ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    202B091B-E7B8-4519-8A56-200CFB78254C.jpeg
    (Dec 20) ผู้นำรัสเซียเตือนภัยคุกคามสงครามนิวเคลียร์: ผู้นำรัสเซียออกปากเตือนถึงภัยคุกคามด้านสงครามนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า อาจนำไปสู่ความหายนะของอารยธรรมและทั้งหมดซึ่งอาจหมายถึงโลกของเราก็ได้ โดยตำหนิไปที่ฝ่ายสหรัฐ


    สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียแถลงข่าวประจำปีที่กรุงมอสโกโดยกล่าวเสียดสีคำกล่างอ้างของชาติตะวันตกว่า รัสเซียต้องการครองโลกนั้น แท้จริงแล้วชาติตะวันตกต่างหากที่ต่อต้านรัสเซียเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและเสี่ยงอันตรายเอง ผู้นำรัสเซียยังได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงกิจการของต่างชาติ เช่น การใช้แก๊สพิษเพื่อสังหารสายลับสองหน้าในประเทศอังกฤษและข้อกล่าวหาว่าเข้าไปแทรกแซงในสมาคมอาวุธปืนไรเฟิ้ลของสหรัฐ


    ในทางกลับกันประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่าเขาต้องการที่จะแสดงภาพลักษณ์ของผู้พิทักษ์โลกมากกว่า โดยกตัวอย่างกรณีสหรัฐแสดงเจตนาที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง(ไอเอ็นเอฟ)ซึ่งลงนามไปตั้งแต่ปี 2530 โดยผู้นำรัสเซียเตือนว่าหากสหรัฐนำขีปนาวุธพิสัยปานกลางไปติดตั้งไว้ในยุโรป รัสเซียก็จะต้องทำแบบเดียวกัน


    ส่วนกรณีที่นักวิเคราะห์ชาติตะวันตกพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น ประธานธิบดีรัสเซียบอกว่าเป็นแนวโน้มที่จะนำไปสู่จุดเริ่มต้น ซึ่งก็อาจนำไปสู่หายนะของนิวเคลียร์ล้างโลกได้ ผู้นำรัสเซียยังย้ำถึงกรณีที่สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ว่า การยิงขีปนาวุธดังกล่าวอาจนำไปในทางที่ผิดถึงขั้นเปิดปุ่มยิงนิวเคลียร์และเป็นหายนะของโลก สหรัฐยังแสดงความสนใจแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในอันที่จะขยายสนธิสัญญาลดอาวุธนิวเคลียร์ฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะหมดอายุในปี 2564


    ประธานาธิบดีปูตินกล่าวอีกว่า สหรัฐต่างหาก ไม่ใช่รัสเซียที่ต้องการจะครองโลก โดยยกเหตุผลของงบประมาณด้านกลาโหมประจำปีของสหรัฐ เกินกว่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ของรัสเซียนั้นอยู่ที่ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียเห็นด้วยกับการที่สหรัฐถอนกำลังทหารออกจากซีเรีย ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะรัสเซียยืนกรานมาตั้งนานแล้วว่า การที่มีกำลังทหารของสหรัฐเข้าไปอยู่ในซีเรียนั้นไม่ถูกต้อง เพราะไม่สามารถอ้างว่าเป็นมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเมื่อสหรัฐถอนตัวออกไป ก็จะยิ่งเสริมบทบาทของรัสเซียว่าด้วยอนาคตของซีเรีย


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์

    https://www.dailynews.co.th/foreign/683638


    - Putin warns the threat of nuclear war should not be underestimated: https://www.cnbc.com/2018/12/20/put...uclear-war-should-not-be-underestimated-.html
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1545291917992-960x0.jpg

    กองทัพเมียนมาปฏิบัติการกวาดล้างในรัฐยะไข่ครั้งใหม่
    ต่างประเทศ 20 ธ.ค. 2018 14:45:24

    ย่างกุ้ง 20 ธ.ค.- กองกำลังเมียนมากำลังปฏิบัติการกวาดล้างรอบใหม่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกสุดของประเทศ หลังเกิดเหตุชาวพุทธท้องถิ่นถูกทำร้ายและถูกสังหาร มีการโทษว่าเป็นฝีมือของชาวมุสลิมโรฮิงญา

    เว็บไซต์สำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาเผยแพร่แถลงการณ์วันนี้ว่า กองกำลังความมั่นคงเริ่มปฏิบัติการอีกครั้งโดยกำลังปฏิบัติการกวาดล้างตามแนวลำธารผิวหม่าในเมืองมองดอ จุดเดียวกับที่กองกำลังเมียนมากวาดล้างกลุ่มติดอาวุธเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อนจนชาวโรฮิงญากว่า 720,000 คน ต้องหนีเข้าไปในบังกลาเทศ สำหรับกรณีล่าสุดเป็นสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 17 ธันวาคม กรณีแรกชายชาวพุทธ 2 คนถูกฆ่าปาดคอทิ้งศพไว้ริมฝั่งลำธารขณะหาปลา กรณีที่สองชายชาวพุทธ 2 คนถูกชาย 6 คนพูดภาษาเบงกาลีรุมทำร้ายขณะหาปลาในลำธารเดียวกัน อย่างไรก็ดี ตำรวจเผยว่ายังไม่รู้ตัวคนร้าย

    เมียนมาไม่ยอมรับชาวโรฮิงญาว่าเป็นชนกลุ่มน้อยและมักเรียกว่าเบงกาลี ซึ่งหมายถึงผู้อพยพมาจากบังกลาเทศ.- สำนักข่าวไทย


    https://www.tnamcot.com/view/KSAH8Y...qUkbr-sQYLPyDwVjSnsm9xQh6Mb69kTcf7Md4XkXpsmQ0
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อยู่ไม่ได้!รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯลาออก หลังทรัมป์ประกาศถอนทหารจากซีเรีย เผยแพร่: 21 ธ.ค. 2561 05:53 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013133301.jpg

    รอยเตอร์ - จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ นาวิกโยธินเกษียณอายุ ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกจากตำแหน่งในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทรัมป์เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.)

    การลาออกของเขาถูกคาดหมายไว้ตั้งแต่ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันพุธ(19ธ.ค.) ว่าเขากำลังถอนทหารสหรัฐฯออกจากซีเรีย แม้มีเสียงคัดค้านจากเหล่าพันธมิตรของอเมริกาและเจ้าหน้าที่ด้านการทหารระดับสูงของวอชิงตันเอง

    แมตทิส กล่าวในหนังสือลาออกว่าเขาจะลงจากตำแหน่งเมื่อเปิดทางให้ ทรัมป์ มีรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งมุมมองต่างๆใกล้เคียงกับตัวประธานาธิบดีมากที่สุด ขณะที่ ทรัมป์ ระบุว่าเขาจะเสนอชื่อผู้มานั่งเก้าอี้แทน แมตทิส เร็วๆนี้

    อนึ่ง แมตทิส เป็นบุคคลระดับสูงในรัฐบาลทรัมป์คนล่าสุดจากจำนวนหลายๆราย ที่ลาออกหรือถูกปลดจากตำแหน่ง โดยบางส่วนโดนตะเพิดแบบดื้อๆ ไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ อย่างเช่น เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ถูกไล่ออกผ่านทวิตเตอร์เมื่อเดือนมีนาคม

    มีข่าวลือหนานูมากขึ้นในเดือนตุลาคม ว่า แมตทิส อาจอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานนัก หลังจาก ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ว่านายพลรายนี้ เป็นจำพวกเดโมแครตและจะต้องออกไป

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126357
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กู่ไม่กลับ!!น้ำมันดิ่งเกือบ$3,ดาวโจนส์ร่วงอีก460จุด ผวาชัตดาวน์-เฟดขึ้นดอกเบี้ย เผยแพร่: 21 ธ.ค. 2561 05:30 ปรับปรุง: 21 ธ.ค. 2561 06:02 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013133101.jpg

    รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับลง 5%ในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี จากความกังวลทางอุปทานล้นตลาดและแนวโน้มอุปสงค์อ่อนแอ ขณะที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยฉุดวอลล์สตรีทร่วงหนักอีกหนึ่งวัน และดันทองคำพุ่งแรง

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2017 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    "มันเป็นเรื่องราวเดิมๆเกี่ยวกับความกังวลอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์โลกชะลอตัว" ไบรอัน ยุงเบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานระดับอาวุโสของบริษัทเอ็ดเวิร์ด โจนส์ ให้ความเห็น

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ปิดลบหนักเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ความเสี่ยงต่อภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล ซ้ำเติมความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวปรับขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)

    ดาวโจนส์ ลดลง 464.06 จุด (1.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,859.60 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 39.54 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,467.42 จุด แนสแดค ลดลง 108.42 จุด (1.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,528.41 จุด

    ด้วยต้องเผชิญเดือนธันวาคมอันถลอกปอกเปิก ทำให้ปี 2018 กลายเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของวอลล์สตรีท นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่สหรัฐฯประสบกับวิกฤตทางการเงิน

    561000013133102.jpg


    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมึขึ้นหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันพุธ(19ธ..ค.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

    นอกจากนี้เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ 3.1% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.5%

    ขณะเดียวกันความกังวลของนักลงทุนยังถูกซ้ำเติมเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ต้องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะวีโต้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่สภาคองเกรสให้การอนุมัติ เนื่องจากเขาหวังตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

    เมื่อวันพุธ(19ธ.ค.) วุฒิสภาสหรัฐฯลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล(ชัตดาวน์)

    วุฒิสภาได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนเส้นตายเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ได้แสดงท่าทีบ่งชี้ว่าเขาจะลงนามในร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้บรรจุงบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ

    ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ปิดสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังความเคลื่อนไหวของตลาดทุนและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 11.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,267.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126356
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อดีตผอ.ซีไอเอพูดชัดๆ สหรัฐฯกับจีนกำลังทำ 'สงครามชิงเทคโนโลยี' ไม่ใช่ 'สงครามการค้า' เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 23:46 ปรับปรุง: 21 ธ.ค. 2561 01:45 โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์
    561000013131201.jpg

