ติดตามสถานะการณ์

มหากรุณาโพธิยาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์


ว่าด้วยศีลบารมีที่เป็นปรมัตถ์


เมื่อพระโพธิสัตว์เจ้านั้นทำการบริจาคอัตภาพที่กล่าวไว้ใน สังขปาลชาดก อย่างนี้ว่า



เราแม้ถูกยิงด้วยลูกศรทั้งหลาย

แม้ถูกแทงด้วยหอกทั้งหลาย

ก็ไม่โกรธบุตรนายบ้าน

นั่นเป็นศีลบารมีของเรา ดังนี้.



ปณิธานที่ทรงเอ่ยชื่อว่า การบำเพ็ญศีลเป็นปรมัตถบารมี โดยในอดีตชาติที่พระพุทธเจ้าของเรา บำเพ็ญศีลบารมี มีคุณที่นับไม่ได้ คือ .....


ในกาลเสวยพระชาติเป็น พระเจ้าสีวิราช

ในกาลเสวยพระชาติเป็น พญาจัมเปยยนาคราช

ในกาลเสวยพระชาติเป็น พญาภูริทัตตนาคราช

ในกาลเสวยพระชาติเป็น พญาช้างฉัททันต์

ในกาลเสวยพระชาติเป็น ราชบุตรของพระเจ้าทิศราช ในกาลเสวยพระชาติเป็น อลีนจิตตกุมาร


—————————————


เนื้อหาเรียบเรียงจาก - อรรถกถาธรรมสังคณีปกรณ์

ภาพวาด พระโพธิสัตว์ ไม่ทราบนามศิลปิน.


ข้อมูล : คลังพุทธศาสนา.

มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์ แคเเถว นครปฐม 。 佛統三王阿隆大佛禪寺。大悲佛殿

 

มหากรุณาโพธิยาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์


ที่มาของมหามณีมนต์ : โอม มณี ปัทเม หุม


ใน "มหายานอลังการรัตนราชาสูตร" ได้กล่าวว่า


สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่

ณ. เชตวันมหาวิหาร พร้อมด้วยพระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป

และพระโพธิสัตว์มหาสัตว์จำนวนประมาณมิได้


ครานั้นทรงมีพระพุทธประสงค์จะตรัสเทศนา

เรื่องคาถามูลฐานของพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตตว์

อันเป็นธารณี ที่จะทำให้เกิดปัญญาญาณ ชำระทุกข์ภัยของสรรพสัตว์ทั้ง ๖ ภูมิ ให้บรรลุโพธิมรรคด้วยความรวดเร็ว อันเป็นกำลังการตรัสรู้ที่ไม่มีขอบเขต

ไม่มีประมาณ


พระสวรนิรวาณวิศกัมภิณโพธิสัตว์ ได้ลุกขึ้นแล้วทูลทูลว่า หม่อมฉัน ! เคยได้ยินมาว่าอันธารณีทั้ง ๖ พยางค์ เป็นมหาธารณีที่มีค่ามหาศาล แม้นำเอารัตนะทั้ง ๗ ประการ หรือแม้กระทั่งนำเอาเลือด และหนังของตนมาแทนน้ำหมึกและกระดาษ ก็ยังมิอาจพรรณาถึงคุณค่าของธรณีนี้ได้หมดสิ้น


ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดแสดงถึงที่มาและประโยชน์ของธารณีอันเร้นลับนี้ แก่หมู่สัตว์ด้วยเทอญ!


ครั้งนั้น .... พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

เมื่ออดีตเราตถาคต ก็ต้องการทราบถึงที่มาของธารณีทั้ง ๖ พยางค์นี้ จึงได้ดั้นด้นเดินทางไปยังพุทธเกษตรต่างๆ เพื่อตามหา มหาธารณีนี้


จนวันหนึ่งได้ไปถึงโลกธาตุหนึ่ง ท่ามกลางทะเลทรายแห่งโลกธาตุนั้นนั้น มีต่อมน้ำเล็กๆ เราจึงเข้าไปยังต่อมน้ำนั้น ภายในเป็นพุทธเกษตรของ

"พระรัตนอุตตรพุทธเจ้า" ท่ามกลางพุทธเกษตรแห่งนั้นมีพระพุทธองค์ประทับสมาธิเหนือสีหบัลลังก์


ณ. ที่แห่งนั้น เราตถาคต จึงคุกเข่าแล้วกราบอาราธนาต่อองค์ พระรัตนอุตตรพุทธเจ้า ทรงแสดงถึงที่มาของมนต์ ๖ พยางค์นี้ ครานั้นแล พระรัตนอุตตรพุทธเจ้า จึงทรงพระพุทธดำรัสว่า


สาธุกุลบุตร ! เธอจงเดินทางไปยังพุทธเกษตร

ของ พระปัทมอุตตรพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น จะตรัสแสดงถึงที่มาของธรณีทั้ง ๖ พยางค์แก่เธอ.


เราตถาคตจึงไปยังพุทธเกษตรแห่งนั้น ตามคำชี้แนะ ของพระรัตนอุตตรพุทธเจ้า


เมื่อไปถึงยังพุทธเกษตรแห่งนั้น มีความอลังการปรากฏดอกบัว ขนาดมหึมาอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งน้ำหอม


เราตถาคตจึงอาราธนาต่อองค์ พระปัทมอุตตรพุทธเจ้าทรงแสดงธารณี เพื่อที่จะทำให้อนุตรมรรคปรากฏโดยไวแก่สรรพสัตว์ เป็นเสมือนประทีปส่องทาง ให้กับสรรพสัตว์ทั้ง ๖ ภูมิ ขอพระพุทธองค์โปรดเมตตาแสดงธารณีทั้ง ๖ พยางค์ นี้ด้วยเทอญ


เมื่อนั้นพระปัทมอุตตรพุทธเจ้า จึงตรัสแก่เราตถาคตว่า

เมื่อครั้งอดีต เราได้ดำเนินไปยังพุทธเกษตรของพระตถาคตเจ้ามากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน เพื่อตามหามหาธารณีทั้ง ๖ พยางค์นี้ จนวันหนึ่งเราได้ดำเนินไปถึงพุทธเกษตรสุขาวดี ของพระอมิตายุสพุทธเจ้า


ณ สุขาวดีธรรมสภาแห่งนั้น เราได้คุกเข่าอยู่ต่อพระพักตร์ พระอมิตาภพุทธเจ้า ที่ทรงประทับอยู่เหนือรัตนบัลลังก์ พระอมิตาภพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธดำรัสแก่เราว่า


เธอปรารถนา ต้องการฟังมนต์ทั้ง ๖ พยางค์หรือไม่ ?


