ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1710895449779.jpg

    (Mar 16) ถึงคราว “เยอรมนี” เผชิญวิกฤติอสังหาฯ Vonovia ประกาศขาดทุนครั้งใหญ่ 7.36 พันล้านดอลล์: ถึงคราว “เยอรมนี” เผชิญวิกฤติอสังหาฯ Vonovia บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ประกาศขาดทุนครั้งใหญ่ 7.36 พันล้านดอลล์

    วันที่ 15 มีนาคม 2567 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หุ้น Vonovia บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน ลดลง 6% ในการซื้อขายวันที่ 15 มี.ค.2567 หลังรายงานการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในปี 2566 ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดของความตึงเครียดในภาคอสังหาริมทรัพย์

    Vonovia กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เผชิญภาวะขาดทุน 6.76 พันล้านยูโร หรือราว 7.36 พันล้านดอลลาร์ นั้นมากกว่า 10 เท่าของการขาดทุน 669.4 ล้านยูโรในปี 2565

    การขาดทุนเกิดขึ้นเมื่อ Vonovia ลดมูลค่าอพาร์ทเมนท์มากกว่า 500,000 ห้อง ลง 1.07 หมื่นล้านยูโร หรือ 11.4% ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตโฟลิโอของบริษัทลดลงเหลือ 8.4 หมื่นล้านยูโร

    รอล์ฟ บุค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Vonovia กล่าวว่า “การล่มสลายของการประเมินมูลค่าถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยเห็นมา”

    ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเน้นย้ำถึงวิกฤตทั่วทั้งภาคส่วนที่มีการล้มละลาย ธุรกรรมที่ลดลง ราคาที่ลดลง และการลดลงของงานก่อสร้าง โดยอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 6.70 แสนล้านยูโรของเยอรมนีเป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจ

    Source: การเงินธนาคาร

    https://moneyandbanking.co.th/2024/97173/

    เพิ่มเติม
    - Vonovia shares drop as $7 bln loss lays bare German property crisis: https://www.reuters.com/business/vo...735-bln-loss-amid-property-crisis-2024-03-15/
    https://www.facebook.com/share/hQzjaJgWwcgjhcEY/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จุกอก! เจ็บหนัก! 56% ของคนอเมริกา ไม่มีปัญญาจ่าย หากมีเหตุด่วนต้องใช้ 1,000 ดอลลาร์ (ผลสำรวจโดย Bankrate)
    ก็เกินครึ่งเลยนะครับท่าน ที่บอกว่าต้องยืมชาวบ้านชาวช่อง หรือไม่ก็กู้เอา
    (ที่เหลือ 44% มีเงินออมเก็บไว้พอจะชักออกมาใช้ได้)
    แสดงว่าสถานะคนที่นั่น ปัจจุบันอยู่กันแบบ "เดือนชนเดือน"
    (อ้าว! พอๆ กันเลยนี่หว่า! ... อเมริกาอภิมหาอำนาจ)

    1,000 ดอลลาร์ ทั่วๆ ไปแล้ว ถือว่าเบาะๆ --- สมควรจะมีเผื่อเหลือเผื่อขาด
    1,000 ดอลลาร์ = 3.6 หมื่นบาท เฮ้ย!? จะบ้าเหรอ!!! ตั้ง 3.6 หมื่นบาท คนไทยส่วนใหญ่ปกติก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ถ้าเจอฉุกเฉินแบบนี้ก็ไม่มีปัญญาเหมือนๆ กันแหละจ้า ... ไม่เห็นแปลกนิ?

    จะเทียบงั้นก็ไม่ได้ซะทีเดียวครับ ค่าครองชีพไม่เท่ากัน คุณภาพ มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน (เขาเป็นประเทศรายได้สูง ส่วนเราประเทศรายได้ปานกลางค่อนสูง --- วัดต่อหัวของประชากร)
    คิดง่ายๆ กินข้าวบ้านเรา ในใจกลางกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมร ตอนนี้ตกจานละ 50-70 บาท (อิ่มไม่อิ่มก็อีกเรื่อง)
    บ้านเขา เอาย่านพลุกพล่านของมหานครนิวยอร์ก 10-20 ดอลลาร์ (360-720 บาท)

    กะยาก แต่เพจเดือดฯ ขอตีว่า หาเงิน 1,000 ดอลลาร์บ้านเขา ก็พอๆ กับหาเงิน 5,000 บาทในบ้านเรา

    สรุปแล้ว คนเกินครึ่งของประเทศอเมริกามีไม่ถึง "ก้อนนี้" เพื่อเผื่อฉุกเฉิน
    นับว่าสถานการณ์ "ล่อแหลม" "หมิ่นเหม่"มิใช่น้อย
    กระตุกเบาๆ ก็หลุดแล้ว ...

    https://www.cnbc.com/2024/03/19/why-now-is-a-smart-time-to-build-emergency-savings.html

    https://www.facebook.com/share/Gmj6yhFY6hYN4nTM/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240320_094000.jpg
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    + เยนยั่วสยิว! เผยอจ่อ 152 เยน/ดอลลลาร์! เสียวสะท้านล่อสถิติอ่อนสุดในรอบ 34 ปีแห่งประวัติศาสตร์ชาติกิโมโน!
    ทำไมเจอสวน??? --- 19 ดอก(ขึ้น)หยกๆ / 20 เยน(หก)หย่อนๆ
    วานนี้ (19 มี.ค.) เพิ่งโพสต์หยกๆ แบงก์ชาติญี่ปุ่น "ขึ้น" ดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 แต่ไฉนเยนกลับโดนลาก "อ่อน" ลง จนต้องคราง ยาวถึงวันนี้ (20 มี.ค.) ที่ยังอ่อนรูดแล้วรูดอีก (ขณะที่พิมพ์ก็ใกล้ๆ จะแทงทะลุไปถึงเยื่ออันตราย ณ 152 เยน/ดอลลาร์)

    * ตามหลักการเศรษฐศาสตร์พื้นฐานเลย ขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินของเราย่อมแข็งขึ้น (สัมพัทธ์กับค่าเงินของชาติอื่น) --- และเมื่อวานนี้ แบงก์ชาติญี่ปุ่น ยุติ "ดอกเบี้ยติดลบ" ที่แช่มาตั้งแต่ปี 2016 (ณ -0.1%)
    แบบนี้ ในภาพใหญ่ เทรนด์ของเยนต้องแข็งขึ้น
    ส่วนในระยะสั้น (ระดับวันต่อวัน หรือชั่วโมง) มันอาจแกว่งไม่เป็นทิศทางเป็นทาง จากการตอบสนองแบบฉับพลันทันใด เหมือน "ปลาเปลี่ยนน้ำ" ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงเกิดอาการ "ขวัญกระเจิง" --- ซึ่งทั่วไปแล้ว ไม่ว่าสินทรัพย์ใด พบว่า market จะ react ลักษณะนี้เสมอๆ

    แต่เยนครั้งนี้ไม่ธรรมดา --- ไม่แกว่ง แต่ถึงขั้นโดนเหวี่ยงกระเด็นให้อ่อนหลุดแทบหยุดโลก

    ปลายปี 2022 เยนโดนซัด สอยสถิติอ่อนสุดในรอบ 32 ปี (; ที่ 151.94 เยน/ดอลลาร์)

    ปลายปี 2023 ร่ำๆ จะถูกฉุดกระชากลากถูไปเสียบสถิติใหม่ ... แต่แค่ "เกือบ" (; อ่อนถึง 151.92 --- ยังทำลายสถิติปี 2022 ไม่ได้)
    เสมือนคลี่กิโมโนออกจนเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ว แต่ล่มปากอ่าว

    ต้นปี 2024 (ก็ตอนนี้แหละ!) ขนาดว่าขึ้นดอกเบี้ยแล้วนะเนี่ย! --- รั้งรอมานานเหลือเกิน ลงท้ายก็ยอมเลิกเงอะๆ งะๆ เงื้อๆ ง่าๆ
    ขึ้นแล้ว แต่เอาไม่อยู่ ยั้งไม่ไหว --- เกินต้าน
    (เหมือน "ความเชื่อมั่น" มันกู่ไม่กลับ)
    เยนวันนี้อ่อนทะลักไปถึง 151.58 เยน/ดอลลาร์ (คิดดู เทียบกับเปิดปีวันแรก 140 เยน/ดอลลาร์)
    ดุจหมีมหึมา (bearishness) ปรี่เข้าใส่ แล้วพร้อมจะฉีกกิโมโนให้ขาดวิ่นเป็นชิ้นๆ
    ... จะเหลือเหรอ
    เกรงว่าจะยังไม่สุด

    ไอ้ที่ว่าไว้ข้างบน --- ปลายปี 2022 รัฐบาลญี่ปุ่น "ตบะแตก" ต้องเข้าไปแทรกแซง "สู้ค่าเงิน" ด้วยการทุ่มทุนมหาศาล
    (ควักสู้อยู่หลายยก)

    ปลายปี 2023 อั้นไว้ไม่ยอมล้วงออกมาสู้ --- และก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะเยนก็แข็งขืนคืนกลับมาได้เอง ตามกลไกของมัน

    คราวนี้ ต้นปี 2024 ก็เก็งกันอีกรอบ ว่าถ้าขึ้นดอกแล้วยังยื้อไม่ได้ อ่อนไปอีก (จริงๆ ก็ไม่ต้องอ่อนไปอีกหรอก เพราะอ่อนเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็น่ากลัวแล้ว มันใกล้ 152 เยน/ดอลลาร์สุดๆ) รัฐบาลญี่ปุ่นอาจต้องเลิกสะกดไว้ แล้วปลุกขึ้นมา "สู้ค่าเงิน" อีกครั้ง

    สู้ไม่สู้
    ?

