ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 เลขที่ออก! อินเทลเตรียมปลดครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ กว่า 15,000-17,400 คนเตะฝุ่นในสิ้นปีนี้ หวังประหยัดเงินกว่า 370,000 ล้านบาท ยอดขายยันกำไรย่ำแย่หนัก งดจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 4 ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งหนักกว่า 42% มูลค่าบริษัทหายกว่า 888,000 ล้านบาท คนวงการเทคโนโลยีในสหรัฐตกงานรวมเกิน 109,000 คนใน 7 เดือนแรกปีนี้

    อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิปชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุมา 56 ปี เปิดเผยว่า เตรียมแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยจะมีจำนวนพนักงานถูกปลดออก 17,475 คน หรือมากถึง 15% ของพนักงานในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ด้วย ขณะที่เมื่อวานนี้ อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า มีแผนจะปลดพนักงานออกเป็นจำนวนหลายพันคนขึ้นไปภายในก่อนสุดสัปดาห์นี้

    ข้อมูลเมื่อ 31 ธันวาคม 2023 อินเทลมีพนักงานอยู่ราว 124,800 คน ซึ่งรวมสายงานธุรกิจในเครือที่แยกออกไปดำเนินกิจการเอง อย่างไรก็ตาม หากไม่รับรวมสายงานธุรกิจที่แยกออกไปบริหารอย่างอิสระนั้น อินเทลมีพนักงานทั้งหมดถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2024 จำนวน 116,500 คน นอกจากนี้ ยังมีการตัดลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย เช่น ภายในปี 2025 ลดรายจ่ายจากการปฏิบัติงาน และลดงบประมาณการลงทุนรวมกันทั้งสิ้นคิดเป็น กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การปลดพนักงานรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นในครั้งนี้ จะทำให้อินเทลประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาทภายในปี 2025

    นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มทุนด้านการใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการวิจัยและพัฒนาโดยมุ่งเป้าหมายไปที่การปรับปรุงเทคโนโลยีของอินเทล ที่สำคัญ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้อินเทลเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลก หลังจากบริษัทเอเอ็มดี เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดไมโครชิปของอินเทล

    อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ในคืนผ่านมา พบว่าขาดทุนมากถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 59,200 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากในช่วงเดียวกันเมื่อปีผ่านมา ที่มีกำไรสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 55,500 ล้านบาท ด้านรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 ลดต่ำลง 1% เหลือเพียง 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 473,600 ล้านบาท จากเดิมที่ 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 477,300 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งลงมากกว่า -20% มาเหลือหุ้นละ 23.82 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 880 บาท นั่นหมายถึงมูลค่าบริษัทอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เสียหายมากถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 888,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงคืนผ่านมา ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งแรงกว่า -42% (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การเติบโตของอินเทลจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงยอดขายทั้งหมดในปีนี้ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 3% หรือราว 55,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.06 ล้านล้านบาท หากเป็นไปตามนี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ปี 2021 ที่อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น มีรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้น ข้อมูลถึงวันที่ 29 มิถุนายนผ่านมา อินเทลมีเงินสดรวม 11,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 417,730 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.18 ล้านล้านบาท

    ก่อนหน้านี้ อินเทลปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน หรือคิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมดในปี 2023 ทำให้เหลือพนักงานอยู่ประมาณ 124,800 คนในสิ้นปีผ่านมาหลังจากได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่แล้วว่าจะปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2024 มาถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2024 พบว่า บริษัทในอุตสาหกรรมและธุรกิจเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกามีจำนวน 380 แห่ง ได้ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 109,297 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 15,614 คน ส่งผลให้ผ่านไป 7 เดือน จำนวนพนักงานในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวตกงานคิดเป็น 41% ของจำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ตกงานในทั้งปีผ่านมา ขณะที่ในปี 2023 มีจำนวนบริษัททั้งหมด 1,192 แห่ง ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 264,180 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 22,015 คน

    #อินเทล #ไมโครชิป #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #สหรัฐ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/ja8ZvLnwHFBqNn1v/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 ฝ่าวิกฤต! สรุปภารกิจ 4 ปี กองทุนน้ำมันฯ บนภาวะวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง เร่งฟื้นฟูสภาพคล่อง จ่ายหนี้

    สรุปสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบต่อเนื่องจากการอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม(LPG) นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด กองทุนน้ำมันฯ ได้ตรึงราคาก๊าซ LPG หลังจากมีวัคซีนป้องกันโควิดได้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในปี 2564 แต่ก็เกิดวิกฤตสงครามการสู้รบรัสเซีย-ยูเครนปี 2565 และความไม่แน่นอนของราคาพลังงานในปี 2566 และการกลับมาตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร เข้าสู่สถานะปัจจุบัน 2567 ที่แม้จะขยับเพดานราคาดีเซลขึ้นมาที่ 33 บาท/ลิตรแล้ว แต่ก็ยังเกิดวิกฤตจากสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเอง จนทำให้ปัจจุบันติดลบระดับกว่า 1 แสนล้านบาทอีกระลอก หลังจากที่เคยออกกฎหมายให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้ยืมเงินให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นหนี้ถึง 105,333 ล้านบาท ซึ่งต้องทยอยจ่ายคืนเงินต้นให้สถาบันการเงินในช่วงปลายปี 2567 นี้

    นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2563 สถานการณ์พลังงานในขณะนั้นอยู่ในภาวะชะลอตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กิจกรรมด้านเศรษฐกิจมีความเคลื่อนไหวน้อยทำให้การบริโภคพลังงานลดลงตามไปด้วย ซึ่งในขณะนั้นฐานะกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกประมาณ 30,000 ล้านบาท เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายการบริโภคน้ำมันกลับมามีอัตราเติบโตทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น กองทุนน้ำมันฯ เริ่มชดเชยก๊าซ LPG ตรึงอยู่ที่ 318บาท/ถังขนาด 15 กก. เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพแก่ภาคครัวเรือน

    ในต้นปี 2565 เกิดสงครามสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเคยพุ่งทะลุระดับ 120 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล กองทุนน้ำมันฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในประเทศให้อยู่ที่ราคา 30 บาท/ลิตร โดยเคยชดเชยสูงสุดถึง 14 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันฯ ในเวลานั้นติดลบราว 130,000 ล้านบาทจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันไดถึง 35 บาท/ลิตร จึงได้มีการแก้ไขกรอบวงเงินกู้ ตามมาตรา26 วรรคสาม
    โดย ครม.มีมติขยายกรอบเป็น 150,000 ล้านบาท และขอให้รัฐบาลอนุมัติออกพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 เพราะกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ มีกรอบวงเงินกู้ยืมได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงิน ในการปล่อยกู้ให้กับกองทุนน้ำมันฯ ในวงเงินกู้ 105,333 ล้านบาท ซึ่งกำลังจะถึงกำหนดเวลาทยอยจ่ายคืนเงินต้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้

    ในช่วงต้นปี 2566 สถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มผ่อนคลาย กองทุนน้ำมันฯ ได้มีการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงจำนวน 6 ครั้ง เหลือ 32 บาท/ลิตร ในช่วงเดือนพฤษภาคมและในช่วงเวลาที่ลดการชดเชยก็เริ่มมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จนทำให้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบลดลงเหลือประมาณ 49,000 ล้านบาท ต่อมาเมื่อได้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้มีการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 30 บาท/ลิตร ขณะที่มาตรการลดภาษีสรรพสามิตที่เคยเข้ามาเป็นกลไกช่วยพยุงราคาดีเซลอีกทางหนึ่งได้หมดอายุลง ทำให้กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกหลักเดียวในการพยุงราคาน้ำมัน

    อย่างไรก็ดี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ได้มีมาตรการการตรึงราคาน้ำมันดีเซล กำหนดเพดานเป็นไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ไว้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน ส่วนราคาก๊าซ LPG ตรึงไว้ที่ 423 บาท/ถังขนาด 15 กก. ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 ได้ขยายมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร เป็นรอบที่สอง ออกไปอีก 3 เดือน ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2567 โดยให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ แต่อัตราการชดเชยต้องไม่เกิน 2 บาท/ลิตร โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ติดลบ 111,663 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท ในส่วนของประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด มีรายรับประมาณวันละ 88.15 ล้านบาท แบ่งเป็นรายรับประเภทน้ำมันวันละ 81.76 ล้านบาท และรายรับก๊าซ LPG วันละ 6.39 ล้าน แต่กองทุนน้ำมันยังมีการชดเชยน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 0.40บาท/ลิตร คิดเป็นรายจ่ายประมาณวันละ 26.73 ล้านบาท

