ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1724741385254.jpg

    (Aug 27) ทยอ่วมสินค้าจีนทะลัก กินรวมธุรกิจ ไม่ต่างจากทัวร์ศูนย์เหรียญ:ปัจจุบันผู้ประกอบการไทย ไม่เพียงจะเผชิญกับกำลังซื้อของคนไทยที่หดตัว ยังถูกสินค้าจีนทะลักเข้าไทย และการเข้ามาเปิดตลาดของแพลตฟอร์มจีน อย่าง TEMU ซึ่งขายสินค้าถูกกว่า เข้ามาตีตลาด

    รวมถึงการรุกคืบเข้ามาเปิดธุรกิจต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อขายคนจีน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็เป็นโมเดลการกินรวมธุรกิจ ที่ไม่ต่างจากทัวร์ศูนย์เหรียญ

    การเข้ามาของทุนจีน มีทั้งที่ถูกต้องตามกฏหมาย การใช้นอมีนีไทยบังหน้า ไปจนถึงกลุ่มทุนสีเทา ซึ่งกลุ่มทุนจีนสีเทา เป็นปัญหาเรื้อรั้งที่เกิดขึ้นมานาน ที่ไม่เพียงยังปราบปรามกันไม่ได้ แต่นับวันรูปแบบการดำเนินธุรกิจยังมีความหลากหลายมากขึ้น

    โดยสิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือ “ขนส่งศูนย์เหรียญ” ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นการวางเครือข่ายร่วมกับนอมินีจากไทยและลาว ขนส่งสินค้าจีนเข้ามาขายในไทย ทั้งบรรทุกเกินน้ำหนัก และไม่ติดจีพีเอส

    การที่บริษัทจากประเทศจีนเข้ามาประกอบกิจการในไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการในไทยได้รับผลกระทบไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน รวมถึงมีภาระต้นทุนสูงขึ้น จึงทำให้ไม่มีเงินทุน ที่จะเดินหน้าธุรกิจ ทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลง และจีนก็เข้ามาทำธุรกิจ และต่อยอดธุรกิจ

    วันนี้ธุรกิจของทุนจีน จึงลามไปเกือบจะทุกธุรกิจแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องท่องเที่ยวที่ก็กำลังเผชิญกับปัญหาทัวร์จีนทุ่มตลาด ขายทัวร์ราคาต่ำกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ หวังทุ่มตลาดให้ผู้ประกอบการเดิมอยู่ไม่ได้ก่อนจะเข้ามาครองตลาดเต็มตัวแล้วจึงปรับราคาขึ้น

    นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2567 นี้ การเติบโตชัดเจนที่สุดในปีนี้คือประเทศจีน ซึ่งให้ความสนใจเดินทางมาร่วมงานที่ศูนย์ฯสิริกิติ์จำนวนมาก เพิ่มขึ้นกว่า 30% เทียบกับปีที่แล้ว จากจำนวนงานทั้งหมดที่เข้ามาจัดที่นี่

    ในปี 2566 มีธุรกิจหรือโรงงานจีนมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไม่มากนัก แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะเกิดจากความสะดวกสบายหลังรัฐบาล ไทย-จีน ประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) ถาวรระหว่างกัน ในแง่ธุรกิจถือว่ามีประโยชน์มาก แต่เรื่องการดูแลให้ทำถูกต้องตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องเข้ามาตรวจสอบและควบคุม

    ส่วนมาตรฐานของสินค้าจากธุรกิจหรือโรงงานจีนที่นำมาออกบูธ ได้รับการตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานจากประเทศต้นทางแล้ว เพราะหลายสินค้าต้องสัมผัสร่างกายและเป็นอาหารการกิน

    อย่างล่าสุด งาน Food & Hospitality Thailand 2024 จัดระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.2567 เป็นงานสำคัญที่ผู้อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต้องเข้าเยี่ยมชม เพราะมีการจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นด้านธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 3,000 แบรนด์ จาก 18 ประเทศ

    โดยพบว่าในงานนี้ได้รับความสนใจจากธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมาก โดยเป็นธุรกิจจากจีนครองสัดส่วนการร่วมงานกว่า 30% ของผู้ร่วมงานทั้งหมด

    “เราจึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนประเทศไทยเป็นมาร์เก็ตเพลสสำหรับภูมิภาคนี้ เพราะหลังหมดยุคโควิดระบาดพบว่าตลาดต่างประเทศฟื้นตัวชัดเจน ยกเว้นตลาดในประเทศที่ยังมีปัญหาเรื่องการบริโภคภายในประเทศ" นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย

    ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่ากรณีทุนจีน ที่เข้าดำเนินธุรกิจในไทย ขณะนี้รัฐบาลก็กำลังเข้าไปดูแลแล้ว โดยถ้ามองในมุมผู้บริโภค คนที่ซื้อสินค้าจีน ก็อยากจะได้ของที่ราคาถูก แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีเรื่องของการจัดเก็บภาษีที่ชัดเจน

    ส่วนในเรื่องที่มองกันว่าจะกินรวบเรื่องท่องเที่ยว ตอนนี้เรื่องท่องเที่ยวทางรัฐบาลก็ให้ความสำคัญในการไปดูแลกำกับ เพื่อไม่ให้เกิดการกินรวบอยู่แล้ว ก็ชัดเจนว่า กระทรวง กรม ต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องไปบังคับใช้กฏหมายในมืออย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้