    + อัตราแลกเปลี่ยนเยนต่อดอลลาร์

    + ค่าเงินมันต้องสัมพัทธ์ครับ คือไม่ใช่ตัวของมันเอง ต้องไปเทียบกับชาวบ้าน ซึ่งเผอิญระยะนี้ดัชนีดอลลาร์ดันแข็งขึ้นมาพอควรด้วยแหละครับ
    และขึ้นดอกก็ขึ้นช้าซะเหลือเกิน กลายเป็นตลาดก็วายจนไม่รู้จะวายยังไงแล้ว และก็ไม่ได้มองว่าผลมันจะสักเท่าไหร่ เพราะขึ้นก็น้อยมาก (และก็ห่างไกลจากแบงก์ชาติหลักของโลกอื่นๆ อยู่โข)
    กลายเป็น "มาช้า" ไม่ได้ดีกว่า "ไม่มา" สักเท่าไหร่เลยครับ
    (แต่ถ้าประชุม "เฟด" แบงก์ชาติอเมริกางวดนี้ เกิดลดดอกขึ้นมานี่เกมพลิกเลยนะครับ เยนจะแข็งขึ้นมาได้พอควรเลยแหละ แต่ตอนนี้ตลาดมองว่าไม่น่ามีเซอร์ไพรส์ งวดนี้ "เฟด" ท่าทางจะคงดอกไปก่อนครับ)

    https://www.facebook.com/share/b28tb3hXcG3DbT6S/?mibextid=oFDknk

    + อัตราแลกเปลี่ยนเยนต่อดอลลาร์

    FB_IMG_1710927876686.jpg

    FB_IMG_1710927904301.jpg

    + ค่าเงินมันต้องสัมพัทธ์ครับ คือไม่ใช่ตัวของมันเอง ต้องไปเทียบกับชาวบ้าน ซึ่งเผอิญระยะนี้ดัชนีดอลลาร์ดันแข็งขึ้นมาพอควรด้วยแหละครับ
    และขึ้นดอกก็ขึ้นช้าซะเหลือเกิน กลายเป็นตลาดก็วายจนไม่รู้จะวายยังไงแล้ว และก็ไม่ได้มองว่าผลมันจะสักเท่าไหร่ เพราะขึ้นก็น้อยมาก (และก็ห่างไกลจากแบงก์ชาติหลักของโลกอื่นๆ อยู่โข)
    กลายเป็น "มาช้า" ไม่ได้ดีกว่า "ไม่มา" สักเท่าไหร่เลยครับ
    (แต่ถ้าประชุม "เฟด" แบงก์ชาติอเมริกางวดนี้ เกิดลดดอกขึ้นมานี่เกมพลิกเลยนะครับ เยนจะแข็งขึ้นมาได้พอควรเลยแหละ แต่ตอนนี้ตลาดมองว่าไม่น่ามีเซอร์ไพรส์ งวดนี้ "เฟด" ท่าทางจะคงดอกไปก่อนครับ)
    FB_IMG_1710927914880.jpg
    https://www.facebook.com/share/b28tb3hXcG3DbT6S/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UN: องค์การอนามัยโลก เตือนอุณหภูมิปีที่แล้วที่ว่าร้อนจนทำลายสถิติทุกรายการเมื่อปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ สภาพอากาศจะร้อนมากกว่าเดิม และน้ำแข็งขั้วโลกจะละลาย ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO แถลงเมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) ว่า บันทึกสภาพภูมิอากาศโลกที่สำคัญ ๆ ทุกรายการ ถูกทำลายลงในปีที่แล้ว และปี 2024 นี้ สภาพอากาศอาจเลวร้ายยิ่งกว่านั้น โดยผู้อำนวยการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก แสดงความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความร้อนในมหาสมุทรและน้ำแข็งในทะเลที่หดตัว

    สำนักงานสภาพอากาศของสหประชาชาติแห่งนี้ ระบุในรายงานประจำปี สถานะสภาพภูมิอากาศโลกว่า อุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 174 ปี ตั้งแต่มีการบันทึกสถิติ โดยสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.45 องศาเซลเซียส

    WMO ระบุว่า อุณหภูมิในมหาสมุทร ยังอุ่นที่สุดในรอบ 65 ปี โดยกว่า 90% ของทะเล ต้องเผชิญกับสภาวะคลื่นความร้อนในช่วงปีดังกล่าว ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบอาหาร

    เซเลสเต เซาโล เลขาธิการ WMO ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ว่า เธอประกาศเตือนภัย “สีแดง” เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศโลก เธอกล่าวกับนักข่าวในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ความร้อนในมหาสมุทรเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากความร้อนนั้น "แทบจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้" และอาจต้องใช้เวลานับพันปีจึงจะกลับคืนสู่สภาพเดิม

    การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ควบคู่ไปกับการปรากฏตัวของปรากฏการณ์เอลนิโญ ได้ผลักดันให้โลกเผชิญกับอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2023

    ด้านโอมาร์ บัดดัวร์ หัวหน้าตรวจสอบสภาพภูมิอากาศของ WMO กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้สูง” ที่ในปีนี้ อุณหภูมิจะพุ่งสูงทำสถิติใหม่ โดยบอกว่า ปีหลังการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยทั่วไปแล้ว อุณหภูมิจะร้อนขึ้น

    รายงานที่เผยแพร่เมื่อเมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) เผยให้เห็นการละลายครั้งใหญ่ของน้ำแข็งในแอนตาร์กติก หรือขั้วโลกใต้ โดยระดับสูงสุดวัดได้ที่ 1 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่าสถิติก่อนหน้า เป็นพื้นที่ที่มีขนาดพอ ๆ กับอียิปต์ แนวโน้มดังกล่าวเมื่อรวมกับมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น ซึ่งทำให้น้ำขยายตัว ส่งผลให้อัตราน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงปี 1993-2002

    รายงานระบุว่า ความร้อนในมหาสมุทรกระจุกตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3 องศาเซลเซียสในช่วงปลายปี 2023 อุณหภูมิของมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเลที่ละเอียดอ่อน และปลาหลายสายพันธุ์ได้หนีจากบริเวณนี้ไปทางเหนือเพื่อแสวงหาอุณหภูมิที่เย็นกว่า
    —————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #UN #ยูเอ็น #โลกร้อน #ร้อนจัด #สภาพอากาศ
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/

    https://www.facebook.com/share/p/EUMEVy6NsWWHFKtR/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คุก 468 ปี “อดีตพระอาจารย์คม” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าคีรีธรรม ยักยอกทรัพย์ของวัด 200 ล้านบาท

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา กรณี อดีตพระคม อภิวโร อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าธรรมคีรี จ. นครราชสีมา กับพวกรวม 9 คน ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดยักยอกทรัพย์ของวัด รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท โดยศาลเห็นว่า มีพยานหลักฐานมั่นคง โดยได้นำทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ในวัด และขนย้ายทรัพย์ออกไป “อดีตพระคม” ถูกลงโทษจำคุก 78 กระทง รวม 468 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดได้ 50 ปี

    วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคําพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อท 125/2566 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 53/2567 ระหว่าง พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 โจทก์ นาย ว. ที่ 1 กับพวก รวม 9 คน จําเลย

    โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจําเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสวัด ป. เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าพนักงาน ของรัฐตามกฎหมาย จําเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ถึงที่ 9 เป็นพระลูกวัด จําเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นฆราวาส ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้องจําเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เบียดบังเงินสดที่มีผู้บริจาค ให้แก่วัด ป. ผู้เสียหาย โดยนําเงินเก็บรักษาไว้ที่กุฎิจําเลยที่ 1 แล้วยินยอมให้จําเลยที่ 2 และที่ 3 นําเข้าฝากใน บัญชีเงินฝากธนาคารชื่อบัญชีจําเลยที่ 3 และบุคคลอื่นที่มีเงื่อนไขให้จําเลยที่ 3 เบิกถอนได้แต่เพียงผู้เดียว รวม 76 ครั้ง นอกจากนี้ยังนําส่งมอบให้จําเลยที่ 3 เก็บไว้เป็นเงินสดในที่พักอาศัยของจําเลยที่ 3 ซึ่ง เจ้าพนักงานตํารวจตรวจยึดได้เป็นเงิน 51,918,170 บาท และระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 จําเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เบียดบังเอาทรัพย์ของวัด ป. ผู้เสียหายไป โดยจําเลยที่ 1 ตกลงกับจําเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 แล้วก่อนจําเลยที่ 1 และที่ 2 เดินทาง เข้ากรุงเทพมหานครได้สั่งการให้จําเลยที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 ขนย้ายทรัพย์สินออกจากกุฎิของจําเลยที่ 1 และ ที่ 2 ไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัด ป. จําเลยที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 จึงขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้เพื่อ รอฟังคําสั่งจากจําเลยที่ 1 และที่ 2 แจ้งว่าจะให้นําทรัพย์สินดังกล่าวออกจากวัด ป. เมื่อใด ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 จําเลยที่ 2 โทรศัพท์แจ้งให้จําเลยที่ 9 ไปแจ้งแก่จําเลยที่ 4 ถึงที่ 8 ช่วยกันขนย้าย ทรัพย์สินบางส่วนใส่รถตู้ออกไปซุกซ่อนไว้ที่อื่นนอกวัด โดยมีบางส่วนยังคงซุกซ่อนอยู่ในวัดและอยู่ในกุฎิของ จําเลยที่ 1 ซึ่งขนย้ายไปยังไม่หมด การกระทําของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 เป็นการร่วมกันกับจําเลย ที่ 1 เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป และเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จําเลยที่ 1 ในการกระทําความผิด รวมเงินสดและทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นจํานวน 1,454 รายการ รวมราคาเป็นเงินประมาณ 299,505,992.42 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 91, 147, 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

    ศาลพิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์ชี้ช่องมีน้ําหนักมั่นคงให้ฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุ ตามฟ้องจําเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสวัด ป. เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา และเป็น เจ้าพนักงานของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จําเลยที่ 2 เป็นประธานสงฆ์ สั่งการให้จําเลยที่ 1 เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของ วัด ป. และบัญชีเงินฝากธนาคารของจําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบัญชีสําหรับฝากเงินที่วัดได้รับบริจาค นํามา เก็บรวบรวมไว้ โดยมิได้จัดทําบัญชีแจกแจงตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ แล้วนําเงินดังกล่าวไปส่งมอบให้ จําเลยที่ 3 นําเข้าฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารชื่อจําเลยที่ 3 และบัญชีเงินฝากธนาคารบุคคลอื่นที่มีการขอให้ เปิดบัญชีให้ไว้โดยให้จําเลยที่ 3 มีอํานาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว โดยไม่ปรากฏว่าวัด ป. มีสิทธิเรียกร้อง ในเงินในบัญชีเงินฝากดังกล่าว รวม 76 ครั้ง และบางส่วนนําเก็บเป็นเงินสดไว้ในที่พักอาศัยจําเลย ที่ 3 แม้จําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยกข้อต่อสู้ว่าเป็นเงินส่วนตัวของจําเลยที่ 2 แต่ข้ออ้างดังกล่าวปราศจากพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ทั้งที่อยู่ในหน้าที่รู้เห็นของจําเลยที่ 1 และที่ 2 แต่จําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มิอาจ แจกแจงแสดงรายการบัญชีของเงินดังกล่าวได้ หากแม้มีเงินที่จําเลยที่ 2 ได้รับบริจาคส่วนตัว เงินดังกล่าว ก็ย่อมปะปนระคนกันกับเงินอันเป็นทรัพย์สินของวัดมิอาจแยกแยะได้ การกระทําของจําเลยที่ 1 จึงเป็น การจัดการทรัพย์สินของวัดโดยมิชอบ และมีลักษณะเป็นการเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย โดยมีจําเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทํา ความผิด ส่วนเงินสดและทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานตํารวจพบและยึดไว้เป็นของกลางภายในวัด พยานหลักฐาน ที่โจทก์ชี้ช่องมีน้ําหนักมั่นคงฟังยุติได้ว่า วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 อันเป็นวันก่อนที่จําเลยที่ 1 ลาสิกขา จําเลยที่ 4 และที่ 8 ร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินของกลางดังกล่าวที่เก็บอยู่ในวัด ป. ถือว่าอยู่ในความครอบครอง ของจําเลยที่ 1 เจ้าอาวาส ซึ่งจําเลยที่ 1 มิได้จัดทํารายการบัญชีแจกแจงทรัพย์สินไว้เช่นกัน นําออกไปซุกซ่อน ไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัด ตามที่จําเลยที่ 1 และที่ 2 สั่งการ แล้วจําเลยที่ 4 และที่ 8 ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินดังกล่าวเปลี่ยนที่ซุกซ่อนเร้นครอบครองแทนจําเลยที่ 1 และที่ 2 หลายครั้งเพื่อหลบเลี่ยงให้พ้นไป มิให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดหรือเจ้าพนักงานตํารวจตรวจค้นพบ ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 จําเลยที่ 2 สนทนาทางโทรศัพท์ใช้ให้จําเลยที่ 9 แจ้งแก่จําเลยที่ 4 และที่ 8 ขนย้ายทรัพย์ดังกล่าวออกไปนอกวัด

    จําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 จึงร่วมกันขนย้ายทรัพย์ใส่รถตู้ให้จําเลยที่ 5 ขับออกจากวัด ไปจอดไว้ ที่บ้านพักอาศัยจําเลยที่ 5 อันเป็นการกระทํามีวัตถุประสงค์ต่อเนื่องกับการขนย้ายทรัพย์ตั้งแต่เริ่มต้นเป็น กรรมเดียว แม้จําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ไม่ทราบถึงพฤติกรรมทางเพศของจําเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ถูกกล่าวอ้างใน รายงานและสํานวนการสอบสวน ประกอบกับด้วยสถานภาพของจําเลยที่ 2 ที่แสดงออกต่อสาธารณะ ซึ่งแม้ วิญญูชนทั่วไปหากแต่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดและอยู่เป็นช่วงระยะเวลาที่เพียงพอให้ได้มีโอกาสรับรู้หรือสังเกตเห็น การกระทําอันเป็นเครื่องชี้เจตนาในใจ ก็ย่อมไม่อาจทราบถึงพฤติการณ์หรือเจตนาในใจที่จําเลยที่ 1 และที่ 2 ปกปิดไม่แสดงออกได้ แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินภายในวัดได้มาจากการบริจาคของประชาชน ไม่มีการจัดทํารายการบัญชีทรัพย์สินแจกแจงให้ปรากฏชัดแจ้งว่าเป็นทรัพย์สินของจําเลยที่ 1 และที่ 2 ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดอันจะพอให้เข้าใจได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวล้วนมิใช่เป็นทรัพย์สินของ วัด ป. อย่างแน่แท้ จึงไม่พอให้ฟังได้ว่าจําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ไม่รู้หรือสําคัญผิดในข้อเท็จจริงดังกล่าว ขณะจําเลยที่ 4 และที่ 8 ร่วมขนย้าย ก็ทราบได้ว่าจําเลยที่ 1 และที่ 2 สั่งการให้เคลื่อนย้ายทรัพย์สิน

    จากที่เก็บเดิมอันมีลักษณะเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์ ทั้งต่อมาจําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ต่างก็ทราบว่า จําเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกเจ้าพนักงานตํารวจดําเนินคดี มีการแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้า อาวาส มีคําสั่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด แต่จําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ก็เลือกกระทําการช่วยเหลือจําเลยที่ 1 และที่ 2 ซุกซ่อนยักย้ายทรัพย์ดังกล่าว แม้อ้างว่าด้วยเหตุที่เคารพศรัทธาจําเลยที่ 2 ภายหลังบอกที่ซุกซ่อน ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานตํารวจและแจ้งให้จําเลยที่ 5 ขับรถนําทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนโดยไม่ปรากฏทรัพย์ ขาดหายไปก็ตาม พยานหลักฐานที่จําเลยยกขึ้นอ้างก็ไม่มีน้ําหนักหักล้างแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาเป็นอย่างอื่น การกระทําของจําเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 8 จึงเป็นการร่วมกันเบียดบังทรัพย์ของวัด ป. โดยทุจริต คดีฟังยุติ ได้ว่าจําเลยที่ 1 จัดการทรัพย์สินของวัดโดยมิชอบ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย ทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของ ผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยมีจําเลยที่ 2 เป็นผู้ใช้ ให้กระทําความผิดและเป็นผู้ร่วมกระทําความผิด จําเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทําความผิด จําเลยที่ 4
    และที่ 8 ร่วมกันกระทําความผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทํา แต่เมื่อจําเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 8 ไม่ได้เป็น เจ้าพนักงาน ขาดคุณสมบัติเฉพาะตัวตามที่กฎหมายกําหนดไว้โดยเฉพาะ จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือ หน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่วนจําเลยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 9 เข้าร่วมกระทําการดังกล่าวภายหลังจากจําเลยที่ 1 ลาสิกขา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 สิ้นสถานะเจ้าพนักงานแล้ว จึงมีความผิดฐานร่วมกัน ยักยอกทรัพย์ ซึ่งศาลมีอํานาจวินิจฉัยว่าจําเลยกระทําความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ส่วนการกระทําของจําเลยที่ 2 ในฐานะผู้ใช้นั้นย่อมเกลื่อนกลืนกับการกระทํา ของตนที่ได้เป็นตัวการร่วมกันกระทําความผิดข้างต้นแล้ว และเมื่อการกระทําของจําเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 8 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะของบททั่วไปตามมาตรา 157 แล้ว ย่อมไม่จําต้องปรับบทความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
    พิพากษาว่า จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 83 จําเลยที่ 2 จําเลยที่ 3 จําเลยที่ 4 และจําเลยที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 147 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จําเลยที่ 5 จําเลยที่ 6 จําเลยที่ 7 และ จําเลยที่ 9 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83