    “ผมเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งแรกช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งขณะนั้นฐานะกองทุนน้ำมันฯ ยังเป็นบวกอยู่ถึง 3 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาส่วนใหญ่มาจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมคือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ผันผวนก่อนสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด หลังจากมีวัคซีนโรคโควิดเริ่มผ่อนคลายลง เศรษฐกิจถูกกระตุ้นอัตราการเติบโตทำให้ราคาน้ำมันเริ่มเข้าสู่ขาขึ้น เรื่อยมาจนกระทั่งโลกต้องพบกับวิกฤตที่สั่นคลอนราคาน้ำมันครั้งใหญ่จากการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ในปี 2565 ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกินระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนน้ำมันถูกใช้เป็นกลไกหลักในการพยุงราคาดีเซลในประเทศไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ควบคู่กับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตในบางช่วง และแม้ว่าในปี 2566 สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย แต่ก็ยังมีความผันผวนด้านราคา จากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันฯ ยังคงต้องแบกรับการอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ต่อไปจนทำให้เริ่มเกิดวิกฤตอีกรอบในปี 2567 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบเกินกว่า 1 แสนล้านบาทอีกรอบ และครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ เองซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่วิกฤตมาจากปัจจัยภายนอก ผมกำลังจะ หมดวาระผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง ก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคนต่อไปเร่งฟื้นฟูสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ให้กระเตื้องขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค้าน้ำมัน ตลอดจนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน เจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด” ผู้อำนวยการ สนกช.กล่าวในท้ายที่สุด

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

    #กองทุนน้ำมัน #หนี้กองทุนน้ำมัน #ราคาน้ำมัน #พลังงาน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/e1dmNMFhyWzjzgBx/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย.-สมอ.ลุยสกัดสินค้าจีนทะลัก ระดมกำลังเพิ่มสุ่มตรวจคุณภาพ
    .
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนทยอยเข้ามาเปิดตัวในไทยอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Lazada , Aliexpress , Taobao , SHEIN และล่าสุด Temu ประกาศเปิดตัวในไทย โดยใช้กลยุทธ์ราคาสินค้าถูกที่สุดส่งตรงจากโรงงานในจีน ทำให้ภาคธุรกิจกังวลสินค้าจะทะลักเข้ามาส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไทย
    .
    รวมถึงอาจจะมีผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ภายในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่อยู่ในการควบคุมกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
    .
    ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้สัมภาษณ์ว่า โดยหลักทุกผลิตภัณฑ์ที่สั่งมาจากต่างประเทศส่งเข้ามาสู่ประเทศไทยผ่านทางไปรษณีย์ จะมีด่านไปรษณีย์ตรวจสอบทุกพัสดุจะต้องถูกเอกซเรย์
    .
    โดยหากด่านศุลกากรเห็นว่าใบแสดงเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพจะส่งมาให้เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาตรวจสอบ ซึ่งมีระบบตรวจสอบเข้มข้น ด้วยการเปิดพัสดุดูว่าตรงปกตามที่มีการแจ้งไว้หรือไม่ หากไม่ตรง ก็จะมีการดำเนินตามกฎหมายกับผู้ที่สั่งเข้ามา และศุลกากรก็จะยึดอายัดไว้เป็นของกลาง
    .
    ส่วนประเด็นหากสั่งสินค้าผ่าน Temu จำนวนมาก กำลังคนตรวจสอบจะเพียงพอหรือไม่ ภก.เลิศชาย กล่าวว่า Temu เพิ่งเปิดตัวในไทย ซึ่ง อย.กำลังวิเคราะห์หลังบ้านอยู่ว่าปริมาณงานที่เพิ่มเติมขึ้นจากการสั่งผลิตภัณฑ์สุขภาพมีขนาดไหน
    .
    รวมทั้งหากมีจำนวนมากแบบก้าวกระโดดก็จะส่งผลต่อภาระงานในการที่จะต้องตรวจสอบแน่นอน รวมถึงวิเคราะห์ว่ามีช่องว่างตรงจุดไหนที่เมื่อสินค้าเข้ามาแล้วจะหลุดจากการตรวจสอบ เพื่อวางแผนรองรับ เป็นสิ่งที่ต้องนำข้อมูลมาวางแผนต่อไป
    .
    พิจารณากำหนดปริมาณสั่งเข้าใช้ส่วนตัว
    .
    ภก.เลิศชาย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ถ้ามองตามเกณฑ์ของกฎหมายที่อย.ดูแลนั้น การสั่งเข้ามาผ่านอีคอมเมิร์ซ ไม่เข้านิยามว่าเป็นของติดตัวที่นำเข้ามาได้ในปริมาณที่กำหนดหลังกลับมาจากต่างประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่การสั่งเข้าผ่านทางอีคอมเมิร์ซจะต้องขออนุญาตนำเข้าหรือไม่
    .
    รวมถึงเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เป็นสิ่งที่อย.กำลังพิจารณาดำเนินการขีดเส้น เรื่องการกำหนดปริมาณผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สั่งเข้ามาส่งผ่านไปรษณีย์ที่เป็นการใช้ส่วนตัว ไม่เข้าข่ายเป็นการสั่งเข้ามาเพื่อจำหน่าย
    .
    “ส่วนตัวเชื่อว่าการสั่งผ่านอีคอมเมิร์ซเข้ามาเพื่อขายนั้น ไม่คุ้มและสู้ราคาต้นทุนไม่ได้ เพราะคนซื้อจะสั่งเองผ่านอีคอมเมิร์ซได้ราคาถูกกว่า”ภก.เลิศชายกล่าว
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1138424?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจupdate #กรุงเทพธุรกิจ