    ตอนนี้ตำรวจ ก็ต้องควบคุมดูแล ส่วนกรมการท่องเที่ยว ต้องดูว่าบริษัทนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ถูกต้องหรือเปล่า ต้องขึ้นบัญชีดำถ้าเขาทำไม่ถูกต้อง ส่วนกระทรวงพาณิชยต้องมีการขึ้นกำกับดูแล ทุกคนต้องทำหน้าที่ เพราะมันไม่ใช่แค่ตลาดจีน ประเทศไหน ถ้าเกิดว่ามาทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย ไม่ได้ผ่านการจ่ายภาษี หรือการทำไม่ถูกต้อง ก็จะต้องทำให้จดทะเบียนถูกต้อง

    โดยต้องตรวจสอบทุกประเทศ ไม่ใช่แค่จีน เรื่องท่องเที่ยว มันไม่ใช่เป็นหน่วยงานเดียวที่ทำเรื่องท่องเที่ยว ทุกหน่วยงานมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจภาคบริการ ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านอะไร ก็ต้องจดทะเบียนขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง

    ปีนี้ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย 8 ล้านคน และในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 11 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งหลังโควิดเราจะเห็นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    ขณะที่นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า กระแสข่าวสินค้าจีน ทุบตลาด เริ่มเป็นประเด็นต่อเนื่อง จาก TEMU รวมถึงชามตราไก่ ที่เราเอามาจากจีนประเด็นคงไม่ใช่เรื่องราคาที่จีนมาทุบตลาด แต่เป็นปัญหาของ คนไทยเราเองที่ปรับตัวรองรับการแข่งขันด้านราคาของสินค้าจีนไม่ได้

    เพราะสินค้าจีนทะลักมาผ่านออนไลน์ และ คนไทยที่เป็นผู้บริโภค ได้ของถูกที่ตรงกับสภาวะที่เราต้องรัดเข็มขัด และ การขนส่งในปัจจุบันเข้าถึงสินค้าได้ง่าย ราคาที่ทุกคนจับต้องได้

    ประเด็นที่ผมอยากชวนคิด คือ พอเราต้องแข่งกับของถูก ก็มีปัญหาต้นทุนการผลิต ที่ Economy of scale เราใหญ่ไม่พอ แต่พอต้องแข่งเรื่อง คุณภาพ และ นวัตกรรม ก็บอกว่า เราเก่งไม่พอ พัฒนาเองไม่ได้

    แต่สินค้าที่เราผลิตเอง ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และ แหล่งธรรมชาติของเรา ก็กลัวขายไม่ได้ ผมว่า “เราเองต่างหากคือปัญหา”เรายอมแพ้ตั้งแต่ไม่ได้สู้ และ กังวลในทุกมุม

    เราจึงติดกับดับความคิดตนเอง ตั้งแต่ระดับนโยบาย ที่ไม่กล้าออกกฎหมาย หรือ มาตรการคุ้มกันคนไทย ผู้ประกอบการ ไม่กล้าที่จะสู้ในด้านคุณภาพ และ ยกระดับการสร้างแบรนด์สินค้าให้เกิดมูลค่า ส่วนผู้บริโภค ให้ความสำคัญ และคุณค่ากับคำว่า “Made in Thailand” น้อยเดินไป กลายเป็น ”เราด้อยค่าตนเองในทุกมิติ“

    แถมมาเจอการเมืองที่อ่อนแอ แข่งขันช่วงชิงอำนาจจนแทบไม่มีเวลาออกทำนโยบายในการแก้ไข ปัญหาของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ประเทศไทยต้องรณรงค์ให้เชื่อตนเอง มีความเชื่อมั่น และ ศรัทธา กับประเทศตนเอง คิดใหม่ เชื่อมั่น ศรัทธา เราคือไทยที่เข้มแข็ง และมีคุณภาพที่จะยืนหยัดบนเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ

    Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
    https://www.thansettakij.com/business/tourism/605130

    https://www.facebook.com/share/p/eJFtRrVg4cNYZYx8/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 27, 2024 สั่งเกาะติด! ครม.ไฟเขียวตั้ง ซิงเกิลคอมมานด์ บริหารอุทกภัย จัดงบฯช่วยน้ำท่วม ตั้งภูมิธรรมเป็นประธาน มีอำนาจในการสั่งการบริหารสถานการณ์น้ำ อนุมัติงบกลางฯรับมือ

    นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมได้มีการหารือกันเรื่องของสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดและได้ตกลงให้มีการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย โดยลักษณะการบริหารเป็นรูปแบบซิงเกิลคอมมานด์ เพื่อบริหารจัดการในเรื่องของสถานการณ์น้ำ ข้อมูลที่จะสื่อสารให้กับประชาชนได้รับทราบสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งจัดสรรงบประมาณที่จะจัดสรรลงไปทั้งให้การช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม

    โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรองประธาน 2 ท่านได้แก่นายธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ส่วนคณะกรรมการท่านอื่นๆจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นกรรมการ โดยขณะนี้คำสั่งนี้อยู่ระหว่างการจัดทำและคาดว่าจะออกเป็นประกาศอย่างเป็นทางการได้เร็วๆนี้

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีงบประมาณในการดูแลน้ำท่วมเพียงพอ และเป็นงบฯคนละส่วนที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนการอนุมัติงบประมาณเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือนั้น ขณะนี้แต่ละจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติสามารถใช้งบประมาณฉุกเฉินที่มีอยู่จังหวัดละ 20 ล้านบาทมาใช้เพื่อแก้ปัญหาในส่วนนี้ก่อน หากไม่เพียงพอให้เสนอคำของบประมาณมาที่ส่วนกลางเป็นขั้นตอน