    การกระทําของจําเลยที่ 1 จําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือ ใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือ ใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นการกระทําอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ จําเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือ เป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ลงโทษจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือ เป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุกจําเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวม 78 กระทง คงจําคุก 468 ปี จําคุกจําเลยที่ 2 กระทงละ 4 ปี รวม 78 กระทง คงจําคุก 312 ปี จําคุกจําเลยที่ 3 กระทงละ 4 ปี รวม 77 กระทง คงจําคุก 308 ปี จําคุกจําเลยที่ 4 และจําเลยที่ 8 คนละ 3 ปี 4 เดือน จําคุกจําเลยที่ 5 จําเลย ที่ 6 จําเลยที่ 7 และจําเลยที่ 9 คนละ 3 ปี การเสนอแนวทางชี้ช่องพยานหลักฐานและนําสืบของจําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละหนึ่งในสาม คงจําคุกจําเลยที่ 4 และจําเลยที่ 8 คนละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน คงจําคุกจําเลยที่ 5 จําเลยที่ 6 จําเลยที่ 7 และจําเลยที่ 9 คนละ 2 ปี สําหรับจําเลยที่ 1 จําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 เมื่อรวมโทษ ทุกกระทงแล้วให้จําคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ข้อหาอื่นสําหรับจําเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ให้ยกฟ้อง

    https://www.facebook.com/share/p/Aez6LHpWPX9QHRjd/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้วิเศษ” อุบัติใหม่ ดันธุรกิจสายมู“อาจารย์น้องไนซ์” ถึง “เอ จักรพรรดิ”

    ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปรากฎการณ์อุบัติใหม่ของบรรดา “ผู้ชี้นำทางจิตวิญญาณ” หรือ “ผู้วิเศษ” เป็นผลมาจากพื้นฐานศรัทธาความเชื่อที่ฝังลึกอยู่ในสังคมไทย สะท้อนความเปราะบางภายในจิตใจ ความไม่แน่นอน ความกังวลในชีวิต ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งต่างหันไปหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจ โดยเฉพาะล่าสุดคือกรณีของ “เอ จักรพรรดิ” หลังเดบิวด์เป็น “ไอดอลสายมู” กับคอนเทนต์สุดปังที่ลงเผยแพร่ในโซเซียลฯ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเคารพนับถือ

    จุดเริ่มต้นของกระแส “เอ จักรพรรดิ” เกิดขึ้นหลังโซเชียลมีเดียแชร์คลิปชายผู้หนึ่งเดินลงจากรถหรู โดยมีคนกางร่มให้พร้อมกับปูพรมต้อนรับ บรรยากาศโดยรอบมีผู้คนมารอรับ และพนมมือไหว้ด้วยความเคารพนับถือ ซึ่งก็คือ “เอ จักรพรรดิ” หรือ “นายธนกฤต โรจนตรีภูมิ” นักพยากรณ์สายมู ทำนายดวง ลงนะหน้าทอง ประกอบพิธีกรรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้สร้างมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสภายใต้ชื่อ “บ้านนีออน” และจัดตั้ง “จักรพรรดิเทวาลัย”

    “เอ จักรพรรดิ” มีภูมิหลังเป็น “พ่อค้าออนไลน์” ที่รู้จักในชื่อ “เอ นีออน” เจ้าของธุรกิจขายสบู่ผิวขาว โมเดลธุรกิจ Dropship หรือเป็นตัวแทนที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ทำรายได้ต่อปีไม่ต่ำ 100 ล้านติดกันนานถึง 5 ปี แต่เจอวิกฤตทางเศรษฐกิจและโรคระบาดทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก

    ชีวิต “เอ จักรพรรดิ” เริ่มพลิกจากคำแนะนำของ “ซินแส” ทำให้ผันตัวเข้ามาสู่วงการ “มูเตลู” เริ่มเปิดแผงของขลัง ของมงคลต่างๆ ให้ผู้คนได้เช่าบูชา สร้างเทวาลัยพญานาค พระพิฆเนศ เพื่อให้คนที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้ขอพร ปัจจุบันเป็นเจ้าของ “บริษัท จักรพรรดิมั่งคั่ง จำกัด” ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องรางของขลัง

    และด้วยภาพลักษณ์ “ไอดอลสายมู” กับคอนเทนต์สุดปังที่ลงเผยแพร่ในโซเซียลฯ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเคารพนับถือจนคลิปภาพดังกล่าว โดยลูกศิษย์เชื่อว่าแรงศรัทธา “อาจารย์เอ” จะส่งผลให้มีชีวิตดีๆ เฮงๆ ปังๆ

    แน่นอนว่า เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทันที หลังภาพการปรากฎตัวของ “เอ จักรพรรดิ” ขณะลงจากรถหรู มีคนกางร่มให้พร้อมกับปูพรมต้อนรับ รวมทั้งมีผู้คนมารอและพนมมือไหว้ด้วยความเคารพนับถือ เผยแพร่ในโซเซียลฯ เชิงตั้งคำถามว่า เขาเป็นใคร? และ ทำไมผู้คนให้ความเคารพถึงเพียงนั้น?

    “แพรรี่” หรือ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเตือนสติว่า “อย่าตั้งตนเป็นผู้วิเศษ อย่าหากินกับความเชื่อของคน...ไม่สนับสนุนให้ใครตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิ เพราะเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ ไม่ต้องให้ใครมากราบหรือมาไหว้เรา เพราะสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการขายเครื่องรางของขลังอยู่ดี และก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นแค่แม่ค้าขายครีม หากเจตนาบริสุทธิ์จริง ขอให้ทำตัวเป็นคนปกติ...”

    สำหรับกรณีการอุบัติใหม่ของ “ผู้ชี้นำทางจิตวิญญาณ” มีคนแห่กราบไหว้ให้ความเคารพอย่างสุดใจ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นประเด็นร้อนในสังคมก่อนหน้านี้ คือ กรณี “อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต หรือ “น้องไนซ์ เทวานิรมิตจุติ” ผู้อ้างตนเป็น “ร่างทรงองค์พชรภัทรนาคานาคราช” ที่เป็น “ร่างองค์ใหม่ของพระพุทธเจ้า” โดยมีผู้ใหญ่จำนวนมากก้มกราบเด็กวัยแค่ 8 ขวบ และอีกไม่น้อยยอมเสียเงินเสียทองที่จะเข้าร่วม “คอร์สเชื่อมจิต” กับ “อาจารย์น้องไนซ์”

    อย่างไรก็ดี การหันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนความเชื่อเรื่องโชคลาง แม้กระทั่งผู้ชี้นำทางจิตวิญญาณ ล้วนเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดอย่างหนึ่งของมนุษย์ ดร. บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่าเมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะด้านใด ๆ ก็ตาม โดยธรรมชาติของมนุษย์ก็จะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอด

    อ้างอิงงานวิจัยการตลาด “Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น” ระบุว่าหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความกังวลและรับรู้ถึงความไม่แน่นอน ซึ่งจากความกังวลและความไม่แน่นอนดังกล่าว ทำให้คนไทยต้องหาวิธีจัดการกับความรู้สึกซึ่งพบว่าคนไทยหันหน้าพึ่งความเชื่อโชคลาง (Superstitious) ซึ่ง 5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุดคือ 1.พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี 2.พระเครื่องวัตถุมงคล 3.สีมงคล 4.ตัวเลขมงคล และ 5.เรื่องเหนือธรรมชาติ

    นอกจากนี้ ข้อมูลจากศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เป็นสายมู หรือเปล่า!” สุ่มจากกลุ่มตัวอย่าง 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่าสิ่งที่ขอพรจากการกราบไหว้หรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร้อยละ 46.56 ระบุว่า ขอพรด้านการเงิน โชคลาภ

    นายอภินันท์ ธรรมเสนา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) อธิบายในมุมมานุษยวิทยาว่า มนุษย์จะดีลอยู่ 3 เรื่องเท่านั้น คือระหว่าง คนกับคน คนกับสังคม และคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจากความกลัว หรือความไม่เข้าใจ การตกลงกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ทั้งเรื่องฝนฟ้าอากาศ หรือความไม่แน่นอนของชีวิต ล้วนเป็นเรื่องที่มีอยู่เดิมทุกสังคม

    แต่น่าสังเกตว่าในปัจจุบันปรากฎการณ์ดีลกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เกิดขึ้นเพราะสังคมมีความไม่แน่นอนสูง เพราะคนรู้สึกไม่มีความมั่นคงจนต้องหาที่พึ่งพา หรือในแง่หนึ่งเพราะสังคมที่เปราะบางมาก จนไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร คนก็ต้องเชื่อเรื่องพวกนี้ไว้ก่อน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความอ่อนไหวสูงมาก เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่สามารถเป็นที่พึ่งได้ แม้แต่เรื่องทางใจที่ไม่สามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้ แต่ถ้าทำให้สบายใจเราก็จะทำไว้ก่อน