    https://www.facebook.com/share/p/BGzKXsEd4vTcjAaC/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ไปกันใหญ่ หุ้นอินเทล มูลค่าตลาด market cap หายวับ 2.5หมื่นล้านดอลลาร์! หนักสุดตั้งแต่วิกฤติ "ดอตคอม" ปี2000! #ระส่ำ หุ้นร่วง 22%
    โอย เพิ่งโพสต์ไปเมื่อเช้าเองนะครับ ผลมันซัดซะกระเพื่อมมโหฬารเลยครับ
    อินเทล ถึงขั้นต้องปลดพนักงาน "เลย์ออฟ" 17,500 คน และลดค่าใช้จ่ายเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้าครับ
    นอกจากนี้ยังระงับการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอีกต่างหาก
    นั่นล่ะครับ ช่วง premarket ก่อนตลาดเปิด ก็วอดวายเลยทีเดียว หุ้นร่วง 21.5% ซึ่งถ้าตลาดเปิดมาแล้ว สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็เท่ากับว่ามูลค่าตลาด market cap จะปลิวไป 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติ "ดอตคอม" ฟองสบู่แตกตอนปี 2000 เลยล่ะครับ
    น่าสยดสยองทีเดียว
    https://www.cnbc.com/2024/08/02/int...-global-chip-stocks-from-tsmc-to-samsung.html
    https://www.reuters.com/technology/...ears-it-struggles-with-turnaround-2024-08-02/
    https://www.facebook.com/share/p/gWTQtVqUcCtzBWGT/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเทล (Intel) หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ โดยจะลดจำนวนพนักงานลง 15,000 ตำแหน่ง หลังผลกำไรปีต่อปีในช่วงไตรมาส 2 ลดลงถึง 85% สวนทางกับบริษัทคู่แข่งอย่าง AMD เพิ่งแถลงตัวเลขกำไรเป็นกอบเป็นกำจากอานิสงส์ยอดขาย “ชิปเอไอ” ที่กำลังมาแรง
    .
    ในระยะเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 29 มิ.ย. Intel ทำรายได้ทั้งหมด 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่ผลกำไรสุทธิลดฮวบถึง 85% ลงมาอยู่ที่ 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    ในทางกลับกัน AMD ประกาศตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นถึง 19% มาอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากยอดจำหน่ายชิปให้กับบรรดาศูนย์ข้อมูลเอไอ
    .
    “ผลกำไรในไตรมาส 2 ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ว่าโรดแมปในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการจะคืบหน้าอย่างต่อเนื่องก็ตาม” แพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel ระบุในรายงานผลประกอบการ
    .
    ด้าน เดวิด ซินสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ชี้ว่าผลกำไรที่ย่ำแย่ในไตรมาส 2 “เป็นผลมาจากการที่เราเร่งรัดพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอสำหรับ PC” ประกอบกับ “รายจ่ายที่สูงผิดปกติในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก (non-core businesses) และรายจ่ายที่เกี่ยวกับศักยภาพซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน”
    .
    Intel ยอมรับว่า การถูกถอดใบอนุญาตส่งออกผลิตภัณฑ์บางอย่างให้กับ “หัวเว่ย” (Huawei) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ส่งผลกระทบต่อรายได้ในช่วงไตรมาส 2 และการที่สหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มสินค้าส่งออกไปจีนก็คาดว่าจะ “ส่งผลในเชิงลบพอประมาณ” ต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.
    .
    หัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำควบคุมการส่งออกตั้งแต่ปี 2019 ทว่าบริษัทอเมริกันหลายๆ เจ้ารวมถึง Intel ยังคงได้รับการผ่อนผันให้สามารถขายชิปบางตัวที่ไม่ใช่ชิปขั้นสูงให้กับหัวเว่ยได้
    .
    เดิมทีใบอนุญาตที่ว่านี้จะหมดอายุในช่วงปลายปี 2024 ทว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งถอนใบอนุญาตก่อนกำหนดเมื่อเดือน พ.ค. หลังจากที่หัวเว่ยมีการเปิดตัวแลปท็อป MateBook X Pro ที่ใช้ซีพียู Core Ultra 9 รุ่นใหม่ของ Intel เป็นขุมพลังในการประมวลผล
    .
    ในขณะที่ Nvidia ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ผู้นำด้านชิปเอไออยู่ในตอนนี้ AMD และ Intel ก็แข่งกันอย่างหนักเพื่อที่จะเป็น “เบอร์ 2” โดยมุ่งเน้นพัฒนาเอไอที่ใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ทว่ายอดขายของ AMD นั้นยังเติบโตแรงกว่า Intel มากในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา
    .
    ด้วยเหตุนี้ Intel จึงตั้งเป้าที่จะ “เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน” ด้วยแผนปรับโครงสร้างเพื่อลดรายจ่ายลง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งรวมถึงการปลดพนักงานออก 15,000 คน หรือประมาณ 15%
    .
    Intel เป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันรายเดียวที่มีโรงงานผลิตชิป (fabs) เป็นของตัวเอง และบริษัทจะได้รับเงินอุดหนุน 8,500 ล้านดอลลาร์ รวมถึงวงเงินกู้อีก 11,000 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์รุ่นล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นเงินทุนสนับสนุนสูงสุดที่สหรัฐฯ มอบให้ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act
    .
    ที่มา: Nikkei Asia

