. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Finkl, C.W. Jnr. (1994). "Disaster Mitigation in the South Atlantic Coastal Zone (SACZ) : A Prodrome for Mapping Hazards and Coastal Land Systems Using the Example of Urban subtropical Southeastern Florida. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research. Charlottesville, Virginia: Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 339–366.
    • National Hurricane Center (1995). Lake Okeechobee Storm Surge Atlas for 17.5' & 21. 5' Lake Elevations. Ft. Myers, Florida: Southwest Florida Regional Planning Council. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Gornitz, V. (1994). "The development of a coastal risk assessment database: Vulnerability to sea level rise in the U.S. southeast". Journal of Coastal Research. Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 327–338. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
    • Granthem, K. N. (1953-10-01). "Wave Run-up on Sloping Structures". Transactions of the American Geophysical Union. 34 (5): 720–724.
    • Harris, D.L. (1963). "Characteristics of the Hurricane Storm Surge" (PDF). Technical Paper No. 48. Washington, D.C.: U.S. Dept. of Commerce, Weather Bureau: 139.
    • Hebert, Paul J. (1983). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)"(PDF). NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Miami, Florida: National Hurricane Center: 33. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Hebert, P.J. (1995). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)". NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Coral Gables, Fla., In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes...Different Faces In Different Places, (proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference, Atlantic City, N.J.: 10–50. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Jarvinen, B.R. (1985). "An evaluation of the SLOSH storm-surge model". American Meteorological Society Bulletin. 66 (11): 1408–1411. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Jelesnianski, Chester P. (1972). "SPLASH (Special Program To List Amplitudes of Surges From Hurricanes) I. Landfall Storms". NOAA Technical Memorandum NWS TDL-46. Silver Spring, Maryland: National Weather Service Systems Development Office: 56.
    • Jelesnianski, Chester P. (1992). "SLOSH: Sea, Lake, and Overland Surges from Hurricanes". NOAA Technical Report NWS 48. Silver Spring, Maryland: National Weather Service: 71. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Lane, E.D. (1981). Environmental Geology Series, West Palm Beach Sheet; Map Series 101. Tallahassee, Florida: Florida Bureau of Geology. p. 1.
    • Murty, T.S. (1994). "Impact of Storm Surges in the Bay of Bengal. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research (Special Issue No. 12): 149–161. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • United States National Weather Service (1993). Hurricane!: A Familiarization Booklet. NOAA PA 91001: U.S. Dept. of Commerce, National Oceanic and Atmospheric Administration, National Weather Service. p. 36.
    • Newman, C.J. (1993). "Tropical Cyclones of the North Atlantic Ocean, 1871-1992". Ashville, North Carolina and National Hurricane Center, Coral Gables, Florida: National Climatic Data Center in cooperation with the National Hurricane Center: 193. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Sheets, Dr. Robert C. (1995). "Stormy Weather, In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes... Different Faces In Different Places, (Proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference". Atlantic City, N.J.: 52–62.
    • Simpson, R.H. (1970-04-01). "The Atlantic Hurricane Season of 1969" (PDF). Monthly Weather Review. Boston, Massachusetts: American Meteorological Society. 98 (4). doi:10.1175/1520-0493 (1970) 098<0293:TAHSO>2.3.CO;2 Check |doi=value (help). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.Unknown parameter |doi_brokendate=ignored (help); Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help)
    • Simpson, R.H. (1971). A Proposed Scale for Ranking Hurricanes by Intensity (Speech). Minutes of the Eighth NOAA, NWS Hurricane Conference. Miami, Florida.
    • Tannehill, I.R. (1956). Hurricanes. Princeton, New Jersey: Princeton University Press. p. 308.
    • Will, Lawrence E. (1978). Okeechobee Hurricane; Killer Storms in the Everglades. Belle Glade, Florida: Glades Historical Society. p. 204.

    แหล่งข้อมูลอื่น


    แก้ไขล่าสุดเมื่อ2 ปีก่อนโดย Potapt

    https://th.m.wikipedia.org/wiki/น้ำขึ้นจากพายุ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    สถานะปัจจุบัน #BARRY
    ... แบร์รี่คาดว่าจะกลายเป็นเฮอร์ริเคนก่อนที่จะถึงฝั่งตะวันตกทางภาคใต้ของหลุยเซียนา ...
    อันตรายจากน้ำขึ้นจากพายุ ฝนที่ตกหนัก และสภาพอากาศแปรปรวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั่วชายฝั่งอ่าว(GULF COAST) ตอนเหนือ - ตอนกลาง ...
    ความเร็วลมปัจจุบัน 55 นอต / 65 ไมล์ต่อชั่วโมง
    ความเร็วลมคาดการณ์สูงสุด 65 นอต / 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 13 ก.ค. 2019 19.00 น

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    พายุ #BARRY
    เกาะ Dauphin , Alabama.
    13 กรกฎาคม 2019
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 6.1 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่เกาะริวกิว
    วันที่ 2019-07-13 เวลา 07: 57: 42.1 น. ตามเวลาประเทศไทย
    ตำแหน่ง 29.47 N; 128.00 E
    ความลึก 238 กม
    Macroseismic
    เอฟเฟกต์ F ความเข้ม: รู้สึก
    Screenshot_20190713-122934.png 778845.global.thumb.jpg 778845.regional.thumb.jpg
    Magnitude 6.1
    Region NORTHWEST OF RYUKYU ISLANDS
    Date time 2019-07-13 00:57:42.1 UTC
    Location 29.47 N ; 128.00 E
    Depth 238 km
    Macroseismic
    Intensity F Effects: Felt