    ยกตัวอย่าง การปฏิบัติธรรม จากสมัยก่อนที่เป็นการทำเพื่อหลุดพ้น แต่ความหมายในการปฏิบัติธรรมในยุคใหม่ มักทำเพื่อสะสมอะไรบางอย่าง หวังชีวิตจะดีขึ้น จะรวยขึ้น เป็นการสะสมบุญ เป็นต้น

    ที่น่าสังเกต คือ คนส่วนใหญ่ที่เชื่อเรื่องเหล่านี้ มักเป็นคนที่ฐานะดีอยู่ชนชั้นกลางระดับบน มีรูปแบบจะยึดถือการปฏิบัติมากว่าพิธีกรรมแบบชาวบ้าน อย่างเป่าน้ำมนตร์ เสกคาถา ดูเหมือนว่าจะไม่งมงาย แต่วิธีปฏิบัติก็เพื่อการสะสมบุญเพื่ออยากมีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกว่า “ชนชั้นกลางกำลังเจอกับปัญหา ความไม่แน่นอนของชีวิตที่สูงขึ้น” และด้วยคนกลุ่มนี้เข้าถึงสื่อได้มาก จึงเป็นเงื่อนไขให้ความเฟื่องฟูของระบบผู้ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้เพิ่มมากขึ้น

    “เรื่องนี้มันไม่ใช่ของใหม่ พระอาจารย์ดังๆ ในเมืองไทยก็รายล้อมไปด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ที่เข้าไปเป็นลูกศิษย์ และวัดนั้นก็จะไปรับการบูรณะอย่างดี หรือพระรูปนั้นอาจจะได้เลื่อนชั้นยศ เพราะว่ามีผู้ใหญ่ไปกราบไหว้บูชา” นายอภินันท์ ธรรมเสนา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) กล่าว
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของศรัทธาความเชื่อเป็นแรงขับเคลื่อน “ธุรกิจสายมู” ซึ่งสร้างเม็ดเงินมหาศาลโดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนยู่ท่ามกลางสภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและสังคม

    ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่าธุรกิจความเชื่อ สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย และธุรกิจ Soft Power ไทย จะเป็นธุรกิจที่มาแรงในปี 2567 โดยเฉพะธุรกิจสายมูที่คาดว่ามีเงินสะพัดในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 10,000-15,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นร้อยละ 10-20 เพราะคนไทยยังมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
    https://www.facebook.com/share/p/eAknxfJ5ZEi8vZu3/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 26, 2024 ขาขึ้นชัด! ตะลึงราคาน้ำมันขายปลีกพุ่งเกือบ 10% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ผงะ 2 ลิตร 100 บาทกลับมาหลอน วันนี้ 26 มี.ค.ขึ้นราคาขายปลีกครั้งที่ 3 ติดต่อกันในรอบ 8 วัน ดันราคาแก๊สโซฮอล์ 95 แพงสุดในรอบ 5 เดือนกว่า
    .
    การประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์อีกลิตรละ 50 สตางค์มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ในเช้าวันนี้ 26 มีนาคม 2567 นั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกของปั้มน้ำมันเชลล์ประเภทเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เมื่อนับรวมกับภาษีบำรุงท้องที่ ทำให้มีราคาขายเกินกว่าลิตรละ 50 บาท หรือ 2 ลิตร 100 บาท เป็นครั้งแรกในรอบเฉียด 5 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 เช่น ปั้มน้ำมันเชลล์ราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ มีราคาขายเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 แตะลิตรละ 50.15 บาท
    .
    ในวันนี้ 26 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นมา ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์อีกลิตรละ 0.50 บาท ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยโดยเฉพาะกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เช่น เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 47.04 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 39.15 บาท ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 5 เดือน 3 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับขึ้นน้ำมัน 3 ครั้งติดต่อกันรวม +2.84% หรือขึ้นทั้งหมด 1.30 บาทต่อลิตรภายในรอบ 8 วัน หรือนับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา และยังเป็นการปรับขึ้นน้ำมันขายปลีก 3 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
    .
    สถานการณ์ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในไทยโดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์มีราคาผันผวนขาขึ้น นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 26 มีนาคม 2567 ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยประกาศปรับราคาขายปลีกรวม 17 ครั้ง ประกอบด้วยการขึ้นราคา 13 ครั้ง และการลดราคา 4 ครั้ง สำหรับการปรับขึ้นราคาขาย 13 ครั้ง ส่งผลรวมราคาขายปลีกปรับขึ้น 5.30 บาท/ลิตร ส่วนการลดราคาขายเกิดขึ้น 4 ครั้งรวมลดลง -1.40 บาทต่อลิตร ส่งผลราคาน้ำมันขายปลีกเฉพาะกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้นสุทธิ 3.90 บาท/ลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกปรับขึ้น +9.14% ภายในเกือบ 3 เดือนแรกของปีนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3vq8XLU
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ราคาน้ำมัน #ขึ้นราคา #น้ำมัน #เบนซิน #แก๊สโซฮอล์ #ค่าครองชีพ #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/fN1nqZHXg4KdKpoU/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 26, 2024 เริ่มชักแพง! ราคาน้ำมันดิบโลกพลิกพุ่งขึ้นปิดใกล้ 87 ดอลลาร์ หยุดสถิติราคาปิดลงวันที่ 3 ต่อเนื่อง รวมเฉียด 3% น้ำมันขายปลีกเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ในไทยขึ้น 0.50 บาท/ลิตร เติมแพงสุดใน 5 เดือนครึ่ง
    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 81.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.64% ส่งผลหยุดราคาปิดลง 3 วันติดกันรวม -2.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.99%
    ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.55% ส่งผลหยุดราคาปิดลง 3 วันติดกันรวม -1.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.34% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาด เป็นราคารายสัปดาห์ที่ลดลง -1%
    สาเหตุจากรัฐบาลรัสเซียประกาศคำสั่งให้บริษัทผลิตน้ำมันทุกแห่งลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะผลิตน้ำมันที่วันละ 9 ล้านบาร์เรลในไตรมาสที่ 2 ที่กำลังจะมาถึงนีี ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันในรัสเซียต้องสูญเสียกำลังการผลิตลงถึงครึ่งหนึ่งของปกติหลังจากใน 2-3 วันผ่านมา ยูเครนใช้โดรนติดระเบิดยิงโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปหลายแห่งในรัสเซีย ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปหดหายถึง 7%
    อิรักซึ่งผลิตน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มโอเปกพลัส ประกาศลดการส่งออกน้ำมันดิบลงมาเหลือส่งออกวันละ 3.3 ล้านบาร์เรลมีผลในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพื่อชดเชยกับโควต้าการผลิตน้ำมันดิบที่อิรักผลิตเกินออกมาตามมติลดกำลังผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ขณะเดียวกัน ซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่าตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ด้านกลุ่มโอเปกพลัสมีมติขยายมาตรการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของกลุ่มโอเปกพลัสออกไปถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยมาตรการดังกล่าวมีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปีนี้ หลังจากเห็นตรงกันและมีมติร่วมกันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา ทำให้กลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตลงมากถึงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในวันนี้ 26 มีนาคม 2567 โดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาขายลิตรละ 39.15 บาท ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 5 เดือน 3 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับขึ้นน้ำมัน 3 ครั้งติดต่อกันรวม +2.84% หรือขึ้นทั้งหมด 1.30 บาทต่อลิตรภายในรอบ 8 วัน หรือนับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา และยังเป็นการปรับขึ้นน้ำมันขายปลีก 3 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4auoLMw
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #น้ำมันดิบ #ราคาน้ำมันดิบ #ราคาน้ำมัน #ราคาน้ำมันวันนี้ #เศรษฐกิจ #โอเปกพลัส #ดอลลาร์สหรัฐ #ดอลลาร์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/Q5ch5hUyAHAiHxko/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวขนาด 7.2 แมกนิจูดซึ่งเขย่าเกาะไต้หวันรุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (3 เม.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคน และยังกระตุ้นให้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิครอบคลุมบริเวณภาคใต้ของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ซึ่งต่อมาได้ถูกยกเลิก
    .
    รัฐบาลไต้หวันอัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดไม่ต่ำกว่า 4 คนในเขตเทือกเขาของเทศมณฑลฮวาเหลียน (Hualien) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้บาดเจ็บแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คน
    .
    ความแรงของแผ่นดินไหวยังส่งผลให้อาคารบ้านเรือนพังถล่มอย่างน้อย 26 หลัง ซึ่งกว่าครึ่งอยู่ในเทศมณฑลฮวาเหลียน และมีผู้คนติดอยู่ในซากอาคารราวๆ 20 คน ซึ่งขณะนี้ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินอยู่
    .
    สถานีโทรทัศน์ไต้หวันได้เผยแพร่ภาพอาคารที่เอียงกะเท่เร่อย่างอันตราย หลังเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นเมื่อราวๆ 8.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเช้าตรู่ที่ผู้คนต่างออกไปทำงานและไปเรียนหนังสือ
    .
    สำนักงานบริหารสภาพอากาศกลางแห่งไต้หวัน (Taiwan’s Central Weather Administration) ระบุว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินราว 15.5 กิโลเมตร
    .
    ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานมีคลื่นสึนามิขนาดเล็กซัดเข้าสู่ชายฝั่งจังหวัดโอกินาวา และต่อมาได้ลดระดับคำเตือนสึนามิลงเหลือเพียงคำแนะนำ (advisory) โดยทางสำนักงานวัดค่าความแรงของแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ถึง 7.7 แมกนิจูด
    .
    สำนักงานแผ่นดินไหววิทยาแห่งฟิลิปปินส์ก็ได้ออกประกาศเตือนผู้ที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเลหลายจังหวัดให้อพยพขึ้นที่สูง ขณะที่ไต้หวันเองแม้มีการเตือนสึนามิเช่นกัน ทว่าล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ จากคลื่นยักษ์
    .
    ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกที่รัฐฮาวายแถลงล่าสุดว่า ความเสี่ยงในการเกิดสึนามิระดับทำลายล้างนั้นได้ “ผ่านไปแล้ว”
    .
    สำนักงานบริหารสภาพอากาศกลางแห่งไต้หวันระบุว่ามีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นตามมาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ครั้ง ขณะที่แหล่งข่าวของรอยเตอร์ระบุว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงไทเปยังคงสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเป็นระยะ
    .
    ด้านสื่อทางการจีนรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรู้สึกได้ที่มณฑลฝูเจี้ยน และมีแหล่งข่าวรอยเตอร์ให้ข้อมูลว่าแรงสั่นสะเทือนรับรู้ไปไกลถึง “นครเซี่ยงไฮ้”
    .
    ฝ่ายบริหารกรุงไทเประบุว่ายังไม่ได้รับรายงานความเสียหายรุนแรงภายในเมืองหลวง และรถไฟใต้ดิน MRT สามารถกลับมาให้บริการตามปกติในเวลาไม่นานนัก ขณะที่ผู้ให้บริการรถไฟความเร็วสูงในไต้หวันก็ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บในระบบรถไฟ แต่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบซึ่งอาจทำให้รถไฟล่าช้าไปบ้าง
    .
    บริษัทไฟฟ้า Taipower ระบุว่า แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้ทำให้บ้านเรือนราว 87,000 หลังในไต้หวันเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ
    .
    บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกได้มีคำสั่งอพยพพนักงานออกจากโรงงานบางแห่ง และยืนยันว่าระบบความปลอดภัยต่างๆ ยังทำงานตามปกติ
    .
    สำนักข่าวกลางไต้หวันรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดถัดจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.6 เมื่อปี 1999 ซึ่งคร่าชีวิตพลเมืองไต้หวันไปราว 2,400 คน และทำให้มีอาคารพังถล่มไปถึง 50,000 หลัง
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    FB_IMG_1712222907940.jpg FB_IMG_1712222910118.jpg FB_IMG_1712222913591.jpg