    อีริค สีว์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ตามวาระหมุนเวียนของบริษัทหัวเว่ย นำเสนอระบบ 5 จีของบริษัท ในงานการประชุมอินเทอร์เน็ตโลก (World Internet Conference) ที่เมืองอูเจิ้น มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อปีที่แล้ว
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    Ex-CIA director: It’s a tech war, not a trade war
    By Asia Times staff
    18/12/2018

    สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องความไม่สมดุลทางการค้า แต่เป็นการต่อสู้ช่วงชิงกันในด้านไฮเทค โดยเฉพาะในด้านมาตรฐานทางการสื่อสารและเซมิคอนดักเตอร์ ไมเคิล มอเรลล์ ผู้เคยรักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเออยู่ 2 ช่วงเขียนเอาไว้เช่นนี้ในวอชิงตันโพสต์ โดยที่ในเรื่อง 5 จีนั้น สหรัฐฯกำลังพ่ายแพ้ถูกจีนทิ้งไปไกลแล้ว

    การจับกุมผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของหัวเว่ยเมื่อเร็วๆ นี้ และการรณรงค์ของสหรัฐฯที่กำลังขยายตัวกว้างไกลออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้เหล่าพันธมิตรยุติการใช้อุปกรณ์จากบริษัทแห่งนี้ --ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก-- ทำให้การแข่งขันในระดับทั่วโลกเพื่อช่วงชิงอำนาจสูงสุดในด้านเทคโนโลยี กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งรายวันขึ้นมา

    ความพยายามในขั้นสุดท้ายเช่นนี้ของสหรัฐฯ เพื่อธำรงรักษาฐานะครอบงำ –หรือกระทั่งแค่เพื่อรักษาความสำคัญของตนเอาไว้-- ในปริมณฑลไฮเทค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านมาตรฐานการสื่อสารโทรคมนาคมและเซมิคอนดักเตอร์เอาไว้นี่แหละ คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังอันแท้จริงของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องความไม่สมดุลทางการค้าหรอก

    นี่คือสิ่งที่ ไมเคิล มอเรลล์ (Michael Morell) ผู้เคยรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) อยู่ 2 ครั้ง 2 ครา เขียนเอาไว้ในหน้าบทบรรณาธิการสำหรับวอชิงตันโพสต์เมื่อเร็วๆ นี้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/opin...6a6f3ce8199_story.html?utm_term=.77c26615086f)

    “สหรัฐฯกำลังอยู่ในสงครามเย็นด้านเทคโนโลยีกับจีน และก็เป็นสงครามเย็นที่กำลังขยายตัวบานปลายออกไปเรื่อยๆ มันไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องภาษีศุลกากรและการค้า อย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์มักหยิบยกขึ้นมาอ้างๆ อยู่บ่อยๆ หรอก ตรงกันข้าม มันเกี่ยวข้องทั้งกับเรื่องที่จีนใช้เทคโนโลยีเพื่อโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร และการลักขโมยเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย” มอเรลล์บอก

    และหัวเว่ย ซึ่งเมื่อพิจารณาจากแง่มุมต่างๆ ทั้งหมดแล้ว กำลังอยู่นำหน้าคนอื่นๆ ในเกมการแข่งขันทางด้านการสื่อสารไร้สายรุ่นอายุที่ 5 (5G) ที่ในเวลานี้มีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดอื่น คือผู้ที่อยู่ตรงศูนย์กลางของการแข่งขันนี้

    มอเรลล์อธิบายแจกแจงถึงเดิมพันที่กำลังแข่งขันช่วงชิงกันอยู่ ดังนี้:

    ประการแรก … ในเครือข่ายของระบบ 5 จีนั้น จะมีข้อมูลไร้สายจำนวนมากมายมหาศาลกว่า และไหลเวียนไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้น พวกที่สามารถควบคุมเครือข่ายเหล่านี้เอาไว้ได้ … จะเป็นผู้ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ – และพวกเขาก็จะสามารถโจรกรรมข้อมูลข่าวสารปริมาณมากมายมหาศาลในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากๆ

    ประการที่ 2 … ด้วยเหตุนี้ เครือข่าย 5 จีทั้งหลาย จึงมีความสามารถไม่เพียงแค่การทำจารกรรมล้วงความลับ แต่ยังมีความสามารถในการวินาศกรรมบ่อนทำลายอีกด้วย ผู้อำนวยการขององค์การป้องกันทางไซเบอร์ของฝ่ายทหารออสเตรเลียชี้เอาไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ระบบ 5 จี ทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญทีเดียว ในเรื่องที่โครงสร้างพื้นฐานอันสำคัญยิ่งยวดอาจถูกโจมตีให้พังครืนลงไปด้วยการเข้าโจมตีทางไซเบอร์

    ประการที่สาม การคัดเลือกว่าในบรรดามาตรฐานด้านระบบ 5 จีที่กำลังแข่งขันกันอยู่ จะใช้ของเจ้าไหนนั้น จะส่งผลต่อไปด้วยว่า ใครจะเป็นผู้มีความเข้าอกเข้าใจดีที่สุดกว่าใครเพื่อน ในการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ปฏิบัติงาน … ใครก็ตามที่มีความเข้าอกเข้าใจดีที่สุด ก็จะมีความได้เปรียบอย่างสำคัญทั้งในทางเศรษฐกิจ, ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์, และในด้านข่าวกรองทางสัญญาณสื่อสาร – พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะเป็นผู้ที่นำหน้าไปก่อนตั้งแต่เริ่มต้นทั้งทางเศรษฐกิจ, การปกปักรักษาความลับ, และการโจรกรรมความลับจากพวกปรปักษ์ของตน

    เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ก็อย่างที่การวิจัยและการวิเคราะห์อันหลากหลายมากมายเมื่อเร็วๆ นี้ได้แสดงให้เห็นนั่นแหละ มีเหตุผลอันสมควรทีเดียวที่สหรัฐฯจะต้องรู้สึกวิตกกังวล

    หัวเว่ยนั้นเริ่มต้นนำหน้าไปก้าวใหญ่แล้วในการทำเครือข่าย 5จี ออกมา นอกจากนั้นแล้ว กระทั่งสมมุติว่าวอชิงตันสามารถเกลี้ยกล่อมให้พวกชาติพันธมิตรจำนวนหนึ่งเห็นดีเห็นงามกับการห้ามใช้อุปกรณ์หัวเว่ย อย่างที่สหรัฐฯดูเหมือนกำลังประสบความสำเร็จในเรื่องนี้อยู่ทีเดียวในเวลานี้ ทว่านี่ก็รังแต่จะเป็นอันตรายสำหรับพวกที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกับการบอยคอตต์หัวเว่ยเท่านั้นแหละ

    กลุ่มยูเรเชียกรุ๊ป (Eurasia Group) ได้จัดทำรายงานวิเคราะห์ฉบับหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งให้ภาพที่มืดมนในเรื่องลู่ทางอนาคตของกลุ่มพันธมิตรที่ “กีดกันสหรัฐฯ/จีน” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eurasiagroup.net/live-post/the-geopolitics-of-5g)

    บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า:

    “การผลักดันเพื่อให้เกิดทางเลือก 5 จีที่ปราศจากจีนขึ้นมานั้น น่าที่จะกลายเป็นการชะลอการใช้งาน 5 จีในบางประเทศ เนื่องจากพวกซัปพลายเออร์ตัวสำรองทั้งหลายจะถูกบังคับให้ต้องลงทุนใหม่ๆ ทั้งในกำลังการผลิตของโรงงาน และในทรัพยากรมนุษย์ที่จำเป็น เพื่อเสนอเครือข่ายรุ่นอายุต่อไปที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและที่มีขนาดใหญ่เพียงพอออกมา ดังนั้นมันก็จะยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำความได้เปรียบของจีนในฐานะที่เป็นคนเดินหน้าคนแรก …

    “ในโลกที่ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแล้วเช่นนั้น พวกประเทศที่สามซึ่งปรารถนาที่จะเข้าถึงวงจรประเสริฐ (virtuous cycle) นี้ จะต้องเผชิญกับการเลือกอันยากลำบาก ในเรื่องที่ว่าควรจะเอาเทคโนโลยีเครือข่าย 5 จี และ application ecosystems ที่เกี่ยวข้องของเจ้าไหนมาประยุกต์ใช้ พวกรัฐบาลต่างๆ น่าที่จะถูกกดดันจากสหรัฐฯและชาติพันธมิตรให้หลีกเลี่ยงการพึ่งพาจีนในเรื่อง 5จี

    “ในเวลาเดียวกันนั้น พวกประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายซึ่งมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายมากกว่า จะพบว่าเทคโนโลยีของจีนและสิ่งล่อใจที่เกี่ยวข้องของจีน –ตัวอย่างเช่น โครงสร้างพื้นฐานและเงินกู้เพื่อใช้ทำโครงการเป็นสิ่งที่สามารถจัดให้ได้ หากเข้าร่วมในแผนการริเริ่มแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) –เป็นสิ่งซึ่งยากที่จะตัดใจก้าวข้ามไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจีนเป็นฝ่ายนำหน้าใน technology applications ที่เกี่ยวข้อง ค่ายที่กีดกันสหรัฐฯ/จีนออกไปนั้นจะไม่ได้มีพลังริเริ่มอันสามารถเปรียบเทียบได้ ในการขยายเทคโนโลยีของตนให้มีอิทธิพลไปในระดับโลก”

    เวลานี้สงครามชิงเทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ จีนจะเป็นฝ่ายที่นำหน้าไปก้าวใหญ่เรียบร้อยแล้วในการพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นซึ่งใช้บนเครือข่าย 5 จี ถึงแม้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นเหล่านี้จะถูกมองเมินเพิกเฉยจากตลาดของพวกชาติพันธมิตรสหรัฐฯบางราย ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มที่ “กีดกันจีน” นี้แหละ ก็น่าที่จะถูกทอดทิ้งให้จมฝุ่นอยู่เบื้องหลัง

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126339
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ7.4นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย
    เผยแพร่: 21 ธ.ค. 2561 04:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013132301.jpg