    พร้อมกันนี้ ยังได้มีการหารือถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกปี ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือต้องยอมรับว่าในหลายพื้นที่ไม่มีอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเกิดฝนตกที่มีปริมาณน้ำฝนมากซึ่งตกเป็นจุดๆในพื้นที่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Chang) ซึ่งทำให้ต้องมีการจ่ายเงินเยียวยาทุกปี อย่างไรก็ตามในปีนี้มีการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้จะไม่ได้รุนแรงเหมือนกับในปี 2554

    สำหรับ การแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมต้องแบ่งเป็น 3 ระยะคือ
    1.การแก้ปัญหาในระยะสั้น ซึ่งต้องให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ
    2.การเยียวยาผู้ที่ประสบภัย เมื่อระดับน้ำลดลง
    3.การวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วมในระยะยาว ซึ่งที่ประชุมได้หารือว่าเมื่อมี ครม.ชุดใหม่ก็จะเสนอให้การแก้ปัญหาน้ำเป็นวาระแห่งชาติ และเสนอเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องมีการบริหารจัดการเรื่องนี้ต่อไป

    #ครม. #น้ำท่วม #น้ำท่วมภาคเหนือ #ซิงเกิลคอมมานด์ #ศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/URHCCmCDLSQBtTm5/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 27, 2024 อนุบาลไม่รอด! โรงเรียนอนุบาลในจีนปิดตัวกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกถึงวัยก่อนเข้ามหาวิทยาลัยพุ่งแซงรายได้ เด็กเกิดใหม่ตกต่ำต่อเนื่อง

    กระทรวงศึกษาธิการ ประเทศจีน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2021-2023 โรงเรียนอนุบาลทั่วประเทศปิดกิจการรวมทั้งสิ้น 20,352 แห่ง จากเดิมที่มีจำนวน 294,832 แห่ง ลดลงมาเหลือ 274,480 แห่ง หรือลดลงมากถึง -6.90% สาเหตุจากอัตราและจำนวนการเกิดเด็กทารกใหม่ตกต่ำลงต่อเนื่อง โอกาสและอนาคตการหางานทำของคนแรงงานวัยหนุ่มสาวไม่สดใสเหมือนหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ และนโยบายการกวาดล้างโรงเรียนที่มีผลกำไรสูงมากเกินความเหมาะสมแท้จริง ซึ่งจำนวนโรงเรียนอนุบาลที่ปิดตัวลงจากทั้ง 3 ปัจจัยหลักล้วนเป็นโรงเรียนอนุบาลของเอกชน

    ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ผู้ปกครองชาวจีนไปยืนต่อคิวตั้งแต่เช้ามืดบริเวณหน้าประตู้รั้วทางเข้าโรงเรียนอนุบาลชื่อดังหลายแห่ง เพื่อเข้ายื่นใบสมัครเรียนในระดับก่อนชั้นอนุบาลได้หายไปแล้ว โดยมีจำนวนใบสมัครลดลงมากถึง 5 ล้านคน มาอยู่ที่ 40.92 ล้านคนจากเดิมที่ 45.92 ล้านคน ทำสถิติจำนวนยื่นใบสมัครเข้าเรียนที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2014 สอดรับกับจำนวนตำแหน่งเปิดรับครูสอบระดับก่อนชั้นอนุบาลแบบบรรจุเต็มเวลาได้หายไปถึง 170,000 อัตราในปี 2023 ผ่านมา

    นางหลี ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามสกุล ซึ่งเป็น หนึ่งในผู้ปกครองชาวจีนอาศัยอยู่ในเจียงซู ที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการมีบุคคลที่ 2 หรือคนที่ 3 รวมถึงข้อจำกัดในการหารายได้เพื่อส่งเสียลูกเข้าคนแรกที่มีอายุ 2 ขวบเข้าเรียนในระดับก่อนชั้นอนุบาล เปิดเผยว่า เงินสำคัญที่สุด แบะกำลังถกเถียงเหตุและผลกับสามีว่า จะพาลูกเข้าเรียนในโรงเรียนก่อนชั้นอนุบาลของรัฐบาล หรือของเอกชนดี ขณะที่คุณภาพการศึกษาสำคัญที่สุด แต่ก็ได้ใช้จ่ายค่าเทอมของลูกสาวถึงเดือนละกว่า 10,000 หยวน หรือกว่า 48,200 บาทต่อเดือน เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะมีลูกคนที่ 2 หรือคนที่ 3 ได้แน่นอน

    สถาบันวิจัยประชากรยู่หวา ประเทศจีน เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุครบ 18 ปี คิดเป็น 6.3 เท่าของรายได้ต่อหัวของประชากรจีน จากการเปรียบเทียบทั้งหมด 13 ประเทศ พบว่าประเทศเกาหลีใต้มีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการเลี้ยงดูเด็กในช่วงระยะเวลาเดียวกันสูงถึง 7.79 เท่าของรายได้ต่อหัวประชากรเกาหลีใต้ ขณะที่ในออสเตรเลียค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีอยู่เพียง 2.8 เท่า สหรัฐอเมริกาคิดเป็น 4.11 เท่า และประเทศญี่ปุ่นคิดเป็น 4.26 เท่า