    https://www.facebook.com/share/uDqFF6qCLuouhiP3/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.0 แมกนิจูดนอกชายฝั่งจังหวัดฟุกุชิมะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (4 เม.ย.) เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และไม่มีการประกาศเตือนสึนามิ
    .
    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานว่า แผ่นดินไหวระลอกนี้มีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปราว 40 กิโลเมตร และสามารถรับรู้ได้ถึงกรุงโตเกียว ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.16 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยวัดความแรงได้ที่ระดับ 4 ตามมาตราชินโดะในจังหวัดอิวาเตะ มิยางิ และฟุกุชิมะ
    .
    สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) วัดค่าความแรงของแผ่นดินไหวได้ที่ 6.1 และเกิดที่ความลึก 40.1 กิโลเมตร
    .
    บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ โค (TEPCO) ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ยืนยัน “ไม่พบความผิดปกติ” ทั้งที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ รวมถึงโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในภูมิภาค
    .
    แรงสั่นสะเทือนที่ญี่ปุ่นครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน ตามหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 ในไต้หวันซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 1,000 คน
    .
    หมู่เกาะญี่ปุ่นซึ่งมีประชากรราว 125 ล้านคนเผชิญแผ่นดินไหวปีละประมาณ 1,500 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินไหวระดับที่ไม่รุนแรง
    .
    ที่มา: เอเอฟพี
    FB_IMG_1712223016467.jpg
    https://www.facebook.com/share/p/S7bWKRB1tkZPpLYD/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตาค้าง! ตาแข็ง! ราคากาแฟตลาดโลกฟาดสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์แล้ว!!
    อูย โพสต์เป็นระยะๆ นะครับท่าน เรื่อง "โกโก้" ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
    เหลือบส่องกาแฟ ก็ใช่ย่อย
    ☕ฟิวเจอร์ส เมล็ดกาแฟโรบัสต้า ตลาด ICE (Intercontinental Exchange) ณ ลอนดอน ทะลุหลัก 3,800 ดอลลาร์/เมตริกตัน สูงสุดในรอบ 16 ปี --- ก็ตั้งแต่เริ่มเข้าตลาดเทรดเมื่อปี 2008 น่ะแหละ!

    ☕ฟิวเจอร์ส เมล็ดกาแฟอาราบิก้า ตลาด ICE ณ นิวยอร์ก ทะลุหลัก 2 ดอลลาร์/ปอนด์ สูงสุดในรอบปี

    โกโก้แพง => ช็อกโกแลตแพง
    เมล็ดกาแฟแพง => น้ำกาแฟก็ย่อมแพง

    ด้านวาณิชธนกิจ "ซิตี้แบงก์" พยากรณ์ จะบึ้มสะบึมไม่หยุดยั้ง โขยกในระดับสูง ช่วง 2.1-2.2 ดอลลาร์/ปอนด์ อีกสักพัก
    และตลอดทั้งปี 2024 ก็จะขึ้นๆ ลงๆ เกาะแกะแถวๆ 2 ดอลลาร์/ปอนด์เนี่ยแหละ

    เหตุจากเวียดนามเจอคลื่นความร้อน ผลผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้าตกต่ำ ซ้ำบราซิลและอินโดนีเซียแล้งจัด เก็บเกี่ยวล่าช้า ขยำให้ราคาโรบัสต้าเด้งดึ๋งดั๋ง
    นั่นก็ย่อมเป็นอานิสงส์ให้ตัวแพงอย่างอาราบิก้ายิ่งอวบอิ่มตู้มต้ามไปด้วย

    เอาไงล่ะทีนี้
    สงสัย กลางวัน ถ้าง่วง ก็ต้องหาอะไรมาปลุกให้ลุกปึ๋งปั๋ง โดยไม่ต้องพึ่งโด๊ปกาแฟล่ะจ้า

    https://www.facebook.com/share/foc6Zqrsg9k8Azd8/?mibextid=oFDknk

    FB_IMG_1712273444150.jpg

    FB_IMG_1712273450035.jpg

    โรบัสต้า benchmark ตลาดโลก (ดอลลาร์/ตัน)

    FB_IMG_1712273456111.jpg

    อาราบิก้า benchmark ตลาดโลก (เซนต์/ปอนด์)
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศึก “ไอศกรีมโคน” ในไทยจะเดือด เมื่อมีผู้ท้าชิงจากจีนมาเขย่าสังเวียน!
    ความรู้สึกผม แมคฯ คือเบอร์ 1 ในใจ (ย้ำว่าความรู้สึก อาจเพราะเป็น “รักแรกพบ”เรารู้จักกันตั้งแต่ 7 บ.! --- เห็นเหมือนหรือต่างไง ลองอ่านข้างท้ายก่อนครับ)
    1. จริงๆ เจ้าตลาด คือ “แดรี่ควีน”
    มูลค่าตลาดของไอศกรีมทุกอย่างในประเทศ คือ 2.5 หมื่นล้าน บ.
    แบ่งเป็นไอศกรีมแพ็คซอง/ถ้วย/ห่อ (ขายตามร้านสะดวกซื้อ หรือ ตามรถเข็น) 1.5 หมื่นล้าน บ.
    และ ไอศกรีมสด (ตามห้าง) 1 หมื่นล้าน บ.
    แยกย่อยอีก เป็นแบบกินจริงจัง (นั่งในร้าน อย่าง สเวนเซ่นส์) 5,000 ล้าน บ. และแบบ “ซอฟต์เสิร์ฟ” (แบบเคาน์เตอร์) 5,000 ล้านบาท
    *โดยประมาณ

    ไอศกรีมโคน ที่เรากำลังพูดถึง ก็อยู่ในหมวด “ซอฟต์เสิร์ฟ” นี่แหละ!
    “แดรี่ควีน” กวาดส่วนแบ่งตลาดไปซะ 70-80%

    2. อ้าวเหรอ ตอนที่ผมรู้เรื่องนี้ครั้งแรก (เมื่อ 6 ปีก่อน) ก็ตกใจ
    เพราะคิดมาตลอดว่าโลกนี้มีแต่ของแมคฯ กับของเคนตั๊กกี้ (เคเอฟซี) ที่คนเขากินกัน!?
    แต่นี่ส่วนแบ่งตลาดดันน้อยมากๆ

    มันเริ่มต้นที่ 7 บ.
    เจ้าแรก (ของผม) คือ แมคฯ
    *เช็กดูแล้ว แดรี่ควีนเข้าไทยตั้ง 28 ปีมาแล้วนะครับ ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าก่อนหรือหลัง ที่แมคฯ จะนำเสนอเมนูสุดอัศจรรย์นี้
    (คิดว่าแดรี่ควีนน่าจะมาก่อนนิดๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่ได้ไปกิน … และจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยจะได้กิน)

    รสชาติของแมคฯ แสนพิเศษ หวานหอม รัญจวนใจ (และราคาก็แช่อยู่ที่ 7 บ. นานมากๆ)
    คล้อยหลังอยู่ระยะหนึ่ง เคนตั๊กกี้ก็ตามมา ปักราคาที่ 9 บ.
    อันที่จริง ของเคนตั๊กกี้ข้นกว่า มันกว่า ถึงอกถึงใจกว่า … แต่ก็ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่ของแมคฯ จางกว่า บางกว่า แต่ยังติดใจแมคฯ อยู่!