    https://www.facebook.com/share/p/5h6QBEY8vzKmb4yJ/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 ตามที่คาด! สหพันธ์รถบรรทุกนั่งไม่ติด ขนส่งศูนย์เหรียญโผล่ในไทย จีนตั้งคลังส่งสินค้าพ่วงเปิดรถขนส่งของจีนเองในไทย ประเดิมเจอ 10,000 คัน หวั่นที่สุดผู้ประกอบการขนส่งไทยไม่มีที่ยืนถึงปิดตัวลง

    นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (คนใหม่) เปิดเผยว่า สหพันธ์ฯ กำลังประสานขอเข้าพบนาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางรับมือทุนจีน เข้ามาตั้งคลังส่งสินค้า แล้วเปิดกิจการขนส่งเองอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการนำเข้ารถบรรทุกจากจีนเข้ามาใช้งานเอง ส่งผลให้การจ้างงานผู้ประกอบการขนส่งไทยลดน้อยลง

    โดยเฉพาะหลังการเปิดเสรีการค้าอาเซียน-จีน ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยสินค้าเหล่านั้นมีการใช้รถขนส่งสินค้าของจีนเกือบทั้งหมดผ่านบริษัทนอมินี ซึ่งปัจจุบันประเมินว่า มีสัดส่วนราว 1% ของจำนวนรถบรรทุกในไทย หรือ ราว ๆ 10,000 คัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 10,000 คัน ซึ่งหากมีการดัมพ์ราคาขนส่งด้วย จะทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันไม่ได้ ซึ่งหากไม่เตรียมตัว หรือ มีมาตรการรับ มือที่ดีพอ จะทำให้ผู้ประกอบการไทยอยู่ไม่ได้

    นอกจากนี้ จะมีการพูดคุยเรื่องการเยียวยากลุ่มรถป้ายเหลืองขนส่งสาธารณะ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นด้วย ซึ่งจะขอเข้าหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ และการดูแลราคาน้ำมันดีเซลที่ขึ้นมาถึง 33 บาทต่อลิตรกระทบรถบรรทุกจนต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่า 50% ก่อนพิจารณแนวทางกการเคลื่อนไหวของคาราวานม็อบรถบรรทุกในเร็วๆ นี้