    เมื่อต้นปีนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานจำนวนประชากรของจีนในปี 2023 พบว่าลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยลดลงไป 2.08 ล้านคนหรือ 0.15% เหลือประชากรจีน 1.409 พันล้านคน ตัวเลขนี้ลดลงมากกว่าปีก่อนหน้านั้นด้วย เพราะปี 2022 ประชากรจีนลดลงไป 850,000 คน ทั้งนี้ การลดลงของประชากรจีนในปี 2022-2023 นั้น ถือเป็นการลดลงคร้งแรกในรอบกว่า 60 ปี นับตั้งแต่ปี 1961 ในช่วงที่เกิดความอดอยากครั้งใหญ่ในสมัย เหมา เจ๋อตุง

    ขณะที่ในปี 2022 อัตราการเกิดใหม่ของเด็กจีนลดลงไปถึง 5.7% เหลือ 9.02 ล้านคน และอัตราการเกิดต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 6.39 คนต่อประชากร 1,000 คน ลดลงจาก 6.77 คน ด้านสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประเมินว่า จำนวนประชากรของจีนอาจลดลงไปถึง 109 ล้านคนภายในปี 2050 เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 3 เท่าจากการคาดการณ์ครั้งก่อน

    #อนุบาล #โรงเรียนอนุบาล #ปิดกิจการ #จีน #เด็กนักเรียน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/5frYkCPhiQQ82cHR/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 27, 2024 หลุมภูหนี้! คนไทยเจอะ 2 เด้งตกหลุมรายได้แถมภูเขาหนี้ แบงก์ชาติชี้สัญญาณหนี้เสียที่อยู่อาศัยลามขึ้นกระทบกลุ่มคนรายได้ 30,000 บาทขึ้น หนี้เสียทั้งบัตรเครดิต-บ้าน-เช่าซื้อ ขึ้นยกแผงในไตรมาส 2

    นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ผ่านไปนั้น สถานการณ์หนี้เสีย หรือ NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.84% เมื่อพิจารณาแยกประเภทหนี้เสียพอร์ตสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่รวมบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์ ปรากฎว่า หนี้เสียสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 เพิ่มเป็น 3.71% จากเดิมที่ระดับ 3.48 % ในไตรมาส 1 สอดรับกับ หนี้เสียบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 3.53% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 3.17% สอดคล้องกับหนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มเป็น 2.33% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.18% และสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 2.74% จากเดิมที่ระดับ 2.65%

    ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน แบงก์ชาติ กล่าวว่า แม้ภาพรวมรายได้ของคนจะกลับมา แต่สภาพหนี้เสียก็ขยับขึ้น สาเหตุจากไม่เพียงครัวเรือนตกหลุมรายได้เมื่อตอนโรคโควิด-19 แต่ยังมีภูเขาหนี้ด้วย แม้หลุมรายได้ที่เคยเป็นปัญหาจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ ภูเขาหนี้จึงยังอยู่ การจะแก้หนี้จึงต้องทำให้รายได้ของคนเพิ่มขึ้นให้จ่ายหนี้ได้ด้วย

    ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังจับตาดูกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นสัญญาณว่ากลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไป ก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว จากเดิมที่เห็นภาพชัดเจนในกลุ่มรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทมาตลอดเวลา

    #ธปท #ธนาคารแห่งประเทศไทย #แบงก์ชาติ #หนี้เสีย #หนี้บัตรเครดิต #หนี้เช่าซื้อ #รายได้ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/XFhy64JVAkcF7xzp/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 27, 2024 หลุมภูหนี้! คนไทยเจอะ 2 เด้งตกหลุมรายได้แถมภูเขาหนี้ แบงก์ชาติชี้สัญญาณหนี้เสียที่อยู่อาศัยลามขึ้นกระทบกลุ่มคนรายได้ 30,000 บาทขึ้น หนี้เสียทั้งบัตรเครดิต-บ้าน-เช่าซื้อ ขึ้นยกแผงในไตรมาส 2

    นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ผ่านไปนั้น สถานการณ์หนี้เสีย หรือ NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.84% เมื่อพิจารณาแยกประเภทหนี้เสียพอร์ตสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่รวมบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์ ปรากฎว่า หนี้เสียสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 เพิ่มเป็น 3.71% จากเดิมที่ระดับ 3.48 % ในไตรมาส 1 สอดรับกับ หนี้เสียบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 3.53% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 3.17% สอดคล้องกับหนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มเป็น 2.33% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.18% และสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 2.74% จากเดิมที่ระดับ 2.65%

    ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน แบงก์ชาติ กล่าวว่า แม้ภาพรวมรายได้ของคนจะกลับมา แต่สภาพหนี้เสียก็ขยับขึ้น สาเหตุจากไม่เพียงครัวเรือนตกหลุมรายได้เมื่อตอนโรคโควิด-19 แต่ยังมีภูเขาหนี้ด้วย แม้หลุมรายได้ที่เคยเป็นปัญหาจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ ภูเขาหนี้จึงยังอยู่ การจะแก้หนี้จึงต้องทำให้รายได้ของคนเพิ่มขึ้นให้จ่ายหนี้ได้ด้วย

    ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังจับตาดูกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นสัญญาณว่ากลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไป ก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว จากเดิมที่เห็นภาพชัดเจนในกลุ่มรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทมาตลอดเวลา

    #ธปท #ธนาคารแห่งประเทศไทย #แบงก์ชาติ #หนี้เสีย #หนี้บัตรเครดิต #หนี้เช่าซื้อ #รายได้ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/XFhy64JVAkcF7xzp/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 27, 2024 เร่งงบฯ! “พีระพันธุ์” เรียกประชุมบอร์ดกองทุนอนุรักษ์ฯ เร่งเคลียร์ปมไม่โปร่งใส เตรียมแก้กฎระเบียบให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
    .
    วันนี้ (27 ส.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ผู้แทนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนจากเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายสิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน นายบุนยรัชต์ กิติยานันท์ นางฉวีวรรณ สินธวณรงค์ นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล นายอธึก อัศวานันท์ พร้อมด้วยนายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งในวันนี้ที่ได้มอบหมายกรอบการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยส่งหนังสือแจ้งมาว่าเกิดความไม่ถูกต้องในการบริหารงานกองทุนในช่วงที่ผ่านมา
    .
    กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ที่ผ่านมามีการตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ทาง สตง.ยังไม่ได้มีการรับรองงบการเงินกองทุนฯ เนื่องจากมีการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บางโครงการที่มีการเสนอมา เมื่อได้รับอนุมัติงบไปแล้ว นำเงินไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์โครงการที่เสนอมาในครั้งแรก
    .
    “การเร่งเข้ามาสะสางปมปัญหาด้านการบริหารงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานก็เป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อนนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ผมให้ความสำคัญ เพราะโครงการต่างๆ ที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุน หากดำเนินการได้ตรงตามวัตถุประสงค์จะเกิดประโยชน์ทั้งในมิติสังคม เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน มิติเศรษฐกิจของประเทศ และมิติสิ่งแวดล้อม ซึ่งทวีบทบาทมากขึ้นในระดับสากล ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ จะเห็นการร่างกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อใช้ในการพิจารณาโครงการ โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ” นายพีระพันธุ์กล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://shorturl.asia/PfOjk
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

    #กองทุนอนุรักษ์พลังงาน #กระทรวงพลังงาน #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #พลังงาน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/hedbd24geaGCheUM/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิเคราะห์เตือน !
    การลดดอกเบี้ย FED อาจกดดันให้บริษัท "จีน" ขายสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออกมหาศาลถึง "1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ" และดึงเงินกลับประเทศ ความเสี่ยงนี้อาจดันให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น +10% และสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก

    https://www.facebook.com/share/p/oUBCKkpcyomebV6h/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รถเบนซ์ EV ไฟไหม้ที่เกาหลีใต้ ใช้แบตเตอรี่จีน แต่โลกจะผลิตแบตเตอรี่ EV โดยไม่พึ่งจีนได้หรือไม่?
    .
    | เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ที่ชั้นใต้ดินที่จอดรถยนต์ของอพาร์ทเมนต์ ในเมืองอินชอน เกาหลีใต้ โดยไฟไหม้เริ่มจากแบตเตอรี่รถยนต์ Mercedez Benz หลังจากนั้น ไฟได้ลุกลามไปยังรถยนต์อีก 140 คัน หน่วยงานดับเพลิงของเกาหลีใต้แถลงว่า ไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์จะลุกนานเป็นชั่วโมง เครื่องดับเพลิงไม่สามารถดับไฟได้ เพราะเป็นการระเบิดที่มาจากความร้อนจากอุณหภูมิ (thermal explosion) ของแบตเตอร์รี่ลิเธียม ที่ฝังอยู่ใต้รถยนต์
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มประชาสังคมเกาหลีใต้ เรียกร้องให้ทางการใช้มาตรการความปลอดภัย ที่จะลดความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้ของรถยนต์ EV ในพื้นที่ที่พักอาศัย เช่น รัฐสนับสนุนการเงินในการย้ายสถานีชาร์ตแบตเตอรี่จากในอาคาร ไปตั้งในที่กลางแจ้ง รถยนต์ EV จอดในอาคารต้องชาร์ตแบตเตอร์รี่ไม่เกิน 90% และให้ผู้ผลิตรถยนต์เปิดเผยข้อมูลแบตเตอรี่
    .
    เวลาต่อมา บริษัทรถยนต์ในเกาหลีใต้ได้เปิดเผยข้อมูลแบตเตอรี่ ของรถยนต์ EV ทั้งหมด 40 โมเดล ที่ขายในเกลาหลีใต้ โดย 14 โมเดลใช้แบตเตอรี่ผลิตจากจีน หรือ 35% บริษัท Hyundai Motor เปิดเผยว่า มีรุ่นหนึ่งใช้แบตเตอรี่ CATL ของจีน ส่วนที่เหลือใช้แบตเตอรี่ LG Energy และ SK รถยนต์ EV ของบริษัท Kia ใช้แบตเตอรี่ LG Energy และ SK แต่บางรุ่นใช้ของ CATL บริษัท Mercedez Benz ได้เปิดเผยว่า รถยนต์ EV ที่ไฟไหม้ใช้แบตเตอรี่ จาก Farasis Energy ของจีน และบางรุ่นใช้แบตเตอรี่ของ CATL
    .
    บทความของ The New York Times (NYT) เรื่อง “โลกสามารถผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV โดยไม่มีจีนได้หรือไม่” ว่า การแข่งขันสำคัญในยุคปัจจุบันคือ ประเทศที่สามารถผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV จะเก็บเกี่ยวความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ ไปได้นานหลายสิบปี และที่ผ่านมาประเทศที่เป็นผู้ชนะมี “จีน” เพียงรายเดียวเท่านั้น
    .
    แม้ประเทศตะวันตกจะลงทุนในเรื่องนี้หลายพันล้านดอลลาร์ แต่จีนก็ล้ำหน้าชนิดที่ประเทศที่เหลือในโลก อาจใช้เวลาหลายสิบปีที่จะไล่ตาม เช่น การทำเหมืองแร่หายาก การฝึกวิศวกร และการสร้างโรงงานผลิตรภยนต์ขนาดใหญ่ บริษัทที่ปรึกษา Benchmark กล่าวว่า “เมื่อถึงปี 2030 จีนจะผลิตแบตเตอรี่ได้มากเป็น 2 เท่า ของประเทศในโลกที่เหลือผลิตรวมกัน
    .
    อ่านเนื้อหาฉบับเต็มบนเว็บไซต์...ไม่เพียงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน จีนยังสามารถควบคุมทุกขั้นตอนของการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ได้ตั้งแต่การทำเหมืองแร่เอาวัตถุดิบจากใต้ดิน ไปจนถึงการผลิตรถยนต์ EV และแม้ว่าจีนจะมีแหล่งแร่หายากของตัวเองจำนวนไม่มาก แต่ยุทธศาสตร์ระยะยาวได้เข้าครอบครองแหล่งแร่ทั้ง 5 ทวีป ที่จะเป็นแหล่งอุปทานราคาถูก และสนองความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง NYT ระบุว่าความได้เปรียบนี้จะดำเนินไปได้อีกเป็นเวลานาน
    .
    คลิก https://thaipublica.org/2024/08/pridi429/
    .
    ที่มาภาพ: catl
    .
    รายงานโดย: ปรีดี บุญซื่อ
    .
    #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า #ไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า #แบตเตอรี่จีน #จีน #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/qZr2xAVj6piyeHrc/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1724774534535.jpg