    ราคาขยับไปเรื่อย ตามกาลเวลา
    เคนตั๊กกี้จะขี่นิดๆ มาตลอด แต่จนแล้วจนรอด ปัจจุบันนี้ เคนตั๊กกี้ 12 บ. ส่วนแมคฯ พลิกซัดไป 15 บ. แล้วจ้า!!!

    ปกติ ผมจะกินสับไปสับมา จะได้ไม่เบื่อ เป็นพักๆ
    (ถ้ามีเบอร์เกอร์คิงก็จะกิน แต่ติดที่ว่าไม่ค่อยมีเบอร์เกอร์คิงในห้าง)
    แต่หลักๆ คือแมคฯ

    ส่วนแดรี่ควีน เหมือนคุณภาพน่าจะดีกว่ามั้ง เพราะเขาขายไอศกรีมโดยตรง แล้วยอดขายก็เป็นเจ้าอยู่อย่างนั้น
    แต่ผมไม่คุ้นชิน

    3. สมการเปลี่ยน เมื่อมี “มี่เสวี่ย”
    ไม่น่าจะเป็นไปได้!? อะไรคนจะล้นหลามขนาดนั้น เข้าคิวยาวเหยียดเกือบเป็นชั่วโมงเนี่ยนะ … (ตอนนี้คิวเบาลงไปเยอะมากแล้วล่ะครับ แต่ก็หลั่งไหลเข้าร้านไม่ขาด)
    วิชาการตลาดพื้นฐานเลยนะครับ --- อย่าตั้งชื่อให้มันยากซะจนคนจำไม่ได้ เรียกไม่ถูก
    MIXUE อ่านว่า มิกซ์ยู? มิซอูเหว่? หรืออะไรวะ!
    อ่านยังไม่ค่อยจะออกเลยจ้า
    แต่นั่นล่ะ ฉีกตำราทิ้งเลย! ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

    เพราะราคาเหรอ? ส่วนหนึ่งก็ใช่ มันถูกพอสมควร --- แต่ก็เห็นๆ แล้วว่า ของถูกก็ปิ๋วไปนักต่อนักแล้ว

    เพราะยี่ห้อดังจากต่างแดน? นี่ไม่น่าจะใช่นะครับ ไทยเราเห่อแต่แบรนด์ฝรั่ง --- นี่จากจีน มันชักยังไงๆ นะ (แต่ส่วนหนึ่งก็คือหลายปีหลัง คนไทยเริ่มต้อนรับยี่ห้อจีนด้วยสายตาที่ดีขึ้นหน่อยด้วยแหละครับ)

    ทำการตลาดดี? ฟังมาว่าเจาะโซเชียลมีเดียแล้วได้ผล --- นั่นก็ไม่รู้ เพราะผมมารู้จักทีหลัง แบบ “ปากต่อปาก” จากคนเล่าให้ฟัง

    4. มันอร่อย และยิ่งกว่าคุ้ม!!!
    อ่านจากขั้วลิ้นไปถึงก้านสมองว่า “มี่เสวี่ย” MIXUE โว้ย!

    ผมเองก็ไม่ใช่นักชิม แต่ประมาณๆ แบบคนธรรมดาๆ ว่าอร่อยดี --- อร่อยกึ่งๆ ในหว่างกลางของแมคฯ กับเคนตั๊กกี้
    แต่ที่สำคัญคือ กินแล้วอยากกินอีก
    และที่อาจสำคัญกว่า คือ ไอ้ 15 บ. นี่มันคุ้มสุดๆ
    ใหญ่กว่าเยอะ!
    แน่นๆ
    เลียนานกว่าจะหมด โคนก็ยาวแหลมเฟี้ยว

    สำหรับผมแล้ว ก็เอามาเบียด --- เวียนๆ สับกับแมคฯ และเคนตั๊กกี้ได้เลย
    (แต่ใจก็ยังยกให้แมคฯ เป็นเบอร์ 1 นะ)

    … ที่น่าสนใจ คือ จะโค่นไม่โค่นแดรี่ควีนนี่สิ
    มี่เสวี่ยเข้ามาไทยปลายๆ ที่แล้ว เพิ่งๆ จะเริ่มเจาะ
    มาสยายปีกมโหฬารเอาในปีนี้
    จบสิ้นปี 2024 ก็น่ารักน่าลุ้นเหมือนกัน ว่าจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากแดรี่ควีนได้สักเท่าไร

    น่าตื่นเต้นครับ

    https://www.facebook.com/share/p/wEEPMq2cn8JJ3gdb/?mibextid=oFDknk
    ข้อมูลประกอบด้านตัวเลข ผมเอามาจากต่อไปนี้ครับ บางอย่างเอามาอ้างอิงตรงๆ เลย บางอย่างเอามาคิดคำนวณกะคร่าวๆ ต่อจากแหล่งที่มาครับ
    https://positioningmag.com/1461131

    https://www.thebusinessplus.com/icecream/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลาวเก็บ VAT 10% เริ่ม 1 พฤษภาคมนี้
    .
    .
    MGR Online - ลาวเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่ 10% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ กระทรวงการเงินเผยรายได้จาก VAT จะจัดสรรเป็นสวัสดิการพลเมืองด้านสาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม
    .
    เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เพจทางการของกระทรวงการเงิน สปป.ลาว แจ้งว่า กระทรวงการเงินจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมอธิบายเหตุผลว่า แม้ปัจจุบันลาวมีการจัดเก็บภาษีหลากหลายประเภทอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการจ่ายเป็นสวัสดิการของพลเมือง และการบริการสาธารณะอื่นๆ
    .
    โดยรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกจัดสรรเพื่อนำไปใช้ในสวัสดิการด้านสาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม และอื่นๆ และหากเปรียบเทียบการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศมีอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูงกว่าลาว
    .
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว ได้ประกาศรัฐบัญญัติฉบับที่ 003/ปปท. เรื่องการปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม มีรายละเอียดดังนี้
    .
    มาตราที่ 1 รัฐบัญญัติฉบับนี้ กำหนดเกี่ยวกับการปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงบางมาตราของกฎหมายเกี่ยวกับส่วยสาอากร ฉบับที่ 1/สพช. ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ใน มาตราที่ 17 ให้เพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 เพื่อช่วยหนุนรายรับเข้างบประมาณแห่งรัฐ มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ
    .
    มาตราที่ 2 อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้เก็บในอัตราร้อยละ 10 สำหรับ
    - การนำเข้าสินค้า การสนองสินค้า และบริการทั่วไป ที่ถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ใน สปป.ลาว
    - การนำเข้าแร่ธาตุ และการสนองแร่ธาตุอยู่ใน สปป.ลาว
    - การใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายพลังงานไฟฟ้า
    .
    มาตราที่ 3 รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เป็นผู้ปฏิบัติตามรัฐบัญญัติฉบับนี้
    .
    มาตราที่ 4 รัฐบัญญัติฉบับนี้ให้มีผลศักดิ์สิทธิ์นับแต่วันที่ประธานประเทศลงนามเป็นต้นไป
    .
    เดิมรัฐบาลลาวเคยเก็บภาษีมูลค่าในอัตรา 10% มาตั้งแต่ปี 2553 แต่ได้ลดลงมาเหลือ 7% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ซบเซาจากการระบาดของโควิด-19 และเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น แต่ปรากฏว่าเงินรายได้ที่เข้าสู่ระบบงบประมาณของรัฐกลับลดลงอย่างมาก จนทำให้ต้องกลับมาทบทวนอัตราการจัดเก็บใหม่ และปรับเพิ่มมาเก็บในอัตรา 10% อีกครั้ง.

    https://www.facebook.com/share/p/U6eJAZj2ujAW5E9m/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ล่าสุด "ต่างชาติ" ยังคงเทขายพันธบัตรไทยหนัก โดยมีสถิติดังนี้

    1) เทขายพันธบัตรไทยสุทธิ 3.4 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 1
    2) ลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติลดลงจาก 6.0% เหลือ 5.3% หรือคิดเป็นมูลค่า 9 แสนล้านบาท

    ทำไมต่างชาติถึงเทขาย ?