เพียงแค่เราตถาคตได้ยินพระสุรเสียงดำรัสดังนั้น เราก็เกิดความปิติยินดี จึงตอบ พระอมิตาภสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า


เหมือนดั่งผู้ที่กระหายน้ำ ต้องการน้ำ น้ำจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด หม่อมฉันได้เดินทางไปถวายสักการะบูชาต่อพระโลกนาถทั้งหลายอันประมาณมิได้ เพื่อปรารถนาจะได้สดับมนตราทั้ง ๖ พยางค์นี้ แต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น มิทรงทราบถึงมนตราทั้ง ๖ พยางค์นี้

เพราะธารณีนี้เป็นธรรมลับ


ขอพระอมิตาภพุทธเจ้า ทรงเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ โปรดเมตตาประทานมนต์ ๖ พยางค์ ซึ่งเป็นดุจเกราะวัชระ ให้แก่หม่อมฉันได้สดับเถิด !


ครานั้น พระอมิตาภพุทธเจ้าทรงแผ่ข่ายพระญาณไปถึง พระอวโลกิเตศวรฯ ส่งตรัสแก่พระอวโลกิเตศวรว่า เพื่อสมแก่ความพากเพียรที่จะได้พบมหาธารณีนี้

เพื่ออนุเคราะห์แก่ พระปัทมอุตตรพุทธเจ้า และสรรพสัตว์ทั้ง ๖ ภูมิ


ดูก่อน ! อวโลกิเตศวร เธอจงกล่าวแสดงมนตรานั้นเถิด


พระปัทมอุตตรพุทธเจ้า ที่ประทับอยู่เบื้องหน้ารัตนบัลลังก์ จึงทรงบ่ายพระพักตร์ไปยังพระอวโลกิเตศวร และทรงอาราธนา พระอวโลกิเตศวรฯ ให้ทรงเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์


ทรงตรัสต่อ พระอวโลกิเตศวรฯ ว่า


เพื่อเป็นดั่งประทีปทองคำที่ส่องสว่างเหนือความมืดมน เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นได้หลุดพ้นจากทุกข์ภัย

มุ่งสู่อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยความรวดเร็ว

ทรงตรัสแสดงมนต์ทั้ง ๖ พยางค์นั้นเถิด


พระอวโลกิเตศวรสดับดังนั้น จึงตรัสว่า

"โอม มณี ปัทเม หุม"

พระสุรเสียงแห่งมนตรานี้แผ่ก้องไปในภูมิทั้ง ๖

พื้นพสุธากัมปนาทเคลื่อนไหว ในมณฑลสุขาวดีธรรมสภา ปรากฏมีดอกมณฑารพ ร่วงหล่นจากนภากาศถวายพุทธบูชา


พระปัทมอุตตรพุทธเจ้า จึงทรงถอดสร้อยพระศอ

ประทานแด่ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตตว์

เมื่อพระอวโลกิเตศวรฯ ทรงรับแล้วจึงถวายบูชาต่อ

พระอมิตาภพุทธเจ้า


เมื่อพระอมิตาภพุทธเจ้า ทรงรับสร้อยพระศอแล้วชูขึ้น และทรงประทานกลับมายัง พระปัทมอุตตรพุทธเจ้า

อันเป็นการแสดงถึงการเอาภาระของการโปรดสัตว์

ดุจดั่งสร้อยที่สวมอยู่ในคอ การกอบกู้สรรพชีวิตทั้งหลาย ซึ่งเป็นภาระกิจของพระพุทธเจ้าทั้งมวล


กาลนั้นพระปัทมอุตตรพุทธเจ้า ได้ตรัสสัทธรรมเทศนา แสดงถึงที่มาของมนต์จบสิ้นลง จึงตรัสแสดงมหาวิทยามนต์ทั้ง ๖ แก่ พระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า

"โอม มณี ปัทเม หุม"


ในธรรมสภา ณ. เชตวันมหาวิหาร

พระพุทธศากยมุนีตถาคตเจ้า จึงตรัสแก่พุทธบริษัทว่า

เธอทั้งหลายพึงน้อมคารวะ ในพระคุณแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า พระปัทมอุตตรตถาคตเจ้า


เพราะด้วยเหตุแห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พวกเธอทั้งหลายในวันนี้จึงได้รับรู้ ธรรมอันยากแก่การแสวงหา ขอให้พวกเธอจงคารวะและสดุดีพระตถาคตพระองค์นั้นเทอญ


แปลถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระอวโลกิเตศวร

ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง


#แค่ได้ยินสุรสำเนียงความมงคลในชีวิตก็บังเกิด

#สรรพภัยวินาศดับซึ่งอกุศลมรรคมหาศาลที่สั่งสมมา

#ยิ่งท่องบ่นมนตรามณีกายวาจาใจบริสุทธิ์

#มามามาถอดรากถอนโคนแห่งสังสารวัฏ

#ด้วยมณีมนตราโอมมณีปัทเมโฮงกัน.


มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์ แคแถว นครปฐม

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jun 1) ไม่นานาชาติอีกต่อไป สมาพันธ์คอมพิวเตอร์จีนประกาศตัดสัมพันธ์ IEEE Computer Society ไม่แนะนำให้สมาชิกส่งงานวิจัยเข้าร่วม : สมาพันธ์คอมพิวเตอร์จีน (China Computer Federation - CCF) ประกาศตัดสัมพันธ์กับ IEEE Computer Society หลังทาง IEEE ห้ามไม่ให้พนักงานหัวเว่ยทำหน้าที่บรรณาธิการวารสารหรือรีวิวงานวิจัย โดยระบุว่า IEEE ได้เฉออกจากแนวทางที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อมนุษยชาติ และเสียใจที่ Computer Society ยอมต่อกฎหมายท้องถิ่นที่ละเมิดแนวทางเปิดกว้างในทางวิชาการ


ทาง CCF ระบุว่ามี 3 มาตรการ ได้แก่ หยุดสื่อสารและหยุดความร่วมมือกับ Computer Society ทั้งหมดชั่วคราว, ไม่แนะนำให้สมาชิกของ CCF ส่งงานวิจัยเข้าร่วมในงานประชุมวิชาการหรือวารสารของ Computer Society, แนะนำให้สมาชิกหยุดช่วย Computer Society รีวิวรายงานวิชาการ


Source: Blognone.com

https://www.blognone.com/node/110050


- IEEE Bans Huawei Employees from Editing Scientific Papers : https://interestingengineering.com/ieee-bans-huawei-employees-from-editing-scientific-papers

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jun 1) ทรัมป์เล็งยุติสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับอินเดียในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐจะยุติการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับอินเดียในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ หลังจากเมื่อต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศความตั้งใจที่จะตัดอินเดียออกจากโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP)


เจ้าหน้าที่อินเดียระบุว่า มีแนวโน้มที่อินเดียจะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากกว่า 20 รายการ หากปธน.ทรัมป์ตัดอินเดียออกจากโครงการ GSP


ทั้งนี้ อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงการ GSP ของสหรัฐ โดยสหรัฐนำเข้าสินค้าปลอดภาษีจากอินเดียเป็นมูลค่ามากถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์


Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช


https://www.nytimes.com/2019/05/31/business/trump-india-trade.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jun 1) พาณิชย์'หดเป้าส่งออกเหลือ3% 'สมคิด'จี้หาโอกาสตลาด'สหรัฐ' : นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 58 สำนักงานทั่วโลก โดยเชิญเอกชนร่วมประชุมเพื่อประเมินการส่งออกปี 2562



นายสมคิด กล่าวว่า สถานการณ์การค้าโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งไทย จะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่อยากให้ มองวิกฤติเป็นโอกาส โดยเฉพาะตลาดสหรัฐเป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือภาคเอกชนไทย รวมถึงตลาดใหญ่อินเดีย ที่เศรษฐกิจยังโตสูงถึง 7% ซึ่งควรมีแผนการผลักดันส่งออกชัดเจน



ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ต้องทำงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อใช้นโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุนและการท่องเที่ยว รวมทั้งต้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกรพัฒนาคุณภาพสินค้าเน้นการเพิ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการนำอีคอมเมิร์ซมาเป็นเครื่องมือเพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรไทย



"อย่าเพิ่งมองยาวถึงปีหน้า ตอนนี้ต้องมองว่าจะรุกตลาดอย่างไรในครึ่งปีหลัง ให้หนักขึ้น และประสานกับกระทรวง การต่างประเทศให้ร่วมกันทำงาน เพื่อให้เข้าถึง ผู้ซื้ออย่างแท้จริงและขยายความร่วมมือ ในการลงทุนด้วย"



ขณะที่ภาครัฐเองมีแนวทางช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุนภาคผลิตและโลจิสติกส์ และพิจารณาภาษีด้านศุลกากรรวมถึงลดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน เช่น กระทรวงการคลังผลักดันใช้เงินบาทเป็นสกุลหลักในการซื้อขายไทยกับกลุ่มซีแอลเอ็มวี



นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ลดเป้าการส่งออกปี 2562 จากเดิมขยายตัว 8% เหลือเพียง 3% มูลค่า 260,184 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากได้รับผล กระทบจากสงครามการค้า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์เบร็กซิทและการเมืองระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง ในขณะที่ค่าบาทประเมินไว้ที่ 31-32 บาทต่อดอลลาร์



ทั้งนี้ ช่วงที่เหลืออีก 8 เดือนของปี (พ.ค.-ธ.ค.2562) ต้องผลักดันส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากยอดส่งออก 4 เดือนแรกของปี (ม.ค.-เม.ย.) ติดลบ 1.9% โดยกลยุทธ์การทำตลาดอเมริกาเหนือ ส่วนหนึ่งสินค้าไทยได้ประโยชน์กรณีสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจีน 25% รวมถึงไทยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรของสหรัฐ (จีเอสพี) ที่ยกเว้นภาษีนำเข้าจากไทย 3,400 รายการ



ขณะที่ตลาดจีนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยและการทำตลาดเมืองต่างๆ มากขึ้น ส่วนตลาดอาเซียนก็เส้นสร้างเครือข่ายกับกลุ่มธุรกิจจากประเทศจีน ที่ย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน เพื่อสนับสนุนสินค้าไทยเข้าไปอยู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและส่งเสริม การค้าชายแดนมากขึ้น



นางสาวพรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการ เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจหรือจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้มีทิศทาง ดีขึ้น หากเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.8% คาดว่าน่าจะเป็นไตรมาสที่ระดับการเติบโตต่ำที่สุด ปัจจุบันหนุนมาจากการส่งออก ในเดือนเม.ย.ที่ติดลบน้อยลงเหลือ 2.9% ขณะการบริโภคในประเทศมีทิศทางขยายตัว ดีขึ้น



อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องติดตาม ภาพรวมเศรษฐกิจในเดือน พ.ค.ว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง ดังนั้นธปท.จำเป็นต้องประเมินถึงผล จากสงครามการค้าในเดือนพ.ค.นี้ก่อน เพื่อให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นำไปประเมินภาพเศรษฐกิจใหม่ในการประชุมรอบเดือนมิ.ย.นี้



สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ขยายตัวได้ดี จากอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการบริโภคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยขยายตัว 3.4 % หลักๆมาจากรายได้ ภาคเกษตรที่ขยายตัวรวมถึงการผลิตในหมวด ยานยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ส่วนรายจ่ายด้านการลงทุนของภาครัฐ ขยายตัว 11.6% สะท้อนบทบาทสำคัญของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ



ด้านภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว ต่างประเทศกลับมาขยายตัวได้ 3.3 % จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยว อาเซียนที่เพิ่มขึ้น



เดือน เม.ย.ส่งออกติดลบ 2.9% ตลาดที่ ติดลบส่วนใหญ่เป็นตลาดส่งออกในจีน และยุโรป จากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปสองประเทศนี้ลดลง ส่วนประเทศเติบโตได้ดี คือกลุ่มCLMV เช่นสินค้าเกษตรและเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนการนำเข้า ลดลง 0.4 %



ด้านค่าเงินบาทเดือนเม.ย.อ่อนค่าลง จากการแข็งค่าของดอลลาร์หลังเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ในช่วงเดือนพ.ค. ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จากความกังวลของนักลงทุน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ NEER แข็งค่าขึ้นหากเทียบกับสิ้นเดือนก่อน ตามการแข็งค่าของเงินบาทหากเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าคู่แข่ง


Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(May 31) ธนาคารกลางจีนเข้ายึดกิจการธนาคาร Baoshang Bank เป็นเวลา 1 ปี : ธนาคารกลางจีนและหน่วยงานกำกับสถาบันการเงิน CBIRC ได้ออกประกาศร่วมเพื่อเข้ายึดกิจการธนาคาร Baoshang Bank (BSB) เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ (Serious credit risk) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ นายเซียว เจียนหัว ที่ถูกตรวจสอบตั้งแต่ ม.ค. 60 โดยเหตุการณ์นี้เป็นการยึดกิจการครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังจากที่เคยยึดธนาคาร Hainan Development Bank ในปี 1998


BSB เป็นธนาคารพาณิชย์ระดับมณฑล ของเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ได้รับการจัดลำดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท Dagong Credit Rating ซึ่งเป็น domestic rating agency ที่ AA+ โดยมีธนาคาร China Construction Bank เป็นผู้รับรอง (entrust) การประกอบกิจการ


BSB ไม่ได้เผยแพร่งบการเงินตั้งแต่ปี 59 เนื่องจากมีปัญหาด้านคุณภาพของสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 59 มีสัดส่วนหนี้ที่เกินกำหนดชำระคืน 90 วัน เทียบกับ NPL อยู่ประมาณ 180% สูงกว่าธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใกล้เคียงกัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 110%


ผู้ฝากเงินรายย่อยไม่ได้รับผลกระทบ โดยเงินฝากที่ไม่เกิน 50 ล้านหยวน จะได้รับคืนทั้งจำนวน แต่กรณีที่เงินฝาก (หนี้สินของ BSB) เกิน 50 ล้านหยวน ผู้ให้กู้ที่เป็น Public creditors จะได้รับเงินคืนอย่างน้อย 80% (recovery ratio) ส่วนผู้ให้กู้ที่เป็น สง. จะได้รับเงินคืนอย่างน้อย 70%


ผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างจำกัด (idiosyncratic risk) มากกว่าที่จะเกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) เนื่องจาก (1) BSB เป็นธนาคารขนาดเล็กและอยู่ภายใต้การควบคุมของ CBIRC (2) ณ สิ้นเดือน ก.ย. 61 มีสินทรัพย์ที่ 535.8 พันล้านหยวน คิดเป็น 0.2% ของสินทรัพย์ในระบบ ธพ. จีน (3) การกู้ยืมระหว่างกันไม่มาก สะท้อนจากยอด NCD คงค้าง ( BSB กู้ยืมจาก สง. อื่น) คิดเป็น 0.57% ของยอด NCD (4) ธนาคารขนาดเล็ก ทั้ง urban commercial bank กว่า 130 แห่ง และ rural commercial bank กว่า 1,300 แห่ง มีสินทรัพย์รวมกันประมาณ 10% ในระบบ ธพ.จีน


เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึง

(1) การเร่งการปฏิรูปภาคการเงินของจีน ซึ่งอาจมีการยอมให้ ธพ. ล้มไปบ้างสำหรับธนาคารที่ไม่มีประสิทธิภาพ แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการควบรวมและปรับโครงสร้าง


(2) รัฐบาลจีนไม่ได้รับประกันหรือคุ้มครอง (bail out) ภาคธนาคารพาณิชย์อย่างที่ตลาดเข้าใจ


(3) เป็นการ deleverage ในตลาด interbank repo รวมถึงการประเมินความเสี่ยง (re-price of credit risk premium) ของ ธพ. ที่ไม่สามารถเข้าถึงการอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางโดยตรง ทำให้ ธพ. ขนาดใหญ่ขาดแรงจูงใจปล่อยสภาพคล่องให้ ธพ.ขนาดกลางและเล็ก ขณะเดียวกัน ธพ.ขนาดกลางและเล็ก ต้องขายสินทรัพย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนในภาคการเงินปรับเพิ่ม


Source: BOTSS


- There are 3 reasons China just took over a bank for the first time in 20 years, and 2 of them are a huge deal

https://www.businessinsider.com/china-baoshang-bank-takeover-why-it-matters-2019-5

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(May 31) จีนจัดหนัก เตรียมทำแบล็กลิสต์บริษัทต่างชาติเป็นภัยต่อบริษัทจีน : กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันนี้ว่า ทางกระทรวงจะจัดทำรายชื่อบริษัทต่างชาติ, องค์กร และบุคคล ซึ่งทางกระทรวงมองว่าไม่น่าเชื่อถือ และเป็นภัยต่อบริษัทของจีน


อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงไม่ได้ระบุชื่อประเทศ หรือบริษัทใดๆในแถลงการณ์ดังกล่าว


ทั้งนี้ นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า รายชื่อดังกล่าว จะประกอบด้วยบริษัท, องค์กร หรือผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาด และเจตจำนงของสัญญา โดยสกัดกั้นการส่งสินค้าไปยังบริษัทจีนอันเนื่องจากเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชิงพาณิชย์ และบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบริษัทจีน


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


เพิ่มเติม

- China threatens corporate hit-list on eve of new tariffs on U.S. imports : https://www.reuters.com/article/us-...e-of-new-tariffs-on-u-s-imports-idUSKCN1T107K


- China Threatens Sweeping Blacklist of Firms After Huawei Ban: https://www.bloomberg.com/news/arti...y-list-after-u-s-huawei-ban?srnd=premium-asia


*******************

จีนจะเปิดบัญชีดำบุคคลและนิติบุคคลต่างชาติที่ไม่น่าเชื่อถือ


จีนประกาศจะเผยแพร่รายชื่อในบัญชีดำบุคคลและนิติบุคคลต่างชาติที่ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐเล่นงานหัวเว่ย เทคโนโลยี บริษัทจีนที่ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมใหญ่ที่สุดในโลกและผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่อันดับสองของโลก


กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศวันนี้ว่า จะเผยแพร่รายชื่อผู้ไม่น่าไว้วางใจ โฆษกกระทรวงเสริมว่า รายชื่อนี้จะประกอบด้วยธุรกิจ องค์กร หรือบุคคลต่างชาติที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของตลาด ไม่ทำตามเจตนาของสัญญา ขัดขวางหรือห้ามการจัดส่งสินค้าให้แก่ธุรกิจจีนด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่การค้า ทำลายสิทธิอันถูกต้องตามกฎหมายและผลประโยชน์ของธุรกิจจีนอย่างร้ายแรง กระทรวงจะแจกแจงรายละเอียดมาตรการที่จะดำเนินการกับผู้มีรายชื่อในเร็ว ๆ นี้


เอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า จีนจะทำบัญชีดำของตัวเองหวังกดดันบริษัทต่างชาติให้รักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับหัวเว่ยต่อไป หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายเทคโนโลยีให้หัวเว่ยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ แต่ต่อมาได้เลื่อนการบังคับใช้คำสั่งออกไป 90 วัน สหรัฐอ้างว่าหัวเว่ยใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน อุปกรณ์ของหัวเว่ยจึงอาจถูกหน่วยข่าวกรองจีนใช้เป็นเครื่องมือจารกรรม


Source: สำนักข่าวไทย

https://tna.mcot.net/view/8CcO-AhMS

 

นี่ถ้ามันเป็นวันสิ้นโลก


ท้องฟ้าที่น่าทึ่งในSanta catarina บราซิล ว้าวววว

30.05.2019

 

#ผมขอความช่วยเหลือหน่อยครับ

#ตอนนี้โดนตัดแขนตัดขา (พ่อผมโดนไฟฟ้าแรงสูงซ็อด)

พ่อผมต้องการเลือดจำนวนมากกรุ้ปใดก็ได้ ขอความช่วยเหลือสำหรับใครที่สนใจบริจาคเลือดสามารถติดต่อได้ที่ "รพ.สุราษ ตึกรังสีชั้น3 "


กรอกเอกสารว่ามาบริจาคเลือดให้ "นายทำนุ ทองพิทักษ์ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU ศัลยกรรมชาย2 ชั้น7 "


ขอบคุณมากครับ....ลุงวิดช่วยแชร์ครับ

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน


เวียดนามเอาไม่อยู่กำจัดหมูติดเชื้อเพิ่มเป็น 2 ล้านตัว ร้องทั้งชาติต่อสู้โรคระบาด

.

รอยเตอร์ 1 มิ.ย.- เวียดนามเผยว่าได้กำจัดหมูแล้ว 2 ล้านตัว เพื่อควบคุมการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และเรียกร้องให้ทั้งประเทศร่วมกันต่อสู้กับโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

.

เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว 48 จังหวัด จากทั้งหมด 63 จังหวัดของประเทศ เหวียน ซวน เกือง รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าวในการประชุมรัฐสภา

.

การบริโภคเนื้อหมูในเวียดนามคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งหมด และหมูที่เลี้ยงตามฟาร์ม กว่า 30 ล้านตัว ส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ

.

“นี่เป็นโรคที่อันตรายอย่างร้ายแรง และเราต้องต่อสู้อย่างจริงจัง ระบบการเมืองทั้งหมดต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้นนี้” เหวียน ซวน เกือง กล่าว

.

เกืองยังเรียกร้องให้ผู้บริโภคภายในประเทศไม่ปฏิเสธการบริโภคเนื้อหมูและสนับสนุนส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ สะสมเนื้อหมู ด้วยคาดว่าจะเกิดการขาดแคลนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

.

“เราไม่ควรขยายฝูงหมูในตอนนี้ แต่เปลี่ยนไปมุ่งเน้นที่การขยายสัตว์ปีก วัวควาย และสัตว์น้ำแทน” รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าว

.

อุตสาหกรรมเนื้อหมูของเวียดนามมีมูลค่าประมาณ 94 ล้านล้านด่ง (4,000 ล้านดอลลาร์) หรือเกือบ 10% ของภาคเกษตรกรรมของประเทศ

.

เกืองกล่าวว่า การระบาดของโรคกำลังคุกคามที่จะขยายไปยังพื้นที่ที่เหลือของประเทศ เนื่องจากไวรัสยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นระยะเวลานานและสามารถแพร่กระจายผ่านวิธีการที่ซับซ้อนและหลากหลาย

.

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรตรวจพบครั้งแรกในเอเชียเมื่อเดือน ส.ค.2561 ในประเทศจีน ผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของโลก และคาดว่ามีหมูถูกกำจัดและตายไปแล้วราว 200 ล้านตัว

.

ด้านเกาหลีใต้ระบุในวานนี้ (31) ว่าพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในเกาหลีเหนือใกล้ชายแดนจีน

.

เมื่อต้นเดือนนี้ เวียดนามระบุว่าจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าช่วยเหลือต่อสู้กับการระบาด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ แนะนำให้เวียดนามประกาศให้การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน.

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน


เวียดนามเอาไม่อยู่กำจัดหมูติดเชื้อเพิ่มเป็น 2 ล้านตัว ร้องทั้งชาติต่อสู้โรคระบาด

.