    ฝนถล่ม-น้ำท่วมไทย และประเทศใกล้เคียง

    เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย และยังมีแจ้งเตือน 31 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและคลื่นลมแรง ระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคมนี้
    _______
    เรื่อง: ณัฐณิชา นิจผล
    กราฟิก: วาริศา บัวจันทร์

    อ้างอิง https://www.bbc.com/thai/articles/crmwdkvj2dko
    https://news.un.org/en/story/2024/08/1153546
    https://www.thestar.com.my/aseanplu...n-laos-floods-swamp-xayaboury-bokeo-provinces
    https://www.thestar.com.my/news/nat...-to-probe-whether-land-clearing-caused-floods
    https://vietnamnews.vn/environment/1661819/mekong-delta-expects-higher-floods-this-season.html

    #TNNWorldNews #TNNOnline #infographic #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #น้ำท่วม #โลกร้อน #ฝนตกหนัก #อาเซียน #ภัยธรรมชาติ
    ————
    ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNN
    ได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originals
    ที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียเคยทำการฝึกฝนกองทัพเรือของประเทศ ในการเล็งเป้าเล่นงานตำแหน่งต่างๆที่อยู่ลึกเข้าไปในยุโรป ด้วยขีปนาวุธศักยภาพติดอาวุธนิวเคลียร์ รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับนาโต ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สที่อ้างอิงเอกสารลับที่ได้มาและผ่านการตรวจสอบแล้ว

    รายงานข่าวระบุว่าเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่ลงวันที่ระหว่างปี 2008 ถึง 2014 ในนั้นรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่เป้าหมายต่างๆทั่วยุโรป ขณะที่ไฟแนนเชียลไทม์ส อ้างแหล่งข่าวตะวันตก บอกว่าแผนที่นี้และแผนการต่างๆ ถูกจัดทำขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้ารัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในปี 2022

    ไฟแนนเชียลไทม์สเน้นย้ำว่า รัสเซีย เคยจำลองการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในระยะเริ่มแรกของความขัดแย้งกับชาติมหาอำนาจหนึ่งๆ และแผนที่แสดงถึงตัวอย่างเป้าหมายต่างๆของนาโต 32 เป้าหมายในยุโรป

    ในเอกสารที่ได้มาและผ่านการตรวจสอบโดยไฟแนนเชียลไทม์สแล้ว ยังเผยให้เห็นถึงแนวทางที่รัสเซียวางแผนโจมตีอย่างหนักหน่วงทั่วยุโรปตะวันตกด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และมีความตั้งใจใช้มันร่วมกับอาวุธและวิธีการทำลายล้างอื่นๆ

    เอกสารแสดงให้เห็นว่ารัสเซีย ปิดเงียบเกี่ยวกับศักยภาพบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ของกองเรือผิวน้ำ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลายหรือกระทั่งอุบัติเหตุใดๆ เอกสารเหล่านี้ยังบ่งชี้ด้วยว่า รัสเซีย มองอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี ในฐานะตัวชี้ขาดในความขัดแย้งต่างๆ ไฟแนนเชียลไทม์สรายงาน

    พวกนักวิเคราะห์ของไฟแนนเชียลไทม์ส เน้นว่าแผนที่ในเอกสารเป็นตัวแทนไม่ใช่แค่เล็งเป้าหมายเล่นงานส่วนเล็กๆทั่วยุโรป ในนั้นรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและอื่นๆ แต่มันบ่งบอกถึงยุทธศาสตร์ของกองทัพรัสเซีย ว่าได้วางเป้าหมายสำหรับ "สงครามเบ็ดเสร็จ หรือ Total war (ความขัดแย้งอันไร้ขอบเขตซึ่งประเทศคู่สงครามได้ทำการเรียกระดมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อใช้ในการทำสงคราม)" โดยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีถูกมองว่ามีความสำคัญยิ่งสำหรับบรรลุเป้าหมายคว้าชัยชนะในสงคราม