    หลักๆยังน่าจะมาจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังคงดอกเบี้ยสูง ทำให้ต่างชาติโยกเงินออก ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวต่อเนื่อง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆก็ยิ่งทำให้ต่างชาติได้กำไรจากการโยกเงินออก

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเทขายพันธบัตรของต่างชาติ ? ทำไมถึงไม่ดี

    แน่นอนว่ายิ่งมีเงินไหลออกยิ่งทำให้ตลาดพันธบัตรไทยผันผวน และหากขาดแรงซื้อไปจะยิ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของภาคธุรกิจสูงขึ้นและภาระหนี้ของภาครัฐเพิ่มขึ้นตามกันไป

    https://www.facebook.com/share/p/WYuByuNqZJx9eeH5/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240405_070728.jpg
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #รับสงกรานต์ น้ำมันดิบตลาดโลกกระฉูด $90 ครั้งแรกรอบ 5เดือน! เหตุยิวผวา หวั่นอิหร่านล้างแค้น สถานทูตทั่วโลกระดมกำลัง ระวังขั้นสุด
    FB_IMG_1712319127282.jpg
    แค้น
    7 ศพ สังเวย ณ สถานทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา
    ในนั้น มีทหารยศสูงของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) แห่งอิหร่าน 2 นาย
    อิสราเอลประกาศกร้าวเป็นผู้ลงมือ
    ถามว่าอิหร่านยอมหรือ?
    ก็ต้องอย่าลืมนะครับ ว่า "กาเซ็ม โซเลมานี" ตายอนาถ ชักธงแดง แต่หนี้แค้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ชำระ ... กี่ปีมาแล้ว
    4 ปีที่ยังไม่สางแค้น
    แต่ครั้งนี้ต่าง (ส่วนครั้งนั้นมิอาจนำมานับเนื่อง เพราะมันใหญ่ไป มิอาจไม่ข่มกลั้นได้ --- "สิบปีล้างแค้นไม่สาย" หรือมิใช่? อดทนเฝ้ารอจังหวะเวลาไว้ เพราะถ้าทำตอนนี้ ต้องแลกเลือดมากเกินไป)
    ส่วนเรื่องบึ้มสถานทูต แบบนี้อิหร่านมักมีตอบโต้อยู่เนืองๆ --- อาจจะไม่ใช่โจมตีสถานทูตกลับโดยตรง แต่มันมี "สงครามฉากหน้า" proxy war อยู่แล้วในอิรักและซีเรีย สามารถส่องได้หลายจุด ยิ่งในช่วงนี้ที่พัวพันกับศึกกาซา ทำให้เอื้อในการโจมตี มิพักเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอนอีก
    ก็คิดไม่ถึงครับ ว่าอิสราเอลจะกล้าลูบคมขนาดนี้ เพราะเหมือน "ขยับ" เยอะมากเหมือนกัน
    อิสราเอลมีสิทธิ์ถล่มค่ายทลายฐานของกองกำลังโน่นนี่นั่นที่อิหร่านหนุนในอิรักในซีเรียในเลบานอนหรือในอะไร แต่มิใช่สถานทูตของอิหร่านตรงๆ โต้งๆ ซึ่งๆ หน้า มันดูกระไรอยู่ คล้ายสะกิดแรงๆ
    หมากที่พลาด?
    ไม่รู้สิครับ ทำอะไร และทำทำไม และที่สำคัญคือ ทำไปได้อย่างไร
    สถานการณ์นี้ไม่ได้มีอะไรจำเป็นขนาดนั้นเลย
    ต่อให้อิหร่านไม่อยากออกหน้ามาก แต่โดนกระตุกแบบนี้ จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ --- ก็ต้องมีอะไรออกมาบ้าง ไม่งั้นให้ใครมาแหย่เล่นงี้ได้เหรอ
    ชาวอิสราเอลทั่วทุกมุมโลกก็แหยงๆ ล่ะครับตอนนี้
    อิหร่านจะทำอะไร?
    https://www.bloomberg.com/news/arti...s-scrambled-over-fears-of-iran-revenge-attack
    https://www.reuters.com/world/middl...-leave-all-combat-units-statement-2024-04-04/
    https://www.theguardian.com/world/2...h-alert-after-iran-missile-retaliation-threat
    https://www.reuters.com/world/middl...ate-against-israel-all-carry-risk-2024-04-03/

    https://www.facebook.com/share/4AUJPnweBpgo7x3F/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงานฟาด 57 บริษัท
    ตัวการโลกร้อน
    ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯรวม 80%
    .
    งานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาระบุว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนส่วนใหญ่ นับตั้งแต่ปี 2559 จนถึงการบันทึกถึงปี 2565 มีสาเหตุมาจากกลุ่มผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลและซีเมนต์ 57 ราย
    .
    ตามรายงานของ Carbon Majors โดย InfluenceMap ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ระบุว่าบริษัทเหล่านี้ทั้งของรัฐ และเอกชน เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯในโลกถึง 80%
    .
    ในรายงานได้เปิดเผยถึงบริษัทที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 3 อันดับแรกของโลกในช่วงปีดังกล่าว ได้แก่
    .
    1.Saudi Aramco บริษัทน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย
    2.Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย
    3.Coal India บริษัทผู้ผลิตถ่านหินอินเดียที่รัฐเป็นเจ้าของ
    .
    รอยเตอร์ระบุว่า 3 บริษัทที่ถูกระบุถึงปฏิเสธไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กับสื่อ
    .
    ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในลิสต์ 10 อันดับแรก ได้แก่
    .
    4.National Iranian Oil Co.
    5.Rosneft
    6.CNPC
    7.Abu Dhabi National Oil Co.
    8.ExxonMobil
    9.Iraq National Oil Co.
    10.Shell
    .
    InfluenceMap กล่าวว่า การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ กลุ่มเล็กๆ นี้ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะต้องเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับรัฐบาลและบริษัทต่างๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    รายงานพบว่าบริษัทส่วนใหญ่ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการทำโลกร้อนได้ขยายการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่เกือบทุกประเทศลงนามในข้อตกลงปารีสเรื่องการควบคุมจำกัดไม่ให้อุณหภูมิโลกพุ่งสูงขึ้น ซึ่งตั้งแต่ข้อตกลงปารีสตอนนั้น รัฐบาลและบริษัทหลายแห่งทั่วโลกได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เข้มงวดขึ้น และขยายเรื่องพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว
    .
    แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลในบางประเทศและบริษัทหลายแห่งก็ยังผลิตและใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้นส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ได้ลดลงตามข้อตกลงปารีส แต่กลับเพิ่มขึ้น
    .
    สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) ระบุว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลกได้ทำสถิติสูงสุดไปในปีที่แล้วด้วย
    .
    รายงานฐานข้อมูลว่าธุรกิจบริษัทใดสร้างมลพิษให้โลก เคยถูกนำไปใช้ในการยื่นฟ้องร้องมาแล้ว ซึ่งฐานข้อมูล Carbon Majors ฉบับก่อนหน้าเคยถูกนำมาอ้างถึงในคดีทางกฎหมาย ที่เกษตรกรชาวเบลเยียมฟ้องร้องบริษัท TotalEnergies บริษัทน้ำมันและก๊าซของฝรั่งเศส โดยเกษตรกรรายนี้ใช้ฐานข้อมูลนี้ขึ้นมาโต้แย้งว่าบริษัทแห่งนี้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 20 อันดับแรกของโลก ดังนั้นควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อความเสียหายจากการดำเนินธุรกิจที่ส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น
    .
    Daan Van Acker ผู้จัดการโครงการ InfluenceMap ที่ทำรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า ข้อมูลจากรายงานสามารถใช้ได้ในหลายกรณี ตั้งแต่กระบวนการทางกฎหมายที่ต้องการควบคุมผู้ผลิตเหล่านี้ให้รับผิดชอบต่อความเสียหายต่อสภาพภูมิอากาศ หรือนักวิชาการสามารถนำมาใช้ในการวัดปริมาณการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของบริษัทเหล่านี้ รวมไปถึงนักลงทุนก็นำมาพิจารณาประกอบการลงทุนได้
    .
    ฐานข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมจากข้อมูลที่บริษัทต่างๆ รายงานด้วยตัวเองเกี่ยวกับการผลิตถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ รวมเข้ากับแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา สมาคมเหมืองแร่แห่งชาติ และข้อมูลอุตสาหกรรมอื่นๆ
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY
    https://www.facebook.com/share/p/3booWiozE2fYAZL7/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกชน-ราชการในสหรัฐแห่ปลดพนักงานมีนาคมเดือนเดียวกว่า 90,000 คน สูงสุดใน 1 ปีกว่า จบไตรมาสแรก ตกงานรวมกว่า 257,000 คน เซ่นเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว BTimes

    https://www.facebook.com/share/NGGY1cx97ePZy8iN/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไทยยอมขาดดุลการคลังปี 2025 เพิ่มขึ้น "1.5 แสนล้านบาท" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา

    [Bloomberg รายงาน]

    Thailand plans to raise the fiscal deficit estimate for next fiscal year to stimulate a sluggish economy, according to a senior official, the clearest signal yet that the government is veering toward funding a $14 billion cash handout program through the state budget.

    https://www.bloomberg.com/news/arti...025-budget-deficit-as-it-reworks-handout-plan

    https://www.facebook.com/share/sLfpkFVefzfZXbcM/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1712392810918.jpg

    [ALERT]
    Bond Yield สหรัฐ = 4.4%

    ดีดกลับขึ้นมาสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน หลังตลาดเริ่มเชื่อว่า FED อาจไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ก็เป็นได้…

    https://www.facebook.com/share/p/arCPNf17LWbAZ868/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...