รอยเตอร์ 1 มิ.ย.- เวียดนามเผยว่าได้กำจัดหมูแล้ว 2 ล้านตัว เพื่อควบคุมการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และเรียกร้องให้ทั้งประเทศร่วมกันต่อสู้กับโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

.

เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว 48 จังหวัด จากทั้งหมด 63 จังหวัดของประเทศ เหวียน ซวน เกือง รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าวในการประชุมรัฐสภา

.

การบริโภคเนื้อหมูในเวียดนามคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งหมด และหมูที่เลี้ยงตามฟาร์ม กว่า 30 ล้านตัว ส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ

.

“นี่เป็นโรคที่อันตรายอย่างร้ายแรง และเราต้องต่อสู้อย่างจริงจัง ระบบการเมืองทั้งหมดต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้นนี้” เหวียน ซวน เกือง กล่าว

.

เกืองยังเรียกร้องให้ผู้บริโภคภายในประเทศไม่ปฏิเสธการบริโภคเนื้อหมูและสนับสนุนส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ สะสมเนื้อหมู ด้วยคาดว่าจะเกิดการขาดแคลนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

.

“เราไม่ควรขยายฝูงหมูในตอนนี้ แต่เปลี่ยนไปมุ่งเน้นที่การขยายสัตว์ปีก วัวควาย และสัตว์น้ำแทน” รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าว

.

อุตสาหกรรมเนื้อหมูของเวียดนามมีมูลค่าประมาณ 94 ล้านล้านด่ง (4,000 ล้านดอลลาร์) หรือเกือบ 10% ของภาคเกษตรกรรมของประเทศ

.

เกืองกล่าวว่า การระบาดของโรคกำลังคุกคามที่จะขยายไปยังพื้นที่ที่เหลือของประเทศ เนื่องจากไวรัสยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นระยะเวลานานและสามารถแพร่กระจายผ่านวิธีการที่ซับซ้อนและหลากหลาย

.

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรตรวจพบครั้งแรกในเอเชียเมื่อเดือน ส.ค.2561 ในประเทศจีน ผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของโลก และคาดว่ามีหมูถูกกำจัดและตายไปแล้วราว 200 ล้านตัว

.

ด้านเกาหลีใต้ระบุในวานนี้ (31) ว่าพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในเกาหลีเหนือใกล้ชายแดนจีน

.

เมื่อต้นเดือนนี้ เวียดนามระบุว่าจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าช่วยเหลือต่อสู้กับการระบาด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ แนะนำให้เวียดนามประกาศให้การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน.

 

พิธีกร"สหรัฐ-จีน"เปิดศึกข้ามโลก

31 พฤษภาคม 2562

ผู้ชมผิดหวัง พิธีกรฟ็อกซ์กับผู้ประกาศสถานีโทรทัศน์จีนที่ปะทะคารมเรื่องสงครามการค้าอย่างร้อนแรงทางโซเชียลมีเดียกลับดีเบตกันทางทีวีไม่คมเท่าที่หวัง

ในช่วงที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังไม่คืบหน้า ผู้ชมชาวจีนหลายพันคน รวมทั้งสื่อมวลชน หรือแม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ต่างให้ความสนใจที่ น.ส.หลิว ซิ่น พิธีกรจากสถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น ไปร่วมแสดงความคิดเห็นที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ในรายการ “ทริช เรแกน ไพรม์ไทม์” ของ น.ส.ทริช เรแกน ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสสิเนส เน็ตเวิร์ก ออกอากาศคืนวันพุธ (29 พ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ

ช่วงสนทนา 16 นาทีเริ่มต้นที่ น.ส.ซินขอให้ น.ส.เรแกนแก้ไขคำพูดเสียใหม่ ว่าเธอไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ การแสดงความเห็นเป็นทัศนะของตนเองในฐานะผู้สื่อข่าวซีจีทีเอ็น ตรงนี้บรรยากาศเริ่มคุกรุ่นเล็กน้อย

จบช่วงผู้ชมชาวจีนไม่พอใจที่การพูดคุยดูเป็นการสัมภาษณ์ธรรมดา ระหว่างเรแกนพิธีกรกับแขก ดูมีความเป็นทางการจนผู้ชมบางคนไม่ยอมดูต่อ หลายคนไม่พอใจที่เรแกนขัดจังหวะหลิวหลายครั้ง

“เวลาคุณไปเถียงกับคนอเมริกัน คุณจะทำตัวหงิมๆ ติ๋มๆ ตามเขาไม่ได้หรอก จะจัดการกับพวกป่าเถื่อนก็ต้องใช้วิธีคิดแบบป่าเถื่อน ไม่งั้นจะเสียใจ” ชาวเน็ตคนหนึ่งแสดงทัศนะ

โดยรวมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจีนมองว่าหลิวพูดดี แต่ถูกพิธีกรขัดจังหวะ จึงพากันติดแฮชแท็กบนเว่ยป๋อ หรือทวิตเตอร์จีน จนติดเทรนด์อันดับ 1 ผู้ชม กว่า 130 ล้านครั้งว่า “หลิวซิ่น พิธีการซีจีทีเอ็น ถูกทริช เรแกน ถูกขัดจังหวะ 3 ครั้ง”

ความขัดแย้งระหว่างหลิวกับเรแกนเกิดขึ้นกลางจอแล้วไปต่อในทวิตเตอร์ จากนั้นชาวเน็ตจีนนำไปสร้างกระแส โดยหลิววิจารณ์การรายงานข่าวเกี่ยวกับจีนของเรแกน เรแกนจึงขอให้เธอมาร่วมแสดงความเห็นอย่างจริงใจ

สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีและหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีแชร์ข่าวการดีเบตทางทีวีบนเว่ยป๋อ เช่นเดียวกับสื่อจีนรายอื่นๆ บางรานำคลิปตอนที่หลิวแข่งกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษเมื่อ 23 ปีก่อนมาเผยแพร่ด้วย