    เอกสารที่หลุดออกมานี้ ยังบ่งชี้ด้วยว่ารัสเซียมีศักยภาพบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีบนเรือผิวน้ำ แม้ในปี 1991 จะมีข้อตกลงให้รื้อถอนศักยภาพดังกล่าว โดยศักยภาพนี้รวมไปถึงขีปนาวุธต่อต้านเรือดำน้ำและขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านอากาศยานติดหัวรบนิวเคลียร์

    ในเอกสารยังอ้างถึง "การสาธิตการโจมตี" หรือจุดชนวนระเบิดในพื้นที่ห่างไกลหนึ่งๆ ในช่วงเวลาภัยคุกคามของการรุกรานใกล้เข้ามาก่อนเกิดความขัดแย้งจริงๆ เพื่อข่มขวัญบรรดาชาติตะวันตก เอกสารบอกว่าการสาธิตการโจมตีดังกล่าว จะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัสเซีย "มีความตั้งใจใช้อาวุธนิวเคลียร์"

    การซ้อมรบเมื่อเร็วๆนี้ของรัสเซีย เกี่ยวข้องกับการจำลองการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิค สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารที่หลุดออกมา การเตรียมการนี้รวมถึงการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์บนขีปนาวุธต่อต้านเรือ และฝึกซ้อมการบริการจัดการและประจำการหัวรบนิวเคลียร์ ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้ บ่งชี้ว่าภัยคุกคามของสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ยังคงสูงลิ่ว ในแง่ของแผนการด้านการทหารของรัสเซีย

    (ที่มา:เยรูซาเลมโพสต์/ไฟแนนเชียลไทม์ส)

    https://www.facebook.com/share/nzyemYX8mhsXvMiE/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เด็กไทยเจอข่าวร้าย! "ออสเตรเลีย" สั่งลดจำนวนนักศึกษาต่างชาติเข้าประเทศปีหน้าเหลือ 270,000 หลังเข้ามาเต็มล้นเมืองแก้ปัญหาราคาที่อยู่อาศัยพุ่ง
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - รัฐบาลแคนเบอร์ราแถลงวันอังคาร(27 ส.ค)ว่า ในปี 2025 ตัวเลขนักศึกษาต่างชาติจะถูกจำกัดเพดานไม่เกิน 270,000 คน ลดจากก่อนหน้าเกือบ 600,000 คน แก้ปัญหาราคาที่อยู่อาศัย แต่มหาวิทยาลัยโวยนโยบายของนายกรัฐมนตรี แอนโธนี อัลบานิส ทำอุตสาหกรรมการศึกษาระดับอุดมศึกษาแดนจิงโจ้กระทบรายได้หด

    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันนี้(27 ส.ค)ว่า ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศล่าสุดที่กวาดล้างปัญหานักศึกษาต่างชาติล้นเมืองวิตกด้านการเข้าเมืองออสเตรเลีย ตามหลังแคนาดา เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ที่ต่างล้วนใช้มาตรการจำกัด
    .
    รัฐบาลพรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานิส ประกาศวันอังคาร(27) อ้างอิงจากรอยเตอร์ว่า ในปี 2025 จำนวนเพดานนักศึกษาต่างชาติจะเหลือแค่ 270,000 คน
    .
    ภายใต้นโยบายนี้ รัฐบาลแคนเบอร์ราจะจำกัดจำนวนนักศึกษาต่างชาติใหม่ที่ 145,000 คนสำหรับมหาวิทยาลัยต่างๆและอีก 95,000 คนสำหรับคอร์ฝึกฝีมือแรงงาน รัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลีย เจสัน แคลร์ (Jason Clare) แถลงข่าววันนี้(27)
    .
    มีนักศึกษาต่างชาติเกือบ 600,000 คนได้รับวีซ่านักศึกษาเดินทางเข้าประเทศในปี 2023 ถือเป็นตัวเลขสูงเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
    .
    รอยเตอร์รายงานว่าในงานแถลงข่าววันอังคาร(27) แคลร์ กล่าวว่า “มีนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 10% อยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆของเราในปัจจุบันสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 และอีกกว่า 50% อยู่ในสถาบันเอกชนฝึกอบรมคอร์สอาชีพ”
    .
    รัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลียแถลงว่า รัฐบาลพรรคแรงงานออสเตรเลียจะแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยต่างสำหรับเพดานจำนวนการรับนักศึกษาเหล่านั้น
    .
    สมาคมการศึกษาอุดมศึกษาเอกชนออสเตรเลีย (The Independent Tertiary Education Council Australia) ออกแถลงการณ์ว่า มหาวิทยาลัยต้องการข้อมูลเพิ่มในการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยชี้ว่า การประกาศของรัฐบาลทำให้เกิดคำถามมากกว่าคำตอบ
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางมหาวิทยาลัยได้รับแจ้งการจำกัดเพดานแต่ไม่เปิดเผยเพิ่มเติม นอกจากระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการประเมินทางด้านการเงินและปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆ
    .
    “จำกัดเพดานนักศึกษาต่างชาติจะส่งผลร้ายต่อมหาวิทยาลัยของพวกเรา ภาคส่วนการศึกษาระดับสูงโดยรวมและต่อประเทศเป็นเวลาอีกหลายปีหลังจากนี้” รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ศาสตราจารย์ ดันแคน มาสเคลล์ (Prof. Duncan Maskell) แถลง
    .
    ขณะที่ เดวิด ลอยด์ (David Lloyd) ประธานกรรมการสมาคมมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย (Universities Australia)ชี้ว่า การตั้งเพดานรับนักศึกษาเหมือนเป็นการติดเบรกให้กับภาคอุตสาหกรรมการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียที่มีชื่อเสียง
    .
    บลูมเบิร์กรายงานว่า การสนับสนุนเข้าเมืองในออสเตรเลียตกลงในจุดต่ำสุดของรอบ 5 ปี อ้างอิงจากโพลสำรวจของ Essential ที่ได้เผยแพร่วันอังคาร(27) โดย 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามต่างกล่าวว่า ส่งผลกระทบทางลบต่อออสเตรเลีย
    .
    นักศึกษาต่างชาติสร้างรายได้ราว 32,500 พันล้านดอลลารออสเตรเลีย (22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ให้แก่ระบบเศรษฐกิจแดนจิงโจ้ในปี 2023 และทำให้ภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียกลายเป็นภาคบริการส่งออกสูงสุดของประเทศ
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000079376