    รอยเตอร์/รัสเซียทูเดย์ - เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.4 สั่นสะเทือนดินแดนตะวันออกไกล ซึ่งมีพลเมืองพักอาศัยอยู่ประปราย ของรัสเซียในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) อยางไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระบุว่าภัยคุกคามสึนามิผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีรายงานความเสียหาย

    แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตคา มีศูนย์กลางห่างจากเมืองนิโคลสโกเย บนเกาะเบริง ไปทางตะวันตก 82 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดิน 9 กิโลเมตร เบื้องต้นสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ(ยูเอสจีเอส) วัดความรุนแรงได้ระดับ 7.8 ก่อนปรับลดลงมาเหลือ 7.4

    เดิมทีศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นสึนามิที่เป็นอันตรายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ภายในรัศมี 300 กิโลเมตรตามแนวชายฝั่งของรัสเซีย แต่ต่อมาได้ออกประกาศว่าภัยคุกคามของสึนามินั้นผ่านพ้นไปแล้ว

    สำนักข่าวอาร์ไอเอและทาสส์นิวส์ของรัสเซีย อ้างคำสัมภาษณ์ของเหล่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน ยืนยันว่าไม่มีภัยคุกคามของสึนามิหลังเกิดแผ่นดินไหว และไม่มีรายงานความเสียหาย

    ด้านรัสเซียทูเดย์รายงานว่าราวครึ่งชั่วโมงหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ได้มีอาฟเตอร์ช็อกระดับ 5.7 ตามมา

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126348
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ฮือฮา!!ปูตินแย้มอาจแต่งงานอีกครั้ง ยังกั๊กไม่บอกว่าเป็นใคร
    เผยแพร่: 21 ธ.ค. 2561 01:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013131101.jpg
    รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แย้มในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ว่าบางทีเขาอาจแต่งงานอีกครั้ง แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าสตรีผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร

    ปูติน วัย 66 ปี ซึ่งหวงแหนชีวิตส่วนตัว และปกปิดชีวิตส่วนตัวและคนใกล้ชิดในครอบครัว เอ่ยปากถึงเรื่องนี้ขณะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวรายหนึ่งระหว่างแถลงข่าวสรุปผลงานประจำปี ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปในด้านควมสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสถานะทางเศรษฐกิจ "ในฐานะบุคคลที่ได้รับความนับถือ ผมจะทำเมื่อถึงเวลา" ปูตินตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม

    ปูติน เคยสมรสกับ ลุดมิลลา ปูตินา เมื่อปี 1983 จนกระทั่งทั้วสองหย่าร้างกันในปี 2013

    ลูกสาวของทั้งสองคน คาเทรินาและมาเรีย ซึ่งต่างอยู่ในวัย 30 ต้นๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องการเมือง และปลีกตัวออกห่างจากการเป็นเป้าสายตาโดยสิ้นเชิง

    นับตั้งแต่หย่าร้างกับ ลุดมิลลา มีข่าวลือวนเวียนรอบๆชีวิตส่วนตัวของปูติน ด้วยหนังสือพิมพ์รัสเซียฉบับหนึ่งบอกว่าเขาสานสัมพันธ์กับ อลินา คาบาเอวา อดีตนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติรัสเซีย ผู้เคยคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิก แต่ปูตินปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว

    รอยเตอร์รายงานในปี 2016 อ้างว่านักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิดของปูติน ยังเคยโอนสิทธิการเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆแก่พี่สาวและยายของอลินา คาบาเอวา ด้วย

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126344
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    'เฟด'ขัดใจ'ทรัมป์'ขึ้นดอกเบี้ยส่งท้าย0.25% หุ้นดิ่ง-ตลาดผวาปีหน้าจะปรับเพิ่มอีก2รอบ เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 21:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013127601.jpg

    เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (19 ธ.ค.) ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เฟเดอรัล ฟันด์ เรต ไปอีก 0.25%
    เอเจนซีส์ – ถึงแม้ตลาดหลักทรัพย์ผันผวนมาหลายสัปดาห์ และถึงแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร่ำเรียกร้องทั้งด้วยเสียงอ่อนเสียงแข็งให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธ (19 ) ยังคงประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปอีก 0.25% แถมส่งสัญญาณชนิดขัดใจนักลงทุนว่า ปีหน้าจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อแต่ลดเหลือแค่ 2 ครั้ง

    การปรับเพิ่มดอกเบี้ยต่อไปอีก ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเสี่ยงถูกวิจารณ์หนักจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ก่อนหน้านี้เคยโจมตีว่า การขึ้นดอกเบี้ยเป็นการตัดสินใจ “โง่เง่า”

    กระนั้น เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยืนยันระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการประชุมในวันพุธว่า การเมืองไม่มีบทบาทในการตัดสินใจของเฟด

    เขาบอกว่า เฟดยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเติบโตเข้มแข็ง กระนั้นพาวเวลล์ยอมรับว่า จำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากพัฒนาการบางอย่างอาจชะลอตัวกว่าที่คาดไว้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเติบโตในหลายประเทศทั่วโลกต่างชะลอลงตลอดปีนี้ แม้ยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็งก็ตาม

    ขณะที่คำแถลงของเฟดระบุว่า จะยังคงจับตาพัฒนาการของเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งประเมินผลกระทบของพัฒนาการเหล่านั้นที่จะมีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

    561000013127602.jpg


    ปัจจุบัน อเมริกากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากสงครามการค้าของทรัมป์ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว และแนวโน้มความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและการเงินเมื่ออังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการในปีหน้า

    สัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วยังทำให้ตลาดหุ้นร่วงตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงภายหลังการประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 0.25% ไปสู่ระดับ 2.25- 2.5% ในครั้งนี้ด้วย

    คำแถลงของเฟดยังส่งสัญญาณว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งกำลังขยับขึ้นในระดับพอประมาณ ทำให้เฟด “รอได้” สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีหน้า รวมทั้งเปิดเผยการคาดการณ์ประจำไตรมาสที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯก็จะเติบโตในระดับพอประมาณ จึงคาดว่า ปีหน้าจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง แทนที่จะเป็น 3 ครั้งอย่างที่คาดไว้ในเดือนกันยายน

    พวกนักเศรษฐศาสตร์ อาทิ โจเอล แนรอฟฟ์ ตั้งข้อสังเกตว่า พาวเวลล์อาจมองว่า แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมเป็นข่าวดีสำหรับตลาด แต่ผิดถนัดเพราะนักลงทุนต้องการให้เฟดระงับการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเนื่องจากกังวลว่า อาจทำให้การขยายตัวสะดุด

    ทั้งนี้ ค่ากลางในการคาดการณ์การเติบโตในปีหน้าของเฟดได้ลดจาก 2.5% เป็น 2.3% ซึ่งทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% อีกครั้ง ส่วนอัตราว่างงานคงอยู่ที่สถิติต่ำสุดในรอบ 50 ปีที่ 3.5%

    แม้พาวเวลล์สำทับว่า การคาดการณ์เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่แผนการอย่างเป็นทางการของเฟด และเจ้าหน้าที่จะทบทวนการประเมินเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ๆ ทว่า นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์เชื่อว่า การประเมินดังกล่าวเป็นสัญญาณชัดเจนสำหรับการดำเนินการในอนาคตของแบงก์ชาติสหรัฐฯ

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126308
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    'ปูติน'สาธยายแสนยานุภาพทางยุทธศาสตร์ของ'รัสเซีย' ปราม'สหรัฐฯ'อย่าห้าวจนเกินตัว เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 23:46 ปรับปรุง: 21 ธ.ค. 2561 04:25 โดย: เอ็ม. เค. ภัทรกุมาร
    561000013107401.jpg

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวปราศรัยที่กองบัญชาการของกระทรวงกลาโหม ในกรุงมอสโก เมื่อวันอังคาร (18 ธ.ค.)

    Putin warns US against misadventures
    By M.K. Bhadrakumar
    19/12/2018

    วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวปราศรัยสำคัญซึ่งมุ่งตอบโต้การที่สหรัฐฯประกาศฉีกสนธิสัญญาจำกัดการแข่งขันด้านอาวุธ โดยยืนยันว่ามอสโกประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย และพร้อมรบยิ่งกว่ายุคใดๆ ความพยายามของวอชิงตันที่จะทำให้สมดุลทางยุทธศาสตร์เกิดการเอนเอียงไปในทางซึ่งสหรัฐฯได้เปรียบ จะถูกตอบโต้ต้านทานอย่างมีประสิทธิภาพ

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ไปกล่าวคำปราศรัย ณ การประชุมขยายวงของคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโกเมื่อวันอังคาร (18 ธ.ค.) (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://en.kremlin.ru/events/president/news/59431) คำปราศรัยนี้อยู่ในลักษณะของการสำรวจอย่างกว้างขวางเป็นรูปเป็นร่าง เกี่ยวกับสภาพของสมดุลทางยุทธศาสตร์ระดับโลกในปัจจุบัน ทั้งนี้ควรต้องพิจารณาคำปราศรัยนี้ท่ามกลางภูมิหลังของการที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียกำลังตกต่ำไหลรูดเลวร้ายลงอย่างชนิดไม่มีตัวฉุดรั้ง, การที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) สั่งสมเพิ่มพูนโครงสร้างพื้นฐานของตนในบริเวณแนวชายแดนด้านตะวันตกของรัสเซีย, และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่คณะบริหารทรัมป์ออกคำแถลงว่าสหรัฐฯกำลังถอนตัวออกจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces (INF) Treaty) ซึ่งสหรัฐฯกับสหภาพโซเวียตลงนามกันไว้เมื่อปี 1987 ในช่วงปลายยุคสงครามเย็น

    พูดกันอย่างกว้างๆ ข้อความที่ปูตินส่งออกมาคราวนี้ มี 3 เรื่องใหญ่ 3 ทิศทางด้วยกัน นั่นคือ

    การปรับปรุงกองทัพของรัสเซียให้ทันสมัยตามที่ได้กระทำมานั้นประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม และความพร้อมสู้รบของกองทหารรัสเซียกำลังอยู่ในระดับสูงยิ่งกว่าระยะเวลาใดๆ

    รัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาพวกอาวุธไฮเปอร์โซนิก (hypersonic มีความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5 เท่าขึ้นไป) รุ่นใหม่ๆ ซึ่งมีอานุภาพในการทำลายล้างอย่างใหญ่โตมโหฬาร และเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตั้งประจำการในกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของตน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สหรัฐฯไม่อาจที่จะรับมือตอบโต้ได้อย่างง่ายดาย

    รัสเซียมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะทำให้เกิดความแน่ใจว่า ความพยายามใดๆ ก็ตามของสหรัฐฯเพื่อทำให้สมดุลทางยุทธศาสตร์เกิดความเอนเอียงไปในทางที่ทำให้วอชิงตันเป็นฝ่ายได้เปรียบ จะถูกตอบโต้ต้านทานอย่างมีประสิทธิภาพ


    ปูตินเปิดเผยว่าอัตราส่วนของอาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัยใน “กองกำลังนิวเคลียร์ทั้งสาม” (nuclear triad) (ได้แก่กองกำลังนิวเคลียร์ทางอากาศ, กองกำลังนิวเคลียร์ทางนาวี, และกองกำลังนิวเคลียร์ภาคพื้นดิน) เวลานี้อยู่ในระดับอันน่าประทับใจ คือ 82% แล้ว เขากล่าวเป็นนัยๆ ต่อไปว่าทั้งหลายทั้งปวงก็คือ สหรัฐฯกำลังหาญกล้าท้าตีท้าต่อยจนเกินกำลังของตนเองไปแล้ว “อาวุธเหล่านี้ (พวกอาวุธอันยอดเยี่ยมล้ำสมัยอย่างเช่น ระบบขีปนาวุธอะวองการ์ด Avangard missile system, ขีปนาวุธซาร์มัต Sarmat missile, ขีปนาวุธนำวิถีไฮเปอร์โซนิคประเภทยิงจากอากาศ คินซัล Kinzhal hypersonic air-launched ballistic missile, อาวุธเลเซอร์เพื่อการสู้รบ เปเรสเวต Peresvet combat laser weapons, ฯลฯ) จะทำให้ศักยภาพของกองทัพบกและกองทัพเรือของเราเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีตรีคูณ และดังนั้นจึงสามารถเป็นหลักประกันที่เชื่อถือได้และอย่างสมบูรณ์แบบแก่ความมั่นคงของรัสเซียในระยะเวลาหลายสิบปีต่อจากนี้ไป อาวุธเหล่านี้กำลังทำให้สมดุลของกองกำลังอาวุธต่างๆ เกิดความแข็งแกร่งมั่นคง และดังนั้นก็จะทำให้เสถียรภาพระหว่างประเทศเกิดความแข็งแกร่งมั่นคงขึ้นมาด้วย ผมคาดหวังว่าระบบใหม่ๆ ของเราจะเป็นการเสนออาหารสมองให้พวกที่คุ้นเคยกับวาทกรรมแบบลัทธิเน้นการทหารและก้าวร้าวรุกราน ได้ขบคิดพิจารณากัน”

    แรงผลักดันสำคัญที่สุดซึ่งทำให้เกิดเนื้อหาคำปราศรัยของปูตินในคราวนี้ คือเรื่องที่สหรัฐฯวางแผนจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟ เขากล่าวเตือนว่า “ก้าวเดินเช่นนั้นจะก่อให้เกิดผลพวงต่อเนื่องในทางลบอย่างที่สุด และก็จะทำให้ความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลกต้องอ่อนปวกเปียกลงมาอย่างชัดเจน ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อมองกันในระยะยาว มันอาจจะถึงขั้นส่งผลทำให้สถาปัตยกรรมโดยรวมของการควบคุมอาวุธและการไม่แพร่กระจายอาวุธอานุภาพทำลายร้ายแรง ต้องมีอันเสื่อมโทรมลงหรือกระทั่งพังทลายล้มครืนกันทีเดียว ... ในกรณีที่สหรัฐฯฉีกสนธิสัญญาฉบับนี้ –เรื่องนี้ผมได้เคยพูดอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนมาแล้ว และผมเชื่อว่ามันมีความสำคัญที่ควรนำมาเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งโดยตรงต่อท่านทั้งหลายในที่นี้ด้วย— ก็เท่ากับว่าเราถูกบังคับให้ต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติมขึ้นอีกเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

    ปูตินกล่าวเตือนอย่างโจ่งแจ้งตรงไปตรงมาว่า ขีปนาวุธ คินซัล ที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาได้ใหม่ๆ ของรัสเซียนั้น เป็นขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก (มีความเร็วสูงกว่า มัค 10 หรือ 10 เท่าของความเร็วเสียง ในพิสัยทำการระดับปานกลาง 2,000 กิโลเมตร) และในปัจจุบันประกอบติดตั้งอยู่ในเครื่องบินแบบ มิก-31 แต่สามารถที่จะดัดแปลง “และนำมาติดตั้ง ... บนภาคพื้นดินได้ ถ้าหากมีความจำเป็น”

    พิจารณากันในแง่มุมทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ปูตินกำลังขีดเส้นตัดสินสุดท้ายให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า มอสโกจะไม่ใช่ฝ่ายที่ยอมถอยหนี และความอาจหาญทางทหารของรัสเซียนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเอาชนะได้ เห็นได้อย่างชัดเจนทีเดียวว่า คำเตือนอย่างขึงขังของฝ่ายรัสเซียเช่นนี้ปรากฏออกมาในจังหวะเวลาที่สหรัฐฯกำลังผลักดันพวกชาติพันธมิตรยุโรปให้ดำเนินการลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มมากขึ้นอีก รวมทั้งสหรัฐฯเองยังกำลังข่มขู่ที่จะเพิ่มการปรากฏตัวทางทหารของตนในทะเลดำ ภายหลังเมื่อเดือนที่แล้วเกิดกรณี (การประจันหน้ากันระหว่างเรือของกองทัพเรือยูเครนและเรือของทางการรัสเซีย) ที่ช่องแคบเคิร์ช (Kerch Strait) ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลอะซอฟ ขณะเดียวกันความตึงเครียดเกี่ยวกับยูเครนก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ยูเครนนั้นโดยประวัติศาสตร์ความเป็นมา ถือว่าอยู่ในวงป้องกันแห่งชาติวงแรกของรัสเซียมาแต่ไหนแต่มา มีรายงานว่ารัสเซียได้จัดส่งเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ ซูคอย ซู-27 (Sukhoi Su-27) และซู-30 ไปประจำการที่ฐานทัพอากาศเบลเบค (Belbek) ในแหลมไครเมียแล้ว ขณะที่รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ เซียเก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย แถลงในวันจันทร์ (17 ธ.ค.) โดยเข้าใจกันว่าอาศัยพื้นฐานข้อมูลด้านข่าวกรองที่มอสโกได้มา ระบุว่ายูเครนอาจจะตระเตรียมเพื่อเคลื่อนไหวในลักษณะยั่วยุทางการทหารตรงบริเวณชายแดนของไครเมียในช่วงต่อไปของเดือนนี้ เขาบอกว่ากองทัพยูเครนได้ชุมนุมกำลังทหารราว 12,000 คนพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากมายตรงแถวๆ เส้นติดต่อ (contact line) กับภูมิภาคดอนบาสส์ (Donbass) ที่อยู่ในมือของพวกกบฎ (หมายถึงพวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียในยูเครนตะวันออก -ผู้แปล) (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.xinhuanet.com/english/2018-12/18/c_137680895.htm)

    ลาฟรอฟเปิดเผยอีกว่า พวกครูฝึกทหารจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, และประเทศอื่นๆ กำลังช่วยเหลือการสั่งสมกำลังของยูเครนอย่างกระตือรือร้น เวลาเดียวกันยังมีอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ของสหรัฐฯ กำลังออกบินเหนือภูมิภาคแถบนี้อย่างสม่ำเสมอด้วย ((ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.xinhuanet.com/english/2018-12/18/c_137680895.htm) จากการที่แทบเป็นสิ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า โอกาสของ เปโตร โปโรเชนโก ผู้นิยมอเมริกัน ที่จะชนะได้ขึ้นปกครองประเทศต่อไปในการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนเดือนมีนาคมปีหน้านั้น กำลังเท่ากับศูนย์ในทางเป็นจริง การสร้างเหตุการณ์ที่จะเป็นต้นเหตุแห่งสงครามขึ้นมา จึงเป็นเรื่องเหมาะเหม็งสำหรับสหรัฐฯในการเตรียมตัวแผ้วถางทางเพื่อให้ยูเครนได้เข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิกของนาโต้และของอียูอย่างเร่งด่วนรวดเร็วที่สุด ในคำปราศรัยของปูตินคราวนี้ เขาแตะเรื่องยูเครนเพียงแค่สั้นๆ โดยกล่าวว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซียนั้น “ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น”

    ที่สำคัญแล้ว ในคำปราศรัยเมื่อวันอังคาร (18 ธ.ค.) ของเขา ปูตินได้กล่าวพาดพิงอย่างแหลมคมถึงจีน ขณะที่กล่าวยกย่องชมเชยการฝึกซ้อมทางทหาร “วอสตอค-2018” (Vostok-2018) เขาบอกว่าการซ้อมรบครั้งนี้มีคุณูปการ ใน “การยกระดับอย่างมีสาระสำคัญ” ในเรื่องระดับการฝึกปฏิบัติการและการฝึกสู้รบของกองทัพรัสเซีย อีกทั้งในการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกเขาที่จะ “เคลื่อนกองทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างรวดเร็ว” เป็นระยะทางกว่า 7,000 กิโลเมตร “และ (ความสามารถ) ในการเสริมกำลังพลหน่วยต่างๆ อย่างรวดเร็วในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญๆ เมื่อเกิดมีความจำเป็นขึ้นมา” จากนั้นปูตินยังกล่าวต่อไปว่า เป็นสิ่ง “สำคัญ” ที่จะต้องชี้ให้เห็นว่า หน่วยทหารหลายหน่วยซึ่งส่งมาจากประเทศจีน “ก็ได้ปฏิบัติการภายใต้แผนการใหญ่โดยรวม ในลักษณะการจัดกระบวนทัพเป็นหนึ่งเดียวกับกองทหารของเรา” ทั้งนี้ คำพูดเช่นนี้ของเขา ขยับใกล้จนเกือบเป็นการตั้งข้อสังเกตอย่างที่พวกนักวิเคราะห์ฝ่ายตะวันตกเรียกขานว่า “ความเป็นพันธมิตรทางการทหารที่ปฏิบัติการได้จริง” ระหว่างรัสเซียกับจีนทีเดียว