ตอนนี้สื่อทางการจีนกำลังโหมทัศนะรักชาตินับตั้งแต่สหรัฐขึ้นภาษีจีนรอบล่าสุด และช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาชาวเน็ตพูดถึงสงครามการค้ากันอย่างหนาหู พรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่า หากจะสู้สงครามการค้ากับสหรัฐในระยะยาวก็ต้องปลุกความรู้สึกรักชาติ

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/836633

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jun 1) “เทควอร์” ฟาด “แอปเปิล” เจออาวุธหนัก “กระแสชาตินิยมจีน”: การประกาศใช้อำนาจพิเศษของ”โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการจุดชนวน “สงครามเทคโนโลยี” กับประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “หัวเว่ย” ทำให้บรรดาผู้ให้บริการมือถือทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น ออกมาประกาศไม่ขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ย


ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า “แอปเปิล” อยู่จุดเสี่ยงที่จะกลายเป็นเหยื่อการตอบโต้จากความเป็น “ชาตินิยม” ของคนจีน


ซีเอ็นบีซีรายงานว่า “โรด ฮอลล์” นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซกส์ เป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรก ๆ ที่ออกมาระบุว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ลุกลามมาเป็นข้อพิพาทด้านเทคโนโลยี อาจทำให้เกิดผลเสียหายมหาศาลต่อ “แอปเปิล” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ โดยรายได้ของแอปเปิลที่มาจากตลาดจีนมากกว่า 17% ของยอดขายรวมไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค. 2019) และสร้างกำไรให้บริษัทมากถึง 29%


ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่รายได้ของแอปเปิลในตลาดจีนจะได้รับผลกระทบ และลดลงถึง 29% หากจีนประกาศแบนสินค้าของแอปเปิล เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐทำธุรกิจกับบริษัทของจีน ด้วยการอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ


นายแมทธิว คาบรัล นักวิเคราะห์ของ เครดิต สวิส ประเมินว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ประเทศมหาอำนาจโลกจะส่งผลทำให้กำไรต่อหุ้นของแอปเปิลลดลงราว 15 เซนต์/หุ้น ต่อยอดขายในจีนที่ลดลงทุก ๆ 5% หรืออาจลดลงมากถึง 30 เซนต์/หุ้น หากสงครามเทคโนโลยีรุนแรงถึงขั้นมีการออกมาตรการคว่ำบาตรสินค้าแอปเปิลอย่างเป็นทางการหลักฐานที่สนับสนุนการวิเคราะห์เหล่านี้ เริ่มต้นจากที่ “หู สีจิน” บรรณาธิการของ Global Times สำนักข่าวชั้นนำของจีน ที่ทวีตข้อความในวันเดียวกันกับบทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซกส์ระบุว่า “ผมเปลี่ยนมาใช้หัวเว่ย หลังจากที่ใช้แอปเปิลมาถึง 9 ปี ผมอาจไม่ได้หมายถึงการบอยคอตสินค้าแอปเปิล แต่มันเป็นการสนับสนุนสินค้าของ

หัวเว่ย ซึ่งอาจจะมีคุณภาพที่ดีกว่าด้วยซ้ำ”


ขณะที่กระแส “บอยคอตแอปเปิล” ปรากฏขึ้นในสื่อโซเชียลชื่อดังของจีน “เว่ยป๋อ” (Weibo) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไมโครบล็อกคล้ายกับ “ทวิตเตอร์” ที่มีผู้ใช้งานหลายพันรายประกาศจะหยุดใช้แอปเปิล พร้อมทั้งกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกลั่นแกล้งบริษัทเทคโนโลยีจีนซึ่งมีคุณภาพที่ดีกว่า พร้อมกับมีการเรียกร้องภาครัฐและภาคธุรกิจของจีนให้ร่วมกันต่อต้านพฤติกรรมของสหรัฐด้วย


โดยกระแสการบอยคอตแอปเปิลยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง และลุกลามไปถึงภาคธุรกิจในบางอุตสาหกรรมแล้ว ตัวอย่าง เช่น เจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่แห่งหนึ่งของจีน กล่าวกับ “เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์” ระบุว่า “ตนกลายเป็นแฟนของหัวเว่ยทันที ที่มีการประกาศใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้นำสหรัฐ หลังจากที่ใช้แอปเปิลมานานเกือบทศวรรษ เพราะต้องการแสดงการสนับสนุนแบรนด์จีนในภาวะสงครามการค้า”


ที่น่าสนใจก็คือ ผู้บริหารรายนี้ยังกล่าวอีกว่า “ทีมผู้บริหารของเราได้เปลี่ยนมาใช้สินค้าของหัวเว่ยหมดแล้ว หากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไม่เปลี่ยนตาม ก็เป็นสิ่งที่น่าละอายต่อประเทศชาติ”


ขณะที่ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานยืนยันว่า ขณะนี้มีบริษัทจีนกว่า 20 ราย ที่ประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ว่า จะเพิ่มสัดส่วนการซื้อผลิตภัณฑ์หัวเว่ยเพื่อสนับสนุนจีน และแสดงจุดยืนความเป็นชาตินิยมที่ยิ่งใหญ่


“คิรันจีต คอร์” นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย IDC ประจำเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีมาตรการต่อต้านสินค้าแอปเปิลจากรัฐบาลปักกิ่ง แต่กระแสความเป็นชาตินิยมของคนจีนน่าจะเป็นอาวุธที่จีนสามารถใช้ตอบโต้สหรัฐได้ ท่ามกลางสารพัดปัญหาของแอปเปิล ขณะที่ยอดขายตลาดจีนปี 2018 ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างซบเซา ส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐสั่งการให้จับกุมตัวซีเอฟโอของบริษัทหัวเว่ยที่แคนาดา นอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบที่จีนเป็นฐานผลิตใหญ่อุปกรณ์และชิ้นส่วนให้กับแอปเปิล ดังนั้นจีนน่าจะเหลืออาวุธหลายอย่างที่เอาไว้ต่อกรกับสหรัฐได้


ก่อนหน้านี้ ทั้งเอกอัคราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป (อียู) และประจำกรุงวอชิงตันได้กล่าวว่า รัฐบาลจีนไม่ได้นิ่งเฉยที่จะตอบโต้ แต่อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะสู้กับความไม่ชอบธรรมของสหรัฐ


ดังนั้น หากประเมินเบื้องต้นแบบหมัดต่อหมัดระหว่างสหรัฐกับจีน ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลวอชิงตันอาจจะหมดมุขโจมตีจีนแล้ว ขณะที่จีนกำลังรอเวลาให้สหรัฐอ่อนแรงลงเท่านั้น


Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

https://www.prachachat.net/world-news/news-333479

 

Kike Santillana

ผู้คนได้ออกมาที่ถนนหลังจากแผ่นดินไหวของขนาด 5.0 ในแอลเบเนีย

01.06.2019

 

Kike Santillana


#ULTIMA #HORA


พวกเขารายงาน 2 บาดเจ็บและความเสียหายต่อบ้านหลายหลังโดยแผ่นดินไหวของปานกลางในแอลเบเนีย

มันมี ขนาด 5.0 ความลึก 9 กม.