    https://www.facebook.com/share/p/Seh2XsNZMEhK6XwD/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมของเถื่อน(จากจีน)…เกลื่อนไทย?
    .
    | ประเด็นสืบสวน | ถามว่าทำไมของต้องห้าม – ต้องกำกัดเหล่านี้ ยังมีวางขายกันเกลื่อนเมือง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ?
    .
    จากข้อมูลต้นเหตุของปัญหาน่าจะมาจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นนายประตู ที่ผ่านมา "กรมศุลกากร" ถือเป็นหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์มากเป็นลำดับต้น ๆ รวมทั้งมีการวิ่งเต้นโยกย้ายไปอยู่ตามด่านที่มีผลประโยชน์
    .
    สอดคล้องกับที่ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน‘ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 ระหว่างมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูง และนายด่านของกรมศุลกากรทั่วประเทศ ระบุว่า “กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และมีการวิ่งเต้นเส้นสายกันเยอะมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรลดการใช้ดุลพินิจ, การเรียกรับผลประโยชน์ และเพิ่มอัตราการใช้เครื่อง X-Ray สุ่มตรวจสอบตู้คอนเทรนเนอร์ หากเพิ่มเป็น 100% ได้ก็ยิ่งดี และถ้าติดขัดเรื่องงบประมาณก็ให้ทำเรื่องเสนอขึ้นมา”
    .
    อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแม้มีการเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่อง X- Ray มากมายเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถลดปัญหาดังกล่าวลงได้ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของกรมศุลกากร เป็นระบบภาษีแบบประเมินตนเอง หรือที่เรียกว่า “Self-Assessment” เหมือนกับกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต โดยให้ผู้ประกอบการสำแดงรายการสินค้านำเข้า ส่วนกรมศุลกากรจะมีหน้าที่ตรวจสอบรายการสินค้าตรงกับที่แจ้งไว้หรือไม่ แต่ที่เป็นปัญหา คือ “เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจ”
    .
    อ่านเนื้อหาฉบับเต็มบนเว็บไซต์ และกรณีตัวอย่างนำเข้ารถยนต์หรูสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง, หมูเถื่อนที่แจ้งว่าเป็นปลาชนิดหนึ่ง, สินค้าจีนราคาถูก - เกรดต่ำ ลักลอบเข้ามาตามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ หรือแอบซุกซ่อนสินค้าไว้ที่ท้ายตู้คอนเทรนเนอร์ คลิก https://thaipublica.org/2024/08/why-contraband-sold-all-over-the-city/
    .
    #ของเถื่อนเกลื่อนไทย #สินค้าจีนราคาถูก #ภาษีสินค้าออนไลน์ #DeMinimis #กรมศุลกากร #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/xfRSSp19gzkfuxGV/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 28, 2024 ดอกเบี้ยสูง! ธนาคารกลางลาวประกาศขึ้นดอกเบี้ยจาก 10% เป็น 10.5% หวังสกัดเงินเฟ้อที่กำลังสูงขึ้นไม่หยุด เศรษฐกิจอ่อนไหวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    จากภาวะเศรษฐกิจของ สปป.ลาวยังคงมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ของสกุลเงิน ขณะเดียวกัน การเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อในภาคธนาคารอาจส่งผลให้สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการมากเกินไป จนส่งผลให้ราคาปรับสูงขึ้นและเงินเฟ้อไม่หยุด

    ล่าสุดสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางลาว (BOL) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOL มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกีบจาก 10% เป็น 10.5% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสกุลเงินต่างประเทศจาก 10% เป็น 11% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจลาวในปัจจุบัน

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. BOL ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกีบจาก 8.5% เป็น 10% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารฯ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังเดินหน้าจัดการสกุลเงินต่างประเทศ และพัฒนาระบบการชำระเงินที่เชื่อมโยงธนาคารในประเทศและข้ามพรมแดน เพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินกีบของลาว

    #สปปลาว #แบงก์ชาติลาว #เงินเฟ้อ #BTimes
    https://www.facebook.com/share/cXLVQcFGYDD8UqGp/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...