    งบประมาณกลาโหมของรัสเซียนั้นเท่ากับ 46,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เพนตากอนได้รับงบประมาณถึง 725,000 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่กำลังปรากฏออกมาในเวลานี้ก็คือ แทนที่จะถูกดึงลากเข้าไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธอันหมดเปลืองซึ่งจะก่อให้เกิดความเครียดเค้นต่อทรัพยากรด้านต่างๆ รัสเซียกลับมุ่งโฟกัสไปที่การพัฒนาสมรรถนะเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งจะสามารถสร้างความสูญเสียและการทำลายล้างระดับมหึมาต่อฝ่ายตะวันตกรวมทั้งสหรัฐฯได้และก็จะเป็นการป้องปรามสหรัฐฯไม่ให้เปิดฉากทำการเสี่ยงภัยทางทหารโดยพุ่งเป้าหมายเล่นงานรัสเซีย ด้วยเหตุนี้เอง ปูตินจึงได้ให้ความสำคัญลำดับสูงที่สุดแก่ “การเพิ่มศักยภาพการสู้รบของกองกำลังนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นอีก” เขาตอกย้ำถึงความสำคัญของการใช้เวลาอันรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การติดตั้งประจำการอาวุธที่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นซึ่งสามารถเอาชนะระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการผลิตและจัดสรรแจกจ่ายระบบขีปนาวุธพิสัยทำการได้ทั่วโลกแบบอะวองการ์ดให้แก่กองทัพ

    พลเอกเซียร์เก คาราคาเยฟ (Sergei Karakayev) ผู้บัญชาการของกองบัญชาการกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (Russia’s Strategic Missile Force Command) กล่าวในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คราสนายา ซเวซดา (Krasnaya Zvezda) เมื่อวันจันทร์ (17 ธ.ค.) ว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกแบบอะวองการ์ดระบบแรก จะเข้าประจำการเพื่อปฏิบัติหน้าที่สู้รบได้ในปี 2019 ที่กองพลขีปนาวุธดอมบารอฟสกี (Dombarovsky missile division) ซึ่งตั้งฐานทัพอยู่ที่ภูมิภาคโอเรนเบิร์ก (Orenburg Region) ในบริเวณตอนใต้ของเทือกเขาอูราล (south Urals) ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์ (TASS) อะวองการ์ดเป็นระบบขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีปทางยุทธศาสตร์ที่ประกอบเข้ากับยานร่อนไฮเปอร์โซนิก (hypersonic glide vehicle) สามารถบินได้ด้วยความเร็วไฮเปอร์โซนิกในชั้นบรรยากาศอันหนาแน่น, สามารถเคลื่อนย้ายหลบหลีกขณะอยู่ในเส้นทางบินและในระดับความสูงของตน, และสามารถเจาะผ่านการป้องกันของระบบต่อต้านขีปนาวุธได้ทุกๆ ระบบ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://tass.com/defense/1036339)

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126323
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โดรนเป็นเหตุ!ท่าอากาศยานลอนดอนป่วนงดบิน15ชั่วโมง กระทบผู้โดยสารหลายหมื่นคน เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 22:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



    รอยเตอร์ - เหตุพบโดรนหลายลำบินอยู่รอบๆท่าอากาศยานแกตวิคของลอนดอน ส่งผลให้ต้องงดขึ้นบินเป็นเวลาอย่างน้อย 15 ชั่วโมง ก่อความยุ่งเหยิงแก่ผู้เดินทางช่วงคริสต์มาสหลายหมื่นคน ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ประณามว่าเป็นการกระทำที่ขาดการไตร่ตรองซึ่งก่อผลกระทบกับสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 2 ของอังกฤษ

    เที่ยวบินต่างๆที่ท่าอากาศยานแกตวิคถูกระงับตอนเวลา 21.03 จีเอ็มที ของวันพุธ(ตรงกับเมืองไทย 04.13น.วันพฤหัสบดี) หลังพบโดรน 2 ลำ กำลังบินอยู่ใกล้ๆสนามบิน จุดชนวนความวุ่นวายครั้งเลวร้ายที่สุดต่อปฏิบัติการของสนามบิน นับตั้งแต่เหตุเถ้าถ่านภูเขาไฟลูกหนึ่งทำให้ท่าอากาศยานแห่งนี้ต้องสั่งงดขึ้นบินนานหลายชั่วโมงเมื่อปี 2010

    โฆษกของเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกว่าพวกที่บินโดรนเหล่านั้น "เป็นพวกที่ไร้ความรับผิดชอบและมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้โดยสิ้นเชิง" พร้อมกับแสดงความเห็นใจกับประชาชนที่แผนการเดินทางของพวกเขาต้องได้รับผลกระทบ ไม่กี่วันก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส

    561000013127301.jpg
    ทางสนามบินและอีซีย์เจ็ต สายการบินใหญ่ที่สุดของแกตวิค แจ้งกับพวกผู้โดยสารให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางมายังท่าอากาศยาน เนื่องด้วยสถานการณ์ที่สนามบินเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เพราะมีผู้โดยสารรออยู่หลายพันคน

    "มันแน่นขนัดเลย ผู้คนนั่งอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ทั้งบนบันไดและตามพื้น" ตามคำบอกเล่าของ เอนี โคเชียสวิลี ผู้โดยสารที่จองตั๋วเที่ยวบินช่วงเย็นวันพุธ(19ธ.ค.) ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์

    เจ้าหน้าที่เผยว่าตำรวจมากกว่า 20 ชุดกระจายกำลังกันตามล่าพวกผู้ควบคุมโดรนในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ด้วยในวันเดียวกันนี้ คาดหมายว่าทางสนามบินจะต้องรับมือกับผู้โดยสารอีกราวๆ 115,000 คน "ณ เวลานี้เรายังคงสอดส่องตรวจตราโดรนทั้งในและรอบๆสนามบิน" จัสติน เบอร์เทนชอว์ ผู้บัญชาการตำรวจสนามบินแกตวิคบอกกับบีบีซี

    ด้านตำรวจมณฑลซัสเซ็ก บอกว่าความปลอดภัยสาธารณชนคือสิ่งสำคัญที่สุด พร้อมระบุในถ้อยแถลงเพิ่มเติมว่า "ไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามันเกี่ยวข้องกับก่อการร้าย"

    [​IMG]
    สนามบินแกตวิค ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงลอนดอน ราว 50 กิโลเมตร ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะกลับมาเปิดปฏิบัติการได้อีกเมื่อไหร่ โดยบรรยายภาพสถานการณ์วาเป็น "เหตุการณ์ที่ยังไม่ยุติ"

    ที่ผ่านมาเริ่มมีเหตุเกือบเฉี่ยวชนกันมากขึ้นระหว่างอากาศยานไร้คนจับ(โดรน) และเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งมันกระพือความกังวลด้านความปลอดภัยทั่วอุตสาหกรรมการบินในช่วงหลายปีหลัง

    ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศแห่งสหราชอาณาจักร(Airprox Board) พบว่าจำนวนเหตุการณ์ที่โดรนเอกชนและเครื่องบินเกือบเฉี่ยวชนกันเหนือท้องฟ้าของอังกฤษ เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ระหว่างปี 2015-2017 ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์เกือบชนกันทั้งสิ้น 92 เหตุการณ์

    ภายใต้กฎหมายของอังกฤษ การบินโดรนภายในรัศมี 1 กิโลเมตรของเขตสนามบินถือเป็นเนื่องผิดกฎหมาย มีโทษคือจำคุกสูงสุด 5 ปี

    561000013127303.jpg


    เบอร์เทนชอว์ เผยว่าตำรวจกำลังสำรวจหาแนวทางอื่นๆในการพยายามควบคุมสถานการณ์ และเชื่อว่าจะสามารถควานหาตัวใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังโดรน แต่ก็ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

    ท่าอากาศยานแกตวิค เผยแพร่ถ้อยแถลงขอโทษผ่านทวิตเตอร์ถึงพวกผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ ด้วยระบุว่าความเป็นปลอดภัยคือสิ่งสำคัญเหนือส่งอื่นใดๆ พร้อมเผยว่ามีผู้โดยสารหมายหมื่นคนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ และดูเหมือนว่านักเดินทางอีกหลายแสนคนอาจต้องประสบความวุ่นวายในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส

    โฆษกของสนามบินแกตวิคเผยว่ามีรายงานการพบเห็นโดรนอีกหลายครั้ง นับตั้งแต่ได้รับแจ้งครั้งแรกในช่วงเย็นวันพุธ(19ธ.ค.) ด้วยเบื้องต้นรันเวย์กลับมาเปิดปฏิบัติการได้อีกครั้งตอนราวๆ 03.00จีเอ็มที.(ตรงกับเมืองไทย 10.00น.) ก่อนพบเห็นโดรนอีกรอบ อันเป็นที่มาของการตัดสินใจงดบินล่าสุด

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126311
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จีนต่อต้านกฏหมายใหม่ของสหรัฐฯ เรื่องการเข้าถึงทิเบต
    เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 22:11 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013125301.jpg
    เอเจนซีส์ - จีนประณามอเมริกาในวันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) กรณีผ่านกฏหมายใหม่ในเรื่องการเข้าถึงธิเบต พร้อมระบุว่า จะต่อต้านอย่างเฉียบขาดต่อกฏหมายดังกล่าวของสหรัฐฯ ที่เข้ามาวุ่นวายกับกิจการภายในของแดนมังกร และยังเสี่ยงที่จะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

    กฏหมายดังกล่าวที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งลงนามไปเมื่อวันพุธ ได้ยกระดับการเข้าถึงทิเบตของนักการทูต เจ้าหน้าที่ นักข่าวและพลเมืองสหรัฐฯ

    หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า กฏหมายดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดอย่างร้ายแรงไปถึงพวกชาวทิเบตแบ่งแยกดินแดน ทั้งยังเป็นภัยคุกคามที่จะทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีจีน-สหรัฐฯ เลวร้ายมากขึ้น จากเดิมที่แย่อยู่แล้วด้วยเรื่องการค้าและประเด็นอื่นๆ

    "หากอเมริกาดำเนินการใช้กฏหมายนี้ มันจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ รวมถึงความร่วมมือในหลายเรื่องที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ" โฆษกฯ ระบุ

    เธอยังบอกด้วยว่า อเมริกาควรจะตระหนักให้มากถึงความเปราะบางในประเด็นเรื่องทิเบต และควรหยุดแทรกแซง มิฉะนั้นและอเมริกาจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ ชาวต่างชาตินั้นต้องได้รับอนุญาตเป็นเป็นพิเศษในการเข้าทิเบต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะอนุมัติให้กับนักท่องเที่ยว แต่ก็จะต้องถูกสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนนักการทูตและนักข่าวนั้นไม่ค่อยได้รับการอนุมัติ

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126315
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จีนเผยจะหารือด้านการค้ากับอเมริกาอีกครั้งในเดือนมกราคม
    เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2561 23:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000013125401.jpg

    เอเจนซีส์ - จีนระบุในวันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) ว่าจีนและอเมริกาจะจัดหารือในเรื่องการค้ากันอีกครั้งช่วงเดือนมกราคม

    เกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แสดงความมั่นใจต่อความสำเร็จในการตกลงกันได้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม จากการพูดคุยกันที่อาร์เจนตินา ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

    เกาบอกว่า ทั้งสองฝ่ายมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด และได้เตรียมการที่จะหารือกันอีกในประเด็นเรื่องสมดุลทางการค้าและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

    "ทั้งสองฝ่ายได้เตรียมการหารือกัน รวมถึงการประชุมและโทรหากันได้ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อยกระดับการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้นำประเทศ" เกาบอกนักข่าวในปักกิ่ง

    อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกว่าใครจะเป็นผู้นำในการหารือกันคราวหน้าที่พวกเขากำลังจะจัดขึ้น

    สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า จีนและอเมริกากำลังวางแผนจะจัดหารือกันในเดือนมกราคมเพื่อจัดการเรื่องเอกสารข้อตกลงการค้า

    ทรัมป์และสีได้เห็นพ้องกันที่อาร์เจนตินาในเรื่องพักรบทางการค้า ซึ่งทำให้เกิดการเลื่อนแผนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรวมมูลค่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 1 มกราคม

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126326
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    48397593_1943234789057664_7530615070611472384_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    48391479_1943234792390997_1057366664183545856_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg



    01:48 #ยังไม่พบคลื่นสีนามิจากเครื่องวัดระดับน้ำชายฝั่งสถานีเมืองNikol’skoe บนเกาะแบริง

    00:49 PTWC ออกเอกสารฉบับที่ 2 เตือนสึนามิความสูง 30 ซม. ถึง 1 เมตร ตามชายฝั่งประเทศรัสเซียในทะเลแบริง

    00:35 เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.7 (mb) ลึก 10 กม.พิกัด 164.78°E 54.92°N บริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ ทะเลแบริง [GFZ]

    00:19 เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.6 (mb) ลึก 10 กม.พิกัด 164.85°E 55.10°N บริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ ทะเลแบริง [GFZ]

    00:11 PTWC ออกเอกสารฉบับที่ 1 เตือนสึนามิในรัศมี 300 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในทะเลแบริง

    00:09 เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.8 (mb) ลึก 10 กม.พิกัด 164.73°E 54.80°N บริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ ทะเลแบริง [GFZ]

    00:06 ทุ่นสึนามิหมายเลข 21416 นอกชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทรคัมชัตคาประเทศรัสเซีย แสดงระดับน้ำผิดปกติ 85 ซ.ม.
    ในคาบ 15 วินาที

    00:01 แผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.2 (Mw) ลึก 10 กม.พิกัด 164.71°E 55.10°N บริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ ทะเลแบริง

    48407184_1943234839057659_1561096350102192128_n.jpg?_nc_cat=108&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    48389164_1943234905724319_7821661201552637952_n.jpg?_nc_cat=105&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %2F%2Fstatic.foxnews.com%2Ffoxnews.com%2Fcontent%2Fuploads%2F2018%2F09%2Fbce84f03-rtx240f5-28102.jpg

    (Dec 21) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศคำฟ้องต่อชาวจีน 2 รายในข้อหาโจรกรรมข้อมูลสหรัฐ: สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศคำฟ้องต่อชาวจีน 2 ราย ได้แก่ นาย Zhu Hua และนาย Zhang Shilong ในข้อหาร่วมมือกับ state security officials ของจีนในการโจรกรรมข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทและองค์กรรัฐในสหรัฐฯ รวม 45 แห่ง และบริษัทอื่นๆ มากกว่า 12 ประเทศ

    ทั้งนี้ นาย Michael Pompeo, U.S. Secretary of State และนาง Kirstjen Nielsen, Homeland Security Secretary ระบุในแถลงการณ์ว่า รู้สึกกังวลต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ลงนามระหว่างสหรัฐฯ และจีนในปี 2015 เรื่องการหยุดสนับสนุนการโจรกรรมความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาทางไซเบอร์

    โดยในคำฟ้องระบุว่า กลุ่มโจรไซเบอร์ซึ่งรู้จักในนาม Advanced Persistent Treat 10 (APT10) ได้ทำการโจรกรรมข้อมูลของบริษัทในหลายประเภทอุตสาหกรรม รวมถึงการขโมยข้อมูลบุคคลของ U.S. Navy ได้มากกว่า 100,000 ราย และเจาะเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ของ Jet Propulsion Laboratory ขององค์การ NASA ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ในคำฟ้องยังได้ระบุว่า จำเลยทั้งสองทำงานให้กับบริษัท Huayhing Haitei Science and Technology Development co. ในเมือง Tianjin ประเทศจีน และได้ประสานงานกับ Tianjin State Security Bureau ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัด Ministry of State Security ของจีน

    ทางด้านนาย Christopher Wray, FBI Director ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงที่รุนแรงมากที่สุด และไม่มีประเทศใดที่จะสร้างภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านไซเบอร์ในวงกว้างและระยะยาวได้เท่ากับประเทศจีน

    ขณะเดียวกัน ทางด้านนาย Steven Mnuchin, U.S. Treasury Secretary ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว Fox Business Network ระบุว่า คำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมเป็นการดำเนินการแยกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐฯ มีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการปกป้องเทคโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องจัดการ

    Source: BOTSS

    - DOJ charges Chinese nationals with 'extensive' hacking, stealing from tech companies, government agencies:
    https://www.foxnews.com/tech/doj-ch...hvJJWhBYsztdp_uLmrc45otU4LH3LB2ql0dOZnutluCSU
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQDAfHXJfQGUQuXK&w=476&h=249&url=https%3A%2F%2Fs4.reutersmedia.jpg

    (Dec 21) รมว.กลาโหมสหรัฐประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังขัดแย้งด้านนโยบายกับ ทรัมป์: นายเจมส์ แมตทิส ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เนื่องจากมีความคิดเห็นด้านนโยบายที่แตกต่างจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ทวีข้อความยืนยันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ว่า นายแมตทิสจะเกษียณอายุงานในช่วงปลายเดือนก.พ.ปีหน้า หลังจากที่ทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    การประกาศลาออกของนายแมตทิสมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์เตรียมถอนทหารสหรัฐทั้งหมดจำนวนราว 2,000 นายออกจากซีเรีย ซึ่งถือเป็นการยุติยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าสู้รบกับกลุ่ม IS

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

    - https://www.reuters.com/article/us-...HbBJjzb-TARi8yoesmuVesgcoyeo5aGMkQKeiy8EBpgok
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ศาลเยอรมนีตัดสิน แอปเปิลละเมิดสิทธิบัตร Qualcomm จริง, สั่งห้ามขาย iPhone แล้ว
    By: mk
    on 21 December 2018 - 07:13 Tags:

    คดีความระหว่าง Qualcomm กับแอปเปิล ขยายวงไปถึงเยอรมนีแล้ว โดยศาลเขตมิวนิกมีคำสั่งให้แอปเปิลหยุดขายผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ละเมิดสิทธิบัตรของ Qualcomm ซึ่งร่วมถึง iPhone รุ่นที่ใช้ชิปโมเด็มของ Intel และ Qorvo ด้วย

    นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินว่าแอปเปิลต้องจ่ายค่าเสียหายให้ Qualcomm อีกต่อหนึ่งด้วย ซึ่งจะประเมินค่าเสียหายในระยะถัดไป

    แอปเปิลระบุว่าจะยื่นอุทธรณ์ แต่ระหว่างนี้จะหยุดขาย iPhone รุ่นเก่าคือ iPhone 7 และ iPhone 8 ผ่านหน้าร้าน Apple Store ของตัวเองไปก่อน (ยังขายผ่านโอเปอเรเตอร์และร้านตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ) ส่วน iPhone X, XS, XR จะยังขายผ่านทุกช่องทางตามปกติ

    Qualcomm แถลงการณ์ว่าคำตัดสินจากศาลสองประเทศคือจีนและเยอรมนี เป็นสิ่งยืนยันว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรของตัวเองจริงๆ และ Qualcomm จะรีบเดินหน้าตามกระบวนการของศาลเพื่อให้คำสั่งห้ามขายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว
    ที่มา - Qualcomm, CNBC

    6fe5ef3a3ca03bb37d1ef2cf0ef77fc9.jpg

    ภาพจาก Qualcomm
    https://www.blognone.com/node/107134
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แพ้ซ้ำ!! ศาลอุทธรณ์สั่งโรงพยาบาลกรุงเทพคืนสิทธิ 'รักษาตลอดชีพ' สมาชิกคลับไลฟ์ฟริวิเลจ

    %B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%88.jpg

    Last updated: 20 ธันวาคม 2561 | 13:10

    ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้รพ.กรุงเทพ กลับไปทำตามข้อตกลงโครงการเอกสิทธิ์ของคุณภาพชีวิต (ไลฟ์พริวิเลจ) รักษาสมาชิกตลอดชีพ ชี้ปัญหาด้านการเงินมากกว่าปัญหาด้านกฏหมายที่อ้างเป็นสัญญาประกันภัย