01.06.2019

 

Kike Santillana

ความเสียหายหลังจากแผ่นดินไหวที่แข็งแกร่งใน korçë แอลเบเนียมีรายงานผู้บาดเจ็บถึง 4 คนและบ้านที่เสียหาย

แผ่นดินไหวเป็นขนาดของขนาด 5.0 ความลึก 9 กิโลเมตร

01.06.2019

 

กฟผ. ชี้น้ำมันปาล์มดิบล็อตแรกเริ่มส่งมอบเข้าคลังสุราษฎร์ธานีแล้ว
29 May 2019

กฟผ.แจงความคืบหน้าจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบล๊อตแรก 100,000 ตัน หลังปิดรับเสนอราคารอบสอง วันที่ 28 พฤษภาคม ชี้มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่ผ่านเกณฑ์เสนอราคา 8 ราย ปริมาณน้ำมัน 26,950 ตัน รวมจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบแล้วทั้งหมด 66,250 ระบุเริ่มส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบเข้าคลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานีแล้ว

ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 มอบหมายให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 200,000 ตัน ส่งมอบ ณ คลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานี โดยให้เร่งดำเนินการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 100,000 ตัน ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อเร่งดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบ นั้น



นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ รอบแรกว่า ขณะนี้ กฟผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบร่วมกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบเรียบร้อยแล้ว จำนวน 14 ราย ปริมาณ 39,300 ตัน โดยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบส่งมอบที่คลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2562 และเมื่อ กฟผ. ได้ตรวจรับน้ำมันปาล์มดิบและเอกสารครบถ้วนแล้ว กฟผ. จะชำระเงินค่าน้ำมันปาล์มดิบภายใน 7 วันทำการ



นอกจากนี้ ได้รายงานความคืบหน้าในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบรอบสองว่า หลังจากที่ได้ออกประกาศเชิญชวนให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบตามรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 149 ราย เข้าแข่งขันเสนอราคาขายน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 54,700 ตันแล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 และกำหนดให้โรงงานสกัดยื่นเสนอราคาตามปริมาณที่มีสิทธิเสนอขายเมื่อวานนี้ (วันที่ 28 พฤษภาคม 2562) ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. ขณะนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการพิจารณาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่มายื่นเสนอราคาน้ำมันปาล์มดิบ พบว่า ผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การเสนอราคาทั้งหมด จำนวน 8 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 26,950 ตัน รวมการจัดซื้อสองรอบรวมเป็นปริมาณ 66,250 ตัน โดย กฟผ. จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาภายในวันนี้ (29 พฤษภาคม 2562) และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายประมาณวันที่ 31 พฤษภาคม 2562


http://www.thansettakij.com/content/402187#.XO5aJCw42Qs.twitter

 

Setiawan

ความเสียหายจากทอร์นาโดใน talcahuano ชิลี 31 พฤษภาคม2019

 

“รัฐบาลทรัมป์” ขึ้นบัญชีดำ
วันที่ 1 มิถุนายน 2562 - 13:24 น.
หัวเว่ยเอาคืน! ไล่พนักงานมะกันพ้นบริษัท ตอกกลับ “รัฐบาลทรัมป์” ขึ้นบัญชีดำ
หัวเว่ยเอาคืน! – วันที่ 1 มิ.ย. เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานสถานการณ์พิพาทตึงเครียดระหว่าง รัฐบาลสหรัฐอเมริกากับ หัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ว่า นายตั้ง เวิ่นฉวน ประธานฝ่ายกลยุทธ์การสร้างสรรค์ของหัวเว่ย มีคำสั่งให้ยกเลิกการประชุมทางเทคนิคกับพนักกงานชาวอเมริกันในแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัท ซึ่งถูกส่งกลับประเทศไปตั้วแต่ 2 สัปดาห์ก่อน

ภายหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยและบริษัทในเครือ 68 แห่งเมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทเอกชนของสหรัฐไม่สามารถซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากหัวเว่ยได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐ



Huawei’s chief strategy architect, Dang Wenshuan, as saying that American citizens working in research and development were repatriated two weeks ago, after the Chinese group and 68 affiliates were placed on the US Commerce Department’s “Entity List”. /twitter/huawei/
ด้านไฟแนนเชียลไทม์สระบุว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการที่บริษัทหัวเว่ยถูกยุติลงอย่างกะทันหัน และพนักงานที่เป็นชาวอเมริกันได้รับคำสั่งให้ถอดเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และตัดการเชื่อมโยงจากเครือข่ายของบริษัท รวมถึงให้ออกจากอาคารสำนักงานในทันที

นายตั้งยังกล่าวว่าหัวเว่ยยังทำการจำกัดการติดต่อสื่อสารของพนักงานในบริษัทกัยบุคคลที่ถือสัญชาติอเมริกันด้วย


An employee enters into a research and development building at Huawei’s headquarters in Shenzhen, Guangdong province, China May 29, 2019. Picture taken May 29, 2019. The banner reads “Dare to be the first, work hard to create the future”. REUTERS/Jason Lee

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2572971

 

Setiawan
ลูกเห็บตกที่รุนแรงกระทบในแอลจีเรีย 31 พฤษภาคม 2562