    #ขนส่งสินค้า #ขนส่งศูนย์เหรียญ #จีน #ไทย #โลจิสติกส์ #เศรษฐกิจ #ดีเซล #รถบรรทุก #สิบล้อ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/kE58LTruxsgb2g98/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครไปหลวงพระบางถ้าหลุดไปกินร้านอาหาร ริมโขง ที่พนักงาน ใส่เสื้อสีน้ำเงิน ร้านนี้ดีทุกอย่าง คนไม่เยอะ บรรยากาศดี แต่ตอนจ่ายเงินให้ระวังให้ดี ผมเช็คบิลมา 600,000 กีบปลายๆ จ่ายไปทั้งหมด700,000กีบ
    เป็นแบง100,000 กีบ 7 ใบ พนักงานเอาเล่มพับใส่บิลมาให้เราก็เอาเงินใส่ แล้วพับปิดไว้พนักงาน เดินไปเปิดแล้วเดินกลับมาบอกว่าเงินเราไม่พอ กลายเป็นแบงค์100,000 กีบ 5ใบ และ แบงค์10,000กีบ 2ใบ แต่เราก็จ่ายๆไป แต่มันไม่มีทางพลาดได้เพราะเราพึ่งกดเงินออกมาจาก atm 2ล้านกีบ แบงค์ 100,000 ล้วนๆ

    เตือนกันไว้ตอนจ่ายให้พนักงานเปิดดูที่โต๊ะเลย

    https://www.facebook.com/share/p/wBuz5ihd8RyJPSUV/?mibextid=oFDknk

    Screenshot_2024-08-02-19-11-08-18_a23b203fd3aafc6dcb84e438dda678b6.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย

    คิดเอาเองแล้วกัน ขนาดร้านรับแลกเปลี่ยนยังรับซื้อราคาขนาดนี้ แล้วเอาไปขายต่อในตลาดมืดราคาจะสูงขนาดไหน

    https://www.facebook.com/share/p/Hpr1fgrr5PU5Y7GV/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240802_191442.jpg
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FED พลาดไปแล้ว ลดดอกเบี้ยช้าไป ? ทำตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ พุ่งแตะ 4.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

    #เรื่องนี้น่าห่วง ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงต่อเนื่อง S&P500 Futures ดิ่งลงต่ออีกเกือบ -2% ในคืนนี้ หลังตัวเลข Nonfarm Payrolls สหรัฐเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง +1.14 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดไว้เยอะ และตัวเลขว่างงานสหรัฐพุ่งแตะ 4.3% (ตลาดคาดไว้แค่ 4.1%)

    การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น +114,000 ตำแหน่งต่อเดือน โดยต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ +175,000 ตำแหน่งอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 4.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.1%

    ทำให้โดยรวมแล้วหุ้นสหรัฐ S&P500 ได้ร่วงลงรวมเกือบ -4% แล้วภายในเวลา 2 วันหลังการประชุม FED

    แต่ก่อนตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอมักเป็นผลดีต่อหุ้น เพราะแสดงว่าเงินเฟ้อจะลดลงและมีโอกาสที่ FED จะยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

    แต่ตอนนี้ #ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า FED กำลัง Behind The Curve หรือไม่ ? หรือธนาคารกลางสหรัลดดอกเบี้ยช้าเกินไปหรือป่าว ?

    ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาจจะเกิดสิ่งที่ตลาดหุ้นกลัวที่สุด นั้นก็คือ Recession แบบ Hard Landing

    ข่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567

    #BusinessTomorrow #BizTMR #Japan #Stock #Topix #หุ้นญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน

    ฝากตั้งเพจเราเป็น "รายการโปรด" ไว้ เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นครับ ขอบคุณครับ

    https://www.facebook.com/share/Cc9b1XXPsqXpH3zo/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,338
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนลาวจะถูกสอนในบทเรียนว่า กษัตริย์ล้านช้างองค์สุดท้ายคือ เจ้าอนุวงศ์ เพื่อสร้างการปลูกฝังให้คนลาวเกลียดชังไทย

    แต่แท้ที่จริงแล้ว กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาวคือ สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ที่ถูกคอมมิวนิสต์ลาวฆ่าตายในค่ายสัมนา พระศพถูกเอาไปฝังไว้ที่ไหนยังไม่ถูกเปิดเผยความจริงมาถึงปัจจุบัน



    https://www.facebook.com/share/p/PnCRF6FsmzBjxSkY/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240802_214537.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...