    20 ธันวาคม 2561-ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้รพ.กรุงเทพ กลับไปทำตามข้อตกลงโครงการเอกสิทธิ์ของคุณภาพชีวิต (ไลฟ์พริวิเลจ) รักษาสมาชิกตลอดชีพ โดยนางจุฑาทิพย์ สนิทพันธุ์ และพวกรวม 6 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)จำเลย ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วว่า แผ่นพับโฆษณาโครงการเอกสิทธิ์คุณภาพชีวิตและเปิดสโมสรไลฟ์พริวิเลจคลับ ได้ระบุให้สมาชิกได้รับเอกสิทธิ์พิเศษสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากศูนย์ Customer Service ที่คอยให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินและให้คำแนะนำเบื้องต้น มี Member Loung เพื่อพักผ่อนระหว่างรอแพทย์หรือรอรับยาและกฎระเบียบข้อบังคับระบุไว้ว่ามีชื่อคลัปไลฟ์ พริวิเลจ เป็นการเรียกเก็บค่าสมาชิก หรือค่าบริการล่วงหน้าเป็นทุนในการประกอบธุรกิจของจำเลย โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย มิใช่เป็นเบี้ยประกัน ตามที่รพ.กรุงเทพกล่าวอ้าง

    ในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทย์และสมาชิกอื่นเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นและจำเลยต้องชำระเงินให้แก่โรงพยาบาลอื่นกรณีนี้จึงเป็นเพียงข้อยกเว้นในการดูแลรักษาพยาบาลโจทก์และสมาชิกอื่นในกรณีฉุกเฉินการที่จำเลยจ่ายเงินให้แก่โรงพยาบาลอื่นไปเป็นข้อยกเว้นที่จาเลยปฏิบัตินอกเหนือไปจากข้อตกลงซึ่งอาจจะเป็นเพราะต้องการสร้างความพึงพอใจให้แก่สมาชิกเท่านั้นกรณีจึงไม่ใช่การตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือชดใช้เงินจํานวนหนึ่งให้ในกรณีวินาศภัยหากมีขึ้น

    คำตัดสิน กรณีรพ.กรุงเทพปิดโครงการ พิเคราะห์แล้วว่า เกิดจากปัญหาด้านการเงินมากกว่าปัญหาด้านกฎหมาย หรือมาตรฐานบัญชีตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่สามารถนำมาเป็นข้อตัดสินสัญญาทางกฎหมายได้

    ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้ รพ.กรุงเทพกลับไปดำเนินการเปิดโครงการไลฟ์พริวิเลจ และดูแลรักษาตลอดให้แก่ผู้สมัครเป็นสมาชิก

    สำหรับที่มาของคดีนี้ จุดเริ่มต้นคดีเกิดขึ้นหลังจากสมาชิกโครงการไลฟ์พริวิเลจ Life Privilege Club โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้รับหนังสือจากบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) ชี้แจงข้อเท็จจริงและแจ้งปิดโครงการไลฟ์พริวิเลจคลับเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560

    นอกจากนี้จดหมายที่บริษัทฯส่งถือสมาชิกอ้างถึงสำนักงานก.ล.ต.ว่า บริษัทฯต้องปิดโครงการ เนื่องจากจะต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานบัญชีใหม่ เกี่ยวกับสัญญาประกันภัย และที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทฯให้ความเห็นว่าข้อตกลงที่บริษัทฯทำไว้กับสมาชิกเข้าลักษณะเป็นสัญญาประกันภัย หากทำต่อไปจะถือว่ามีเจตนาที่จะกระทำผิดกฎหมาย

    ผลกระทบจากการยกเลิกโครงการนี้ ทำให้สมาชิกโครงการ ไลฟ์ พริวิเลจคลับร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ ถือว่าเป็นการผิดสัญญากับสมาชิก เพราะตอนที่ซื้อฐานะสมาชิกโครงการนี้เมื่อปี 2544 บริษัทฯสัญญาว่าจะดูแลสุขภาพของสมาชิกไปตลอดชีวิต โดยจ่ายค่ารักษาครั้งละ 100 บาทแลกกับการจ่ายค่าสมาชิกเท่ากับราคาทองคำหนัก 200 บาทขณะนั้น หรือค่าสมาชิกคนละประมาณ 1 ล้านบาท

    http://www.thaitribune.org/contents...z2qMynyajD3qEDZpm715k5hDHgYdfo8vdW-QOaU92L94s
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (คลิปข่าว) ญี่ปุ่นซื้อเครื่องบินรบ เฉียด 200 ลำ
    คลิปเด็ด : 1 วันที่ผ่านมา

    (คลิปข่าว) ญี่ปุ่นซื้อเครื่องบินรบ เฉียด 200 ลำ อัพเกรดยุทโธปกรณ์อีกเพียบ
    จับตาอย่างต่อเนื่องต่อความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นในการเสริมสร้างกองทัพให้มีความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้านคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติแผนกลาโหมในระยะ 5 ปี ซึ่งกำหนดวงเงินงบประมาณจัดซื้อฝูงบินขับไล่สเตลธ์และระบบเรดาร์อันทันสมัยนอกจากนั้นแล้วจะมีการอัพเกรดเรือพิฆาตบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำให้กลายเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ชุดแรกของประเทศในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต่อต้านการขยายอิทธิพลของจีน

    ญี่ปุ่น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้เดินหน้าเพื่อพัฒนากองทัพอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนั้นก็ออกมายืนยันว่า แผนกลาโหมในระยะ 5 ปี ที่จะใช้ในการซื้อฝูงเครื่องบินรบสเตลธ์ และ ระบบเรดาร์ และการใช้งบประมาณในการอัพเกรดเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในยามที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญความท้าทายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ และการแผ่อิทธิพลทางทหารของจีนซึ่งสร้างความกังวลให้กับญี่ปุ่นอย่างยิ่ง สำหรับแผนกลาโหมซึ่งผ่านการอนุมัติได้กำหนดงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเอาไว้สูงถึง 27.47 ล้านล้านเยนภายในระยะเวลา 5 ปีจนถึงเดือน มี.ค. ปี 2024 ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดเรือพิฆาตชั้นอิซุโมะ 2 ลำให้สามารถรองรับฝูงบินขับไล่ที่ใช้ทางวิ่งระยะสั้นและขึ้น-ลงแนวดิ่งอย่าง F-35B ของค่าย ล็อกฮีด มาร์ติน ของสหรัฐฯ ได้รัฐบาลญี่ปุ่นยังประกาศแผนจัดซื้อฝูงบินขับไล่ F-35B จำนวน 42 ลำในระยะ 10 ปีข้างหน้า นอกเหนือไปจาก F-35A ซึ่งเป็นรุ่นขึ้น-ลงธรรมดาและไม่สามารถใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบินได้อีก 105 ลำสำหรับคำสั่งซื้อล็อตใหญ่นี้อาจมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านเยน หรือ 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากอัพเกรดยุทโธปกรณ์เดิมแล้ว และมีการสั่งซื้อฝูงบินรบที่ทันสมัยแล้ว ญี่ปุ่นยังได้จัดซื้อระบบเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศเอจิสอชอร์ จำนวน 2 ตัว เพื่อใช้สกัดกั้นขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ นอกจากนั้นแล้วยังได้จัดซื้อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง KC-46 Pegasus จากค่ายโบอิ้งอีกจำนวน 4 ลำ ดัวยกัน และ เครื่องบินเตือนภัย E-2 Hawkeye จากนอร์ธร็อปกรัมแมนอีก 9 ลำดับด้วยกัน ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังถูกกดดันจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่พอใจยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อญี่ปุ่น ในขณะที่ทางด้านผู้นำญี่ปุ่นเองก็ต้องการความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน การเดินหน้าเพิ่มศักยภาพของกองทัพของญี่ปุ่น นั้นควรจะจัดตามองอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาญี่ปุ่นขาดการพัฒนาด้านกองทัพมานานพอสมควรหลังจากพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้ญี่ปุ่นกำลังจะกลายเป็นยักษ์ที่หลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมา และแน่นอนว่าเวลานี้ญี่ปุ่นไม่ได้เพียงมองว่าต่อต้านขยายอำนาจของจีนเท่านั้น แต่ญี่ปุ่นมองไกลถึงการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอีกขั้ว กันเลยทีเดียว

    dk6cac69d6b5dijd5655b.jpg 5ajbda67d5af8eb55e5a8.jpg bajjk5bbec5eke5i8fah9.jpg 6ci55affaafki6ha5fc6i.jpg i7e59kd5bh6ja6kbfecbb.jpg


    http://www.komchadluek.net/news/hot...hIQHdYRGOk7_vAWpDgH91Q8YjWgSsqGOHzFfnYi6Pxvmg
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เขตปกครองพิเศษ เพื่อให้ได้มาซึ่งก้าวย่างที่ไกลขึ้นกว่าเดิม ในการประกาศเอกราชของ ปาตานี มหาธีร์ ยอมรับแล้วว่าปัญหาชายแดนใต้ คือการประกาศเอกราช

    “ไทยเองก็อาจจะมีการให้อำนาจปกครองตนเองบางส่วนกับชายแดนใต้ก็ได้ ผมคิดว่าถ้าเกิดขึ้นจริง พวกเขาคงจะยอมรับได้ว่ามันไร้ประโยชน์หากจะพยายามให้ได้มาซึ่งเอกราชอีก”

    มหาธีร์: ทางออกไฟใต้ไม่ใช่เอกราช แต่อาจเป็นเขตปกครองตนเอง

    ต่างประเทศ > ข่าวต่างประเทศ : 1 วันที่ผ่านมา
    kiabca7bb9jaa8abce66f.jpg
    สัมภาษณ์พิเศษ โดย... สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี

    “ทีมข่าวเนชั่น” สัมภาษณ์พิเศษนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด ระหว่างเดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อรับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิต มอบให้

    การเดินทางมาไทยครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ของ ดร.มหาธีร์ ภายหลังนำพรรคร่วมฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งแบบพลิกความคาดหมายเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่่ผ่านมา โดยครั้งแรกเป็นการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม ซึ่งในครั้งนั้นผู้นำมาเลเซียได้ให้สัมภาษณ์ตอกย้ำเป็นสัญญาประชาคมว่า จะช่วยไทยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ประสบความสำเร็จ ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกัน และไทยเองก็เคยให้ความช่วยเหลือมาเลเซียมาก่อน เมื่อครั้งประสบปัญหาขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา


    หนึ่งในประเด็นที่ “ทีมข่าวเนชั่น” ให้ความสำคัญ และหยิบยกมาซักถาม ดร.มหาธีร์ ก็คือปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อยาวนานจะครบ 15 ปีเต็มของเหตุการณ์ปล้นปืนในวันที่ 4 มกราคม ที่จะถึงนี้แล้ว โดยกระบวนการสำคัญที่หลายฝ่ายฝากความหวังและเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาความไม่สงบจบลงได้อย่างยั่งยืน ก็คือกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก


    ท่าทีของผู้นำมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมานับว่าน่าสนใจ เพราะสะท้อนว่าได้ให้ความสำคัญกับปัญหาภาคใต้ของไทยเป็นอย่างมาก และหลังจากเข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาลได้ไม่นาน ก็ได้เปลี่ยนตัว “ผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุย” โดยมอบหมายให้อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลที่มีความรู้ความเข้าใจในปัญหามาทำหน้าที่

    การสัมภาษณ์ล่าสุดของ “ทีมข่าวเนชั่น” เริ่มเจาะลึกกันที่ประเด็นนี้...


    O มาเลเซียมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ ท่านได้แต่งตั้งผู้อำนวยความสะดวกคนใหม่ ในขณะที่ไทยมีหัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่ ในมุมมองของท่าน อะไรคือแนวทางและวิสัยทัศน์ของท่านในการนำไปสู่สันติภาพชายแดนใต้ ?
    ประเทศเพื่อนบ้านกันมักมีปัญหาเกิดขึ้นเสมอ ช่วงหนึ่งมาเลเซียก็มีปัญหากลุ่มคอมมิวนิสต์ก่อความไม่สงบ ซึ่งไทยได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ผลก็คือสถานการณ์ได้สงบลงในช่วงปี 2503 ตอนนี้ไทยมีปัญหาชายแดนใต้ มาเลเซียก็อยากจะช่วยไทย ด้วยการร่วมมือกับไทยยุติการใช้ความรุนแรงในภาคใต้


    O เมื่อนานมาแล้ว มาเลเซียเคยมีผู้อำนวยความสะดวกที่มีบทบาทพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร คราวนี้มีคนใหม่เข้ามา แต่ฝั่งของผู้ก่อความไม่สงบยังคงเป็นคนเดิม แล้วแบบนี้จะมีแนวทางเดินหน้าต่อได้อย่างไร ?
    เราพยายามมาหลายครั้ง แต่ปัญหาชายแดนใต้ของไทยก็คือผู้ก่อความไม่สงบไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว มีอยู่หลายกลุ่ม ดังนั้นแม้คุณสามารถบรรลุการเจรจากับกลุ่มหนึ่งได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มอื่นๆ จะยอมรับด้วย เรามีหลายคนที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับคนในภาคใต้ เราจึงแต่งตั้งคนใหม่ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับชายแดนไทย-มาเลเซียเป็นอย่างดี เราหวังว่าเขาจะได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะผู้อำนวยความสะดวก เพื่อที่จะได้เชื่อมโยงระหว่างเจ้าหน้าที่ของทางการไทยกับ “คนในภาคใต้” และจะได้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งนี่อาจนำไปสู่สันติภาพ


    O ท่านมีข้อเสนอแนะให้แก่เขาไหมครับ ?
    เรารู้สึกว่าควรจะมีความเข้าใจกันก่อนว่า ภาคใต้ของไทยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ผมไม่คิดว่าจะมีประเทศไหนเต็มใจสูญเสียดินแดนให้แก่ประชาชนในภูมิภาคนั้นๆ เหมือนอย่างในสเปน (กรณีการขอแยกตัวของแคว้นกาตาลุญญา) รัฐบาลสเปนไม่พิจารณาให้เอกราชหรือแยกขาดจากรัฐบาลกลาง ดังนั้นผมคิดว่าคนในชายแดนใต้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ก่อน แล้วจึงพยายามให้มีอำนาจในการบริหารตัวเองมากที่สุด เหมือนกับในอินโดนีเซียที่มีเขตปกครองพิเศษ ไทยเองก็อาจจะมีการให้อำนาจปกครองตนเองบางส่วนกับชายแดนใต้ก็ได้ ผมคิดว่าถ้าเกิดขึ้นจริง พวกเขาคงจะยอมรับได้ว่ามันไร้ประโยชน์หากจะพยายามให้ได้มาซึ่งเอกราชอีก


    O อีกประเด็นหนึ่งก็คือ กลุ่มมาราปาตานีไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ พอพวกเขามานั่งโต๊ะเจรจา ตกลงเงื่อนไขกับทางการไทยแล้ว แต่กลับสั่งการไปยังคนในพื้นที่ไม่ได้ เรื่องนี้ท่านพอทราบหรือไม่ ?
    เราทราบดี ทราบว่าไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น มันมีอยู่ 2-3 กลุ่มด้วยกัน หากกลุ่มหนึ่งบรรลุความเข้าใจแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มอื่นจะยอมรับผลการเจรจา ดังนั้น ประเด็นสำคัญก็คือเราต้องพบกับกลุ่มต่างๆ ให้ได้มากที่สุด


    “เราพยายามมาหลายครั้ง แต่ปัญหาชายแดนใต้ของไทยก็คือผู้ก่อความไม่สงบไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว มีอยู่หลายกลุ่ม ดังนั้นแม้คุณสามารถบรรลุการเจรจากับกลุ่มหนึ่งได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มอื่นๆ จะยอมรับด้วย”


    “ไทยเองก็อาจจะมีการให้อำนาจปกครองตนเองบางส่วนกับชายแดนใต้ก็ได้ ผมคิดว่าถ้าเกิดขึ้นจริง พวกเขาคงจะยอมรับได้ว่ามันไร้ประโยชน์หากจะพยายามให้ได้มาซึ่งเอกราชอีก”

    http://www.komchadluek.net/news/foreign/356283
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    INSTITUTE OF ISLAMIC STUDIES THAILAND

    IMG_6245.JPG

    สื่ออเมริกันรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจถอนทหารจำนวนมากของตนออกจากอัฟกานิสถานภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นการสิ้นสุดของทหารสหรัฐฯ ในการปรากฏตัวในดินแดนอัฟกานิสถานที่ยาวนามมา 17 ปี.....


    อ่านต่อได้ที่ : https://goo.gl/iBhwKU





    ตามรายงานของสำนักข่าวฟาร์ส หนังสือพิมพ์ "เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล" ได้เขียนว่า : รัฐบาลของประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" กำลัง พิจารณาอย่างแข็งขันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะถอนทหารจำนวนมากของตนออกจากอัฟกานิสถาน

    ตามรายงานนี้ กระบวนการในการถอนกองกำลังดังกล่าวออกจากอัฟกานิสถานอาจจะเริ่มขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า การดำเนินการดังกล่าวนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นการสิ้นสุดของทหารสหรัฐฯ ในการปรากฏตัวในดินแดนอัฟกานิสถานที่ยาวนามมา 17 ปี

    โทรทัศน์ "ซีเอ็นเอ็น" ยืนยันข่าวนี้โดยรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า จนถึงขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายของเขา แต่มีความเป็นไปได้ที่จะประกาศการตัดสินใจเร็วๆ นี้ ในแถลงการณ์หนึ่ง

    ขณะนี้สหรัฐอเมริกามีกองกำลังทหารมากกว่า 14,000 นาย อยู่ในอัฟกานิสถานซึ่งส่วนใหญ่กำลังทหารเหล่านี้ปฏิบัติภารกิจให้คำแนะนำและฝึกอบรมฝึกสอน ให้การสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นภายใต้กรอบภารกิจขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO)

    โทรทัศน์ "ฟ็อกซ์นิวส์" รายงานว่า เป็นไปได้ที่ทหารมากมากว่า 3,000 นาย จะออกจากอัฟกานิสถานเร็วๆ นี้

    ก่อนหน้านี้หลายครั้งที่ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์การปรากฏตัวของกองกำลังทหารของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ และเรียกมันว่าเป็น "การสูญเสียเงิน" ในปี 2011 ในขณะที่เขายังไม่ได้เข้าสู่แวดวงการเมือง เขาเขียน ลงในทวิตเตอร์ว่า : "เมื่อไหร่ที่เราจะหยุดการสูญเสียเงินเพื่อการฟื้นฟูประเทศอัฟกานิสถาน? ก่อนอื่นเราต้องสร้างประเทศของเราเองก่อน"

    เสียงแว่วเกี่ยวกับการถอนกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานได้ดังขึ้นในขณะที่ในคืนวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศการดำเนินการอย่างไม่มีใครคาดคิดว่า ทหารของสหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากซีเรียทั้งหมดภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในซีเรียก็จะยุติลงด้วย

    เริ่มแรกนั้นทรัมป์ได้กล่าวว่า เหตุผลของการตัดสินใจนี้เนื่องจากบรรลุเป้าหมายในการทำลายกลุ่มไอซิสแล้ว แต่ในวันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) เขาได้กล่าวในทวีตใหม่ว่า : การต่อสู้กับไอซิสไม่ใช่หน้าที่ของสหรัฐอเมริกา : อิหร่าน รัสเซียและซีเรียในฐานะที่เป็น "ศัตรูในพื้นที่ของไอซิส" จำเป็นต้องต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายนี้เอง

    สหรัฐฯ เคยมีทหารประจำการในอัฟกานิสถานมากถึง 100,000 นาย มาแล้วเมื่อปี ค.ศ.2010 ก่อนที่ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะมีคำสั่งให้ถอนกำลังออกจนเหลือไม่กี่พันนายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


    ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม


    http://www.iicth.com/news01/muslim-news/436-us-pulling-troops-afghanistan
     

แชร์หน้านี้

Loading...