    Distances
    513 km SW of Fukuoka-shi, Japan / pop: 1,393,000 / local time: 09:57:42.1 2019-07-13

    338 km SW of Kagoshima-shi, Japan / pop: 556,000 / local time: 09:57:42.1 2019-07-13

    189 km NW of Naze, Japan / pop: 41,400 / local time: 09:57:42.1 2019-07-13

    https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=778845
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    หิมะตกที่หายากในสโลวะเกีย # 11 ก.ค.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวอาเซี่ยน

    สิงคโปร์คุมตัวชาวพม่าตั้งกลุ่มหนุนกองทัพอาระกันต่อสู้ทหารในรัฐยะไข่
    .
    เอเอฟพี.13 ก.ค. - สิงคโปร์ควบคุมตัวชาวพม่าจำนวนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนกลุ่มกบฏที่กำลังสู้รบอย่างรุนแรงอยู่ในรัฐยะไข่กับทหารพม่า
    .
    กองทัพพม่าได้ระดมกำลังทหารหลายพันคนลงพื้นที่รัฐยะไข่ในช่วงหลายเดือนมานี้ ในความพยายามที่จะกำจัดกลุ่มติดอาวุธกองทัพอาระกัน (AA) ที่ระบุว่ากำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองให้แก่ชาวพุทธชาติพันธุ์ยะไข่
    รัฐทางตะวันตกของพม่าแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เกิดการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา ที่หลายแสนคนอพยพหลบหนีความรุนแรงไปบังกลาเทศ
    .
    กลุ่มคนที่ถูกควบคุมตัวมีเป้าหมายที่จะระดมทุนและจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนกองทัพอาระกันในชุมชนชาวพม่า กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ระบุในคำแถลงที่ออกเมื่อค่ำวันพุธ
    .
    “กระทรวงมหาดไทยกำลังดำเนินการกับชาวพม่าจำนวนหนึ่งจากการใช้สิงคโปร์เป็นสถานที่ในการจัดตั้งและรวบรวมการสนับสนุนการต่อสู้กับรัฐบาลพม่า สิ่งนี้เป็นภัยอันตรายต่อความมั่นคงของสิงคโปร์” คำแถลง ระบุ
    .
    กองทัพอาระกันเป็นผู้รับผิดชอบเหตุโจมตีรุนแรงในพม่า และรัฐบาลพม่าได้กำหนดให้กองทัพอาระกันเป็นกลุ่มก่อการร้าย คำแถลงของกระทรวงมหาดไทย ระบุ
    .
    งานกิจกรรมของชุมชนถูกใช้โฆษณาชวนเชื่อจุดประสงค์ของกองทัพอาระกันและระดมการสนับสนุนเพื่อบ้านเกิดในรัฐยะไข่ และหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังถูกสอบสวนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับผู้นำกองทัพอาระกัน
    .
    แต่กระทรวงปฏิเสธที่จะระบุจำนวนคนที่ถูกควบคุมตัว หรือเปิดเผยตัวตนของพวกเขาเหล่านั้น แต่ระบุว่า ผู้ที่ถูกพบว่ามีความเกี่ยวข้องในกิจกรรมด้านความมั่นคงจะถูกเนรเทศ
    .
    ความรุนแรงระหว่างทหารและกองทัพอาระกันในรัฐยะไข่ ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 30,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยของตนเองในช่วงหลายเดือนมานี้.
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    J Lynn Cole

    IMG_3547.JPG
    แผ่นดินไหว ขนาด M6.2 - 73. km ทางตะวันตกของ Machiques (โคลัมเบีย)- วันเสาร์ที่ 13 ก.ค. 2019 09:39:00 น. ตามเวลาประเทศไทย


    Earthquake M6.2 - 73. km al oeste de Machiques (Colombia) - Sat, 13 Jul 2019 02:39:00 UTC (22:39 EDT) - 2 hours ago

    more info: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2397858/info.html

    via Volcanoes & Erthquakes App - https://play.google.com/store/apps/details?id=com.volcanodiscovery.volcanodiscovery


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุทอร์นาโดใน Bobenheim เยอรมนี # 12 กรกฎาคม

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    คลื่นลูกใหญ่ของเฮอร์ริเคนแบร์รี่ทำลายกระจกหน้าของเรือของหน่วยทางทะเล OCSO ในวันนี้ ..


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วมถูกบันทึกไว้แล้วบนชายฝั่งหลุยเซียน่าและการเคลื่อนตัวที่ช้าของแบร์รี่ อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง การบวมน้ำ (น้ำที่สูงขึ้น) ของอ่าวจะอยู่ระหว่างความสูง 9 ถึง 16 ฟุต และปริมาณน้ำฝนสะสม 15 ถึง 20 นิ้ว ระวังให้มาก


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    กองทัพหลุยเซียน่า ออกไปที่ถนนสำหรับเหตุฉุกเฉิน ใดๆ # 12 กรกฎาคม


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    การทำลายล้างครั้งแรกของแบร์รี่ได้เริ่มขึ้นแล้วที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ในแบตันรูช ในรัฐหลุยเซียนา ที่ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง # 12 ก.ค.


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ทอร์นาโดในซิดนีย์ เนบราสก้า #12 กรกฎาคม





     

แชร์หน้านี้

Loading...